มนต์รักในคำสัญญา (Yaoi) - จบ
คำสัญญาที่เธอเคยให้ไว้กับชายที่รัก แต่ในชาตินี้เธอกลับจำไม่ได้และที่สำคัญเธอเกิดมาเป็นผู้ชาย " คำสัญญาที่เจ้าเคยให้ไว้กับพี่ เจ้าจำได้ไหม พี่รอคอยเวลาที่จะพบเจอเจ้ามานานแสนนาน ไม่ว่ากี่พบกี่ชาติพี่ไม่มีวันลืม" ความรักจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหรือจะต้องทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน
Tags: นิยายรัก มนตรา มนตร์ นิยายวาย BL Yaoi

ตอน: ความฝัน

บรรยากาศที่แสนจะร่มรื่น ลมพัดใบไม้พลิ้วไหว นทีกำลังยืนมองภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งกอดกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เบื้องหน้าเป็นหนองน้ำที่เขารู้จักว่าคือที่ใด เป็นสถานที่ที่เขาชอบมานั่งเล่นเป็นประจำนั่นเอง

เขาพิจารณาชายหญิงคู่นี้ว่าเป็นใคร จึงได้รู้ว่าผู้ชาย คือ นายศรวิญญาณที่ชอบตามติดเขาตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ส่วนหญิงสาวหน้าตาขาวสะอาดใบหน้ารูปไข่ไร้ซึ่งเครื่องสำอางตกแต่ง ผมสีดำขลับทรงดอกกระทุ่มตัดกับสีผิวเป็นอย่างดี ดวงตากลมโตสวยสดใส มองยังไงสองคนนี้ก็เป็นคู่รักกัน



"พี่มีความสุข ที่ได้ครองรักกับเจ้าเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องฉาวขึ้นกับครอบครัวพี่ เจ้าคงไม่ถือโทษโกรธหรอกใช่ไหม" ชายหนุ่มได้ก้มมองหญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของเขาด้วยความรู้สึกกังวลใจ



"ไม่เลยพี่ศร ถึงจะเป็นพี่น้องท้องเดียวกันแต่คนละคนกัน จันไม่เหมารวมหรอกจ้ะ" หญิงสาวส่ายหน้าใช้มือน้อยของเธอจับที่หน้าของชายที่เป็นที่รักอย่างแผ่วเบา ศรยิ้มให้กับหญิงสาวด้วยความรู้สึกรักใคร่



"พี่สัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้าจวบจนสิ้นลมหายใจ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่" ชายหนุ่มก้มหน้ามองคนรักเพื่อรอคำตอบ

"จ๊ะ จันขอสัญญาจะรักและซื่อสัตย์ต่อพี่จวบจนสิ้นลมหายใจเช่นกัน" หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของชายที่เป็นที่รักได้กล่าวตาม

"ถ้าเช่นนั้นขอให้เทวดาฟ้าดินเป็นพยานในความรักของเราทั้งสอง" ชายหนุ่มประกาศเสียงดังฟังชัดพร้อมกับยิ้มหวานให้แก่หญิงคนรักในอ้อมแขนที่ยิ้มรับเขาอยู่แล้ว พร้อมกันนั้นชายหนุ่มได้บรรจงประทับริมฝีปากที่ได้รูปสวยของหญิงสาวเพื่อเป็นการประกาศความรักของพวกเขา



นทีมองภาพชายหญิงตรงหน้าที่พลอดรักกัน ด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคยจึงแอบเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่จู่ๆ ภาพเหล่านั้นได้หายไป ถูกตัดมาเป็นภาพของหญิงสาวคนเดิมที่กำลังยืนร้องไห้มีน้ำตาอาบเต็มแก้มมองดูชายคนรักที่นอนกอดหญิงอื่นด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มบนเตียงนอนของเธอ เหมือนเสียงร้องไห้ของสาวน้อยที่ชื่อจันจะเข้าไปปลุกชายหญิงคู่นี้ให้ลืมตาตื่นขึ้นมา



