พนาพร่ำรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อ 'พนสณฑ์' ทายาทเจ้าสัวพันล้าน ถูกกลั่นแกล้งให้รับมรดกเป็นที่ดินรกร้าง พร้อมเงื่อนไขต้องสร้างเงินล้านให้ได้ภายในปีเดียว แถมยังพ่วงเมียขัดดอก ลูกสาวนักพนันมาด้วย จะไหวไหมงานนี้...
***************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดจ้า เพราะพ่อสณฑ์ของเราถึงแม้จะเป็นพระเอกสายโหด แต่ขยัน ‘รัก’ เมียสุดหัวใจ พ่วงด้วยความฮาแบบชาวบ้านตามท้องไร่ท้องนา บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
**************
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์
(หนังสือพร้อมส่ง)
ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 369฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
***************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดจ้า เพราะพ่อสณฑ์ของเราถึงแม้จะเป็นพระเอกสายโหด แต่ขยัน ‘รัก’ เมียสุดหัวใจ พ่วงด้วยความฮาแบบชาวบ้านตามท้องไร่ท้องนา บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
**************
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com และร้าน booksforfun
-สั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงโดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์
(หนังสือพร้อมส่ง)
ราคา 329฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 369฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
**แบบ eBook มีวางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket**
Tags: แบดบอย ทายาทเศรษฐี ลูกสาวนักพนัน เมียขัดดอก น่ารัก ละมุน คู่ชีวิต ท้องไร่ท้องนา
ตอน: บทที่ 9 - 80%
ดึกแล้ว พนสณฑ์ยังไม่โทร.กลับมาหา รุจิรัตน์คิดหาอะไรทำแก้ง่วง หล่อนค้นหาเสื้อผ้าทำงานของเขา ตัวที่ใส่ขับรถขนมันไปในวันที่เกิดเรื่อง หล่อนซักจนสะอาดดีแล้ว แต่มันมีรอยขาดที่ข้อศอกและหัวไหล่ หล่อนหยิบเข็มกับด้ายมานั่งสอยเย็บเสื้อให้เขา ตาเหลือบมองโทรศัพท์อยู่เป็นระยะ
“โฮ่งๆ”
เสียงแม่แดงเห่าดังมาจากราวรั้วห่างจากกระท่อม บางทีเวลามีสัตว์เล็กๆ หลงเข้ามา แม่แดงก็เห่าเป็นวรรคเป็นเวร รุจิรัตน์ไปส่องดูที่หน้าต่าง เห็นหลังแม่แดงวิ่งไปวิ่งมาไวๆ เสียงดังห่างออกไปทางประตูรั้วหล่อนส่องไฟฉายกราดออกไปแต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ
รุจิรัตน์ส่ายหน้า ขืนแม่แดงเห่านกเห่าหนูแบบนี้ทั้งคืน คนงานคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันล่ะ
“แม่แดง กลับมานี่ แม่แดง”
หล่อนออกไปป้องปากเรียกแม่แดง...ที่ระเบียงเรือน...เงียบสนิท
ไปไหนนะ แต่ก็ยังดีที่ไม่เห่าแล้ว หล่อนนึก เดินกลับเข้าไปในห้อง นอนพร้อมปิดประตูลงกลอนแน่นหนาลงมือซ่อมแซมเสื้อผ้าให้สามีและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้วความเงียบสงบของบ้านไร่ก็หมดลงเมื่อเกิดเสียงแผดก้องกัมปนาทหนึ่งดังขึ้น
ตูม!
“อะไร เสียงอะไร” หล่อนโผไปเปิดประตูออกไปนอกห้อง หล่อนกวาดสายตาไปรอบๆ แว่วเสียงคนงานร้องโหวกเหวก หนึ่งในนั้นเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ช่างสมชัยวิ่งกระหืดกระหอบมาหาหล่อน ปากร้องเรียกมาแต่ไกล
“นายหญิง นายหญิงอยู่ไหนครับ เป็นอะไรหรือเปล่า เครื่องปั่นไฟเครื่องใหญ่ของเราถูกวางระเบิด แหลกไม่เหลือดี สมบัติเจ็บ” เสียงสมชัยดังมาก่อนตัว ใบหน้ามันไปด้วยเหงื่อเต็มไปด้วยความเครียดเขม็ง ไฟฉายกราดขึ้นเรือนมา
