เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา
ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง
เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ
ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่
รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า
Tags: โรมานซ์
ตอน: ตอน 14
ตอน 14
คีรวัฒตามนางเอกตัวปลอมมาทันที่หน้าลิฟต์ เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่เห็นเธอยังยืนอยู่ โดยไม่รู้ว่าที่เขาตามทันนั่นเพราะธาราธารยืนรอ พอหางตาเห็นเขา ก็กดเรียกลิฟต์ ซึ่งเปิดออกพร้อมๆกับที่เขาเดินมาถึง เธอก็เดินเข้าไปในลิฟต์เขาก็ก้าวตามไป
เธอแสร้งยื่นมือไปกดเลขชั้น แต่คีรวัฒกลับกดล็อกให้นิ่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับบอกให้เธอรู้ความรู้สึกของเขา “คิวขอโทษนะคะ ธาราอย่าโกรธเลย”
“ฉันไม่ได้โกรธ แต่คิดว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่เราจะต้องเจอกันอีกแล้ว”
“โธ่ ไม่จำเป็นได้ไง จำเป็นซิคะ เพราะคิวไม่เคยลืมธาราเลย คิวยังรู้สึกดีๆอยู่เสมอ และอยากจะคุยด้วยจริงๆ อยากให้เรา...”
เธอรู้ว่าเขาจะพูดอะไร แล้วตัดบทเล่นตัวออกมา “ตอนนี้ฉันไม่ว่างแล้วค่ะ”
“งั้นผมโทรหาได้ไหม”
“อยู่ที่คุณจะพยายามหรือเปล่า”
เธอบอกแต่แววตาท้าทายอย่างเปิดเผย แล้วกดลิฟต์ให้เปิดออก คีรวัฒยิ้มแล้วยอมถอยออกไป และยืนมองเธอจนประตูลิฟต์ปิด ก็เดินกลับไปที่ห้องอาหาร ส่วนหญิงสาวที่เขาคิดว่าเป็นอดีตคนรู้ใจ ก็ยิ้มอย่างสมใจแต่แววตากลับร้ายตามแผนร้ายที่วางไว้ต่อไป
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือส่งเสียงขึ้นมา เธอเปิดประเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามา แล้วกดรับสาย “ค่ะแม่”
“หนูว่างหรือเปล่า”
“แม่มีอะไรคะ”
“ไปหาคุณกับแม่”
เธออ้าปากจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจรับปาก จากนั้นก็โทรหาผู้จัดการสาว ให้กลับไปสร้างข่าว เพื่อให้กระเทือนไปถึงนางเอกตัวจริง
**********
อาคารสามชั้นที่ตั้งของบริษัทเดินเรือ นายภษิตนั่งไม่เป็นสุขอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เพราะทุกนาทีที่ผ่านไป คือลมหายใจของเขาที่สั้นลง ข่าวจากลูกน้องที่ให้ตามตัวไอ้ธอร์ ก็ยังไม่ได้ข่าว หายเงียบจนเขาต้องหยิบโทรศัพท์โทรไปถามมันด้วยตัวเอง แต่คำตอบที่ได้จากมันนั่นยิ่งทำให้เขาหัวเสีย
“ยังไม่เจอเลยครับนาย”
“เฝ้าต่อไป และเฝ้าให้ดี ถ้าไม่ดี มึงก็รู้ใช่ไหมว่าจะเจอกับอะไร” เขาเตือนเพราะหูตาของตระกูลแอ็คส์แน็คนั่นยังกับตาสับปะรด
“ครับนาย”
“ดี” เขาชมแล้ววางสายจากลูกน้อง แต่ไม่ได้มีความสบายใจเลย ครั้งแรกเจอตัวแล้วก็พลาด ครั้งที่สองนี้รู้ที่อยู่แล้วก็ยังไม่ได้เรื่องอีก เขาถอนหายใจออกมายาวๆแล้วกดหมายเลยโทรไปหาลูกน้องอีกสองคนที่คุมตัวไอ้นักข่าวไว้ ซึ่งได้ส่งภาพที่สะบักสะบอมของมันมาให้เขาได้สะใจ แล้วสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือดังขึ้น ยิ่งเห็นชื่อคนโทรมา หน้าเขาก็ซีด
“ครับนาย ยังครับ พยายามอยู่ครับ ครับ ไม่ทำให้นายผิดหวัง หรือเรื่องสาวไปถึงนายแน่นอน ครับ ครับ” เขาได้แต่รับคำ” พออีกฝ่ายวางสายไปก็เป่าลมหายใจออกมาจากปาก จากนั้นก็คิดหาทางหนีทีไล่ ดีกว่านั่งรอให้ความตายมาหาทุกวินาที แม้รู้ว่ารอดอยาก แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
******
บนคอนโดหรู นายประชายืนอยู่ตรงระเบียง มือถือโทรศัพท์ขณะสายตากำลังสุนทรีย์กับวิวยามเย็น แล้วแข็งกร้าวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหลัง “คุยกับใครคะ” เขาหันมามอง คนที่ถามชะงักไปนิดเมื่อเห็นแววตานั้น เขาจึงรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรไป รีบปรับเปลี่ยนให้เป็นปรกติ คนที่มองจึงคิดว่าตัวเองตาฝาด ยิ่งเขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ก็ไม่ติดใจอะไรอีก
“ฉันคุยเรื่องธุรกิจ เธอมีอะไรหรือเปล่า”
“เลอมาบอกว่า ธาราตกลงจะมาพบคุณแล้วค่ะ”
“ไปบังคับอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ แต่เลอคิดว่าแกคงอยากได้คำปรึกษาเหมือนเลอที่มาหาคุณ เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ในตอนนี้” นางว่าแล้วนิ่งไปเหมือนกำลังคิดตัดสินใจบางอย่าง แล้วพูดออกมา “เลอจะไม่พูดเรื่องนี้กับลูกดีกว่า ไม่อยากดึงลูกมาเกี่ยวด้วย ให้แกแค่ขอบคุณคุณก็พอ”
“ตามใจเธอ ก็ดีเหมือนกัน กันแกออกห่าง จะได้ไม่ต้องพะวงหลายอย่าง ให้ทำงานได้เต็มที่”
“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ คุณช่างดีกับเลอจริงๆ” นางว่าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ มองฟ้ายามเย็นที่สวยด้วยความสบายใจ ที่วันนี้ขวากหนามในชีวิตของนางก็ถูกกำจัด และลูกของนางก็ว่าง่าย มาพบคนที่นางรัก แล้วลุกขึ้นพลางบอกว่า “เลอไปเตรียมอาหารกับไวน์ไว้ฉลองกันดีกว่า ธารามาถึงก็เสร็จพอดี”
“ลูกเธอจะไม่สงสัยเหรอ ว่าฉลองอะไรกัน”
“เลอมีคำตอบให้อยู่แล้ว คุณไม่ต้องห่วง”
“งั้นก็ตามใจ”
นางเลอรัศมีเดินไปหอมแก้มเขา แล้วหมุนตัวเดินเข้ามาในห้อง จัดการทุกอย่าง ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไรเลย แค่โทรไปสั่งรีเซฟชั่นของโรงแรมให้จัดอาหารกับไวน์มาให้เท่านั้นเอง ครึ่งชั่วโมงผ่านไปทุกอย่างก็มาพร้อมอยู่ในห้องของเธอ นางยืนมองอย่างพอใจ เดินไปคล้องแขนนายประชาให้มานั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น นางเลอรัศมีรีบไปเปิดประตูห้องทันที แล้วยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งก็คือลูกของนาง จับแขนดึงให้เดินเข้ามาข้างใน ดันตัวให้มายืนอยู่ตรงหน้านายประชา ธาราธารยกมือขึ้นไหว้ อย่างพอจะรู้ว่าเขาเป็นใคร “สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี ฉันดีใจที่เราได้เจอกันเสียงที นั่งซิ”
ธาราธารขยับตัวมานั่งลงบนเก้าอี้ทางซ้ายมือเขา มองคุณของแม่ที่บอกย้ำกับเธอหลายครั้งว่ามีบุญคุณมากมาย ท่าทางเขานั้นดูใจดี แววตาฉายชัดถึงความรักที่มีให้แม่ของเธอ และยังเอาใจใส่ด้วยการลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้แม่เธอนั่งอีกด้วย
นางเลอรัศมียิ้มหวานให้เขา นางรู้สึกเหมือนถึงครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูก แล้วหันไปมองสายเลือดของนาง “แม่เตรียมไว้ให้หนูอยากทานอะไรเพิ่มหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ” เธอบอกพลางมองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ และแก้วไวน์ที่รินไวน์ไว้ราวกับมีการฉลอง ก็ถามด้วยความสงสัย “ฉลองอะไรคะ”
“ก็ฉลองที่เราสามคนได้อยู่กันพร้อมหน้า อีกอย่างฉลองความสำเร็จไว้ล่วงหน้า”
“เรื่องอะไรคะ”
“ตัวจริงของลูกไง แม่มั่นใจว่าอีกไม่นานลูกจะต้องสมหวัง”
พูดจบนางก็ยกแก้วขึ้นเชิญคนรักลูกรักชนร่วมฉลอง ก่อนจะดื่มด้วยความสุขใจ ธาราธารก็ดื่มแต่สายตาปรายไปมองคุณของแม่ ที่กำลังดื่ม แต่สายตาก็มองเธออยู่เหมือนกัน และถ้านางเลอรัศมีเห็นคงเอะใจ เพราะสายตาของทั่งคู่เหมือนสื่ออะไรกันอยู่
“หนูอยู่ได้ไม่นานนะคะ จะต้องรีบกลับ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปกองถ่ายอีก”
“จ๊ะ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ ลูกกลับพร้อมแม่เลยแล้วกัน” ว่าแล้วนางก็ตักอาหารใส่จานนายประชา ก่อนจะตักให้ลูก แล้วตักให้ตัวเอง ทานไปคุยไป และนึกถึงความสงสัยบางอย่างที่ยังไม่ได้คำตอบจากลูก “คราวก่อนแม่ถามหนู ว่ารู้เรื่องของแม่กับคุณได้ยังไง หนูยังไม่ตอบแม่เลย”
“ไม่รู้หรอกค่ะ หนูพูดเพราะคิดว่าแม่ยังสาวยังสวย น่าจะมีใครคุยอยู่บ้าง ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง”
“แค่นี้จริงๆเหรอ”
“ค่ะ แม่สงสัยอะไรเหรอคะ”
