Honey Pie...สัญญา(รัก)ร้าย / เพิ่มตอนพิเศษ
เมื่อหนึ่งอยากสานสัมพันธ์
แต่อีกหนึ่งกลับพยายาม "ตัด"
ปฏิบัติการ "รัก" พาตัว จึงเริ่มต้นขึ้น!


-------------------------------------------


เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย...ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น

ปรักปรำฉันเป็นจำเลย? เชลย? ตัวประกัน?

จู่ๆ สติก็ดับวูบ ตื่นมาอีกครั้ง “พาริน” ก็พบว่านอนอยู่บนเตียงใหญ่ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย พร้อมๆ กับพบว่าตัวเองถูกลักพาตัว!!!

ราวกับฉากในละครที่เพิ่งย้อนดู เสียงเพลงประกอบดังกระหึ่มในหัว...

ไม่นะ นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว ยังจะมีการลักพาตัวอยู่อีก ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หึ...แต่อย่าหวังว่าลูกพระพายอย่างเธอจะยอมให้ใครกดขี่ง่ายๆ ลองดูสิ ได้เห็นดีกันแน่!

ทว่าทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ดูเหมือน “ธารณ์” เตรียมตัวมาดี เขาสามารถแก้เกมของเธอได้ทุกกระบวน รู้ทันไปเสียทุกเรื่องราวกับเลี้ยงกุมารทองเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น

ถูกลักพาตัว ริบเงิน โทรศัพท์มือถือว่าร้ายแล้ว การอยู่ใกล้ธารณ์กลับร้ายยิ่งกว่า รับมือกับเขาไม่พอ ยังมีของแถมเป็นอริของเขาด้วยสิ โอ๊ยยยย เธออยากจะบ้า!



** เรื่องนี้มีตัวละครเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง เลื่อมลายดอกรัก ที่วางแผงไปกับสนพ.แจ่มใสนะคะ
แต่สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ จะไม่ได้งงอะไรน้าาาา
Tags: เนตรนภัส, ธารณ์, พาริน, พาย, รักโรแมนติก, Oh! My Honey

ตอน: บทที่ 6 [1/2]





ฉิบหายแล้ว!

ธารณ์มัวแต่ตะลึง ไม่คิดว่าจะมีใครมาบ้านอีกหลังจากมาส่งข้าวต้มแล้วเมื่อตอนเช้าตรู่ ทว่าพอได้สติ ชายหนุ่มก็กระโจนพรวดตามพารินไปติดๆ เขาไม่กล้าส่งเสียงโวยวายห้ามปราม เพราะกลัวคนที่อยู่อีกฟากประตูจะได้ยิน...คราวนี้ได้เป็นเรื่องจริงๆแน่

ชายหนุ่มตามมาใช้ไหล่ดันประตูปิดก่อนหญิงสาวจะแง้มกว้างมากกว่าหนึ่งนิ้วได้อย่างหวุดหวิด เขาพลิกตัวใช้ร่างสูงใหญ่ของตนเองให้เป็นประโยชน์ แค่เท่านั้น พารินก็ถูกกักเอาไว้จนกระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้ รีบกระซิบขู่เสียงลอดไรฟัน เมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

“อย่าแม้แต่จะคิด พายไม่ชอบวิธีที่พี่จะใช้ห้ามเสียงกรี๊ดของพายแน่” พอเห็นพารินยังไม่กลัว แถมยังส่งสายตาท้าทายมาให้ ธารณ์เลยก้มลงไปอีกนิด มองสบดวงตากลมในระยะประชิด “หรือพายจะลอง”

ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นกะทันหัน ใบหน้าอยู่ห่างกันไม่เกินสองนิ้ว แถมดวงตาร้อนแรงคู่นั้นยังมองมาอย่างสื่อความหมาย อะไรไม่ร้ายเท่าการเหลือบมองลงต่ำมาตรงริมฝีปาก

เขาจะจูบปิดปาก!

เธอรู้สึกเหมือนความดันในร่างกายสูงขึ้นกะทันหัน ใจเต้นไม่เป็นส่ำ มันหวิวๆ สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก และถ้าหากเขาโน้มตัวลงมาอีกนิดละก็ เธอต้องเป็นลมแน่

“มะ...ไม่”คนอวดเก่งรับคำตะกุกตะกัก

“เด็กดี” เขาชม “พี่จะเปิดประตู พายอยู่นิ่งๆ เข้าใจไหม”

