ระบำดอกรักเร่
Tags: ทิษณุ,พริบดาว,นรนนท์,พีชญา,สามพราน
ตอน: ตอนที่ 2.
“เจ้าบ่าวมาแล้ว เจ้าบ่าวมาแล้ว...”
เสียงร้องอย่างตื่นเต้นของผู้คนดังขึ้นที่ใต้ถุนบ้าน อารตีรีบผละจากพี่สาวไปชะเง้อคอมองที่นอกหน้าต่าง จากจุดที่ยืนอยู่หล่อนมองเห็นหนุ่มวัยฉกรรจ์กว่าสิบชีวิตเดินตามติดกันมาเป็นขบวนยาว ชายหนุ่มพวกนั้นล้วนแต่งสูทกันมาเต็มยศทั้งสีสันและรูปแบบของเสื้อผ้าคล้ายคลึงกันราวกับจะมางานสมรสหมู่ก็ไม่ปาน
“คนไหนเจ้าบ่าวกันล่ะนี่ แต่งตัวเหมือนกันไปหมดอย่างนี้ดูไม่รู้เลย"
อารตียืนเกาะหน้าต่างวิจารณ์ โดยมีช่างแต่งหน้าสาวใหญ่กับผู้ช่วยยืนเป็นกองเชียร์อยู่ใกล้ๆ
“เมื่อกี้คุณหนูนิดเธอบอกว่าเจ้าบ่าวตัวสูงๆ ผิวเข้มๆไม่ใช่หรือคะ คนนั้นละมั้งคะคุณหนึ่ง อุ๊ย! ตาแว่นข้างหลังนั่นก็น่ารักเชียว โอ๊ย! ทำไมเพื่อนเจ้าบ่าวมีแต่คนหน้าตาดีๆทั้งนั้นนะ”
ช่างสาวใหญ่ออกความคิดเห็นขณะส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดบรรดาหนุ่มๆในขบวนราวกับตนเองกลายร่างเป็นสาวรุ่นไปเสียแล้ว เมื่อพยายามมองหามากว่าครู่แล้วอารตีก็ยังระบุไม่ได้สักทีว่าคนไหนคือเจ้าบ่าว เจ้าหล่อนก็หันมากวักมือเรียกพี่สาว
“พี่หนูนิด มานี่หน่อยสิคะ มาชี้บอกหน่อยว่าคนไหนเจ้าบ่าว”
“ไม่ล่ะ ถึงเวลา..เดี๋ยวหนึ่งก็เห็นเองนั่นแหละ"
พี่สาวปฎิเสธเสียงอ่อนเบา ยังคงนั่งนิ่งอยู่ปลายเตียง สีหน้าเริ่มเครียด แววตาคู่สวยฉายแววหวั่นวิตก มือไม้เริ่มเย็นเฉียบ แม้เจ้าตัวจะพยายามระงับความหวาดหวั่นเอาไว้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
มันถึงเวลาแล้วสินะ...
เวลาที่อิสรภาพของพริบดาวจะถูกผู้ชายคนนั้นริดรอนอย่างชั่วกาล!
พริบดาวออกจะแน่ใจ เจ้าบ่าวคนนั้นของหล่อน เขาไม่ได้รู้สึกเสน่หาในตัวพริบดาวสักกี่มากน้อยเพราะถ้าหากเขามีใจให้หล่อนสักนิด อย่างน้อยๆ เขาก็ควรจะเดินทางไปมาหาสู่ พยายามมาทำความรู้จักคุ้นเคยกับหล่อนบ้าง ตามประสาคนที่ในอนาคตจะร่วมหอลงโลงกัน แต่นี่พริบดาวไม่เคยเห็นเขาเหยียบย่างมาที่บ้านสวนเลยสักครั้ง นั่นยิ่งชวนให้สงสัย พริบดาวอยากจะรู้นักผู้ชายคนนั้นเขาแต่งงานกับหล่อนเพราะอะไรกันแน่
เขาขัดผู้ใหญ่ไม่ได้เหมือนพริบดาว..เช่นนั้นหรือเปล่า
ถ้าเป็นด้วยเหตุผลนี้ พริบดาวก็รู้สึกเห็นใจเขา เพราะหล่อนเองก็ไม่ได้แตกต่าง
หรือว่า..เขาต้องการสมบัติมหาศาลของคุณย่า
ถ้าเป็นด้วยเหตุผลนี้ พริบดาวรู้ได้ทันทีว่าเขาจะต้องผิดหวัง เขาไม่รู้กระมัง พริบดาวไม่ใช่หลานรักของคุณย่า!