นางเลอรัศมียิ้มประมาณว่าไม่สงสัยแล้ว แต่ในใจนั้นยังติดใจ เพราะคำตอบมันง่ายจนยากจะเชื่อ ที่สำคัญลูกนางเอ่ยชื่อเขาออกมาได้ถูกต้อง จากนั้นนางก็เป็นตัวกลางสร้างความเป็นกันเองระหว่างคนรักกับลูกรัก ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปในทางที่ดี ไม่มีการต่อต้านจากลูก อย่างที่นางหวั่นไว้ แต่ความจริงที่นางไม่รู้ ถ้าได้รู้มันเกินกว่าคำว่าหวั่น ถึงขั้นทำให้นางช็อกก็เป็นได้
**********
รถยนต์ของธอร์ขับเข้ามาที่หน้าบันไดคฤหาสน์แอ็คส์แน็ค เขาเปิดประตูลงจากรถ ไปเปิดประตูฝั่งเธอนั่ง แล้วอุ้มร่างอรชรออกมา เดินขึ้นบันไปเข้าไปด้านใน ตรงไปยังห้องนั่งเล่น ก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธทุกที่ๆเธอจะไป ไม่ว่าจะเป็นร้านคอฟฟี่บายทีหรือคอนโดหรูของเธอ เพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัย อาจจะมีคนของตามใบบอกสะกดรอยตามอีก ที่นี่จึงปลอดภัยที่สุด
หลังจากที่เธอบอกว่าไอ้สองคนนั้นเป็นคนจับเธอไปโยนทะเล เขาก็โทรให้ฉลามมาเอาตัวมันไป เก็บชีวิตมันไว้ เพื่อที่จะใช้เป็นเหยื่อล่อเสือออกจากถ้ำ แต่ก่อนไปฉลามก็ได้บอกเรื่องสำคัญกับเขา ซึ่งคืนนี้เขาคงได้ไปจัดการ จากนั้นก็โทรหาหมอประจำตระกูล ซึ่งคงมาถึงไล่หลังเขามาแน่ๆ ธอร์วางตัวเธอลงบนโซฟานุ่ม แล้วลุกไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้เธอก่อนหมอจะมาถึง
สาวใช้เดินเข้ามาบอกเขาว่ามาดามไม่อยู่ ถูกหลานสาวมารับตัวไปอยู่ที่เรือนไทย เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่มีเวลาคิดว่าทำไม ธอร์ถือกล่องยากับผ้าขนหนูที่ซับน้ำมาหมาดๆกลับมาหาเธอ เช็ดหน้าให้อย่างแผ่วเบา แล้วใช้เจลเย็นๆประคบที่แก้มนุ่ม ที่บวมเพราะฝ่ามือไอ้เลวนั่น เขาอ่อนโยนอย่างที่ธารธาราไม่คิดว่าจะทำได้ และเธอไม่เคยได้รับสิ่งนี้จากใครแม้กระทั่งคนที่ให้กำเนิด
ธอร์ให้เธอถือเจลประคบแก้มไว้ แล้วเปิดเสื้อดูแผลที่ข้างเอว ธารธารารู้สึกเขินขึ้นมาทันที ใช้อีกมือดึงเสื้อไว้ไม่ยอมให้เขาเปิดง่ายๆ จึงถูกเขามองอย่างดุๆ ก่อนจะบอกว่า “ฉันจะทำแผลให้ จะดูให้ก่อนที่หมอจะมาถึง”
“รอหมอดีกว่า แต่ถ้าจะทำฉันทำเองได้”
“ไม่ใช่เวลาที่จะมาดื้อ”
“ไม่ได้ดื้อค่ะ แต่ทำเองได้จริงๆ” เธอยืนยันทั้งคำพูดและสีหน้า เพราะแผลที่โดนปลายมีดนั้น ไม่ได้ลึกและอยู่ในจุดที่ไม่ได้ลำบากในการจะทำ แต่ธอร์ก็ไม่ยอมเธอเช่นกัน ทั้งคู่เคยพูดเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้ว และเธอก็แพ้ทุกที
“ไม่ได้ค่ะ เพราะอยากทำให้” เขาแกล้งพูดหวานๆเลี่ยนๆเพื่อให้เธอได้ขำไม่พะวงกับเรื่องแผล ซึ่งก็เป็นอย่างที่หวัง ธารธารายิ้มขำเพราะฟังแปลกๆและไม่เข้ากับหน้าคมเข้มของเขาเลย ธอร์จึงแสร้งขึงขังออกมาว่า “อย่ายิ้ม”
“อ้าว มีห้ามด้วย ห้ามทำไมคะ”
“เดี๋ยวฉันอดไม่ไหว เพราะน่ารักเกินไป เดี๋ยวจะโดนจูบ”
ธารธาราหุบยิ้มทันที มองค้อนเขาพลางกลั้นรอยยิ้มไม่ให้หลุดออกมา แล้วยินยอมให้เขาทำแผลให้ บาดแผลที่เห็นทำให้สีหน้าของธอร์กร้าวขึ้น แม้แผลจะไม่ลึกแต่ก็มีหลายแผล เลือดซึมเปื้อนไปทั้งเสื้อทั้งกางเกงของเธอ เขาใช้สำลีชุบแอลกอฮอร์เช็ดเลือดให้
“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว”
เขาพูดไม่ทันขาดคำ คุณหมอสูงวัยก็เดินเข้ามา ธอร์ยกมือขึ้นไหว้หมอ ธารธาราก็เช่นกัน จากนั้นเขาก็หลีกทางให้คุณหมอทำแผลให้เธอ ไม่นานก็เรียบร้อย คุณหมอให้ยาแก้อักเสบกับแก้ปวดไว้ และสั่งไม่ให้แผลโดนน้ำ ทั้งคู่ขอบคุณหมอแล้วเขาก็เรียกสาวใช้ให้ไปส่งคุณหมอ
ธอร์นั่งลงบนโซฟาข้างเธอ ปลายนิ้วเขาแตะรอยแดงบนแก้มนวล อย่างนุ่มนวล ธารธารารู้สึกซึ้งใจกับทุกสิ่งที่เขาทำให้ ได้แต่บอกเขาว่า “ขอบคุณค่ะ”
“ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม” เขาบอกพลางใช้ถุงเจลประคบรอยแดงที่แก้มเธอ
“ไม่ได้ค่ะ”
“ยังไม่รู้เลยว่าเป็นอะไร ทำไม่รีบปฏิเสธ”
“ก็ท่าทางคุณไม่น่าไว้ใจ”
“ฉันเหลี่ยมเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” ปากเขาคุย ขณะสายตามองแก้มบางครั้งก็มองนัยน์ตาเธอจนทำให้ธารธารารู้สึกเขิน โดยไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดได้ง่ายเหลือเกิน หรือความอบอุ่นที่เคยมีมันเพิ่มพูนขึ้นเต็มหัวใจแล้ว
“ค่ะ”
“งั้นทายใจหน่อยซิว่าฉันจะขออะไร”
“หอมแก้ม” เสียงเธอเบาจนเกือบเป็นกระซิบ ธอร์ได้ยินแต่แกล้งไม่ได้ยิน ถามซ้ำให้เธอพูดให้ฟังหลายรอบ ปลายนิ้วเรียวจึงหยิกแขนเขาด้วยความหมั่นไส้ เขาจึงจับมือเธอมารวบไว้ แล้วพูดด้วยเสียงที่จริงจังออกมาว่า
“เปลี่ยนจากขอคบ มาเป็นเราคบกันไหม”
ธารธาราแก้มแดงปลั่งบอกความเขิน อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่...
“อะแอ่ม” เสียงที่ดังขึ้นนั้น ทำให้แก้มแดงๆของธารธาราหายไปทันที หันไปมองคนที่ยืนไขว้ขาพิงขอบประตูอยู่อย่างงุนงง ว่าเป็นใคร แต่ธอร์ไม่งงและแทบจะลุกขึ้นไปแตะคนพูด ที่ทำลายความหวานของเขา ชี้หน้าคาดโทษ แล้วบอกว่า “หยุดพูด แล้วออกไปก่อน” แต่แทนที่คนถูกห้ามจะทำตาม กลับกลายเป็นยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ
ร่างสูงเดินเอามือล้วงกระเป๋าเข้ามาในห้อง ยืนตัวตรงแล้วก้มตัวลงโค้งคำนับ พอยืดตัวขึ้นก็ยิ้มให้หญิงสาวที่เขามองไม่วางตา พูดเสียงทุ่มนุ่มออกมา “สวัสดีครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” ธารธารามองหน้าคมที่มีส่วนคล้ายธอร์อย่างงงๆ พร้อมกับคิดว่าไม่เป็นพี่น้องก็ต้องเป็นญาติกับเขา
“ผมเมธัสครับ หรือกัปตันธีร์”
“น้ำ ธารธารา”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่สะใภ้”
“ไม่ใช่นะคะ” เธอปฏิเสธออกมาพร้อมแก้มที่แดงปลั่ง ปรายตาไปมองหน้าคมที่บึ้งขึ้นมา อย่างไม่รู้ว่าเขาบึ้งเพราะคำพูดเธอหรือบึ้งเพราะไม่พอใจอีกคน ขณะที่ธีร์ก็ยิ้มขำ ไม่กลัวสีหน้าบึงๆของอีกคนเลย
“ไม่ใช่ถ้าอย่างนั้น สวยขนาดนี้ งั้นธีร์ขอจีบได้ไหมคะ”
ธารธาราทำหน้าไม่ถูก เพราะคำพูดกับหน้าตาที่กรุ่มกริ่มนั้น ทำให้รู้สึกแปลกมากกว่าจะเขินอาย แล้วตอบออกมา “ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมครับ”
*****
เธอไม่ทันตอบ ธอร์ก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “ไปเลยนายธีร์ ถ้าไม่อยากให้ฉันลากนายเข้าเรือนโทษ ขึงพรึดให้ลาบจำก็อย่ามากวนบาทา”
“บาทาเหรอ ไม่ใช่มั่งพี่ชาย ตรงนี้มากกว่า” ธีร์ตบที่หัวใจ ยักคิ้วล้อ แล้วหันมายิ้มหวานให้หญิงสาวที่เขามองตาก็รู้ไปถึงก้นบึ้งของพี่ชายแล้วว่าคิดยังไงกับเธอ “เมื่อกี้ยังไม่ได้ตอบธีร์แล้วนะคะ ว่าทำไมถึงปฎิเสธธีร์”
“ฉันมีคนที่คบแล้วค่ะ”
“ใครครับ”
ธารธาราเม้มริมฝีปากข่มความเขิน ขณะที่ชายหนุ่มสองคนก็รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ คนหนึ่งนั่นหัวเราะร่าอยู่ในใจเพราะพอจะรู้คำตอบ และมั่นใจว่าที่คิดอยู่นั้นต้องใช้แน่ๆ ขณะอีกคนรู้สึกชาไปทั้งใจ เมื่อไม่ได้คิดว่าจะเป็นตัวเอง เพราะนางเอกดังอย่างเธอ คงมีผู้ชายเข้าแถวมอบความรักให้มากมาย
คนห่ามๆเถื่อนๆ ปากเสียอย่างเขาเธอคงไม่ชอบ แม้เขาจะขอคบเธอมาแล้ว ถึงไม่มีคำปฏิเสธออกมา แต่ใช่ว่าจะตกลง และที่ยินยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต ก็เพียงเพื่อสิ่งเดียวเท่านั้น คือการยืมมือหาตัว...ฆาตกร
ธอร์ไม่รอฟังคำตอบ เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้สองคนที่เหลืองงเป็นไก่ตาแตก โดยเฉพาะธารธารา มองตามหลังร่างสูงไปอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะน้อยใจแล้วกลายเป็นการเหยียดหยันตัวเอง ว่าที่เขาไม่อยากฟัง เพราะไม่ได้ชอบเธอจริงๆ ที่ทำมาทั้งหมดก็แค่แกล้งหยอกเล่นเหมือนหมาหยอกไก่ หรือไม่ก็แค่อยากทดลองเสน่ห์ของตัวเอง ว่าจะใช่ได้กับนางเอกอย่างเธอ ที่ใครๆก็อยากควงด้วย จับมือพาเธอเดิน ให้กำลังใจมากมาย แต่สุดท้ายเมื่อรู้ว่าเธอมีใจ ก็ไม่อยากผูกมัดตัวเอง สะลัดมือที่จับไว้ แล้วเดินจากไป
...ช่างโหดร้าย...
