ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจ ในควันปืน : ปรปักษ์เสน่หา
ธีรเดชหลงรักพิมพ์ศิริตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และเมื่อโชคชะตาทำให้เขามีความสัมพันธ์กับเธอเพียงชั่วข้ามคืน แต่มันยิ่งกลายเป็นสายใยผูกมัดหัวใจเขาให้ติดอยู่กับเธอจนไม่อาจถอนตัว แม้จะรู้ดีว่า หากยังดึงดันที่จะรักเธอต่อไป สิ่งที่เขาต้องแลกก็คือ 'ชีวิต' แต่เขาก็ยังเลือกที่จะ 'รัก' เธอต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจสุดท้าย.

Tags: บู้ โรม้านซ์

ตอน: บทส่งท้าย

บทพิเศษ

รอยยิ้มมัจจุราช

ไฟล์ข้อมูลที่ได้รับจากผู้เฒ่าหลี่ สามารถเปิดเผยเงาของผู้บงการให้อชิรคาดเดาได้ แต่กระนั้น มันยังไม่เพียงพอให้เขากระทำการใดๆลงไป เขาต้องการคำตอบที่สะอาดโดยไร้ความคลางแคลงใจ จนกระทั่ง..เอกสารสำคัญที่ทนายความหนุ่มหอบหิ้วกลับมาจากแผ่นดินใหญ่ถูกนำไปตรวจสอบลายเซ็นของน้องชาย ที่เขาเชื่อว่า มันเป็นของปลอม รวมทั้งตรวจหารอยนิ้วมือแฝง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นสำหรับคนของเขาที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ และไม่ต้องผ่านขั้นตอนอะไรให้ยุ่งยาก..เขารอคอยไม่นานนัก ผลพิสูจน์ก็ถูกส่งมาให้ได้ประจักษ์แจ้งอย่างไร้ข้อโต้แย้งใดๆ

มันไม่ใช่ลายเซ็นน้องชายของเขาจริงๆ แต่เป็นอีกคนที่เขาให้ความไว้ใจไม่น้อยเช่นกัน..แล้วเหตุใดกันเล่า บุคคลนี้ถึงกล้าทรยศต่อความไว้วางใจของเขาได้อย่างไร้ความปรานี !?

แต่ไม่เป็นไร..เขาจะรู้คำตอบในไม่ช้านี้แน่นอน

ไม่กี่วันก่อนงานแต่งระหว่างพิมพ์ศิริกับธีรเดชจะถูกจัดขึ้น..

ท่านประธานใหญ่ของไพศาลกรุ๊ปสร้างเรื่องประหลาดใจให้กับพนักงานทุกคน ด้วยการปรากฏตัวบนเก้าอี้รถเข็นไฟฟ้านำบรรดาบอดี้การ์ดเข้ามาภายในบริษัท และแม้ใบหน้านั้นจะขาวซีดจากการพักฟื้นร่างกาย แต่ก็ยังปรากฏรอยยิ้มเอิบอิ่มรับการทักทายจากบรรดาพนักงาน และอีกไม่กี่นาทีต่อมา..ความสงสัยก็ถูกเฉลย ผ่านทุกจอบาร์โก้ภายในบริษัท เมื่อท่านประธานประกาศคำอนุมัติเพิ่มโบนัสอีกเท่าตัวให้กับพนักงานทุกคน รวมทั้งจะจัดงานเลี้ยง เพื่อเป็นการฉลองงานมงคลสมรสของหลานสาว ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี หลังจากที่บุคคลภายในครอบครัวประสบแต่เรื่องยุ่งยากมาเป็นเวลานานหลายเดือน สร้างความดีใจให้กับทุกคนที่พากันปรบมือเกรียวกราว

