มนตราในฝัน
กานติศา หญิงสาวหลงทางในความฝัน จินตนาการของเธอ กระทั่งพบชายชุดดำปริศนาเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวยามกลางวัน กลืนเป็นสีน้ำเงินในรัตติกาล สัมผัสความลึกลับและอันตราย
เธอจะวิ่งหนีไปให้พ้นจาก 'ฝันร้าย' อย่างไร

Tags: ข้ามภพ,แฟนตาซี,ความรัก

ตอน: บทที่1 (1) กานติศากับต้นไม้สีม่วง

ต้นไม้รูปทรงเห็ดสีม่วง ยืนต้นโดดเด่นกลางทุ่งกว้าง

ท้องฟ้าขมุกขมัวเป็นสีเทาคราม ยากคาดคะเนว่าเป็นเวลาใด ม่านหมอกหนาบดบังสายตามองไม่เห็นดวงอาทิตย์ทั้งดวงจันทร์ สายลมอ่อนพัดโชยพาใบไม้สีม่วงขยับโบกไปมาทักทายผู้ประสบเห็น

ภาพฉากนี้มักเกิดขึ้นแล้วซ้ำเล่า เปรียบเสมือนการเดินทางใน ‘ความฝัน’ อย่างไม่สามารถควบคุมได้ แทนที่อยู่ในความสงบการนอนหลับพักผ่อน ไม่ว่าสั้นหรือยาว กลางวันหรือกลางคืน ‘ความฝัน’ พยายามแทรกซ้อนเข้ามาอยู่เสมอ จำต้องลุกตื่นขึ้นมางงงวย ไม่เข้าใจ ตั้งคำถามเป็นรอบที่ร้อย

น่าเสียดายไม่มีแหล่งไหนให้อธิบาย มอบคำตอบอย่างสมเหตุสมผล จึงล้มเลิกความตั้งใจตั้งข้อสงสัยไปหมดทั้งสิ้น การฝันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของชีวิต ดังเช่นประสบฝันร้ายจนลุกตื่นมาร้องไห้เหมือนเด็กเล็ก หรือเจอความฝันตลกขบขันเล่นงานจนฉี่รดที่นอน

เมื่อปล่อย ‘ความฝัน’ พาไปที่เหตุการณ์เดิมๆ หารู้ไม่ว่าความซ้ำซากทยอยเปลี่ยนชีวิตธรรมดาสาวคนหนึ่ง เจ้าของดวงตากลมโตสดใส นิสัยร่าเริงมีชีวิตชีวา บัดนี้กลับหม่นหมอง ขอบตาคล้ำ เบ้าตาลึกโหล ซูบซีดอิดโรยราวกับไม่ได้นอนหลับเต็มที่มาแรมปี

“คุณกานติศา”

เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงตื่นขึ้นมาทันที ดีดตัวแรงผลักโต๊ะเขียนหนังสือล้มคว่ำ อุปกรณ์การเรียนพาเทกระจัดกระจายเต็มพื้น ทุกสายตาในห้องเรียนหันมามองตัวการทันทีทันควัน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายที่นั่งแถวหน้าสุดละสายตาจากหนังสือมามองเธออีกด้วย รติรสเพื่อนสนิทซึ่งนั่งติดกันสะกิดเรียก อับอายราวกับเป็นผู้กระทำเสียเอง

“นี่แก เขามองกันหมดแล้ว รีบทำอะไรสักอย่างเข้าสิ”

“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ” กานติศารีบตั้งโต๊ะขึ้นมาให้เรียบร้อย ส่งสายตาขอบคุณที่เพื่อนสนิทลงมาช่วยเก็บอุปกรณ์การเรียนอีกแรง เสียงอาจารย์ยังดุแว้ดๆ ใส่

“นอนหลับสบายมั้ย ละเมอเสียงดังเชียว จะบอกครูเป็นนัยๆ ว่าเลคเชอร์ของครูน่าเบื่อใช่มั้ย”