ธารธาราเจ็บไปทั้งใจ น้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอวาวไปทั้งดวงตา กำมือกดความเจ็บปวด ที่เพียงคิดก็เจ็บร้าวไปทั้งใจ เจ็บมากกว่าครั้งแรกที่ถูกทิ้งไว้กลางทาง เพราะเธอรักเขาไปแล้ว น้ำตาไหลหยดลงมา เธอหันหน้าหนีเพราะไม่อยากให้คนที่ยืนอยู่ เห็น แล้วลุกขึ้นเพื่อจะไปจากที่นี่ จะอยู่ไปเพื่ออะไร เมื่อเขาทิ้งเธอไปอย่างไม่สนใจ ทั้งที่คำตอบที่เธอจะพูดออกไปนั่นคือ...เมธิส
********
ห้องทานอาหารของตระกูลธรธารา อาหารสามสี่อย่างวางอยู่บนโต๊ะ จานช้อนแก้วน้ำเตรียมพร้อมไว้ให้คุณๆทุกคน คุณหญิงทองจันทร์เดินเข้ามาเป็นคนแรก ท่านนั่งที่เก้าอี้ประจำหัวโต๊ะ มองซ้ายมือขวามือไม่มีหลานกับลูกสะใภ้ ก็หันไปมองคนสนิทที่ยืนรอตักข้าว ก็ถามออกมา
“หายไปไหนกันหมดละพุด”
“คุณน้ำยังไม่กลับค่ะ ส่วนคุณแขตั้งแต่กลับมาก็อยู่แต่บนห้อง คุณเลอออกไปตั้งแต่ช่วงสายๆ ก็ยังไม่กลับมาค่ะ”
“งั้นก็ตักข้าวเถอะ ไม่ต้องรอใครหรอก เพราะธาราก็ถ่ายละคร ไม่เป็นเวลาอยู่แล้ว”
“ค่ะ” นางพุดขยับตัวเข้ามามาตักข้าวให้คุณหญิง แล้วถอยออกไปยืนที่มุมห้อง
คุณหญิงจับช้อนขึ้นมาจะทานข้าว แต่ต้องชะงักไปเล็กน้อย เมื่อนางจรัสแขเดินเข้ามานั่งที่ของตัวเอง นางพุดเดินเข้ามาตักข้าวใส่จานให้แล้วถอยออกไปยืนที่เดิม
จรัสแขทานข้าวไปเงียบๆ ซึ่งผิดปรกติจากทุกครั้ง ที่นางจะต้องพูดกระแหนะกระแหนถึงเลอรัศมี หรือไม่ก็พูดถึงเงินทองที่นางจะได้หรือใช้ ไม่มีที่จะนิ่งเงียบแบบนี้
คุณหญิงปรายตาที่แปลกใจไปมองนางพุด ซึ่งสีหน้าแววตาก็ไม่ต่างจากท่าน คุณหญิงทานข้าวไปจับตามองไปกระทั่งเห็นจรัสแขวางช้อน ให้รู้ว่าอิ่ม ท่านก็วางช้อนเช่นกัน นางพุดหันไปพยักหน้าให้สาวใช้ที่คอยอยู่นอกห้อง เข้ามาเก็บโต๊ะ เรียบร้อยแล้วจรัสแขก็ลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้อง แต่เสียงคุณหญิงดังขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยว” เสียงของท่านทำให้นางจรัสแขนั่งลงที่เดิม ท่านก็ถามออกมา “วันนี้หล่อนไม่พูด นิ่งเงียบเป็นอะไร หรือมีอะไรหรืเปล่า”
“มีค่ะ แต่คุณแม่คงช่วยไม่ได้” เสียงตอบก็นิ่งเรียบแปลกไปกว่าทุกวัน
“หล่อนยังไม่บอกฉันเลย แล้วจะรู้ได้ยังไง ว่าฉันช่วยไม่ได้”
“เพราะแต่ไหนแต่ไรมา คุณแม่ไม่เคยช่วยอะไรแขได้เลยไงคะ”
“หล่อนจะปรามาสฉันเกินไปแล้วนะ” เสียงคุณหญิงขุ่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่มีท่าทางยิ้มเยาะเหยียดหยันจากสะใภ้ของท่านเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ไม่เลยค่ะ แขพูดจากที่แขเห็น และรู้ว่าต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้น”
“หล่อนจะทำอะไรอีก ทุกวันนี้สร้างความเดือดร้อนให้ยัยน้ำไม่พออีกหรือไง”
นางยิ้มหยันออกมา แล้วถาม “แขเป็นแม่ที่แย่มากใช่ไหมคะ คุณแม่ถึงไม่เคยเห็นว่าแขดี ไม่เหมือนเลอรัศมีที่เอาอกเอาใจคุณแม่ และรักลูกเท่าชีวี”
“ก็รู้ตัวนี้”
“งั้นแขก็ควรจะทำอะไรๆด้วยตัวเองอีกเหมือนเดิม แต่คุณแม่รู้ไว้อย่างนะคะ ถึงแขจะเป็นแม่ที่แย่ ไม่ใส่ใจลูก แต่ลูกแขใครก็มาแตะไม่ได้ ถ้ารู้ว่าเป็นฝีมือใคร แขจะตามราวีให้ถึงที่สุด”
พูดจบ นางก็ลุกออกไป ทิ้งให้แม่สามีกับนางพุดงุนงงว่านางพูดถึงอะไร แล้วส่ายหน้ากันออกมา เมื่อคิดเหมือนกันว่านางหมายถึงเลอรัศมีที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนางนั่นเอง
******
จรัสแขเดินออกจากตึกหลังใหญ่เพื่อไปเดินเล่นที่สนามหญ้า แต่กลับยืนนิ่งอยู่ที่หน้าตึก เมื่อเห็นรถวิ่งเข้ามา สายตาของนางกร้าวขณะจ้องไปที่รถคันนั่นกระทั่งจอดนิ่งสนิท แล้วคนขับกับคนที่นั่งมาด้วย ซึ่งก็คือสองแม่ลูกที่เธอเกลียดชังนั่นเอง นางเดินเข้าไปหาทันที ธาราธารยกมือขึ้นไหว้ แล้วขอตัว เพราะไม่อยากจะยุ่งหรือพูดด้วย แต่...
“เดี๋ยว” นางจรัสแขเรียกไว้ จ้องหน้าอย่างเหยียดๆ แล้วพูดออกมา “นางเอกดังธอธง ย่องทานข้าวกับถ่านไฟเก่า มันหมายความว่ายังไง”
“คืออะไรคะ”
“อย่ามาทำหน้าซื่อ ตาใส ใส่จริตว่าหนูไม่รู้เรื่อง เพราะฉันไม่เชื่อ”
“แต่หนูไม่รู้จริงๆว่าคุณน้าพูดถึงอะไร” หน้าของธาราธารบอกความงุนงงออกมาจริงๆ นางเลอรัศมีก็ไม่ต่างกัน
“นั่นนะซิ อยู่ๆก็มาปรักปรำลูกฉัน มันจะมากไปแล้วนะ”
“สำหรับแกสองคนมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับความเลวที่ทำกันไว้ แต่เอาเถอะฉันจะยอมโง่ ไม่รู้ทัน เพื่อจะบอกให้รู้ก็ได้ว่า ที่ฉันพูดนั่นหมายถึงข่าวซุบซิบ ที่มีภาพว่อนอินเตอร์เน็ตอยู่ตอนนี้”
“ภาพอะไร” นางเลอรัศมีถาม แล้วเปิดกระเป๋าถือหยิบโทรศัพท์ออกมาหาข่าวทันที ไม่นานก็ได้เห็น นางหันไปมองหน้าลูก ซึ่งสีหน้านั่นบอกให้รู้ว่าไปทำมาจริงๆ
“คราวนี้พอจะนึกออกแล้วซินะว่าไปทำอะไรมา แล้วอย่ามาแหลว่าเป็นคนหน้าคล้ายหน้าเหมือน เพราะรูปนั่นมันฟ้องว่าเป็นเธอแน่นอน ที่แอบย่องไปพบกับอดีตคนรู้ใจของยัยน้ำ ซึ่งถ้าเธอไม่มีความคิดเลวๆอยู่ก็คงไม่ทำ”
“ธารายอมรับว่าเจอเขา แต่เมื่อกี้ที่ไม่ยอมรับเพราะไม่คิดว่าจะเป็นข่าว และธาราไม่ได้ทำอะไรนะคะ เพราะเขามาหาธาราเอง ไม่ได้แอบย่องเหมือนที่ข่าวเขียน และธาราก็ไม่รู้ว่าเขาเคยเป็นอะไรกับพี่น้ำ เมื่อเขามาทัก มาคุย ธาราที่ก็ต้องรักษามารยาท รักษาภาพลักษณ์ของพี่น้ำไม่ให้เป็นข่าวว่าวีนเหวี่ยงหยิ่ง อีกอย่างพี่มี่ก็อยู่ ธาราไม่ได้นั่งกับเขาแค่สองคน แต่คนถ่ายคงโฟกัสเพื่อขายข่าวเท่านั้น”
“อธิบายมาเสียยาว คิดว่าฉันจะเชื่อถือเหรอ”
“ก็แล้วแต่คุณน้านะคะ เพราะธาราบริสุทธิ์ใจ ขอตัวนะคะ เหนื่อยค่ะอยากพัก”
พูดจบก็เธอก็เดินไปทันที จรัสแขไม่ยอมเพราะยังพูดไม่จบจะตามไปคว้าตัวไว้ เพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่เลอรัศมีขวางไว้เสียก่อน จึงถูกผลักให้หลีกทาง อีกฝ่ายก็ผลักกลับมา สองคนจึงยกฝ่ามือจึงยกขึ้นจะทำร้ายกัน
“หยุดนะ” เสียงคุณหญิงทองจันทร์ดังขึ้น ฝ่ามือของทั้งสองคนก็ลดลง แต่สีหน้ายังกร้าวพร้อมที่จะฟาดฟันกันได้ทุกเวลา คุณหญิงกับนางพุดที่ออกมาเห็นเหตุการณ์ เดินลงบันไดมายืนอยู่ตรงหน้า แล้วถามออกมา “มันเรื่องอะไรกัน หล่อนสองคนถึงกับจะลงไม้ลงมือกัน”
“ก็เรื่องเลวๆของสองแม่ลูกที่ปูดขึ้นมาให้จับได้คาหนังคาเขานะซิคะ”
“นั่นแหละแล้วมันเรื่องอะไร” เสียงคุณหญิงอ่อนใจ เมื่อไม่ได้รู้สักที
นางจรัสแขดึงมือถือออกมาจากมือนางเลอรัศมี เปิดรูปเมื่อกี้ให้ท่านดู พร้อมกับบอกว่า “ยัยธารายอมรับกับแขเมื่อกี้ ว่าได้ไปเจอกันมาจริง”
คุณหญิงมองหน้าสะใภ้คนรองแล้วถามออกมา “หล่อนจะว่ายังไง รู้เรื่องด้วยหรือเปล่า”
“เลอไม่ทราบค่ะ เพื่อเห็นภาพเมื่อกี้เหมือนกัน และยัยธาราก็อธิบายให้จรัสแขฟังแล้วว่าไม่มีอะไร แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลย ส่วนคุณแม่จะคิดยังไงก็แล้วแต่ แต่ขอให้รู้ไว้นะคะว่าที่ธาราทำ ก็เพื่อยัยน้ำ ไม่ได้คิดไม่ดีเหมือนคนใจต่ำคิดอยู่”
“ว่าฉันใจต่ำ หล่อนนี้คงใจสูงมากซินะ ถึงได้เสี้ยมลูกให้แย่งของๆคนอื่น”
“แย่งเหรอ หึ” เลอรัศมียิ้มหยันออกมา “เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เพราะลูกของเธอเลิกกับเขาไปตั้งนานแล้ว และถ้าเขาจะกลับมาสนใจลูกของฉัน ก็เป็นเพราะบุพเพ ไม่ใช่คำว่าแย่ง”
“งั้นเหรอ” ว่าแล้วนางก็หัวเราะขำปนหยันออกมา “งั้นฉันก็ต้องอวยพรให้สำเร็จ ไม่ใช่แช่งซินะ เพราะท้ายที่สุดแล้วที่เขากลับมาพบปะพูดคุยหรือทำอะไรให้ก็แล้วแต่ เพราะเขาคิดว่านั่นยัยน้ำลูกของฉัน ไม่ใช่ตัวตายตัวแทนลูกของเธอ ที่เป็นได้แค่เงา ไม่มีทางที่จะเป็นตัวจริงหรือได้เขาไป” ว่าแล้วนางก็ดีดนิ้วใส่หน้า “ตื่นนะ จะได้ไม่ฝันค้าง”
พูดจบก็เดินยิ้มจากไป นางเลอรัศมีขบฟันกำมือข่มความชิงชังที่กลายเป็นความแค้น แล้วเดินกลับตึกของนาง
