ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ
ความรักได้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าและความปรารถนาของหัวใจย่อมมาก่อน เสน่หา
และนั่นอาจจะเป้นการพลาดเมื่อเขา และเธอรู้จักรักที่แท้จริง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: รักคือการให้

คืนนั้น
ป่านแก้วหลับไปแล้ว เหลือแต่ผู้ใหญ่คุยกัน ชุดรับแขกริมระเบียง ย่าปรางดูเครียดจนเห็นได้ชัดเมื่อประนาทเอ่ย
“ต้องวิ่งเต้นครับไม่งั้นผมแย่แน่”
“ถ้าอย่างงั้น ที่มานี่ก็เรื่องเงินก้อนใหญ่ล่ะสิเจ้านาท”ย่าปรางพูดจี้ใจประนาทอย่างจัง ชายรูปงามีบกล่าวแก้ว่า
“คุณแม่ครับพื้นที่นั้นมันอันตรายผมเกรงว่าถ้าย้ายไปอยู่จะไม่ปลอดภัยครับ ผมห่วงเจ้าป่านจะกำพร้าพ่ออีกคน”
“แกไม่กลัว แต่เมียแกคงกลัวกำพร้าผัวมากกว่า นี่แม่นั่นคงบอกแกล่ะสิว่าไม่มีทางย้ายตามไปอยู่ด้วย แกถึงได้เป็นทหารกลัวตายขึ้นมาซะทันที” ประนาทหน้าเจื่อน ก่อนเอ่ยไม่เต็มเสียงว่า
“ผมจะขอยืมเงินคุณแม่สักก้อนนะครับ”
“ก้อนนั้นเป็นร้อยหรือเป็นล้าน” ที่นี้ย่าไม่เครียดแต่ท่าทางเท่านั้น แต่น้ำเสียงแข็งกระด้าง ประนาทกลับกรอกกลิ้งวาจาเอาป่านแก้วบังหน้าเสมอ เพราะอ้างถึงลูกจะได้ผลทุกครั้ง
“ผมไม่อยากขายที่ครับ จะเก็บไว้ให้ป่าน”
ย่าปราง ถอนใจยาว เปรยเสียงแผ่วจนเนื่องต้อง แอบกุมมือปลอบโยนผู้ให้กำเนิด
“ป่านมันคงคงเหลือแต่กระดูก ถ้าแกยังหลงแต่เมียใหม่อย่างนี้”
“คุณแม่ครับ ป่านเป็นลูกยังไงผมก็รักอยู่วันยังค่ำ”
“รักคือการให้ การให้ที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน แก ไปทบทวนดูซะประนาท ว่าทุกวันนี้แกได้ให้ใครมากกว่าใครระหว่างเจ้าป่าน กับนังเมียของแก” กล่าวจบ ย่าปรางลุกหนีเสียดื้อๆ ประนาทรีบท้วงไว้
“คุณแม่ครับ แล้วเรื่องที่ผมขอล่ะครับ”
“พรุ่งนี้จะให้คำตอบ ถ้าแกรอไม่ได้ แกก็กลับไปซะคืนนี้ ฉันง่วงแล้ว”ย่าปรางประกาศเสียงแข็ง ปู่เนียมระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ยังคงนั่งที่เดิม
ประนาทมองตามมารดาไปด้วยความหวังปู่ เนื่องมองพี่ชายแล้วลอบส่ายหน้า ด้วยความระอาใจ เพราะพี่ชายคนโตมีธุระต้องใช้เงินอยู่เรื่อยๆ ครั้งนี้มาหนักจนมารดาต้องเก็บไปคิด
“ย่าตายซะคนเจ้าคงลำบากแน่ลูกป่านเอ๊ย”
หากใครสักคนตามไปห้องป่านแก้วก็จะเห็นย่าปราง กอดร่างน้อยนั้นอย่างแสนสงสาร หน้าจิ้มลิ้มพริ้มหลับได้สนิท ยามพ่อมาหาก็เคล้าเคลียไม่ห่างด้วยความคิดถึง แล้วดูเถอะเงินที่ย่าปรางตั้งใจจะเก็บไว้ให้ป่านแก้ว ประนาทยังจะมาเอาไปได้ลงคอ ยามนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นท่านยังป้องกันได้ ท่านจึงทำเพื่อป่านแก้ว แม้ว่าลูกชายต้องพกความผิดหวังกลับไปก็ตามที
ชีวิตท่านเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ท่านจะดูแลหลานสาวให้มากเท่าที่ท่านจะทำได้ แม้ใครจะว่าท่านใจดำส่งลูกไปชายแดนก็ตามที!!