“อะไรกัน สมบัติเป็นอะไรมากไหมพี่ชัย” รุจิรัตน์ตวัดเสื้อแขนยาวของสามีที่ยังซ่อมไม่เสร็จดีขึ้นสวมทับชุดนอน ก่อนจะวิ่งลงเรือน สาวเท้าตามสมชัยไปที่บ้านพักคนงาน
“ลุงพร้อมกับสามารถพาไปโรงพยาบาลแล้วนายหญิง มาดูนี่เถอะครับ” นายช่างชดตวัดไฟฉายไปที่ซากของเครื่องปั่นไฟขนาดสามหมื่นวัตต์ที่ถูกแรงระเบิดอัดจนตัวเครื่องแตกกระจุย กลิ่นน้ำมันฉุนจัด ข้างๆ มีกองเลือดสดๆ กองหนึ่ง
“ใครทำ” รุจิรัตน์เม้มริมฝีปากแน่น
“มืออาชีพครับ ต่อสายไว้พอเราสตาร์ตก็จะระเบิดทันที ตั้งใจทำร้ายกันชัดๆ เลวมาก” ช่างชดพูด
“ไอ้บัติมันโชคร้าย รับเคราะห์แทนคนอื่นๆ”
“โธ่ เพิ่งจะหายเจ็บมาแท้ๆ คงเสียขวัญมาก สงสารป้านวลกับลุงพร้อม”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มันไม่ได้โดนจุดสำคัญมากนัก ไม่มีไฟไหม้ ก่อนไปหาหมอยังห่วงนายหญิง”
“โธ่ สมบัติ แล้วนี่เครื่องเราจะซ่อมได้ไหมคะ”
“เครื่องนี้คงยากครับ ต้องส่งไปที่อู่ ลานมันคงต้องปิดสักพัก เราไม่มีไฟใช้แล้วนี่ครับ” ช่างสมชัยเอ่ยหน้าเครียด
“ใช้เครื่องเล็กที่กระท่อมแทนได้ไหมคะ ใช้กับเครื่องมือที่สำคัญๆ ฉันไม่อยากให้ปิดลานมันเลย สงสารชาวบ้าน ผลผลิตคงเน่าเสียหายหมด อีกอย่างถ้าเราปิด ก็คงสมใจคนที่คิดทำร้ายเรา เราต้องไม่ยอมแพ้นะคะ”
รุจิรัตน์มองลึกลงไปในดวงตาเครียดเคร่งของช่างคู่ใจสามีหนุ่มของหล่อน
“ใช่ไหมคะ คนพวกนี้ทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางเรา แต่เราจะไม่หยุดค่ะ นะคะมาช่วยกันคิดดีกว่า”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกผมจะยืมแผงโซลาร์เซลล์กับเครื่องชาร์จที่กระท่อมมาติดตั้งที่ลานมันก่อนชั่วคราว พรุ่งนี้เราจะได้เดินเครื่องได้ตามปกติ”
“ไปเอามาเลยค่ะ ได้ทุกอย่าง เราสั่งมาเพิ่มได้ไหมคะ เราพอมีเงิน เอาไปลงทุนตรงนี้ได้บางส่วน”
“น่าจะได้นะครับ” ช่างสมชัยครุ่นคิด ไม่นานคนงานทั้งหมดก็ถือไฟฉาย เดินฝ่าความมืดไปที่กระท่อมกลางไร่ จัดการรื้อระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อย้ายมาติดตั้งที่ลานมันชั่วคราว
รุจิรัตน์เดินกลับเข้าไปในห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน เวลาราวๆ เกือบตีหนึ่งแล้ว หล่อนยังไม่เห็นสายเรียกเข้าจากสามี ความกังวลใจก่อตัวขึ้นเล็กน้อย หล่อนสลัดมันออกไปอย่างรวดเร็ว เดินเข้าครัวจัดการต้มกาแฟหม้อใหญ่ ตระเตรียมเสบียงมื้อเช้าก่อนเวลา สำหรับคนงานที่กำลังทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“มันจ้องจะทำลายเราทุกทางเลยนะช่าง เลวจริงๆ มันคงไม่อยากให้กิจการของนายไปได้ดี คงอยากกดหัวเราให้จนไปจนตายกระมัง อย่าให้รู้ตัวนะ ผมจะกระทืบมันให้จมดิน” คนงานหนุ่มใหญ่ซึ่งเป็นคนมาจากหมู่บ้านใกล้ๆ และยังเป็นลูกค้าของลานมันด้วย พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“กูว่าต้องเป็นคนต่างถิ่นแน่ คนดงไม้หอม ไม่โหดเหี้ยมขนาดนี้หรอก”
“เออ กูก็ว่างั้น เอ้า เร่งมือเข้าโว้ยพวกเรา มันซุ่มดูอยู่แน่ ไอ้หมาลอบกัด มึงไม่ได้สมใจหรอก ไอ้เลว” คนงานสูงอายุที่เป็นเพื่อนสนิทกับ
ครอบครัวของสมบัติป้องปากร้องเข้าไปในแนวป่า
“หมา ใช่สิ แม่แดง แม่แดงไปไหน” รุจิรัตน์ผุดลุกขึ้น ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงเห่าเมื่อหลายชั่วโมงก่อน แม่แดงก็เงียบไปเลย หล่อนรีบสาวเท้าลงมาที่ใต้ถุนบ้าน เจ้าสองหนุ่มน้อยกำลังนอนอุตุ แต่ไม่มีแม้แต่เงาของแม่แดง
“นายหญิงจะไปไหนครับ” สมชัยร้องทัก