คุณหญิงทองจันทร์กับนางพุดได้แต่ถอนหายใจออกมา แต่ความหนักใจก็ไม่ได้ลดน้อยลง กลับเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่คิดว่าเมื่อธารธารากลับมาทุกอย่างจะดีขึ้นแต่กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
*****
ไฟท้ายรถยนต์สีแดงหายไปจากสายตาของธอร์ แต่เขายังไม่ขยับไปจากระเบียงห้องนอน ยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น คนที่ยืนไขว้ขาอิงประตูดูอยู่ด้านหลัง ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมคิดถึงหญิงสาวที่เพิ่งนั่งรถออกไป เธอหยิ่งและทระนงในตัวไม่น้อย ไม่มีคำพร่ำเพ้อใดๆ นอกจากน้ำตาที่เขาเห็นแค่หยดเดียว ก็ลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่มีคำขอใดๆ เขาเองที่เป็นฝ่ายต้องถาม เมื่อรู้ว่าเธอจะกลับ ก็ให้ปีกของแอ็คส์แน็คไปส่ง
ธีร์เดินมายืนข้างพี่ชาย มองหน้าที่เคร่งขรึมแต่สายตายังมองไปที่ถนนที่รถวิ่งไป “ตอนแรกก็พาเธอมา ดูแลห่วงใยเสียมากมาย แต่ตอนหลังทำเหมือนเทเธออย่างนั้น แล้วยังยืนมองอยู่อย่างนี้ จะคิดว่าไงดี” ไม่มีเสียงตอบมา คนถามก็พูดต่อ “ทำไมไม่ไปส่งเธอ เธอเจ็บอยู่แบบนั้น แล้วยังปล่อยให้ไปคนเดียวอีก”
“ฉันมีงานต้องทำ”
“สำคัญกว่าเธอและหัวใจตัวเองเหรอ”
“อย่ามารู้ดี”
“โอะโอกัปตัน สีหน้าท่านฟ้องขนาดนี้ ไม่ให้รู้ดี ก็มีแต่คนซื่อๆเท่านั้นไม่ใช่กัปตันธีร์ที่เป็นน้องแล้ว แล้วถามหน่อย” ว่าแล้วทำไมถึงได้ลุกออกมาจากห้อง ทำไมไม่...”
“นายบินกลับมาเมื่อไร”
“ยังไม่รู้คำตอบของเธอแล้ว ทำไมถึงได้ทำเย็นชาใส่” ธีร์พูดโดยไม่สนใจคนที่ไม่อยากฟัง
“จะบินอีกเมื่อไร”
“หน้าเธอนี่เสียเลย และธีร์ก็เห็นน้ำตาเธอด้วย”
“นางฟ้ามิลลี่สบายดีหรือเปล่า”
“ทำไมไม่คิดบ้างว่า คำตอบของเธออาจจะเป็นนาย”
“หยุดพูดได้แล้วธีร์ ก่อนที่ฉันจะอัดนาย”
“ก็ได้นะ เผื่อหมัดของธีร์จะทำให้สมองนายปลอดโปร่ง คิดได้ว่าจะง้อสาวยังไงดี”
“หยุดปากดี แล้วพูดเรื่องของนายมาว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วมาดามไปอยู่ที่เรือนไทยของลุงมาร์คได้ไง”
“ก็ไม่มีอะไร มาดามอยากไปดูเหลนเพราะนายศีลเขาพายัยชมพูกับลูกมาหาอามาร์ค ก็เลยให้ธีร์เปลี่ยนไฟล์บินมาอยู่เป็นเพื่อนนาย ช่วยนาย และคงอยากให้ธีร์ได้ยืดเส้นยืดสาย เพราะช่วงนี้ธีร์อ่อนหัดจึงให้มาฝึกรบกับนายเยอะๆ”
“ฉันจัดการเองได้ นายจะไปไหน หรือทำอะไรก็ตามสบาย”
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวมาดามไม่รักธีร์ ธีร์ต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด และมาถึงก็เจอเจ๊กพอตพอดี”
เขาพูดติดตลก ใบหน้าเหมือนมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา พูดจากับคนในครอบครัว มักใช้ชื่อแทนตัวเองแบบนี้เสมอ และคนเป็นย่านั่นรักหลานทุกคนมากมายนัก แต่ถ้าใครมีเรื่องท่านก็จะใส่ใจเป็นพิเศษ แล้วเดินไปยืนพิงราวระเบียง มองหน้าพี่ชายที่ขรึมๆ อยากจะซักถึงหญิงสาวที่เพิ่งจากไป แต่...เรื่องหัวใจ ฟังเสียงใคร ก็ไม่ดีเท่ากับฟังเสียงหัวใจตัวเอง
สองพี่น้องยืนมองความมืดคนละทาง แต่มีแสงสว่างแทรกเข้ามาให้เห็น ของธีร์นั่นคือดวงดาราบนฟ้ากว้างแสงระยิบระยับนั่นให้ความเพลินใจไม่น้อย แต่ธอร์ไม่เห็นแสงใดๆ ใจเขาบิดตายสำหรับทุกสิ่ง เพราะคำว่าน้ำตาของเธอ สร้างความเร้าร่านใจให้กับเขา แต่เธอเสียใจเพราะเขาจริงๆ หรือเล่นละครให้น่าสงสารเพราะยังต้องพึ่งเขาอยู่กันแน่ มือที่กอดอกกำเข้าหากันแน่น แล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ เมื่อความคิดเขาสับสนวุ่นวายไปหมด
ธีร์ปรายตามอง เห็นความรู้สึกนั่นแต่ก็ไม่พูดถึง ถามแค่ว่า “จะลุยเลยหรือเปล่า”
“รอทำไม” พูดจบธอร์ก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบมือถือมาส่งสารไปยังองค์กรที่เขาทำงานให้ ให้ส่งคนมาช่วยเก็บกวาดสิ่งสกปรก แม้จะไม่สะอาดหมดจบ เพราะพวกมันมีมากมาย แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้พวกมันหยามใจ โดยไม่ทำอะไรเลย
*******
รถยนต์ที่ธารธารานั่งอยู่ วิ่งไปยังเส้นทางที่ตรงไปยังธรธารา ดวงไฟริมทางผ่านสายตาหญิงสาวที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกกระจก ไม่จดจำสิ่งใดเพราะหัวใจเจ็บ ความเย็นชาจึงถูกสร้างขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันตัวเองอีกครั้ง สองครั้งที่เปิดใจคงเพียงพอที่จะเก็บหัวใจไว้ไม่ให้ใครอีก
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น ดึงสติที่เลื่อยลอยของเธอกลับมา เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมา ยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรมา เพราะให้ความจริงใจที่ไม่ทำให้ใจเธอเจ็บ
“ขอโทษนะที ที่ไม่ได้โทรไป อย่างที่บอกไว้” เธอบอกไป อีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนชิงช้าหน้าร้านตัวเอง ก็ตอบกลับมาอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร แล้วทุกอย่างเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่มีอะไรให้น่าสงสัย แต่ว่า...” เธอเม้มริมฝีปากกดความรู้สึกเรื่องหัวใจไว้ ให้เสียงพูดไม่ผิดปรกติ นทีจะได้ไม่สงสัย “วันนี้เกิดเรื่องขึ้นอีก พวกมันโผล่มา...” เธอเล่าให้นทีฟัง ซึ่งพอฟังจบ เขาก็ตอบกลับมาพร้อมความห่วงใยอีกมากมาย
“ต้องแจ้งตำรวจแล้วนะน้ำ ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ การที่แกเอาตัวเองเป็นเหยื่อ แต่ไม่มีใครคอยตามช่วย เท่ากับแกเดินไปความตาย และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคนที่แกสงสัยจะใช่คนที่จะฆ่าแกหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ แล้วกลายเป็นคนอื่น แกอาจจะตายฟรีๆ และถ้าแกยังไม่อยากให้ที่บ้านรู้ ฉันพอจะรู้จักตำรวจอยู่บ้าง ขอให้ช่วยจัดการเรื่องนี้อย่างลับๆ ก่อนดีไหม”
ธารธารานิ่งคิด ใจที่เจ็บเป็นแผลสดใหม่ๆทำให้ง่ายต่อการติดสินใจ อย่าสร้างสะพานให้มีเยื่อใยใดๆ เมื่อเขาไม่สนใจแล้ว ก็ควรจะตัดให้ขาดจบสิ้นกันไปเลย “ก็ดี งั้นพรุ่งนี้เจอกัน ขอบใจนะที”
ปลายเสียงนั่นทำให้นทีรู้สึกถึงความผิดปรกติ “ไม่เป็นไร แต่อยากชนแก้วกันไหม”
“ฉันยังไหวอยู่ ไม่ต้องชนหรอก”
“แกแน่ใจ”
“แน่ซิ แกก็รู้ว่าความอ่อนแอเล่นงานฉันมากเท่าไร ฉันก็สามารถเข้มแข็งขึ้นได้มากเท่านั้น ไม่งั้นฉันจะอยู่ในวงการที่เต็มไปด้วยมารยา มายา และในบ้านที่ไม่ต่างจากมายาอีก ได้ยังไง”
“ฉันรักแกวะ”
ธารธาราน้ำรื้อขึ้นมากลบตาทันที ที่นทีพูดคำนี้ออกมา เพราะหมายถึงความจริงใจ ที่เขาพร้อมจะทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะอยู่เคียงข้างหรือกอดปลอบให้กำลังใจ
“ฉันก็รักแก”
นทีเต็มตื้นไปทั้งหัวใจ ก่อนจะเศร้าใจแล้วถอนหายใจออกมา เพราะคำว่ารักที่เขาได้รับ เป็นรักแบบเพื่อนเท่านั้น
*********
ขอบคุณที่ติดตามผลงาน
คีรวัฒตามนางเอกตัวปลอมมาทันที่หน้าลิฟต์ เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่เห็นเธอยังยืนอยู่ โดยไม่รู้ว่าที่เขาตามทันนั่นเพราะธาราธารยืนรอ พอหางตาเห็นเขา ก็กดเรียกลิฟต์ ซึ่งเปิดออกพร้อมๆกับที่เขาเดินมาถึง เธอก็เดินเข้าไปในลิฟต์เขาก็ก้าวตามไป
เธอแสร้งยื่นมือไปกดเลขชั้น แต่คีรวัฒกลับกดล็อกให้นิ่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับบอกให้เธอรู้ความรู้สึกของเขา “คิวขอโทษนะคะ ธาราอย่าโกรธเลย”
“ฉันไม่ได้โกรธ แต่คิดว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่เราจะต้องเจอกันอีกแล้ว”
“โธ่ ไม่จำเป็นได้ไง จำเป็นซิคะ เพราะคิวไม่เคยลืมธาราเลย คิวยังรู้สึกดีๆอยู่เสมอ และอยากจะคุยด้วยจริงๆ อยากให้เรา...”