กานติศาพยายามนั่งหดตัวเล็กด้วยความรู้สึกผิดตลอดชั่วโมงเรียน กระทั่งอาจารย์ยังหน้าบูดบึ้งปิดเครื่องฉายภาพบ่งบอกถึงเวลาเลิกเรียน สิ้นชั่วโมงวิชาพิเศษของคณะศิลปกรรมศาสตร์ แต่เนื้อหาพาชวนง่วงนอน อาจารย์เคราขาว รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ลูกศิษย์ทั้งหลายแอบเปรียบเทียบรูปร่างซานต้าคลอส แต่นิสัยใจร้าย หนวดยาวที่สั่นกระเพื่อมตอนกำลังแพดเสียงต่อว่า สั่งเธอไปพบอาจารย์นอกเวลา ให้ทำรายงานเพิ่มเติมเป็นการลงโทษ

“ปกติ แกไม่เคยหลับระหว่างเรียนนะ กาน แกเป็นอะไรไป” รติรสยืนรอเพื่อนอยู่ตรงประตูทางออกพอดี

“เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยนะ รส เมื่อกี้กานไม่ได้จดไว้นะ ขอยืมสมุดไปลอกหน่อยสิ” กานติศาสนุกกับการวาดรูปก่อนนอนทุกคืน

รติรส สาวสวยมาดนางแบบปกตินิสัยดี เสียดายที่วันนี้เจ้าตัวกลับไม่ยื่นน้ำใจดีให้

“ไม่ให้ย่ะ เพราะแก รสถึงพลอยถูกหางเลขไปด้วย ยิ่งรู้ว่าลุงซานต้าไม่ค่อยชอบรสเท่าไรด้วย”

“แกก็รู้ว่าเมื่อคืนกานต้องวาดรูปให้เสร็จ”

นอกจากเลือกเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ กานติศายังรักการวาดรูปสีน้ำมัน ปั้นเซรามิก เมื่อเกิดความลุ่มหลงยิ่งหาจังหวะยากในการถอนตัว รติรส เพื่อนสนิทที่สุดรู้จักอุปนิสัยความหมกหมุ่นของเธอเป็นอย่างดี นิสัยรักสวยรักงาม มือเรียวขาวเป็นการตอกย้ำว่า รติรส ไม่น่าเลือกเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์

“รสหวังเพื่อแก ให้ได้สิ่งที่ดีกว่า” ปากบวมเจ่อเพิ่งผ่านการฉีดโบทอกซ์มาครั้งล่าสุดบุ้ยปากไปด้านหลัง กานติศามองตาม ใจเต้นโครมครามราวกับถูกตีกลองรัว

“พี่ต้น”

ต้น ธรณินทร์ ชายหนุ่มนั่งแถวหน้าสุดฐานะผู้ช่วยอาจารย์พิเศษ ส่งยิ้มหวานทลายทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ในหัวใจ

“ไง กาน เมื่อคืนทำอะไรดึกดื่น ถึงได้หลับจนน้ำลายยืด”

“พี่นี่ก็อีกคน แค่นี้กานอายไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้วค่ะ” รีบตรวจเช็คหาหลักฐานอย่างที่พี่ต้นกล่าวหา จึงได้รู้ว่าเธอถูกเขาแกล้งเข้าเสียแล้ว เสียงหัวเราะต่ำกลั้วคอ

“นี่สมุด เอาของพี่ไปสิ” ชายหนุ่มยื่นสมุดให้รุ่นน้อง

“เดี๋ยวอาจารย์พี่ว่าหรอก ไม่เอาดีกว่า กานไม่กล้า” แล้วสมุดนั้นถูกยัดใส่มือทันที กานติศามองหาความหมายในสายตารุ่นพี่ผ่านแว่นตากรอบไม้อย่างมีสไตล์ ไม่อาจปิดบังดวงตาสีเข้มที่ยังคงมองมาที่เธอ

“อย่าเสียงดังสิ หรือกานอยากประกาศให้อาจารย์รู้ อยากให้พี่ถูกไล่ออกหรือ”

“เปล่าซะหน่อย” เธอรีบเก็บสมุดใส่กระเป๋าเป้

“ถ้ากานเรียนไม่จบ คุณน้าทั้งสองต้องโทษพี่แน่”