“จะไปตามหาแม่แดงค่ะ พี่ชัยเห็นมันไหม แม่แดงๆ อยู่ไหนจ๊ะ” หล่อนป้องปากเรียกมัน รู้สึกใจหายวูบอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวผมไปด้วย”
ช่างสมชัยถือไฟฉายตามนายสาว เดินไปตามแนวรั้วของไร่ อะไรสักอย่างพาให้หล่อนมุ่งหน้าไปทางประตูรั้ว ที่มีดงหญ้าขึ้นรกครึ้ม
“งี้ดๆ”
เสียงแผ่วๆ แหลมราวถูกบีบเค้นออกมาด้วยความเจ็บปวดดังมาจากพงหญ้าแถวนั้น รุจิรัตน์ถลันเข้าไปหา แสงไฟฉายสองลำส่องไปที่กลางกอหญ้าที่ล้มเป็นแนวเพราะแรงดิ้นพล่านของเจ้าสุนัขพันธุ์ไทยเพศเมียสีแดงสวย
“แม่แดง แม่แดงจ๋า เป็นอะไร โธ่พี่ชัย ช่วยด้วย แม่แดงน้ำลายฟูมปากไปหมดแล้ว”
“นายหญิง ถอยออกมาห่างๆ หน่อยครับ มันกำลังเจ็บ อาจจะจำนายหญิงไม่ได้ มันถูกวางยา”
“แม่แดง ใครทำ ใจร้ายใจดำจริง พี่ชัย พามันไปหาหมอได้ไหม มันยังหายใจอยู่เห็นไหม นะคะ”
“เห็นทีจะไม่รอดครับนาย มันอาเจียนเป็นเลือดและถ่ายเป็นเลือดแล้ว นายหญิงปล่อยมันไปสบายเถอะครับ คงอีกไม่นาน”
แม่แดงปรือตามองดวงหน้างามอาบน้ำตาของนายสาวที่ทรุดเข่าลงนั่งข้างกายมัน มือบางสั่นระริกลูบไล้ลำตัวและหัวของมันเบาๆ หล่อนสัมผัสได้ถึงอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ หน่วยตาใหญ่ๆ ของมันมีน้ำใสๆ คลอ
“ลูกมันยังเล็กนะพี่ชัย โถแม่แดง เพิ่งได้มาอยู่ด้วยกัน จะทิ้งลูกแก้วแล้วหรือ อดทนหน่อยนะ แข็งใจหน่อย” หล่อนพยายามลูบไล้เนื้อตัว แต่ไม่นานเจ้าสุนัขผู้ซื่อสัตย์ก็เกร็งกระตุก ลิ้นจุกปาก แน่นิ่งไป
***************
“ที่เราเชิญคุณพนสณฑ์มาให้ปากคำในคืนนี้ก็เพราะเราสงสัยว่า ธุรกิจนำเข้ารถยนต์ของคุณน่าจะมีปัญหา”
“ตำรวจได้ตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ของเราทั้งหมดที่ท่าเรือแล้วไม่ใช่หรือครับ ไม่ทราบยังสงสัยอะไรอีก” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาไม่มีทีท่าอ่อนข้อ หรือประนีประนอม อย่างที่นักธุรกิจหน้าอ่อนส่วนใหญ่มักจะทำ พันตำรวจเอกอาวุโสเลยหรี่ตามองอย่างพิจารณา
‘เจ้านี่มันจะดื้อสักหน่อยนะพงศ์ศักดิ์ พูดยากกว่าหลานชายคนโต ช่วยกำราบให้หน่อย วู่วามนักจะเสียงานใหญ่ในอนาคต’
คำบอกกล่าวเชิงฝากฝังจากผู้มีพระคุณ พันตำรวจเอกอาวุโสยังจำได้ดี
“มีผู้หวังดีแจ้งมาอย่างนี้ เราก็ต้องเข้าตรวจสอบ เพราะเดี๋ยวนี้ธุรกิจผิดกฎหมายมีมากมาย หลายรูปแบบ หวังว่าคุณกับคุณพ่อคงเข้าใจ” พันตำรวจเอกอาวุโสพยายามใจเย็น เอ่ยกับนักธุรกิจหน้าอ่อนต่อ
“ครับ แต่ผู้หวังดีรายนี้คงดีแต่กับท่านกระมังครับ กับผมคือผู้บ่อนทำลายชัดๆ”
“คุณมีศัตรูมากหรือ ทำธุรกิจแบบนี้สร้างศัตรูมากๆ จะดีหรือ”
พนสณฑ์ตวัดสายตาคมมองสบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งพิงพนักเก้าอี้คุยกับเขาเรื่อยๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
“อู่ของเราทำธุรกิจโปร่งใส ไม่จำเป็นต้องคอยสร้างมิตรที่จะกลับมาทำด้วยกาฝากทีหลัง ท่านหมดธุระกับผมแล้วกระมังครับ”
“วันนี้ ใช่ แต่หากมีการแจ้งเข้ามาอีก ทางตำรวจก็ต้องออกปฏิบัติหน้าที่ คุณระวังตัวไว้บ้างดีกว่า มีมิตรดีกว่ามีศัตรู”
“ขอบคุณครับ” เพราะจับได้ถึงความจริงใจอย่างหนึ่งในน้ำเสียงนั้น พนสณฑ์เลยยกมือไหว้แบบไม่มากไม่น้อยไป
“ระวังคนใกล้ตัวไว้บ้างนะ คุณพนสณฑ์”
ชายหนุ่มรั้งฝีเท้าไว้ พยักหน้าแล้วก็ก้าวออกมาจากห้องสอบสวน เขาถูกเรียกไปที่ท่าเรือเวลาเกือบห้าทุ่ม กว่ากระบวนการที่ตำรวจเข้าตรวจค้น และตรวจสอบเอกสารจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง แถมเขายังถูกลากมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจนี่อีก ตอนนี้ก็ตีสามกว่าแล้ว