เมื่อสามีแบกความผิดหวังกลับไปหา เรวดีทิ้งหนังสือลงบนโต๊ะกระจกค่อนข้างแรง ประนาทบอกเสียงเนือย
“ท่านไม่มี”
“เรไม่เชื่อหรอกว่าท่านไม่มีเงิน คุณแม่คุณออกรวย แต่ท่านหวงไว้ให้น้องของคุณมากกว่า นี่คุณเนื่องคงจะโกยไว้จน
หมดแล้วแน่ๆ” เรวดียุยง ประนาทจุดบุหรี่สูบนิ่งนาน ความสุขุมของสามี ทำให้เรวดีใจเต้นไม่เป็นส่ำเพราะประนาทนั้นเมื่ออ่อนเขาอ่อนเหมือนคนไม่มีสมองคิด หากเมื่อแข็งเขาดื้อด้านไม่ฟังใคร ดังนั้นเรวดีไม่ให้สามีได้นั่งคิดนาน จึงกวนอารมณ์อีกฝ่ายให้ได้รู้กันไป
“คุณอย่านั่งใจเย็นนะคะคุณนาท คุณมีที่ทาง ที่ท่านแบ่งให้แล้ว คุณขายซะเถอะ หากไม่มีนายหน้าก็ เอาโฉนดมา เรจะไปช่วยขาย ที่ดินคุณขายง่ายจะตายไป ยิ่งรัฐบาลชุดนี้เขาปั่นที่ดินแพงเสียฝรั่งจ้องมองลืมตายกันทั้งนั้น แล้วเขาก็ประกาศ ว่าจะทำสนามรบให้เป็นสนามการค้า ที่ดินทางบ้านคุณจากราคาไม่กี่หมื่นขึ้นเป็นสิบเท่า”
ประนาทเห็นความร้อนรุ่มของภรรยาไม่จางลงง่าย จึงเดินหนีไปเสีย ทิ้งให้คุณเรวดีเรียกชื่อเขาดังลั่นๆไม่อายทหารรับใช้
นายทหารรูปงามขับรถออกจากบ้านไปเรื่อยๆ นึกถึงภาพของย่าปรางจูงมือลูกสาวออกมาจากห้องนอนในตอนเช้า ป่านแก้วยิ้มใสทักทายบิดา ความหนาวของอากาศทำให้พวงแก้มแดงปลั่ง ความหนาวเย็นประหลาดจับใจคนเป็นพ่อ ซึ่งได้ย้อนคิดเดี่ยวนั้นเองว่า เขาให้ใครมากกว่าใครระหว่างลูกและเมียใหม่ เขาไม่ทอดทิ้งป่านแก้วก็เหมือนทอดทิ้ง เพราะไม่ค่อยได้กลับบ้าน กลับไปที หมายถึงต้องการเงินหรือไม่ก็ขายที่สักแปลง คำของมารดาสะท้อนก้องอยู่ในหูระหว่างการเดินทางกลับบ้าน
“ไงประนาทยังอยากย้ายอยู่หรือเปล่า” ย่าปรางย้อนถามลูกคนโต
“ครับคุณแม่”
“ขอให้ขายเป็นแปลงสุดท้ายก็แล้วกัน แม่จะรับซื้อไว้เอง”
“คุณแม่”
“จะเก็บไว้ให้ป่านเพราะรักของแม่คือให้ไม่ใช่กอบโกย”
ย่าปรางตีกระทบไปถึงสะใภ้ใหญ่ผู้ไม่กินเส้นกัน น้ำคำของท่านทำให้ประนาทรู้สึกละอายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะผู้ให้กำเนิดเขาจะซื้อที่ดินที่แบ่งให้พ่อ กลับคืนเพื่อเก็บไว้ให้ลูก ซึ่งถ้าหากเขาดึงดันจะขายให้จงได้ การกระทำนั้นใยมิใช้ปล้นสมบัติของลูกหรือไร
ครั้นจะกลับบ้านในตอนนี้เรวดีคงไม่รามือง่ายๆ คิดแล้วประนาทจึงหายไปซะวันกับคืนเต็มๆ และในที่สุดเขาต้องกลับบ้านอยู่ดี และภรรยาของเขายังสู้อุตส่าห์รอ พร้อมยื่นคำขาด
“ฉันต้องการโฉนดวันนี้”
“อยู่ที่คุณแม่คุณไปเอาเองแล้วกัน”
เขาตอบเด็ดขาดเช่นกัน จากนั้นจึงเดินเลี่ยง แต่เรวดียืนขวางทางไว้ พร้อมเงยขึ้นถามสามี
“ของๆคุณทำไมอยู่ที่คุณแม่”
“ของแม่ผมต่างหาก ท่านแบ่งให้ลูกเท่ากัน มีผมล่ะมั้งที่ตักตวงมากกว่าคนอื่นทั้งที่เรียนจบแล้ว แต่ไม่เคยให้อะไรท่านเลยนอกจากความไม่สบายใจ” เสียงประนาทแข็งผิดปรกติ เรวดีจึงไม่กล้าหักให้หมางใจกัน แต่ในอกไพล่ไปคิดโทษว่า ย่าปรางต้องคิดเก็บสมบัติให้ป่านแก้ว จึงไม่ยอมประนาทในครั้งนี้
