Vampireไพรเวทย์ ภาคราชาแวมไพร์
Vampireไพรเวทย์ ภาคราชาแวมไพร์ โอ้ราชาผู้งามสง่ามีดวงตาดุจนิลกาล ไพรเวทย์ เป็นป่าอยู่ระหว่างโลกมนุษย์เป็นเมืองลับแลที่มีหมู่บ้านชายล้วน มีปราสาทแวมไพร์มีเหมืองเพชรพลอยหินสีสวยงามล้ำค่าและสิ่งลึกลับอาถรรพ์มากมาย

* - เป็นเรื่องของยูชิยะกับราชาแวมไพร์ผู้ถ่ายทอดความเป็นแวมไพร์ให้
ยูชิยะมาจากเรื่อง... คืนค่ำร่ำพิศวาส

* - ราชาแวมไพร์มาจากเรื่อง... ป่าอาถรรพ์รัก

Tags: ไตรติมา, แฟนตาซี, แวมไพร์, ป่าอาถรรพ์, หนุ่มหล่อ, vampire,

ตอน: บทที่ 3


..........ย่างเท้าก้าวเข้าไปภายในปราสาท ผนังสีดำทำจากหินแกรนิตเจียรเนียนเรียบราวกับกระจกเงา เพิ่มความลึกลับดำมืดสะท้อนทุกอิริยาบถการเคลื่อนไหว คล้ายดั่งมีระลอกคลื่นวิญญาณร้ายแอบแฝงซุกซ่อนอำพรางในเงาไล่ตามติด หลอนทุกย่างก้าวที่เดินไปบนพื้นเซรามิกลวดลายวิจิตร ทั้งงดงามแฝงด้วยความน่าหวั่นกลัว

จนกระทั่งถึงหน้าประตูบานใหญ่ประดับด้วยหุ่นปูนปั้นสีเทามอซอของสาวงามเปลือยเปล่าหุ่นดี มีสองนางขนาบข้างบานประตูดูสวยแต่น่าสะพรึงให้เสียวสันหลังเย็นวาบ ดวงตาถมึงทึงจ้องมองอย่างกะจะกินเลือดกินเนื้อเหมือนดวงตาปีศาจส่องแสงออกมาวาบหนึ่ง ยูชิยะถึงกับผงะ!

โรมมี่มีภูมิหยั่งรู้ถึงจิตใจภายในของยูชิยะ จึงพูดในเชิงปลอบขวัญ

“มันเป็นแค่หุ่นปั้นเท่านั้น ลูกนัยน์ตาที่เห็นน่ากลัวนั่นทำมาจากแก้วคริสตัลเลยดูเหมือนมีชีวิต ที่จริงมันมีวิญญาณร้ายกระหายเลือดสิงสู่ แต่เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอก พวกวิญญาณร้ายเหล่านี้เป็นบริวารของข้า มันจะไม่ทำอันตรายถ้าข้าไม่สั่ง”

ยูชิยะฟังคำอธิบายสรุปได้ว่านั่นคือ หุ่นปั้นผีสิง!

ความรู้สึกไม่ดีขึ้นเลยแม้ตนเองจะมีความเป็นอมตะไม่ใช่มนุษย์ แต่ยอมรับว่าหวั่นหวาดกับสิ่งมองไม่เห็นที่แฝงเร้นพลังงานชั่วร้าย

และแล้วโสตประสาทสัมผัสของยูชิยะพาให้ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนมีใครสักคนเดินในที่ไกลๆ อย่างกับในถ้ำเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนอื้ออึง เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นต้นตอของเสียงว่ามาจากแหล่งใด

โถงทางเดินสองข้างทางยาวไกลเปลี่ยวว่างเปล่าราวไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ ที่นี่คือปราสาทผีดิบนี่นะจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร แต่เสียงที่ได้ยินนั้นมันคืออะไร ยูชิยะขมวดคิ้วสงสัย

โรมมี่เอื้อมมือไปหมายจะผลักประตูเพื่อเปิดผ่านเข้าไปยังห้อง แล้วมีเหตุให้ต้องชะงัก หางตาชำเลืองชายตาแล

“กรี๊ดดด...”

เสียงหวีดร้องของผู้หญิงดังก้องสะท้อน เหมือนเสียงจากโถงถ้ำแว่วมาจากในที่ไกลๆ

“เจ้ายักษ์เล็กทำฤทธิ์อีกละสิ”

ลอเร็นบ่นพึมพำให้พอได้ยินด้วยกัน

“ครืดดด...”

เสียงแผ่นหินแกรนิตสีดำเลื่อนขึ้นเป็นช่องสี่เหลี่ยมข้างผนังห้องไม่ห่างจากประตูที่ทั้งสามยืนอยู่

สิ่งที่พรวดพราดออกมาอย่างเร็วไวดูไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กคนหนึ่ง ตัวเตี้ยมากในระดับก้มมองราวเมตรเศษ

“ข้าได้กลิ่นอาคันตุกะแปลกๆ เลยรีบมาดู”

เสียงเด็กเอื้อนเอ่ย พลางผลุนผันตรงมายังยูชิยะยืนอยู่ แล้วแหงนหน้าคอตั้งบ่าจ้องมอง