“ฉิบหาย ลืมโทร.หาเมีย”
เขาควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หน้าจอดับสนิท
“แบตหมด ระยำเอ๊ย วันห่าอะไรวะนี่”
“นายครับ”
“อืม กลับบ้านป๋า” เขาบอก รถคันหรูที่เขานั่งเคลื่อนตามหลังรถนำอีกคันที่มียี่ห้อและสีเดียวกัน ประกบด้วยแฝดคันที่สามตีขนาบไป
‘สถานการณ์มันไม่น่าไว้วางใจ ป๋าจะส่งคนกับรถไปให้เพิ่ม อย่าประมาท’
เมื่อหัวค่ำป๋าประพจน์บอกเขาเช่นนี้ทางโทรศัพท์ พนสณฑ์เอนกายลงบนเบาะหนังอย่างดีด้วยความเหนื่อยล้า สมองตึงเครียดจนรู้สึกมึนๆ
“ป่านนี้จะรอหรือเปล่า เฮ้อ ยุ่งฉิบ” เขาบ่นพึมพำ มองออกไปนอกกระจกรถ เห็นผู้คนและรถราเริ่มออกมาบนท้องถนนในเมืองท่าเรืออุตสาหกรรมใหญ่อย่างนี้ ผู้คนใช้ชีวิตเร่งรีบ ใฝ่หาเงินทองและความร่ำรวย บ้างยอมลำบากอดมื้อกินมื้อ อยู่อย่างคับแคบเพื่ออนาคต บ้างหาเงินมาซื้อหาความสุขชั่วครั้งชั่วคราว สถานบันเทิงต่างๆ จึงมีเปิดอยู่ทุกมุมถนน
หลายชีวิตเอาเงินไปเท เสี่ยงโชคลงที่นั่น ทิ้งครอบครัวให้อดอยากแร้นแค้น เขานึกถึง...รุจิรัตน์ภรรยาขัดดอกของเขา หล่อนมีที่มาที่ต่ำต้อยนักเพราะความหลงมัวเมาในการพนันของผู้เป็นบิดา แต่หล่อนกลับคอยประคับประคองตัวให้รอดพ้นมาจนได้
เขารู้ว่าหล่อนบริสุทธิ์สะอาดและหวงแหนตัวเพียงใด นั่นทำให้เขาภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของหล่อน ลูกแก้วเจียระไนใสสะอาดที่ครองตัวมาได้แม้ในชีวิตต่ำต้อยในโคลนตม
‘คุณสณฑ์ไม่รังเกียจลูกแก้วหรือคะ’
หล่อนถามขึ้นครั้งหนึ่งในค่ำคืนนั้น
‘อย่าคิดอะไรเหลวไหลแบบนั้น ผมไม่ใช่ผู้ดีมีศักดินาที่จะต้องหาเมียที่มีทั้งสินทั้งศักดิ์ ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ปรารถนาในตัวผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมีย หมดหัวใจ’ เขากระซิบแผ่วเบา ริมฝีปากนั้นร้อนผะผ่าว ยิ่งหล่อนสะท้านไปกับประโยคนั้นเขายิ่งกอดกระชับมั่น
คิดถึงใจจะขาดเป็นอย่างนี้เอง
“เอก ชัยโทร.มาไหม” เขาเอ่ยถามคนขับรถที่เป็นทั้งบอดี้การ์ดส่วน ตัวด้วย
“เดี๋ยวนะครับ อ้อ มีครับนายตอนเที่ยงคืน เอ๊ะ มีอะไร ปกติเฮียไม่โทร.ดึกๆ หรือว่าเมา”
“เอาโทรศัพท์มา” เขาแทบจะกระชากโทรศัพท์มาจากคนขับรถ
“ไอ้เอก มึงหายหัวไปตายที่ไหนมาวะ กูมีเรื่องจะคุยกับนาย อย่าบอกนะว่าไปลงอ่าง ไอ้บอดี้กาก”
“ชัย หุบปาก นี่กูเอง มีเรื่องอะไร เมียกูเป็นยังไงบ้าง”
“โอ้นาย คุณพระ คุณพ่อ คุณแม่ช่วย นายหายไปไหนมา ที่ไร่ยุ่งฉิบหาย” สมชัยพร่ำพรรณนา เสียงค้อนงัดแงะกับเสียงตอกตะปูดังสลับกันไปมาในโทรศัพท์
“มีอะไร รีบบอกมา นายหญิงอยู่ไหน”
“นายหญิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ร้องไห้ยกใหญ่ แม่แดงตายแล้วนาย โดนวางยา”
“อะไรนะ ใครทำ ไอ้เอก กลับรถไปดงไม้หอม ไม่ต้องจอดบอกพวกนั้น ถ้าพวกมันโง่ไม่ตามมาเองก็ช่าง ไปไวๆ ไม่งั้นกูจะขับเอง”
“ครับนายครับ”
“ชัย”
“มีคนวางยาเบื่อแม่แดง แล้วก็แอบเข้ามาต่อระเบิดใส่เครื่องปั่นไฟใหญ่ ไอ้สมบัติรับเคราะห์ไป ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลครับนาย”
“นรก ใครมันลอบกัดกูรอบด้านขนาดนี้วะ สมบัติเป็นยังไงบ้าง”
“ปลอดภัยดีนาย นี่กำลังรื้อแผงโซลาร์กับเครื่องปั่นไฟที่กระท่อมไปที่ลานมัน จะให้ทันเปิดรับซื้อพรุ่งนี้เช้า”
“ทำไมไม่ปิดไปก่อน”
“นายหญิงไม่ยอม โน่น น้ำตาไหลพรากๆ ยังออกมาสั่งงานเหยงๆ สงสาร ยังไม่ยอมฝังแม่แดง ห่อผ้าไว้นั่น น่าเวทนา”
