ระบำดอกรักเร่

Tags: ทิษณุ,พริบดาว,นรนนท์,พีชญา,สามพราน

ตอน: ตอนที่ 1.


เสียงเพลงลูกทุ่งยอดนิยมดังกระหึ่มไปทั่วทั้งบริเวณบ้านเรือนไทยหลังนั้น ลานโล่งหน้าบ้านมีเต้นท์หลายหลังกางต่อกันยาวเป็นทิวแถว ชาวบ้านสวนละแวกใกล้เคียงต่างชักชวนกันมาช่วยงานที่บ้านคุณนายลิ้นจี่เศรษฐีนีคนดังแห่งอำเภอสามพราน ชาวบ้านสวนที่แก่เฒ่ามีอายุหน่อยนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ที่ใต้ถุนเรือน พวกที่ยังหนุ่มยังสาวต่างก็วุ่นวายอยู่กับงานครัวตระเตรียมอาหารเอาไว้เลี้ยงแขกเหรื่อที่จะเดินทางมาร่วมพิธีในตอนเช้า

บนเรือนกว้างขวางพื้นไม้ถูกขัดถูเป็นเงาวับ บนชานพักมีอาสนะปูเรียงรายเป็นแถวยาว ด้านขวาสุดของอาสนะเป็นโต๊ะหมู่บูชาวางพระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่สวยเด่นเป็นสง่า เบื้องหน้าพระพุทธรูปจัดวางดอกไม้ธูปเทียนเอาไว้พร้อม ถัดจากบริเวณชานพักมีห้องหับเรียงรายอยู่หลายห้อง ห้องแรกสุดเหนือเชิงบันไดถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับแต่งองค์ทรงเครื่องเจ้าสาว

"พี่หนูนิด เจ้าบ่าวของพี่หนูนิดหน้าตาเป็นไง"

คนถามคืออารตี น้องสาวต่างมารดาที่เพิ่งจะเดินทางมาจากสงขลาเมื่อตอนเช้ามืด

"ตัวสูงๆผิวเข้มๆหน้าเข้มๆ"

"อะไรกัน อธิบายเกี่ยวกับเจ้าบ่าวของตัวเองได้เท่านี้เองหรือ"

"ก็พี่เคยเจอเขาแค่หนเดียว ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ"

"หื้อ แบบนี้ก็ไม่รู้จักนิสัยใจคออะไรกันเลยน่ะสิ"

"รู้ไปก็เท่านั้น พี่จะขัดอะไรคุณย่าได้ล่ะ" พี่สาวเอ่ยเสียงเบาหน้าสวยๆยังคงอยู่ในอาการสงบนิ่ง ริมฝีปากบางเผยอแย้มให้ช่างแต่งหน้าสาวใหญ่ละเลงสีชมพูวาวหวานลงไปบนกลีบปากอิ่ม

"เฮ้อ..ไม่อยากจะเชื่อว่าสมัยนี้มันยังมีการคลุมถุงชนอยู่อีก ถ้าเป็นหนึ่งนะ จ้างให้หนึ่งก็ไม่มีวันแต่งงานกับคนที่หนึ่งไม่ได้รัก หนึ่งว่าพี่หนูนิดตามใจคุณย่ามากเกินไป ออกปากสั่งอะไรเป็นตามใจคุณย่าไปเสียหมด นี่ก็ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ เห็นหน้ากันไม่ถึงห้านาทีก็จะต้องไปเป็นเมียเขาแล้ว ถามจริงๆเถอะ ไม่รู้สึกเสียดายเนื้อตัวบ้างเหรอ เกิดแต่งกันไปแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ หย่ากันทีหลังทำไง พี่หนูนิดก็ต้องกลายเป็นแม่ม่าย เกิดมีลูกมีเต้าพัวพันกันขึ้นมาอีกล่ะ เราเป็นผู้หญิง มีแต่ทางเสียทั้งนั้น"