ศีรษะทุยผงกรับคำอย่างว่าง่าย ธารณ์มองจนแน่ใจว่าเจ้าหล่อนยอมจริงๆ ไม่ใช่แค่หลอกให้ตายใจ แล้วใช้จังหวะเขาเผลอดิ้นหนีอีก กระนั้นเพื่อความปลอดภัย ชายหนุ่มก็คว้าเอวของหญิงสาวดึงมาชิดเอาไว้ก่อน เขาต้องการแง้มประตูแคบๆ ทว่าแรงดันจากอีกฝั่ง พร้อมกันนั้นอะไรบางอย่างก็วิ่งเบียดเข้ามา ทำให้เขาเซไปเล็กน้อย

ธารณ์ตั้งหลักได้ตอนเสียงอุทานอย่างตกใจของพารินดังขึ้น ชายหนุ่มละล้าละลัง กลัวแขกไม่ได้รับเชิญรู้ความลับก็กลัว กังวลว่าพารินจะเป็นอะไรก็ด้วย

“บ๊อง หยุด” พอเห็นเจ้าบ๊องซึ่งวิ่งถลาเข้ามาทันทีที่ประตูแง้มออกทำตามที่สั่ง มันนั่งกระดิกหางริกๆไม่มีท่าทางทำร้ายหญิงสาวธารณ์ก็โล่งใจ หันไปสนใจผู้หญิงอีกคนทันที

“มีอะไร”ชายหนุ่มถามทั้งๆที่เปิดประตูแค่นิดเดียว ปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเข้ามาในบ้านได้

“อายได้ยินเสียงกรี๊ดแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“คงเป็นเสียงทีวี แม่ให้มาทำอะไร” ชายหนุ่มตอบเสียงหนัก ห้ามสายตาซอกแซกของอีกฝ่ายด้วยการถามจุดประสงค์และงับประตูแคบลงอีกนิด

“อ๋อ...แม่ของคุณให้เอาน้ำใบเตยมาให้ค่ะ”

ธารณ์นิ่วหน้า ปกติเวลามาส่งอาหาร มารดามักให้คนงานผู้ชายหรือไม่ก็ป้าตุ๊กแม่บ้านคนเก่าคนแก่ซึ่งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เขายังเด็กมาส่ง ไม่เคยเลยสักครั้งที่คนงานผู้หญิงรุ่นสาวได้เข้าใกล้เขาในระยะประชิดเช่นนี้

มารดาของเขาพูดเสมอ ผู้หญิงกับผู้ชายก็เหมือนน้ำมันกับไฟ จุดติดง่าย แล้วก็ลุกพรึ่บพรั่บ ยากจะดับ ไม่ใช่ท่านไม่ไว้ใจลูกชายของท่านเองหรือกลัวลูกชายจะคว้าผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นภรรยา ท่านไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแต่กังวลในสันดานดิบของคนมากกว่า เรื่องแบบนี้ บางครั้งก็เกิดขึ้นจากอารมณ์แค่ชั่วครู่ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่งามขึ้นในบ้าน ท่านเลยไม่ให้ผู้หญิงสาวๆมายุ่มยามกับเขา ซึ่งเขาก็พอใจมากการที่อายหรืออรดีมายืนอยู่หน้าบ้านโดยอ้างคำสั่งของมารดา ฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น

“คือป้าตุ๊กเห็นคุณไม่กลับไปกินข้าวบ้านโน้นตั้งแต่เมื่อวาน ก็เลยกลัวว่าคุณไม่มีน้ำใบเตยที่ชอบดื่ม เลยให้อาย...เอ่อ จริงๆป้าตุ๊กสั่งพี่นานให้เอามาให้ แต่แกท้องเสียเลยวานอายค่ะ”

“อืม” ธารณ์พยักหน้ารับกระบอกบรรจุน้ำใบเตยมาจากมืออีกฝ่ายแล้วปิดประตูทันทีเป็นการตัดบทกลายๆโดยไม่สนใจว่าอรดีจะยังยืนอยู่หน้าประตูหรือกลับบ้านไปแล้ว ตอนนี้เขาสนใจคนในบ้านมากกว่า

ธารณ์รู้สึกว่าคนในอ้อมแขนตัวแข็งทื่อและพอหันมามองก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พารินยืนตัวเกร็ง หดตัวแนบไปกับผนัง สายตาที่มองสบดวงตากลมแป๋วของเจ้าบ๊องดูแหยงๆ

เพราะแบบนี้สินะ เจ้าหล่อนถึงไม่กล้าหือส่งเสียงให้ใครช่วย ยกเว้นเสียงกรี๊ดเพราะความตกใจในคราวแรก ทั้งๆที่พารินไม่น่าปล่อยโอกาสแบบนี้ให้ผ่านไปง่ายๆ

“บ๊อง”

‘โฮ่ง’

พารินสะดุ้งโหยงขยับเข้าไปชิดชายหนุ่มอย่างลืมตัว ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าไม่ใช่พารินถูกโอบแต่เธอแทบกอดธารณ์เอาไว้แทนด้วยความกลัว

