Vampireไพรเวทย์ ภาคราชาแวมไพร์
Vampireไพรเวทย์ ภาคราชาแวมไพร์ โอ้ราชาผู้งามสง่ามีดวงตาดุจนิลกาล ไพรเวทย์ เป็นป่าอยู่ระหว่างโลกมนุษย์เป็นเมืองลับแลที่มีหมู่บ้านชายล้วน มีปราสาทแวมไพร์มีเหมืองเพชรพลอยหินสีสวยงามล้ำค่าและสิ่งลึกลับอาถรรพ์มากมาย

* - เป็นเรื่องของยูชิยะกับราชาแวมไพร์ผู้ถ่ายทอดความเป็นแวมไพร์ให้
ยูชิยะมาจากเรื่อง... คืนค่ำร่ำพิศวาส

* - ราชาแวมไพร์มาจากเรื่อง... ป่าอาถรรพ์รัก

Tags: ไตรติมา, แฟนตาซี, แวมไพร์, ป่าอาถรรพ์, หนุ่มหล่อ, vampire,

ตอน: บทที่ 1


..........วัดต่างจังหวัดอย่างวัดดอนมีชุมชนคนแก่ชราอายุยืนอาศัยอยู่ร่วมกับลูกหลานเป็นอันมาก ถึงเวลาทุกชีวิตต้องลาโลกไปเป็นธรรมดาทางวัดจึงจัดงานศพบำเพ็ญกุศลได้ทุกวัน

เจ้าภาพท่านใดพอมีทุนทรัพย์ในการจัดงานศพเอิกเกริกมีหนังมีลิเกหรือวงดนตรีมาเล่นนั่นทำให้ชีวิตกลางคืนของชาวบ้านต่างจังหวัดได้มีสีสันคึกคักสนุกสนานแทนที่ความมืดเปล่าเปลี่ยว

ต่อเมื่อมหรสพจบลงหลังเที่ยงคืนทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านลาดจอดรถของทางวัดโล่งไม่เหลือรถสักคัน ถนนข้างวัดมืดด้วยต้นไม้ใหญ่ใบหนาเช่นต้นหูกวางแม้มีไฟทางยังไม่ช่วยส่องสว่างสักเท่าใด บรรยากาศกลับไปวังเวงเปลี่ยวเปล่าดังเก่าก่อนเคยเป็นมา จะเหลียวแลหาผู้ใดไม่มีสักคนได้ยินเพียงเสียงจักจั่นเรไรร้องระงมผสมเสียงสุนัขที่อาศัยอยู่วัดส่งเสียงยาวเห่าหอนอย่างโหยหวนรับกันเป็นระยะซึ่งใครเขาว่ากันว่าถ้าสุนัขหอนแสดงว่ามันเห็นผี!

ความมืดดำทะมึนสลับสุมทุมพุ่มไม้แวดล้อมรอบด้านชวนหลอนให้จิตหวาดระแวงนึกเหมือนเห็นมีเงาคล้ายคนตะคุ่มๆ จ้องมองมา

ชายหนุ่มผมสวยด้วยสีทองย้อมโกรกทรงซอยรากไทรผมหน้าม้าสลวยเงางามเป็นคนสุดท้ายที่เป็นเจ้าของรถกระบะคันเดียวที่เหลืออยู่ในลาดจอดรถมองไปรอบด้านอย่างหวาดหวั่นกับบรรยากาศชวนขนหัวลุก พื้นที่ด้านข้างลาดจอดรถถัดไปเล็กน้อยเป็นสถูปเจดีย์บรรจุกระดูกคนตายตั้งตระหง่านเรียงรายเป็นแถวเป็นแนวซึ่งไม่น่าก่อให้เกิดกลิ่นประหลาดคล้ายกลิ่นคาวเลือดสดอย่างในตลาดขายเนื้อหมูไก่แต่ชายหนุ่มได้กลิ่นเตะจมูกชัดเจน เพียงชั่วครู่หนึ่งกลิ่นนั้นกลับหายไปในฉับพลันอย่างไม่ทันรู้ที่มานั่นน่าแปลกให้สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่อง! นึกแค่นั้นพลันขนลุกซู่หายใจไม่ทั่วท้องเกิดอาการปอดแหกสายตาลอกแล่กมองซ้ายมองขวาดูว่ามีใครอยู่ใกล้แถวนี้หรือไม่เผื่อจะได้พอเป็นเพื่อนบ้าง ขณะเดินมาถึงรถของตนจึงกดรีโมทปลดล็อคพลางมือเอื้อมจะเปิดประตูรถ ให้ต้องสะดุ้งตกใจที่จู่ๆ ถูกตบบ่า