“ฉิบหาย มึงโทร.ไปที่อู่สั่งช่างเครื่องให้เอาเครื่องปั่นเครื่องใหม่ไปที่ไร่ หาคนไปที่ไฟฟ้าจังหวัดด้วย กูจะเอาไฟขึ้นเขา เท่าไหร่เท่ากัน ดูนายหญิงดีๆ กูกำลังไป” พนสณฑ์วางสายจากสมชัย เอกชัยเร่งเครื่องขึ้นไปอีก เขามองกระจกหลัง รถอีกสองคันกำลังวิ่งตามมาและเข้าประจำตำแหน่งอย่างมืออาชีพ
พนสณฑ์กดพิมพ์ข้อความส่งไปหานายประพจน์ผู้เป็นบิดา
‘ป๋า คงได้เวลาใช้คนมีสีที่ป๋าเลี้ยงไว้แล้วล่ะ เราโดนลอบกัดรอบด้าน ผมต้องรู้ตัวมันให้ได้ ผมกำลังกลับไปที่ไร่ เพิ่งเสร็จจากที่ท่าเรือ ฝากบอกนายแม่ด้วยครับ...สณฑ์’
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“โฮ่งๆ”
เสียงแม่แดงเห่าดังมาจากราวรั้วห่างจากกระท่อม บางทีเวลามีสัตว์เล็กๆ หลงเข้ามา แม่แดงก็เห่าเป็นวรรคเป็นเวร รุจิรัตน์ไปส่องดูที่หน้าต่าง เห็นหลังแม่แดงวิ่งไปวิ่งมาไวๆ เสียงดังห่างออกไปทางประตูรั้วหล่อนส่องไฟฉายกราดออกไปแต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ
รุจิรัตน์ส่ายหน้า ขืนแม่แดงเห่านกเห่าหนูแบบนี้ทั้งคืน คนงานคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันล่ะ
“แม่แดง กลับมานี่ แม่แดง”
หล่อนออกไปป้องปากเรียกแม่แดง...ที่ระเบียงเรือน...เงียบสนิท
ไปไหนนะ แต่ก็ยังดีที่ไม่เห่าแล้ว หล่อนนึก เดินกลับเข้าไปในห้อง นอนพร้อมปิดประตูลงกลอนแน่นหนาลงมือซ่อมแซมเสื้อผ้าให้สามีและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่แล้วความเงียบสงบของบ้านไร่ก็หมดลงเมื่อเกิดเสียงแผดก้องกัมปนาทหนึ่งดังขึ้น
ตูม!
“อะไร เสียงอะไร” หล่อนโผไปเปิดประตูออกไปนอกห้อง หล่อนกวาดสายตาไปรอบๆ แว่วเสียงคนงานร้องโหวกเหวก หนึ่งในนั้นเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ช่างสมชัยวิ่งกระหืดกระหอบมาหาหล่อน ปากร้องเรียกมาแต่ไกล
“นายหญิง นายหญิงอยู่ไหนครับ เป็นอะไรหรือเปล่า เครื่องปั่นไฟเครื่องใหญ่ของเราถูกวางระเบิด แหลกไม่เหลือดี สมบัติเจ็บ” เสียงสมชัยดังมาก่อนตัว ใบหน้ามันไปด้วยเหงื่อเต็มไปด้วยความเครียดเขม็ง ไฟฉายกราดขึ้นเรือนมา
“อะไรกัน สมบัติเป็นอะไรมากไหมพี่ชัย” รุจิรัตน์ตวัดเสื้อแขนยาวของสามีที่ยังซ่อมไม่เสร็จดีขึ้นสวมทับชุดนอน ก่อนจะวิ่งลงเรือน สาวเท้าตามสมชัยไปที่บ้านพักคนงาน
“ลุงพร้อมกับสามารถพาไปโรงพยาบาลแล้วนายหญิง มาดูนี่เถอะครับ” นายช่างชดตวัดไฟฉายไปที่ซากของเครื่องปั่นไฟขนาดสามหมื่นวัตต์ที่ถูกแรงระเบิดอัดจนตัวเครื่องแตกกระจุย กลิ่นน้ำมันฉุนจัด ข้างๆ มีกองเลือดสดๆ กองหนึ่ง
“ใครทำ” รุจิรัตน์เม้มริมฝีปากแน่น
“มืออาชีพครับ ต่อสายไว้พอเราสตาร์ตก็จะระเบิดทันที ตั้งใจทำร้ายกันชัดๆ เลวมาก” ช่างชดพูด
“ไอ้บัติมันโชคร้าย รับเคราะห์แทนคนอื่นๆ”
“โธ่ เพิ่งจะหายเจ็บมาแท้ๆ คงเสียขวัญมาก สงสารป้านวลกับลุงพร้อม”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ มันไม่ได้โดนจุดสำคัญมากนัก ไม่มีไฟไหม้ ก่อนไปหาหมอยังห่วงนายหญิง”
“โธ่ สมบัติ แล้วนี่เครื่องเราจะซ่อมได้ไหมคะ”
“เครื่องนี้คงยากครับ ต้องส่งไปที่อู่ ลานมันคงต้องปิดสักพัก เราไม่มีไฟใช้แล้วนี่ครับ” ช่างสมชัยเอ่ยหน้าเครียด
“ใช้เครื่องเล็กที่กระท่อมแทนได้ไหมคะ ใช้กับเครื่องมือที่สำคัญๆ ฉันไม่อยากให้ปิดลานมันเลย สงสารชาวบ้าน ผลผลิตคงเน่าเสียหายหมด อีกอย่างถ้าเราปิด ก็คงสมใจคนที่คิดทำร้ายเรา เราต้องไม่ยอมแพ้นะคะ”
รุจิรัตน์มองลึกลงไปในดวงตาเครียดเคร่งของช่างคู่ใจสามีหนุ่มของหล่อน
