ในรอยกาล / เพิ่มตอนพิเศษ
“พี่พริษฐ์หยิบหีบใบนั้นให้ชมพู่หน่อย”
ชายหนุ่มขยับเข้ามาทันที พื้นที่แคบๆ ทำให้ต้องยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ในขณะแก้มแหม่มเขย่งก็แล้ว ยืดแขนจนแทบเป็นกระโดดก็แล้ว กลับยังเอาลงมาไม่ได้ แต่พริษฐ์สามารถทำให้หีบไม้ลอยมาอยู่ตรงหน้าเธอได้เพียงแค่ไม่กี่วินาที
หญิงสาวรับมาอย่างลิงโลด รีบก้มลงสำรวจทันใด ทว่าการหันหน้าเข้าหาชั้นวางของทำให้มีเงาพาดผ่าน ไม่สามารถมองลวดลายได้ถนัด แก้มแหม่มทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจจึงกลับหลังหันเข้าหาแสงไฟ แล้วก็ต้องตัวแข็งทื่อ แทนที่จะสว่างกลับมืดหนักเข้าไปอีก เมื่อมีกำแพงร่างกายบังเอาไว้
“พี่พริษฐ์” เธอครางเสียแผ่ว ความใกล้ชิดทำให้ไม่กล้าขยับตัว
เดินไปข้างหน้าก็ชนอกแกร่ง ครั้นจะถอยหลังก็ติดชั้นวางของ และถึงแม้แขนทั้งสองข้างของพริษฐ์ยังตกอยู่ข้างตัว แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนโดนกอดกลายๆ
“ครับ”
เสียงขานรับดังอยู่ใกล้ๆ ราวกับเจ้าตัวโน้มหน้าลงมาคุยชิดกระหม่อมนี่เอง ความชิดใกล้ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แก้มแหม่มเริ่มทำอะไรไม่ถูก หูได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังมาก ราวกับวินาทีใดข้างหน้ามันจะหลุดออกมานอกอกประจานตัวเองให้ได้อาย
ใจจึงอยากผลักชายหนุ่มออกไปไกลๆ ให้พ้นตัวจะได้หายใจหายคอสะดวก แต่เสียงเล็กๆ อีกเสียงหนึ่งกลับสั่งห้ามไว้ แก้มแหม่มจึงยืนนิ่งก้มหน้างุดปล่อยให้ชายหนุ่ม ‘กอด’ อยู่อย่างนั้น
“มองพี่ได้ไหม”
นั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม เพราะหลังจากนั้นคางมนก็ถูกช้อนขึ้นด้วยนิ้วมือแข็งแรง
ราวกับถูกร่ายมนตร์ ประกายบางอย่างซึ่งสะท้อนผ่านลูกแก้วสีดำคู่นั้นทำให้แก้มแหม่มอยากรู้ว่าคืออะไร จากที่ควรเบือนหลบก็จ้องนิ่งอยู่อย่างนั้น กระทั่งใบหน้าคมค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ยังไม่ถอนสายตา
ตอนระยะห่างระหว่างกันเหลือไม่ถึงนิ้ว พริษฐ์ก็หยุดถามเสียงทุ้ม
“พี่จูบได้ไหม”
แก้มแหม่มน่าจะรู้ว่าคำถามของพริษฐ์ไม่เคยเป็นคำถามสักครั้ง สิ้นคำริมฝีปากอุ่นก็นาบลงมา คลอเคลีย หยอกเย้ากับริมฝีปากอิ่มราวภมรหนุ่มเลาะเล็มดื่มกินความหวานอย่างไม่รู้เบื่อ เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายสำลักลมหายใจ เขาก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย กระนั้นก็ยังไม่ยอมห่างไปไหน
