ค่ายอาสาพัฒนารัก
เพราะทำด้วยใจ จึงได้ใจตอบแทน
Tags: เรื่องสั้น

ตอน: ๓/?

เช้าวันใหม่เริ่มต้นใกล้รุ่งสาง ในครัวดูสับสนวุ่นวายด้วยเสียงโล้งเล้งของชาวบ้านที่มาช่วยกันทำกับข้าว โดยมีสาวๆ ชาวค่ายหลายคนลงไปช่วย ส่วนพวกผู้ชายถือเครื่องไม้เครื่องมือออกไปยังลานโรงเรียนบนม่อนดอยซึ่งอเนกได้สั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากร้านข้างล่าง และให้นำขึ้นมาไว้พร้อมแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

หน้าหนาวยามเช้าตรู่อากาศเย็นจัดกว่าตอนกลางวันมากจนสองสาวรีบวิ่งออกไปนั่งอังมือรับไออุ่นจากกองไฟหน้าเรือนทันทีที่หั่นผัก ล้างผักเสร็จ

“เย็นสะใจจริงๆ ว่าไหม” วนิดาเอ่ยเสียงสั่น ฟันบนกับล่างกระทบกันดังกึกๆ ริมฝีปากที่กำลังฉีกยิ้มซีดคล้ำเพราะความเย็น ท่าทางสนุกทั้งที่แรกนั้นไม่ค่อยอยากจะมากับเธอนัก

“อือ อยากให้กรุงเทพฯ มีหน้าหนาวแบบนี้บ้าง”

“เคยมีนะ ปีละสองสามวัน” วนิดาเป็นพนักงานบริษัทซึ่งต้องตื่นเช้าเป็นกิจวัตรจึงเคยสัมผัสสภาพอากาศในเมืองกรุงมากกว่าเพื่อนที่ทำงานอยู่กับบ้าน

“แค่นั้นเอง”

“แค่นั้นก็ดีแล้ว”

“แกว่ากลับไปแล้วจะหนาวไหม”

“ใครจะรู้ล่ะ” หญิงสาวหัวเราะท่าทางหงอยเหงาของคนอยากมีหน้าหนาว “อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยน่า กรุงเทพฯ จะเป็นยังไงก็ช่างมันก่อนเถอะ อุตส่าห์มาเที่ยวทั้งทียังจะคิดถึงบ้านอยู่อีก”

วนิดาพูดไม่ดูตัวเองเมื่อวานเลยสักนิด ศนิสงสัยว่าเพื่อนโทร.หาอสิได้แล้วหรือ

“สวยดีออก อากาศก็ดี๊ดี ชักอิจฉาคนที่นี่จังแฮะ”

“อยากอยู่ตลอดไปเลยไหมล่ะ”

“หึ” วนิดารีบส่ายหน้ารัวๆ ตอบจริงจัง “บนนี้ไม่มีพี่ดาบ”

ศนิละสายตาจากเปลวไฟ แหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มสาง แสงสีทองจางๆ ระเรื่อขึ้นริมขอบฟ้าทิศเหนือ แผดเผาละอองหมอกหนาหนักบดบังทัศนวิสัยจนค่อยๆ บางลง เผยให้เห็นทิวทัศน์คุ้นตาของภูเขาน้อยใหญ่ที่โอบกอดหมู่บ้านเล็กๆ บนดอยแห่งนี้เอาไว้ ทำให้หญิงสาวตระหนักว่ามันต่างจากบ้านของเธอราวกับคนละโลกเลยทีเดียว

จู่ๆ ศนิก็นึกถึงคำพูดของพี่ชายเมื่อหลายปีก่อน

‘ความใกล้ไกลไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะทาง แต่เป็นความยากลำบากในการเดินทางต่างหาก’

สมัยเรียนเธอมักป่วยกระเสาะกระแสะ การออกไปเที่ยวต่างจังหวัดเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับคนในครอบครัว ทุกที่จึงดูเหมือน ‘ไกล’ สำหรับศนิ

ฟังปลายมนัสเล่าเมื่อวาน ที่นี่คงอยู่ ‘ไกล’ ไม่น้อย

และวันนี้ก็ดูเหมือนว่าเธอจะมาได้ ‘ไกล’ ทั้งระยะทางและการเดินทาง

แต่คงจะเทียบกับใครบางคนไม่ได้ เพราะเขาคงไปไกลกว่าเธอมากแล้ว

...เคยกลับบ้านบ้างไหมนะ... อยู่ๆ ศนิก็อยากรู้ขึ้นมา ปลายมนัสสอนหนังสือบนนี้มาสองปี แล้วก่อนนั้นเขาเคยอยู่ที่ไหนมาบ้าง คนที่อยู่ไม่สุขแบบเขาจะอยากกลับไปอยู่กับครอบครัวหรือเปล่า แล้ว...

เดี๋ยวนะ! ทำไมเราต้องสนใจผู้ชายคนนั้นขนาดนี้

ศนิเบรกความคิดแทบไม่ทันเมื่อรู้ตัวว่าสงสัยเรื่องของคนคนเดียวมากขนาดนี้ พอมีหนึ่งคำถาม ก็จะมีคำถามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่มีใครให้คำตอบเธอได้นอกจากเจ้าตัว และหญิงสาวก็คงไม่กล้าถามเขาตรงๆ หรอก
สองแก้มเนียนซับสีระเรื่อโดยไม่รู้ตัว จนเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกแปลกใจ

“ไอ้นิ ฮัลโลได้ยินฉันไหม” วนิดาสะกิดแขนเรียกเบาๆ ศนิจึงรู้สึกตัว มองหน้าเพื่อนเหรอหรา

“เอ่อ มีอะไรเหรอ”