“ใช่ไหมคะ คนพวกนี้ทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางเรา แต่เราจะไม่หยุดค่ะ นะคะมาช่วยกันคิดดีกว่า”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกผมจะยืมแผงโซลาร์เซลล์กับเครื่องชาร์จที่กระท่อมมาติดตั้งที่ลานมันก่อนชั่วคราว พรุ่งนี้เราจะได้เดินเครื่องได้ตามปกติ”
“ไปเอามาเลยค่ะ ได้ทุกอย่าง เราสั่งมาเพิ่มได้ไหมคะ เราพอมีเงิน เอาไปลงทุนตรงนี้ได้บางส่วน”
“น่าจะได้นะครับ” ช่างสมชัยครุ่นคิด ไม่นานคนงานทั้งหมดก็ถือไฟฉาย เดินฝ่าความมืดไปที่กระท่อมกลางไร่ จัดการรื้อระบบพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อย้ายมาติดตั้งที่ลานมันชั่วคราว
รุจิรัตน์เดินกลับเข้าไปในห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน เวลาราวๆ เกือบตีหนึ่งแล้ว หล่อนยังไม่เห็นสายเรียกเข้าจากสามี ความกังวลใจก่อตัวขึ้นเล็กน้อย หล่อนสลัดมันออกไปอย่างรวดเร็ว เดินเข้าครัวจัดการต้มกาแฟหม้อใหญ่ ตระเตรียมเสบียงมื้อเช้าก่อนเวลา สำหรับคนงานที่กำลังทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“มันจ้องจะทำลายเราทุกทางเลยนะช่าง เลวจริงๆ มันคงไม่อยากให้กิจการของนายไปได้ดี คงอยากกดหัวเราให้จนไปจนตายกระมัง อย่าให้รู้ตัวนะ ผมจะกระทืบมันให้จมดิน” คนงานหนุ่มใหญ่ซึ่งเป็นคนมาจากหมู่บ้านใกล้ๆ และยังเป็นลูกค้าของลานมันด้วย พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“กูว่าต้องเป็นคนต่างถิ่นแน่ คนดงไม้หอม ไม่โหดเหี้ยมขนาดนี้หรอก”
“เออ กูก็ว่างั้น เอ้า เร่งมือเข้าโว้ยพวกเรา มันซุ่มดูอยู่แน่ ไอ้หมาลอบกัด มึงไม่ได้สมใจหรอก ไอ้เลว” คนงานสูงอายุที่เป็นเพื่อนสนิทกับ
ครอบครัวของสมบัติป้องปากร้องเข้าไปในแนวป่า
“หมา ใช่สิ แม่แดง แม่แดงไปไหน” รุจิรัตน์ผุดลุกขึ้น ตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงเห่าเมื่อหลายชั่วโมงก่อน แม่แดงก็เงียบไปเลย หล่อนรีบสาวเท้าลงมาที่ใต้ถุนบ้าน เจ้าสองหนุ่มน้อยกำลังนอนอุตุ แต่ไม่มีแม้แต่เงาของแม่แดง
“นายหญิงจะไปไหนครับ” สมชัยร้องทัก
“จะไปตามหาแม่แดงค่ะ พี่ชัยเห็นมันไหม แม่แดงๆ อยู่ไหนจ๊ะ” หล่อนป้องปากเรียกมัน รู้สึกใจหายวูบอย่างบอกไม่ถูก
“เดี๋ยวผมไปด้วย”
ช่างสมชัยถือไฟฉายตามนายสาว เดินไปตามแนวรั้วของไร่ อะไรสักอย่างพาให้หล่อนมุ่งหน้าไปทางประตูรั้ว ที่มีดงหญ้าขึ้นรกครึ้ม
“งี้ดๆ”
เสียงแผ่วๆ แหลมราวถูกบีบเค้นออกมาด้วยความเจ็บปวดดังมาจากพงหญ้าแถวนั้น รุจิรัตน์ถลันเข้าไปหา แสงไฟฉายสองลำส่องไปที่กลางกอหญ้าที่ล้มเป็นแนวเพราะแรงดิ้นพล่านของเจ้าสุนัขพันธุ์ไทยเพศเมียสีแดงสวย
“แม่แดง แม่แดงจ๋า เป็นอะไร โธ่พี่ชัย ช่วยด้วย แม่แดงน้ำลายฟูมปากไปหมดแล้ว”
“นายหญิง ถอยออกมาห่างๆ หน่อยครับ มันกำลังเจ็บ อาจจะจำนายหญิงไม่ได้ มันถูกวางยา”
“แม่แดง ใครทำ ใจร้ายใจดำจริง พี่ชัย พามันไปหาหมอได้ไหม มันยังหายใจอยู่เห็นไหม นะคะ”
“เห็นทีจะไม่รอดครับนาย มันอาเจียนเป็นเลือดและถ่ายเป็นเลือดแล้ว นายหญิงปล่อยมันไปสบายเถอะครับ คงอีกไม่นาน”
แม่แดงปรือตามองดวงหน้างามอาบน้ำตาของนายสาวที่ทรุดเข่าลงนั่งข้างกายมัน มือบางสั่นระริกลูบไล้ลำตัวและหัวของมันเบาๆ หล่อนสัมผัสได้ถึงอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ หน่วยตาใหญ่ๆ ของมันมีน้ำใสๆ คลอ
“ลูกมันยังเล็กนะพี่ชัย โถแม่แดง เพิ่งได้มาอยู่ด้วยกัน จะทิ้งลูกแก้วแล้วหรือ อดทนหน่อยนะ แข็งใจหน่อย” หล่อนพยายามลูบไล้เนื้อตัว แต่ไม่นานเจ้าสุนัขผู้ซื่อสัตย์ก็เกร็งกระตุก ลิ้นจุกปาก แน่นิ่งไป