หรือเขาคิดว่าการแต่งงาน..ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำคัญ..
เมื่อแต่งกันไปแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ เขาก็สามาถเลิกลากับหล่อนได้อย่างไม่เดือดร้อน ให้อย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย คำว่า เสียหาย ไม่มีวันเกิดขึ้นกับคนเพศเขา..ผู้ชายคนนั้น..เขาจะคิดอะไรชุ่ยๆถึงขนาดนั้นหรือเปล่า พริบดาวตอบอะไรแทนเขาไม่ได้ เพราะหล่อนเองก็ไม่เคยทราบว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนประเภทไหน
หล่อนรู้แต่ว่า..เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดี.. รูปร่างเขาก็ดี..
แต่สิ่งเหล่านั้น..ใช่จะรับประกันว่าเขาจะเป็นสามีที่ดีได้เมื่อไหร่..
“หนึ่งเดาว่าคนนั้นแน่ๆเลย เจ้าบ่าวของพี่หนูนิด คนที่เดินนำขบวนมานั่นน่ะ ตัวสูงๆ หน้าเข้มๆ หล่อดีเหมือนกันแหะ ถ้าพี่เขยของหนึ่งจะหน้าตาดีแบบนี้ หนึ่งให้ผ่านก็ได้เอ้า หน้าตาดีแต่นิสัยแย่หรือเปล่าก็ไม่รู้ อันนั้นพี่หนูนิดคงต้องเสี่ยงเอาเอง"
คำพูดประโยคนั้นของน้องสาวทำให้พริบดาวต้องลอบถอนใจยาว จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้พริบดาวมิอาจรู้ ก็ได้แต่ปลอบตัวเองให้คิดไปในแง่ดีเท่านั้น หล่อนเกิดมาแล้วชาติหนึ่งได้สนองบุญคุณของคุณย่าด้วยการเชื่อฟังคำสั่งเป็นลูกหลานที่ดีของท่านไปแล้ว จากนี้ต่อไปพริบดาวตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหล่อนจะพยายามทำหน้าที่ภรรยาของผู้ชายคนนั้นให้ดีที่สุด ถ้าหากทำดีจนถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับคนคนนั้นได้ก็คงต้องสุดแล้วแต่เวรแต่กรรม
+++++++++++++++++++++++++++
“คนเยอะเหมือนกันนะพี่โฟล์ค”
นรนนท์เปรยเบาๆขณะกวาดสายตามองไปทั่วทั้งบริเวณงานที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนอย่างทึ่งๆ ดูจากการแต่งเนื้อแต่งตัวผู้คนในงานส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านสวนละแวกนี้
“ก็เจ้าภาพเขาเป็นคนดัง เป็นถึงเศรษฐีนีใหญ่ของอำเภอนี้ไม่ใช่หรือ”
“เห็นคุณย่าว่างั้น เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนประถม คนเยอะแบบนี้ก็ดี..น่าสนุก!”
