+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน
ตอน: ตอนที่ 10
อิงอรุณคอยจนพันเทพหลับ แล้วจึงลงมาหามารดาเพื่อเตรียมกลับบ้านพร้อมกัน ระหว่างคอยคนขับวนรถมารับยังหน้าโรงพยาบาล หญิงสาวก็ตัดสินใจ...
“อิงอยากแต่งงานให้เร็วที่สุด แล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศค่ะแม่” นั่นไม่ใช่คำขอ แต่เป็นการบอกกล่าว
หญิงสาวตัดสินใจเช่นนั้นเพราะรู้ดีว่าคนระดับสุพจน์และคุณหญิงเปรมิกา เทียมสุบรรณ ย่อมมีอำนาจทั้งในวงการสีเขียวสีกากีรวมถึงแวดวงการเมืองหนุนหลัง ที่พ่อเจ็บวันนี้ก็เพราะโกรธจัด แต่จากนี้ท่านคงคุมอารมณ์ตัวเองให้ตอบโต้กับอีกฝ่ายได้อย่างทัดเทียม ให้ยังไงสิงห์ก็ต้องเป็นเจ้าป่าวันยังค่ำ!
แต่พันเทพละ รู้กันอยู่ว่าพลเอกศักดิ์สิทธิ์วาดหวังถึงการแต่งงานครั้งนี้ว่าจะเป็นกุญแจไขเข้าสู่ขุมสมบัติของบ้านเทียมสุบรรณ หากเธอตัดขาดกับพันเทพ ท่านนายพลต้องเอาความผิดหวังไปลงที่ลูกแน่นอน ถ้าเธอปล่อยมือชายหนุ่มก็เท่ากับผลักให้เขาไปยืนอยู่ตรงปากเหวด้วยมือตัวเอง เธอทำเช่นนั้นไม่ลงจริง ๆ !
เปรมิกาตวัดค้อนไม่พอใจ “แม่ไม่ยอม ทำไมต้องไปเมืองนอก นี่เกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันค้างไว้ตอนเย็นใช่ไหม”
อิงอรุณกำลังเรียบเรียงสิ่งที่จะอธิบายอยู่ในใจ
ทว่ามารดาคงเข้าใจว่าความเงียบก็คือยอมรับ ท่านจึงเอ่ยต่อ “แม่ไม่ได้งกสมบัตินะน้องอิง เงินทองข้าวของที่เขาให้จัดการมันเล็กน้อยมาก แต่พ่อกับแม่ไม่อยากให้น้องอิงเป็นเครื่องมือของคนบ้า วันนี้มีแค่อำนาจ เขายังกล้าขู่เราเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป วันหน้าถ้ามีทั้งอำนาจแล้วยังมีเงินของเราไปหนุนหลังอีก เขาจะยิ่งกร่างขนาดไหน แม่ไม่อยากดองกับคนแบบนั้น แค่คิดก็สะอิดสะเอียนแล้ว”
อิงอรุณบีบมือมารดาเบา ๆ “อิงเข้าใจค่ะ แต่ก็อยากให้พ่อกับแม่เห็นใจเทพด้วย พ่อเขาหวังกับการแต่งงานนี้ไว้มาก เขาคงไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ หรอก”
“ห่วงเทพ แล้วไม่ห่วงพ่อแม่เหรอ” เปรมิกาสะบัดมือเธอด้วยความน้อยใจ
หญิงสาวรีบคว้ามือมารดาไว้ “ที่เทพเป็นอย่างนั้น พ่อเขาเป็นคนทำค่ะ”
เปรมิกาตะลึง ส่ายหน้าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ครู่ใหญ่กว่าจะรำพึง “พ่อเขาตีลูกตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ ลูกชายเขาทั้งคนนะน้องอิง”
“อิงโทร.ไปคาดคั้นคนใช้บ้านเทพ เขาว่าเทพคุยกับท่านนายพลที่ห้องทำงาน พักใหญ่ก็ได้ยินเสียงโครมคราม พอ ทส. เข้าไปห้าม ก็ได้ยินเสียงปืนตามมา”
คนอายุมากกว่ายกมือทาบอก ซวนเซจนอิงอรุณต้องประคองมารดาไปนั่งเก้าอี้ “คนใช้บอกว่าเทพออกจากห้องในสภาพดูไม่ได้ เลือดไหลเป็นทางเต็มหน้าเต็มตัว แต่เขาก็ยังฝืนขับรถ”
“เวรกรรม หมาแมวยังรักลูกตัวเอง นี่เขาเป็นคนแท้ ๆ ทำทารุณอย่างนั้นกับลูกในไส้ลงคอได้ยังไงกัน”
“ถ้าอิงเลิกกับเทพตามที่แม่ขอ พ่อเขาคงยิ่งโกรธกว่านี้ และคราวนี้อาจไม่ใช่แค่ปืนลั่นก็ได้นะคะ”