"แม่จัน เดี๋ยวก่อนฉันอธิบายได้" ผู้หญิงคนนั้นตื่นตกใจรีบแก้ตัวทันที

"พี่อธิบายได้เช่นกัน ไม่ใช่อย่างที่เจ้าเห็นนะ" ศรได้สติก็รีบแก้ตัวเช่นกัน

"จะอธิบายอะไรอีก ฮึก ในเมื่อเห็นชัดเจนอยู่แล้ว"

เธอได้พูดทั้งน้ำตาที่อาบแก้มทั้งสองข้าง มองมายังชายหญิงที่อยู่บนเตียงด้วยสายตาที่ผิดหวังและเสียใจอย่างที่สุด เธอไม่อาจดูภาพที่ทำร้ายจิตใจของเธอได้อีกจึงหันหลังออกไปทิ้งให้ทั้งสองอยู่ในห้อง ศรเห็นหญิงคนรักเบือนหน้าหนีตนทั้งน้ำตายิ่งทำให้ใจของเขาแทบแตกสลาย

"เดี๋ยวก่อนแม่จัน อย่าพึ่งไปฟังพี่อธิบายก่อน"



"เฮือก"

นทีตกใจตื่นจากความฝัน เขาลุกขึ้นนั่งกอดเข่าทบทวนความฝันที่คล้ายชีวิตจริง เหมือนตัวของเขาเองไปอยู่ในฝันนั้น ร่องรอยของคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มยังคงอยู่ นทีนำมือของเขาจับที่คราบน้ำตาที่เปื้อนเต็มแก้มของเขาไปมาด้วยความรู้สึกที่สับสน ทั้งที่เขาไม่ได้ชื่อจันแต่ทำไมถึงต้องร้องไห้กับเรื่องในฝันด้วย ทำอย่างกับเกิดขึ้นกับตัวของเขาเอง

นทีลงมาทานอาหารเช้าด้วยจิตใจที่หดหู่ จนคนในบ้านมองและเป็นห่วงว่าเขาเป็นอะไรไป



"วันนี้พร้อมไหม อาเตรียมสอนเราจนทนไม่ไหวแล้วนะเนี่ย"

พศินดูร่าเริงมากในเช้าวันนี้ นทียิ้มให้กับผู้เป็นอา หัวสมองดันคิดย้อนถึงสิ่งที่อาของเขาลักลอบเป็นชู้กับพิมสาวใช้ แล้วมาเทียบกับการกระทำของศรกับหญิงที่เขาไม่รู้จักในฝันจึงเผลอถามบางอย่างออกมา ทำให้ทุกคนในห้องเงียบกันหมด



"อาศินคิดยังไงเวลาที่ผู้ชายแอบมีหญิงอื่นลับหลังภรรยาของเขา" พศินได้ยินถึงกับสะดุ้ง ซึ่งขณะเดียวกันนั้นทุกคนที่อยู่ในห้องรวมถึงสาวใช้ที่กำลังทำงานอยู่นั้นหันมามองคนทั้งสองอย่างใจจดใจจ่อ



"ทีเราพูดอะไรนะ ทำอย่างกับอาศินแอบมีเมียน้อย" รัตนาเหลือบมองพศินด้วยความสงสัยและระแวงในเวลาเดียวกัน จนนทีได้สติจึงรีบพูดขัดขึ้น



"ไม่ใช่อาศินหรอกครับ ผมนึกถึงผู้ชายทั่วไปนะครับ ว่าเขาคิดอะไรอยู่และรู้สึกยังไงในตอนนั้นถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ เท่านั้นเองครับ ไม่เกี่ยวกับอาศินหรอกนะ" นทีหันไปยิ้มให้พศิน ที่ทำสีหน้านิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง เขาเริ่มรู้สึกว่าตนถามในสิ่งที่เป็นอันตรายกับตัวเองหรือเปล่า

"อาก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเขาคิดอะไรอยู่เพราะอาไม่ใช่คนแบบนั้น อารักเดียวใจเดียว"