พริบดาวมองสีหน้าวิตกทุกข์ร้อนของน้องสาวแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยคิดในสิ่งที่อารตีคิด แต่พอคิดไปแล้วพริบดาวก็มีแต่ความรู้สึกเศร้าหมองหดหู่ หญิงสาวจึงเลือกที่จะไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ก็รู้อยู่แล้วว่าการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรักจุดจบของมันคงหนีไม่พ้นความแตกแยกในอนาคต แต่พริบดาวมีทางเลือกอะไรที่ดีกว่านี้ล่ะหรือ คำว่ากตัญญูกตเวที..มันเป็นคุณธรรมข้อที่พริบดาวเลี่ยงไม่ได้เอาเสียเลย

ที่จริง..คุณย่าก็ไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรหล่อนนักหนา พริบดาวรู้ดีในข้อนั้น หล่อนเป็นแค่หลานกาฝาก เป็นลูกของผู้หญิงที่คุณย่าเกลียดแสนเกลียดเพราะผู้หญิงคนนั้นเคยทำร้ายหัวใจลูกชายสุดที่รักของท่านมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่ท่านจำใจเลี้ยงดูพริบดาวมาจนเติบใหญ่เป็นเพราะท่านเวทนาเด็กตาดำๆที่ไม่มีใครปรารถนาจะเลี้ยงดูเท่านั้น

แม่ของพริบดาวชื่อ เพียงเดือน เป็นลูกสาวคหบดีทางเหนือที่มาพบรักกับพ่อตั้งแต่สมัยเรียน พอเรียนจบ พ่อกับแม่ก็แต่งงานกันและมีพริบดาวในปีถัดมา

แม่เป็นคนสวย ติดจะเอาแต่ใจตัวเองเพราะแม่เป็นลูกสาวคนเดียวของตากับยาย แม่ชอบเข้าสังคม แม่ไม่ชอบชีวิตบ้านสวน และแม่แต่งงานมาแล้วสามครั้ง ครั้งสุดท้ายแม่แต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวรุ่นคุณปู่ นั่นเป็นสิ่งที่พริบดาวรับฟังมาจากปากของคุณย่าและญาติๆทางฝั่งพ่อ

ทุกวันนี้แม่ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกกับสามีแก่ๆของท่าน พริบดาวมีโอกาสได้พบแม่บ้างเวลาที่ท่านเดินทางกลับมาเยี่ยมญาติที่เมืองไทยปีละครั้ง ครั้งสุดท้ายที่พริบดาวได้เจอหน้าแม่ก็คือวันรับปริญญาของหล่อนเมื่อปีที่แล้ว แม่เอาดอกไม้ช่อโตมามอบให้หล่อน ยืนถ่ายรูปคู่กันไม่ถึงสิบภาพจากนั้นแม่ก็รีบร้อนไปสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องเดินทางกลับไปอยู่กับครอบครัวใหม่ของท่านโดยไม่เคยเอ่ยปากชวนพริบดาวให้ไปอยู่ด้วยเลยสักครั้ง

พ่อก็เหมือนกัน...

พ่อเกลียดพริบดาว..

เพราะทุกครั้งที่เห็นหน้าพริบดาวพ่อก็จะคิดถึงแม่

แม่…ผู้หญิงคนที่พ่อเคยรักมากในอดีต พอๆกับเกลียดมากในปัจจุบัน

พ่อเกลียดแม่..เพราะแม่เลือกที่จะทิ้งพ่อไปหาผู้ชายคนใหม่..คนที่เข้าใจในตัวแม่มากกว่า..ไม่น่าเชื่อว่าเหตุผลเพียงแค่นั้นจะทำให้คนเคยรักกันมากในครั้งหนึ่งสามารถโกรธและเกลียดกันได้มากมายถึงขนาดนี้..ไม่มีคำว่าให้อภัยสำหรับพ่อ..พริบดาวจึงกลายเป็นสิ่งตกค้างจากความรักที่เหือดแห้งไปแล้ว