เปรมิกาหัวเราะหยัน “นายพลศักดิ์สิทธิ์ฉลาดจริง ๆ เขารู้จักลูกชายตัวเองดีทีเดียว แล้วก็คาดเดาลูกสาวแม่ไม่ผิดเลยด้วย อิงกำลังให้ในสิ่งที่เขาต้องการอยู่นะ”
“แม่หมายความว่าคุณพ่อเทพแค่ตั้งใจขู่ไม่ให้อิงเลิกกับเทพเหรอคะ”
“พันเทพยังมีประโยชน์กับท่านนายพล เขาไม่ทำลายสมบัติในมือด้วยเหตุผลตื้น ๆ แค่นั้นหรอก นี่มันไม่ใช่ยุคมืดที่คนมีอำนาจคิดจะปิดปากใครตามใจชอบก็ได้หรอกนะ ต่อให้น้องอิงกับเทพเลิกกันจริง เขาก็คงหาผู้หญิงสักคนมาแต่งกับลูกชายอยู่ดี แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องให้ผลประโยชน์ที่ท่านนายพลต้องการได้ด้วย”
“แต่ถ้าแม่คาดผิด คนที่จะตกอยู่ในอันตรายก็คือเทพนะคะ”
“ยังไงพันเทพก็ปลอดภัย คนที่กำลังไต่อยู่บนเชือกที่ริมผาน่ะคือพวกเราเทียมสุบรรณต่างหาก เทพเป็นคนดี แต่แม่ไม่อยากเอาชีวิตน้องอิงไปเสี่ยงกับคนบ้าเลือดพรรค์นั้น มันได้ไม่คุ้มเสียหรอก กับลูกชายตัวเองเขายังลงมือได้ลงคอ เกิดน้องอิงแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้ เขาอาจทำรุนแรงกับน้องอิงมากกว่านั้นก็ได้นะ”
อิงอรุณลังเล เหตุผลของมารดามีความเป็นไปได้สูง แต่ถ้าท่านคาดผิดล่ะ...
“น้องอิงยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ รอคุณพ่อฟื้นแล้วเราค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันก็ได้ แม่มั่นใจว่าพ่อต้องเห็นด้วยกับแม่” เปรมิกาย้ำเสียงหนัก “พี่ชายเราก็ไปประชุมที่สวิตฯ ไม่กลับสักที นี่ถ้าอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยก็จะได้ช่วยกันคิด ฮึ!”
ในที่สุดอิงอรุณก็ยิ้มออก แม่ช่างเอาแต่ใจสมกับที่เป็นแม่จริง ๆ คงต้องโทษ
พ่อที่ตามใจกันจนแม่มั่นใจว่าจักรวาลนี้หมุนรอบตัวท่าน ไม่ว่าแม่อยากได้อะไรก็ต้องได้เสมอ! “แม่ขา พี่นรานำคณะทำงานในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไปประชุมกับดับเบิลยูทีโอนะคะ ไม่ได้ไปเที่ยว จะให้ไปปุ๊บกลับปั๊บตามใจตัวเองไม่ได้หรอก”
“มัวแต่ไปเจรจาช่วยรัฐบาล แต่ปล่อยให้พ่อแม่กับน้องมีปัญหาเนี่ยนะ” มารดาหน้างอ เพราะไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้วที่บุตรชายคนโตเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลปัจจุบัน
“พี่นราอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ พี่ชายอิงเป็นนักปราชญ์นะคะ ไม่ใช่นักเลง แม่ก็เห็นกันอยู่ว่ารายนั้นเขากร่าง วางอำนาจขนาดไหน”
เปรมิกาถอนใจ “ทั้งหมดนี่เป็นเพราะท่านนายกฯ นั่นแหละ คิดแต่จะดันคนของตัวเอง เลยจะเขี่ยคุณลุงอิงขึ้นเป็น ผบ.สส ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว ผลักคนที่เหม็นขี้หน้าออกไปไกล ๆ แถมยังได้อำนาจทหารมาไว้ในมือ แค่นี้รัฐบาลก็รวบอำนาจไว้กับตัวเองได้เบ็ดเสร็จแล้ว ประเทศเราคงเข้าใกล้กลียุคมากขึ้นทุกที”
