คืนหลอนในวันหยุด - จบ
กลางคืนใช่ว่าจะมีเพียงแต่เรา อาจมีสิ่งที่มองไม่เห็นวนเวียนอยู่รอบกาย ถึงคุณจะมองไม่เห็น ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นคุณ เตรียมพบกับสิ่งลี้ลับที่ไม่สามารถมองหรือสัมผัสได้จากเรื่องนี้
Tags: คินวันหยุด วิญญาณ ขนหัวลุก
ตอน: สี่สาวชอบเล่าเรื่องผี
หนึ่งและสองเป็นพี่น้องกัน ทั้งคู่มีงานอดิเรกชอบเล่าเรื่องวิญญาณ ทุกวันอาทิตย์มักจะนัดเพื่อนแต่ละคนมาเที่ยวที่บ้านเพื่อมาเล่าเรื่องวิญญาณในเวลาหลังเที่ยงคืน
คนที่หลงเข้ามาร่วมกิจกรรมของสองพี่น้องทุกครั้ง คือ นกกับนัด นกเป็นเพื่อนของหนึ่ง ส่วนนัดเป็นเพื่อนของสอง ทั้งหมดสนิทกันและเช่นเคย วันนี้ทั้งสี่กางเต็นท์ในห้องนอนของหนึ่ง เพื่อเล่าเรื่องวิญญาณ ทุกคนจะมีไฟฉายกันคนละหนึ่งอันเตรียมพร้อมและนั่งรอกันในเต็นท์ เมื่อเวลาเที่ยงคืนมาถึง ไฟในห้องได้ถูกปิดลงแล้วไฟฉายของแต่ละคนได้ถูกเปิดขึ้น หนึ่งที่เป็นหัวหน้ากลุ่มได้เริ่มเล่าก่อนคนแรก
"ฉันจะเริ่มเล่าเรื่องของเด็กผู้หญิงที่ชอบถอดเสื้อผ้าแล้ววางไว้ที่เตียงนอน ให้เป็นชุดๆ เธอมักจะวางเสื้อกระโปรงรวมถึงเสื้อชั้นในวางเป็นชุดไว้พร้อมสวมใส่ แต่เธอมักจะวางไม่เหมือนคนอื่น โดยเธอจะวางจัดไว้เหมือนมีคนนอนอยู่บนเตียง โดยเธอหารู้ไม่ว่าเหล่าวิญญาณผู้หิวโหยและหนาวเหน็บมักจะหาเสื้อผ้าใหม่คอยสวมใส่ตลอดเวลา เมื่อเธอออกจากห้องไปวิญญาณเหล่านั้นจ้องที่อยากได้ชุดสวยของเธอ
จนกระทั่งเธอกลับมาที่ห้องเพื่อเปลี่ยนชุดเพื่ออยู่บ้าน เมื่อเปิดประตูออกมาได้เห็นชุดที่เธอเตรียมไว้สำหรับสวมใส่นูนขึ้นเหมือนมีสิ่งที่มองไม่เห็นได้ใส่ชุดของเธออยู่ จะว่าให้ง่ายคือมีวิญญาณสาวกำลังใช้เสื้อผ้าของเธออยู่นั่นเอง ทำให้เธอช็อกทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ตั้งแต่นั้นมาเธอไม่เตรียมชุดแล้ววางทิ้งแบบเดิมอีกแล้ว"
"ว่าไปฉันก็ชอบเตรียมชุดแบบนั้นนะไม่เห็นมีอะไรเลย" สองบอกพี่สาวของตนว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เธอมักจะทำเป็นประจำ
"หึ ก็ไม่แน่หรอก อาจจะเกาะแขนขาเเกอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้" หนึ่งขำในลำคอให้ชวนหลอน อาจจะจริงอย่างที่เธอพูดก็ได้สองคิด
เมื่อหนึ่งเล่าจบเธอได้ปิดไฟฉายลง
"ถึงตานกแล้ว" นกพยักหน้าในความมืดแล้วเริ่มต้นเล่า