“น่าสนุกของนายนี่มันยังไง”
ทิษณุจับตามองสีหน้าของน้องชายอย่างครุ่นคิด มีพิรุธมากมายที่ทิษณุสังเกตเห็นแต่เขาหาที่มาที่ไปของมันไม่ได้
“ผมก็แค่รู้สึกว่าเวลามีคนมางานเยอะๆแล้วมันน่าสนุก"
“นายพูดอะไรแปลกๆ ฟังแล้วไม่เข้าใจ”
“ผมก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พี่โฟล์คอย่าสนใจนักเลย”
นรนนท์เอ่ยก่อนจะก้าวขึ้นบันไดบ้านไปก่อน ไม่กี่นาทีต่อมาขบวนของเจ้าบ่าวก็ขึ้นมานั่งอยู่เต็มระเบียง ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างช่วยกันลำเลียงขันหมาก อันประกอบไปด้วยสินสอด พานหมั้น ชุดขนมมงคลต่างๆขึ้นไปเก็บไว้บนบ้านเพื่อรอประกอบพิธีทางสงฆ์ให้เสร็จสิ้นเสียก่อนแล้วจึงค่อยตั้งขบวนแห่ขันหมากทีหลัง แต่พิธีการต่างๆกลับต้องล่าช้าออกไปจากกำหนดการเดิมเมื่อท่านเจ้าภาพประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนั้นได้ยินกันอย่างถ้วนทั่วว่ารถตู้ที่ทางเจ้าภาพส่งไปรับพระเกิดยางรั่วระหว่างทางจึงจำต้องยืดหมายกำหนดการเดิมออกไปก่อน
"งานจะล่มเสียล่ะมั้ง" นรนนท์เปรยยิ้มๆ
ทิษณุจุปากห้ามเบาๆก่อนจะทำหน้าเคร่ง มองน้องชายด้วยสีหน้าและแววตาตำหนิ
"อย่าพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลสิ ยังไงๆ คุณย่ากับคุณพ่อ ก็ไม่มีวันปล่อยให้งานในวันนี้ล่มหรอก"
"ผมก็ว่างั้น"
มีรอยยิ้มแปลกๆในสีหน้าของนรนนท์จนผู้เป็นพี่ชายอดรนทนไม่ไหวอยากจะไต่ถามให้รู้เรื่อง แต่ทิษณุยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามอะไรอย่างที่ตั้งใจเสียงโทรศัพท์มือถือของนรนนท์ก็หวีดดังขึ้นมาเสียก่อน นรนนท์กดรับสายโดยไม่มองชื่อคนที่โทรเข้ามา ใช้เวลาฟังฝ่ายนั้นพูดไม่ถึงนาทีก็หันมาบอกผู้เป็นพี่ชายด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“ผมลงไปข้างล่างเดี๋ยวนะพี่โฟล์ค มีธุระนิดหน่อย"
นรนนท์ขยับจะลุกแต่ทิษณุรีบฉวยข้อมือน้องชายเอาไว้ก่อนจะออกแรงบังคับให้นั่งลงตามเดิม
“ธุระอะไรเอาไว้ทำวันอื่น อีกเดี๋ยวพระก็มาแล้ว นั่งลง ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“น๊า...พี่โฟล์ค ให้ผมไปเถอะ ไม่นานหรอก ผมแค่จะลงไปจัดการอะไรให้มันเรียบร้อยเท่านั้น”
“จัดการอะไร”
“ใครบางคนโทรมาขู่ว่าถ้าผมไม่ลงไปพบเธอข้างล่าง เธอจะขึ้นมาหาผมบนนี้ แล้วเธอจะอาละวาดให้งานพัง ผมต้องลงไปหยุดเธอก่อนไม่งั้นงานวันนี้ได้ล่มแน่ๆ พี่โฟล์คให้ผมลงไปเถอะ เรื่องมันจะได้จบๆ ผมเคลียร์ของผมได้"
ทั้งสีหน้าและท่าทางของนรนนท์ดูจริงจังขึ้นมาจนทิษณุเริ่มลังเล
“ใคร.. ผู้หญิงที่ไหน ยายหวารึเปล่า ก็ไหนว่าเคลียร์กันจบไปแล้ว”
พี่ชายเอ่ยถึงคู่ควงคนล่าสุดของเขาพร้อมกับนิ่วหน้าสงสัย
