เกมรักมายาลวง (ซี่รีี่เหมืองเถื่อน)
บาดแผลในชีวิต หยาดน้ำตา ใครลิขิต เธอ (ธารธารา) หรือ เธอ (ธาราธาร)

หญิงสาวต่างแม่สองคน ใบหน้าเหมือนกัน ถูกชะตาเล่นตลก เมื่อวันที่เธอคนหนึ่งหายไป อีกคนก็กลับมา

ความชิงชัง เป็นพิษร้าย ทำลาย แม้กระทั่งชีวิต ต่อสู้ ช่วงชิง ร้ายมาร้ายกลับ ด้วย...เกมรักมายาลวง

เขา คือความอบอุ่นในชีวิต ที่ลิขิตหัวใจเธอ ตั้งแต่แรกเจอ

ความเจ็บซ้อนซ่อนด้วยหยดน้ำตา มาพร้อมคำว่า ...เธอคือคนที่ใช่

รอยยิ้ม ความรัก ใครจะได้ครอบครอง ‘เธอ’ คนที่ใช่ ‘เขา’ หรือ ใช่ ‘เธอ’ หรือเปล่า

Tags: โรมานซ์

ตอน: ตอน 13

ตอน 13
รถมอเตอร์ไซด์ของฉลามวิ่งตามรถกระบะสีดำมาถึงโกดัง ที่ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยตู้คอนเทรนเนอร์ด้านข้างมีกำแพงเป็นรั้ว ด้านบนไม่มีเหล็กแหลมหรือเศษแก้วป้องกันการบุกรุก ส่วนด้านหน้าเป็นประตูตาข่าย มีชายสองคนยืนเป็นยาม เปิดประตูให้รถกระบะวิ่งเข้าไป

ฉลามจอดรถอยู่ข้างกำแพง ตวัดสายตามองไปรอบๆว่าจะมียามเดินตรวจตราหรือไม่ เมื่อไม่มีก็หารูแอบดู เห็นรถกระบะที่ตามมาวิ่งเข้าไปจอดในโกดัง คนขับเปิดประตูออกมา ตามมาด้วยคนที่คุมตัวนักข่าว ซึ่งถูกกระชากลงมาจากรถ แล้วผลักให้เดินลึกเข้าไปข้างใน

ฉลามมองไปรอบๆอีกครั้งเมื่อเห็นทางสะดวกก็ปีนกำแพงเข้าไป พร้อมกับคิดว่าทำไมพวกมันถึงได้หละหลวมไม่ระวังกวดขันอะไรเลย คงไม่อยากทำอะไรให้เป็นที่ผิดสังเกต หรือจับตามองของคนในพื้นที่ เพราะโลกที่เจริญด้วยเทคโนโลยี คนมีมือถือเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต เห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ก็จะถ่ายเอาไปลงโซเชียล ให้กลายเป็นข่าวดัง เข้าไปสู่หูของทหารตำรวจมานักต่อนักแล้ว

แต่จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง มันกลายเป็นผลดีกับเขาที่จะได้ทำงานให้สำเร็จ มันโดดลงมาจากกำแพงแล้วลัดเลาะอย่างระมัดระวังไปตามซอกตู้คอนเทรนเนอร์ จนถึงโกดัง ค่อยๆแอบเข้าไป พลางส่ายตาหานักข่าวจอมเก๋า แต่มองไปทางไหนก็เจอแต่ลังไม้ ที่น่าสงสัยว่าใส่อะไรไว้ มันคิดแล้วอยากจะเปิดลังดู แต่ต้องรีบตามหาไอ้นักข่าวให้เจอ จึงเดินลึกเข้าไปข้างใน กระทั่ง
ได้เห็น ว่ากำลังถูกไอ้สองคนนั่นถูกมัด เอามือไพล่หลัง นอนโดนกองอยู่กับเพราะโดนซ้อม ก็หาที่ซ่อนแอบมองทันที

“ซ่านักนะมึง” เสียงหนึ่งในสองพูดขึ้น “กล้าขู่นายกู แล้วรีดเงิน ซ้ำยังทำให้พวกกูโดนนายด่า ถุย” มันแตะร่างที่คุดคู้อยู่อีกสองสามครั้ง ก็พากันเดินออกมา แล้วหยุดไม่ห่างจากที่ฉลามแอบอยู่ เมื่ออีกคนถามขึ้นมา

“ทำไมไม่จัดการมันเลยวะ”

“นายไม่อยากให้ที่นี่เป็นสุสาน ไม่อยากให้มีใครมาสงสัย ให้ดูว่าสะอาดสะอ้านสำหรับคนที่ผ่านไปผ่านมา”

“แต่มันเห็นหน้านาย เห็นหน้ามึงกับกูแล้ว กูก็ไม่อยากปล่อยมันไว้อีก ไอ้พวกนักข่าวมันเล่ห์เหลี่ยมเยอะ กลัวมันจะเล่นตุกติกเหมือนเรื่องคลิปกับรูปถ่าย จึงอยากจะจัดการมันให้จบๆกันไปเลย”

“ของมันถูกยึดไปหมดแล้ว มันไม่มีปัญญาทำอะไรได้อีกหรอก มึงใจเย็นๆ รอพรุ่งนี้ตอนตีสี่มันก็จะได้กลายเป็นผีทะเลแล้ว” มันตบบ่าปลอบใจเพื่อน แล้วเดินออกไป

ฉลามมองตามไปจนแน่ใจว่ามันจะไม่ย้อนกลับมา ก็ค่อยๆออกมาจากที่ซ่อน เดินไปหาไอ้นักข่าว แต่ลังไม้ที่ลักษณะคล้ายโลง ที่ขวางทางนั้น ทำให้ความสงสัยผุดขึ้นมาอีก แล้วคิดว่ายังมีเวลาที่จะดูก่อนจะไปช่วยไอ้นักข่าว มันมองหาแชลงที่คาดว่าต้องมีอยู่ เพราะพวกมันจะต้องมีไว้เผื่องัดลังเหมือนกัน แล้วก็ได้เห็นว่าวางพิงอยู่ข้างลังใบหนึ่ง มันเดินไปหยิบมางัดลังที่สงสัยทันที

