ลิขิตรักเก็บตก (พิริตา) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book
‘หวาย’ หรือ ‘วาสุรีย์’ เจ้าของสวนกล้วยไม้วาสุรีย์ ได้ให้การช่วยเหลือชายหนุ่มต่างชาติที่ถูกทำร้ายปางตายคนหนึ่ง
เขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับอาการความจำเสื่อม ด้วยความเห็นใจเธอจึงตัดสินใจรับภาระดูแลเขาต่อจนกว่าจะรู้ว่าเขาเป็นใคร
และในที่สุดชายชาวต่างชาติหน้ารกที่มีชื่อใหม่หมาดว่า ‘บักสีดา’ ก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสวนกล้วยไม้วาสุรีย์
ท่ามกลางความสงสัยในที่มาที่ไปของเขา ชายหนุ่มกลับเป็นขวัญใจของคนงานด้วยกันได้ไม่ยาก
ระหว่างนั้นสวนกล้วยไม้วาสุรีย์กลับมีภัยถาโถมรอบด้าน ‘บักสีดา’ จึงกลายเป็นเรี่ยวแรงกำลังสำคัญให้กับหญิงสาวและสวนวาสุรีย์โดยไม่รู้ตัว และก็เช่นกัน... ความเป็นมาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมืดดำ อีกทั้งไม่รู้ว่า ‘ภัย’ ที่กำลังเกิดขึ้นกับสวนวาสุรีย์นั้นเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่อย่างไร? เขาเป็นใคร? มาจากไหน?
ปริศนาที่เป็นป้ายติดหน้าผากของเขาจะถูกปลดออกไปได้อย่างไร และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือทั้งคู่จะฝ่าอันตรายจากผู้ไม่หวังดีไปได้หรือไม่? โปรดตามลุ้นเรื่องราวความรักซ่อนเงื่อน ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตื่นเต้น ได้ใน ‘ลิขิตรักเก็บตก’ เร็วๆ นี้!!!




Tags: หวาย แวนด้า กล้วยไม้ สายลับ ฝรั่ง ขี้นก บักสีดา FSB KGB รัสเซีย นครนายก เมมโมรี่การ์ด

ตอน: บทที่ 8 คนสำคัญ



##เปิดจองนิยายรัก 2 เรื่อง 2 รส##
‘ลิขิตรักเก็บตก’
มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 339 บ.
2 เล่มลดเหลือ 670 บ.
‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’
ราคา 369 บ. ลดเหลือ 360 บ.
*พิเศษ!! สั่งซื้อ 3 เล่ม ในราคาเพียง 999 บ. เท่านั้น*
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้
ทางอินบ็อกเฟส : pirita ametrine
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.0626656247 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
วันนี้-20 สิงหาคม นี้ เท่านั้น!!



บทที่ 8 คนสำคัญ


เวลาผ่านไปหลายอาทิตย์ เหตุการณ์ในสวนวาสุรีย์ยังไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปกติ แม้จะเบาใจขึ้น แต่ในตอนกลางคืนก็ยังคงมีการจัดเวรยามคอยเฝ้าอยู่อย่างไม่ประมาท ตัวเจ้าของสวนเองยังมีบังอรมานอนเป็นเพื่อนทุกคืน เช่นกันกับหน้าที่อารักขาวาสุรีย์ที่บ้านก็ยังเป็นของบักสีดาและเจิด

ตอนเช้าของวันหนึ่ง หญิงสาวออกจากบ้านแต่เช้าเช่นเดิม เธอเข้าออฟฟิศครู่ใหญ่ ก่อนจะไปยังโรงเรือนเป็นลำดับต่อมา แต่ทว่ากลับไม่เห็นรถของบริษัทส่งออกกล้วยไม้ที่มารับของตามปกติ

“ลุงสมคะ รถบริษัทยังไม่มาอีกหรือคะ” วาสุรีย์จึงถามลุงสม ที่อยู่ไม่ไกล

“ยังเลยครับคุณหนู ไม่รู้มีปัญหาอะไรหรือเปล่าสิครับ ลุงว่าจะไปบอกคุณหนูที่ออฟฟิศพอดี”