เมื่อการเมืองต้องการกองทัพหนุนหลัง พี่ชายของมารดาซึ่งอยู่คนละขั้วกับรัฐบาลก็เปรียบเสมือนเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่ที่ขวางหนทางแห่งผลประโยชน์ ไม่แปลกที่ผู้นำรัฐบาลอยากเขี่ยเขาให้พ้นทาง โดยดันขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเดิม แต่ไร้อำนาจ จากนั้นก็เอาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นคนของตัวเองมาคุมกองทัพบก ด้วยกำลังพลเกือบสามแสนนายในมือ แค่นี้ทั้งอำนาจและการเมืองก็รวมเป็นหนึ่งเดียว
รัฐบาลมีเสถียรภาพ ไม่ต้องกังวลว่าทหารจะทำรัฐประหารซ้อน ซึ่งพอไม่มีใครคอยคานอำนาจ ก็ยิ่งเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชันได้ง่ายขึ้น
อิงอรุณรู้ดีว่าการที่คนบางกลุ่มมีอิสระในการฉ้อโกง ย่อมส่งผลกระทบกับภาคเอกชน ทุกอย่างจะเกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่
“อะไรก็ยังไม่แน่นอนค่ะแม่ อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะถึงฤดูโยกย้าย ถึงคุณพ่อเทพจะสนิทกับท่านนายกฯ แต่คุณลุงก็มีรัฐมนตรีกลาโหมหนุนหลังอยู่ ท่านเป็นเพื่อนสนิทของคุณลุงคงต้องค้านท่านนายกฯ สุดฤทธิ์ เราต้องไม่ลืมจุดนี้นะคะ”
“ปัจจัยในการโยกย้ายมันมีมากกว่านั้นน้องอิงก็รู้” เปรมิกาถอนใจ เปรยอย่างท้อแท้ “ทหารดี ๆ มีเต็มกองทัพ ทำไมเราต้องมาเจอพวกหนึ่งในล้านก็ไม่รู้”
“อิงจะลองปรึกษาเรื่องนี้กับเพชรดู พี่เผ่าอาจมีคำแนะนำดี ๆ ให้”
แค่เอ่ยถึงอดีตสะใภ้ เปรมิกาก็หน้าตึง “เพื่อนคนอื่นมีเยอะแยะ ทำไมต้อง...”
“แม่ขา... เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แม่ยังไม่ให้อภัยเพชรอีกหรือคะ”
มารดาค้อนงอน ๆ “น้องอิงก็เข้าข้างแต่เพื่อน ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเดี๋ยวนี้ น้องอิงก็เลือกเพื่อนก่อนแม่ทุกที”
“อิงแค่พยายามเป็นกลางต่างหาก” คนพูดจูบแก้มมารดา ครั้นคนขับนำรถเข้ามาจอด จึงเอ่ย “รถมาแล้ว กลับกันดีกว่า มีอะไรไปคุยกันต่อที่บ้านนะคะ”
อิงอรุณกอดแขนแม่ เดินเคียงคู่กันไปขึ้นรถ
เปรมิกาเหลือบมองธิดาคนเล็กด้วยความหนักใจ ครั้งบุตรชายคนโต เธอเคยจับคู่ให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนสนิทเพราะความเหมาะสม แต่สุดท้ายกลับต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง มาครั้งนี้แม้อยากปล่อยให้ลูกเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง แต่เธอก็อดไม่ได้อยู่ดี ผู้ชายที่เธอเฟ้นหามาให้อิงอรุณ มีทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ แล้วก็ทรัพย์สมบัติครบครัน มีอนาคตสดใสรออยู่ แล้วดูเถิด...อิงอรุณกลับไปพัวพันกับครอบครัวที่ไม่น่าคบที่สุดแทนซะได้
โลกนี้ช่างยุติธรรมเสียจริง ให้เธอพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สินที่ทำให้คนครึ่งประเทศอิจฉา แต่เงินทองที่มีกลับไม่สามารถไขว่คว้าซื้อหาความสุขมาให้ลูก ๆ ได้ บางที...เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าความร่ำรวยเหล่านั้นอาจจะเป็นคำสาปเสียด้วยซ้ำ!
คำสาป...ซึ่งทำให้ทุกคนที่เข้ามาหา ล้วนใส่หน้ากากเพื่อไขว่คว้าผลประโยชน์ ไม่เคยมีใครเลยสักคนที่จริงใจกับเธอและครอบครัว ไม่มีเลย!
