Vampireไพรเวทย์ ภาคราชาแวมไพร์
Vampireไพรเวทย์ ภาคราชาแวมไพร์ โอ้ราชาผู้งามสง่ามีดวงตาดุจนิลกาล ไพรเวทย์ เป็นป่าอยู่ระหว่างโลกมนุษย์เป็นเมืองลับแลที่มีหมู่บ้านชายล้วน มีปราสาทแวมไพร์มีเหมืองเพชรพลอยหินสีสวยงามล้ำค่าและสิ่งลึกลับอาถรรพ์มากมาย

* - เป็นเรื่องของยูชิยะกับราชาแวมไพร์ผู้ถ่ายทอดความเป็นแวมไพร์ให้
ยูชิยะมาจากเรื่อง... คืนค่ำร่ำพิศวาส

* - ราชาแวมไพร์มาจากเรื่อง... ป่าอาถรรพ์รัก

Tags: ไตรติมา, แฟนตาซี, แวมไพร์, ป่าอาถรรพ์, หนุ่มหล่อ, vampire,

ตอน: บทที่ 2


..........มนุษย์ธรรมดาถ้าได้เจอผีมีหวังวิ่งหนีไม่คิดชีวิตด้วยอัตราเร็วเร่งสุดสปีดอย่างมากประมาณร้อยเมตรในสิบกว่าวินาทีแต่ยูชิยะหนีเร็วกว่าเพียงแค่กระพริบตาเขาวิ่งถึงหน้าถนน แต่คุณพระช่วย! เจ้าสิ่งนั้นมันดันเร็วกว่าดักสกัดหน้าในระยะประชิดใบหน้าแทบแนบติดใบหน้า หากเป็นมนุษย์ธรรมดาอาจช็อกจนสิ้นสติไปแล้วขนาดตัวเขาเองยังยอมรับว่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดในชีวิตไม่คิดว่าจะเจอมาก่อน

ยูชิยะไม่ชะงักช้านานในฉับพลันรีบหนีให้ห่างไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรชั่วเวลากระพริบตาเช่นกันแต่ทว่าหารอดพ้นการติดตามจากเจ้าสิ่งที่น่าสะพรึงนั้นไม่

“เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก”

เสียงอย่างยานคางแหบเบาต่ำบอกอย่างย่ามใจดูเหมือนว่ามันประเมินฝ่ายตรงข้ามตามฤทธิ์เดชได้ทันกัน มันไม่ใช่อมนุษย์กระจอกแน่!

นั่นสร้างความตื่นตระหนกให้กับยูชิยะอีกไม่รู้กี่เท่า ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาเวลาคับขันหวั่นกลัวภยันตรายจะนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือสำหรับยูชิยะเช่นกันเขานึกถึงที่พึ่งที่ระลึกเดียวที่เขายึดถือเสมอมา นามนั้นคือ... โรมมี่

“โรมมี่... ท่านอยู่หนใดข้าเอ่ยนามท่านจงโปรดรับข้านำพาไปพบท่านด้วยเถิด”

เอ่ยนามผู้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจพร้อมตั้งมั่นในดวงจิตอธิษฐานพร้อมกันนั้นได้กลายร่างเป็นค้างคาวตัวเล็กสีดำบินหนีสิ่งที่หวั่นกลัว แต่นั่นยิ่งเพิ่มความหวีดหวิวหวาดกลัวแทบสิ้นชีวิตหัวใจวายตายแน่หากเป็นมนุษย์ ยูชิยะได้เห็นเงาร่างกายสุดสยองนั้นขยายใหญ่ยิ่งขึ้นคล้ายเงาหมอกควันสีดำทะมึนสูงใหญ่กว่าตึกยี่สิบชั้น! มันพยายามวิ่งไล่ตามค้างคาวตัวเล็กอย่างเขาในระยะกระชั้นชิดติดตามทัน

ช่วงเสี้ยววินาทีไม่ทันกระพริบตายูชิยะให้รู้สึกเหมือนมีมืออบอุ่นกอบกำร่างค้างคาวของตัวเขาทำให้วูบวับหายลับไปในอากาศธาตุ

“ค้างค้าวผี... ข้าบินไม่ได้ถ้าได้กินเจ้าเข้าไปข้าจะบินได้ แล้วเราคงได้เจอกันอีก ข้าจะเฝ้ารอเจ้า...”