“งั้น... เดี๋ยวหวายโทร.หาเค้าก่อนดีกว่าค่ะ” ว่าแล้ว วาสุรีย์ก็หยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงมากดโทร.ออก

ในขณะคนเป็นเจ้านายกำลังพูดคุยกับปลายสาย ลุงสมก็นึกรู้ถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เพราะเจ้านายสาวมีสีหน้าเคร่งเครียด และพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจหลายครั้ง เพียงไม่นานหญิงสาวก็วางสาย ดวงหน้างามเต็มไปด้วยความโกรธ

“มีปัญหาหรือครับคุณหนู” คนงานเก่าแก่รีบถาม

“รถที่มารับของประสบอุบัติเหตุค่ะลุงสม แต่มันน่าโมโหที่ทางบริษัทไม่รับผิดชอบอะไรเลย” วาสุรีย์บอกเล่าอย่างมีอารมณ์ไม่หาย

รถคันที่ออกมารับกล้วยไม้ที่สวนของเธอ ประสบอุบัติเหตุในเขตกรุงเทพฯ คนขับรถและคนงานอีกคนบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล วันนี้ไม่สามารถมารับกล้วยไม้ได้ เพราะรถคันอื่นติดงานกันหมด และดูท่าจะต้องหยุดไปหลายวันกว่าจะมารับของได้ตามปกติ

แต่ของวันนี้และวันอื่นๆ จึงเป็นหน้าที่ของทางสวนที่จะหาทางปล่อยเอง นั่นเป็นเหตุให้วาสุรีย์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แถมเมื่อเธอต่อว่าไปทางโน้นก็บอกให้เธอไปหาที่ขายใหม่อีกต่างหาก แม้จะรู้ว่าที่ทางโน้นตอบกลับมาแบบนั้นเพราะมีอารมณ์ไม่ต่างกัน แต่หญิงสาวก็ไม่อยากค้าขายร่วมกับบริษัทนี้อีกแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็แย่สิครับ จะเอายังไงดีล่ะครับคุณหนู”

“หวายจะเอาของวันนี้ไปส่งที่ตัวอำเภอให้หมดค่ะลุงสม” วาสุรีย์หันมาทางลุงสม

“แต่เราจะได้ราคาไม่สมกับของนะครับคุณหนู” ลุงสมท้วงขึ้น เพราะอดรู้สึกเสียดายของเกรดดีมีคุณภาพสูงไม่ได้

“ทำยังไงได้ล่ะคะ บริษัทนี้ไม่มีความรับผิดชอบเลย ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของเราสักหน่อย หวายคงต้องเสาะหาบริษัทใหม่แล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวว่าอย่างมีอารมณ์ไม่หายก่อนจะเดินไปทางลานจอดรถ นั่นทำให้คนงานเก่าแก่จำต้องถอนหายใจตามไปด้วย

“คุณๆ เดี๋ยวสิคุณ รอผมด้วย” วาสุรีย์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเมื่อมาถึงลานจอดรถพอดี พลางหันไปมองทางต้นเสียง

“อ้าว... คุณขึ้นไปดูบ่อน้ำมาแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามคนที่ยิ้มเผล่มาแต่ไกล

เนื่องจากหลายวันมานี้เจิดต้องรับหน้าที่ไปส่งของ บักสีดาจึงรับหน้าที่ดูแลเรื่องระบบน้ำไปโดยปริยาย และเธอก็สังเกตเห็นว่าช่วงหลังมานี้เขาเข้าใจภาษาไทยได้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงสื่อสารกับคนอื่นได้มากกว่าเมื่อก่อน แม้จะเป็นแบบแปร่งๆ ออกเสียงเพี้ยนๆ ก็ตาม

“เรียบร้อยแล้วล่ะครับ ว่าแต่ผมได้ยินมาว่ารถบริษัทส่งออกกล้วยไม้มีปัญหาอย่างนั้นเหรอ” คำถามนั้น ทำให้เจ้าของดวงหน้างามถอนหายใจหนักๆ