“เตี่ยสังเกตว่าตั้งแต่กลับจากอเมริกาสาวัชไม่พูดกับแม่ ที่ผ่านมาเตี่ยปล่อย ๆ ให้ผ่านไปเพราะหวังว่าลื้อจะคิดได้และปรับปรุงตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าเตี่ยจะตั้งความหวังกับลื้อสูงเกินไป” ธนาเข้าเรื่องทันทีที่อยู่กันตามลำพัง
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เตี่ยระคายใจ” แต่เขา ‘จงใจ’ ตอบไม่ตรงคำถาม
“อย่าทำให้แม่ลื้อไม่สบายใจอีก” เช่นเคย...คำสั่ง! “พรุ่งนี้เตี่ยจะให้ทนายมาจัดการเรื่องโอนหุ้นพีอาร์เอ็มให้ สาวัชอยากได้หุ้นกี่เปอร์เซ็นต์” ทั้งคำพูดและเสียงทอดอ่อนเรียกชื่อเขา เป็นผลให้ชายหนุ่มหยุดเดิน สบตาบิดาด้วยความหลากใจ
“โอนหุ้นให้ผมทำไมครับ” ถ้าริสาทราบ เรื่องนี้ต้องเป็นมหากาพย์แน่นอน
“ลื้อเป็นลูกชายคนนึงของเตี่ย อาเจ้อาเฮียได้หุ้นไปแล้ว ตอนนี้ลื้อมาช่วยงานที่บริษัท เตี่ยก็ต้องให้หุ้นลื้อด้วยสิ”
“แต่ผมไม่อยากได้หุ้นของปรเมศวร์เทรดดิ้งครับ” สาวัชตอบเสียงเรียบ
ธนาบีบแขนเขาแน่นขึ้น ทั้งยังกระชากเสียง บอกยากว่าโกรธหรือน้อยใจ “ทำไม! รับของจากเตี่ย มันเสียเกียรติดอกเตอร์มากนักหรือไง”
“ไม่ใช่ครับ ผมแค่ไม่อยากให้มีปัญหา ถ้าคุณนายใหญ่รู้เรื่อง ท่านคงจะ...”
“ของของอั๊ว อั๊วต้องขออนุญาตใครก่อนยกให้ลื้อเหรอ” ธนาโวยเสียงแข็ง
“งั้นก็ตามใจเตี่ยเถอะครับ” สาวัชถอนหายใจ บอกอย่างยอมจำนน...เช่นเคย
“พี่ลื้อได้คนละสองเปอร์เซ็นต์ แต่เตี่ยจะให้ลื้อสามเปอร์เซ็นต์”
ครอบครัวปรเมศวร์ถือหุ้นรวมเก้าเปอร์เซ็นต์ หากธนายกหุ้นให้ตามที่บอก เขาจะถือหุ้นมากที่สุด ขณะธนา ริสา และวัชระ ถือหุ้นเท่ากัน แค่คิดก็เห็นปัญหากองท่วมอยู่ตรงหน้าแล้ว!
“ขอเท่าคุณหยงคุณฮกเถอะครับ ผมไม่อยากให้คุณนายใหญ่เครียด”
“แล้วไม่กลัวแม่ลื้อน้อยใจจนทำให้เตี่ยเครียดบ้างเหรอ” ธนาหัวเราะน้อย ๆ
ชายหนุ่มลอบถอนใจ ตลอดสามสิบกว่าปีมานี้ ธนาและสาวิตรีอยู่ไกลจากคำว่าเครียดสักล้านปีแสง ดารณีและลูกสาวลูกชายต่างหากที่ตกที่ีนั่งนั้นเรื่อยมา นอกจากต้องจมอยู่กับภาวะหวาดกลัว ไม่มั่นคง รู้สึกไร้ค่าแล้ว ยังต้องหวั่นเกรงไม่รู้ว่าวันไหน ธนาจะลุกขึ้นมาขอแยกทางให้อายชาวสังคม
แม้สาวิตรีเคยอธิบายว่าท่านได้เสียอยู่ด้วยกันก่อนที่ธนาจะถูกผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกับดารณีก็ตาม แต่เขาก็เชื่อว่านั่นเป็นแค่ข้อแก้ตัวที่แม่ใช้หาความชอบธรรมให้ตัวเองเท่านั้น ต่อให้สาวิตรีมาก่อนจริง เมื่อธนาแต่งงานแล้ว แม่ก็ควรจะวางมือ ไม่ใช่ดันทุรังอยู่แทรกกลางในครอบครัวของคนอื่นอย่างนี้
แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่สาวัชก็ไม่เข้าข้างธนาในกรณีนี้ เขาเอียง ๆ ไปทางชังนิสัยของบิดาด้วยซ้ำ ผู้ชายมักมากที่ไม่รู้จักพอ! ความมักมากของเขาทำให้ผู้หญิงต้องเป็นทุกข์ถึงสองคน!