ต่างจากจตุพล ที่เดินแยกตัวออกมายืนในมุมสงบ..การกระทำของอชิรสร้างความหวาดระแวงไปต่างๆนานา เพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่า ขณะนี้ อชิรรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือยัง และความกังวลเพิ่มพูนมากขึ้น เมื่อผู้ที่ร่วมขบวนการเริ่มล้ม หาย ตาย จาก ไปทีละคนสองคน พลัน! สะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆเสียงทักทายของผู้ที่กำลังหวาดระแวงดังขึ้น

“คุณจตุพล”

เขาหันขวับไปตามเสียงเรียก เห็นอชิรกำลังตรงมาใกล้ โดยมีบอดี้การ์ดคนสนิทเดินตามรถเข็นมาด้วยสีหน้าสงบนิ่งเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ขอโทษนะ ที่ทำให้คุณตกใจถึงขนาดนี้”

จตุพลแค่นยิ้มฝืดเฝือ

“เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ..ผมแค่กำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อย พอมีคนมาทักก็เลยตกใจนิดหน่อยน่ะครับ แล้วอีกอย่าง..ผมเพิ่งเห็นคุณอยู่ในจอด้วย ไม่คิดว่าจู่ๆคุณจะมาอยู่ตรงนี้ได้”

“นั่นมันเป็นเทปน่ะ..สภาพของผมมันยังเบลอๆไม่เข้าที่เข้าทางสักเท่าไหร่ ขืนพูดสดก็กลัวว่าจะพูดผิดๆถูกๆให้อายพวกลูกน้องเสียเปล่าๆ”

“อ่อ..เหรอครับ”

“ใช่..นี่ผมก็กำลังจะกลับ พอดีเห็นคุณยืนตรงนี้ เลยจะมาย้ำอีกทีว่าอย่าลืมงานเลี้ยงคืนนี้นะ..ตั้งแต่เจ็บตัวมานี่ ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกับพวกบอร์ดเลย..แต่ก็อย่างว่าล่ะ สังขารแบบนี้ ไม่รู้จะอยู่คุยได้สักกี่คำ”

“ร่างกายของคุณแข็งแรงขึ้นมากแล้ว ต้องได้อยู่คุยกันยาวแน่นอนครับ”

“ผมก็หวังอย่างนั้น เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า ลูกๆของผมจะถูกนินทาอะไรกันบ้าง” อชิรพูดกลั้วหัวเราะ แล้วก็ย้ำอีกครั้ง

“เจอกันคืนนี้นะครับ”

“ครับ”

จตุพลรับปากยามสบสายตากับอีกฝ่ายที่ยิ้มให้เขาโดยไร้ความระแวงใดๆ “แล้วเจอกันคืนนี้”

โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ประโยคสุดท้ายของเขา คือการเปิดประตูต้อนรับมัจจุราช ที่กำลังแสยะยิ้มรอคอยกระชากดวงวิญญาณของเขาอย่างใจจอจ่อ !

.................................................................

บทส่งท้าย

ร่างโปร่งบางของเด็กชายวัยสิบสี่ในชุดสูทเรียบหรู เดินเรียบเรื่อยออกจากคฤหาสน์โบราณของตระกูลพาณิชย์ไพศาล ไปตามทางเดินหินดินดานสู่ลานกว้างที่เคยสงบร่มเย็น ทว่า บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายของบรรดาคนรับใช้พากันเร่งตกแต่งให้กลายเป็นสวนลูกโป่งสีหวานสำหรับงานวันเกิดให้น้องสาวตัวแสบ..เสียงมารดาคอยกำกับสั่งการแว่วมาเป็นระยะ ฝูงสุนัขตัวโปรดแสดงอาการดีใจและทำท่าจะกระโจนมาเล่นด้วยเช่นเคย แต่วันนี้พวกมันต้องอดเล่นสนุกกับเขา เพราะกำลังถูกบรรดาลูกน้องของบิดากระตุกโซ่ช่วยกันฉุดดึงพวกมันพาเข้ากรง..ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ถูกนำมาวางเรียงจนเต็มลาน อาหารและเครื่องดื่มทยอยออกมาวางบนโต๊ะบุฟเฟต์ ประดับตกแต่งด้วยตุ๊กตาหมี ลูกโป่งและริบบิ้นแซมด้วยดอกไม้เล็กๆ..เขาเบ้หน้ากับความเว่อร์อลังการของมารดา