“ค่ะ ฉันกำลังจะมาเอารถไปบรรทุกกล้วยไม้ไปส่งในตัวอำเภอน่ะ ไม่รู้จะได้เท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ คงไม่มากอย่างที่บริษัทนั่นให้”

“อ้าว อย่างนี้ไม่ขาดทุนเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไงได้ล่ะคะ ได้ราคาถูกหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เลย แล้วก็คงต้องทำอย่างนี้ไปจนกว่าจะหาบริษัทส่งออกรายใหม่ได้” วาสุรีย์ยักไหล่ ทั้งที่หัวใจเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง

“ร้ายแรงถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ใช่ ก็บริษัทนี้ไม่มีความรับผิดชอบเลย” หญิงสาวหน้าบึ้งตึงทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นั่นก็ทำให้คนที่ได้ยินเรื่องราวมาคร่าวๆ เข้าใจได้ในทันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดา “มิน่าถึงมีคนเตือนฉันว่าให้ระวังทายาทรุ่นนี้ให้ดี เพราะไม่เหมือนรุ่นพ่อแม่ของเขาที่ค้าขายกับคุณพ่อของฉัน” เจ้าของดวงหน้างามบ่นอุบ

“ผมว่ามีอะไรค่อยคิดค่อยทำดีกว่านะครับ อย่าพึ่งอารมณ์เสียไปเลย เอาอย่างนี้ดีกว่าผมจะไปกับคุณด้วยเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน” ชายหนุ่มขันอาสา วาสุรีย์พยักหน้า

ก่อนจะตรงไปยังรถกระบะคันหนึ่งที่อยู่ในลานจอดรถของสาวนวาสุรีย์ แล้วจึงขับไปยังหน้าโรงเรือนเพื่อบรรทุกกล้วยไม้ค้างจากที่รถบริษัทส่งออกมารับไม่ได้ ซึ่งส่วนหนึ่งลุงสมกับเจิดขนไปบ้างแล้ว ก่อนคนงานจะช่วยกันขนกล้วยไม้ขึ้นรถ ซึ่งหนึ่งในคนงานนั้นก็คือบักสีดานั่นเอง

จากนั้นวาสุรีย์กับเขาจึงออกจากสวน แต่ออกมาได้ไม่เท่าไหร่เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเจิดที่ออกไปพร้อมกับลุงสม แต่ขับรถคนละคันก่อนหน้านี้ หญิงสาวจึงจอดรถข้างไหล่ทางก่อนจะกดรับ

“คุณหวายครับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ! ” เสียงตื่นตระหนกของเจิดส่งผลให้วาสุรีย์หัวใจหล่นวูบ

“เรื่องอะไรเจิด รีบบอกมาซิ! ” พลางถามด้วยเสียงระรัวเร็ว

“เกิดอุบัติเหตุกับรถของเราครับ รถคันที่พ่อขับมาชนเข้ากับราวกั้นถนนครับ” ข่าวที่ได้ยินนั้นทำให้หญิงสาวอึ้งไปชั่วครู่

“แล้วลุงสมเป็นไงบ้าง” และรีบถามขึ้นเมื่อตั้งสติได้

“พ่อถูกนำตัวส่งโรง’บาลแล้วครับ”

“ฉันกำลังออกมาพอดี เดี๋ยวคงจะถึง” วาสุรีย์บอกลูกน้องจอมทะเล้น ที่มาตอนนี้คงทะเล้นไม่ออกเสียแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นครับ คุณหวาย” คนนั่งเบาะด้านข้างถามด้วยความเป็นห่วง แม้จะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่สีหน้าท่าทางของหญิงสาวก็บ่งบอกได้ดียิ่งกว่า ว่ากำลังมีเรื่องน่าตื่นตกใจเกิดขึ้น

“เกิดอุบัติเหตุกับลุงสมค่ะ เห็นว่ารถชนกับราวกั้นข้างถนน” เจ้าของดวงหน้างามมีท่าทีวิตกจนเห็นได้ชัด

“ใจเย็นๆ คุณมานั่งนี่เถอะ เดี๋ยวผมขับรถให้เอง” เขาบอกด้วยเสียงอ่อนโยน วาสุรีย์จึงไม่ปฏิเสธ