เธอรู้ว่าเขาจะพูดอะไร แล้วตัดบทเล่นตัวออกมา “ตอนนี้ฉันไม่ว่างแล้วค่ะ”
“งั้นผมโทรหาได้ไหม”
“อยู่ที่คุณจะพยายามหรือเปล่า”
เธอบอกแต่แววตาท้าทายอย่างเปิดเผย แล้วกดลิฟต์ให้เปิดออก คีรวัฒยิ้มแล้วยอมถอยออกไป และยืนมองเธอจนประตูลิฟต์ปิด ก็เดินกลับไปที่ห้องอาหาร ส่วนหญิงสาวที่เขาคิดว่าเป็นอดีตคนรู้ใจ ก็ยิ้มอย่างสมใจแต่แววตากลับร้ายตามแผนร้ายที่วางไว้ต่อไป
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือส่งเสียงขึ้นมา เธอเปิดประเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามา แล้วกดรับสาย “ค่ะแม่”
“หนูว่างหรือเปล่า”
“แม่มีอะไรคะ”
“ไปหาคุณกับแม่”
เธออ้าปากจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจรับปาก จากนั้นก็โทรหาผู้จัดการสาว ให้กลับไปสร้างข่าว เพื่อให้กระเทือนไปถึงนางเอกตัวจริง
**********
อาคารสามชั้นที่ตั้งของบริษัทเดินเรือ นายภษิตนั่งไม่เป็นสุขอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เพราะทุกนาทีที่ผ่านไป คือลมหายใจของเขาที่สั้นลง ข่าวจากลูกน้องที่ให้ตามตัวไอ้ธอร์ ก็ยังไม่ได้ข่าว หายเงียบจนเขาต้องหยิบโทรศัพท์โทรไปถามมันด้วยตัวเอง แต่คำตอบที่ได้จากมันนั่นยิ่งทำให้เขาหัวเสีย
“ยังไม่เจอเลยครับนาย”
“เฝ้าต่อไป และเฝ้าให้ดี ถ้าไม่ดี มึงก็รู้ใช่ไหมว่าจะเจอกับอะไร” เขาเตือนเพราะหูตาของตระกูลแอ็คส์แน็คนั่นยังกับตาสับปะรด
“ครับนาย”
“ดี” เขาชมแล้ววางสายจากลูกน้อง แต่ไม่ได้มีความสบายใจเลย ครั้งแรกเจอตัวแล้วก็พลาด ครั้งที่สองนี้รู้ที่อยู่แล้วก็ยังไม่ได้เรื่องอีก เขาถอนหายใจออกมายาวๆแล้วกดหมายเลยโทรไปหาลูกน้องอีกสองคนที่คุมตัวไอ้นักข่าวไว้ ซึ่งได้ส่งภาพที่สะบักสะบอมของมันมาให้เขาได้สะใจ แล้วสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือดังขึ้น ยิ่งเห็นชื่อคนโทรมา หน้าเขาก็ซีด
“ครับนาย ยังครับ พยายามอยู่ครับ ครับ ไม่ทำให้นายผิดหวัง หรือเรื่องสาวไปถึงนายแน่นอน ครับ ครับ” เขาได้แต่รับคำ” พออีกฝ่ายวางสายไปก็เป่าลมหายใจออกมาจากปาก จากนั้นก็คิดหาทางหนีทีไล่ ดีกว่านั่งรอให้ความตายมาหาทุกวินาที แม้รู้ว่ารอดอยาก แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
******
บนคอนโดหรู นายประชายืนอยู่ตรงระเบียง มือถือโทรศัพท์ขณะสายตากำลังสุนทรีย์กับวิวยามเย็น แล้วแข็งกร้าวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหลัง “คุยกับใครคะ” เขาหันมามอง คนที่ถามชะงักไปนิดเมื่อเห็นแววตานั้น เขาจึงรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรไป รีบปรับเปลี่ยนให้เป็นปรกติ คนที่มองจึงคิดว่าตัวเองตาฝาด ยิ่งเขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ก็ไม่ติดใจอะไรอีก
“ฉันคุยเรื่องธุรกิจ เธอมีอะไรหรือเปล่า”
“เลอมาบอกว่า ธาราตกลงจะมาพบคุณแล้วค่ะ”
“ไปบังคับอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ แต่เลอคิดว่าแกคงอยากได้คำปรึกษาเหมือนเลอที่มาหาคุณ เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ในตอนนี้” นางว่าแล้วนิ่งไปเหมือนกำลังคิดตัดสินใจบางอย่าง แล้วพูดออกมา “เลอจะไม่พูดเรื่องนี้กับลูกดีกว่า ไม่อยากดึงลูกมาเกี่ยวด้วย ให้แกแค่ขอบคุณคุณก็พอ”
“ตามใจเธอ ก็ดีเหมือนกัน กันแกออกห่าง จะได้ไม่ต้องพะวงหลายอย่าง ให้ทำงานได้เต็มที่”
“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ คุณช่างดีกับเลอจริงๆ” นางว่าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ มองฟ้ายามเย็นที่สวยด้วยความสบายใจ ที่วันนี้ขวากหนามในชีวิตของนางก็ถูกกำจัด และลูกของนางก็ว่าง่าย มาพบคนที่นางรัก แล้วลุกขึ้นพลางบอกว่า “เลอไปเตรียมอาหารกับไวน์ไว้ฉลองกันดีกว่า ธารามาถึงก็เสร็จพอดี”
“ลูกเธอจะไม่สงสัยเหรอ ว่าฉลองอะไรกัน”
“เลอมีคำตอบให้อยู่แล้ว คุณไม่ต้องห่วง”
“งั้นก็ตามใจ”
นางเลอรัศมีเดินไปหอมแก้มเขา แล้วหมุนตัวเดินเข้ามาในห้อง จัดการทุกอย่าง ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไรเลย แค่โทรไปสั่งรีเซฟชั่นของโรงแรมให้จัดอาหารกับไวน์มาให้เท่านั้นเอง ครึ่งชั่วโมงผ่านไปทุกอย่างก็มาพร้อมอยู่ในห้องของเธอ นางยืนมองอย่างพอใจ เดินไปคล้องแขนนายประชาให้มานั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น นางเลอรัศมีรีบไปเปิดประตูห้องทันที แล้วยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งก็คือลูกของนาง จับแขนดึงให้เดินเข้ามาข้างใน ดันตัวให้มายืนอยู่ตรงหน้านายประชา ธาราธารยกมือขึ้นไหว้ อย่างพอจะรู้ว่าเขาเป็นใคร “สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี ฉันดีใจที่เราได้เจอกันเสียงที นั่งซิ”
ธาราธารขยับตัวมานั่งลงบนเก้าอี้ทางซ้ายมือเขา มองคุณของแม่ที่บอกย้ำกับเธอหลายครั้งว่ามีบุญคุณมากมาย ท่าทางเขานั้นดูใจดี แววตาฉายชัดถึงความรักที่มีให้แม่ของเธอ และยังเอาใจใส่ด้วยการลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้แม่เธอนั่งอีกด้วย
นางเลอรัศมียิ้มหวานให้เขา นางรู้สึกเหมือนถึงครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูก แล้วหันไปมองสายเลือดของนาง “แม่เตรียมไว้ให้หนูอยากทานอะไรเพิ่มหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ” เธอบอกพลางมองอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ และแก้วไวน์ที่รินไวน์ไว้ราวกับมีการฉลอง ก็ถามด้วยความสงสัย “ฉลองอะไรคะ”
“ก็ฉลองที่เราสามคนได้อยู่กันพร้อมหน้า อีกอย่างฉลองความสำเร็จไว้ล่วงหน้า”
“เรื่องอะไรคะ”
“ตัวจริงของลูกไง แม่มั่นใจว่าอีกไม่นานลูกจะต้องสมหวัง”
พูดจบนางก็ยกแก้วขึ้นเชิญคนรักลูกรักชนร่วมฉลอง ก่อนจะดื่มด้วยความสุขใจ ธาราธารก็ดื่มแต่สายตาปรายไปมองคุณของแม่ ที่กำลังดื่ม แต่สายตาก็มองเธออยู่เหมือนกัน และถ้านางเลอรัศมีเห็นคงเอะใจ เพราะสายตาของทั่งคู่เหมือนสื่ออะไรกันอยู่
“หนูอยู่ได้ไม่นานนะคะ จะต้องรีบกลับ เพราะพรุ่งนี้ต้องไปกองถ่ายอีก”
“จ๊ะ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ ลูกกลับพร้อมแม่เลยแล้วกัน” ว่าแล้วนางก็ตักอาหารใส่จานนายประชา ก่อนจะตักให้ลูก แล้วตักให้ตัวเอง ทานไปคุยไป และนึกถึงความสงสัยบางอย่างที่ยังไม่ได้คำตอบจากลูก “คราวก่อนแม่ถามหนู ว่ารู้เรื่องของแม่กับคุณได้ยังไง หนูยังไม่ตอบแม่เลย”
“ไม่รู้หรอกค่ะ หนูพูดเพราะคิดว่าแม่ยังสาวยังสวย น่าจะมีใครคุยอยู่บ้าง ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง”
“แค่นี้จริงๆเหรอ”
“ค่ะ แม่สงสัยอะไรเหรอคะ”
นางเลอรัศมียิ้มประมาณว่าไม่สงสัยแล้ว แต่ในใจนั้นยังติดใจ เพราะคำตอบมันง่ายจนยากจะเชื่อ ที่สำคัญลูกนางเอ่ยชื่อเขาออกมาได้ถูกต้อง จากนั้นนางก็เป็นตัวกลางสร้างความเป็นกันเองระหว่างคนรักกับลูกรัก ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปในทางที่ดี ไม่มีการต่อต้านจากลูก อย่างที่นางหวั่นไว้ แต่ความจริงที่นางไม่รู้ ถ้าได้รู้มันเกินกว่าคำว่าหวั่น ถึงขั้นทำให้นางช็อกก็เป็นได้