“เอามันออกไป”

ได้ยินเสียงสั่นๆของหญิงสาวธารณ์ก็สงสาร ใจจริงอยากให้เธอทำความรู้จักกับบ๊องมากกว่านี้ เพราะดูจากหางที่ส่ายริกๆ กับสายตาแล้ว เจ้าบ๊องอยากเล่นกับพารินแต่ให้เธอกลัวต่อไปก็ดีเหมือนกัน เจ้าหล่อนจะคิดมากตอนอยากหนี

“บ๊อง ไปเล่นนอกบ้านไป”

เจ้าตัวใหญ่หันมาเห่าโฮ่งหนึ่งทีคล้ายเชื่อฟังแต่ยังไม่ยอมขยับเขยื้อน มิหนำซ้ำหางยาวยังส่ายริกหนักกว่าเดิมอีก ทำให้ธารณ์ต้องสั่งเสียงหนักทีละคำ

“ไป-นอก-บ้าน”

นั่นละ เจ้าตัวดำถึงลุกขึ้นเดินอย่างอ้อยอิ่งออกไปทางประตูที่ธารณ์เปิดรอ กระนั้นก่อนพ้นประตู มันยังหันมามองตาละห้อย คล้ายกำลังต่อว่า จนธารณ์รู้สึกผิด ต้องคลายอ้อมแขนแล้วเดินไปหยิบกระดูกหนังวัวให้มันแทะเล่น เจ้าบ๊องเลยคาบกระดูก วิ่งตื๋อออกไปอย่างร่าเริง



นี่เขากะจะเฝ้าเธอเอาโล่ ไม่ยอมไปทำงานทำการจริงๆใช่ไหม

หลังจากต้องนั่งเฉยๆ ดูทีวีบ้าง อ่านนิตยสารบ้าง โดยมีธารณ์อยู่ในคลองจักษุมาร่วมชั่วโมง พารินก็ชักหมดความอดทน หญิงสาววางนิตยสารบนโต๊ะโดยไม่ออมแรง เกิดเสียงดังจนชายหนุ่มหันมามอง

“ถ้านายจะไม่ไปทำงาน ขอแล็ปท็อปฉันคืนได้ไหม”

ให้ตายสิ เธอไม่ถนัดนั่งๆ นอนๆ เลยจริงๆ ที่สำคัญคือ งานที่รอจัดการอีกเยอะแยะ คอลเล็คชั่นใหม่ก็ต้องคิด ต้องออกแบบ เวลาก็กระชั้นเข้ามาทุกที ถ้าเสร็จไม่ทันตามกำหนดละก็ เพื่อนของเธอเอาตายแน่

“ฉันไม่เหมือนนายนะ จะได้ใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของ นึกอยากหยุดงานนอนตีพุงอยู่บ้านก็ทำได้ตามใจ เหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบ”ถึงปากเก่งอย่างไร แต่ประโยคหลัง พารินก็ลดเสียงลงเป็นบ่นอุบอิบกับตัวเอง

ขืนทำให้อารมณ์เสีย เกิดเขาอยากลงโทษเธอด้วยวิธีเหมือนละครตบจูบขึ้นมา เธอแย่แน่ ไม่เอาหรอกนะ เธอรับไม่ได้

“ว่าอะไรนะ”

หูผี จมูกมดจริงๆ เธอบ่นเบาๆ แล้วยังอุตส่าห์ได้ยินอีก

“ก็ขอแล็ปท็อปคืน จะได้ทำงาน” ไหนๆ ต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่ ระหว่างยังกลับบ้านไม่ได้ เธอก็ไม่อยากเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

“ถูกจับตัวมานั่งๆ นอนๆ เฉยๆ ไม่ชอบเหรอ”

“ในละคร เวลานางเอกถูกจับตัวมา ยังถูกใช้ให้ทำงานงกๆ เลย เสียชาติโจรนะนาย”

“ใครๆก็ชอบอยู่เฉยๆให้คนเลี้ยง แล้วพี่ก็มีปัญญาเลี้ยงพาย ทำไมถึงชอบเรียกหางานนักฮึ”

“บ้าสิ ฉันมีมือมีเท้านะ จะให้ใครมาเลี้ยงทำไม นายไม่ใช่พ่อฉันนี่” หญิงสาวแหวหน้าแดง เป็นอีกครั้งที่เขาพูดทำนองเต็มใจอยากอุปการะเธอ

ฮึ่ยคงรับอุปการะน้องๆมาหลายคนแล้วละสิ

เอ...เธอจะหงุดหงิดทำไมเนี่ย เขาจะทำอะไร เลี้ยงน้องคนไหน ก็ไม่เห็นต้องสนใจเลย

“ไม่ได้อยากเป็นพ่อ อยากเป็นอย่างอื่นจะตาย พายก็ไม่ยอม”