เธอไม่ได้แปลกใจเรื่องการขับรถของเขา เพราะมีหลายครั้งที่บักสีดาต้องไปดูบ่อน้ำคนเดียว และต้องขับรถกระบะคันเก่าขึ้นไป พอหญิงสาวสอบถามชายหนุ่มก็บอกว่าเจิดสอน

อีกทั้งเขาก็เหมือนจะจำได้ว่าเคยทำมาก่อน เหมือนกับหลายๆ อย่างที่ตัวเขาทำได้ราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ทว่ายังจำอะไรไม่ได้อยู่ดี แม้จะคลางแคลงใจ สงสัย แต่ก็ไม่อาจหาคำตอบได้ และมาตอนนี้ในสถานการณ์อกสั่นขวัญแขวนเธอกลับรู้สึกดีที่มีเขาอยู่ข้างๆ

*-*-*-*-*-*

“คุณหวาย ทางนี้ครับ” เจิดร้องเรียกอยู่ด้านหลังไทยมุงกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังมุงดูซากรถที่ชนเข้ากับราวกั้นริมทาง จนหน้ายับย่น บ้างก็จดหมายเลขป้ายทะเบียน บ้างก็มองหาเลขจากรอยบุบของตัวรถ

“เจิด ลุงสมล่ะ ลุงสมเป็นยังไงบ้าง ทำไมไม่ไปกับลุงสม” วาสุรีย์ถามทันทีที่เข้าไปใกล้

“พ่อไม่ให้ผมไป บอกว่าไม่เป็นไรมาก ให้รอคุณหวายอยู่ที่นี่ แล้วก็ขนย้ายของขึ้นรถอีกคัน ทิ้งไว้นานเดี๋ยวจะเหี่ยวเอาน่ะครับ” เจิดบอก

“โธ่... ลุงสม เจ็บแล้วยังมีกะใจ” หญิงสาวเปรย ซึ้งในน้ำใจคนงานเก่าแก่ยิ่งนัก ก่อนมองไปยังคนข้างตัวอย่างคิดอะไรไม่ออก

“ถ้าอย่างนั้นคุณไปโรงพยาบาลกับเจิดนะ ทางนี้ผมจะจัดการเอง ขอโทรศัพท์ให้ผมโทร.กลับออฟฟิศหน่อยครับ” เขาแบมือในตอนท้าย วาสุรีย์จึงส่งโทรศัพท์มือถือให้กับเขา

ก่อนที่ชายหนุ่มจะกดหมายเลขปลายทาง หญิงสาวรอฟังเพื่อว่าเธอจะได้ช่วยอะไรเขาได้ แต่ทว่าบักสีดากลับเป็นคนพูดสายเองด้วยภาษาไทยแปร่งๆ แต่พอฟังรู้เรื่อง เขาถามหาคนงานชายคนหนึ่งที่รู้จักมักคุ้นกันดี แล้วสั่งให้นำรถกระบะตามมายังที่เกิดเหตุพร้อมคนงานสอง-สามคน

“เดี๋ยวเจิดพาคุณหวายไปหาลุงสมนะ เอารถคันที่นายขับมานั่นแหล่ะ พอเสร็จจากตรงนี้แล้วฉันจะให้คนแวะไปเอา จะได้เอาดอกไม้ไปส่งพร้อมกัน” หลังจากวางหูแล้วจึงหันมาสั่งเจิด

“โอเค. ได้เลย บักสีดา” เจิดรับคำอย่างลืมตัว นาทีนี้ลืมไปเสียสนิทว่าตนเป็นลูกพี่ที่ต้องสั่งการมากกว่ามารับคำลูกน้องอย่างนี้

“คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ทางนี้ผมจะจัดการเอง” บักสีดาบอกกับ

หญิงสาวด้วยรอยยิ้มปลอบประโลม พลางส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้เธอ แต่