จากนั้นก็ค่อยๆเปิดฝาออก แล้วต้องตกตลึง คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั่นคือ...คน ฉลามขยี้ตาเพื่อความแน่ใจ แล้วก้มลงไปมองคนที่นอนหลับตานิ่งอยู่ในลัง ด้วยความสงสัยว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จึงยื่นมือไปรองที่ปลายจมูก รับรู้ถึงลมหายใจแผ่วๆ ก็ยืดตัวขึ้น พร้อมกับคิดว่า พวกมันจับคนไว้ในลังนี้เพื่ออะไร และมันก็คงทำกับไอ้นักข่าวแบบนี้เหมือนกัน ที่สำคัญมันคงทำงานนี้คนเดียวไม่ได้อีกแล้ว
**********
“แอ็คชั่น”

สิ้นเสียงผู้กำกับ นางเอกตัวปลอมที่ทำสมาธิเตรียมพร้อมเข้าฉากแสดงความเสียใจ ที่คนรักปันใจให้กับผู้หญิงอื่นที่เธอเกลียดเข้ากระดูกดำ ยังไม่พอ ยังมาต่อว่าเธอเพราะรู้ว่าเธอไปทำร้ายมันมาอีก ก็ปล่อยน้ำตาให้พรั่งพรูพร้อมคำคร่ำครวญต่อว่าคนรักออกมา

“พี่นพเห็นมันดีกว่าอรเหรอคะ อรถึงแตะต้องมันไม่ได้ และอรก็ไม่ผิดที่ตบมัน เพราะมันให้ท่าพี่นพ” เสียงเธอเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

“เหลวไหล เพ็ญเขาไม่ได้ทำอย่างนั้น”

“ไม่ได้ทำ แล้วมันจะกลับมาที่นี่อีกทำไม ทำไมไปแล้วไม่ไปลับ กลับมาเป็นมือที่สามให้อรกับพี่นพมีปัญหากันอีก เพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพราะมันอยากได้พี่นพ”

“เข้าใจผิดแล้วอร ที่เพ็ญเขากลับมาเพราะว่าเขาไม่มีที่จะไป พี่ไปเจอเขาขายของ อยู่อย่างยากลำบากก็เลยพากลับมา ให้ไปอยู่เรือนด้านหลัง อรจะไม่รำคาญ”

“อรไม่รำคาญหรือพี่นพไปหามันง่ายกันแน่คะ”

“ไปกันใหญ่แล้วอร แล้วทำไมถึงได้ใจแคบอย่างนี้นะ” เสียงนั้นบอกความหน่ายใจ “เขาเป็นพี่น้องกับอรนะ”

“พี่น้องเหรอคะ มันก็แค่เด็กที่คุณพ่อเก็บมาเลี้ยงแล้วให้มาใช้นามสกุลเดียวกับอรเท่านั้น ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับอรสักนิด สิ้นคุณพ่อ มันก็ปีกกล้าขาแข็งออกไปอยู่ที่นี่ พอไปไม่รอด ก็ซมซานกลับมา ทำเป็นอ่อนแอให้พี่นพสงสาร ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ได้น่าสงสารอย่างที่นพเห็นหรอก”

“อรอคติจริงๆเลยอร พี่ไม่มีเห็นว่าเพ็ญเขาจะเป็นอย่างนั้นเลย ถ้าอรยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ พี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” ว่าแล้วก็เดินลงจากเรือนไป

หญิงสาวหมุนตัวมองตามจะยื้อไว้ก็ไม่ทันแล้ว “พี่นพ กลับมาเดี๋ยวนี้นะ พี่นพ พี่นพ” เธอร้องเรียก แต่เขาจะหันหลังเดินกลับมาหาก็ไม่ กลับเดินไปที่โรงจอดรถ แล้วขับรถออกไป ปล่อยให้เธอฟูมฟายร้องไห้อยู่กับความเสียใจ เจ็บปวดจนอยากจะทำร้ายคนที่ทำลายความรักของเธอให้สิ้นใจไป

“คัท”

เสียงผู้กำกับดังขึ้น แล้วเอ่ยชมนางเอกตัวปลอมว่าแสดงได้ยอดเยี่ยมเหมือนเคย ซึ่งเธอก็ยิ้มรับ พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ที่คิวสุดท้ายจบลงเสียที ยิ้มแย้มให้ทุกฝ่ายที่ยืนดูอยู่รอบๆ แล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่นานก็ออกมาหาผู้จัดการสาวที่เก็บข้าวของลงในกระเป๋า รอจะกลับอยู่แล้ว ทั้งสองคนยกมือไหว้ลาทุกคน หยิกแก้มหยอกให้ความเป็นกันเองนิดๆหน่อยๆ ก็โบกมือลา เดินไปขึ้นรถตู้

มีลักขณาเปิดประตูรถให้หญิงสาวก้าวขึ้นไปก่อน แล้วก้าวตามขึ้นไป ปิดประตูรถแล้วสั่งให้คนขับๆออกไปได้ เสร็จแล้วก็หันมามองนางเอกตัวปลอม เห็นท่าทางเหนื่อยๆก็ถามเอาใจออกมา “เหนื่อยไหมคะคุณน้อง เหลืออีกไม่กี่คิวก็จะปิดกล้องแล้วค่ะ ตอนนี้นะคะ พี่ไม่มีความกังวลว่าใครจะสงสัยในตัวคุณน้องเลย เพราะคุณน้องทำได้...”