"มีโรงเรียนรัฐบาลอยู่โรงเรียนหนึ่ง จะติดกับวัดและข้างหลังโรงเรียนจะเป็นป่าช้า ซึ่งทุกครั้งเวลาที่มีคนตายและทำพิธีเสร็จจะนำกระดูกเข้าไปในป่าช้า เขาว่ากันว่าต้องมีพระนำทางเข้าไป ไม่อย่างนั้นจะหลงทางได้เขาเรียกว่า โดนผีบังตา ไม่สามารถออกจากป่าช้าได้ คนที่หลงเข้าไปจะเดินวนแล้ว วนอีกในป่าช้านั้น และจะตายในป่าช้าในที่สุด โดยในหนึ่งเดือนจะมีการล้างป่าช้าหนึ่งครั้ง ทุกบ้านบริเวณนั้นจะรู้ดีว่า ใครมีเด็กเล็กห้ามเข้าใกล้น้ำ ต้องดูแลอย่างดีไม่เช่นนั้นผีที่ออกจากป่าช้าจะมาเอาตัวไป อาจจะจมน้ำตายหรือโดนรถชนตาย พวกเขาเหล่านั้นต้องการคนไปอยู่แทนที่เพราะเขาจะได้ไปเกิดใหม่ ที่พวกเขาเรียกกันว่ามีตัวตายตัวแทนนั้นเอง เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ชอบเล่นใกล้แม่น้ำ วันนั้นแม่เขาทำงานในบ้านกำลังยุ่งอยู่ เธอจึงลืมไปว่าในวันนี้จะมีการล้างป่าช้า นึกว่าเหมือนทุกวันที่ไม่มีอะไร เลยปล่อยให้ลูกเล่นตามเคย
"คุณเห็นลูกไหม" แม่ของเด็กเดินตามหาลูกน้อยแต่ตามหาเท่าไรก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปถามสามี
"ไม่เลย ลูกหายเหรอ" ผู้ที่เป็นสามีเริ่มตื่นตกใจที่ได้ยินแบบนั้น
"ฉันตามหารอบบ้านแล้ว ตามจุดที่ไอ้หนูจะไป หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ" เธอเริ่มร้อนรน
"ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ" ผู้เป็นสามีเสนอความคิดเหมือนการกระทำจะไวกว่าคำพูด เขาได้กดเบอร์โทรหาตำรวจทันที
เมื่อตำรวจมาถึงก็พบศพเด็กนอนตายอยู่ที่แม่น้ำข้างบ้าน แต่กว่าจะพบพวกเขาใช้เวลาหากันนานพอสมควร"
"จบแล้ว" นกพูดเสร็จก็ปิดไฟฉาย ทั้งหมดหันมามองนกในความมืด สองกับนัดนำไฟฉายไปส่องที่นกเชิงเป็นคำถามว่าจบแล้วจริง
"จบจริงง่ะ ทำไมมันเร็วนักหล่ะ" หนึ่งขมวดคิ้วเป็นคำถามเธอรู้สึกว่ามันเร็วเกินไป
"ต่อไปใคร" นกไม่สนใจคนทั้งสามเธอถามถึงคนต่อไป
"สองเองค่ะ" สองได้ขานรับและเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เธอคิดเอาไว้ในหัวสมอง
"มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชอบไปเดินเล่นในสุสานตอนกลางคืน เขามักจะเห็นว่ามีวิญญาณออกมาจากหลุมศพและเดินกันไปมาในบริเวณนั้น ด้วยความที่ยังเด็กจึงอยากเล่นสนุก ได้เดินตามวิญญาณชายชราไปโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนนั้นตามอยู่จะเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน ชายชราตนนั้นเขาตายเพราะถูกรถชนในเวลาเที่ยงคืนจึงเดินกลับไป ณ เวลาที่เขาตายอย่างเช่นทุกวัน เด็กชายคนดังกล่าวได้เดินตามไปและโดนรถชนตายในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคนขับรถนั้นเห็นแต่ชายชราโดยไม่เห็นเด็กโดยที่ไม่รู้ว่าเด็กได้กระเด็นออกไปนอนที่ข้างทาง และไม่มีใครช่วยเหลือจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา"
"นี่ก็สรุปไวไปไหม" หนึ่งเริ่มรู้สึกว่าคนเล่าจะเริ่มเล่าสั้นลงไปเรื่อยๆ ความน่าตื่นเต้นก็ค่อยๆ หายไป เธอจึงไปกดดันคนสุดท้ายคือ นัด ว่าต้องเล่าให้สมบทบาทและคนในนี้ต้องกลัวด้วย
"แค่นี้แหละ ไม่มีปัญญาเล่าแล้วจบข่าว"
สองปิดไฟฉายลงจึงเหลือแต่นัดที่ต้องดำเนินเรื่องต่อไป โดยรับแรงกดดันจากหนึ่งทางสายตาที่ส่งมาจากความมืด เธอจึงเริ่มเล่าโดยมีไฟฉายหนึ่งดวงที่อยู่ในมือของเธอส่องกลางห้องที่มืดสนิท
"ค...คือ ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากคืนนั้น มีผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งเดินผ่านจุดเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเพื่อที่จะเดินไปยังรถมอเตอร์ไซด์ที่เธอมักจะขับรถกลับบ้านเป็นประจำ โดยเธอไม่รู้ว่าคนที่ได้รับอุบัติเหตุที่เธอเห็นว่ากำลังยืนโดยมีเลือดอาบที่หน้านั้นเป็นวิญญาณที่ยืนดูร่างของเขานอนตายอยู่ที่พื้น แต่เธอดันไปสบตากับวิญญาณตนนั้นเข้า จึงทำให้วิญญาณตนนั้นได้เดินตามเธอโดยไม่รู้ตัว และนั่งซ้อนท้ายเธอกลับบ้านด้วยกัน
ขณะที่เธอกำลังขับรถอยู่นั้นเธอรู้สึกว่ารถมันอืดและช้าผิดปกติ จึงจอดรถเช็กสภาพยางรถทั้งยางหน้าและยางหลังแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ เธอจึงขับรถกลับบ้านต่อตามปกติโดยไม่สงสัยสิ่งใดจนกระทั่งเธอเข้านอน สายตาของเธอแวบไปเห็นวิญญาณผู้ชายโชคเลือด ยืนอยู่ปลายเตียงกำลังมองเธออย่างไม่วางตา เธอเห็นเช่นนั้นจึงช็อกสลบยันเช้า โดยมีวิญญาณตนนั้นยืนมองเธออยู่ที่เดิมจนสว่างเช่นกัน"
"จบแล้วจ้า"
นัดรีบปิดไฟฉายลงทันทีที่พูดจบ ในห้องจึงมืดมิดไม่มีแสงใดโดยภายในห้องมีแค่เด็กสาวทั้งสี่คนนั่งล้อมวงอยู่ท่ามกลางความมืด
"เฮ้อ...ไม่น่ากลัวเลยวันนี้"
หนึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างผิดหวัง เธอหวังว่าวันนี้จะได้รับความตื่นเต้นเพิ่มรสชาติของชีวิตเสียหน่อย แต่ได้ฟังเพื่อนร่วมวงเล่าแล้วความหวังจึงหายวับไปทันที
"แอ๊ดดด..."