กานติศาเพิ่งรู้ตัวการหายตัวไปของเพื่อนสนิท ปล่อยให้เธออยู่กับชายหนุ่มสองคน แม้เป็นเวลาสั้นๆ ก็อยากจะนึกขอบคุณเพื่อน “กานตั้งใจเรียนจบ ไม่ทำให้พี่ลำบากหรอก พ่อแม่ก็ไม่น่าไปรบกวนพี่เลยค่ะ”

เนื่องจากครอบครัวของทั้งสองสนิทกัน บ้านติดกัน กานติศาวิ่งเล่น ขี่หลังพี่ต้นมาตั้งแต่ยังเล็ก พี่ต้นอายุมากกว่าเธอถึงสี่ปี เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันตลอดจนถึงมหาลัย ขณะตอนนี้เธอเรียนปริญญาตรีปีสุดท้าย หมายความว่าพี่ต้นเป็นนิสิตปริญญาโทปีสุดท้ายเช่นกัน จะหาว่าเธอเอาแต่วิ่งตามผู้ชายคนนี้ตลอดไปก็ไม่ถูก พ่อแม่ทั้งคู่สนิทกันขนาดเคยคุยกันเล่นๆ ถึงขั้นฝากเนื้อฝากตัวลูกเขยลูกสะใภ้ในอนาคต แม่พูดแซวตลกแต่ไม่ตลกในความคิดเธอ ‘แม่กรุยทางไว้แล้ว ชอบเขา จับเขาไว้อย่าให้หลุดล่ะ’

“เย็นวันนี้ พี่มีธุระสำคัญไปส่งกานไม่ได้นะ” มือชายหนุ่มยีผมสั้นไปมาอย่างเอ็นดู สายตาอ่อนโยนพลอยทำหัวใจอบอุ่น แม้ว่าเวลาผ่านไปนานแล้วพี่ต้นของเธอยังเป็นพี่ชายคนเดิม

พี่ต้นคิดอย่างไรกับกานนะ

ความสงสัยกรุ่นในใจกานติศามาตลอด บางครั้งพี่ต้นเหมือนพี่ชายแสนดีมารับไปส่งเธอหลังเลิกเรียนทุกครั้งที่มีโอกาส บางทีทำตัวเหมือนชายหนุ่มเลือดร้อน เผยทีท่าแสดงอาการไม่พอใจ เห็นเธอกลับหอพักพร้อมกับเพื่อนชายหลายคน ซึ่งทุกคนในตอนนั้นเรียกอาการหึงหวง หากเธอไม่รีบอธิบายว่าพวกเขาเป็นแค่เพื่อน วันนั้นจะต้องมีการปะทะตะลุมบอนแน่นอน

พี่ต้นไม่เคยแสดงออกว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ วีรกรรมหลายอย่างบ่งชี้ว่าอย่างน้อยเขาคงมีความรู้สึกที่ดีบ้าง

หลังจากแยกกับพี่ต้น ระหว่างเดินทางกลับไปที่อาคารสวัสดิการของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีร้านเบอเกอรี่เปิดขายมานานตั้งแต่เริ่ม กานติศาเห็นสาวรูปร่างดีเป็นศูนย์กลางถูกวงล้อมไปด้วยฝูงคน รติรสเป็นสาวบล็อกเกอร์ เวลาว่างรู้สึกเซ็งขึ้นมา หล่อนมักจะวีดีโอไลฟ์รีวิวเครื่องสำอางแบรนด์ระดับล่างไปจนถึงแบรนด์ระดับไฮเอน มีแฟนคลับตามไปทุกแห่ง นิตยสารแฟชั่นในมือหล่อนมีอะไรน่าสนใจนัก ถึงไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งเธอฝ่าวงล้อมไปเข้าไป

“ยัยกาน แกมาดูคอลัมน์นี่ เขียนถึงสิบอันดับชายหนุ่มหล่อ สายเลือดคนรุ่นใหม่น่าจับตามอง หนี่งในนั้นมีพี่ต้นของแกด้วย”

“ไหนล่ะ” แล้วภาพพี่ต้น ธรณินทร์ ในชุดลำลองในท่วงท่าสบาย มือจับถ้วยกาแฟปรากฎสายตา ได้ชมความหล่อสมาร์ทปราศจากแว่นตากรอบไม้ พาดหัวด้วยข้อความตัวหนา