“ไม่ใช่ยิหวาหรอกครับ อีกคนน่ะ เดี๋ยวมานะพี่โฟล์ค”
บอกเสร็จน้องชายก็รีบผุดลุกเดินแหวกผู้คนลงบันไดบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิษณุมองตามร่างสูงๆของนรนนท์ไปอย่างครุ่นคิด กึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น ยังไม่ทันหายงงดีผู้
เสียงร้องอย่างตื่นเต้นของผู้คนดังขึ้นที่ใต้ถุนบ้าน อารตีรีบผละจากพี่สาวไปชะเง้อคอมองที่นอกหน้าต่าง จากจุดที่ยืนอยู่หล่อนมองเห็นหนุ่มวัยฉกรรจ์กว่าสิบชีวิตเดินตามติดกันมาเป็นขบวนยาว ชายหนุ่มพวกนั้นล้วนแต่งสูทกันมาเต็มยศทั้งสีสันและรูปแบบของเสื้อผ้าคล้ายคลึงกันราวกับจะมางานสมรสหมู่ก็ไม่ปาน
“คนไหนเจ้าบ่าวกันล่ะนี่ แต่งตัวเหมือนกันไปหมดอย่างนี้ดูไม่รู้เลย"
อารตียืนเกาะหน้าต่างวิจารณ์ โดยมีช่างแต่งหน้าสาวใหญ่กับผู้ช่วยยืนเป็นกองเชียร์อยู่ใกล้ๆ
“เมื่อกี้คุณหนูนิดเธอบอกว่าเจ้าบ่าวตัวสูงๆ ผิวเข้มๆไม่ใช่หรือคะ คนนั้นละมั้งคะคุณหนึ่ง อุ๊ย! ตาแว่นข้างหลังนั่นก็น่ารักเชียว โอ๊ย! ทำไมเพื่อนเจ้าบ่าวมีแต่คนหน้าตาดีๆทั้งนั้นนะ”
ช่างสาวใหญ่ออกความคิดเห็นขณะส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดบรรดาหนุ่มๆในขบวนราวกับตนเองกลายร่างเป็นสาวรุ่นไปเสียแล้ว เมื่อพยายามมองหามากว่าครู่แล้วอารตีก็ยังระบุไม่ได้สักทีว่าคนไหนคือเจ้าบ่าว เจ้าหล่อนก็หันมากวักมือเรียกพี่สาว
“พี่หนูนิด มานี่หน่อยสิคะ มาชี้บอกหน่อยว่าคนไหนเจ้าบ่าว”
“ไม่ล่ะ ถึงเวลา..เดี๋ยวหนึ่งก็เห็นเองนั่นแหละ"
พี่สาวปฎิเสธเสียงอ่อนเบา ยังคงนั่งนิ่งอยู่ปลายเตียง สีหน้าเริ่มเครียด แววตาคู่สวยฉายแววหวั่นวิตก มือไม้เริ่มเย็นเฉียบ แม้เจ้าตัวจะพยายามระงับความหวาดหวั่นเอาไว้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
มันถึงเวลาแล้วสินะ...
เวลาที่อิสรภาพของพริบดาวจะถูกผู้ชายคนนั้นริดรอนอย่างชั่วกาล!
พริบดาวออกจะแน่ใจ เจ้าบ่าวคนนั้นของหล่อน เขาไม่ได้รู้สึกเสน่หาในตัวพริบดาวสักกี่มากน้อยเพราะถ้าหากเขามีใจให้หล่อนสักนิด อย่างน้อยๆ เขาก็ควรจะเดินทางไปมาหาสู่ พยายามมาทำความรู้จักคุ้นเคยกับหล่อนบ้าง ตามประสาคนที่ในอนาคตจะร่วมหอลงโลงกัน แต่นี่พริบดาวไม่เคยเห็นเขาเหยียบย่างมาที่บ้านสวนเลยสักครั้ง นั่นยิ่งชวนให้สงสัย พริบดาวอยากจะรู้นักผู้ชายคนนั้นเขาแต่งงานกับหล่อนเพราะอะไรกันแน่
เขาขัดผู้ใหญ่ไม่ได้เหมือนพริบดาว..เช่นนั้นหรือเปล่า
ถ้าเป็นด้วยเหตุผลนี้ พริบดาวก็รู้สึกเห็นใจเขา เพราะหล่อนเองก็ไม่ได้แตกต่าง
หรือว่า..เขาต้องการสมบัติมหาศาลของคุณย่า
ถ้าเป็นด้วยเหตุผลนี้ พริบดาวรู้ได้ทันทีว่าเขาจะต้องผิดหวัง เขาไม่รู้กระมัง พริบดาวไม่ใช่หลานรักของคุณย่า!