สาวัชเติบโตมากับการศึกษาแผนใหม่ เชื่อมั่นในหลักการผัวเดียวเมียเดียว ให้อย่างไรเขาก็พยายามเข้าใจความ ‘เสียสละ’ ยอมเป็น ‘มือที่สาม’ ของมารดาไม่ลง นั่นเป็นเหตุผลที่เขาแยกตัวออกจากครอบครัวไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังเรียนจบก็ยังทำงานอยู่ต่างแดนอีกสี่ปี จนถูกบิดาเรียกตัวกลับ
กระนั้นเพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจดารณีไปกว่านี้ เขาจึงไปทำงานเป็นอาจารย์ ไม่ข้องเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัว ไม่อยากแตะต้องสมบัติสักสตางค์ เพราะรู้ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นส่วนหนึ่งได้มาจากเงินทุนและอำนาจของครอบครัวดารณี เมื่อสาวิตรีมาแต่ตัว เขาก็ไม่ปรารถนาอะไรเช่นกัน แล้วดูเถิด สุดท้ายก็หนีไม่พ้น...
“สาวัช ลื้อเป็นความภูมิใจของเตี่ยนะ” จู่ ๆ บิดาก็โพล่งขึ้นลอย ๆ
“ครับ” จะให้เขาตอบอะไรที่ดีไปกว่านี้เล่า
“เตี่ยอยากให้ลื้อเป็นผู้สืบทอดบริษัท” วัดจากประเด็นร้อนที่ท่านเพิ่งพูด เรื่องที่ธนาจะโอนหุ้นให้เขากลายเป็นนิทานหลอกเด็กไปเลย เพราะหัวข้อใหม่นี้น่าจะลากเรื่องให้ยาวและสร้างความร้าวฉานในครอบครัวยิ่งกว่าเป็นทวีคูณ
“คุณหยงเหมาะสมกว่าครับ เธอทำงานมานาน รู้จุดอ่อนจุดแข็งบริษัท เป็นผู้บริหารที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติยอมรับ ไม่มีใครเหมาะไปกว่าคุณหยงแล้ว”
“แต่ลื้อจบดอกเตอร์จากอเมริกา”
“ผมเรียนประวัติศาสตร์ แต่คุณหยงจบโทจากศศินทร์นะครับ” เขาตกใจที่ท่านยกเหตุผลนี้มาใช้ วุฒิการศึกษาของริสาต่ำกว่าเขา แต่อีกฝ่ายร่ำเรียนจากสถาบันซึ่งที่มีชื่อเสียงด้านผลิตผู้บริหารและนักการเงินชั้นนำมาแล้วมากมาย
“แต่สาวิตรี...”
“ผมรู้นะครับว่าเตี่ยรักแม่ อยากทำให้แม่มีความสุข แต่ผมไม่ชอบธุรกิจ ที่ผมลาออกจากมหาวิทยาลัยก็เพราะไม่อยากขัดใจเตี่ยเท่านั้นเอง ขงจื๊อบอกว่าเราต้องใช้คนให้ถูกกับงาน คุณหยงเหมาะกับงานนี้มากกว่า เตี่ยอย่าเอาสามล้อไปรับพระราชาเลย”
“แล้วถ้าเตี่ยสั่งล่ะ” ธนาย้อนถามเสียงเรียบ ไร้วี่แววล้อเล่น
สาวัชถอนหายใจเฮือกยอมจำนน “ผมก็คงต้องทำตามคำสั่งของเตี่ยครับ”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เพื่อนนักอ่านค้า...
นิยายเรื่องนี้มี 60 ตอนนะคะ
สิริณจะลงให้อ่าน "จนจบ"
ไม่เท ไม่ทิ้งกันแน่นอน
แต่ในฉบับหนังสือและอีบุ๊ก
จะมีตอนพิเศษจัดเต็มอีกเกือบ 100 หน้า
(ประมาณ 1/5 ของเล่ม)
วันนี้เปิดให้จองหนังสือแล้วจ้า
จะจัดพิมพ์ตามจำนวนจอง ไม่มีวางขายหน้าร้านนะค้า
หนังสือหนา 600 หน้า + ที่คั่น
ราคา 450 บาท ค่าจัดส่ง 30 บาท
สนใจสั่งจองที่ https://goo.gl/kHN2TN
** สำหรับ 100 คนแรกที่จองและโอนเงิน จัดส่งฟรี พร้อมรับของแถมพิเศษ **
“อิงอยากแต่งงานให้เร็วที่สุด แล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศค่ะแม่” นั่นไม่ใช่คำขอ แต่เป็นการบอกกล่าว
หญิงสาวตัดสินใจเช่นนั้นเพราะรู้ดีว่าคนระดับสุพจน์และคุณหญิงเปรมิกา เทียมสุบรรณ ย่อมมีอำนาจทั้งในวงการสีเขียวสีกากีรวมถึงแวดวงการเมืองหนุนหลัง ที่พ่อเจ็บวันนี้ก็เพราะโกรธจัด แต่จากนี้ท่านคงคุมอารมณ์ตัวเองให้ตอบโต้กับอีกฝ่ายได้อย่างทัดเทียม ให้ยังไงสิงห์ก็ต้องเป็นเจ้าป่าวันยังค่ำ!