***************
“ที่เราเชิญคุณพนสณฑ์มาให้ปากคำในคืนนี้ก็เพราะเราสงสัยว่า ธุรกิจนำเข้ารถยนต์ของคุณน่าจะมีปัญหา”
“ตำรวจได้ตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ของเราทั้งหมดที่ท่าเรือแล้วไม่ใช่หรือครับ ไม่ทราบยังสงสัยอะไรอีก” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาไม่มีทีท่าอ่อนข้อ หรือประนีประนอม อย่างที่นักธุรกิจหน้าอ่อนส่วนใหญ่มักจะทำ พันตำรวจเอกอาวุโสเลยหรี่ตามองอย่างพิจารณา
‘เจ้านี่มันจะดื้อสักหน่อยนะพงศ์ศักดิ์ พูดยากกว่าหลานชายคนโต ช่วยกำราบให้หน่อย วู่วามนักจะเสียงานใหญ่ในอนาคต’
คำบอกกล่าวเชิงฝากฝังจากผู้มีพระคุณ พันตำรวจเอกอาวุโสยังจำได้ดี
“มีผู้หวังดีแจ้งมาอย่างนี้ เราก็ต้องเข้าตรวจสอบ เพราะเดี๋ยวนี้ธุรกิจผิดกฎหมายมีมากมาย หลายรูปแบบ หวังว่าคุณกับคุณพ่อคงเข้าใจ” พันตำรวจเอกอาวุโสพยายามใจเย็น เอ่ยกับนักธุรกิจหน้าอ่อนต่อ
“ครับ แต่ผู้หวังดีรายนี้คงดีแต่กับท่านกระมังครับ กับผมคือผู้บ่อนทำลายชัดๆ”
“คุณมีศัตรูมากหรือ ทำธุรกิจแบบนี้สร้างศัตรูมากๆ จะดีหรือ”
พนสณฑ์ตวัดสายตาคมมองสบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่นั่งพิงพนักเก้าอี้คุยกับเขาเรื่อยๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
“อู่ของเราทำธุรกิจโปร่งใส ไม่จำเป็นต้องคอยสร้างมิตรที่จะกลับมาทำด้วยกาฝากทีหลัง ท่านหมดธุระกับผมแล้วกระมังครับ”
“วันนี้ ใช่ แต่หากมีการแจ้งเข้ามาอีก ทางตำรวจก็ต้องออกปฏิบัติหน้าที่ คุณระวังตัวไว้บ้างดีกว่า มีมิตรดีกว่ามีศัตรู”
“ขอบคุณครับ” เพราะจับได้ถึงความจริงใจอย่างหนึ่งในน้ำเสียงนั้น พนสณฑ์เลยยกมือไหว้แบบไม่มากไม่น้อยไป
“ระวังคนใกล้ตัวไว้บ้างนะ คุณพนสณฑ์”
ชายหนุ่มรั้งฝีเท้าไว้ พยักหน้าแล้วก็ก้าวออกมาจากห้องสอบสวน เขาถูกเรียกไปที่ท่าเรือเวลาเกือบห้าทุ่ม กว่ากระบวนการที่ตำรวจเข้าตรวจค้น และตรวจสอบเอกสารจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่ง แถมเขายังถูกลากมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจนี่อีก ตอนนี้ก็ตีสามกว่าแล้ว
“ฉิบหาย ลืมโทร.หาเมีย”
เขาควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หน้าจอดับสนิท
“แบตหมด ระยำเอ๊ย วันห่าอะไรวะนี่”
“นายครับ”
“อืม กลับบ้านป๋า” เขาบอก รถคันหรูที่เขานั่งเคลื่อนตามหลังรถนำอีกคันที่มียี่ห้อและสีเดียวกัน ประกบด้วยแฝดคันที่สามตีขนาบไป
‘สถานการณ์มันไม่น่าไว้วางใจ ป๋าจะส่งคนกับรถไปให้เพิ่ม อย่าประมาท’
เมื่อหัวค่ำป๋าประพจน์บอกเขาเช่นนี้ทางโทรศัพท์ พนสณฑ์เอนกายลงบนเบาะหนังอย่างดีด้วยความเหนื่อยล้า สมองตึงเครียดจนรู้สึกมึนๆ
“ป่านนี้จะรอหรือเปล่า เฮ้อ ยุ่งฉิบ” เขาบ่นพึมพำ มองออกไปนอกกระจกรถ เห็นผู้คนและรถราเริ่มออกมาบนท้องถนนในเมืองท่าเรืออุตสาหกรรมใหญ่อย่างนี้ ผู้คนใช้ชีวิตเร่งรีบ ใฝ่หาเงินทองและความร่ำรวย บ้างยอมลำบากอดมื้อกินมื้อ อยู่อย่างคับแคบเพื่ออนาคต บ้างหาเงินมาซื้อหาความสุขชั่วครั้งชั่วคราว สถานบันเทิงต่างๆ จึงมีเปิดอยู่ทุกมุมถนน
หลายชีวิตเอาเงินไปเท เสี่ยงโชคลงที่นั่น ทิ้งครอบครัวให้อดอยากแร้นแค้น เขานึกถึง...รุจิรัตน์ภรรยาขัดดอกของเขา หล่อนมีที่มาที่ต่ำต้อยนักเพราะความหลงมัวเมาในการพนันของผู้เป็นบิดา แต่หล่อนกลับคอยประคับประคองตัวให้รอดพ้นมาจนได้
เขารู้ว่าหล่อนบริสุทธิ์สะอาดและหวงแหนตัวเพียงใด นั่นทำให้เขาภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของหล่อน ลูกแก้วเจียระไนใสสะอาดที่ครองตัวมาได้แม้ในชีวิตต่ำต้อยในโคลนตม