เสียงแหบต่ำรำพึงเพียงลำพังท่ามกลางความเงียบมืดดึกดื่นด้วยความแสนเสียดาย



..........มวลหมู่ปราสาทยอดแหลมโอฬารตระการตาด้วยความสวยงามตามอย่างในเทพนิยายกรีกที่ได้ประจักษ์อยู่ต่อหน้าทำให้ยูชิยะยืนมองทึ่งตะลึงงงงันตระหนักรู้ในบัดดลว่า ณ ที่แห่งนี้ที่เขายืนอยู่หาใช่โลกมนุษย์ไม่!

ปนาลีหรือมังกรการ์กอยล์ (Gargoyle) หินแกะสลักเป็นรูปอัปลักษณ์ประดับตกแต่งทางสถาปัตยกรรมศิลปะแบบกอธิคในยุโรป ยูชิยะเคยพบเห็นบนวิหารนอเตอร์ดามประเทศฝรั่งเศสที่ผ่านมามันเป็นแค่รูปสลักธรรมดา แต่เจ้าสิ่งที่อยู่ต่อหน้ามีสองตัวนั่งยองๆ ขนาบข้างดังคอยเฝ้าคุ้มครองประตูทางเข้าปราสาท ที่น่าตกใจตรงดวงตาของมันส่องแสงสีแดงปีกของมันค่อยกางออกอย่างแผ่อำนาจราวกับโกรธ แยกเขี้ยวส่งเสียงคำรามให้คร้ามเกรงกลัว ยิ่งทำให้ประหวั่นพรั่นพรึงขนาดหนักทั้งที่เพิ่งเจอกับสิ่งที่หวาดกลัวมาแล้วกลับต้องมาเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กัน ยูชิยะเคยมั่นใจว่าตนเองเป็นอมตะไม่มีวันตายแต่ตอนนี้อกสั่นขวัญหายให้กลัวตายขึ้นมาสุดขีด

เสียงคาริเนตดังแว่วกังวานขับขานไพเราะกล่อมมังกรการ์กอยล์ให้หยุดเกรี้ยวกราดชะงัดนักดั่งเสียงสั่งจากสรวงสวรรค์

เสียงไพเราะนั้นพลอยช่วยให้ยูชิยะที่กำลังตกใจคลายความตื่นตระหนกไปพร้อมกันด้วย

“หยุดก้าวร้าวผู้มาเยือนเถิดพวกเจ้า”

เสียงกังวานสั่งการ์กอยล์ทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายธรรมดาหาใช่สั่งอย่างผู้วางอำนาจไม่

ยูชิยะหันไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงสง่ารูปงามล้ำเลอเลิศให้มองเพลิดเพลินตาส่วนสูงโดยประมาณ 181 เซนติเมตร ผิวพรรณกระจ่างใสเนียนนวลผ่องผุดราวหลุดออกมาจากโลกเสมือนจริงเฉกเช่นเกมส์กราฟิก 3D ผมทรงเสยสีทองอ่อนคิ้วคมเฉียงชี้ดวงตารีมีขนตายาวโดดเด่นด้วยนัยน์ตาสีเทาเข้มเหลือบประกายม่วงน้ำเงินแววตาอบอุ่นอ่อนโยนสันจมูกตรงเรียวปากหยักได้รูปคางแหลมใบหน้าเรียวอยู่ในกรอบรูปไข่เพ่งพินิจให้ดีดูจะละม้ายคล้ายผู้ที่เขายึดถือเป็นที่พึ่งที่ระลึกแห่งจิตใจนั่นเอง

“กลิ่นอายของเจ้าไม่ใช่พวกผีดิบเกิดใหม่ มันมีพลังเวทย์เจือปนเจ้าเป็นแวมไพร์ผู้มีฤทธิ์เดชใครเชื้อเชิญเจ้าเข้ามายังสถานที่แห่งราชา เหนือพื้นดินร้อยโยชน์ต่ำใต้ดินร้อยโยชน์มีกำแพงเวทย์ปกปักรักษาอาคันตุกะแปลกหน้าไม่น่าผ่านพ้นกำแพงเวทย์เข้ามาได้ เจ้าเป็นใคร”