“ได้หรือยังคะพี่มี่” ธาราธารถามขึ้นเพราะเบื่อฟังคำเยิ่นยอ ที่ไม่พ้นไปเปรียบเทียบกับพี่สาวต่างแม่ของเธอ

ผู้จัดการสาวนิ่งไปอึดใจก็คิดออก ว่าหญิงสาวถามถึงอะไร ยิ้มออกมาแล้วพูดด้วยความปลื้มปริ่มในตัวเองที่สามารถทำได้สำเร็จ “อุ้ย จะเหลือเหรอคะ พี่มี่เสียอย่าง เพื่อนของเพื่อนนักข่าว เล่าเป็นก็อสซิบมาให้รู้ แต่รู้แล้วห้ามไปเปิดเผย เพราะโดนภาคทัณฑ์กลัวถูกฟ้องกันมา ว่ากันว่าสุดหล่อของพี่ เขาชื่อเมธิส หรือธอร์ เป็นลูกหลานของตระกูลแอ็คส์แน็ค ที่รวยมหาศาล มีธุรกิจหลายอย่าง แต่ที่รู้จักกันดีก็คืออัญมณี เขาไม่ออกสื่อ เพราะเป็นกัปตันอยู่ในทะเล และที่เล่าลือกันมาหนักมากอีกอย่างก็คือ ลูกหลานตระกูลนี้ หล่อ สวย รวยมากทุกคน”

“แล้วอีกคนละคะ”

“ใครคะ” ผู้จัดการสาวถามออกมา เพราะจำได้ว่าหญิงสาวให้เธอหาประวัติของหนุ่มหล่อนี้คนเดียว ก่อนจะอึ้งไป เมื่อคำตอบออกมาว่า

“คิวแรก”

“คุณน้องอยากรู้เรื่องเขาไปทำไมคะ”

“สานความสัมพันธ์”
**********
ธอร์ขับรถพาธารธารามาที่ร้านอาหารชานเมือง ตั้งอยู่ริมน้ำ บรรยากาศสบาย ร่มรื่นด้วยต้นไม้สูง ผู้คนไม่พลุกพล่าน การตกแต่งก็ยังเป็นแบบธรรมชาติ ใช้พรรณไม้นาๆชนิดมาประดับประดา พร้อมมีชื่อติดไว้ให้ได้รู้จัก โต๊ะเก้าอี้ที่นั่งก็ยังเป็นไม้ เด็กในร้านยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับอย่างมีไมตรี เอาน้ำสมุนไพรใบเตยมาเสิร์ฟ เอาเมนูมาวางให้ได้เลือกรายการอาหาร

ธารธารายกหน้าที่สั่งอาหารให้เขา ส่วนเธอขอนั่งชมธรรมชาติ มองไปฝั่งตรงข้าม เป็นทุ่งกว้างสีเขียวขจี มีนกบินบ้างเดินบ้างหาอาหารกิน แล้วถามตัวเองว่านานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้เห็นธรรมชาติแบบนี้ เพราะชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่หน้าแสงไฟในกองถ่าย งานอีเว้น ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา แทบจะไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว หรือถ้ามีก็จะหมดไปกับการนอนพักผ่อน น้อยครั้งที่จะมีเวลามานั่งปล่อยอารมณ์แบบนี้

ธอร์สั่งน้ำพริกกุ้งสด ปลาทอด และต้มจืด ส่งรายการอาหารให้เด็กในร้าน แล้วนั่งมองผู้หญิงที่โชคชะตาพามาให้เขา ใครจะคิดว่าเพียงเวลาน้อยนิดเขาจะติดใจเธอ และทำบางอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครที่ไหนมาก่อน นั่นคือการตัดผมให้เธอ ที่ตอนนี้เป็นรูปทรงที่สวยที่สุดในสายตาเขา

ก่อนนั้นเขาไม่เคยเชื่อว่าความรักจะมีพลังทำให้คนเราสามารถทำได้ทุกอย่าง พ่อแม็คเคยเล่าให้ฟังว่านายเหมืองเถื่อน แห่งเหมืองร้าง ซึ่งเป็นลุงของเขา หน้าตาดุดัน โหดร้ายในสายตาของคนทั่วไป เพราะต้องคุมพวกเดนคุก จะร้อยมาลัยให้ผู้หญิงที่ถูกใจใส่ตั้งแต่วันแรกเห็น ใส่ข้อมือทุกวัน และยังจะลุงมาร์ค ที่ถูกพระพรหมเล่นตลกให้พาเจ้าสาวหนีออกมาจากงานแต่งงาน ปกป้องคุ้มครองกระทั่งได้สมรัก

หรือแม้กระทั่งลูกพี่ลูกน้องกับเขา ทั้งนายเหมืองฆีนทร์ นายเหมืองฆิค นายเหมืองฆิต ต่างก็มีทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่รักเช่นกัน อีกคนก็คือเสือโมกข์ที่จับตัวนางแมวป่าได้ แล้วหวานใส่ให้ใครต่อใครได้หวานซึ่งกับประโยคที่ว่า ...คนที่เรียกฉันว่ามาร์คี รักฉันหมดใจทุกคน

“มองอะไร” เธอถามเมื่อหันมาเห็นเขามองอยู่

“เธอสวย”

ธารธาราแทบจะทำหน้าไม่ถูกที่ถูกเขาชม จึงแกล้งเขากลับไปว่า “คุณก็หล่อ”

“อยากรู้ไหมว่าฉันหล่อเพราะใคร”

“ไม่ต้องบอกฉันก็รู้ว่าต้องพ่อกับแม่คุณซิ”

ธอร์ขำคำยอกย้อนของเธอ “แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าครอบครัวฉันเป็นยังไง”

“อยากค่ะ” เธอตอบตามตรง เพราะเขานั้นรู้จักครอบครัวเธอแล้ว ซ้ำยังรู้เรื่องในครอบครัวเธอต่างหาก แต่เธอยังไม่รู้จักครอบครัวเขาเลย หมอปลาบอกเธอแค่ชื่อเต็มๆของเขาว่าเมธิส แอ็คส์แน็ค ทายาทของมาดามโรส ซึ่งเธอรู้สึกคุ้น เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน

“ฉันมีพี่น้องสามคน” เขาเกริ่นขึ้นมา แต่ไม่เล่ารายละเอียดเพราะคิดว่าเธอคงจำไม่ได้ทั้งหมด ไว้ค่อยๆเล่าให้ฟังเป็นครั้งไป ตอนนี้สรุปให้ฟังแค่ว่า “เป็นครอบครัวใหญ่ มีญาติเยอะ ทั้งมาเฟีย แดนเถื่อนที่เหมืองร้าง หรือดินแดนลึกแต่ไม่ลับอย่างเพลิงพญา ป่าของป๊ะเพลิง ที่ห้ามใครก้าวล้ำหรือล้ำเส้นเข้าไป ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต แต่ฉันเข้าไปได้ เพราะนายเหมืองฆิคลูกพี่ลูกน้องของฉัน เป็นลูกเขยของป๊ะเพลิง ผู้ชายที่ว่ากันว่า รักเมียด้วยหัวใจ เพราะไม่มียาอะไรรักษาได้ นอกจาก...ยาใจ”