วาสุรีย์กลับส่ายศีรษะ

“คุณเก็บไว้ใช้ก่อนเถอะค่ะ เผื่อเราต้องติดต่อกัน ถ้าคุณต้องการติดต่อฉันก็โทร.เข้าเบอร์.เจิดได้เลยนะคะ ถ้าอ่านไม่ออกก็ให้พวกพี่ทัด พี่ชัยดูให้นะคะ” เธอบอก ก่อนขึ้นรถออกไปพร้อมกับเจิด

ทิ้งให้เจ้าของร่างสูงใหญ่มองตามด้วยแววตาห่วงใยโดยที่อีกฝ่ายไม่เห็น พอรถของหญิงสาวกับลูกน้องลับตาไป ชายหนุ่มจึงก้าวเข้าไปหากลุ่มไทยมุงที่กำลังยืนดูการตรวจสอบที่เกิดเหตุของตำรวจ ซึ่งกลุ่มนี้ไม่มีสารวัตรทวิพันธุ์แต่อย่างใด แต่เขาจำได้ว่าเป็นลูกน้องของสารวัตรหนุ่มนั่นเอง

*-*-*-*-*-*

ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ ลุงสมออกมาจากห้องฉุกเฉิน แขนข้างหนึ่งใส่เฝือกเอาไว้ โดยมีพยาบาลเกศราคอยประคอง ทำให้คนนั่งรอถึงกับผุดลุกขึ้นในทันที

“พ่อเป็นยังไงบ้าง/ลุงสมเป็นยังไงบ้างคะ” เจิดและวาสุรีย์ถามขึ้นเกือบพร้อมกัน

“ลุงไม่เป็นไรมากหรอกครับคุณหนู แค่แขนหักกับฟกช้ำนิดหน่อยเท่านั้น อย่ากังวลไปเลยไอ้เจิด” ตอนท้ายหันมาบอกลูกชาย ที่สีหน้าไม่สู้ดีนัก ซึ่งนานๆ ครั้งที่เจิดจะมีสีหน้าอย่างนี้

“แล้วนี่ลุงสมต้องนอนโรงพยาบาลไหมเกศ” หญิงสาวหันไปทางเพื่อนสาว

“อื้อ... หมอสั่งให้นอนดูอาการคืนหนึ่ง หากพรุ่งนี้ไม่มีอะไรจริงๆ ก็กลับบ้านได้” เกศราบอก

“ลุงไม่อยากนอนเลยคุณหนู ลุงไม่เป็นอะไรมากสักหน่อย” ลุงสมโอดครวญราวกับเป็นเด็กตัวเล็กๆ นี่ก็อีกรายที่นานๆ ถึงจะมีท่าทีแบบนี้

“ไม่ได้นะคะลุง เชื่อหมอดีกว่านะคะ” วาสุรีย์รีบร้องขึ้น ลุงสมทำหน้ายอมจำนน

“แล้วเรื่องของล่ะครับ คุณหนู” ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ตอนนี้บักสีดากำลังจัดการอยู่ค่ะ” หญิงสาวเล่าให้ลุงสมฟัง เรื่องการส่งของที่บักสีดาอาสาดูแลให้

รวมทั้งเมื่อครู่ ชายหนุ่มให้คนงานมาแวะเอารถที่เจิดและเธอเอามาโรงพยาบาล เพื่อนำดอกไม้ที่บรรทุกมาไปส่งพร้อมกันด้วย คำตอบนั้นทำให้คนงานเก่าแก่ของสวนวาสุรีย์ถอนหายใจโล่งอก

“ค่อยยังชั่ว เออ... จริงสิไอ้เจิด เอ็งก็ค่อยๆ บอกแม่ของเอ็งนะ เดี๋ยวก็ได้ตีโพยตีพายไปอีก” ลุงสมจึงหันมาทางลูกชายต่อ

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าพ่อ ตอนนี้นอกจากคุณหวายกับบักสีดาแล้วที่บ้านเรายังไม่มีใครรู้เรื่องหรอก ที่ผมไม่โทร.หาแม่ก็เพราะกลัวจะตกใจนี่แหล่ะ” เจิดว่า