**********
รถยนต์ของธอร์ขับเข้ามาที่หน้าบันไดคฤหาสน์แอ็คส์แน็ค เขาเปิดประตูลงจากรถ ไปเปิดประตูฝั่งเธอนั่ง แล้วอุ้มร่างอรชรออกมา เดินขึ้นบันไปเข้าไปด้านใน ตรงไปยังห้องนั่งเล่น ก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธทุกที่ๆเธอจะไป ไม่ว่าจะเป็นร้านคอฟฟี่บายทีหรือคอนโดหรูของเธอ เพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัย อาจจะมีคนของตามใบบอกสะกดรอยตามอีก ที่นี่จึงปลอดภัยที่สุด
หลังจากที่เธอบอกว่าไอ้สองคนนั้นเป็นคนจับเธอไปโยนทะเล เขาก็โทรให้ฉลามมาเอาตัวมันไป เก็บชีวิตมันไว้ เพื่อที่จะใช้เป็นเหยื่อล่อเสือออกจากถ้ำ แต่ก่อนไปฉลามก็ได้บอกเรื่องสำคัญกับเขา ซึ่งคืนนี้เขาคงได้ไปจัดการ จากนั้นก็โทรหาหมอประจำตระกูล ซึ่งคงมาถึงไล่หลังเขามาแน่ๆ ธอร์วางตัวเธอลงบนโซฟานุ่ม แล้วลุกไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้เธอก่อนหมอจะมาถึง
สาวใช้เดินเข้ามาบอกเขาว่ามาดามไม่อยู่ ถูกหลานสาวมารับตัวไปอยู่ที่เรือนไทย เขาแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่มีเวลาคิดว่าทำไม ธอร์ถือกล่องยากับผ้าขนหนูที่ซับน้ำมาหมาดๆกลับมาหาเธอ เช็ดหน้าให้อย่างแผ่วเบา แล้วใช้เจลเย็นๆประคบที่แก้มนุ่ม ที่บวมเพราะฝ่ามือไอ้เลวนั่น เขาอ่อนโยนอย่างที่ธารธาราไม่คิดว่าจะทำได้ และเธอไม่เคยได้รับสิ่งนี้จากใครแม้กระทั่งคนที่ให้กำเนิด
ธอร์ให้เธอถือเจลประคบแก้มไว้ แล้วเปิดเสื้อดูแผลที่ข้างเอว ธารธารารู้สึกเขินขึ้นมาทันที ใช้อีกมือดึงเสื้อไว้ไม่ยอมให้เขาเปิดง่ายๆ จึงถูกเขามองอย่างดุๆ ก่อนจะบอกว่า “ฉันจะทำแผลให้ จะดูให้ก่อนที่หมอจะมาถึง”
“รอหมอดีกว่า แต่ถ้าจะทำฉันทำเองได้”
“ไม่ใช่เวลาที่จะมาดื้อ”
“ไม่ได้ดื้อค่ะ แต่ทำเองได้จริงๆ” เธอยืนยันทั้งคำพูดและสีหน้า เพราะแผลที่โดนปลายมีดนั้น ไม่ได้ลึกและอยู่ในจุดที่ไม่ได้ลำบากในการจะทำ แต่ธอร์ก็ไม่ยอมเธอเช่นกัน ทั้งคู่เคยพูดเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้ว และเธอก็แพ้ทุกที
“ไม่ได้ค่ะ เพราะอยากทำให้” เขาแกล้งพูดหวานๆเลี่ยนๆเพื่อให้เธอได้ขำไม่พะวงกับเรื่องแผล ซึ่งก็เป็นอย่างที่หวัง ธารธารายิ้มขำเพราะฟังแปลกๆและไม่เข้ากับหน้าคมเข้มของเขาเลย ธอร์จึงแสร้งขึงขังออกมาว่า “อย่ายิ้ม”
“อ้าว มีห้ามด้วย ห้ามทำไมคะ”
“เดี๋ยวฉันอดไม่ไหว เพราะน่ารักเกินไป เดี๋ยวจะโดนจูบ”
ธารธาราหุบยิ้มทันที มองค้อนเขาพลางกลั้นรอยยิ้มไม่ให้หลุดออกมา แล้วยินยอมให้เขาทำแผลให้ บาดแผลที่เห็นทำให้สีหน้าของธอร์กร้าวขึ้น แม้แผลจะไม่ลึกแต่ก็มีหลายแผล เลือดซึมเปื้อนไปทั้งเสื้อทั้งกางเกงของเธอ เขาใช้สำลีชุบแอลกอฮอร์เช็ดเลือดให้
“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว”
เขาพูดไม่ทันขาดคำ คุณหมอสูงวัยก็เดินเข้ามา ธอร์ยกมือขึ้นไหว้หมอ ธารธาราก็เช่นกัน จากนั้นเขาก็หลีกทางให้คุณหมอทำแผลให้เธอ ไม่นานก็เรียบร้อย คุณหมอให้ยาแก้อักเสบกับแก้ปวดไว้ และสั่งไม่ให้แผลโดนน้ำ ทั้งคู่ขอบคุณหมอแล้วเขาก็เรียกสาวใช้ให้ไปส่งคุณหมอ
ธอร์นั่งลงบนโซฟาข้างเธอ ปลายนิ้วเขาแตะรอยแดงบนแก้มนวล อย่างนุ่มนวล ธารธารารู้สึกซึ้งใจกับทุกสิ่งที่เขาทำให้ ได้แต่บอกเขาว่า “ขอบคุณค่ะ”
“ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม” เขาบอกพลางใช้ถุงเจลประคบรอยแดงที่แก้มเธอ
“ไม่ได้ค่ะ”
“ยังไม่รู้เลยว่าเป็นอะไร ทำไม่รีบปฏิเสธ”
“ก็ท่าทางคุณไม่น่าไว้ใจ”
“ฉันเหลี่ยมเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” ปากเขาคุย ขณะสายตามองแก้มบางครั้งก็มองนัยน์ตาเธอจนทำให้ธารธารารู้สึกเขิน โดยไม่รู้ว่าทำไมความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดได้ง่ายเหลือเกิน หรือความอบอุ่นที่เคยมีมันเพิ่มพูนขึ้นเต็มหัวใจแล้ว
“ค่ะ”
“งั้นทายใจหน่อยซิว่าฉันจะขออะไร”
“หอมแก้ม” เสียงเธอเบาจนเกือบเป็นกระซิบ ธอร์ได้ยินแต่แกล้งไม่ได้ยิน ถามซ้ำให้เธอพูดให้ฟังหลายรอบ ปลายนิ้วเรียวจึงหยิกแขนเขาด้วยความหมั่นไส้ เขาจึงจับมือเธอมารวบไว้ แล้วพูดด้วยเสียงที่จริงจังออกมาว่า
“เปลี่ยนจากขอคบ มาเป็นเราคบกันไหม”
ธารธาราแก้มแดงปลั่งบอกความเขิน อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่...
“อะแอ่ม” เสียงที่ดังขึ้นนั้น ทำให้แก้มแดงๆของธารธาราหายไปทันที หันไปมองคนที่ยืนไขว้ขาพิงขอบประตูอยู่อย่างงุนงง ว่าเป็นใคร แต่ธอร์ไม่งงและแทบจะลุกขึ้นไปแตะคนพูด ที่ทำลายความหวานของเขา ชี้หน้าคาดโทษ แล้วบอกว่า “หยุดพูด แล้วออกไปก่อน” แต่แทนที่คนถูกห้ามจะทำตาม กลับกลายเป็นยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ
ร่างสูงเดินเอามือล้วงกระเป๋าเข้ามาในห้อง ยืนตัวตรงแล้วก้มตัวลงโค้งคำนับ พอยืดตัวขึ้นก็ยิ้มให้หญิงสาวที่เขามองไม่วางตา พูดเสียงทุ่มนุ่มออกมา “สวัสดีครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” ธารธารามองหน้าคมที่มีส่วนคล้ายธอร์อย่างงงๆ พร้อมกับคิดว่าไม่เป็นพี่น้องก็ต้องเป็นญาติกับเขา
“ผมเมธัสครับ หรือกัปตันธีร์”
“น้ำ ธารธารา”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่สะใภ้”
“ไม่ใช่นะคะ” เธอปฏิเสธออกมาพร้อมแก้มที่แดงปลั่ง ปรายตาไปมองหน้าคมที่บึ้งขึ้นมา อย่างไม่รู้ว่าเขาบึ้งเพราะคำพูดเธอหรือบึ้งเพราะไม่พอใจอีกคน ขณะที่ธีร์ก็ยิ้มขำ ไม่กลัวสีหน้าบึงๆของอีกคนเลย
“ไม่ใช่ถ้าอย่างนั้น สวยขนาดนี้ งั้นธีร์ขอจีบได้ไหมคะ”
ธารธาราทำหน้าไม่ถูก เพราะคำพูดกับหน้าตาที่กรุ่มกริ่มนั้น ทำให้รู้สึกแปลกมากกว่าจะเขินอาย แล้วตอบออกมา “ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมครับ”
*****
เธอไม่ทันตอบ ธอร์ก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “ไปเลยนายธีร์ ถ้าไม่อยากให้ฉันลากนายเข้าเรือนโทษ ขึงพรึดให้ลาบจำก็อย่ามากวนบาทา”
“บาทาเหรอ ไม่ใช่มั่งพี่ชาย ตรงนี้มากกว่า” ธีร์ตบที่หัวใจ ยักคิ้วล้อ แล้วหันมายิ้มหวานให้หญิงสาวที่เขามองตาก็รู้ไปถึงก้นบึ้งของพี่ชายแล้วว่าคิดยังไงกับเธอ “เมื่อกี้ยังไม่ได้ตอบธีร์แล้วนะคะ ว่าทำไมถึงปฎิเสธธีร์”
“ฉันมีคนที่คบแล้วค่ะ”
“ใครครับ”
ธารธาราเม้มริมฝีปากข่มความเขิน ขณะที่ชายหนุ่มสองคนก็รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ คนหนึ่งนั่นหัวเราะร่าอยู่ในใจเพราะพอจะรู้คำตอบ และมั่นใจว่าที่คิดอยู่นั้นต้องใช้แน่ๆ ขณะอีกคนรู้สึกชาไปทั้งใจ เมื่อไม่ได้คิดว่าจะเป็นตัวเอง เพราะนางเอกดังอย่างเธอ คงมีผู้ชายเข้าแถวมอบความรักให้มากมาย
คนห่ามๆเถื่อนๆ ปากเสียอย่างเขาเธอคงไม่ชอบ แม้เขาจะขอคบเธอมาแล้ว ถึงไม่มีคำปฏิเสธออกมา แต่ใช่ว่าจะตกลง และที่ยินยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต ก็เพียงเพื่อสิ่งเดียวเท่านั้น คือการยืมมือหาตัว...ฆาตกร
ธอร์ไม่รอฟังคำตอบ เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้สองคนที่เหลืองงเป็นไก่ตาแตก โดยเฉพาะธารธารา มองตามหลังร่างสูงไปอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะน้อยใจแล้วกลายเป็นการเหยียดหยันตัวเอง ว่าที่เขาไม่อยากฟัง เพราะไม่ได้ชอบเธอจริงๆ ที่ทำมาทั้งหมดก็แค่แกล้งหยอกเล่นเหมือนหมาหยอกไก่ หรือไม่ก็แค่อยากทดลองเสน่ห์ของตัวเอง ว่าจะใช่ได้กับนางเอกอย่างเธอ ที่ใครๆก็อยากควงด้วย จับมือพาเธอเดิน ให้กำลังใจมากมาย แต่สุดท้ายเมื่อรู้ว่าเธอมีใจ ก็ไม่อยากผูกมัดตัวเอง สะลัดมือที่จับไว้ แล้วเดินจากไป
...ช่างโหดร้าย...