“น่ารักจัง”

“ฉันเหรอ”

“ป๊ะเพลิงค่ะ” เสียงเธอออกจะหมั่นไส้เขา ที่พูดลดเลี้ยวเข้าตัวเองตลอด ช่างต่างจากตอนที่เป็นกัปตันอยู่บนเรือ ที่ปากร้ายไร้น้ำใจ พูดให้เธอเจ็บช้ำซ้ำลงไปในหัวใจครั้งแล้วครั้งเล่า

“กำลังต่อว่าฉันเหรอ”

“เปล่า เสียหน่อย” เธอเว้นคำพูด แล้วอมยิ้มให้เขารู้ว่าใช่ จึงถูกธอร์ยื่นหน้าไปใกล้แก้ม คล้ายจะแกล้งหอม เธอหลบด้วยความขัดเขิน และมองเขาอย่างเคืองๆ แต่ความจริงที่เธอไม่เห็นแววตาตัวเอง ว่ามันกำลังแสดงความรู้สึกพอใจอยู่ โชคดีที่มีระฆังมาช่วยพักยก ความรู้สึกนั่นหายไป โดยที่ธอร์ก็ยังไม่แน่ใจ

เด็กในร้านเอานำอาหารที่สั่งไปมาวางให้บนโต๊ะพร้อมข้าวหอมกรุ่น แล้วถอยออกไป หน้าตาอาหารน่าทาน แต่ธารธารายังไม่ทันได้ทาน ธอร์ก็ถามว่า “รู้ไหมว่าทานข้าวกับอะไรอร่อย”

“กับข้าวไงคะ”

“ไม่ใช่”

เธอทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะตอบไปอีกหลายอย่างทั้งช้อน จาน ปาก และอื่นๆ แต่ไม่ถูกสักอย่าง ก็ยอมแพ้ ถามเขาออกมาว่า “แล้วทานกับอะไรคะ”

“คนของคบ”

ธารธาราเม้มริมฝีปากไม่อยากจะยิ้มกับมุกเสี่ยวๆของเขา แต่ก็ยิ้มออกมา ให้คนที่มองได้ชื่นไปทั้งหัวใจ จากนั้นทั้งคู่ก็ลงมือทานข้าว ธอร์ตักกับข้าวใส่จานให้เธอ ซึ่งถูกใจในรสชาติทานอย่างอร่อย และรู้สึกอร่อยกว่าทุกมื้อที่ทานอย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ

หลังจากอิ่มเธอก็ขอตัวไปห้องน้ำ ซึ่งอยู่เยื่องๆไปด้านหลังร้าน ไม่เกินสิบนาทีก็ออกมา เดินสวนกับผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้เธอเย็นวาบไปทั้งตัว เพราะหมุนตัวเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว จับแขนไว้แน่นแล้วใช้บางอย่างจี้เอวเธอ ความเย็นและปลายแหลมที่ทำให้รู้สึกเจ็บ ทำให้เธอคิดว่าน่าจะเป็นมีด

“อย่าตุกติกหรือคิดจะร้องให้ใครมาช่วย”

เสียงมันขู่ออกมา ขณะที่ธารธาราต้องกำมือข่มสติ ไม่ให้ตัวสั่นเพราะความกลัว และคุ้นหน้ามันเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่นึกไม่ออก และพยายามมองว่าจะมีใครผ่านมาบ้างหรือไม่ แต่ไม่มีเลย เพราะเป็นช่วงบ่ายที่คนยังน้อย และห้องน้ำที่อยู่ห่างจากร้าน ทำให้ยากที่ใครจะเห็น จึงทำได้เพียงถ่วงเวลาให้คนที่มาด้วยผิดสังเกตที่เธอหายตัวมานาน

“ต้องการอะไร เงินเหรอ ฉันไม่ได้พกมา อยู่ที่โต๊ะ ปล่อยฉันไป ฉันจะเอามาให้”

“ฉันไม่ต้องการ”

“แล้วแกอยากได้อะไร”

มันก้มหน้าลงมา จนเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ข้างแก้ม และพูดชิดติดหูเธอด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ขนลุกชันไปทั้งตัวว่า... “ทะเล”
**********
รถตู้ของนางเอกตัวปลอมวิ่งเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของโรงแรมหรู หลังจากที่เธอให้ผู้จัดการสาวเล่าประวัติของคิวแรก ซึ่งก็คือผู้ชายที่เคยมีใจกับพี่สาวต่างแม่ให้ฟัง จากนั้นก็ให้ใช้ความสนิทกับนักข่าวในวงสังคมไฮโซ หาข่าวให้เธออีกว่าวันนี้เขาทำอะไรอยู่ที่ไหน และนี่คือเหตุผลที่ทำให้รถตู้ของเธอมาจอดอยู่ที่นี่ ที่ๆได้รู้ว่าเขานั่งอยู่ในตำแหน่งผู้บริหาร

แววตาเธอสมใจบางอย่าง เพราะนอกจากรูปลักษณ์ที่เห็นในอินเตอร์เน็ตว่าดีแล้ว สิ่งที่หุ้มตัวเขาอยู่ก็มีมูลค่าสูงลิ่ว ลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ และยังจะมีธุรกิจด้านส่งออกรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ริมทะเล ช่างเหมาะกับการที่เธอจะสานสัมพันธ์

แม้ไม่ใช่จุดประสงค์หลัก แต่การที่เขาไม่ใช่ไก่กา ก็ทำให้บางสิ่งที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ ง่ายขึ้นนั่นเอง แล้วนึกถึงตอนที่ผู้จัดการสาวได้รู้ว่าเธอจะทำอะไร หน้าตานั่นดูตกใจ และถามเหมือนไม่อยากเชื่อว่า

‘หมายความว่าคุณน้องชอบเขา’