หลังจากที่ลุงสมเข้าพักในห้องพักฟื้นแล้ว เจิดกับวาสุรีย์ยังคงเฝ้าอยู่ที่นั่นสักพัก จึงได้รับโทรศัพท์จากบักสีดาที่โทร.เข้ามือถือของเจิด เขาถามไถ่อาการลุงสม และบอกว่าเสร็จงานแล้วจะเข้ามาโรงพยาบาล ให้เธอรออยู่ที่นั่น

พอดีกับสารวัตรทวิพันธุ์พร้อมลูกน้องมาถึง ได้ทำการสอบปากคำสองพ่อลูกถึงเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งสรุปว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากตะปูเรือใบ ทำให้รถเสียการควบคุมจนชนเข้ากับราวกั้น

ซึ่งตะปูเรือใบนั้นเหมือนพึ่งถูกวางก่อนหน้าที่รถทั้งสองคันจะมาถึงไม่กี่นาที เพราะรถคันอื่นไม่มีใครโดน รวมทั้งรถคันที่เจิดขับตามมาติดๆ ก็รอดจากการเหยียบตะปูได้อย่างหวุดหวิด

“ตายจริง นี่แสดงว่าเธอกำลังมีอันตรายอย่างนั้นเหรอหวาย” เกศราร้องขึ้น หลังฟังเรื่องราวทั้งหมดจากสารวัตรหนุ่ม ขณะทั้งสามออกมาหาอะไรทานที่ร้านอาหารด้านหน้าโรงพยาบาล

“ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอก แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็คงท้อถอยไม่ได้” วาสุรีย์ว่า ดวงตายังฉายแววมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง

“ได้ยังไงหวาย ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอเป็นผู้หญิงนะ จะไปต่อกรกับคนชั่วพรรค์นั้นได้ยังไง” เกศราว่า หน้าตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลจากความเป็นห่วงเพื่อน

“แต่ถ้าฉันยอมแพ้ ฉันก็ต้องเสียสิ่งที่ตายายและพ่อแม่ช่วยกันสร้างมา แล้วคนงานอีกล่ะเกศ พวกเขาต้องตกงานหลายสิบคน ฉันคงยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้” วาสุรีย์พยายามอธิบาย หวังว่าจะทำให้เพื่อนคลายความห่วงใยและกังวล

“แต่ยังไงฉันก็ไม่เห็นด้วยอยู่ดี” แต่พยาบาลสาวยังไม่วางใจอยู่นั่นแล้ว

“อย่าห่วงเลยน่า ฉันไม่ได้สู้อยู่คนเดียวสักหน่อย ยังมีทุกคนที่คอยช่วย และพี่พันธุ์เองก็เหมือนกันใช่ไหมคะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมรับฟังวาสุรีย์จึงหันไปหาพวกเพียงคนเดียวที่เหลือออยู่ ซึ่งเขาก็ได้แต่ถอนหายใจแสดงถึงอาการหนักอกหนักใจไม่แพ้กัน

“ความจริงพี่ก็คิดแบบเกศนะหวาย แต่เมื่อหวายตัดสินใจอย่างนั้นพี่จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากช่วยให้ดีที่สุด” ก่อนสรุปในที่สุด

วาสุรีย์รีบขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม เกศราได้แต่กรอกลูกตาไปมาอย่างระอาใจในความดื้อรั้นของเพื่อน และการเอาใจของสารวัตรหนุ่ม

“พากันมาอยู่นี่เอง ผมไปเยี่ยมลุงสมจึงไม่เจอ” เสียงทุ้มห้าวนั้นดังขึ้นด้านหลังสารวัตรหนุ่ม ทำให้ทุกคนมองไปทางต้นเสียง

“คุณ... นี่... ” เกศราเบิกตาโตอย่างแปลกใจ ขณะมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ตามไซด์ปกติทางยุโรปที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้

แม้ผมที่ยาวระต้นคอจะดูยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ ราวกับไม่ได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร แต่ก็ดูดีกว่าตอนเขาบาดเจ็บมาก ใบหน้าขาวนั้นรกรื้นไปด้วยหนวดเครา แต่ยังพอเห็นเค้าของความหล่อเหลาได้ไม่ยาก