และก็อดไม่ได้ที่จะดึงไม้ปลายแหลมสำหรับใช้เสียบดอกไม้มาจิ้มลูกโป่งที่ลอยโอนเอนตรงหน้าให้ระเบิดด้วยความสะใจ..เสียงอันดังของมันเรียกความสนใจให้หลายคนหยุดชะงัก หันมองมาเป็นตาเดียว รวมทั้งมารดาเช่นกัน

“จิล! ทำตัวให้ดีๆหน่อยได้ไหม”

เด็กชายไม่ยี่หระกับเสียงเข้มเต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขาหยิบแอบเปิ้ลจากถาดผลไม้มากัดกินทั้งลูก ก่อนหันเดินไปอย่างเซ็งๆ..แค่วันเกิดเด็กเก้าขวบ ทำไมจะต้องวุ่นวาย เดือดร้อนถึงขนาดนี้ โดยเฉพาะตัวเขา ที่ถูกมารดาบังคับให้ใส่ชุดสูทเต็มยศ ซึ่งมันทั้งร้อนทั้งอึดอัด และเมื่อนึกถึงเวลาที่งานเริ่ม ลานกว้างแห่งนี้จะเต็มไปด้วยเด็กตัวเล็กๆวิ่งเพ่นพ่าน ส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวแสบแก้วหู ในขณะที่บรรดาแม่ๆทั้งหลายจะจับกลุ่มพูดถึงอนาคตอันเลิศหรูของลูกๆชนิดที่ไม่มีใครยอมให้น้อยหน้ากว่ากัน ส่วนบรรดาคุณพ่อบ้าน จะจับกลุ่มพูดแต่เรื่องธุรกิจ บ้างก็การเมืองประปราย..ฟังไม่รู้เรื่องและน่าเบื่อ!

“ปาร์ตี้นรกชัดๆ!!”

เสียงบ่นพึมพำยังไม่ทันจะจางหาย ร่าง พลัน! เซเกือบหน้าคะมำตามแรงของร่างที่วิ่งทุ่มมาจากด้านหลัง

เขาหันขวับกลับไปยังร่างของน้องสาว กำลังเท้าสะเอวจ้องอย่างเอาเรื่อง ขณะข้างกายมีร่างของเด็กชายว่าน วัยสี่ขวบสวมชุดมาสคอตหมีสีชมพู ในมือถือโมเดลหุ่นยนต์ตัวโปรดยืนมองตาปริบๆ

“เมื่อกี้หนูเล็กเห็นนะ”

“อะไรอีกเล่า !?”

“ก็เมื่อกี้เฮียจิ้มลูกโป่งของหนูเล็กแตก”

คนฟังพ่นลมหายใจพรืด

“แค่ลูกเดียว อย่าทำเป็นเรื่องมากน่ะ”

ใบหน้าของเด็กหญิงงอง้ำขัดใจ แต่เมื่อเหลือบสายตาไปเห็นร่างสูงโปร่งของใครอีกคนกำลังเดินมาใกล้ อารมณ์ขุ่นมัว พลันมลายหายสิ้น ผละจากพี่ชายรีบวิ่งตรงเข้าหาจนกระโปรงสีหวานบานฟูฟ่อง

“พี่เต้มาแล้ว”

ใบหน้าคมสวยซึ่งกำลังเติบโตเป็นชายหนุ่มรูปงามในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเจือรอยยิ้มละไม ยามรับร่างเล็กๆนุ่มนิ่มที่โถมเข้ามากอดทั้งตัว

อนาวินเหลียวมอง แล้วก็หันกลับมาพูดกับเด็กว่าน

“พ่อแกมาแล้ว เจ้าว่าน”