ตอนนี้พ่อเองก็มีภรรยาใหม่มีลูกใหม่แล้วถึงสองคนก็คือ อารตี กับ อานัส พ่อโยกย้ายตัวเองไปอยู่ที่สงขลาตามถิ่นฐานบ้านเกิดของคุณสุนทรีภรรยาใหม่ของท่าน โดยทิ้งพริบดาวเอาไว้กับคุณย่าตั้งแต่หล่อนอายุยังไม่เต็มสามขวบเลยด้วยซ้ำ

ชีวิตของพริบดาวจึงมีแต่คุณย่ามาโดยตลอดฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณย่าเอ่ยปากว่าปรารถนาหากมันไม่เหลือบ่ากว่าแรงพริบดาวยินดีเสมอที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน ไม่เว้นแม้แต่การแต่งงานกับผู้ชายคนที่ท่านเลือกให้ในครั้งนี้

"เจ้าบ่าวของพี่หนูนิดชื่ออะไรนะคะ"

"หนึ่งดูเอาเองเถอะ ในการ์ดนั่นน่ะ"

พริบดาวพยักพเยิดหน้าไปยังการ์ดแต่งงานสีชมพูที่วางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง อารตีส่ายหน้าให้กับความไม่เอาใจใส่ของพี่สาวก่อนจะเดินมาหยิบการ์ดใบนั้นไปเปิดดู

"นายนรนนท์ รัตนเสวี เอ๊ะ..นี่มัน...นามสกุลนายทหารใหญ่นี่"

"คุณปู่เขาเป็นอดีตนายพล ส่วนคุณย่าเขาเป็นเพื่อนกับคุณย่าของเราตั้งแต่สมัยเด็กๆพี่รู้แค่นั้นแหละ"

"แล้วคุณเจ้าบ่าวของพี่หนูนิดนี่ เขาแต่งงานกับพี่หนูนิดเพราะถูกผู้ใหญ่ของเขาจับคลุมถุงชนหรือว่าเขามาดูตัวพี่หนูนิดแล้วเกิดปิ๊งปั๊งก็เลยยกขันหมากมาขอ"

พริบดาวพยายามจะนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น วันที่หล่อนได้พบหน้าค่าตาของเจ้าบ่าวของตนเองเป็นครั้งแรก เวลามันผ่านมานานร่วมเดือน พริบดาวจำได้คร่าวๆแค่ว่าวันนั้นมันเป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้วหล่อนเพิ่งจะกลับเข้าบ้านหลังจากไปทำธุระให้คุณย่ามาตลอดทั้งบ่าย พอลงจากรถหล่อนก็เห็นคุณย่าเดินนำแขกแปลกหน้าจำนวนสามสี่คนตรงมาที่รถตู้คันใหญ่ซึ่งจอดรออยู่แถวๆหน้าเรือนไทย คุณย่าเรียกหล่อนเข้าไปหาพร้อมกับแนะนำหล่อนกับคนกลุ่มนั้น

"นี่หลานสาวฉันเองชื่อพริบดาว ลูกสาวคนโตพ่อวิบูลย์เขา หนูนิด.. นี่คุณหญิงแสงแข..เพื่อนสมัยเรียนของย่า คุณนัทที.. คุณสุภา.. แล้วนั่นลูกชาย.."

พริบดาวพนมมือขึ้นไหว้หญิงชราท่าทางเจ้ายศเจ้าอย่างคนนั้นก่อนใคร ถัดมาคือชายหญิงวัยกลางคนคู่สามีภรรยา ผู้เป็นบุพการีของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม หน้าเข้ม อายุน่าจะราวๆยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีโดยประมาณ คนเหล่านั้นต่างพากันพินิจพิจารณาพริบดาวพร้อมกับยิ้มในหน้า

ที่ไม่ยิ้ม..ก็คงจะมีแต่ผู้ชายหน้าเข้มคนนั้น เขามองพริบดาวอย่างสนใจอยู่เหมือนกันแต่พริบดาวแน่ใจว่าเขาไม่ได้สนใจหล่อนมากมายจนถึงขนาดจะให้ผู้ใหญ่ยกขันหมากมาสู่ขอเพราะเกิดรักแรกพบอย่างที่อารตีนึกสงสัย