‘คุณสณฑ์ไม่รังเกียจลูกแก้วหรือคะ’
หล่อนถามขึ้นครั้งหนึ่งในค่ำคืนนั้น
‘อย่าคิดอะไรเหลวไหลแบบนั้น ผมไม่ใช่ผู้ดีมีศักดินาที่จะต้องหาเมียที่มีทั้งสินทั้งศักดิ์ ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ปรารถนาในตัวผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมีย หมดหัวใจ’ เขากระซิบแผ่วเบา ริมฝีปากนั้นร้อนผะผ่าว ยิ่งหล่อนสะท้านไปกับประโยคนั้นเขายิ่งกอดกระชับมั่น
คิดถึงใจจะขาดเป็นอย่างนี้เอง
“เอก ชัยโทร.มาไหม” เขาเอ่ยถามคนขับรถที่เป็นทั้งบอดี้การ์ดส่วน ตัวด้วย
“เดี๋ยวนะครับ อ้อ มีครับนายตอนเที่ยงคืน เอ๊ะ มีอะไร ปกติเฮียไม่โทร.ดึกๆ หรือว่าเมา”
“เอาโทรศัพท์มา” เขาแทบจะกระชากโทรศัพท์มาจากคนขับรถ
“ไอ้เอก มึงหายหัวไปตายที่ไหนมาวะ กูมีเรื่องจะคุยกับนาย อย่าบอกนะว่าไปลงอ่าง ไอ้บอดี้กาก”
“ชัย หุบปาก นี่กูเอง มีเรื่องอะไร เมียกูเป็นยังไงบ้าง”
“โอ้นาย คุณพระ คุณพ่อ คุณแม่ช่วย นายหายไปไหนมา ที่ไร่ยุ่งฉิบหาย” สมชัยพร่ำพรรณนา เสียงค้อนงัดแงะกับเสียงตอกตะปูดังสลับกันไปมาในโทรศัพท์
“มีอะไร รีบบอกมา นายหญิงอยู่ไหน”
“นายหญิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ร้องไห้ยกใหญ่ แม่แดงตายแล้วนาย โดนวางยา”
“อะไรนะ ใครทำ ไอ้เอก กลับรถไปดงไม้หอม ไม่ต้องจอดบอกพวกนั้น ถ้าพวกมันโง่ไม่ตามมาเองก็ช่าง ไปไวๆ ไม่งั้นกูจะขับเอง”
“ครับนายครับ”
“ชัย”
“มีคนวางยาเบื่อแม่แดง แล้วก็แอบเข้ามาต่อระเบิดใส่เครื่องปั่นไฟใหญ่ ไอ้สมบัติรับเคราะห์ไป ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลครับนาย”
“นรก ใครมันลอบกัดกูรอบด้านขนาดนี้วะ สมบัติเป็นยังไงบ้าง”
“ปลอดภัยดีนาย นี่กำลังรื้อแผงโซลาร์กับเครื่องปั่นไฟที่กระท่อมไปที่ลานมัน จะให้ทันเปิดรับซื้อพรุ่งนี้เช้า”
“ทำไมไม่ปิดไปก่อน”
“นายหญิงไม่ยอม โน่น น้ำตาไหลพรากๆ ยังออกมาสั่งงานเหยงๆ สงสาร ยังไม่ยอมฝังแม่แดง ห่อผ้าไว้นั่น น่าเวทนา”
“ฉิบหาย มึงโทร.ไปที่อู่สั่งช่างเครื่องให้เอาเครื่องปั่นเครื่องใหม่ไปที่ไร่ หาคนไปที่ไฟฟ้าจังหวัดด้วย กูจะเอาไฟขึ้นเขา เท่าไหร่เท่ากัน ดูนายหญิงดีๆ กูกำลังไป” พนสณฑ์วางสายจากสมชัย เอกชัยเร่งเครื่องขึ้นไปอีก เขามองกระจกหลัง รถอีกสองคันกำลังวิ่งตามมาและเข้าประจำตำแหน่งอย่างมืออาชีพ
พนสณฑ์กดพิมพ์ข้อความส่งไปหานายประพจน์ผู้เป็นบิดา
‘ป๋า คงได้เวลาใช้คนมีสีที่ป๋าเลี้ยงไว้แล้วล่ะ เราโดนลอบกัดรอบด้าน ผมต้องรู้ตัวมันให้ได้ ผมกำลังกลับไปที่ไร่ เพิ่งเสร็จจากที่ท่าเรือ ฝากบอกนายแม่ด้วยครับ...สณฑ์’
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 เม.ย. 2561, 12:01:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 เม.ย. 2561, 12:02:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 961
<< บทที่ 9 - 50% | บทที่ 9 - 100% >> |
mottanoy 30 เม.ย. 2561, 12:20:45 น.
สงสารแม่แดง
สงสารแม่แดง
ปลายปากกาสำนักพิมพ์ 30 เม.ย. 2561, 13:19:40 น.
จริงค่ะคุณ mottanoy คนทำใจร้าย T^T
จริงค่ะคุณ mottanoy คนทำใจร้าย T^T
กาซะลองพลัดถิ่น 30 เม.ย. 2561, 21:41:27 น.
นายหญิงมันต้องแบบนี้สั่งงานตัดสินใจเฉียบพลัน...ชอบนางเอกไม่อ่อนแอ
นายหญิงมันต้องแบบนี้สั่งงานตัดสินใจเฉียบพลัน...ชอบนางเอกไม่อ่อนแอ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์ 1 พ.ค. 2561, 11:36:11 น.
ใช่เลยค่ะคุณ กาซะลองพลัดถิ่น
ใช่เลยค่ะคุณ กาซะลองพลัดถิ่น