‘เขาก็น่าสนใจดีไม่ใช่เหรอคะ หรือพี่มี่ว่าไม่น่าสนใจ’

‘โอ๊ย สนซิค่ะ รูปหล่อพ่อรวยขนาดนั้น ไม่สนก็บ้าแล้ว แต่...’ สีหน้าของมีลักขณะกังวล ก่อนจะพูดออกมา ‘ถ้าคุณน้องจะสานสัมพันธ์ คุณน้องต้องบอกคุณน้ำก่อนหรือเปล่าคะ เพราะถ้าคุณน้องไปสานความสัมพันธ์ในระหว่างที่เป็นตัวตายตัวแทนอยู่แบบนี้ พี่กลัวว่ามันจะยุ่ง ที่สำคัญถ้าเขาจับได้ขึ้นมา ความลับแตกแล้วจะแย่เอานะคะ’

‘คนที่เจอธาราทุกวัน ยังจำไม่ได้เลยว่าไม่ใช่พี่น้ำ นับประสาอะไรกับเขาที่ไม่ได้เจอตั้งสามปี จะจำอะไรได้ และที่ธาราจะสานสัมพันธ์กับเขา ก็เพื่อจะดูว่าเขายังชอบพี่น้ำอย่างที่เป็นข่าวอยู่หรือเปล่า หรือคิดจะหลอกให้รักแล้วก็ทิ้งกันไปอีก จึงคิดว่าจะไม่บอกพี่น้ำให้รู้ก่อน แต่จะพิสูจน์ให้เห็นชัดๆแล้วค่อยบอก’

‘แล้วถ้าเขาจริงใจกับคุณน้ำขึ้นมาจริงๆ คุณน้องจะถอนตัวยังไงคะ’

‘ก็เหมือนเดิม ก้าวออกมาเงียบๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าคนที่เขาคุยนั้นเป็นธารา ไม่ใช่พี่น้ำ’

‘แล้วคุณน้องไม่กลัวว่าจะเผลอใจไปชอบเขาบ้างเหรอ’

‘ไม่ค่ะ เพราะธารามีเป้าหมายใหญ่อยู่แล้ว’ เธอไม่ได้บอกว่าเป้าหมายนั่นคืออะไร และไม่รู้ว่าผู้จัดการสาวก็สงสัยเหมือนกัน แต่ที่พูดออกมานั้นคือคำชม

‘แหม คุณน้องนี่ช่างเป็นน้องที่แสนดีจริงๆ งั้นไปค่ะพี่มี่ช่วยเต็มที่ แต่ว่าคุณน้องจะไปหาเขายังไง ไม่ให้ดูเป็นการจงใจ แต่เป็นความบังเอิญ’

‘ธาราเป็นนางเอกละครนะคะ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ พี่มี่หาข่าวมาให้ได้เถอะค่ะว่าเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน จากนั้นก็สร้างข่าวให้เป็นกระแส พี่มี่ถนัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ’

‘แหมคุณน้องละก็ รู้ใจพี่จริง ก็อย่างว่าละเนาะ เงินมันสำคัญ ขอบคุณที่แนะนำนะคะ’ จากนั้นผู้จัดการสาวก็หาข่าวให้เธอ

“คุณน้องพร้อมไหมคะ” เสียงผู้จัดการสาวที่ถามขึ้น ทำให้ความคิดคำนึงของนางเอกตัวปลอมหายไปทันที ยิ้มให้เห็นว่าพร้อม มีลักขณาก็ขยับไปเปิดประตูรถออก ก้าวลงจากรถมายืนรอ พออีกฝ่ายก้าวตามมายืนข้างๆ ก็บอกว่า “ไปค่ะ”

ทั้งคู่พากันเดินเข้าไปในโรงแรม ขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ ออกจากลิฟต์ได้ นางเอกตัวปลอมก็แสร้งเดินไปเข้าห้องน้ำ ส่วนผู้จัดการสาวก็เดินไปดูลาดเลาที่ทางเดินไปยังห้องอาหาร ไม่นานก็ได้เห็นเป้าหมาย หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แล้วส่งไลน์ให้หญิงสาวได้รู้ทันที

ธาราธารเดินออกมาจากห้องน้ำ เดินตรงมาที่ห้องอาหารทันได้เห็นเขาแวบหนึ่ง ซึ่งดูดีกว่าในรูปที่เห็น แล้วแสร้งเดินเข้าไปในห้องอาหาร ชะเง้อมองเหมือนมองหาเพื่อน แต่ไม่เห็นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะโทรหา เธอทำทุกอย่างตามจังหวะที่คิดไว้ แล้วก็สมใจ

“น้ำ”

เสียงเรียกที่ได้ยิน ชื่อที่ไม่ใช่เธอ ทำให้ธาราธารต้องขบฟันข่มความรู้สึก ที่เหมือนเสียดแทงใจไว้ แล้วสวมหัวโขนแสดงละครในชีวิตจริงออกไป หันหน้ามามองเขา ด้วยความแปลกใจ ก่อนจะยิ้มให้เหมือนแค่คนรู้จักกันธรรมดา ไม่เคยมีอะไรพิเศษกันมาก่อน ข้อมูลของเขา ระหว่างคบกับพี่สาวต่างแม่นั่น ผู้จัดการสาวได้เล่าให้ฟังหมดแล้ว เธอจึงรู้ว่าควรทักเขาไปแบบไหน

“สวัสดีค่ะคิว”

“มาทานข้าวเหรอครับ” คิว หรือคีรวัฒน์ อัฐากร ถามออกมาอย่างสุภาพ แต่สีหน้าแววตาเขานั่นบอกว่าดีใจที่ได้เจอหญิงสาวที่เคยรู้สึกดีๆด้วย แม้จะจบกันไปเพราะเขาปันใจ แต่ปัจจุบันเขาไม่มีใครที่เป็นตัวจริง และเธอก็สวยมีเสน่ห์ขึ้นจนเขาอยากกลับมาสานสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง

“ค่ะ ธารานัดเพื่อนไว้” เธอไม่เรียกตัวเองว่าน้ำเหมือนที่เคยคบกับเขา “แต่ส่งข้อความมาบอกว่าไม่มาแล้ว ก็เลยจะกลับ”