การแต่งงานถูกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตระเตรียมเอาไว้แล้ว พริบดาวออกจะมั่นใจในข้อนี้ การพบกันระหว่างพริบดาวกับผู้ชายคนนั้นว่ากันตามจริงแล้วมันเป็นแค่การพาฝ่ายนั้นมาดูตัวหล่อนก่อนที่จะกำหนดวันแต่งงานอย่างเป็นทางการเสียมากกว่า

"ไม่รู้เขาสิ บอกแล้วไง เจอกันไม่ถึงห้านาที"

"อ้าว แล้วไม่เคยได้พูดจาปราศัยอะไรกันบ้างเลยหรือ"

พริบดาวสั่นหน้าน้อยๆ เป็นเรื่องจริงที่หล่อนไม่เคยได้พูดคุยหรือติดต่อสื่อสารอะไรกับเจ้าบ่าวของตัวเองเป็นการส่วนตัว การเตรียมงานทุกขั้นทุกตอนคุณย่าทั้งนั้นที่รับเป็นธุระจัดการด้วยตัวของท่านเอง

"โอ๊ย! พิลึก.. นั่นเขาจะมาเป็นสามีพี่หนูนิดนะ ไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้ได้ไง"

"สนใจไปก็เท่านั้น ดีชั่ว..แต่งกันไปแล้ว เดี๋ยวก็คงได้รู้"

พริบดาวตอบอย่างคนที่ปลงตก ทำให้น้องสาวต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

"คุณหนูนิดค่ะ หน้ากับผมเรียบร้อยแล้ว มาเปลี่ยนชุดกันเถอะค่ะ"

ช่างแต่งหน้าที่คุณย่าจ้างมาแพงเป็นพิเศษสำหรับงานนี้บอกแก่หญิงสาว พริบดาวจึงลุกจากเก้าอี้เดินตามช่างไปเปลี่ยนชุดที่หลังฉากกั้น เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วหล่อนก็ถูกพาตัวมายืนกลางห้อง ถูกจับตัวหมุนไปหมุนมาเพื่อดูความเรียบร้อยของชุดที่ใส่อย่างละเอียดยิบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

"พี่หนูนิดสวยอะไรอย่างนี้..เฮ้อ..หนึ่งล่ะเสียดาย"

"เสียดายอะไร.."

พี่สาวถามเสียงเย็นใบหน้าเนียนสวยที่ถูกตบแต่งเบาบางตามคำสั่งของคุณย่า ดูใสกระจ่างท่ามกลางแสงสว่างที่เริ่มจะทอพาดผ่านมาทางหน้าต่าง

"ก็เสียดายความสาว ความสวย ของพี่หนูนิดน่ะสิ ความสาวของผู้หญิงนี่มันมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ น่าจะเก็บเอาไว้ให้กับคนที่เรารักจริงๆ" น้องสาวเอ่ยพร้อมกับทำตาลอยๆชวนฝันจนพริบดาวต้องยิ้มออกมาอย่างอดเอ็นดูไม่ได้

"พี่ก็ยังไม่ได้รักใครนี่ ไม่แน่..แต่งกันไปแล้ว..พี่อาจรักเขาก็ได้ ใครจะไปรู้"

พี่สาวบอกขณะยืนเป็นหุ่นให้ช่างกับผู้ช่วยจัดโน่นจัดนี่ให้ชุดไทยสีหวานบนตัวเข้าที่เข้าทาง อารตีบอกมองดูพี่สาวต่างมารดาด้วยสายตาชื่นชมอย่างแท้จริง พี่สาวของหล่อนช่างเป็นผู้หญิงที่สวยงามน่ารัก ผิวพรรณขาวผ่องอ่อนละเอียด ตัวก็เล็กอ้อนแอ้นบอบบาง ท่าทีนุ่มนิ่มหัวอ่อน ไม่มีปากมีเสียง เหมาะสมเหลือเกินที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้กับผู้ชายดีๆสักคน

นั่นคือสิ่งที่ผู้เป็นน้องสาวและคนอื่นๆคิดเห็นเกี่ยวกับหญิงสาวในชุดไทยจักรีสีชมพูหวานตรงหน้า แต่ใครจะรู้ว่าโดยเนื้อแท้แล้วพริบดาวไม่ใช่คนหัวอ่อนอะไรขนาดนั้น ภายนอก..พริบดาวอาจดูเป็นคนนิ่มๆ..แต่ภายใต้ท่าทีอ่อนนุ่ม..หญิงสาวเก็บกดความดื้อรั้นเอาไว้อย่างเงียบเชียบ!