ธารธาราเจ็บไปทั้งใจ น้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอวาวไปทั้งดวงตา กำมือกดความเจ็บปวด ที่เพียงคิดก็เจ็บร้าวไปทั้งใจ เจ็บมากกว่าครั้งแรกที่ถูกทิ้งไว้กลางทาง เพราะเธอรักเขาไปแล้ว น้ำตาไหลหยดลงมา เธอหันหน้าหนีเพราะไม่อยากให้คนที่ยืนอยู่ เห็น แล้วลุกขึ้นเพื่อจะไปจากที่นี่ จะอยู่ไปเพื่ออะไร เมื่อเขาทิ้งเธอไปอย่างไม่สนใจ ทั้งที่คำตอบที่เธอจะพูดออกไปนั่นคือ...เมธิส
********
ห้องทานอาหารของตระกูลธรธารา อาหารสามสี่อย่างวางอยู่บนโต๊ะ จานช้อนแก้วน้ำเตรียมพร้อมไว้ให้คุณๆทุกคน คุณหญิงทองจันทร์เดินเข้ามาเป็นคนแรก ท่านนั่งที่เก้าอี้ประจำหัวโต๊ะ มองซ้ายมือขวามือไม่มีหลานกับลูกสะใภ้ ก็หันไปมองคนสนิทที่ยืนรอตักข้าว ก็ถามออกมา
“หายไปไหนกันหมดละพุด”
“คุณน้ำยังไม่กลับค่ะ ส่วนคุณแขตั้งแต่กลับมาก็อยู่แต่บนห้อง คุณเลอออกไปตั้งแต่ช่วงสายๆ ก็ยังไม่กลับมาค่ะ”
“งั้นก็ตักข้าวเถอะ ไม่ต้องรอใครหรอก เพราะธาราก็ถ่ายละคร ไม่เป็นเวลาอยู่แล้ว”
“ค่ะ” นางพุดขยับตัวเข้ามามาตักข้าวให้คุณหญิง แล้วถอยออกไปยืนที่มุมห้อง
คุณหญิงจับช้อนขึ้นมาจะทานข้าว แต่ต้องชะงักไปเล็กน้อย เมื่อนางจรัสแขเดินเข้ามานั่งที่ของตัวเอง นางพุดเดินเข้ามาตักข้าวใส่จานให้แล้วถอยออกไปยืนที่เดิม
จรัสแขทานข้าวไปเงียบๆ ซึ่งผิดปรกติจากทุกครั้ง ที่นางจะต้องพูดกระแหนะกระแหนถึงเลอรัศมี หรือไม่ก็พูดถึงเงินทองที่นางจะได้หรือใช้ ไม่มีที่จะนิ่งเงียบแบบนี้
คุณหญิงปรายตาที่แปลกใจไปมองนางพุด ซึ่งสีหน้าแววตาก็ไม่ต่างจากท่าน คุณหญิงทานข้าวไปจับตามองไปกระทั่งเห็นจรัสแขวางช้อน ให้รู้ว่าอิ่ม ท่านก็วางช้อนเช่นกัน นางพุดหันไปพยักหน้าให้สาวใช้ที่คอยอยู่นอกห้อง เข้ามาเก็บโต๊ะ เรียบร้อยแล้วจรัสแขก็ลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้อง แต่เสียงคุณหญิงดังขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยว” เสียงของท่านทำให้นางจรัสแขนั่งลงที่เดิม ท่านก็ถามออกมา “วันนี้หล่อนไม่พูด นิ่งเงียบเป็นอะไร หรือมีอะไรหรืเปล่า”
“มีค่ะ แต่คุณแม่คงช่วยไม่ได้” เสียงตอบก็นิ่งเรียบแปลกไปกว่าทุกวัน
“หล่อนยังไม่บอกฉันเลย แล้วจะรู้ได้ยังไง ว่าฉันช่วยไม่ได้”
“เพราะแต่ไหนแต่ไรมา คุณแม่ไม่เคยช่วยอะไรแขได้เลยไงคะ”
“หล่อนจะปรามาสฉันเกินไปแล้วนะ” เสียงคุณหญิงขุ่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่มีท่าทางยิ้มเยาะเหยียดหยันจากสะใภ้ของท่านเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ไม่เลยค่ะ แขพูดจากที่แขเห็น และรู้ว่าต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้น”
“หล่อนจะทำอะไรอีก ทุกวันนี้สร้างความเดือดร้อนให้ยัยน้ำไม่พออีกหรือไง”
นางยิ้มหยันออกมา แล้วถาม “แขเป็นแม่ที่แย่มากใช่ไหมคะ คุณแม่ถึงไม่เคยเห็นว่าแขดี ไม่เหมือนเลอรัศมีที่เอาอกเอาใจคุณแม่ และรักลูกเท่าชีวี”
“ก็รู้ตัวนี้”
“งั้นแขก็ควรจะทำอะไรๆด้วยตัวเองอีกเหมือนเดิม แต่คุณแม่รู้ไว้อย่างนะคะ ถึงแขจะเป็นแม่ที่แย่ ไม่ใส่ใจลูก แต่ลูกแขใครก็มาแตะไม่ได้ ถ้ารู้ว่าเป็นฝีมือใคร แขจะตามราวีให้ถึงที่สุด”
พูดจบ นางก็ลุกออกไป ทิ้งให้แม่สามีกับนางพุดงุนงงว่านางพูดถึงอะไร แล้วส่ายหน้ากันออกมา เมื่อคิดเหมือนกันว่านางหมายถึงเลอรัศมีที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนางนั่นเอง
******
จรัสแขเดินออกจากตึกหลังใหญ่เพื่อไปเดินเล่นที่สนามหญ้า แต่กลับยืนนิ่งอยู่ที่หน้าตึก เมื่อเห็นรถวิ่งเข้ามา สายตาของนางกร้าวขณะจ้องไปที่รถคันนั่นกระทั่งจอดนิ่งสนิท แล้วคนขับกับคนที่นั่งมาด้วย ซึ่งก็คือสองแม่ลูกที่เธอเกลียดชังนั่นเอง นางเดินเข้าไปหาทันที ธาราธารยกมือขึ้นไหว้ แล้วขอตัว เพราะไม่อยากจะยุ่งหรือพูดด้วย แต่...
“เดี๋ยว” นางจรัสแขเรียกไว้ จ้องหน้าอย่างเหยียดๆ แล้วพูดออกมา “นางเอกดังธอธง ย่องทานข้าวกับถ่านไฟเก่า มันหมายความว่ายังไง”
“คืออะไรคะ”
“อย่ามาทำหน้าซื่อ ตาใส ใส่จริตว่าหนูไม่รู้เรื่อง เพราะฉันไม่เชื่อ”
“แต่หนูไม่รู้จริงๆว่าคุณน้าพูดถึงอะไร” หน้าของธาราธารบอกความงุนงงออกมาจริงๆ นางเลอรัศมีก็ไม่ต่างกัน
“นั่นนะซิ อยู่ๆก็มาปรักปรำลูกฉัน มันจะมากไปแล้วนะ”
“สำหรับแกสองคนมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับความเลวที่ทำกันไว้ แต่เอาเถอะฉันจะยอมโง่ ไม่รู้ทัน เพื่อจะบอกให้รู้ก็ได้ว่า ที่ฉันพูดนั่นหมายถึงข่าวซุบซิบ ที่มีภาพว่อนอินเตอร์เน็ตอยู่ตอนนี้”
“ภาพอะไร” นางเลอรัศมีถาม แล้วเปิดกระเป๋าถือหยิบโทรศัพท์ออกมาหาข่าวทันที ไม่นานก็ได้เห็น นางหันไปมองหน้าลูก ซึ่งสีหน้านั่นบอกให้รู้ว่าไปทำมาจริงๆ
“คราวนี้พอจะนึกออกแล้วซินะว่าไปทำอะไรมา แล้วอย่ามาแหลว่าเป็นคนหน้าคล้ายหน้าเหมือน เพราะรูปนั่นมันฟ้องว่าเป็นเธอแน่นอน ที่แอบย่องไปพบกับอดีตคนรู้ใจของยัยน้ำ ซึ่งถ้าเธอไม่มีความคิดเลวๆอยู่ก็คงไม่ทำ”
“ธารายอมรับว่าเจอเขา แต่เมื่อกี้ที่ไม่ยอมรับเพราะไม่คิดว่าจะเป็นข่าว และธาราไม่ได้ทำอะไรนะคะ เพราะเขามาหาธาราเอง ไม่ได้แอบย่องเหมือนที่ข่าวเขียน และธาราก็ไม่รู้ว่าเขาเคยเป็นอะไรกับพี่น้ำ เมื่อเขามาทัก มาคุย ธาราที่ก็ต้องรักษามารยาท รักษาภาพลักษณ์ของพี่น้ำไม่ให้เป็นข่าวว่าวีนเหวี่ยงหยิ่ง อีกอย่างพี่มี่ก็อยู่ ธาราไม่ได้นั่งกับเขาแค่สองคน แต่คนถ่ายคงโฟกัสเพื่อขายข่าวเท่านั้น”
“อธิบายมาเสียยาว คิดว่าฉันจะเชื่อถือเหรอ”
“ก็แล้วแต่คุณน้านะคะ เพราะธาราบริสุทธิ์ใจ ขอตัวนะคะ เหนื่อยค่ะอยากพัก”
พูดจบก็เธอก็เดินไปทันที จรัสแขไม่ยอมเพราะยังพูดไม่จบจะตามไปคว้าตัวไว้ เพื่อเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่เลอรัศมีขวางไว้เสียก่อน จึงถูกผลักให้หลีกทาง อีกฝ่ายก็ผลักกลับมา สองคนจึงยกฝ่ามือจึงยกขึ้นจะทำร้ายกัน
“หยุดนะ” เสียงคุณหญิงทองจันทร์ดังขึ้น ฝ่ามือของทั้งสองคนก็ลดลง แต่สีหน้ายังกร้าวพร้อมที่จะฟาดฟันกันได้ทุกเวลา คุณหญิงกับนางพุดที่ออกมาเห็นเหตุการณ์ เดินลงบันไดมายืนอยู่ตรงหน้า แล้วถามออกมา “มันเรื่องอะไรกัน หล่อนสองคนถึงกับจะลงไม้ลงมือกัน”
“ก็เรื่องเลวๆของสองแม่ลูกที่ปูดขึ้นมาให้จับได้คาหนังคาเขานะซิคะ”
“นั่นแหละแล้วมันเรื่องอะไร” เสียงคุณหญิงอ่อนใจ เมื่อไม่ได้รู้สักที
นางจรัสแขดึงมือถือออกมาจากมือนางเลอรัศมี เปิดรูปเมื่อกี้ให้ท่านดู พร้อมกับบอกว่า “ยัยธารายอมรับกับแขเมื่อกี้ ว่าได้ไปเจอกันมาจริง”
คุณหญิงมองหน้าสะใภ้คนรองแล้วถามออกมา “หล่อนจะว่ายังไง รู้เรื่องด้วยหรือเปล่า”
“เลอไม่ทราบค่ะ เพื่อเห็นภาพเมื่อกี้เหมือนกัน และยัยธาราก็อธิบายให้จรัสแขฟังแล้วว่าไม่มีอะไร แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลย ส่วนคุณแม่จะคิดยังไงก็แล้วแต่ แต่ขอให้รู้ไว้นะคะว่าที่ธาราทำ ก็เพื่อยัยน้ำ ไม่ได้คิดไม่ดีเหมือนคนใจต่ำคิดอยู่”
“ว่าฉันใจต่ำ หล่อนนี้คงใจสูงมากซินะ ถึงได้เสี้ยมลูกให้แย่งของๆคนอื่น”
“แย่งเหรอ หึ” เลอรัศมียิ้มหยันออกมา “เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เพราะลูกของเธอเลิกกับเขาไปตั้งนานแล้ว และถ้าเขาจะกลับมาสนใจลูกของฉัน ก็เป็นเพราะบุพเพ ไม่ใช่คำว่าแย่ง”
“งั้นเหรอ” ว่าแล้วนางก็หัวเราะขำปนหยันออกมา “งั้นฉันก็ต้องอวยพรให้สำเร็จ ไม่ใช่แช่งซินะ เพราะท้ายที่สุดแล้วที่เขากลับมาพบปะพูดคุยหรือทำอะไรให้ก็แล้วแต่ เพราะเขาคิดว่านั่นยัยน้ำลูกของฉัน ไม่ใช่ตัวตายตัวแทนลูกของเธอ ที่เป็นได้แค่เงา ไม่มีทางที่จะเป็นตัวจริงหรือได้เขาไป” ว่าแล้วนางก็ดีดนิ้วใส่หน้า “ตื่นนะ จะได้ไม่ฝันค้าง”