“อย่าเพิ่งกลับเลยนะคะ” เขาหวานใส่ พูดคะขากับเธอเหมือนเมื่อก่อน แต่หญิงสาวยังนิ่งก็คะยั้นคะยอ “นะคะทานข้าวกับผมก่อน เราไม่เจอกันตั้งนาน ผมมีเรื่องจะคุยกับน้ำมากมาย”

“ธาราค่ะ เพราะน้ำนะได้ตายไปแล้ว อย่าเรียกชื่อนี้อีกนะคะ”

เสียงเธอบอกความไม่พอใจ ซึ่งเขาก็รีบรับปากตามใจเธอ เพราะคิดว่าเธอยังไม่หายโกรธที่เขาทิ้งไป แต่ความจริงถ้าเขารู้ว่าผู้หญิงตรงหน้า ไม่ใช่คนที่เคยรู้สึกดีๆต่อกัน ก็จะรู้สาเหตุ ว่าเธอไม่ต้องการเป็นไก่รองบ่อน แม้จะสานสัมพันธ์เพื่อบางอย่าง แต่ตอนนี้เธอต้องการเป็นตัวจริงแล้ว

คีรวัฒน์พาเธอเดินไปนั่งที่โต๊ะส่วนตัวของเขา ติดกระจก มองเห็นวิวสวยของเมืองหลวง เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง ก่อนจะเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งบนเก้าอี้ที่วางตรงข้ามกับเธอ แต่ยังไม่ทันได้สั่งอาหาร ก็มีเสียงทักทายเขาออกมา

“สวัสดีค่ะคิว”

คีรวัฒน์หันไปมองคนทัก แล้วยิ้มให้เพราะรู้จักนางแบบสาวไฮโซ แบม ปรวิ เหมือนกัน ขณะที่นางเอกตัวปลอมหน้าตึงขึ้นมา ที่มีคนไม่ชอบหน้ามาขวางเรื่องสานสัมพันธ์ของเธอ นางแบบสาวก็ไม่ต่างกัน เธอเห็นตั้งแต่ทั้งคู่เดินมานั่งที่โต๊ะที่แล้ว ซึ่งเธอจะไม่เข้ามาวุ่นวายเลย ถ้าไม่สร้างความบาดหมางใจไว้ให้เธอ แล้วเบ้ปากมองบนกับท่าทางนิ่งๆแต่ร้ายของอีกฝ่ายเพราะเจอมาแล้ว

“สวัสดีครับ เสร็จงานแล้วเหรอ”

“แหมรู้ด้วยว่าแบมมาทำอะไร อ๋อลืมไปว่านี้เป็นโรงแรมคิว บริหารเองกับมือ ถ้าไม่รู้ก็แย่แล้ว” เธอหัวเราะอย่างมีจริต เพราะรู้สึกดีกับเขาอยู่ สิ้นเสียงหัวเราะก็บอกเหตุผลว่า “หิวนะคะ เสร็จงานแล้วเลยแวะหาอะไรทาน แล้วนี่ใครคะ” เธอแสร้งไม่รู้จักหญิงสาวที่นั่งอยู่ นางเอกตัวปลอมหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันที แต่ยังทำนิ่งเฉย

“น้ำครับ ธารธารา”

“อ๋อ คุณน้ำที่มีข่าวว่าแย่งอีเว้นกับแบมนี่เอง นักข่าวนี้ก็ช่างเสี้ยมนะคะ ไม่รู้ไปเอาข่าวกันมาจากไหนลงมั่วกันไปหมด แต่ขอโทษด้วยนะที่จำไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรให้น่าจดจำ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะธาราก็จำไม่ได้เหมือนกัน เพราะไม่จำเป็น”

ไฮโซสาวเชิดหน้าขึ้นข่มความไม่พอใจไว้ แล้วหันไปยิ้มหวานกับไฮโซหนุ่ม “ขอแบมนั่งด้วยได้ไหมคะ ทานคนเดียวแล้วไม่อร่อย หลายคนคงสนุกดี”

“เชิญครับ” คีรวัฒลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งข้างเขา พอนางแบบสาวนั่งลงเรียบร้อย นางเอกตัวปลอมก็ลุกขึ้นทันที
“ถ้าคุณมีเพื่อนทานแล้วงั้นธาราขอตัวนะคะ” พูดจบก็ก้าวเดินฉับๆออกไป

“เดี๋ยวซิครับน้ำ เอ่อธารา” คีรวัฒเรียกไว้ แต่เธอไม่หันมามอง ยังเดินเชิดหน้าตัวตรงออกไป เพราะมั่นใจว่าเขาจะต้องตามเธอมาแน่ๆ และก็เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อคีรวัฒขอโทษนางแบบสาว แล้วรีบก้าวตามเธอไปทันที

ไฮโซสาวแบมเจ็บใจกับความพ่ายแพ้ มองตามหลังทั้งคู่ไป แล้วเห็นบางอย่างที่ทำให้สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นมีเลศนัยขึ้นมา นั่นคือผู้จัดการสาวของนางเอกดัง ที่กำลังถ่ายรูปของคนทั้งคู่อยู่นั่นเอง
********
ธารธาราถูกพาตัวออกไปทางด้านหลังห้องน้ำ โดยที่ธอร์ไม่รู้ แต่เริ่มจะรู้สึกผิดสังเกตว่าทำไมเธอถึงไปนาน เขาลุกจากเก้าอี้มาหาเธอที่ห้องน้ำ เดินเข้าไปหาโดยไม่สนใจว่าในนั้นจะมีใครอยู่หรือไม่ หรือถ้าเจอใครแล้วว่าเขาเป็นโรคจิต เขาก็ไม่สนใจ เพราะห่วงใยเธอมากกว่า แต่ไม่มีใครสักคน เปิดทุกห้อง มองหาไปทั่วไปก็ไม่เห็น เขาเดินออกมามองไปรอบบริเวณ แล้วก็เห็นร่องรอยที่เดินไปด้านหลัง เขารีบตามไปทันที