คุณต้น ธรณินทร์ Animator* ไฟแรง โพรไฟล์เริ่ด บริษัทนอกแห่จองคิวสัมภาษณ์

“ขนาดพี่ต้นของแกยังครองแค่อันดับเก้า แล้วใครมันคว้าอันดับหนึ่ง”

“หยุดพูดว่าพี่ต้นของกานซะทีได้มั้ย” อยู่ท่ามกลางฝูงคน ยิ่งไม่อยากให้ใครได้ยิน

“แหม กาน ใครๆ ก็รู้ว่าพี่ต้นเป็นของแก ว่าที่สามีในอนาคต ไม่สิ เป็นลูกเขยครอบครัวแกตั้งแต่แกยังไม่เลิกใส่ผ้าอ้อม” แล้วเสียงหัวเราะดังห้อมล้อมตัว ขณะที่เธอหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศสุก นิสัยปากร้ายของเพื่อนช่างขัดกับใบหน้าสวย ผลการเรียนคงเส้นคงวาไม่ถึงกับดีเยี่ยม เนื่องจากมักแอบโดดเรียนหนีไปชอปปิ้งอยู่บ่อยครั้ง โดยอาศัยเธอทำหน้าที่เป็นไม้กั้นหมาพวกผู้ชายรุมเข้ามาจีบ

“อ้าว ใครมันฉีกขาดวะ”

รติรสพลิกหน้านิตยสารกลับไปมา อยากรู้ว่าใครคือชายหนุ่มครองอันดับสูงสุด พบว่าหน้านั้นเหลือแต่เศษกระดาษถูกฉีกขาดออกไป ยังพอให้เห็นภาพบางส่วน นิ้วชี้ไปที่ดวงตา

“ตาน่ากลัวจัง” เสียงสาวคนนึงเอ่ยขึ้น ตามด้วยความเห็นอีกหลายคน

“เป็นสีตาแปลกมาก ฝรั่งหรือเปล่า”

“เหมือนดวงตาสัตว์ป่า คนนี้คือใคร”

พยายามเล็งมองเศษกระดาษ หาตัวหนังสือหรือข้อความแสดงความเป็นมาเจ้าของดวงตาสีแปลก แต่ก็ไม่พบอะไร

กานติศาไม่ได้ยินเสียงเพื่อนอีกเลย มีพลังงานบางดึงดูดให้เธอมองไปที่เศษกระดาษ เข้าไปในดวงตาสีแปลก จะหาว่าสีเขียวก็ไม่ใช่ สีฟ้าน้ำทะเลก็ไม่เชิง สีอยู่ก้ำกึ่งกลางระหว่างสองสี มีประกายละอองดวงดาวนับล้านดวง ถูกจับขังภายในดวงตาเรียวรูปทรงอัลมอนด์ เชิญชวนให้นึกฉากในฝันที่เธอฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ตาสวยจัง สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา อาจจะเป็นหนุ่มพรหมลิขิตที่แกตามหาก็ได้”

“พูดถึงหนุ่มพรหมลิขิตของรส มาตรฐานสูงมากนะ” รติรสยกขมวดคิ้วมองเพื่อนสนิท ดึงนั่งลงด้วยกัน ราวกับหล่อนมีเรื่องต้องสาธยายอีกมากมาย ผู้ฟังเป็นใครฟังแล้วรีบโกยหนี ด้วยเสียงสูงแหลมเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว สร้างความทรมาน กานติศาเป็นคนหนึ่งที่อยู่ทนฟังเพื่อนสาวจนจบ

“หนึ่ง รอยยิ้มต้องเหมือน จอร์จ คลูนีย์ สอง หน้าท้องมีซิกส์แพ็กเหมือน ไรอัน เรย์โนลด์ สาม หน้าต้องหล่อกว่า ออลันโด บลูม ในบทเลโกลาส” รติรสร่ายยาวอีกเป็นลิสต์ เกรงว่าจะจำไม่ไหว

กานติศา และเพื่อนอีกหลายคนฟังแล้วหัวเราะ กับความก๋ากั่นไม่อายใคร ความมั่นใจเรื่องความงามไม่เป็นรองใคร “ที่สำคัญ ต้องเป็นฝรั่งอเมริกันหรือออสซี่ แต่ไม่เอาฝรั่งเชยๆ ในยุโรปนะ”