เหมือนคนขาดอากาศหายใจมานาน พอได้รับอิสระแก้มแหม่มก็สูดลมเข้าปอดหนักๆ มือเล็กยกขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเลื่อนลอย
ร่องรอยอ่อนหวานยังคงซ่านอยู่ตรงริมฝีปาก
เมื่อกี้เธอถูกจูบใช่ไหม
- * - * - เรื่องนี้รีอัปให้อ่านอีกรอบ และจะมีตอนพิเศษเพิ่มจากเดิม 3 ตอนค่ะ - * - * -
ชายหนุ่มขยับเข้ามาทันที พื้นที่แคบๆ ทำให้ต้องยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ในขณะแก้มแหม่มเขย่งก็แล้ว ยืดแขนจนแทบเป็นกระโดดก็แล้ว กลับยังเอาลงมาไม่ได้ แต่พริษฐ์สามารถทำให้หีบไม้ลอยมาอยู่ตรงหน้าเธอได้เพียงแค่ไม่กี่วินาที
หญิงสาวรับมาอย่างลิงโลด รีบก้มลงสำรวจทันใด ทว่าการหันหน้าเข้าหาชั้นวางของทำให้มีเงาพาดผ่าน ไม่สามารถมองลวดลายได้ถนัด แก้มแหม่มทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจจึงกลับหลังหันเข้าหาแสงไฟ แล้วก็ต้องตัวแข็งทื่อ แทนที่จะสว่างกลับมืดหนักเข้าไปอีก เมื่อมีกำแพงร่างกายบังเอาไว้
“พี่พริษฐ์” เธอครางเสียแผ่ว ความใกล้ชิดทำให้ไม่กล้าขยับตัว
เดินไปข้างหน้าก็ชนอกแกร่ง ครั้นจะถอยหลังก็ติดชั้นวางของ และถึงแม้แขนทั้งสองข้างของพริษฐ์ยังตกอยู่ข้างตัว แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนโดนกอดกลายๆ
“ครับ”
เสียงขานรับดังอยู่ใกล้ๆ ราวกับเจ้าตัวโน้มหน้าลงมาคุยชิดกระหม่อมนี่เอง ความชิดใกล้ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้แก้มแหม่มเริ่มทำอะไรไม่ถูก หูได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดังมาก ราวกับวินาทีใดข้างหน้ามันจะหลุดออกมานอกอกประจานตัวเองให้ได้อาย
ใจจึงอยากผลักชายหนุ่มออกไปไกลๆ ให้พ้นตัวจะได้หายใจหายคอสะดวก แต่เสียงเล็กๆ อีกเสียงหนึ่งกลับสั่งห้ามไว้ แก้มแหม่มจึงยืนนิ่งก้มหน้างุดปล่อยให้ชายหนุ่ม ‘กอด’ อยู่อย่างนั้น
“มองพี่ได้ไหม”
นั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม เพราะหลังจากนั้นคางมนก็ถูกช้อนขึ้นด้วยนิ้วมือแข็งแรง
ราวกับถูกร่ายมนตร์ ประกายบางอย่างซึ่งสะท้อนผ่านลูกแก้วสีดำคู่นั้นทำให้แก้มแหม่มอยากรู้ว่าคืออะไร จากที่ควรเบือนหลบก็จ้องนิ่งอยู่อย่างนั้น กระทั่งใบหน้าคมค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ยังไม่ถอนสายตา