หญิงสาวถูกผลักให้เข้าไปนั่งในรถ คนที่จี้ตัวมาก็รีบเข้ามานั่งประกบ และสั่งคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยขับรถออกไป แต่กลับไปไม่ได้ เมื่อเธอคว้าตัวมันไว้เพื่อถ่วงเวลา ยื้อยึดดึงแขนเหนี่ยวไหล่มันเป็นพัลวัน ไอ้คนที่นั่งประกบจึงกระชากตัวเธอกลับมา แล้วตบเข้าที่หน้า “เพี๊ยะ” แล้วตะคอกไอ้คนขับ

“ไปซิวะ เดี๋ยวไอ้คนที่มากับนังนี้ก็ตามมาทัน งานจะไม่เสร็จ”

ธารธาราได้ยินคำพูดของมัน นั่นแสดงว่ามันตามดูเธออยู่งั้นเหรอ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็คงถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว พวกมันทำอย่างมีระบบ แสดงว่าต้องมีคนสั่ง เธอเจ็บทั้งหน้าเจ็บทั้งใจและเจ็บที่ตัว เพราะตอนที่ถูกมันลากตัวมา เธอดิ้นไม่ยอมจำนนกับมันง่ายๆ อีกอย่างคือถ่วงเวลาให้คนขอคบผิดสังเกต จนถูกปลายมีดบาดไปหลายแผล เลือดไหลซึมออกมาให้รู้สึกเจ็บ มือเธอไปแตะที่แผล แล้วก็ได้เห็นเลือดอย่างที่คิดไว้จริง

รถยนต์ถูกขับเคลื่อนออกไป ให้ใจเธอกลัวมากขึ้น รีบหันไปมองด้านหลัง แล้วใจก็ชื่นขึ้นมา ธอร์วิ่งมาทันได้เห็นท้ายรถ ซึ่งพอดีกับที่เธอหันหน้ามาให้เขาเห็น จึงรีบวิ่งไปที่รถตัวเองแล้วขับตามไปทันที

ความเร็วรถมีเท่าไร เขาเหยียบจนหมด เพื่อตามให้ทัน แววตาเขาแข็งกร้าว พร้อมที่จะจัดการไอ้คนที่กล้ามาเอาตัวเธอไปต่อหน้าต่อตาเขา รถที่วิ่งไปข้างหน้ายังไม่รู้ว่าถูกตาม แต่ไม่นานก็เริ่มรู้สึก เพราะรถนั่นวิ่งใกล้เข้ามา และไม่มีทีท่าว่าจะเบี่ยง หลบ ไปทางไหน คนขับมองกระจกให้แน่ใจครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วหันมาสบตากับเพื่อน ซึ่งก็หันไปมองด้านหลัง แล้วหันมาสบตากันอีกครั้ง

ธารธาราหันไปมองอยู่หลายครั้งแล้วเช่นกัน ความดีใจมีเต็มแววตา แต่สีหน้ามีความกังวล กลัวว่าเขาจะถูกพวกมันทำร้าย เพราะตอนนี้เขาตัวคนเดียวไม่ได้มีลูกน้องคอยช่วย หนึ่งคนจะสู้สองคนได้ยังไงและถ้าเขาเป็นอะไรไปก็เพราะเธอดึงเขาเข้ามา
“เอาไง” เสียงไอ้คนขับถามขึ้น

“จัดการเสียก็หมดเรื่อง ก็แค่ไอ้กระจอก ที่อยากจะโชว์สาว คงไม่มีฝีมืออะไร”

ทั้งสองคนยิ้มเหี้ยมๆให้กัน แล้วเลี้ยวรถไปในเส้นทางเปลี่ยว รกร้างไม่มีบ้านผู้คน สองข้างทางเป็นป่า โดยไม่รู้ว่ากำลังจะเจอกับอะไร ธารธาราห่วงเขาเต็มหัวใจ มองหน้าไอ้สองคนที่ต้องการชีวิตเธอแล้วขอร้องออกมา

“อย่าไปยุ่งกับเขา ต้องการจะฆ่าฉัน ก็ปล่อยเขาไป”

“มันตามมาแส่เอง”

“งั้นก็จอดรถ ฉันจะพูดกับเขาไม่ให้มายุ่ง”

“สายไปแล้ว เพราะมันเห็นหน้าเรา เท่ากับตาย”

ธารธาราเย็นวาบไปทั้งหัวใจ หันไปมองด้านหลัง ส่งสายตาบอกให้เขารู้ว่าไม่ให้มายุ่ง ขณะที่ไอ้คนขับก็เห็นที่ๆเหมาะจะจัดการกับไอ้คนแส่ มันจอดรถ แล้วเปิดประตูออกมายืนรอ ส่วนอีกคนยังนั่งคุมตัวเธออยู่ในรถ กระทั่งรถที่ขับตามมามาจอดอยู่ไม่ห่าง ธอร์เปิดประตูออกมา จ้องหน้ามันเขม็ง ก่อนจะปรายตาไปมองเธอที่นั่งอยู่ในรถ รอยแดงที่แก้มนั้นทำให้แววตาเขาน่ากลัวยิ่งขึ้น ตวัดมามองหน้ามัน สั่งเสียงเหี้ยม

“ปล่อยตัวเธอมา”

“ของ่ายไปหรือเปล่า”

“จะทำให้ยากก็ได้ แต่ขอเตือนว่าแกก็จะมีชีวิตยากตามไปด้วย”

หึๆๆๆ มันหัวเราะเยาะ แล้วเดินเข้าไปหาเขาที่ปรามาสไว้ว่ามีดีแค่หล่อ แค่สองมือสองเท้าก็จัดการได้อยู่แล้ว ชกลองเชิงสลับกับแตะ แต่วืดเพราะอีกฝ่ายหลบไปหมด หน้ามันจึงดุดันขึ้นมา ตั้งท่าเอาจริงปรี่เข้าหา แล้วเซถลาเพราะถูกธอร์ยันเข้าให้ และตามเข้ามาประเคนหมัดลงบนหน้ามันตัวมัน จนสะบักสะบอม หน้าแตกตัวงอ