พูดจบก็เดินยิ้มจากไป นางเลอรัศมีขบฟันกำมือข่มความชิงชังที่กลายเป็นความแค้น แล้วเดินกลับตึกของนาง
คุณหญิงทองจันทร์กับนางพุดได้แต่ถอนหายใจออกมา แต่ความหนักใจก็ไม่ได้ลดน้อยลง กลับเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่คิดว่าเมื่อธารธารากลับมาทุกอย่างจะดีขึ้นแต่กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
*****
ไฟท้ายรถยนต์สีแดงหายไปจากสายตาของธอร์ แต่เขายังไม่ขยับไปจากระเบียงห้องนอน ยังคงยืนนิ่งอยู่แบบนั้น คนที่ยืนไขว้ขาอิงประตูดูอยู่ด้านหลัง ถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมคิดถึงหญิงสาวที่เพิ่งนั่งรถออกไป เธอหยิ่งและทระนงในตัวไม่น้อย ไม่มีคำพร่ำเพ้อใดๆ นอกจากน้ำตาที่เขาเห็นแค่หยดเดียว ก็ลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่มีคำขอใดๆ เขาเองที่เป็นฝ่ายต้องถาม เมื่อรู้ว่าเธอจะกลับ ก็ให้ปีกของแอ็คส์แน็คไปส่ง
ธีร์เดินมายืนข้างพี่ชาย มองหน้าที่เคร่งขรึมแต่สายตายังมองไปที่ถนนที่รถวิ่งไป “ตอนแรกก็พาเธอมา ดูแลห่วงใยเสียมากมาย แต่ตอนหลังทำเหมือนเทเธออย่างนั้น แล้วยังยืนมองอยู่อย่างนี้ จะคิดว่าไงดี” ไม่มีเสียงตอบมา คนถามก็พูดต่อ “ทำไมไม่ไปส่งเธอ เธอเจ็บอยู่แบบนั้น แล้วยังปล่อยให้ไปคนเดียวอีก”
“ฉันมีงานต้องทำ”
“สำคัญกว่าเธอและหัวใจตัวเองเหรอ”
“อย่ามารู้ดี”
“โอะโอกัปตัน สีหน้าท่านฟ้องขนาดนี้ ไม่ให้รู้ดี ก็มีแต่คนซื่อๆเท่านั้นไม่ใช่กัปตันธีร์ที่เป็นน้องแล้ว แล้วถามหน่อย” ว่าแล้วทำไมถึงได้ลุกออกมาจากห้อง ทำไมไม่...”
“นายบินกลับมาเมื่อไร”
“ยังไม่รู้คำตอบของเธอแล้ว ทำไมถึงได้ทำเย็นชาใส่” ธีร์พูดโดยไม่สนใจคนที่ไม่อยากฟัง
“จะบินอีกเมื่อไร”
“หน้าเธอนี่เสียเลย และธีร์ก็เห็นน้ำตาเธอด้วย”
“นางฟ้ามิลลี่สบายดีหรือเปล่า”
“ทำไมไม่คิดบ้างว่า คำตอบของเธออาจจะเป็นนาย”
“หยุดพูดได้แล้วธีร์ ก่อนที่ฉันจะอัดนาย”
“ก็ได้นะ เผื่อหมัดของธีร์จะทำให้สมองนายปลอดโปร่ง คิดได้ว่าจะง้อสาวยังไงดี”
“หยุดปากดี แล้วพูดเรื่องของนายมาว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วมาดามไปอยู่ที่เรือนไทยของลุงมาร์คได้ไง”
“ก็ไม่มีอะไร มาดามอยากไปดูเหลนเพราะนายศีลเขาพายัยชมพูกับลูกมาหาอามาร์ค ก็เลยให้ธีร์เปลี่ยนไฟล์บินมาอยู่เป็นเพื่อนนาย ช่วยนาย และคงอยากให้ธีร์ได้ยืดเส้นยืดสาย เพราะช่วงนี้ธีร์อ่อนหัดจึงให้มาฝึกรบกับนายเยอะๆ”
“ฉันจัดการเองได้ นายจะไปไหน หรือทำอะไรก็ตามสบาย”
“ไม่เอาอะ เดี๋ยวมาดามไม่รักธีร์ ธีร์ต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด และมาถึงก็เจอเจ๊กพอตพอดี”
เขาพูดติดตลก ใบหน้าเหมือนมีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา พูดจากับคนในครอบครัว มักใช้ชื่อแทนตัวเองแบบนี้เสมอ และคนเป็นย่านั่นรักหลานทุกคนมากมายนัก แต่ถ้าใครมีเรื่องท่านก็จะใส่ใจเป็นพิเศษ แล้วเดินไปยืนพิงราวระเบียง มองหน้าพี่ชายที่ขรึมๆ อยากจะซักถึงหญิงสาวที่เพิ่งจากไป แต่...เรื่องหัวใจ ฟังเสียงใคร ก็ไม่ดีเท่ากับฟังเสียงหัวใจตัวเอง
สองพี่น้องยืนมองความมืดคนละทาง แต่มีแสงสว่างแทรกเข้ามาให้เห็น ของธีร์นั่นคือดวงดาราบนฟ้ากว้างแสงระยิบระยับนั่นให้ความเพลินใจไม่น้อย แต่ธอร์ไม่เห็นแสงใดๆ ใจเขาบิดตายสำหรับทุกสิ่ง เพราะคำว่าน้ำตาของเธอ สร้างความเร้าร่านใจให้กับเขา แต่เธอเสียใจเพราะเขาจริงๆ หรือเล่นละครให้น่าสงสารเพราะยังต้องพึ่งเขาอยู่กันแน่ มือที่กอดอกกำเข้าหากันแน่น แล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ เมื่อความคิดเขาสับสนวุ่นวายไปหมด
ธีร์ปรายตามอง เห็นความรู้สึกนั่นแต่ก็ไม่พูดถึง ถามแค่ว่า “จะลุยเลยหรือเปล่า”
“รอทำไม” พูดจบธอร์ก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบมือถือมาส่งสารไปยังองค์กรที่เขาทำงานให้ ให้ส่งคนมาช่วยเก็บกวาดสิ่งสกปรก แม้จะไม่สะอาดหมดจบ เพราะพวกมันมีมากมาย แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้พวกมันหยามใจ โดยไม่ทำอะไรเลย
*******
รถยนต์ที่ธารธารานั่งอยู่ วิ่งไปยังเส้นทางที่ตรงไปยังธรธารา ดวงไฟริมทางผ่านสายตาหญิงสาวที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกกระจก ไม่จดจำสิ่งใดเพราะหัวใจเจ็บ ความเย็นชาจึงถูกสร้างขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันตัวเองอีกครั้ง สองครั้งที่เปิดใจคงเพียงพอที่จะเก็บหัวใจไว้ไม่ให้ใครอีก
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น ดึงสติที่เลื่อยลอยของเธอกลับมา เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมา ยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรมา เพราะให้ความจริงใจที่ไม่ทำให้ใจเธอเจ็บ
“ขอโทษนะที ที่ไม่ได้โทรไป อย่างที่บอกไว้” เธอบอกไป อีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนชิงช้าหน้าร้านตัวเอง ก็ตอบกลับมาอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร แล้วทุกอย่างเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่มีอะไรให้น่าสงสัย แต่ว่า...” เธอเม้มริมฝีปากกดความรู้สึกเรื่องหัวใจไว้ ให้เสียงพูดไม่ผิดปรกติ นทีจะได้ไม่สงสัย “วันนี้เกิดเรื่องขึ้นอีก พวกมันโผล่มา...” เธอเล่าให้นทีฟัง ซึ่งพอฟังจบ เขาก็ตอบกลับมาพร้อมความห่วงใยอีกมากมาย
“ต้องแจ้งตำรวจแล้วนะน้ำ ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ การที่แกเอาตัวเองเป็นเหยื่อ แต่ไม่มีใครคอยตามช่วย เท่ากับแกเดินไปความตาย และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคนที่แกสงสัยจะใช่คนที่จะฆ่าแกหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ แล้วกลายเป็นคนอื่น แกอาจจะตายฟรีๆ และถ้าแกยังไม่อยากให้ที่บ้านรู้ ฉันพอจะรู้จักตำรวจอยู่บ้าง ขอให้ช่วยจัดการเรื่องนี้อย่างลับๆ ก่อนดีไหม”
ธารธารานิ่งคิด ใจที่เจ็บเป็นแผลสดใหม่ๆทำให้ง่ายต่อการติดสินใจ อย่าสร้างสะพานให้มีเยื่อใยใดๆ เมื่อเขาไม่สนใจแล้ว ก็ควรจะตัดให้ขาดจบสิ้นกันไปเลย “ก็ดี งั้นพรุ่งนี้เจอกัน ขอบใจนะที”
ปลายเสียงนั่นทำให้นทีรู้สึกถึงความผิดปรกติ “ไม่เป็นไร แต่อยากชนแก้วกันไหม”
“ฉันยังไหวอยู่ ไม่ต้องชนหรอก”
“แกแน่ใจ”
“แน่ซิ แกก็รู้ว่าความอ่อนแอเล่นงานฉันมากเท่าไร ฉันก็สามารถเข้มแข็งขึ้นได้มากเท่านั้น ไม่งั้นฉันจะอยู่ในวงการที่เต็มไปด้วยมารยา มายา และในบ้านที่ไม่ต่างจากมายาอีก ได้ยังไง”
“ฉันรักแกวะ”
ธารธาราน้ำรื้อขึ้นมากลบตาทันที ที่นทีพูดคำนี้ออกมา เพราะหมายถึงความจริงใจ ที่เขาพร้อมจะทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะอยู่เคียงข้างหรือกอดปลอบให้กำลังใจ
“ฉันก็รักแก”
นทีเต็มตื้นไปทั้งหัวใจ ก่อนจะเศร้าใจแล้วถอนหายใจออกมา เพราะคำว่ารักที่เขาได้รับ เป็นรักแบบเพื่อนเท่านั้น
*********
ขอบคุณที่ติดตามผลงาน
pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ต.ค. 2560, 16:38:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ต.ค. 2560, 16:38:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 2068
<< ตอน 13 |
แว่นใส 17 ต.ค. 2560, 07:25:27 น.
มโนกันทั้งคู่เลย
มโนกันทั้งคู่เลย
สิรินดา 18 ม.ค. 2561, 23:41:53 น.
ยอดวิวสูงม๊ากกกก
ยอดวิวสูงม๊ากกกก