พศินพูดจบ เขาได้หยิบมือของรัตนาขึ้นมาหอมโชว์คนในบ้านทั้งหมด เป็นการประกาศว่าเขาไม่เคยนอกใจหญิงสาวตรงหน้าแม้แต่น้อย รัตนาถึงกับเขินจนหน้าแดง ส่วนนทีนึกขำในใจทำไมเขารู้สึกรังเกียจสิ่งที่พศินทำ



เมื่อจบบทสนทนาอันชวนน่าคลื่นไส้ในความคิดของนที เขาต้องเริ่มเรียนรู้งานทั้งหมดจากพศิน นทีได้เดินตามพศินไปรู้จักกับพื้นที่ 400 ไร่ที่เขาต้องรับผิดชอบว่าปลูกอะไรบ้าง พาไปรู้จักกับหัวหน้าคนงานทั้งหมดว่ามีกี่คนโดยรวมก็ 4 คนรับผิดชอบคนละ 100 ไร่ นี่ยังไม่รวมคนงานที่ทำงานในไร่อีก แต่พศินบอกว่ารู้จักแค่หัวหน้าก่อน ลูกน้องคนอื่นค่อยวันหลังยังทัน กว่าจะจบสิ้นการทำความรู้จักสถานที่รวมถึงคนที่ดูแล เล่นเขาหมดเวลาเป็นวันและต้องลากสังขารมานอนตากลมใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าหนองน้ำตามเดิม



"เจ้าเหนื่อยไหมแม่จัน"

เสียงของศรทำเอาเขาตื่นจากการพักผ่อน เขาได้ลืมตาและเห็นหน้าศรเต็มลูกตาของเขาทั้งสองเพราะศรเล่นยื่นหน้าเขามาเกือบจะแตะริมฝีปากของเขาอยู่แล้ว โชคดีที่นทีหันหน้าหนีได้ทันก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น



"เจ้าโกรธพี่เรื่องอะไร ดูท่าทางเปลี่ยนไปจากเมื่อวาน" ศรอดสงสัยไม่ได้เพราะเมื่อวานเขาไม่ได้มานอนเฝ้านที เขาออกไปฝึกพลังของตนเองกับแก้ว

"ไม่มีอะไรหรอก ผมขอตัวนะ" นทีลุกขึ้นเพื่อเดินกลับบ้านแต่ศรกางแขนทั้งสองข้างออกจากกันเพื่อกันนทีไม่ให้ไปไหน



"เจ้าจำเรื่องระหว่างเราได้แล้วใช่ไหมถึงได้เมินพี่เช่นนี้" ศรจับกระแสความคิดได้บางอย่างแต่เหมือนนทีจะพยายามหยุดมันเพื่อไม่ให้เขารับรู้ ศรจึงจับไม่ได้ว่านทีคิดอะไรต่อ

"พี่ศรเข้าใจผิดแล้ว...เฮ้ยย! ไม่ใช่ๆ คุณเข้าใจผมผิดแล้ว ผมไม่ได้ฝันอะไรทั้งนั้น" นทีรีบเบือนหน้าหนีไม่ให้ศรเห็นว่าเขานั้นรู้สึกเขินที่ตัวเองเผลอเรียกชายตรงหน้าว่าพี่ แต่หารู้ไม่ว่าการที่นทีพูดเช่นนี้เท่ากับเปิดทางให้ศรรับรู้ได้ว่านทีฝันถึงอดีตให้แล้ว



"เจ้ายังเข้าใจพี่ผิดอยู่นะ สิ่งที่เจ้าฝันนั้นมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดเลยสักนิด มีคนจัดฉากให้เจ้าผิดใจกับพี่" ศรพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารแต่นทียังคงยืนนิ่งอยู่ท่าเดิม เพียงเวลาไม่นานมีเสียงฝีเท้ากำลังเดินตรงเข้ามาหานทีทำให้ศรต้องหายตัวไป



"นายมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ เราโทรหาตั้งหลายสายไม่รับเลยเป็นห่วง"