++++++++++++++++++++++++++++

"ตื่นเต้นหรือ ดูนายลุกลี้ลุกลนชอบกล"

นายแพทย์ทิษณุ รัตนเสวี ถามขึ้นอย่างล้อๆเมื่อเหลือบเห็นอาการอยู่ไม่สุขของผู้เป็นน้องชาย เบนซ์สีขาวคันงามผูกโบว์สีชมพูสดสวยที่นายแพทย์หนุ่มเป็นคนขับเริ่มเบี่ยงตัวออกจากเส้นทางสายหลักเลี้ยวเข้าสู่ถนนสายรองลัดเลาะนำขบวนขันหมากที่ประกอบไปด้วยรถยุโรปสุดหรูหลายสิบคันขับตามติดกันมาเป็นขบวนยาว

"พี่ก็ลองมาเป็นเจ้าบ่าวแบบผมสิ จะได้รู้ว่าตื่นเต้นหรือเปล่า"

นายแพทย์หนุ่มยิ้มเรื่อยๆขณะบังคับรถขับไปตามเส้นทางค่อนข้างคับแคบอย่างระมัดระวัง ดีว่าถนนเส้นนี้รถราไม่ค่อยมีสัญจรเพราะเป็นเส้นทางตัดเข้าสู่เขตสวนผลไม้ของชาวบ้าน

เบนซ์คันงามกำลังมุ่งตรงไปสู่บ้านสวนของคุณนายลิ้นจี่ เศรษฐีนีผู้แสนมั่งคั่งของอำเภอนี้ ผู้ที่กำลังจะได้เกี่ยวดองเป็นญาติกันในไม่ช้าเพราะหลานสาวของเศรษฐีนีผู้นั้นคือเจ้าสาวของนายนรนนท์ รัตนเสวี น้องชายต่างมารดาของเขา

"มันก็น่าตื่นเต้นอยู่หรอกนะ เห็นคุณพ่อบอกว่าเจ้าสาวของนายสวยไม่ใช่หรือ"

"ก็...น่ารักดี"

ตอบคำถามของพี่ชายแล้ว นรนนท์ก็อดที่จะนึกถึงหญิงสาวผู้นั้นขึ้นมาไม่ได้ แม้จะเคยเห็นหน้าค่าตากันแค่เพียงครั้งเดียวแต่เขาก็จดจำรายละเอียดของเจ้าหล่อนได้พอสมควร สาวบ้านสวนเอวบางร่างน้อย หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดูดีอยู่หรอก คุณย่าของเจ้าหล่อนโฆษณาผ่านมาทางคุณย่าของเขาทำนองว่าเจ้าหล่อนดีเลิศประเสริฐศรี งานบ้านงานเรือนไม่มีที่ติ กริยามารยาทเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีไทยทุกกระเบียดนิ้ว

ผู้หญิงหลงยุค!

นรนนท์แอบค่อนแคะแม้ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วหญิงสาวผู้นั้นนิสัยใจคอเป็นเช่นไร เจ้าหล่อนอาจดีจริงอย่างที่คุณย่าของหล่อนโอ้อวดเอาไว้ก็ได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ วิวาห์เร่งด่วนที่เขาถูกคุณย่าร้องขอ ที่จริงเขาจะปฎิเสธมันเสียก็ได้ คนอย่างเขาไม่เคยทำอะไรฝืนใจตนเอง ไม่เคยมีใครสามารถบังคับคนอย่างเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณย่าหรือบิดามารดา เขาปล่อยให้ผู้ใหญ่ดำเนินการสู่ขอหญิงสาวผู้นั้น ยินยอมให้พวกท่านจัดแจงงานแต่งให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน..ไม่ใช่อะไรหรอก.. เขามีแผน!