“ข้าจะนอนค้างบ้านเพื่อนขอตัวว่ะ ไปดีมาดีโชคดีเพื่อน ขับรถระวังล่ะ”

เพื่อนสนิทที่มาด้วยกันนั่นเองกล่าวอำลาอย่างหน้าตาเฉยไม่รอช้าแล้วหันหลังกลับจะเดินหนีไปในความมืดนั้น ตอนขามามาด้วยกันสองคนเพื่อร่วมงานสวดศพญาติเพื่อนเพิ่งเสียชีวิตแต่ขากลับจะต้องกลับคนเดียวมันให้ทำใจลำบากต้องขับรถลำพังในเส้นทางที่น่าหวั่นกลัว

“อ้าวเฮ้ย! กลับบ้านด้วยกันสิ”

เขาตะโกนลอยๆ ไล่หลังเพื่อนไปอยากให้เพื่อนกลับบ้านพร้อมกัน

คนกรุงเทพฯ สมัยใหม่คงไม่รู้ว่าชาวบ้านสมัยก่อนเขาห้ามทักยามดึกดื่นไม่ว่าจะได้ยินได้เห็นหรือได้สัมผัสสิ่งแปลกประหลาดอันใดก็ตาม เนื่องจากนั่นอาจเป็นของไม่ดีที่สายตามนุษย์ธรรมดาสามัญมองไม่เห็นแต่มันมีจริงจะทำอันตรายได้อย่างใหญ่หลวงหรือมีพิษภัยที่คาดไม่ถึง เช่นเดียวกับการชวนใครกลับบ้านด้วยกันในที่มืดเปลี่ยวโดยไม่ระบุชื่อเฉพาะเจาะจงย่อมเป็นภัย ไม่รู้ว่าใครจะกลับมากับคุณด้วยซึ่งสิ่งนั้นคุณมองไม่เห็นด้วยดวงตาของมนุษย์ธรรมดา!

“ข้าเพิ่งเจอกิ๊กเก่าจะให้เอ็งค้างคืนด้วยก็ไม่ได้โทษที่เพื่อน เอ็งกลับกรุงเทพฯ ไปคนเดียวเหอะ”

เพื่อนจึงหันกลับหลังเดินมาพูดด้วยเสียงเบา

“ซวยแล้วเพื่อนเสือกทิ้งกันได้ลงคอ นี่มันเที่ยงคืนบรรยากาศแถวนี้โคตรน่ากลัวหวีดสยองว่ะ ข้าจะขับรถกลับคนเดียวไงไหววะ”

“ปอดแหกไปได้ ขับไปตามถนนข้างวัดไม่เกินกิโลก็ถึงถนนใหญ่จะกลัวอะไรวะใกล้แค่นี้ไม่ทันมีผีมาหลอกเอ็งหรอก”

“เฮ้ยอย่าพูดถึงนั่น... ข้ากลัวอยู่”

เสร็จจากการล่ำลาจึงจำใจกล้ำกลืนฝืนข่มความหวาดกลัวต้องขับรถออกมาตามถนนสายเปลี่ยวมืดครึ้มข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ ทั้งที่หายใจหายคอไม่เต็มปอดใจแป้วฝ่อขอภาวนาในใจอย่าได้เจออะไรพิลึกพิลั่นอกสั่นขวัญหายเพราะอาจหัวใจวายตายได้โดยไม่ต้องเป็นโรคหัวใจมาก่อน

ถนนคดเคี้ยวเลี้ยวมุมกำแพงวัดทำให้เร่งความเร็วสุดสปีดไม่ได้อย่างใจนึกอยากให้ถึงถนนในเร็วพลัน ขับรถมาได้ประเดี๋ยวเดียวจู่ๆ ได้ยินเสียงเหมือนของหนักขนาดใหญ่ตกใส่บนหลังคารถเสียงดังโครมครามทำให้ตกใจที่สุดต้องจอดรถกะทันหัน!