แต่พันเทพละ รู้กันอยู่ว่าพลเอกศักดิ์สิทธิ์วาดหวังถึงการแต่งงานครั้งนี้ว่าจะเป็นกุญแจไขเข้าสู่ขุมสมบัติของบ้านเทียมสุบรรณ หากเธอตัดขาดกับพันเทพ ท่านนายพลต้องเอาความผิดหวังไปลงที่ลูกแน่นอน ถ้าเธอปล่อยมือชายหนุ่มก็เท่ากับผลักให้เขาไปยืนอยู่ตรงปากเหวด้วยมือตัวเอง เธอทำเช่นนั้นไม่ลงจริง ๆ !
เปรมิกาตวัดค้อนไม่พอใจ “แม่ไม่ยอม ทำไมต้องไปเมืองนอก นี่เกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันค้างไว้ตอนเย็นใช่ไหม”
อิงอรุณกำลังเรียบเรียงสิ่งที่จะอธิบายอยู่ในใจ
ทว่ามารดาคงเข้าใจว่าความเงียบก็คือยอมรับ ท่านจึงเอ่ยต่อ “แม่ไม่ได้งกสมบัตินะน้องอิง เงินทองข้าวของที่เขาให้จัดการมันเล็กน้อยมาก แต่พ่อกับแม่ไม่อยากให้น้องอิงเป็นเครื่องมือของคนบ้า วันนี้มีแค่อำนาจ เขายังกล้าขู่เราเหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป วันหน้าถ้ามีทั้งอำนาจแล้วยังมีเงินของเราไปหนุนหลังอีก เขาจะยิ่งกร่างขนาดไหน แม่ไม่อยากดองกับคนแบบนั้น แค่คิดก็สะอิดสะเอียนแล้ว”
อิงอรุณบีบมือมารดาเบา ๆ “อิงเข้าใจค่ะ แต่ก็อยากให้พ่อกับแม่เห็นใจเทพด้วย พ่อเขาหวังกับการแต่งงานนี้ไว้มาก เขาคงไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ หรอก”
“ห่วงเทพ แล้วไม่ห่วงพ่อแม่เหรอ” เปรมิกาสะบัดมือเธอด้วยความน้อยใจ
หญิงสาวรีบคว้ามือมารดาไว้ “ที่เทพเป็นอย่างนั้น พ่อเขาเป็นคนทำค่ะ”
เปรมิกาตะลึง ส่ายหน้าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน ครู่ใหญ่กว่าจะรำพึง “พ่อเขาตีลูกตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอ ลูกชายเขาทั้งคนนะน้องอิง”
“อิงโทร.ไปคาดคั้นคนใช้บ้านเทพ เขาว่าเทพคุยกับท่านนายพลที่ห้องทำงาน พักใหญ่ก็ได้ยินเสียงโครมคราม พอ ทส. เข้าไปห้าม ก็ได้ยินเสียงปืนตามมา”
คนอายุมากกว่ายกมือทาบอก ซวนเซจนอิงอรุณต้องประคองมารดาไปนั่งเก้าอี้ “คนใช้บอกว่าเทพออกจากห้องในสภาพดูไม่ได้ เลือดไหลเป็นทางเต็มหน้าเต็มตัว แต่เขาก็ยังฝืนขับรถ”
“เวรกรรม หมาแมวยังรักลูกตัวเอง นี่เขาเป็นคนแท้ ๆ ทำทารุณอย่างนั้นกับลูกในไส้ลงคอได้ยังไงกัน”
“ถ้าอิงเลิกกับเทพตามที่แม่ขอ พ่อเขาคงยิ่งโกรธกว่านี้ และคราวนี้อาจไม่ใช่แค่ปืนลั่นก็ได้นะคะ”
เปรมิกาหัวเราะหยัน “นายพลศักดิ์สิทธิ์ฉลาดจริง ๆ เขารู้จักลูกชายตัวเองดีทีเดียว แล้วก็คาดเดาลูกสาวแม่ไม่ผิดเลยด้วย อิงกำลังให้ในสิ่งที่เขาต้องการอยู่นะ”
“แม่หมายความว่าคุณพ่อเทพแค่ตั้งใจขู่ไม่ให้อิงเลิกกับเทพเหรอคะ”
“พันเทพยังมีประโยชน์กับท่านนายพล เขาไม่ทำลายสมบัติในมือด้วยเหตุผลตื้น ๆ แค่นั้นหรอก นี่มันไม่ใช่ยุคมืดที่คนมีอำนาจคิดจะปิดปากใครตามใจชอบก็ได้หรอกนะ ต่อให้น้องอิงกับเทพเลิกกันจริง เขาก็คงหาผู้หญิงสักคนมาแต่งกับลูกชายอยู่ดี แน่นอนว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องให้ผลประโยชน์ที่ท่านนายพลต้องการได้ด้วย”
“แต่ถ้าแม่คาดผิด คนที่จะตกอยู่ในอันตรายก็คือเทพนะคะ”
“ยังไงพันเทพก็ปลอดภัย คนที่กำลังไต่อยู่บนเชือกที่ริมผาน่ะคือพวกเราเทียมสุบรรณต่างหาก เทพเป็นคนดี แต่แม่ไม่อยากเอาชีวิตน้องอิงไปเสี่ยงกับคนบ้าเลือดพรรค์นั้น มันได้ไม่คุ้มเสียหรอก กับลูกชายตัวเองเขายังลงมือได้ลงคอ เกิดน้องอิงแต่งเข้าไปเป็นสะใภ้ เขาอาจทำรุนแรงกับน้องอิงมากกว่านั้นก็ได้นะ”