"สรุปว่านายชอบเขา"

"ชอบซี ไม่ชอบผมจะยอมแต่งกับเขาล่ะหรือ พี่โฟล์คนี่ถามอะไรไม่เข้าท่าแหะ"

"นายแต่งงานก็ดีเหมือนกันนะ ทั้งคุณย่า ทั้งคุณพ่อ จะได้สบายใจที่เห็นนายโตเป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบเต็มตัวเสียที"

"การแต่งงานเปลี่ยนอะไรผมไม่ได้หรอกครับ ผมมันคนเลว คนเลว..ยังไงมันก็เลวอยู่วันยันค่ำ”

ทิษณุละสายตาจากถนนเบื้องหน้ามามองดูเสี้ยวหน้าคร้ามคมของคนเป็นน้องแว้บหนึ่ง เดาไม่ถูกจริงๆว่านรนนท์กำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เก็บกดประชดประชันหรือรู้คิดมากขึ้น

"ถ้ารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ดี นายก็เปลี่ยนตัวเองเสียใหม่สิ มีความรับผิดชอบให้มากขึ้น เพราะต่อไปนายจะต้องเป็นหัวหน้าครอบครัว มีเมียมีลูกให้ต้องดูแลรับผิดชอบ จะมาทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาเหมือนอย่างเดิมคงไม่ได้ ผู้หญิงที่จะมาเป็นเมียนายเขาก็คงจะคาดหวังในตัวนายอยู่ไม่น้อย นายไม่ควรจะทำให้เขาผิดหวังเสียใจ อย่าทำตัวออกนอกลู่นอกทางเพราะถ้าหากมีปัญหาอะไรกันขึ้นมา ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเขาจะมองหน้ากันไม่ติด"

"เลิกสั่งสอนกันสักวันหนึ่งจะได้มั้ยคุณหมอ ฟังแล้วไมเกรนจะขึ้น นะ! ขอสักวันเถอะ"

แทนที่พี่ชายจะเคืองขุ่น นรนนท์กลับได้ยินเสียงหัวเราะหึๆดังมาจากนายแพทย์หนุ่มแทน

"นายมันก็อย่างนี้ ที่เตือนนี่ก็เพราะพี่รักแล้วก็หวังดีกับนายหรอกนะ ไม่ใช่อะไร"

“เฮ้อ...จะมีใครอิจฉาผมบ้างมั้ยนะ ที่เกิดมามีพี่ชายประเสริฐขนาดนี้”

นรนนท์พูดติดตลกแต่น้ำเสียงแฝงรอยประชดประชัน

"อีกไกลมั้ยคะพี่หมอ..กว่าจะถึงบ้านเจ้าสาว"

เสียงใสๆเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากเก๋งตอนหลัง เจ้าของเสียงคือหญิงสาวหน้าตาสวยจัด หล่อนอยู่ในชุดเดรสสั้นสีชมพูหวานๆตามคอนเซ็ปที่นรนนท์กะเกณฑ์ให้ทุกคนที่มาร่วมงานแต่งของเขาในวันนี้ต้องแต่งกายธีมเดียวกัน ข้างๆหญิงสาวผู้นั้นมีหญิงสาวรูปร่างท้วมอีกสองคนนั่งขนาบอยู่ซ้ายขวาแต่งตัวในลักษณะคล้ายๆกันล้วนเป็นเพื่อนสนิทของหล่อนทั้งสิ้น

"ต้องถามเจ้าบ่าวแล้วล่ะพีช พี่ไม่เคยไปบ้านสวนของคุณนายลิ้นจี่อะไรนี่เลยสักครั้ง"

ทิษณุตอบหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ทุกคนในที่นั้นต่างรู้กันดีว่าหญิงสาวที่มีชื่อว่าพีช.. ชื่อเต็มๆของหล่อนก็คือพีชญา..หล่อนคือแฟนสาวคนสวยของนายแพทย์หนุ่มที่คบหาดูใจกันมาเกือบสี่ปีแล้วและทั้งคู่มีโครงการจะแต่งงานกันสิ้นปีนี้

"อีกไกลมั้ยคะคุณเฟียต บ้านเจ้าสาวของคุณ"

เมื่อหาคำตอบจากแฟนหนุ่มไม่ได้พีชญาก็บ่ายหน้ามาถามผู้เป็นเจ้าบ่าวแทน

"ไม่ใกล้ไม่ไกล เดี๋ยวก็ถึง.."