กานติศามองพวกนั้นยังไง ฝรั่งก็คือฝรั่ง

“เราทุกคนคงเห็นด้วยกันว่า แกหาให้ได้สักคนก่อนเถอะ ฟังสเป็กแก กานฟังแล้วปวดหัว” สิ้นคำรีบหลบลูกตีเกือบไม่ทัน

“เอ่อ ฉันไม่ง่ายเหมือนแกนะ เอะอะเอาแต่เรียกพี่ต้นคะ พี่ต้นขา”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะดังครืนใหญ่ นิตยสารถูกปิดลงอย่างหมดความสนใจ กลุ่มสาวนั่งทานเบอเกอรี่พร้อมเสียงพูดคุยสลับเสียงหัวเราะ กานติศาไม่วายมองนิตยสารเล่มนั้นเป็นระยะ

“รส วันนี้กานจะกลับบ้าน วันนี้แกอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย”

“ได้สิ ทำไมวันนี้กลับบ้านล่ะ ไม่ใช่วันศุกร์นี่” เพื่อนสาวแปลกใจ ที่สาวตัวเล็กขอกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวในวันธรรมดา แทนที่กลับหอพักที่ทั้งคู่เป็นรูมเมทกัน ซึ่งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย

“อยากจะไปทำอะไรนิดหน่อย กานคิดถึงข้าวฝีมือแม่ ไม่อยากเจอรถติด เลยขอค้างเลยดีกว่า”

บ้านกานติศาอยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล หากเป็นวันโชคร้าย เจอการจราจรติดขัด เธอใช้เวลาสองชั่วโมงถึงบ้าน โดยนั่งรถไฟฟ้าไปสุดสาย ต่อด้วยรถเมล์ประจำทาง

กานติศา เธอเป็นอะไรที่อยู่ตรงกันข้ามรติรสตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ใช้เวลาว่างในการวาดรูปในสถานที่สงบ ขณะอีกฝ่ายเป็นสาวขาช็อป เธออาจจะไม่โดดเด่นในสายตาใคร สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา เสื้อยืดสีพื้นๆ กับกางเกงยีนไม่มีคำว่าแฟชั่น ตัดผมสั้น บ็อบสไตล์เหมือนเด็กผู้ชาย ดวงตากลมโตสดใส ความสามรถโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ กานติศาวาดรูปเก่งมาก

รติรสเคยเสียดายผมยาวสวยๆ เนื่องจากเธอเคยไว้ผมยาวถูกหั่นสั้น เพราะเป็นอุปสรรคในการวาดรูป

บ้านสไตล์โมเดิร์นสองชั้น ด้านหลังมีสวนขนาดย่อม ปลูกดอกไม้ ต้นบอนไซนานาชนิด พ่อเธอมั่นดูแลรักษาต้นไม้พวกนั้นเหมือนลูกหลาน กลิ่นหอมกรุ่นมาจากครัว กานติศาคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่มากที่สุดในโลก ลูกสาวคนโตสวมกอดแม่ทางด้านหลัง มือกำลังคนน้ำแกง หม้อตั้งไฟเดือดปุดๆ

“กลับมาแล้วหรือ ลูก กอดรัดแน่นอย่างนี้ แม่ทำอาหารไม่ถนัด”

“แม่จ๋า หอมจัง เนื้อนุ่มนิ่มจัง เหมือนกอดตุ๊กตาหมีเลยค่ะ” แล้วมือนิ้วป้อมๆ ก็มาตีแขนเธอเผียะ

“จะหาว่าแม่อ้วนเหมือนตุ๊กตาหมีของกานใช่มั้ย ไม่เห็นหน้ามาหลายวัน ปากกล้าขึ้นเยอะ ล้างมือก่อนซิลูก”

ลูกสาวมองคุณนายประพิมพรรณ มารดาผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ ไปไหนกับกานติศามักถูกทักเหมือนพี่สาวกับน้องสาวมากกว่าแม่ลูก

“วันนี้แม่ตำน้ำพริกอ่องแบบไม่เผ็ดที่ลูกชอบ คะน้าหมูกรอบ แกงเขียวหวานไก่”