ไอ้คนที่นั่งคุมตัวเธออยู่ เห็นเพื่อนเพลี่ยงพล้ำก็เปิดประตูรถออก กระชากตัวธารธาราออกมาเป็นตัวประกัน ธอร์ก็ลากคอเพื่อนมัน มายืนประจันหน้า สายตาเหี้ยมเพราะได้สายเลือดทางลุงฆินทร์ นายเหมืองเถื่อนมามากกว่าแม็คผู้เป็นพ่อ และยามว่างของเขา เมื่อขึ้นมาพสุธาถ้าไม่ไปนอนเหมืองร้างก็เข้าไปสังสรรค์กับคนที่เพลิงพญา

มันใช้มีดที่จี้เอวเปลี่ยนมาจี้ที่คอ ให้ธอร์เห็นว่าพร้อมจะฆ่าเธอได้ทุกเมื่อ แต่เขายังไม่หวั่นเพราะแน่ใจว่ามันยังไม่ทำจนกว่าจะเข้าตาจนจริงๆ แล้วถามมันออกไป “ระหว่างเพื่อนกับเธอแกจะเลือกอะไร”

“เลือกนายซิวะ”

“ไอ้หมา รักนายที่ให้มาตายแทนมากกว่าตัว งั้นฉันก็จะทำให้สมความปรารถนา”

ว่าแล้วก็บิดแขนไอ้คนที่อยู่ในมือ มันร้องโอดโอยและอ้ากก เมื่อถูกหักแขนจนห้อยร่องแร่ง ไอ้คนที่มองอยู่หวาดกลัวเพราะไม่เคยเจอใครที่โหดแบบนี้ ความระวังตัวของมันจึงหละหลวม และนั่นทำให้ธอร์ที่คอยจับตามอง ขยับเพียงพริบตาเดียว จับมือที่ถือมีดไว้ ง้างออกมาจากคอเธอ แล้วสั่ง

“ไปขึ้นรถ” เสียงดุดันนั่นทำให้ธารธารารีบทำตามทันที

ธอร์บิดแขนมันจนมีดร่วงมาอยู่ในมือเขา ก็กำด้ามมีดแล้วตบเข้าที่หน้ามัน ด้านเดียวกับที่เขาเห็นรอยแดงบนแก้มเธอ และตบซ้ำอีกด้านเป็นการเอาคืนให้เธอ จนเลือดกบปาก แล้วพลิกปลายมีดจ่อเข้าที่ลูกกระเดือกมัน ... มันตาเหลือกมองมีดด้วยความกลัว และไม่กล้ากระดิกเพราะกลัวมีดจะเสือกเข้ากระเดือก

“บอกมาว่าทำงานให้ใคร แล้วใครเป็นนายมึง”

“กูไม่รู้ กูแค่ทำตามใบบอก แล้วรับเงินเท่านั้น”

“แล้วมึงจะบอกไอ้ใบบอกนั่นว่ายังไง ที่ทำงานพลาด หรือไม่ได้บอก เพราะมึงก็ต้องโดนเก็บตามใบบอกเหมือนกัน”

แววตามันหลุกหลิก คิดถึงชะตาชีวิตตัวเอง ที่ทำงานพลาดเป็นครั้งที่สอง ธอร์เห็นสีหน้ามันก็พอจะรู้ “ถ้าบอกมึงรอด ถ้าไม่ มึงตาย” แต่ไม่ได้รอดแบบครบสามสิบสอง เขาคิดอยู่ในใจ เพราะถ้าได้คำตอบก็จะส่งมันไปเรือนโทษทันที

“กูไม่รู้จริงๆ”

“แล้วมึงรู้หรือเปล่า” ธอร์หันไปถามไอ้คนที่นอนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น ซึ่งมันก็ข่มความเจ็บ เค้นเสียงตอบออกมา

“กูไม่รู้”

ต่างคนต่างไม่รู้ ก็มีทางเดียวที่จะทำให้รู้ เขาคิด แล้วพูดออกมา“งั้นกูจะให้ทางเลือกระหว่างมึงสองคน แต่เพื่อความยุติธรรม...” สีหน้าเขาน่ากลัวขึ้นมา ไอ้คนที่ถูกมีดจ่อกระเดือกไม่ทันได้เห็น แล้วร้องอ้ากออกมาสุดเสียง เพราะถูกหักแขนโดยไม่ทันตั้งตัว

ธอร์ปล่อยตัวมันรูดลงไปนอนกองกับพื้น โอดโอยด้วยความเจ็บปวด เขาไม่สนใจเดินไปปักมีดไว้ตรงกลางระหว่างมันสองคน มองหน้ามันสลับกันไปมา แล้วบอกว่า “โอกาสของมึงสองคน คือมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะรอด”

พูดจบเขาก็ถอยห่างออกมา ยืนกอดอกมองมันทั้งสองคนที่กระเสือกกระสนเพื่อเอาตัวรอด ไปแย่งมีดเพื่อความได้เปรียบ แต่ยังไม่มีใครได้ครอบครอง ต่างยื้อยึดฟัดกันนัว แสดงว่าสิ่งที่มันบอกเขานั่นเป็นเรื่องจริง ไม่มีใครรู้ว่าไอ้ใบบอกนั่นเป็นใคร

เขาปล่อยมันสองคนไว้อย่างนั้น หันหลังเดินกลับไปที่รถ ธารธาราที่นั่งมองอยู่ก็เปิดประตูออกมาจากรถวิ่งไปหาเขา ธอร์อ้าแขนรับร่างอรชร มองใบหน้าที่นิ่ง บอกถึงความเจ็บปวดเหมือนครั้งที่ได้เห็นบนเรือ เขากอดเธอไว้ รับรู้ถึงมือที่กำแขนเขาไว้แน่น ก็ปลอบเธอออกไปว่า

“ลืมมันเสีย”

“ฉันทำไม่ได้”

“ทำไม”

ธารธาราเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา น้ำตาค่อยๆเอ่อขึ้นมากลบตา แล้วบอกเขาพร้อมกับน้ำตาแห่งความกลัวไหลออกมาว่า “มันสองคน คือคนที่จับฉันโยนทะเล”
********

ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2560, 14:20:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2560, 14:20:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1387





<< ตอน 12   ตอน 14 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account