พารินทั้งโกรธทั้งอาย อยากข่วนใบหน้าระรื่นที่ลอยหน้าลอยตาพูดให้ขึ้นลายเสียจริง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียง

“บ้า”

ธารณ์มองคนปากเก่งที่ตอนนี้หน้าแดงด้วยความเอ็นดู น้องน้อยตัวเล็กที่เมื่อก่อนขี้โรค เป็นหวัดบ่อย เจอกี่ครั้งๆ ก็น้ำมูกไหลย้อย จามฟิดๆตลอดเวลา ไม่น่าเชื่อว่าโตขึ้นจะเอาเรื่องไม่ใช่น้อยและดูท่าเอาแต่ใจไม่ใช่เล่น

คงเพราะหญิงสาวเสียมารดาไปตั้งแต่เด็ก แล้วถูกเลี้ยงดูมาโดยบิดาและพี่ชาย น้องสาวคนเดียว ลูกสาวคนเล็ก คงถูกโอ๋จนเคยตัว

“นายคืนแล็ปท็อปให้ฉันเถอะนะ นะ” หลังจากเงียบไปพักใหญ่ พารินก็เปลี่ยนแผน หันมาใช้ไม้อ่อน ออดอ้อนขอความเห็นใจแทน “ฉันมีงานต้องส่งให้ทันกำหนด ไม่งั้นผ้าพันคอคอลเล็คชั่นใหม่ออกไม่ทันหน้าหนาวนี้แน่”

จะว่าไป หลังจากได้พบหญิงสาวหลายครั้งในระยะเวลาที่ผ่านมา เขาไม่เคยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับงานของเจ้าหล่อนมากนัก เจอกันครั้งใดก็เห็นอยู่บ้านเฉยๆ จนบางครั้งเขาก็เกือบลืมไปแล้วว่า บิดาของพารินบอกลูกสาวเปิดร้านขายผ้าพันคอสุดชิคกับเพื่อนอีกสองคน

“แย่ขนาดนั้นเชียว”

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีท่าทีอ่อนลง หญิงสาวก็รีบพยักหน้าหงึกๆ

“นายมีบริษัท เข้าใจใช่ไหม ถ้างานออกไม่ทันตามแผน มันก็เสียอะไรหลายอย่าง แล้วฉันกับเพื่อนก็วางแผนกันมาสักพักแล้ว อยากออกงานต้อนรับแฟชั่นหน้าหนาว”

ถึงแม้ไม่ค่อยได้สัมผัสอากาศหนาวบ่อยนัก แต่เจ้าแม่แฟชั่นส่วนใหญ่ต้องไม่พลาดอยู่แล้ว เธอคิดว่าคอลเล็คชั่นใหม่น่าจะขายดีเหมือนที่ผ่านมา

“น่า นะ คืนแล็ปท็อปให้พายเถอะ” หญิงสาวยอมอ่อนให้อีกนิด

“ก็ได้”

พารินแอบยิ้มในใจ ถ้ารู้ว่ายอมลงให้นิดหน่อยแล้วเขาตกลงง่ายขนาดนี้ เธอทำไปนานแล้ว

“งั้นพายรอแป๊บนึง เดี๋ยวพี่จัดการให้” พูดจบ ธารณ์ก็ล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกง ทำท่าจะออกไปโทร.นอกบ้าน แต่มีสายเข้าสวนมา จึงต้องกดรับ “สวัสดีครับ”

“คุณธารณ์ ผมเลขาฯเสี่ยพละนะ”

“ครับ” มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” เขาถามทั้งๆที่พอเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้

“เสี่ยพละอยากพบคุณ ท่านไปหาคุณที่โรงไม้วันนี้ได้ไหม”

ธารณ์เหลือบมองพาริน ก็พบว่าหญิงสาวกำลังมองมาอย่างสนใจ ไม่ปิดบังความอยากรู้อยากเห็นเลยทีเดียวแต่เรื่องของเสี่ยพละ ดึงเวลาเอาไว้นานก็ไม่ดี เขาเองอยากปฏิเสธอีกฝ่ายให้จบเรื่องไปเหมือนกัน

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

ธารณ์ส่ายหน้าเบาๆ แล้วหลบออกมาอีกทาง

“ก็ได้ครับ อีกสักหนึ่งชั่วโมงได้หรือเปล่า”

เมื่ออีกฝ่ายรับคำและวางสายไปแล้ว ธารณ์จึงโทรศัพท์หาภาษิตเป็นรายต่อไป เพื่อสั่งสิ่งที่ต้องการ







เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ส.ค. 2560, 14:39:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ส.ค. 2560, 14:39:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 927





<< บทที่ 5 [2/2] ครบแล้วค่ะ ^^   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account