สิ้นคำ เจ้าหมีสีชมพูตัวน้อยก็วิ่งดุ๊กดิ๊กไปหาบุคคลที่เข้าใจว่าเป็น พ่อ ตามคำที่ แม่หนูเล็ก พร่ำบอก

อนาวินแค่นยิ้มขณะเดินตามเด็กว่าน..เด็กที่ถือกำเนิดมาจากคนงานสาวชาวพม่าที่เข้ามาทำงานก่อสร้าง แต่เคราะห์ร้ายถูกพวกขี้ยาฉุดไปข่มขืนแต่ก็จับตัวคนร้ายไม่ได้ และผลพวงนั้นทำให้ตั้งครรภ์ เธอจึงอ้อนวอนบิดาให้จ้างต่ออย่าส่งคืนนายหน้า เพราะหากทำเช่นนั้น จะถูกส่งกลับบ้าน ซึ่งเธอเองเป็นกำพร้าอาศัยอยู่กับญาติ หากกลับไป ก็คงถูกญาติพาไปขายบริการ หญิงสาวทั้งก้มกราบพูดอ้อนวอนทั้งน้ำตา จนบิดาใจอ่อน..และเมื่อคลอดลูกออกมา ก็เลี้ยงดูตามมีตามเกิดอยู่ในแคมป์คนงาน..

แต่หลังจากนั้นอีกสามปี เธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์ ทิ้งลูกชายไว้เพียงลำพัง ซึ่งตอนนั้นทุกคนต่างวุ่นวายกับงานที่ต้องเร่งก่อสร้างให้เสร็จตามสัญญา ศราสั่งหัวหน้าคนงานจัดการงานศพ และให้คนงานหญิงช่วยดูแลเด็กว่านไปพลางๆ..วันหนึ่ง น้องสาวร้องงอแงจะตามบิดาไปไซด์งานด้วย เพราะเห็นว่าเขากับญาติสาวอีกคนยังไปได้ แล้วทำไมตนจะไปด้วยไม่ได้ ซึ่งบิดาก็ตามใจ

และที่นั่น ก็ทำให้น้องสาวเห็นเด็กว่าน ในสภาพผอมกะหร่อง ผิวเกรียมแดด ใส่เพียงเสื้อกล้ามเก่าๆไม่ใส่กางเกง เนื้อตัวสกปรกมอมแมมเต็มไปด้วยรอยแผลจากยุงและแมลงกัดต่อย ใบหน้าเกรอะกรังด้วยคราบดินและคราบน้ำตา น้องสาวนึกสงสารอยากพากลับบ้านด้วย จึงออดอ้อนบิดา..และแน่นอน ว่าบิดาของเขาที่หลงใหลต้องมนต์มารยาของนางมารน้อยอย่างไม่ลืมหูลืมตา ย่อมตามใจโดยไม่มีข้อโต้แย้ง เด็กว่านจึงเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน ในฐานะลูกชายอุปโลกน์ของน้องสาว และมีเพื่อนของเขาเป็นพ่อ ซึ่งเจ้านั่นก็เป็นอีกคน ที่ตามใจน้องสาวของเขาไปเสียทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งต้องมาอยู่ค้างบ้านนี้ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อเป็นเพื่อนเล่นตามคำร้องขอ

อนาวินฉุดแขนเตชิตให้เดินตาม โดยไม่สนใจน้องสาว

“นายมาก็ดีแล้ว ไปเดินหมากรุกกันดีกว่า”

“ไม่เอา! พี่เต้ต้องอยู่กับหนูเล็กนะ” เด็กหญิงค้านและพยายามเหนี่ยวรั้งแขนของเตชิต ที่ถูกพี่ชายกึ่งลากกึ่งจูงตรงไปยังห้องหนังสือ ในขณะที่เด็กว่าน ก็วิ่งตามไปด้วยเช่นกัน