ปถวีเดินตรงเข้ามาหานทีที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่กับที่ เขาคิดเป็นห่วงนทีมากกว่าเดิม นทีหันกลับมามองปถวีขณะที่คิ้วขมวดกันเป็นปม เขามองซ้ายมองขวาหาศรแต่ไม่เห็นเสียแล้ว เห็นแต่เพื่อนของเขาที่มองเขาเหมือนมีคำถามที่ต้องการคำตอบตอนนี้

"เออ...คือ เราเมื่อยนะ เลยมายืนรับลม เฮอะ เฮอะ"

นทีเกาหัวกลบเกลื่อนซึ่งแน่นอนว่าปิดปถวีที่รู้จักนทีตั้งแต่เด็กไม่ได้ แต่เขาไม่ได้พูดสิ่งใดออกไปเพราะรู้ว่านทียังไม่อยากบอก คงต้องสังเกตเอาเอง

"อืม ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว"



"ว่าแต่วีมีอะไรถึงมาหาถึงนี่" นทีถามกลับไป แต่ปถวีส่ายหน้า

"เราได้ข่าวว่าทีปฏิเสธเรื่องพินัยกรรมเลยอยากรู้ว่าคิดอะไรอยู่ ถึงปฏิเสธออกไปแบบนั้น" ข่าวแพร่ออกไปเร็วยิ่งกว่าลมพายุเสียอีก นทีถอนหายใจเฮือกใหญ่จนปถวียิ่งสงสัยหนักกว่าเดิม



"เราคิดว่าแค่มาฟังพินัยกรรมแค่นั้น พอจบแล้วจะกลับบ้านยายไปหางานทำตามที่เราเรียนมานะ คือใจเราไม่อยากอยู่ที่นี่ รู้สึกไม่คุ้นเคย" นทีอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาเหมือนกลัวว่าใครจะได้ยิน

"ทำไมล่ะที มีเราอยู่ทั้งคนนายมีอะไรทำไมไม่ปรึกษาเราหล่ะ เราเป็นห่วงนะ"

ปถวีขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มกึ่งดุคนตรงหน้า เขารู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมต้องมีแต่เขาเพียงคนเดียวที่ต้องวิ่งเต้นเป็นห่วงแบบนี้ ส่วนอีกคนกลับไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยสักนิด นทีไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเขาเงียบและรีบเดินหนีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา กลับเข้าบ้านไปด้วยความเหนื่อยล้า



เช้าวันใหม่มาถึง นทีไม่อยากลุกจากที่นอน เพราะความเมื่อยล้าจาการเดินทำความรู้จักสถานที่ทั้งวัน แต่เขาจำต้องลุกเนื่องจากวันนี้พศินนัดให้ดูงานในสวนส้ม ที่เป็นหนึ่งในผลไม้ที่คุณย่าของเขาปลูกขาย



"หอมจัง"

จมูกของนทีได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่มาที่นี่ เขาหยิบดอกกระดังงาขึ้นมาสูดดมซึ่งมันช่วยลดความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี เคยแอบสงสัยหลายครั้งเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นดอกไม้ชนิดนี้

"เพราะเจ้าเป็นคนบอกพี่เองว่าดอกกระดังงาจะช่วยให้ผ่อนคลาย ลดอาการเมื่อยล้า​ได้แถมยังช่วยให้สมองโล่งคิดอะไรได้มากขึ้นอีก เมื่อก่อนเจ้าจะวางบนหัวเตียงให้พี่ทุกวัน เจ้าพอจำได้ไหม" ศรรอนทีตื่นเพื่อที่จะได้เข้าไปคุยใกล้ๆ เหมือนเคย แต่นทีกลับทำเป็นไม่ได้ยินหรือเห็นวิญญาณตรงหน้าแม้สักนิดเดียว ทำให้ศรรู้สึกเหมือนว่าตนเป็นวิญญาณที่โดนเมิน เขาจึงรีบไปขวางนทีไม่ให้ลุกจากเตียง



"เฮ้ย! คุณจะทำอะไรนะ"