ตอนระยะห่างระหว่างกันเหลือไม่ถึงนิ้ว พริษฐ์ก็หยุดถามเสียงทุ้ม
“พี่จูบได้ไหม”
แก้มแหม่มน่าจะรู้ว่าคำถามของพริษฐ์ไม่เคยเป็นคำถามสักครั้ง สิ้นคำริมฝีปากอุ่นก็นาบลงมา คลอเคลีย หยอกเย้ากับริมฝีปากอิ่มราวภมรหนุ่มเลาะเล็มดื่มกินความหวานอย่างไม่รู้เบื่อ เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายสำลักลมหายใจ เขาก็ค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย กระนั้นก็ยังไม่ยอมห่างไปไหน
เหมือนคนขาดอากาศหายใจมานาน พอได้รับอิสระแก้มแหม่มก็สูดลมเข้าปอดหนักๆ มือเล็กยกขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเลื่อนลอย
ร่องรอยอ่อนหวานยังคงซ่านอยู่ตรงริมฝีปาก
เมื่อกี้เธอถูกจูบใช่ไหม
- * - * - เรื่องนี้รีอัปให้อ่านอีกรอบ และจะมีตอนพิเศษเพิ่มจากเดิม 3 ตอนค่ะ - * - * -
Tags: ในรอยกาล, เนตรนภัส, พริษฐ์, ชมพู่, แก้มแหม่ม,
ตอน: บทที่ 21 [2/2] ครบค่า
‘ท่าทางจะหนีไปเล่นเพลินจนลืมที่สั่งแล้วสิ กลับมาจะหยิกให้เนื้อเขียว คอยดู’
ร่างบอบบางในชุดสวยเดินไปนั่งลงบนเตียงนอน หยิบดอกไม้สีเหลืองกลีบเรียวขึ้นดมอย่างทะนุถนอม ก่อนเดินอ้อมไปยังด้านหัวเตียง เปิดตู้เล็กๆ ซึ่งวางอยู่ข้างๆ แล้วหยิบหีบไม้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กออกมาวางบนเตียง
สิ่งที่อยู่ภายในหีบไม้ถูกหยิบออกมาทีละชิ้น ด้านบนเป็นของจุกจิกของผู้หญิงจำพวกกิ๊บ ริบบิ้นผูกผม และของเล่นชิ้นเล็ก หมดจากของจุกจิกก็เป็นสมุดบันทึกหลายเล่ม หญิงสาวหยิบเล่มที่อยู่ลึกสุดออกมา ขนาดของมันใหญ่กว่าเล่มอื่น อีกหนึ่งความต่างคือความโป่งอันเกิดจากสิ่งที่คั่นอยู่ภายใน
เดือนเปิดสมุด บนหน้ากระดาษสีขาวนั้นมีดอกไม้ใบไม้แห้งแปะอยู่ ไม่ใช่แค่ดอกเดียว พอพลิกหน้าต่อๆ ไปก็มีดอกอื่นถูกทับอยู่อีกอย่างหลากหลาย
หญิงสาวพลิกสมุดข้ามมาหน้าท้ายๆ แล้วหยิบจำปาดอกที่เคยยกจรดจมูกมาวางลง พลิกสมุดปิดแล้วยืดแขนวางไว้บนโต๊ะวางโคมไฟข้างเตียง
เธอกลับมาที่เตียงอีกครั้งพร้อมปากกาในมือ เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็กซึ่งวางทับเล่มอื่นๆ ออก แล้วเริ่มลงมือเขียน
‘ขนทรายเข้าวัด...วันนี้ได้เจอพี่เทิดด้วย’
ดูเหมือนของที่ถูกใจจะทำให้เจ้าของห้องลืมความหงุดหงิดเล็กๆ เมื่อครู่ เดือนสนุกกับการถ่ายทอดความคิดลงสู่ตัวอักษร และคงสนุกไปอีกนานถ้าหากไม่...
ประตูถูกเปิดผาง แล้วปิดกลับดังปัง!