ยูชิยะเห็นเป็นเด็กเล็กหน้าตาน่ารักผิวขาวกระจ่างมาก ใบหน้ายิ้มแก้มอิ่มออกชมพูระเรื่อ ปากบางแดงจิ้มลิ้ม หากนึกว่าเป็นเด็กหญิงต้องผิดคาดถนัดใจ

“ยักษ์เล็กเจ้าเด็กซน เจ้าฝ่าฝืนกฎ เข้าไปเล่นกับพวกนางผีดิบรับใช้ ทางเดินต้องห้ามมีไว้ใช้สำหรับทำงานของเหล่าข้าทาสบริวารนั่นไม่คู่ควรฐานะเจ้าชายของเจ้า”

ลอเร็นกล่าวตำหนิโอรสของเชษฐา เกี่ยวดองเป็นหลานลอเร็นนั่นเอง

ยูชิยะเพิ่งเข้าใจว่าเหตุใดภายในปราสาทถึงดูเปลี่ยวร้างไม่มีเงาของผู้ใดเลย ที่แท้มีทางเดินลับสำหรับพวกผีดิบทาสรับใช้แยกต่างหาก จึงไม่มีผู้ใดเดินเพ่นพ่านปะปนกับผู้เป็นเจ้านายชั้นสูง

“ข้าไม่สนกฎ กฎมีข้อยกเว้น ยกเว้นเฉพาะข้า ถึงอย่างไรท่านพ่อคงไม่ทำโทษข้า เพราะข้าเป็นเด็กดีเนอะท่านพ่อ”

โรมมี่เม้มปากมองดูโอรสแห่งตนอย่างนิ่งดูดาย ใบหน้างดงามอย่างราชานั้นน่าเกรงขาม ทำให้ผู้ใดที่ได้มองต้องให้ความเกรงใจ แต่นั่นไม่ใช่กับโอรสแห่งราชาผู้ไม่เกรงกลัวสิ่งใด

ผู้ที่ดูเหมือนเด็กน้อยน่ารักพลันหันขวับกลับมา เพ่งความสนใจอยู่ที่ยูชิยะอีกครั้ง

“ข้ารู้ข้าเห็น... เจ้าเป็นแวมไพร์อารมณ์ดี เชื่อว่าเจ้าจะต้องเป็นเพื่อนเล่นกับข้าได้ ไม่เหมือนพวกผีดิบแข็งทื่อตัวเย็นชืดน่าเบื่อพวกนั้น”

จู่ๆ ยูชิยะให้ตกอกตกใจ เมื่อโดนเด็กตัวเล็กอ้อมมาข้างหลังแล้วกระโดดเกาะบั้นเอวแน่น ดึงรั้งด้วยแรงมากมายมหาศาลผิดกับร่างกายของเด็กลิบลับ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เด็กมนุษย์ แต่หาใช่เป็นแวมไพร์อย่างผู้เป็นบิดาไม่

“เจ้าชายจะพาผมไปไหน”

ยูชิยะเอ่ยปากถามใจคอไม่ดี ไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง หลังจากไม่อาจขัดขืนแรงแห่งเจ้าชายประหลาดตนนี้ โดนลากดึงออกมาย้อนทางเดิมที่เพิ่งเดินผ่าน ออกไปนอกปราสาทท่ามกลางความมืดมิดแห่งราตรีกาล

ซึ่งบัดนี้มังกรการ์กอยส์หน้าประตูปราสาทสงบนิ่งดุจประติมากรรมดูไม่มีพิษสงแล้ว

“ไปเที่ยวสิ ไปเหอะ”

“หา! ย้ากกก...”

ยูชิยะส่งเสียงดังตกใจ โดนเจ้าชายเด็กเกาะติดบั้นเอวไม่ปล่อย

เจ้าชายเด็กกระโดดขึ้นสูงลิบ สยายปีกกว้างใหญ่แผ่ออกให้เห็นเป็นสีดำมันเลื่อมวาววับเหินฟ้าด้วยความเร็วตามแรงกระพือปีก ปีกนั้นคล้ายปีกค้างคาวยักษ์

ราชาแวมไพร์กับลอเร็นอนุชาติดตามออกมาสังเกตการณ์

“เลยไม่ต้องรู้เรื่องกันพอดี ว่าแต่ยูชิยะมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใดหรือพี่โรมมี่”

ลอเร็นกล่าวถามกับโรมมี่เชษฐาแห่งตน

แต่โรมมี่ยังไม่ทันตอบข้อกังขาแห่งอนุชา สายตาพลันเหลือบแลเห็นวิญญาณหญิงสาวแสนสวยใส่ชุดสีแดงสดยืนอยู่ ณ สวนดอกไม้ มีเรือนกายส่องรัศมีเรื่อเรืองอยู่ในความมืด

“นาเนียร่า... ชายาแห่งข้า”

ลอเร็นมองตาม รู้จักวิญญาณของนางเป็นอย่างดี

“นางคงกำลังได้รับกระแสบุญกุศลที่แผ่เมตตาออกมาจากพระผู้ทรงฌานแก่กล้าผู้นั้น”

“พี่เองยังรู้สึกถึงพลังบุญที่ส่งมาจากพระผู้นั้นเหมือนกัน”

โรมมี่หลับตาพริ้ม เงยหน้ารับพลังเย็นสบายที่ส่งผ่านมาตามสายลม





ไตรติมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2561, 20:41:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ม.ค. 2561, 20:41:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 747





<< บทที่ 2