“อะไรวะ”

พลางบ่น กลัวก็กลัวไม่กล้าเปิดประตูรถลงไปดูในช่วงถนนทั้งมืดมากห่างจากเสาไฟฟ้าโขจึงนั่งลังเลอยู่ในรถชั่วครู่ แล้วให้ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อมีเงาดำมืดเหมือนศีรษะคนห้อยหัวลงมาหน้ากระจกรถโดยไม่สามารถมองเห็นใบหน้าลักษณะไม่ใช่ผู้หญิงแน่เหมือนหัวโล้นไม่มีเส้นผมยาว

“เฮ้ย! นั่นอะไร”

เพียงแค่แวบเดียวที่เห็นเงานั้นกลับหดหายไป ชายหนุ่มถึงกับขวัญกระเจิงต้องปลุกพระอาจารย์พระห้อยคอพระผงตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาคุ้มครองด้วยการสวดมนต์ปากคอสั่นมือไม้สั่นไปหมดทั้งสวดผิดสวดถูกมั่วซั่ว ถึงตอนนี้สุดขีดความกลัวขึ้นมากระจุกตัวจับขั้วหัวใจ

“แกร๊กกกก....”

เสียงเหมือนโลหะโดนครูดกรีดจากของแข็งบางอย่างที่มองไม่เห็น ชายหนุ่มให้สะดุ้งสุดตัวในใจหวาดกลัวจนบรรยายไม่ถูกเงยหน้าแหงนมองจ้องขึ้นไปบนหลังคา เห็นหลังคารถถูกเจาะค่อยทะลุแหวกออกโลหะแข็งแยกจากกันเป็นช่องโดยไม่ทราบว่าวัตถุใดทำให้แยกออกไปขนาดนั้นแต่แสดงว่ามันต้องแข็งแกร่งมีแรงกระทำมากขนาดเจาะโลหะให้ฉีกออกจากกันได้

อย่างกับฝันร้ายสยดสยองเมื่อเห็นช่องของหลังคาที่เปิดออกนั้นเหมือนมีเงามือสีดำมืดพุ่งลงมาในฉับพลันไม่ทันให้ได้หลบหนี แล้วรู้สึกลำคอของตัวเองโดนกรีดปาดให้เจ็บแปลบสุดชีวิต เลือดพุ่งกระจายแดงฉานท่ามกลางความมืดละอองน้ำเลือดมนุษย์กระเด็นเลอะเกาะกระจกหน้ารถเต็มไปด้วยเลือดทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสาย ...คือภาพสุดท้ายในชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง!

“อ้ากกก...”

เสียงร้องดังลั่นโหยหวนที่ไม่มีใครได้ยินบนทางสายเปลี่ยวด้านหลังป่าช้าวัดดอนและสายลมได้โหมพัดเสียงสุดท้ายให้กระจายหายไปในอากาศแปรปรวน ชายหนุ่มเสียชีวิตคาที่ไปเสียก่อนจะได้รับรู้ว่าในนาทีต่อมาหนังศีรษะจะถูกถลกออก ผมสีทองสวยงามนั้นถูกกระชากดึงให้หลุดออกไปจากศีรษะของเขา

“อ่าาา... ได้มาเป็นของข้าแล้ว”

เสียงแหบเบาต่ำเกินขีดความสามารถทางโสตประสาทของมนุษย์จะได้ยิน ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นมันคืออะไร?