เมื่อได้เวลาอาหาร เรวดีจึงเลียบเคียงถามสามีอีกครั้ง
“ตกลงคุณจะยอมไปอยู่ชายแดน”
“ใช่ ไม่มีทางเลือก”
“ถ้าอย่างนั้นเรไม่ไป”
“ตามใจ แต่ถ้าผมหาเมียใหม่ อย่ามาว่าก็แล้วกัน”
เท่านั้นเอง เมื่อประนาทต้องย้ายไปชายแดน เรวดีเก็บเสื้อผ้าตามก้นสามีแทบไม่ทัน เพราะเธอรู้ว่าคนอย่างประนาท ทำไมจะทำอย่างปากพูดไม่ได้ ขนาดกานดาเมียเก่ายังอยู่ทั้งคน เขายังมาคว้าเธอไปเป็นเมียน้อยกระทั่งเลื่อนมาเป็นเมียหลวง แล้วทำไมเรวดีจะไม่กลัวเรื่องเมียน้อยอีกครั้งของประนาทเล่า
คิดแล้ว เรวดีหาเหตุผลปลอบใจตัวเองให้กล้าตามไปเฝ้าไม่ให้ประนาทไปมีใครไหนอื่น ว่า อย่างไรเสีย คนยิงกันที่ชายแดน ยังไงลูกกระสุนคงไม่ตกมากลางจังหวัดแน่ ดังนั้นเรวดีจึงตามไปป้องกันไว้ก่อน!
...............................
ในห้องเรียนวันนี้ค่อนข้างเงียบกว่าปกติ ด้วยเป็นเวลาสอบ
ยางลบของสัจจะตกลงไปที่โต๊ะขิมอย่างจงใจ ขิมก้มเก็บแต่มือขาวๆของครูประจำชั้นชิงเก็บคืนเสียก่อน เอ่ยเสียงเข้มผิวใบหน้าละมุน
“สัจจะถ้ายางลบของเธอตกอีกครั้งครูจะปรับให้สอบตก”
“ทำไมละครับครู” สัจจะแสรังดีหน้าเหรอให้ดูเหมือนซื่อ
“เพราะว่ายางลบของเธอตกครั้งหนึ่ง ขิมจะเกาหัวทุกทีแล้วนิ้วที่เกามันก็เป็นหนึ่งบ้างสองบ้าง นึกว่าครูไม่รู้หรือไง
ว่าส่งสัญญาณให้กัน” สองเด็กชายยิ้มเรี่ยราดที่ครูรู้ทัน ดีว่าเป็นศิษย์โปรดหาไม่ คงถูกลงโทษทั้งคู่
การศึกษาประชาบาลในสมัยนั้นครูและศิษย์ต่างสนิทสนมดังพ่อแม่ลูก เด็กๆโดนตี พ่อแม่ผู้ปกครองไม่เคยเอาเรื่องเพราะถือสุภาษิตเดียวกัน รักวัวให้ถูกรักลูกให้ตี และครูนั้นแป้นแม่พิมพ์ที่ดีอย่างแท้จริงมีอยู่เสมอ
ป่านแก้วหิ้วปิ่นโตตามผองเพื่อนไปนั่งกินข้าวใต้ร่มไม้ใหญ่
มีเพื่อนนักเรียนหญิงพากันนินทาป่านแก้วอยู่บ้าง เนื่องจากเด็กหญิงมักจะอยู่รวมกลุ่มกับเด็กชายสี่คนเสมอ
“อีป่านมันกระแต ชอบเล่นกันเด็กผู้ชาย”
สัจจะเปิดกระโปรงคนนินทา
พรึ่บ เสียงผ้ากระพือลมถูกเลิกสูง
เจ้าตัวกรีดร้องค่าไล่หลังสัจจะที่แกล้งแล้ววิ่งหนีไป
“จ๊ะ ตัวสกปรก เปรต” เด็กหญิงด่ายาวเป็นวา จนลืมไปแล้วว่าด่าสัจจะเพราะอะไร
ฝ่ายกลุ่มเพื่อนอมเหนียว ต่างล้อมวงเข้ามารวมกัน ต่างคนต่างวางข้าวที่ห่อใบตองกับพื้น ป่านแก้วจัดแจงหวายฝาปิ่นโตเทใส่ใช้ปิ่นโตเปล่าเทข้าวจากใบตองส่งให้เพื่อน
อมรเลื่อนปิ่นโตของตนเข้ามาร้องบอกเพื่อนว่า
“ข้าวเยอะเว้ย...ล่อให้อิ่มไปเลยพัน” พูดแล้วอมรเติมข้าวให้เพื่อน
“แม่เราทำขนมมาเผื่อ”
ขิมเปิดฝาหมออวยโชว์กล้วยบวชชี เพื่อนพากันน้ำลายสอ จากนั้น พลพรรคต่างรีบกินข้าวโดยเร็วเพื่อจะได้กินขนมหวานต่อ
ซึ่งในแต่ละวันนั้น ใครจะใช้ชีวิตวันกันอย่างไรไม่รู้ แต่กลุ่มของป่านแก้วมีความสุขกันได้ทุกทีที่ได้สุมหัวกันอย่างนี้
.......................
คืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง
กลุ่มเพื่อนของป่านแก้ว ต่างน้ำกระทงมาอวดกันว่าใครสวย ของสี่คนเป็นกระทงใบตอง ทำกลีบบายสีคล้ายกัน มีแต่ของสัจจะแปลกแตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นทุกคนต่างตัดสินว่า ของสัจจะแต่งได้สวยแปลกตา ทั้งที่เป็นเพียงเปลือกแตงโมผ่าครึ่ง แต่เจ้าตัว สลักลาย จักขอบรอบ แต่งด้วยดอกไม้ราวกับว่าดอกสวยๆของดอกไม้นั้นเกิดในกระทงแตงโมได้
ด้วยการบรรจงแต่งตามประสาคนมีใจรักทางศิลปิน
“อธิษฐานว่าไงดีวะกู” สัจจะยกกระทงเหนือหัวแล้วแต่ยังนึกคำขอไม่ออก
“ขอให้หายขี้เกียจสิเจ้าจ้ะ” ป่านแก้วว่าเสียงแจ๋ว
“เดี๋ยวถีบ” กล่าวพลางง้างเท้าใส่เพื่อนหญิง แต่เสียงโครม เมื่อสัจจะถูกใครคนหนึ่งถีบตกน้ำ อมรหัวเราะฮา
“แหมจ๊ะมึงลอยบนบกก็ได้ เสือกลายตามกระทง” พงศ์พันธุ์ว่า
“ขิมถีบกู มึง มึง”
“โทษทีตีนไวไปหน่อย”
“เราจะแกล้งป่านเท่านั้นไม่ได้ถีบมันซะหน่อย”
“แหมแต่เราไม่ได้แกล้ง แต่ถีบจริงๆเลย” ขิมกลั้นหัวเราะ
สัจจะขั้นฝั่งมาสั่นงัก เพราะความหนาวของน้ำในคืนวันเพ็ญซึ่งตรงกับฤดูหนาวที่หนาวยิ่งนัก สัจจะมองกระทงใบตองซึ่งไม่มีรูปสวย ดั่งก่อนเปียกน้ำหลงเหลืออยู่เลย เด็กชายบ่น
“หมดกันกระทงกู”
“ลอยกับเราก็ได้จ๊ะ” เด็กหญิงยื่นกระทงให้ลอยอย่างคนมากมีน้ำใจ แต่สัจจะรีบโบกมือปฏิเสธ
“เราไม่ลอยกับผู้หญิง”
ขิมเข้ามาใกล้เพื่อนสนิท ยื่นกระทงให้ลอยร่วมกัน
“เอ้า...กระทงใบเดียวกันก็ลอยได้”
ลอยกระทงแล้วเด็กผู้ชายไปส่งป่านแก้วกลับบ้าน จากนั้นพากันนอนในกองฟางในฤดูหนาว เพราะไอฟางอุ่น ทำโพรงเข้าไปซุกตัวนอนกันได้มีไฟฉายให้แสงสว่างภายในสักดวงพากันหลับสบายยันเช้า




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ส.ค. 2554, 16:41:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ส.ค. 2554, 16:41:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1908





<< ความสุข   ตามใจแม่ >>
Zephyr 15 ส.ค. 2554, 21:16:59 น.
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นพระเอก แต่เริ่มมีแววเห็นแล้ว เฮ้อ ป่านเอ้ยน่าสงสารจริง คุณพ่อเริ่มคิดได้แระ


แพม 16 ส.ค. 2554, 00:05:50 น.
แม่เลี้ยงใจยักษ์!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account