“ผมชื่อ ยูชิยะ จากโลกมนุษย์หลุดเข้ามาที่นี่ได้ยังไงผมไม่เข้าใจเหมือนกันครับ”

“อืม... เจ้าเป็นมนุษย์ยุคปัจจุบันสินะ ข้าชื่อ ลอเร็น เป็นอนุชาของโรมมี่”

ลอเร็นกล่าวรำพึงเขารู้จักโลกมนุษย์พร้อมทั้งภาษาศิลปะวิทยาการในยุคต่างๆ ด้วยความยืนยาวแห่งอายุขัยของเขายาวนานเกินประมาณได้จากผู้ต่ำชั้นเวทย์กว่ากันอย่างยูชิยะ

“ยูชิยะสหายแห่งข้า เชิญเจ้าเข้ามาข้างในนี่สิ”

เสียงสั่งกังวานไกลเปี่ยมพลังอำนาจนั้นพาให้หันไปมองตามต้นเสียงมาจากภายในประตูปราสาทที่เมื่อครู่ยังดูมืดมิด สายลมเย็นยะเยือกพัดออกมาจากต้นทางนั้นวูบหนึ่งพร้อมกับกลิ่นหอมชวนพิศวงน่าหลงใหล

“นี่คุณ! คือราชาแวมไพร์หรอกเหรอเนี่ย”

ยูชิยะให้ประหลาดใจ... ยืนทึ่งตะลึงมองราชาผู้งามสง่าทรงพลังอำนาจบารมีเป็นที่ยิ่ง

ทรงชุดสีดำเลื่อมอย่างนักรบผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่นั้นเป็นมันเลื่อมแวววาวสีทองส่องสว่างเปล่งประกายขึ้นมาท่ามกลางความมืด ช่างสง่างามนักร่างสูงใหญ่ไม่ต่ำกว่า 184 เซนติเมตรสีผิวปานกลางออกโทนสีน้ำผึ้ง ปลายหางคิ้วชี้เฉียงขึ้นดวงตาดำสีคล้ำเข้มดุจนิลกาลเปลือกตาสองชั้นแววตาหวานซึ้งยวนเสน่ห์เหมือนมีมนต์ชวนมองจ้องจมูกโด่งคมสันเรียวปากไม่กว้างไม่แคบดูเหมาะสมกลมกลึงเข้ากับปลายคางค่อนข้างแหลมส่งให้ใบหน้าเพรียวเรียวดูโดยรวมหล่อมากมาดแมนสมชายฉกรรจ์

“คงเพราะเจ้ายังมีพลังเวทย์ไม่เทียบเท่าข้าจึงไม่อาจหยั่งรู้ลึกในภูมิแห่งข้า ถูกแล้วสหายข้าคือราชาแวมไพร์แห่งไพรเวทย์มีอำนาจอยู่เหนือมวลหมู่ปราสาทผีดิบมีผีดิบเป็นบริวารแต่ตัวข้าหาใช่ผีดิบไม่”

นั่นเองยูชิยะถึงหายคลายข้อข้องใจว่าทำไมราชาแวมไพร์กับอนุชาถึงมีแววตาแปลกแตกต่างจากพวกผีดิบที่ไม่มีแววตา

โรมมี่หันหลังเดินนำหน้าผายมือโบกพาให้ผ้าคลุมไหล่พลิ้วไหวไปพาให้แท่งเทียนที่ปักอยู่ในเชิงเทียนทองคำเรียงรายสองข้างทางเดินส่องแสงติดไฟขึ้นมา แต่ดูรู้ว่าเป็นไฟจากพลังเวทย์แห่งราชาเพราะเปลวเทียนไม่สะบัดไหวไปตามแรงลม

“ตามข้ามา...”

.



ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ธ.ค. 2560, 16:37:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ธ.ค. 2560, 16:37:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1071





<< บทที่ 1   บทที่ 3 >>