นรนนท์ตอบยวนๆพลางปรายตาคมมามองหน้าคนถามที่นั่งกอดอกทำหน้านิ่งๆอยู่เบาะหลัง เพื่อนสาวคนหนึ่งของพีชญาถือโอกาสเอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยตอนนั้นเอง

"คุณเฟียตรู้มั้ยคะ ใครๆก็อยากเห็นหน้าเจ้าสาวของคุณเฟียตกันทั้งนั้น"

นรนนท์เลิกคิ้วสูงทำหน้าแปลกใจ

"เอ...ผมก็ไม่ใช่ดาราดังสักหน่อย ไม่ทราบจะสนใจกันไปทำไม"

"น้อยไปสิคะ คุณน่ะดังกว่าดาราหนุ่มๆบางคนซะอีก ใครๆก็พูดกันค่ะ ว่าเจ้าสาวของคุณเฟียตคนนี้ เธอคงจะสวยมาก หรือไม่ก็รวยมาก ไม่งั้นคาสโนว่าหนุ่มรูปหล่ออย่างคุณเฟียตคงไม่ยอมตกร่องปล่องชิ้นด้วยแน่ๆ"

นรนนท์เหยียดยิ้มทำเสียงคล้ายเยาะในลำคอ

ผลประโยชน์..นรนนท์แน่ใจว่าการแต่งงานของเขาเกิดขึ้นเพราะสิ่งนั้น ไม่ต้องพูดถึงความรัก ไม่ต้องพูดถึงสายสัมพันธ์อันใดทั้งสิ้น แค่ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน เหตุผลแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะนำพาชีวิตของลูกหลานแต่ละฝ่ายให้มาเกี่ยวโยงผูกพันกันได้ สมัยนี้ใครแต่งงานกันด้วยความรักเพียงอย่างเดียวบ้างล่ะ ตลอดชีวิตของนรนนท์เขาว่าเขายังไม่เคยเห็น

"เรื่องรวย..ผมไม่ทราบนะว่าเขาร่ำรวยกันขนาดไหน เท่าที่ผมฟังๆมาสมบัติของคุณนายลิ้นจี่เเกก็มากมายพอดู เอาเฉพาะที่ทางในเขตอำเภอสามพรานนี่ ถ้าแบ่งขายก็คงได้หลายร้อยล้าน แต่คุณนายลิ้นจี่แกก็มีลูกหลานหลายคน แบ่งๆกันไปก็คงจะเหลือน้อยกว่านั้น ส่วนเรื่องความสวยของเจ้าสาว ผมว่าทุกคนไปตัดสินกันเอาเองที่งานดีกว่า ผมไม่ออกความเห็นก็แล้วกันนะ"

นรนนท์ตอบคำถามยิ้มๆ ตายังมองผ่านไปตามถนนลาดยางที่รอบสองข้างทางขนาบด้วยสวนมะพร้าวร่มรื่น ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงเครื่องขยายเสียงแว่วดังมาแต่ไกลนั่นหมายความว่าการเดินทางของขบวนขันหมากขบวนนี้กำลังจะถึงจุดหมายปลายทางในไม่ช้า



++++++++++++++++++++++++++++

เอานิยายเรื่องระบำดอกรักเร่มาลงให้อ่านตามสัญญาแล้วนะคะ ชอบไม่ชอบติชมได้ตามสะดวกค่ะ

โอชิน. ^-^





โอชิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ธ.ค. 2560, 05:11:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2561, 15:38:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 843





   ตอนที่ 2. >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account