แก้มแหม่มสะดุ้งเฮือก ผวาลุกขึ้นจนแทบตกเปล ดีแต่ว่ามือคว้าขอบผ้าไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นคงได้ตกลงมานอนแอ้งแม้งเป็นแน่
เสียงดังกับภาพที่เปลี่ยนฉับราวกับจู่ๆ ใครมากดเปลี่ยนช่องทีวีไม่ได้สร้างความตกใจให้เลย ตอนนี้ในหัวมีแต่ความตื่นเต้นเมื่อคิดว่าเธอมาถูกทาง
ความคิดของเธอถูกต้อง
เธอสามารถก้าวเข้าไปสู่โลกของเดือนได้ แต่ว่าจะทุกครั้งหรือเปล่านี่ยังไม่แน่ใจ อย่างน้อยเธอก็เห็นภาพเหล่านั้น
เหตุการณ์ในอดีต ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของผู้หญิงชื่อเดือน ชีวิตซึ่งยาวนานแค่ไหนเธอก็ไม่อาจทราบได้ ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนาให้ค้นหาคำตอบ ถึงยังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเห็นภาพเหล่านี้ แต่ไม่นานคงได้คำตอบ เพราะเธอเชื่อเสมอว่าทุกๆ เรื่องมีเหตุและผลในตัวเอง
ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป
การติดต่อกันของคนซึ่งยืนอยู่คนละโลกไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องจำเอาไว้ว่าทุกเหตุการณ์ที่เห็นมีความสำคัญ เป็นเหมือนกุญแจพาเธอไปไขปริศนาอันมืดมน ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามอะไรไปแม้สักอย่างเดียว
แก้มแหม่มขยับเปลี่ยนท่าจากการนอนยึดขอบเปลเอาไว้เป็นนั่งขัดสมาธิ ทรงตัวนิ่งๆ อยู่บนเปลสนามที่แกว่งเบาๆ แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอ
อาการค่อยๆ หยิบจับดอกไม้แห้งแต่ละดอกเต็มไปด้วยความทะนุถนอม เช่นเดียวกับยามยกดอกจำปาขึ้นจรดจมูกก่อนนำไปสอดไว้ในสมุด ทำให้เธอมั่นใจว่าทุกสิ่งเป็นของสำคัญ เดาว่าคงได้มาจากคนรักชื่อเทิด เผลอๆ อาจรวมไปถึงสิ่งละอันพันละน้อยในหีบไม้นั้นด้วย
สิ่งทั้งหมดสำคัญกับเดือน แต่ไม่สำคัญกับเธอ ในขณะที่ยืนมองภาพนี้อยู่ห่างๆ ความสนใจของเธอทั้งหมดเพ่งไปที่สมุดบันทึก!
จากจำนวนสมุดไม่ได้มีแค่เล่มเดียว เดาว่าเดือนไม่น่าเพิ่งเริ่มเขียน เจ้าตัวคงมีนิสัยชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร นี่แหละคือเบาะแสสำคัญ ถ้าหาสมุดพวกนี้เจอ คงสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวขาดวิ่นนี้ให้เป็นเรื่องเดียวกันได้
หึๆ...คราวนี้พริษฐ์ก็พริษฐ์เถอะ ฉันจะเอาความจริงนี้ไปตบหน้าเขาให้ดู
“ทำอะไรน่ะ”
อารามมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ พอเสียงหนักๆ ดังขึ้นข้างหลังก็เล่นเอาแก้มแหม่มถึงกับสะดุ้งจนตัวโยน หันขวับไปมองโดยลืมไปว่าการนั่งขัดสมาธิอยู่บนเปลนั้นไม่มั่นคง ร่างบางเสียการทรงตัวเอียงกระเท่เร่เกือบตกเปล ดีว่า ‘ตัวต้นเหตุ’ ผวาเข้ามารับเอาไว้เสียก่อน