หรือเขาคิดว่าการแต่งงาน..ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำคัญ..
เมื่อแต่งกันไปแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ เขาก็สามาถเลิกลากับหล่อนได้อย่างไม่เดือดร้อน ให้อย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย คำว่า เสียหาย ไม่มีวันเกิดขึ้นกับคนเพศเขา..ผู้ชายคนนั้น..เขาจะคิดอะไรชุ่ยๆถึงขนาดนั้นหรือเปล่า พริบดาวตอบอะไรแทนเขาไม่ได้ เพราะหล่อนเองก็ไม่เคยทราบว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนประเภทไหน
หล่อนรู้แต่ว่า..เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดี.. รูปร่างเขาก็ดี..
แต่สิ่งเหล่านั้น..ใช่จะรับประกันว่าเขาจะเป็นสามีที่ดีได้เมื่อไหร่..
“หนึ่งเดาว่าคนนั้นแน่ๆเลย เจ้าบ่าวของพี่หนูนิด คนที่เดินนำขบวนมานั่นน่ะ ตัวสูงๆ หน้าเข้มๆ หล่อดีเหมือนกันแหะ ถ้าพี่เขยของหนึ่งจะหน้าตาดีแบบนี้ หนึ่งให้ผ่านก็ได้เอ้า หน้าตาดีแต่นิสัยแย่หรือเปล่าก็ไม่รู้ อันนั้นพี่หนูนิดคงต้องเสี่ยงเอาเอง"
คำพูดประโยคนั้นของน้องสาวทำให้พริบดาวต้องลอบถอนใจยาว จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้พริบดาวมิอาจรู้ ก็ได้แต่ปลอบตัวเองให้คิดไปในแง่ดีเท่านั้น หล่อนเกิดมาแล้วชาติหนึ่งได้สนองบุญคุณของคุณย่าด้วยการเชื่อฟังคำสั่งเป็นลูกหลานที่ดีของท่านไปแล้ว จากนี้ต่อไปพริบดาวตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหล่อนจะพยายามทำหน้าที่ภรรยาของผู้ชายคนนั้นให้ดีที่สุด ถ้าหากทำดีจนถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับคนคนนั้นได้ก็คงต้องสุดแล้วแต่เวรแต่กรรม
+++++++++++++++++++++++++++
“คนเยอะเหมือนกันนะพี่โฟล์ค”
นรนนท์เปรยเบาๆขณะกวาดสายตามองไปทั่วทั้งบริเวณงานที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนอย่างทึ่งๆ ดูจากการแต่งเนื้อแต่งตัวผู้คนในงานส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านสวนละแวกนี้
“ก็เจ้าภาพเขาเป็นคนดัง เป็นถึงเศรษฐีนีใหญ่ของอำเภอนี้ไม่ใช่หรือ”
“เห็นคุณย่าว่างั้น เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนประถม คนเยอะแบบนี้ก็ดี..น่าสนุก!”