นทีโดนศรใช้พลังงานของตนผลักให้นอนหงายติดเตียงทั้งตัวไม่สามารถขยับได้ ความรู้สึกที่คนอื่นบอกว่าเป็นอาการผีอำแต่สำหรับเขาเป็นอาการผีทับมากกว่า จนนทีรู้สึกหายใจไม่ออกอยากจะพูดแต่พูดออกมาไม่ได้ แต่ศรกำลังอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดที่นทีไม่ได้ดั่งใจเขา จนนทีต้องร้องก้องในใจให้ศรปล่อยตัวเขาเสียที

'ผมหาย...ใจ...อึก...ไม่ออก'

เสียงที่ร้องก้องอยู่ในใจเตือนสติให้ศรปล่อยนทีไปด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด เมื่อนทีถูกปล่อยเขาจึงลุกขึ้นนั่งสูดอากาศเข้าปอดให้เต็มที่

"คุณจะฆ่าผมหรือไง"

นทีตำหนิศรด้วยสายตาแห่งความโกรธทำให้ศรรู้สึกไม่ดี เขาจึงง้ออีกรอบเมื่อนทีเตรียมที่จะลุกออกจากห้องหนีเขาไป



"เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ยกโทษให้พี่เถอะ" ศรใช้ความพยายามตามไปขอคืนดีกับนที เขาเผลอใช้พลังงานกับนทีมากเกินไป แต่นทียังคงหลบและหนีเขาอยู่อย่างนั้น ทำให้ศรหมดความอดทนอีกครั้ง

"พี่จะไม่ให้เจ้าไปไหนจนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง"



"มีอะไรต้องคุย ผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยเลิกยุ่งกับผมได้แล้ว"

นทีเริ่มหมดความอดทนเช่นกัน ที่ศรคอยขวางทางเขาตอนนี้ นทีสับสนว่าตนเองโกรธเรื่องอะไรกันแน่ระหว่างเรื่องที่ตนฝันหรือโกรธที่ศรทำเขารุนแรงจนเกือบขาดอากาศหายใจตาย



"ไม่ใช่ เจ้าเข้าใจพี่ผิด พี่ยังไม่ทันบอกความจริง เจ้ามักชอบหนีพี่" ศรพยายามอธิบายอีกครั้งคราวนี้นทีหยุดหนีศรและหันมามองด้วยความรู้สึกสงสัย เขาอยากรู้เหมือนกันว่าความจริงที่ว่าคืออะไร

"ความจริงอะไรครับ"



"พี่ยังบอกไม่ได้ เพราะ..." ศรหยุดพูดไปเสียอย่างนั้นทำให้นทีเริ่มหัวเสียอีกครั้ง

"เพราะอะไร" เขาถามศรกลับไปอีกรอบ



"ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้ พี่ขอร้อง อย่าทำเหมือนเราไม่มีเยื่อใยต่อกัน"

เขามีเหตุผลที่ไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ ถ้าบอกทั้งหมดไปนทีจะต้องลำบากกว่าเดิมอย่างแน่นอน เขาจึงจับแขนนทีให้หันมาฟังเขาให้ชัดเจนอีกครั้ง แต่นทีพยายามขัดขืนการจับกุมของศร เพราะศรไม่บอกสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกันอีก

"ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยผมได้ไหม"



"อย่าพูดแบบนี้กับพี่ได้ไหม มันทำร้ายจิตใจของพี่" ศรพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารจนนทีเห็นแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่



"ก๊อก ก๊อก ที ตื่นยัง" เสียงเคาะประตูของพศินทำให้ศรและนทีหันไปมองตามเสียงนั้น นทีจำต้องขานตอบเพื่อไม่ให้พศินสงสัย

"ครับ"



"พี่ขอเตือนเจ้าให้ระวังตัว" ศรพูดจบได้ปล่อยนทีแล้วหายตัวไป ปล่อยให้นทียืนอยู่กลางห้องเพียงคนเดียว

"ที วันนี้ต้องไปแต่เช้านะ" เสียงของพศินดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้นทีได้สติไปเปิดประตูคุยกับพศิน

"ครับๆ ผมขอเวลา 5 นาทีครับ"

"เร็วด้วยนะอารีบ"




HM06
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2560, 21:02:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2560, 21:02:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 537





<< พินัยกรรม   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account