ยิ่งมาตอนนี้รอยยิ้มกว้างขวางอวดฟันเรียงสวยเป็นระเบียบ ดูใสซื่อจริงใจ ทำให้น่ามองขึ้นอีกโข เสื้อผ้าชาวสวนเก่ามอที่ชายหนุ่มสวมใส่ ไม่อาจบดบังรัศมีความดูดีของเขาได้เลย ในสายตาของพยาบาลสาว

“ทุกคนเรียกผมว่าบักสีดาครับ สวัสดีครับคุณพยาบาลคนสวย ดีใจที่ได้เจอคุณครับ วันนี้คุณสวยเช่นเคยนะครับ” ชายหนุ่มทั้งทักทายพร้อมแนะนำตัวด้วยภาษาไทยแปร่ง และไม่วายหยอดคำหวาน ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้คำพูดเหล่านี้มาจากเจิดนั่นเอง

“เอ่อ... สวัสดีค่ะ แหมไม่นึกเลยนะคะว่าไม่เจอกันแป๊บเดียวคุณจะสามารถพูดไทยได้ขนาดนี้ แถมยังดูดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยสิคะ” พยาบาลสาวกล่าวชมอย่างไม่มีอ้อมค้อม ทำให้คนตัวโตยิ้มรับกว้างกว่าเดิม

“ถามจริงเกศ ดูดีตรงไหน ฉันว่ายิ่งรกรุงรังไม่ว่า” วาสุรีย์ว่าเพื่อนอย่างขำๆ พลางปรายตามองคนทั้งคู่ที่ชมกันไปมา

“แหม... เธอล่ะก็ไปว่าเขา” เกศราค้อนเพื่อน ก่อนหันมาทางชายหนุ่มอีกครั้ง “คุณทานอะไรมาหรือยังล่ะคะ ทานด้วยกันไหมคะ”

“ยังเลยครับ พอดีเพื่อนๆ ผมก็ยังไม่ได้ทานเหมือนกัน เดี๋ยวนะ”

บักสีดาหันไปกวักมือเรียกคนงานชายอีกสามคนที่ยืนเงอะงะอยู่ด้านนอก ก่อนคนทั้งสามจะเข้ามา

“สั่งเลยนะคะ เดี๋ยวให้เค้าคิดเงินที่หวาย” หญิงสาวหันไปบอกคนงานที่นั่งลงอีกโต๊ะพร้อมรับคำ แต่คนตัวโตสั่งข้าวผัดไข่ และนั่งลงข้างเกศรา

“เป็นยังไงบ้างคะ” วาสุรีย์ถามถึงเรื่องที่เขาไปจัดการ ชายหนุ่มยิ้มให้เธอตามเคย ก่อนว่า

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ผมเก็บบิลไว้ที่รถเดี๋ยวกลับไปแล้วค่อยดูนะ ขอผมกินข้าวก่อน หิวมาก” คนหน้ารกหันมาหาจานข้าวผัด ที่แม่ค้าพึ่งนำมาเสิร์ฟ แล้วก็จัดการอย่างรวดเร็วราวกับหิวเสียเต็มประดา

“ท่าทางจะหิวจริงนะยัยหวาย เธอใช้งานเขาหนักเกินไปหรือเปล่า”

เกศรามองคนข้างตัวพลางว่าอย่างขำๆ แต่วาสุรีย์ไม่ต่อคำ “แล้วเรื่องของคุณ... เอ่อ... บักสีดาไม่มีอะไรคืบหน้าเลยเหรอคะพี่พันธุ์” ก่อนพยาบาลสาวจะหันมาทางพ.ต.ต.ทวิพันธุ์ที่นั่งมองอยู่เงียบๆ มานานอย่างจับสังเกตปฏิกิริยาชายหนุ่มร่างใหญ่ไม่วางตา

“ที่นี่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตอนนี้พี่กำลังให้ทางกรุงเทพฯ ตรวจสอบอยู่ บางทีอาจจะต้องประสานงานกับทางสถานทูตหลายประเทศ ที่คาดว่าอาจเป็นบ้านของเขาน่ะ” ทวิพันธุ์บอก