“น่ากินจังค่ะ แม่พิม” เพียงฟังชื่อรายการอาหารพวกนี้ ก็รู้สึกเปรี้ยวปากอย่างกระหายเสียแล้ว แม่พิมทำอาหารอร่อยที่สุดในซอย ทุกเทศกาลปีใหม่เพื่อนบ้านจะเอาอาหารหรือขนมมาแลกกัน อาหารฝีมือแม่มักจะหมดก่อนบ้านอื่นๆ รวมทั้งคุณวรรณิภาถนัดอาหารปักษ์ใต้ แม่พี่ต้นทำอาหารอร่อยไม่แพ้กัน

“และผัดไข่ลูกเขย แม่ยังลุ้นอยู่นะ เมื่อไรจะพาลูกเขยมาพบแม่ พี่ต้นของลูกไม่ว่างรึจ๊ะ”

“แม่ ทำไมทุกคนเชียร์พี่ต้นจังคะ” อาการชื่นชมรุ่นพี่มาตั้งแต่เด็ก เหมือนไม่ใช่ความลับแล้ว แม่ส่งเสียงหัวเราะอย่างรู้ใจ ทำไมจะไม่เป็นความลับ ในสายตาลูกตลอดเวลามองแต่หนุ่มข้างบ้าน

“ลูกเพิ่งมาถึง คงเหนื่อยแล้ว ขึ้นไปพักข้างบนก่อนสิลูก เสร็จแล้วแม่จะให้พ่อไปตามนะจ้ะ”

“ค่ะ”

ก่อนจะเข้าห้องของตัวเอง แต่เธอเลี้ยวเข้าน้องชาย ลูกชายคนเดียวในบ้าน เป็นตัวแสบของครอบครัว ซึ่งเจ้าตัวน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน นิสัยเกเรประสาหนุ่มเนื้อหอมที่สุดในโรงเรียน ชอบหาเรื่องแกล้งผู้เป็นพี่สาว พี่น้องเล่นกันเหมือนผู้ชายมาตั้งแต่เด็กจนโตนี่แหละ กันต์ยังเป็นเด็กเกเรที่เชื่อฟังพ่อแม่มาก

ห้องเหม็นอับไปด้วยกลิ่นเหงื่อจนสาวย่นจมูก ขึ้นไปนอนเล่นบนเตียง ในห้องรกไปด้วยข้าวของ หนังสือการ์ตูน วีดีโอเกมส์ชวนนึกถึงสมัยวัยเด็ก และถ้วยรางวัลการแข่งขันฟุตบอล ความไม่มีระเบียบวินัยสมควรถูกสั่งสอนเสียที

สายตาสะดุดมองเพดาน ติดภาพโปสเตอร์นักฟุตบอลชื่นชอบที่กันต์เป็นแฟนคลับตัวยง ดันหลุดออกมามีภาพซ้อนอีกชั้น ช่างยั่วยวนสายตาเหลือเกิน ผู้หญิงเอเชียหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดบิกินีสองชิ้นปกปิดเนื้อหนังมังสาไม่ค่อยมิด โพสท่าเซ็กซี่ สองแง่สองง่ามอย่างที่กานติศาไม่มีวันเลียนแบบท่าได้

“กันต์ แม่เอาแกตายแน่”

เธอควรบอกน้องชายตัวดีให้ดึงภาพนี้ออกและเก็บไว้ในที่มิดชิด เป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนต่างมีไอดอลในดวงใจ ผู้หญิงชอบผู้ชายหล่อ ผู้ชายแพ้ผู้หญิงสวย น้องชายเธอเองยังมีสาวอกสะบึ้ม แล้วเธอเล่า หรือควรเอารูปพี่ต้นมาใส่กรอบดี สาวนึกขำตัวเอง อย่างที่รติรสบอก วันๆ เอาแต่เรียกพี่ต้นคะ พี่ต้นขา

แล้วดวงตาสีสวย เข้ามาในห้วงคำนึง




KAVIDA
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 เม.ย. 2561, 14:07:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 เม.ย. 2561, 14:47:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 618





   บทที่1 (2) กานติศากับต้นไม้สีม่วง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account