เสียงประตูห้องถูกแง้มออก แสงจากข้างนอกได้ดึงสายตาของเด็กสาวทั้งสี่คู่ ให้หันไปหาบุคคลใหม่ที่เดินถือไฟฉายในมือตรงมาหาพวกเธอ โดยปิดห้องแล้วเปิดไฟฉายให้เห็นหน้าของเขาได้ชัดเจน
"คุณพ่อ" หนึ่งได้เรียกบุคคลที่เข้ามาใหม่ด้วยความแปลกใจที่เห็นว่าพ่อของเธอนั้นเข้ามาในห้องโดยไม่มีคำพูดใดๆ
"พ่อจะมาเพิ่มความสยอง ให้กับพวกหนูๆ ทั้งหลาย" พ่อของหนึ่งและสอง ได้พูดขึ้นท่ามกลางแสงไฟฉายที่จ่อใต้คางด้วยความสยองในสายตาของนกและนัด
"เคยมีคนบอกว่าเวลาตกกลางคืนจะอยู่ที่ใดก็แล้วแต่ควรไปเป็นเลขคู่ ถ้าไปเป็นเลขคี่จะมีบางสิ่งมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อให้ครบคู่ ลองนับจำนวนคนดูสิ" พ่อของหนึ่งและสองพูดแล้วกลอกตามองมาที่หนึ่งเป็นการบอกให้เริ่มนับจากเธอก่อนคนแรก
"หนึ่ง" เสียงของหนึ่ง
"สอง" เสียงของสอง
"สาม" เสียงของนก
"สี่" เสียงของนัด
"ห้า" เสียงของพ่อของหนึ่งและสอง
"ก๊อก ก๊อก แอ๊ดดด..." เสียงประตูค่อยๆ เปิดอ้าอย่างช้าๆ โดยที่โดนล็อกไปแล้วแต่ยังเปิดได้ทั้งหมดหันไปมองที่ประตูที่ค่อยๆ แง้มออกช้าๆ
"บะฮู้ บะฮู้" เสียงสุนัขหอนประสานเสียงโดยที่ประตูค่อยๆ เปิดจนเห็นข้างนอก
"กรี๊ดดดด..."
.
.
.
.
.
.
.
ทั้งหมดวิ่งกันออกจากห้อง ยกเว้นแต่พ่อของหนึ่งและสองที่นั่งอยู่ในห้องคนเดียว ที่ทั้งหมดวิ่งออกไปนั้นเป็นเพราะประตูที่เปิดออกไม่มีใครยืนอยู่นั้นเอง
คนที่หลงเข้ามาร่วมกิจกรรมของสองพี่น้องทุกครั้ง คือ นกกับนัด นกเป็นเพื่อนของหนึ่ง ส่วนนัดเป็นเพื่อนของสอง ทั้งหมดสนิทกันและเช่นเคย วันนี้ทั้งสี่กางเต็นท์ในห้องนอนของหนึ่ง เพื่อเล่าเรื่องวิญญาณ ทุกคนจะมีไฟฉายกันคนละหนึ่งอันเตรียมพร้อมและนั่งรอกันในเต็นท์ เมื่อเวลาเที่ยงคืนมาถึง ไฟในห้องได้ถูกปิดลงแล้วไฟฉายของแต่ละคนได้ถูกเปิดขึ้น หนึ่งที่เป็นหัวหน้ากลุ่มได้เริ่มเล่าก่อนคนแรก
"ฉันจะเริ่มเล่าเรื่องของเด็กผู้หญิงที่ชอบถอดเสื้อผ้าแล้ววางไว้ที่เตียงนอน ให้เป็นชุดๆ เธอมักจะวางเสื้อกระโปรงรวมถึงเสื้อชั้นในวางเป็นชุดไว้พร้อมสวมใส่ แต่เธอมักจะวางไม่เหมือนคนอื่น โดยเธอจะวางจัดไว้เหมือนมีคนนอนอยู่บนเตียง โดยเธอหารู้ไม่ว่าเหล่าวิญญาณผู้หิวโหยและหนาวเหน็บมักจะหาเสื้อผ้าใหม่คอยสวมใส่ตลอดเวลา เมื่อเธอออกจากห้องไปวิญญาณเหล่านั้นจ้องที่อยากได้ชุดสวยของเธอ
จนกระทั่งเธอกลับมาที่ห้องเพื่อเปลี่ยนชุดเพื่ออยู่บ้าน เมื่อเปิดประตูออกมาได้เห็นชุดที่เธอเตรียมไว้สำหรับสวมใส่นูนขึ้นเหมือนมีสิ่งที่มองไม่เห็นได้ใส่ชุดของเธออยู่ จะว่าให้ง่ายคือมีวิญญาณสาวกำลังใช้เสื้อผ้าของเธออยู่นั่นเอง ทำให้เธอช็อกทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว ตั้งแต่นั้นมาเธอไม่เตรียมชุดแล้ววางทิ้งแบบเดิมอีกแล้ว"