“เจ้าเต้ไม่ใช่ของเธอเหมือนอย่างเจ้าว่านนะ ไม่ต้องมาแสดงความเป็นเจ้าของเลย..แล้วก็ ถ้าอยากอยู่ด้วยก็นั่งเงียบๆ ไม่อย่างนั้นก็ไปเล่นที่อื่น”

เมื่อพี่ชายพูดแบบนี้ เด็กหญิงทำหน้าตูม แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเตชิต จนกระทั่งถึงห้องหนังสือ ซึ่งพิมพ์ศิริ ญาติสาวผู้เคร่งขรึม นั่งอ่านหนังสืออยู่ก่อนแล้ว

“อ้าว เราอยู่นี่เหรอ นึกว่าอยู่ที่งานกับคุณอาเสียอีก”

เด็กหญิงส่ายใบหน้า

“ไม่หรอกค่ะ ขวัญขออยู่นี่ดีกว่า..เดี๋ยวค่อยไปตอนงานเริ่ม” ตอบญาติผู้พี่เสร็จ ก็เลยไปพูดกับคนตัวเล็กที่ยังทำหน้าตูมไม่เลิก “แล้วทำไมเจ้าของงานทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

โมรียาจึงผละมานั่งข้างญาติสาวและตอบดั่งคล้ายจะฟ้อง

“ก็เฮียน่ะสิ พาพี่เต้มาที่นี่ แทนที่จะให้เล่นกับหนูเล็กน่ะ”

อนาวินเบ้ปากใส่ ก่อนหันไปหยิบกระดานหมากรุกมาวางบนโต๊ะ และสองหนุ่มเริ่มตั้งหน้าตั้งตาวางตัวหมาก

“ผมให้คุณเปิดก่อน” เตชิตบอกเสียงขรึม อนาวินจึงเริ่มเดินหมาก..บรรยากาศเคร่งเครียดเริ่มแผ่ตัวกว้างมากขึ้น จนเด็กหญิงทั้งสองสัมผัสได้ ในขณะที่เด็กชายว่านไม่รู้อะไรเลย นอกจากการนั่งเล่นหุ่นยนต์อยู่ใกล้ๆพ่อ-แม่ของตนเท่านั้น

ความเงียบอันแสนอึดอัด ถูกทำลายลงด้วยคำถามของอนาวิน คล้ายๆการชวนคุยเพื่อระบายความตึงเครียด มากกว่าต้องการคำตอบอย่างแท้จริง

“โตขึ้น..นายอยากเป็นอะไรเรอะ”

“อาจจะเป็นหมอ..เพราะแม่พูดบ่อยๆว่าพี่แก้วเป็นพยาบาลแล้ว ก็อยากให้ผมได้เป็นหมอบ้าง”

“แล้วนายอยากเป็นไหมล่ะ”

“ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเลยครับ..แต่ผมว่าเทอมหน้าจะลองเข้าโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาดู เผื่อจะรู้ว่า ตัวเองอยากเป็นอะไร”

“อืมม์ ก็น่าลองเหมือนกันนะ คงจะสนุกดี..ว่าแต่ อยู่ 1 ปีใช่ไหม”

“ครับ”

โมรียาตั้งใจฟังตั้งแต่ต้น และพอรู้ว่า หากเตชิตเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เขาจะหายไปจากชีวิตทันทีถึง 1 ปีเต็ม ซึ่งเธอไม่มีวันยอมเด็ดขาด

“โหย ! ตั้ง 1 ปี..พี่เต้อย่าไปเลยนะ..ภาษาอังกฤษพี่ก็เก่งอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเรียนที่นั่นอีกหรอก”

แต่อนาวินเป็นฝ่ายหันมาตอบแทน

“เขาไป เพราะอยากหาประสบการณ์ที่ไม่มีในประเทศไทยต่างหากเล่า”