..........‘บ้านโองาว่า’ ตึกเล็ก เป็นบ้านทรงไทยสองชั้นครึ่งบนไม้สักระเบียงลูกกรงแกะสลักครึ่งล่างตึกปูนสีขาวเป็นที่อยู่อาศัยของชายหนุ่มรูปหล่อสง่างาม

ยูชิยะ ลูอิส สูงโปร่งด้วยส่วนสูง 178 เซนติเมตร ผิวขาวใบหน้าเล็กเรียวกว่าชายหนุ่มทั่วไปในกรอบรูปไข่ดวงตาสวยงามคู่นี้มีแววคมหวานซึ้งประดับด้วยขนตายาวงอนงามชนิดที่หญิงสาวอยากมีแพขนตางามเช่นชายหนุ่มอย่างเขา จมูกใหญ่และโด่งกำลังสวยริมฝีปากบางค่อนข้างกว้างหากแต่ได้รูปงามปลายคางแหลมดูโดยรวมใบหน้านั้นหล่อสะอาดสะอ้านมีเสน่ห์ชวนมอง ยิ่งยามแย้มยิ้มจะได้เห็นเขี้ยวเสน่ห์ข้างซ้ายสะกดสายตาพาให้ใครต้องหลงเผลอเหม่อจ้องมอง เขาแค่เคยเป็นมนุษย์เมื่อนานมาแล้วแต่ไม่ใช่ปัจจุบันนี้ที่ไม่ใช่มนุษย์!

กลางดึกมักเป็นเวลาเหมาะมากสำหรับการออกไปท่องราตรี ได้กลิ่นอายไม่ดีลอยมาจากที่ไม่ห่างไกลละแวกบ้านใกล้วัดดอนแม้ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นของอะไรแต่สิ่งนั้นมีอันตรายร้ายแรงแฝงอยู่ปะปนกลิ่นคาวเลือดสดของมนุษย์

ยูชิยะตามกลิ่นอายนั้นไปถึงหลังป่าช้าวัดดอนเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางถนนร้างสัญจรในเวลาจวนตีหนึ่ง รู้ว่าคนขับรถเพิ่งตายได้สักครู่กลิ่นคาวเลือดสดหอมหวานยั่วยวนให้ใคร่กระหายดื่มกิน แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจหมายกลับได้ยินเสียงสรรเสริญเยอยอในความหล่อของตัวเขาให้ได้ปลื้มใจเสียก่อน

“โอ้... ท่านช่างเป็นหนุ่มรูปงามเหลือเกิน”

เสียงแหบเบาต่ำที่ยูชิยะได้ยินแม้รู้โดยสัญชาตญาณว่านั่นไม่ใช่เสียงมนุษย์ยังทำให้เขาเผลอยิ้มยอมรับจนเผยเขี้ยวเสน่ห์

“ฟันของท่านช่างเงางามมีเสน่ห์ยิ่งนัก ข้าอยากได้...”

ยูชิยะหันไปมองตามแหล่งที่มาของเสียงนั่นทำให้ช็อก!

เงาสีดำคล้ายคนมีผมสีทองสลวยรูปร่างราวแท่งรูปปั้นสีดำไม่มีใบหน้าไม่มีชุดเสื้อผ้า ...นั่นไม่ใช่มนุษย์แน่!




ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2560, 20:38:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2560, 20:38:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1020





   บทที่ 2 >>
ไตรติมา 19 ธ.ค. 2560, 20:40:31 น.
แนะนำอีบุ๊กนิยายแนวแฟนตาซีที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Vampireไพรเวทย์
https://www.mebmarket.com/ebook-43674-คืนค่ำร่ำพิศวาส
https://www.mebmarket.com/ebook-48481-ป่าอาถรรพ์รัก_Boys-Love
หาอ่านเพิ่มเติมได้ >>
http://www.tunwalai.com/story/202832/vampireไพรเวทย์-ภาคราชาแวมไพร์
https://www.readawrite.com/a/e45b0df3fca2c040d4c919beda429007
http://www.niyayrak.com/novels/vampireaiphrewthy
กดไลค์เพจ - ติดตามอัพเดท >> https://www.facebook.com/oranamarinlove


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account