“ใจลอยไปถึงไหนยะ”

“เปล่า แค่คิดอะไรเพลินๆ นิดหน่อย”

จริงๆ แล้วใจเธอไม่ได้ลอยไปไหนไกลเลย

“แล้วทำไมต้องหน้าแดง คิดอะไรแปลกๆ ไหมเนี่ย”

“จริงอะ” ศนิยกมือแนบแก้มตัวเองทันที ไม่แน่ใจว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าผิวตรงนั้นร้อนผะผ่าว “...คงเพราะอากาศหนาวมั้ง”

“เหรอ แกว่าแก้มฉันแดงไหมล่ะ” วนิดาชี้หน้าตัวเอง

ศนิมองหน้าเพื่อนแล้วก็ส่ายศีรษะเบาๆ วนิดาเลยหัวเราะลั่น

“แต่ตอนนี้ฉันหนาวนะ หนาวสุดๆ ไปเลย”

“งั้นก็เพราะไฟมันร้อน” ศนิเริ่มมีสีหน้ายุ่งยาก

“จริงอะ” วนิดาล้อเลียนเพื่อน ความที่เป็นรู้จักกันมานานจึงรู้ว่าศนิกำลังปิดบัง แต่หากเจ้าตัวไม่อยากบอก ก็ไม่ใช่ธุระอะไรจะต้องเซ้าซี้ถาม

ศนิเองก็รู้ว่าคงถูกสงสัยเข้าแล้ว ไม่รู้เมื่อวานเพื่อนเห็นเธอกับครูหนุ่มคนนั้นไปด้วยกันไหม

“เห็นเหรอ” หญิงสาวถามด้วยใบหน้าแดงจัด ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ต้องปิดบังในเมื่อต่อให้เธอรู้สึกดีกับเขา สุดท้ายมันก็จะเหลือเพียงแค่ความทรงจำหลังจากพวกเธอกลับลงไป

“ไม่เห็นหรอก” วนิดายิ้มอย่างมีเลศนัย “มีคนเล่าให้ฟังน่ะ แล้วเป็นยังไง ชอบครูเขาหรือเปล่า”

“ม่าย…ทำไมถามงั้น” ไม่คิดว่าวนิดาจะถามตรงๆ สำหรับปลายมนัสที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงวัน สนทนากันไม่กี่ประโยค ความรู้สึกชอบพอคงไม่เกิดขึ้นง่ายดายขนาดนี้

“ก็ดูหน้าแดง”

“ฉันบอกว่าร้อนไง”

จบคำสองสาวก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
.

ช่วงสายพวกผู้ชายก็พากันนั่งรถบุโรทั่งของผู้ใหญ่บ้านกลับมากินข้าวเช้าในหมู่บ้าน เพราะโรงเรียนอยู่ค่อนข้างไกล ขนข้าวของจานชามไปไม่สะดวก

ศนิกับสาวๆ ชาวเขาช่วยเสิร์ฟน้ำอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่คนอื่นๆ คดข้าวบ้าง ตักกับข้าวบ้าง

น้ำเย็นจัดจนหญิงสาวมือสั่นระริกขณะวางแก้วน้ำให้พวกหนุ่มๆ ซึ่งกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสระหว่างรอทุกคนเข้ามานั่งล้อมวงกันให้ครบ

“ขอน้ำอีกได้ไหมครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นแก้วพลาสติกมาให้

พอศนิเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นก็หลุดปากถาม “เหนื่อยไหมคะ”

คำตอบคือรอยยิ้มทั้งปากและตาที่ตอบแทนได้อย่างดียิ่ง

หญิงสาวหลบสายตาวิบวับเพราะรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งแก้มทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อน และเธอก็ไม่ได้อยู่ข้างกองไฟ รับแก้วน้ำมาเติมแล้วก็คืนให้ปลายมนัสอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหนีไปนั่งกับวนิดาอีกฝั่ง

ขณะที่กินข้าวศนิยังไม่วายตำหนิตัวเองที่เผลอถามทุกข์สุขเขา จนถูกหยอดกลับแทบไปไม่เป็น

“หูยๆ แค่สองสามวิยังมีโมเมนต์กันได้ งานนี้แกจะรอดมือครูเขาไหมเนี่ย” วนิดากระเซ้าอย่างสนุกปาก ชอบใจที่เห็นหน้าเพื่อนเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง

ตอนเห็นศนิกับปลายมนัสเดินเคียงกันเข้าไปในหมู่บ้าน วนิดารู้สึกไม่ค่อยไว้ใจครูหนุ่มเท่าไหร่ กังวลว่าเพื่อนสนิทอาจถูกหลอกเอาได้ แต่อเนกการันตีเต็มที่ว่าไร้พิษภัยเธอจึงคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ จากที่สังเกตเห็นเธอว่าชายหนุ่มคงไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่ ไม่เคยล่วงเกินเพื่อนของเธอเกินกว่าทางสายตา

แต่ที่น่าห่วงก็คือความรู้สึก หากมันงอกงามขึ้นจนไม่จบลงเพียงแค่การลาจากล่ะ?

พวกเขาจะทำอย่างไร

วนิดาบัดหน้าไล่คำถามที่ไร้คำตอบออกจากหัว มัวคิดมากอะไรกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงและไม่มีทางเป็นไปได้ ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่สบตาพูดคุยกันสองสามคำอยู่แล้ว

แต่เธอก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่ามันต้องมีอะไรบ้าง



ชลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ย. 2560, 21:10:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2560, 21:10:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 814





<< ๒/?   ๔/? (ลบ) >>
ชื่อหนอนแว่นตาโต 23 ก.ย. 2560, 19:45:34 น.
ติดตามจ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account