“ไม่ได้ถามเฮียเสียหน่อย”เด็กหญิงตอบกลับให้ผู้พี่หน้าม้านทันตา แล้วก็หันไปอ้อนเตชิต “พี่เต้ อย่าไปเลยนะ ไม่งั้นหนูเล็กเหงาแย่..แต่ถ้าพี่อยากไปจริงๆ รอไปพร้อมหนูเล็กก็ได้..นะ”

เตชิตยิ้มอ่อนโยน

“แค่ 1 ปี..แป๊บเดียวเองครับ”

“เธอก็ควรจะทำใจเสียตั้งแต่วันนี้เลยนะ” อนาวินพูดยิ้มเยาะ

และในจังหวะนั้น เตชิตก็เดินหมากปิดเกม

“รุกฆาต”

“เฮ้ย! ได้ไง” เจ้าบ้านหันขวับ มองหมากบนกระดานอย่างไม่อยากเชื่อ ในขณะที่ใบหน้าของคู่ต่อสู้เจือรอยยิ้ม

“ก็คุณมัวแต่พูดมากนี่ครับ”

“หนอย!ไอ้นี่..เมื่อกี้คงฟลุ๊คหรอก เอาใหม่เลย” อนาวินพูดอย่างไม่ยอมแพ้ และลงมือตั้งเกมใหม่ ทว่า ยังไม่ทันเริ่ม คนรับใช้ก็เข้ามาขัดจังหวะ

“คุณนายให้มาตามค่ะ แขกเริ่มมากันแล้ว..”

อนาวินถอนใจเฮือก

“งั้นคงต้องไว้คราวหน้าก็แล้วกัน”

“ครับ” เตชิตตอบขณะรวบตัวหมากทั้งของเขา และ อนาวินเก็บใส่กล่อง พับกระดานลุกขึ้นเดินไปเก็บคืนที่

ทั้งหมดเดินออกจากห้องหนังสือ สู่งานเลี้ยงของเจ้าบ้านตัวน้อย ซึ่งขณะนี้กำลังเดินจับมือใหญ่ของเตชิต สมองน้อยๆครุ่นคิดหาวิธีอย่างหนัก ที่จะไม่ให้เขาไปไหนไกลสายตา

“พี่เต้..”

เตชิตก้มมองสบดวงตากลมใส เหมือนกำลังวอนขอสิ่งใดจากเขา จึงยอบตัวลงนั่งบนส้นเท้า ปล่อยให้คนอื่นเดินไปก่อน

“ครับ”

“ถ้าหนูเล็กขออะไร พี่จะให้ทุกอย่างไหม”

“ถ้าทำได้ ผมจะให้ทุกอย่างครับ”

คำตอบนั้น เรียกรอยยิ้มแจ่มใสกลับมาสู่หัวใจดวงน้อย ก่อนยกนิ้วก้อยยื่นให้เขา

“สัญญานะ”

เขาเกี่ยวก้อยกับนิ้วเล็กๆตรงหน้า ก่อนเอ่ยรับคำ “ครับ สัญญา..”



โมรียายืนเคียงข้างมารดาคอยต้อนรับเพื่อนๆของตนที่มาพร้อมผู้ปกครอง และมักคอยจะสอดส่ายสายตามองตามร่างของเตชิต ซึ่งขณะนี้กำลังเดินเคียงข้างบิดาของเขาไปหาบิดาของเธอ และเริ่มพูดคุยอะไรกันสักอย่าง..ไม่กี่นาทีบรรดาบอดี้การ์ดคนสนิทของบิดาก็เดินเข้ามาสมทบ..เด็กหญิงมองอยู่ชั่วครู่ ก็รีบวิ่งผละเข้าไปหา ก่อนที่เตชิตจะแยกตัวไป โดยไม่สนใจเสียงเรียกของมารดา

“สวัสดีค่ะ อาตฤน” เด็กน้อยถลาเข้ามาทักทายอย่างเหนื่อยหอบ

อชิรก้มมองลูกสาว พลางลูบศีรษะเล็กบอบบางชื้นเหงื่ออย่างรักใคร่

“ไม่อยู่ต้อนรับแขกของหนูล่ะ เดี๋ยวแม่เขาจะโกรธเอานะ”