“น่าสนุกของนายนี่มันยังไง”
ทิษณุจับตามองสีหน้าของน้องชายอย่างครุ่นคิด มีพิรุธมากมายที่ทิษณุสังเกตเห็นแต่เขาหาที่มาที่ไปของมันไม่ได้
“ผมก็แค่รู้สึกว่าเวลามีคนมางานเยอะๆแล้วมันน่าสนุก"
“นายพูดอะไรแปลกๆ ฟังแล้วไม่เข้าใจ”
“ผมก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พี่โฟล์คอย่าสนใจนักเลย”
นรนนท์เอ่ยก่อนจะก้าวขึ้นบันไดบ้านไปก่อน ไม่กี่นาทีต่อมาขบวนของเจ้าบ่าวก็ขึ้นมานั่งอยู่เต็มระเบียง ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างช่วยกันลำเลียงขันหมาก อันประกอบไปด้วยสินสอด พานหมั้น ชุดขนมมงคลต่างๆขึ้นไปเก็บไว้บนบ้านเพื่อรอประกอบพิธีทางสงฆ์ให้เสร็จสิ้นเสียก่อนแล้วจึงค่อยตั้งขบวนแห่ขันหมากทีหลัง แต่พิธีการต่างๆกลับต้องล่าช้าออกไปจากกำหนดการเดิมเมื่อท่านเจ้าภาพประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้แขกเหรื่อที่มาร่วมงานในวันนั้นได้ยินกันอย่างถ้วนทั่วว่ารถตู้ที่ทางเจ้าภาพส่งไปรับพระเกิดยางรั่วระหว่างทางจึงจำต้องยืดหมายกำหนดการเดิมออกไปก่อน
"งานจะล่มเสียล่ะมั้ง" นรนนท์เปรยยิ้มๆ
ทิษณุจุปากห้ามเบาๆก่อนจะทำหน้าเคร่ง มองน้องชายด้วยสีหน้าและแววตาตำหนิ
"อย่าพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลสิ ยังไงๆ คุณย่ากับคุณพ่อ ก็ไม่มีวันปล่อยให้งานในวันนี้ล่มหรอก"
"ผมก็ว่างั้น"
มีรอยยิ้มแปลกๆในสีหน้าของนรนนท์จนผู้เป็นพี่ชายอดรนทนไม่ไหวอยากจะไต่ถามให้รู้เรื่อง แต่ทิษณุยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามอะไรอย่างที่ตั้งใจเสียงโทรศัพท์มือถือของนรนนท์ก็หวีดดังขึ้นมาเสียก่อน นรนนท์กดรับสายโดยไม่มองชื่อคนที่โทรเข้ามา ใช้เวลาฟังฝ่ายนั้นพูดไม่ถึงนาทีก็หันมาบอกผู้เป็นพี่ชายด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า
“ผมลงไปข้างล่างเดี๋ยวนะพี่โฟล์ค มีธุระนิดหน่อย"
นรนนท์ขยับจะลุกแต่ทิษณุรีบฉวยข้อมือน้องชายเอาไว้ก่อนจะออกแรงบังคับให้นั่งลงตามเดิม
“ธุระอะไรเอาไว้ทำวันอื่น อีกเดี๋ยวพระก็มาแล้ว นั่งลง ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“น๊า...พี่โฟล์ค ให้ผมไปเถอะ ไม่นานหรอก ผมแค่จะลงไปจัดการอะไรให้มันเรียบร้อยเท่านั้น”
“จัดการอะไร”
“ใครบางคนโทรมาขู่ว่าถ้าผมไม่ลงไปพบเธอข้างล่าง เธอจะขึ้นมาหาผมบนนี้ แล้วเธอจะอาละวาดให้งานพัง ผมต้องลงไปหยุดเธอก่อนไม่งั้นงานวันนี้ได้ล่มแน่ๆ พี่โฟล์คให้ผมลงไปเถอะ เรื่องมันจะได้จบๆ ผมเคลียร์ของผมได้"
ทั้งสีหน้าและท่าทางของนรนนท์ดูจริงจังขึ้นมาจนทิษณุเริ่มลังเล
“ใคร.. ผู้หญิงที่ไหน ยายหวารึเปล่า ก็ไหนว่าเคลียร์กันจบไปแล้ว”
พี่ชายเอ่ยถึงคู่ควงคนล่าสุดของเขาพร้อมกับนิ่วหน้าสงสัย
“ไม่ใช่ยิหวาหรอกครับ อีกคนน่ะ เดี๋ยวมานะพี่โฟล์ค”
บอกเสร็จน้องชายก็รีบผุดลุกเดินแหวกผู้คนลงบันไดบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิษณุมองตามร่างสูงๆของนรนนท์ไปอย่างครุ่นคิด กึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อ แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น ยังไม่ทันหายงงดีผู้
โอชิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ม.ค. 2561, 15:06:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2561, 16:01:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 829
<< ตอนที่ 1. | ตอนที่ 3. >> |