"ว่าไปฉันก็ชอบเตรียมชุดแบบนั้นนะไม่เห็นมีอะไรเลย" สองบอกพี่สาวของตนว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เธอมักจะทำเป็นประจำ
"หึ ก็ไม่แน่หรอก อาจจะเกาะแขนขาเเกอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้" หนึ่งขำในลำคอให้ชวนหลอน อาจจะจริงอย่างที่เธอพูดก็ได้สองคิด
เมื่อหนึ่งเล่าจบเธอได้ปิดไฟฉายลง
"ถึงตานกแล้ว" นกพยักหน้าในความมืดแล้วเริ่มต้นเล่า
"มีโรงเรียนรัฐบาลอยู่โรงเรียนหนึ่ง จะติดกับวัดและข้างหลังโรงเรียนจะเป็นป่าช้า ซึ่งทุกครั้งเวลาที่มีคนตายและทำพิธีเสร็จจะนำกระดูกเข้าไปในป่าช้า เขาว่ากันว่าต้องมีพระนำทางเข้าไป ไม่อย่างนั้นจะหลงทางได้เขาเรียกว่า โดนผีบังตา ไม่สามารถออกจากป่าช้าได้ คนที่หลงเข้าไปจะเดินวนแล้ว วนอีกในป่าช้านั้น และจะตายในป่าช้าในที่สุด โดยในหนึ่งเดือนจะมีการล้างป่าช้าหนึ่งครั้ง ทุกบ้านบริเวณนั้นจะรู้ดีว่า ใครมีเด็กเล็กห้ามเข้าใกล้น้ำ ต้องดูแลอย่างดีไม่เช่นนั้นผีที่ออกจากป่าช้าจะมาเอาตัวไป อาจจะจมน้ำตายหรือโดนรถชนตาย พวกเขาเหล่านั้นต้องการคนไปอยู่แทนที่เพราะเขาจะได้ไปเกิดใหม่ ที่พวกเขาเรียกกันว่ามีตัวตายตัวแทนนั้นเอง เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ชอบเล่นใกล้แม่น้ำ วันนั้นแม่เขาทำงานในบ้านกำลังยุ่งอยู่ เธอจึงลืมไปว่าในวันนี้จะมีการล้างป่าช้า นึกว่าเหมือนทุกวันที่ไม่มีอะไร เลยปล่อยให้ลูกเล่นตามเคย
"คุณเห็นลูกไหม" แม่ของเด็กเดินตามหาลูกน้อยแต่ตามหาเท่าไรก็ไม่เจอเลยเดินเข้าไปถามสามี
"ไม่เลย ลูกหายเหรอ" ผู้ที่เป็นสามีเริ่มตื่นตกใจที่ได้ยินแบบนั้น
"ฉันตามหารอบบ้านแล้ว ตามจุดที่ไอ้หนูจะไป หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ" เธอเริ่มร้อนรน
"ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ" ผู้เป็นสามีเสนอความคิดเหมือนการกระทำจะไวกว่าคำพูด เขาได้กดเบอร์โทรหาตำรวจทันที
เมื่อตำรวจมาถึงก็พบศพเด็กนอนตายอยู่ที่แม่น้ำข้างบ้าน แต่กว่าจะพบพวกเขาใช้เวลาหากันนานพอสมควร"
"จบแล้ว" นกพูดเสร็จก็ปิดไฟฉาย ทั้งหมดหันมามองนกในความมืด สองกับนัดนำไฟฉายไปส่องที่นกเชิงเป็นคำถามว่าจบแล้วจริง
"จบจริงง่ะ ทำไมมันเร็วนักหล่ะ" หนึ่งขมวดคิ้วเป็นคำถามเธอรู้สึกว่ามันเร็วเกินไป
"ต่อไปใคร" นกไม่สนใจคนทั้งสามเธอถามถึงคนต่อไป
"สองเองค่ะ" สองได้ขานรับและเริ่มต้นเล่าเรื่องที่เธอคิดเอาไว้ในหัวสมอง
"มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชอบไปเดินเล่นในสุสานตอนกลางคืน เขามักจะเห็นว่ามีวิญญาณออกมาจากหลุมศพและเดินกันไปมาในบริเวณนั้น ด้วยความที่ยังเด็กจึงอยากเล่นสนุก ได้เดินตามวิญญาณชายชราไปโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนนั้นตามอยู่จะเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน ชายชราตนนั้นเขาตายเพราะถูกรถชนในเวลาเที่ยงคืนจึงเดินกลับไป ณ เวลาที่เขาตายอย่างเช่นทุกวัน เด็กชายคนดังกล่าวได้เดินตามไปและโดนรถชนตายในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคนขับรถนั้นเห็นแต่ชายชราโดยไม่เห็นเด็กโดยที่ไม่รู้ว่าเด็กได้กระเด็นออกไปนอนที่ข้างทาง และไม่มีใครช่วยเหลือจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา"
"นี่ก็สรุปไวไปไหม" หนึ่งเริ่มรู้สึกว่าคนเล่าจะเริ่มเล่าสั้นลงไปเรื่อยๆ ความน่าตื่นเต้นก็ค่อยๆ หายไป เธอจึงไปกดดันคนสุดท้ายคือ นัด ว่าต้องเล่าให้สมบทบาทและคนในนี้ต้องกลัวด้วย
"แค่นี้แหละ ไม่มีปัญญาเล่าแล้วจบข่าว"
สองปิดไฟฉายลงจึงเหลือแต่นัดที่ต้องดำเนินเรื่องต่อไป โดยรับแรงกดดันจากหนึ่งทางสายตาที่ส่งมาจากความมืด เธอจึงเริ่มเล่าโดยมีไฟฉายหนึ่งดวงที่อยู่ในมือของเธอส่องกลางห้องที่มืดสนิท
"ค...คือ ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากคืนนั้น มีผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งเดินผ่านจุดเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเพื่อที่จะเดินไปยังรถมอเตอร์ไซด์ที่เธอมักจะขับรถกลับบ้านเป็นประจำ โดยเธอไม่รู้ว่าคนที่ได้รับอุบัติเหตุที่เธอเห็นว่ากำลังยืนโดยมีเลือดอาบที่หน้านั้นเป็นวิญญาณที่ยืนดูร่างของเขานอนตายอยู่ที่พื้น แต่เธอดันไปสบตากับวิญญาณตนนั้นเข้า จึงทำให้วิญญาณตนนั้นได้เดินตามเธอโดยไม่รู้ตัว และนั่งซ้อนท้ายเธอกลับบ้านด้วยกัน
ขณะที่เธอกำลังขับรถอยู่นั้นเธอรู้สึกว่ารถมันอืดและช้าผิดปกติ จึงจอดรถเช็กสภาพยางรถทั้งยางหน้าและยางหลังแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ เธอจึงขับรถกลับบ้านต่อตามปกติโดยไม่สงสัยสิ่งใดจนกระทั่งเธอเข้านอน สายตาของเธอแวบไปเห็นวิญญาณผู้ชายโชคเลือด ยืนอยู่ปลายเตียงกำลังมองเธออย่างไม่วางตา เธอเห็นเช่นนั้นจึงช็อกสลบยันเช้า โดยมีวิญญาณตนนั้นยืนมองเธออยู่ที่เดิมจนสว่างเช่นกัน"
"จบแล้วจ้า"
นัดรีบปิดไฟฉายลงทันทีที่พูดจบ ในห้องจึงมืดมิดไม่มีแสงใดโดยภายในห้องมีแค่เด็กสาวทั้งสี่คนนั่งล้อมวงอยู่ท่ามกลางความมืด
"เฮ้อ...ไม่น่ากลัวเลยวันนี้"
หนึ่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างผิดหวัง เธอหวังว่าวันนี้จะได้รับความตื่นเต้นเพิ่มรสชาติของชีวิตเสียหน่อย แต่ได้ฟังเพื่อนร่วมวงเล่าแล้วความหวังจึงหายวับไปทันที
"แอ๊ดดด..."