“หนูเล็กขอแวบมาแป๊บเดียวค่ะ เดี๋ยวก็จะไปแล้ว..เพียงแต่..หนูเล็กจะมาขอของขวัญจากอาตฤนก่อนค่ะ”

“ของขวัญของคุณหนูเล็ก ลูกแก้วเขาเอาไปวางรวมอยู่ที่โต๊ะแล้วครับ” ตฤนเอ่ยถึงลูกเลี้ยงสาว ซึ่งขณะนี้อยู่กับภรรยาของตนที่กำลังจับกลุ่มพูดคุยกับคนรู้จัก

“ไม่ใช่ค่ะ หนูเล็กหมายถึงของขวัญจากอาตฤนจริงๆค่ะ”

ใบหน้าของผู้ที่มีรอยแผลเป็นยาวที่ข้างแก้มฉงนเล็กน้อย รวมทั้งบิดาของเธอเช่นกัน

“หนูเล็กอยากได้อะไรเหรอลูก เดี๋ยวป๊าหาให้ก็ได้”

“ไม่ได้ค่ะ หนูเล็กต้องได้จากอาตฤนคนเดียวเท่านั้น” ยืนยันกับบิดา แล้วก็หันกลับมาทวงของขวัญจากบอดี้การ์ดคนสนิทอีกครั้ง “ได้ไหมคะ”

แม้จะสงสัยในความต้องการของเจ้านายน้อย แต่สำหรับเขา ไม่ว่าอะไรก็จะทำให้หมดทั้งนั้น “ได้ครับ..แล้วคุณหนูเล็กอยากได้อะไร”

เด็กน้อยยิ้มกว้างหันสายตาไปมองเตชิตที่กำลังมีสีหน้าสงสัยเช่นกัน ก่อนหันกลับไปบอกความต้องการของตน

“หนูเล็กอยากให้พี่เต้มาอยู่บ้านนี้ มาเป็นบอดี้การ์ดของหนูเล็กค่ะ”

คำขอของเด็กหญิง ทำเอาผู้ใหญ่นิ่งอึ้ง อชิรจึงพูดกับลูกอีกครั้ง เพราะรู้ดีว่า ตฤนนั้นอยากให้ลูกชายมีชีวิตที่ดี เฉกเช่นคนทั่วไป ที่ไม่ต้องแขวนชีวิตไว้บนเส้นด้ายเหมือนตนเอง จึงพยายามสนับสนุนในเรื่องการศึกษาหรือกิจกรรมอย่างอื่นตามที่ลูกชายต้องการ และหากไม่เป็นเพราะลูกชายของเขากับลูกสาวที่ชอบคลุกคลีอยู่กับเตชิต โดยเฉพาะกับลูกสาวที่แทบเกาะติดหนึบจนต้องขอให้มาอยู่ด้วยกันในวันหยุดเรียน เตชิตก็คงไม่ได้ย่างกรายเข้ามาในบ้านหลังนี้เกินความจำเป็น

“หนูเล็ก..พี่เต้ต้องเรียนหนังสือนะ เขามาเป็นบอดี้การ์ดให้ไม่ได้หรอก..แล้วป๊าจะหาคนอื่นให้ก็แล้วกันนะ”

“ไม่เอา!” หนูน้อยตอบทันควัน “หนูเล็กจะเอาพี่เต้คนเดียว” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดื้อดึง สองหน่วยตาเริ่มมีน้ำตาคลอเมื่อเริ่มหวาดหวั่น เกรงจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ และหันไปทวงคำตอบจากตฤนอีกครั้ง

“หนูเล็กขอพี่เต้นะคะ..”