เขาเองก็แปลกใจไม่น้อยทั้งที่ให้คนติดตามสืบเสาะเรื่องนี้มาตลอด แต่กลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ความเป็นมาของชายต่างชาติคนนี้ยังคงมืดดำด้วยปริศนา ราวกับมีใครจงใจปกปิด ไม่ให้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ อย่างนั้นแหล่ะ อีกทั้งมาตอนนี้ท่าทีของชายคนนี้ก็ดูน่าสงสัยไม่น้อย

เพราะแทนที่อาการความจำเสื่อมจะทำให้เขาอยู่ในสวนวาสุรีย์ไปวันๆ เพื่อรอเวลากลับบ้าน แต่กลับกลายเป็นคนงานที่หญิงสาวให้ความสำคัญ แม้ท่าทีที่ดูซื่อ ไม่รู้เรื่องราวก่อนหน้านี้จะยังมีอยู่ แต่กลับมีความคล่องตัว มั่นใจ ไม่เหมือนคนความจำเสื่อมทั่วไปเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

จะว่าไปแล้วความผิดปกติเดียวที่ชายคนนี้มีก็คือความจำเสื่อม เพราะนอกจากนั้นก็ดูปกติดีทุกอย่าง นั่นยิ่งทำให้สารวัตรหนุ่มคลางแคลงใจในตัวชายหน้ารกคนนี้มากยิ่งขึ้น เห็นทีเขาจะต้องหาที่มาที่ไปของชายคนนี้ให้เร็วที่สุด ว่ามาจากไหน เป็นใครกันแน่? เพราะท่าทีที่ดูสนิทสนมกับวาสุรีย์มันทำให้เขาไม่ไว้ใจมากขึ้นทุกที

“แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะปรับตัวเข้ากับสวนวาสุรีย์ได้ดีเกินคาดนะคะ แถมยังเป็นเรี่ยวแรงสำคัญให้ยัยหวายด้วย นับว่าไม่เสียทีที่ช่วยเหลือกันไว้” เกศราเปรย พลางมองคนตัวโตหน้ารกอย่างชื่นชมไม่มีปิดบัง

เพราะเธอเคยคุยกับวาสุรีย์เรื่องของบักสีดา ก็เห็นว่าเขาช่วยเหลือเพื่อนได้หลายอย่างทีเดียว โดยเฉพาะที่ช่วยเพื่อนจากคนปองร้าย ทำให้เกศราหายห่วงวาสุรีย์ไปได้ไม่น้อย และยินดีที่มีบักสีดาอยู่ด้วย

แต่พยาบาลสาวก็รู้ดีว่าคงไม่เป็นที่ถูกใจของสารวัตรทวิพันธุ์นัก เพราะตอนนี้แววตาที่มองบักสีดาดูทั้งไม่พอใจและไม่ไว้วางใจอย่างไรชอบกล ก็แน่ล่ะ... ใครจะพอใจให้หนุ่มอื่นมาใกล้ชิดคนที่ตนหมายปองล่ะ เกศราคิดพลางถอนหายใจ ด้วยลึกๆ รู้สึกเห็นใจสารวัตรหนุ่มรุ่นพี่อยู่ไม่น้อย

**ลิงค์ E-Book 'ลิขิตรักเก็บตก' ค่าาา**
#Meb
เล่ม 1
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookD
etails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQ
iO3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M
เล่ม 2
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=
YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3
M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTg2MjUiO30

#ookbee
เล่ม 1
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=274409f7-13d0-4632-811d-bf78ed5a4645&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
เล่ม2
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=897b2657-9548-401d-bb1b-76bf11bd35ef&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d

#hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012230-ลิขิตรักเก็บตก (เล่ม 1)
https://www.hytexts.com/ebook/B012231-ลิขิตรักเก็บตก (เล่ม 2)

#นายอินทร์ปัณณ์
เล่ม 1
https://naiin.com/product/detail/215446/
เล่ม 2
https://naiin.com/product/detail/215447/



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ค. 2560, 10:02:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ค. 2560, 10:02:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 701





<< บทที่ 7 ทีมอารักขาจำเป็น?   บทที่ 9 ไฟไหม้!! >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account