เสียงประตูห้องถูกแง้มออก แสงจากข้างนอกได้ดึงสายตาของเด็กสาวทั้งสี่คู่ ให้หันไปหาบุคคลใหม่ที่เดินถือไฟฉายในมือตรงมาหาพวกเธอ โดยปิดห้องแล้วเปิดไฟฉายให้เห็นหน้าของเขาได้ชัดเจน
"คุณพ่อ" หนึ่งได้เรียกบุคคลที่เข้ามาใหม่ด้วยความแปลกใจที่เห็นว่าพ่อของเธอนั้นเข้ามาในห้องโดยไม่มีคำพูดใดๆ
"พ่อจะมาเพิ่มความสยอง ให้กับพวกหนูๆ ทั้งหลาย" พ่อของหนึ่งและสอง ได้พูดขึ้นท่ามกลางแสงไฟฉายที่จ่อใต้คางด้วยความสยองในสายตาของนกและนัด
"เคยมีคนบอกว่าเวลาตกกลางคืนจะอยู่ที่ใดก็แล้วแต่ควรไปเป็นเลขคู่ ถ้าไปเป็นเลขคี่จะมีบางสิ่งมาอยู่เป็นเพื่อนเพื่อให้ครบคู่ ลองนับจำนวนคนดูสิ" พ่อของหนึ่งและสองพูดแล้วกลอกตามองมาที่หนึ่งเป็นการบอกให้เริ่มนับจากเธอก่อนคนแรก
"หนึ่ง" เสียงของหนึ่ง
"สอง" เสียงของสอง
"สาม" เสียงของนก
"สี่" เสียงของนัด
"ห้า" เสียงของพ่อของหนึ่งและสอง
"ก๊อก ก๊อก แอ๊ดดด..." เสียงประตูค่อยๆ เปิดอ้าอย่างช้าๆ โดยที่โดนล็อกไปแล้วแต่ยังเปิดได้ทั้งหมดหันไปมองที่ประตูที่ค่อยๆ แง้มออกช้าๆ
"บะฮู้ บะฮู้" เสียงสุนัขหอนประสานเสียงโดยที่ประตูค่อยๆ เปิดจนเห็นข้างนอก
"กรี๊ดดดด..."
.
.
.
.
.
.
.
ทั้งหมดวิ่งกันออกจากห้อง ยกเว้นแต่พ่อของหนึ่งและสองที่นั่งอยู่ในห้องคนเดียว ที่ทั้งหมดวิ่งออกไปนั้นเป็นเพราะประตูที่เปิดออกไม่มีใครยืนอยู่นั้นเอง

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2561, 22:07:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2561, 22:07:38 น.
จำนวนการเข้าชม : 609
<< แม่น้ำติดป่าช้า | ผีถ้วยแก้ว >> |