เจ้าสาวหัวรั้น
เจ้าสาวหัวรั้น
ประพันธ์โดย...กันต์ระพี

ภาพแรกที่เห็น...คือสาวนิรนามแสนสวยที่พันรบอยากได้ทั้งตัวและหัวใจ
จู่ๆ โชคชะตาก็เป็นใจ ส่งหล่อนมาเป็นคู่หมั้นหัวรั้น
แล้วเขาจะอดใจกับว่าที่เจ้าสาวคนนี้ได้อย่างไร

**เปิดให้ทดลองอ่านเท่านั้น!!**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1

เจ้าสาวหัวรั้น

ประพันธ์โดย...กันต์ระพี

(ลิขสิทธิ์งานเขียนเรื่องนี้เป็นของสนพ. Touch publishing)
วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!!

บทนำ...

ครองขวัญมุ่งหวังว่าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่จนแล้วจนรอดก็เป็นได้แค่นักข่าวฝึกหัด ทั้งที่ร่วมงานกับนิตยสารเฟิร์สคลาสมาเกือบสามเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาไม่โดดเด่น บ่อยครั้งที่เจ้านายเรียกไปตักเตือนจนอดระแวงไม่ได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกพิจารณาให้ออกเป็นรายต่อไป

ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะท้อ หล่อนยังคงไขว่คว้าหาโอกาสให้กับตัวเองอยู่เสมอ และวันนี้โชคก็เข้าข้าง เมื่อบังเอิญเห็นดาราสาวชื่อดังขับรถคันหรูเข้าไปในคฤหาสน์ของนักการเมืองที่กำลังตกเป็นข่าวฉาว แล้วมีหรือที่ครองขวัญจะอยู่เฉย ในเมื่อต่อมอยากรู้เริ่มทำงานเสียแล้ว และนั่นก็เป็นที่มาที่ไปที่ต้องมาปีนป่ายต้นไม้เป็นลิงเป็นค่างอยู่ในขณะนี้

“คราวนี้เสร็จฉันแน่!”

ครองขวัญดันแว่นสายตาที่เลื่อนลงมาตามความเปียกชื้นบนสันจมูกให้เข้าที่เข้าทาง นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ก็รีบคว้ากล้องมาปรับเลนซ์ซูมภาพนักการเมืองกับดาราสาวที่กำลังกอดจูบกันกลางสระน้ำอย่างไม่แคร์สายตาใคร หลังจากรัวชัตเตอร์ไม่ยั้งจนได้ภาพที่พึงพอใจ หล่อนก็ทำท่าจะกระโดดลงจากต้นไม้ คิดว่าคงดอดออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปได้อย่างสบาย แต่ก็ต้องผงะ เมื่อเห็นสุนัขตัวโตโผล่มายืนแยกเขี้ยวยิงฟันให้เสียวสันหลังเล่น

“เฮ้ย...!!” เสียงอุทานไม่เบานักนั้นมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือก

โชคดีที่ยั้งตัวทัน ไม่เช่นนั้นเนื้อตัวคงมีแผลเหวอะหวะ ตอนนี้หล่อนต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว เพราะเจ้าสัตว์สี่ขาที่เดินวนเวียนรอบโคนต้นไม้นั้นส่งเสียงกรรโชกข่มขู่ ซ้ำยังกระโจนเหมือนอยากจะปีนป่ายขึ้นมาขย้ำหล่อน

“ชู่ว...แกจะเห่าอะไรนักหนา ฉันไม่ใช่โจรสักหน่อย!”

ครองขวัญปรามไม่ต่างจากเสียงกระซิบ พยายามผูกมิตร แต่เจ้าสุนัขปากเปราะก็ยังเห่าไม่หยุด ราวกับจะบอกว่าไม่อยากเป็นมิตรกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างหล่อน เห็นท่าไม่ดี กลัวใครมาเห็นเข้า หล่อนก็รีบปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้ถัดไป แต่สายไปเสียแล้ว เพราะเสียงเห่าเร้าๆ ของเจ้าสัตว์สี่ขานั้นได้เรียกบรรดาสาวใช้และลิ่วล้อของนักการเมืองสูงวัยให้ออกมายืนดูกันสลอน

“เข้ามาได้ยังไงยัยแว่น ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่บ้านใคร ลงมา...ลงมาเดี๋ยวนี้!”