อิงอรุณลังเล เหตุผลของมารดามีความเป็นไปได้สูง แต่ถ้าท่านคาดผิดล่ะ...
“น้องอิงยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ รอคุณพ่อฟื้นแล้วเราค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันก็ได้ แม่มั่นใจว่าพ่อต้องเห็นด้วยกับแม่” เปรมิกาย้ำเสียงหนัก “พี่ชายเราก็ไปประชุมที่สวิตฯ ไม่กลับสักที นี่ถ้าอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยก็จะได้ช่วยกันคิด ฮึ!”
ในที่สุดอิงอรุณก็ยิ้มออก แม่ช่างเอาแต่ใจสมกับที่เป็นแม่จริง ๆ คงต้องโทษ
พ่อที่ตามใจกันจนแม่มั่นใจว่าจักรวาลนี้หมุนรอบตัวท่าน ไม่ว่าแม่อยากได้อะไรก็ต้องได้เสมอ! “แม่ขา พี่นรานำคณะทำงานในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไปประชุมกับดับเบิลยูทีโอนะคะ ไม่ได้ไปเที่ยว จะให้ไปปุ๊บกลับปั๊บตามใจตัวเองไม่ได้หรอก”
“มัวแต่ไปเจรจาช่วยรัฐบาล แต่ปล่อยให้พ่อแม่กับน้องมีปัญหาเนี่ยนะ” มารดาหน้างอ เพราะไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกแล้วที่บุตรชายคนโตเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลปัจจุบัน
“พี่นราอยู่ก็ทำอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ พี่ชายอิงเป็นนักปราชญ์นะคะ ไม่ใช่นักเลง แม่ก็เห็นกันอยู่ว่ารายนั้นเขากร่าง วางอำนาจขนาดไหน”
เปรมิกาถอนใจ “ทั้งหมดนี่เป็นเพราะท่านนายกฯ นั่นแหละ คิดแต่จะดันคนของตัวเอง เลยจะเขี่ยคุณลุงอิงขึ้นเป็น ผบ.สส ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว ผลักคนที่เหม็นขี้หน้าออกไปไกล ๆ แถมยังได้อำนาจทหารมาไว้ในมือ แค่นี้รัฐบาลก็รวบอำนาจไว้กับตัวเองได้เบ็ดเสร็จแล้ว ประเทศเราคงเข้าใกล้กลียุคมากขึ้นทุกที”
เมื่อการเมืองต้องการกองทัพหนุนหลัง พี่ชายของมารดาซึ่งอยู่คนละขั้วกับรัฐบาลก็เปรียบเสมือนเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่ที่ขวางหนทางแห่งผลประโยชน์ ไม่แปลกที่ผู้นำรัฐบาลอยากเขี่ยเขาให้พ้นทาง โดยดันขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเดิม แต่ไร้อำนาจ จากนั้นก็เอาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นคนของตัวเองมาคุมกองทัพบก ด้วยกำลังพลเกือบสามแสนนายในมือ แค่นี้ทั้งอำนาจและการเมืองก็รวมเป็นหนึ่งเดียว
รัฐบาลมีเสถียรภาพ ไม่ต้องกังวลว่าทหารจะทำรัฐประหารซ้อน ซึ่งพอไม่มีใครคอยคานอำนาจ ก็ยิ่งเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการคอร์รัปชันได้ง่ายขึ้น
อิงอรุณรู้ดีว่าการที่คนบางกลุ่มมีอิสระในการฉ้อโกง ย่อมส่งผลกระทบกับภาคเอกชน ทุกอย่างจะเกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่
“อะไรก็ยังไม่แน่นอนค่ะแม่ อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะถึงฤดูโยกย้าย ถึงคุณพ่อเทพจะสนิทกับท่านนายกฯ แต่คุณลุงก็มีรัฐมนตรีกลาโหมหนุนหลังอยู่ ท่านเป็นเพื่อนสนิทของคุณลุงคงต้องค้านท่านนายกฯ สุดฤทธิ์ เราต้องไม่ลืมจุดนี้นะคะ”
“ปัจจัยในการโยกย้ายมันมีมากกว่านั้นน้องอิงก็รู้” เปรมิกาถอนใจ เปรยอย่างท้อแท้ “ทหารดี ๆ มีเต็มกองทัพ ทำไมเราต้องมาเจอพวกหนึ่งในล้านก็ไม่รู้”
“อิงจะลองปรึกษาเรื่องนี้กับเพชรดู พี่เผ่าอาจมีคำแนะนำดี ๆ ให้”
แค่เอ่ยถึงอดีตสะใภ้ เปรมิกาก็หน้าตึง “เพื่อนคนอื่นมีเยอะแยะ ทำไมต้อง...”