“เอ่อ..” ตฤนอึกอัก เพราะไม่คิดว่าของขวัญที่เด็กผู้หญิงวัยเก้าขวบต้องการนั้นจะเป็นตัวลูกชายของเขา “คือ..คุณหนูเล็กขออย่างอื่นได้ไหมครับ..แล้วผมจะพยายามหาให้”

คำปฏิเสธของเขาพังทลายความหวังทั้งหมดที่มี น้ำตา พลัน ไหลพรากราวทำนบแตก

“เมื่อกี้อาตฤนรับปากแล้ว ทำไมไม่ให้ล่ะคะ..หนูเล็กอยากได้พี่เต้มาอยู่ด้วย อย่างอื่นหนูเล็กไม่เอา..” แล้วก็ปล่อยโฮจนตัวโยน จนผู้ให้กำเนิดใจเสีย ต้องยอบตัวลงปลอบประโลม แต่ก็ไม่สามารถทำให้ลูกสาวตัวน้อยหยุดร้องได้

เตชิตมองด้วยความสงสาร เขาชอบที่จะเห็นโมรียาหัวเราะอย่างมีความสุขมากกว่าการร้องไห้เช่นนี้..หัวใจของเขาทนไม่ได้จริงๆ

“ตกลงครับ”

ประโยคสั้นๆ สามารถหยุดคนที่กำลังร้องไห้ได้ชะงัด เงยใบหน้าฉ่ำนองน้ำตาถามย้ำอีกครั้ง

“พี่เต้สัญญาจะเป็นบอดี้การ์ดให้หนูเล็กใช่ไหมคะ”

“ครับ”

ทันทีที่ได้ยินคำยืนยัน ร่างเล็กๆก็ผละจากบิดามากอดเขาแน่น

“หนูเล็กดีใจที่สุดเลยคะ”

เตชิตลูบศีรษะเล็กบอบบางที่ซุกซบ ยินดีที่เห็นรอยยิ้มสดใสนี้อีกครั้ง

อชิรลุกขึ้นยืนมองลูกสาว ซึ่งกำลังดีใจมาก เสียจนไม่สนใจสิ่งใดๆแล้ว ก่อนเลยสายตาไปยังลูกน้อง ซึ่งดูเหมือนจะมีความหนักใจเจืออยู่ในสีหน้า

“ขอโทษนะ ที่หนูเล็กเอาแต่ใจขนาดนี้..ตอนนี้อั๊วขอตัวเจ้าเต้มาอยู่ที่บ้านเป็นการชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน..พอหนูเล็กโตขึ้นอีกหน่อย เดี๋ยวเขาก็มีอะไรทำมากกว่านี้ คงไม่เกาะติดอยู่กับเจ้าเต้แล้วล่ะ”

“ครับ..” ตฤนตอบรับ และคิดเช่นเดียวกันกับผู้เป็นนาย ว่าลูกชายจะได้กลับบ้านในไม่ช้า

แต่ใครเลยจะรู้..ว่าถ้อยคำสัญญาด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ของเด็กสองคน จะกลายเป็นคำมั่นสัญญาผูกพันหัวใจทั้งสองดวงไปตลอดชีวิต.

.................................................................................

ติดตามบทสรุปได้ในภาค "ปรารถนาของหัวใจ" นะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ..ยังไงก็ช่วยอุดหนุนผลงานของนักเขียนกันหน่อยนะคะ ^_____^

หนังสือสามารถสั่งซื้อได้ที่ สนพ.กรีนมายด์ หรือโหลดอีบุ๊ค ได้ค่ะ

แต่หากอยากได้ลายเซนต์ สั่งซื้อกับคนเขียนได้เลยค่ะ..(เค้ารออยู่ อิอิ)

ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ //love



ระรินใจ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ธ.ค. 2560, 14:04:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ธ.ค. 2560, 14:04:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 815





<< ตอนจบ   
แมวเหมียวก้อย 25 ธ.ค. 2560, 22:15:14 น.
เมื่อไหร่ภาคสุดท้ายจะออกเป็นเล่มน้าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account