“เอ่อ คือ...” ครองขวัญยิ้มเจื่อน ไม่มีประโยชน์ที่จะแก้ตัว ก็หล่อนถูกจับได้จะจะเลยพยักพเยิดหน้าไปทางเจ้าสัตว์สี่ขาแทน “จริงๆ ฉันก็อยากลงไปอยู่หรอกนะ แต่หมาตัวนั้นไม่ค่อยถูกกับฉันสักเท่าไหร่ ถ้าเกิดมันงับแข้งงับขาฉันขึ้นมา แล้วใครจะรับผิดชอบล่ะ”

“นี่อย่าเรื่องมากได้ไหม จะลงมาดีๆ หรือจะให้เรียกตำรวจ!”

“ต...ตำรวจเหรอ!” ครองขวัญหน้าเสีย คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะบานปลาย ถึงกระนั้นก็ทำใจดีสู้เสือ ฉีกยิ้มที่แหยเต็มทน “อะไรกันพี่ เรื่องแค่นี้เอง เราคุยกันเองก็ได้มั้ง ไม่ต้องถึงตำรวจหรอก”

“ถ้าจะคุยก็ลงมา...ลงมาเร็วๆ!”

“ได้ๆ พี่ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้แล้ว”

แม้จะเกลี่ยกล่อมสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้กระวีกระวาดลงมาเสียทีเดียว หล่อนยังหวาดหวั่นในท่าทีของเจ้าสุนัขตัวโตที่ยืนแยกเขี้ยวส่งเสียงกรรโชกเป็นระยะ ในจังหวะนั้นเองนักการเมืองสูงวัยประมุขของบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ก้าวมาสมทบ

“มีเรื่องอะไรกัน...!?”

“ผู้หญิงคนนี้แอบเข้ามาครับนาย”

นักการเมืองสูงวัยได้ยินคำชี้แจงก็หันมองหญิงสาวที่กระโดดลงจากต้นไม้ ดวงตาที่หรี่แคบลงนั้นบ่งบอกว่าไม่ไว้วางใจ ไม่ต่างจากน้ำเสียงที่ตะคอกออกไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“คุณเป็นใคร...เข้ามาที่นี่ทำไม!”

“เอ่อ คือ...” ครองขวัญยังไม่ได้เปิดปากอธิบาย

นักการเมืองสูงวัยเห็นกล้องที่คล้องอยู่บนลำคอหล่อน ก็ไม่คิดจะคาดคั้นเอาคำตอบอีกต่อไป นอกจากหันไปพยักพเยิดหน้ากับคนของตน

“เฮ้ย! ไปเอากล้องมา ไม่รู้นังนี่มันแอบถ่ายอะไรไปบ้าง”

ครองขวัญได้ยินคำสั่งนั้นก็ถอยกรูทีเดียว แต่ไม่ทันเสียแล้ว ชายฉกรรจ์สามสี่คนนั้นกรูเข้ามายืนล้อมหน้าล้อมหลัง เห็นท่าไม่ดี หล่อนก็รีบยกมือปราม หวังจะเกลี่ยกล่อมอีกครั้ง

“เอ่อ ใจเย็นๆ ก่อนนะพี่ เราโตๆ กันแล้ว พูดกันดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องใช้กำลังหรอก”

“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ส่งกล้องมา!” หนึ่งในชายฉกรรจ์ข่มขู่

“แต่นี่มันกล้องบริษัทฯ นะพี่ ฉันคงให้ไม่ได้หรอก เอาเป็นว่า...ถ้าพี่ไม่ชอบให้เข้ามาถ่ายรูป ฉันลบรูปให้ก็ได้ โอเคไหม” ครองขวัญต่อรอง ถ่วงเวลา หาทางหลบหนี ทว่า...

“พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่ ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรือไง บอกให้ไปเอากล้องมา! ถ้ามันไม่ให้ก็อัดให้เละ” นักการเมืองตะโกนขึ้นอย่างรู้ทัน

ครองขวัญก็ไม่คิดจะอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป ก็ใครจะยืนรอให้พวกนั้นมารุมสกรัม ลำพังเจ็บตัวไม่เท่าไหร่ ถ้ากล้องบริษัทฯ เสียหาย เจ้านายคงจวกยับ ดีไม่ดี...เงินเดือนก็อาจจะถูกตัดไม่มีเหลือ

ทว่า...ทันทีที่ออกวิ่ง ครองขวัญก็รู้ตัวว่าพลาดถนัด เพราะเวลานี้ไม่ได้มีแค่ชายฉกรรจ์สามสี่คนเท่านั้นที่วิ่งตามมา แต่ยังมีสุนัขตัวโตวิ่งไล่กวดมาติดๆ

“ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย คิดสิคิด...ยัยขวัญ!” ครองขวัญลนลาน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวคงต้องทำอะไรสักอย่าง วินาทีนั้น...หล่อนก็ตัดสินใจปลดเมมโมรี่ออกจากกล้องแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกง พร้อมทั้งตะโกนออกไปสุดเสียง

“อยากได้กล้องนักใช่ไหม เอ้า...เอาไป เอาไปเลย!”