“ระวังหน่อยสิ” ชายหนุ่มเอ็ด อ้อมแขนแข็งแรงยังคงกอดร่างบอบบางเอาไว้แน่น “ทำไมถึงได้ซุ่มซ่ามแบบนี้ นี่ถ้าผมรับไม่ทัน คุณคงหน้าทิ่มจูบพื้น”
“ก็ใครใช้ให้มาเงียบๆ ล่ะ” แก้มแหม่มโยนความผิดให้ชายหนุ่มทันที “ถ้าคุณไม่ทำให้ฉันตกใจ ก็ไม่เกือบตกเปลแบบนี้หรอก ใจหายใจคว่ำหมด”
พริษฐ์อยากบอกว่าประโยคนั้นควรเป็นเขาพูดมากกว่า วินาทีที่เห็นร่างบอบบางเอียงวูบใจเขาก็เต้นแรงด้วยความตกใจ เกรงว่าแก้มแหม่มจะตกลงกระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บ นี่ถ้าเขามารับไว้ไม่ทัน ไม่รู้หญิงสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วดูซิดู ความหวังดีของเขากลับได้รับการตอบแทนอย่างนี้
“เป็นความผิดของผมอีกแล้วสิ”
แก้มแหม่มไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า เสียงขึ้นจมูกนั้นฟังคล้ายคนพูดกำลังน้อยใจมากกว่าอยากประชดประชัน
หญิงสาวค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมอง เพียงสบกับดวงตาอีกคู่ เธอก็รู้ตัวว่าคิดผิด นัยน์ตาของพริษฐ์เหมือนหลุมดำ มีพลังดึงดูดให้คนตกลงไปในนั้นง่ายๆ ประกายบางอย่างทำให้หัวใจเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ มันก้ำกึ่งระหว่างความกลัวกับการอยากกระโดดเข้าไปค้นหาว่าคืออะไรกันแน่
แก้มแหม่มรู้สึกเงอะงะ อยากถอนสายตาออกมา แต่ก็บังคับตัวเองให้ทำเช่นนั้นไม่ได้ เธอเสียการควบคุมตัวเองอย่างสิ้นเชิง
ทั้งคู่คงจ้องตากันนานกว่านี้หากไม่มีเสียงหนักๆ เหมือนอะไรกระทบพื้นดังขึ้น พอหันไปมองจึงพบว่าเป็นกิ่งไม้แห้ง เสียงนั้นเองที่เรียกสติทั้งแก้มแหม่มแหละพริษฐ์กลับมา โดยเฉพาะหญิงสาวเพิ่งรู้ตัวว่าปล่อยให้ชายหนุ่มกอดอยู่ตั้งนานแม้จะเป็นการช่วยไม่ให้ตกลงไปกระแทกพื้นก็ตาม
มือเล็กๆ ดันไปตรงหน้าอกชายหนุ่มเป็นสัญญาณ
“ปล่อยได้แล้ว”
พริษฐ์ยอมปล่อยแต่โดยดี หญิงสาวลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง
“งั้นฉันไปทำงานก่อนแล้วกันนะ”
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกล่ะ” หญิงสาวหันมาถามสุ้มเสียงรำคาญเต็มแก่
“คุณจะหนีไปอย่างนี้เรื่อยๆ หรือ”
แก้มแหม่มค้อนขวับ แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมานั้นถูก
เธอต้องหนีไปอีกนานแค่ไหน
มันแย่ตรงที่เธอยังต้องร่วมงานกับเขาไปอีกสักพัก นั่นหมายความว่าต้องเจอกันเกือบทุกวัน หากต้องคอยหลบหน้า งานการคงไม่เดิน
ลมหายใจถูกปล่อยออกมาแรงๆ
“ขอเวลาฉันอีกนิดได้ไหม ไม่นานหรอก แล้วฉันจะเล่าให้คุณฟัง
---------------------------------------
ตอนนี้ "กลเล่ห์รัก" ยังมีจำหน่ายที่บูธสนพ.รักษ์วลี N05 โซน C1 ใกล้ศูนย์อาหารนะค้าาาา ไปรับหนุ่มหล่อนิสัยดี เจ้าเล่ห์นิดๆ กลับบ้านกันน้าาา อย่าให้พี่เขารอเก้อน้าาาาาา ><
หนังสือมีส่งเข้าไปแค่ 30 เล่มค่ะ คือหมดแล้ว เพราะจะพิมพ์ใหม่มีขั้นต่ำที่ 300 เล่ม ซึ่งสำหรับหนังสือทำมือจะสูงมากค่ะ ดังนั้นคงไม่ได้พิมพ์เร็วๆ นี้แน่นอน อยากได้พี่เขาไปนอนกอด ไปรับพี่เขากลับบ้านกันนะคะ
ร่างบอบบางในชุดสวยเดินไปนั่งลงบนเตียงนอน หยิบดอกไม้สีเหลืองกลีบเรียวขึ้นดมอย่างทะนุถนอม ก่อนเดินอ้อมไปยังด้านหัวเตียง เปิดตู้เล็กๆ ซึ่งวางอยู่ข้างๆ แล้วหยิบหีบไม้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กออกมาวางบนเตียง
สิ่งที่อยู่ภายในหีบไม้ถูกหยิบออกมาทีละชิ้น ด้านบนเป็นของจุกจิกของผู้หญิงจำพวกกิ๊บ ริบบิ้นผูกผม และของเล่นชิ้นเล็ก หมดจากของจุกจิกก็เป็นสมุดบันทึกหลายเล่ม หญิงสาวหยิบเล่มที่อยู่ลึกสุดออกมา ขนาดของมันใหญ่กว่าเล่มอื่น อีกหนึ่งความต่างคือความโป่งอันเกิดจากสิ่งที่คั่นอยู่ภายใน
เดือนเปิดสมุด บนหน้ากระดาษสีขาวนั้นมีดอกไม้ใบไม้แห้งแปะอยู่ ไม่ใช่แค่ดอกเดียว พอพลิกหน้าต่อๆ ไปก็มีดอกอื่นถูกทับอยู่อีกอย่างหลากหลาย
หญิงสาวพลิกสมุดข้ามมาหน้าท้ายๆ แล้วหยิบจำปาดอกที่เคยยกจรดจมูกมาวางลง พลิกสมุดปิดแล้วยืดแขนวางไว้บนโต๊ะวางโคมไฟข้างเตียง
เธอกลับมาที่เตียงอีกครั้งพร้อมปากกาในมือ เปิดสมุดบันทึกเล่มเล็กซึ่งวางทับเล่มอื่นๆ ออก แล้วเริ่มลงมือเขียน
‘ขนทรายเข้าวัด...วันนี้ได้เจอพี่เทิดด้วย’
ดูเหมือนของที่ถูกใจจะทำให้เจ้าของห้องลืมความหงุดหงิดเล็กๆ เมื่อครู่ เดือนสนุกกับการถ่ายทอดความคิดลงสู่ตัวอักษร และคงสนุกไปอีกนานถ้าหากไม่...
ประตูถูกเปิดผาง แล้วปิดกลับดังปัง!
แก้มแหม่มสะดุ้งเฮือก ผวาลุกขึ้นจนแทบตกเปล ดีแต่ว่ามือคว้าขอบผ้าไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นคงได้ตกลงมานอนแอ้งแม้งเป็นแน่
เสียงดังกับภาพที่เปลี่ยนฉับราวกับจู่ๆ ใครมากดเปลี่ยนช่องทีวีไม่ได้สร้างความตกใจให้เลย ตอนนี้ในหัวมีแต่ความตื่นเต้นเมื่อคิดว่าเธอมาถูกทาง
ความคิดของเธอถูกต้อง
เธอสามารถก้าวเข้าไปสู่โลกของเดือนได้ แต่ว่าจะทุกครั้งหรือเปล่านี่ยังไม่แน่ใจ อย่างน้อยเธอก็เห็นภาพเหล่านั้น
เหตุการณ์ในอดีต ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของผู้หญิงชื่อเดือน ชีวิตซึ่งยาวนานแค่ไหนเธอก็ไม่อาจทราบได้ ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนาให้ค้นหาคำตอบ ถึงยังไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเห็นภาพเหล่านี้ แต่ไม่นานคงได้คำตอบ เพราะเธอเชื่อเสมอว่าทุกๆ เรื่องมีเหตุและผลในตัวเอง