ครองขวัญขว้างอุปกรณ์คู่ชีพไปสุดลำแขน ไม่สนใจว่ามันจะแตกหักเสียหายหรือไปตกตรงไหน ซึ่งก็ได้ผลชะงัดนัก เพราะทั้งคนและสุนัขต่างก็เปลี่ยนทิศทาง ไม่สนใจวิ่งตามหล่อนอีกเลย

ครองขวัญเห็นสบโอกาสเหมาะก็รีบเผ่นแนบ ไม่รู้หรอกว่าวิ่งเตลิดออกจากคฤหาสน์มาไกลแค่ไหน รู้แต่ว่าต้องหนีให้ไกลและไวที่สุด จนกระทั่งสองขาอ่อนแรงไปต่อไม่ไหว หล่อนก็ทรุดตัวลงนั่งเหนื่อยหอบ โดยอาศัยรถยนต์คันหนึ่งที่จอดเทียบริมฟุตปาธเป็นที่กำบังตน

“เฮ้อ! วันนี้ต้องเป็นวันโลกาวินาศแน่ๆ ฉันถึงได้ซวยอย่างนี้” ครองขวัญบ่นงึมงำ

มโนภาพบรรณาธิการหนุ่มยืนตีหน้ายักษ์ผุดขึ้นมาในความคิด ไม่จำเป็นต้องคาดเดาก็ทราบดีว่าเขาจะโมโหโกรธาเพียงใด แต่หล่อนไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องนี้ เพราะสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ไม่น่าไว้ใจ กลัวว่าจะมีใครตามมา หล่อนก็ชะเง้อคอยาวมองผ่านหน้าต่างรถ อดระแวงไม่ได้ ทว่า...ก็ต้องอ้าปากค้าง เบิกตากว้าง อุทานออกมาไม่เป็นสรรพ

“เฮ้ย...!!”

ครองขวัญปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน พร้อมทั้งหดศีรษะกลับลงมานั่งตั้งสติ ตกใจ ไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ในรถคันดังกล่าว จนกระทั่งโผล่หน้ามองแล้วเห็นผู้ชายสองคนมีพฤติกรรมแปลกๆ ส่อไปในทางอนาจาร

“นี่...นี่มันคู่เกย์ชัดๆ ตาฉันจะเป็นกุ้งยิงไหมเนี่ย”

ครองขวัญบ่นไปพลางก็โผล่หน้าขึ้นลอบมองอีกครั้ง อยากให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจอะไรผิดเพี้ยน ในจังหวะนั้นเอง...หล่อนก็เห็นผู้ชายที่นั่งฝั่งคนขับเอามือประสานท้ายทอยเอนตัวเหยียดยาวในอิริยาบถสบายๆ เปิดทางให้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้านข้างโน้มหน้าลงไปตรงหว่างขา

“อืม...ดี อย่างนั้นแหละ อ้าขาให้กว้างอีกนิด อีกนิดเดียวจะถึงแล้ว” เสียงที่เล็ดลอดจากรถคันนั้นชวนให้จินตนาการไปไกลสุดโต่ง ไม่ต่างจากท่าทางที่ชายหนึ่งในสองทำหัวผลุบๆ โผล่ๆ สาละวนกับการปฏิบัติกิจแถวเป้ากางเกงของชายอีกคน

“อี๋ อุบาทว์ชะมัด มาทำอะไรในที่สาธารณะเนี่ย!”

ครองขวัญเบ้ปาก ขนลุกขนพองไปหมด ไม่ชอบใจในพฤติกรรมดังกล่าว รับไม่ได้ หล่อนก็หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาถ่ายภาพแล้วโพ้สลงโซเซียลให้ผู้คนในโลกออนไลน์ตัดสิน โดยหารู้ไม่ว่าในจังหวะนั้นได้ทำเมมโมรี่กล้องร่วงหล่นไปเสียแล้ว...



กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2560, 13:35:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มี.ค. 2562, 16:20:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 880





   ตอนที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account