ที่แน่ๆ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป
การติดต่อกันของคนซึ่งยืนอยู่คนละโลกไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องจำเอาไว้ว่าทุกเหตุการณ์ที่เห็นมีความสำคัญ เป็นเหมือนกุญแจพาเธอไปไขปริศนาอันมืดมน ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามอะไรไปแม้สักอย่างเดียว
แก้มแหม่มขยับเปลี่ยนท่าจากการนอนยึดขอบเปลเอาไว้เป็นนั่งขัดสมาธิ ทรงตัวนิ่งๆ อยู่บนเปลสนามที่แกว่งเบาๆ แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอ
อาการค่อยๆ หยิบจับดอกไม้แห้งแต่ละดอกเต็มไปด้วยความทะนุถนอม เช่นเดียวกับยามยกดอกจำปาขึ้นจรดจมูกก่อนนำไปสอดไว้ในสมุด ทำให้เธอมั่นใจว่าทุกสิ่งเป็นของสำคัญ เดาว่าคงได้มาจากคนรักชื่อเทิด เผลอๆ อาจรวมไปถึงสิ่งละอันพันละน้อยในหีบไม้นั้นด้วย
สิ่งทั้งหมดสำคัญกับเดือน แต่ไม่สำคัญกับเธอ ในขณะที่ยืนมองภาพนี้อยู่ห่างๆ ความสนใจของเธอทั้งหมดเพ่งไปที่สมุดบันทึก!
จากจำนวนสมุดไม่ได้มีแค่เล่มเดียว เดาว่าเดือนไม่น่าเพิ่งเริ่มเขียน เจ้าตัวคงมีนิสัยชอบบันทึกเรื่องราวต่างๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร นี่แหละคือเบาะแสสำคัญ ถ้าหาสมุดพวกนี้เจอ คงสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวขาดวิ่นนี้ให้เป็นเรื่องเดียวกันได้
หึๆ...คราวนี้พริษฐ์ก็พริษฐ์เถอะ ฉันจะเอาความจริงนี้ไปตบหน้าเขาให้ดู
“ทำอะไรน่ะ”
อารามมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ พอเสียงหนักๆ ดังขึ้นข้างหลังก็เล่นเอาแก้มแหม่มถึงกับสะดุ้งจนตัวโยน หันขวับไปมองโดยลืมไปว่าการนั่งขัดสมาธิอยู่บนเปลนั้นไม่มั่นคง ร่างบางเสียการทรงตัวเอียงกระเท่เร่เกือบตกเปล ดีว่า ‘ตัวต้นเหตุ’ ผวาเข้ามารับเอาไว้เสียก่อน
“ระวังหน่อยสิ” ชายหนุ่มเอ็ด อ้อมแขนแข็งแรงยังคงกอดร่างบอบบางเอาไว้แน่น “ทำไมถึงได้ซุ่มซ่ามแบบนี้ นี่ถ้าผมรับไม่ทัน คุณคงหน้าทิ่มจูบพื้น”
“ก็ใครใช้ให้มาเงียบๆ ล่ะ” แก้มแหม่มโยนความผิดให้ชายหนุ่มทันที “ถ้าคุณไม่ทำให้ฉันตกใจ ก็ไม่เกือบตกเปลแบบนี้หรอก ใจหายใจคว่ำหมด”
พริษฐ์อยากบอกว่าประโยคนั้นควรเป็นเขาพูดมากกว่า วินาทีที่เห็นร่างบอบบางเอียงวูบใจเขาก็เต้นแรงด้วยความตกใจ เกรงว่าแก้มแหม่มจะตกลงกระแทกพื้นได้รับบาดเจ็บ นี่ถ้าเขามารับไว้ไม่ทัน ไม่รู้หญิงสาวจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วดูซิดู ความหวังดีของเขากลับได้รับการตอบแทนอย่างนี้
“เป็นความผิดของผมอีกแล้วสิ”
แก้มแหม่มไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า เสียงขึ้นจมูกนั้นฟังคล้ายคนพูดกำลังน้อยใจมากกว่าอยากประชดประชัน
หญิงสาวค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมอง เพียงสบกับดวงตาอีกคู่ เธอก็รู้ตัวว่าคิดผิด นัยน์ตาของพริษฐ์เหมือนหลุมดำ มีพลังดึงดูดให้คนตกลงไปในนั้นง่ายๆ ประกายบางอย่างทำให้หัวใจเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ มันก้ำกึ่งระหว่างความกลัวกับการอยากกระโดดเข้าไปค้นหาว่าคืออะไรกันแน่
แก้มแหม่มรู้สึกเงอะงะ อยากถอนสายตาออกมา แต่ก็บังคับตัวเองให้ทำเช่นนั้นไม่ได้ เธอเสียการควบคุมตัวเองอย่างสิ้นเชิง
ทั้งคู่คงจ้องตากันนานกว่านี้หากไม่มีเสียงหนักๆ เหมือนอะไรกระทบพื้นดังขึ้น พอหันไปมองจึงพบว่าเป็นกิ่งไม้แห้ง เสียงนั้นเองที่เรียกสติทั้งแก้มแหม่มแหละพริษฐ์กลับมา โดยเฉพาะหญิงสาวเพิ่งรู้ตัวว่าปล่อยให้ชายหนุ่มกอดอยู่ตั้งนานแม้จะเป็นการช่วยไม่ให้ตกลงไปกระแทกพื้นก็ตาม
มือเล็กๆ ดันไปตรงหน้าอกชายหนุ่มเป็นสัญญาณ
“ปล่อยได้แล้ว”
พริษฐ์ยอมปล่อยแต่โดยดี หญิงสาวลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง
“งั้นฉันไปทำงานก่อนแล้วกันนะ”
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกล่ะ” หญิงสาวหันมาถามสุ้มเสียงรำคาญเต็มแก่
“คุณจะหนีไปอย่างนี้เรื่อยๆ หรือ”
แก้มแหม่มค้อนขวับ แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมานั้นถูก
เธอต้องหนีไปอีกนานแค่ไหน
มันแย่ตรงที่เธอยังต้องร่วมงานกับเขาไปอีกสักพัก นั่นหมายความว่าต้องเจอกันเกือบทุกวัน หากต้องคอยหลบหน้า งานการคงไม่เดิน
ลมหายใจถูกปล่อยออกมาแรงๆ
“ขอเวลาฉันอีกนิดได้ไหม ไม่นานหรอก แล้วฉันจะเล่าให้คุณฟัง
---------------------------------------
ตอนนี้ "กลเล่ห์รัก" ยังมีจำหน่ายที่บูธสนพ.รักษ์วลี N05 โซน C1 ใกล้ศูนย์อาหารนะค้าาาา ไปรับหนุ่มหล่อนิสัยดี เจ้าเล่ห์นิดๆ กลับบ้านกันน้าาา อย่าให้พี่เขารอเก้อน้าาาาาา ><
หนังสือมีส่งเข้าไปแค่ 30 เล่มค่ะ คือหมดแล้ว เพราะจะพิมพ์ใหม่มีขั้นต่ำที่ 300 เล่ม ซึ่งสำหรับหนังสือทำมือจะสูงมากค่ะ ดังนั้นคงไม่ได้พิมพ์เร็วๆ นี้แน่นอน อยากได้พี่เขาไปนอนกอด ไปรับพี่เขากลับบ้านกันนะคะ
เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ต.ค. 2560, 13:09:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ต.ค. 2560, 13:09:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 954
<< บทที่ 21 [1/2] | บทที่ 22 [1/2] >> |