“แม่ขา... เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แม่ยังไม่ให้อภัยเพชรอีกหรือคะ”
มารดาค้อนงอน ๆ “น้องอิงก็เข้าข้างแต่เพื่อน ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือเดี๋ยวนี้ น้องอิงก็เลือกเพื่อนก่อนแม่ทุกที”
“อิงแค่พยายามเป็นกลางต่างหาก” คนพูดจูบแก้มมารดา ครั้นคนขับนำรถเข้ามาจอด จึงเอ่ย “รถมาแล้ว กลับกันดีกว่า มีอะไรไปคุยกันต่อที่บ้านนะคะ”
อิงอรุณกอดแขนแม่ เดินเคียงคู่กันไปขึ้นรถ
เปรมิกาเหลือบมองธิดาคนเล็กด้วยความหนักใจ ครั้งบุตรชายคนโต เธอเคยจับคู่ให้เขาแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนสนิทเพราะความเหมาะสม แต่สุดท้ายกลับต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง มาครั้งนี้แม้อยากปล่อยให้ลูกเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง แต่เธอก็อดไม่ได้อยู่ดี ผู้ชายที่เธอเฟ้นหามาให้อิงอรุณ มีทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ แล้วก็ทรัพย์สมบัติครบครัน มีอนาคตสดใสรออยู่ แล้วดูเถิด...อิงอรุณกลับไปพัวพันกับครอบครัวที่ไม่น่าคบที่สุดแทนซะได้
โลกนี้ช่างยุติธรรมเสียจริง ให้เธอพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สินที่ทำให้คนครึ่งประเทศอิจฉา แต่เงินทองที่มีกลับไม่สามารถไขว่คว้าซื้อหาความสุขมาให้ลูก ๆ ได้ บางที...เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าความร่ำรวยเหล่านั้นอาจจะเป็นคำสาปเสียด้วยซ้ำ!
คำสาป...ซึ่งทำให้ทุกคนที่เข้ามาหา ล้วนใส่หน้ากากเพื่อไขว่คว้าผลประโยชน์ ไม่เคยมีใครเลยสักคนที่จริงใจกับเธอและครอบครัว ไม่มีเลย!
“เตี่ยสังเกตว่าตั้งแต่กลับจากอเมริกาสาวัชไม่พูดกับแม่ ที่ผ่านมาเตี่ยปล่อย ๆ ให้ผ่านไปเพราะหวังว่าลื้อจะคิดได้และปรับปรุงตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าเตี่ยจะตั้งความหวังกับลื้อสูงเกินไป” ธนาเข้าเรื่องทันทีที่อยู่กันตามลำพัง
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้เตี่ยระคายใจ” แต่เขา ‘จงใจ’ ตอบไม่ตรงคำถาม
“อย่าทำให้แม่ลื้อไม่สบายใจอีก” เช่นเคย...คำสั่ง! “พรุ่งนี้เตี่ยจะให้ทนายมาจัดการเรื่องโอนหุ้นพีอาร์เอ็มให้ สาวัชอยากได้หุ้นกี่เปอร์เซ็นต์” ทั้งคำพูดและเสียงทอดอ่อนเรียกชื่อเขา เป็นผลให้ชายหนุ่มหยุดเดิน สบตาบิดาด้วยความหลากใจ
“โอนหุ้นให้ผมทำไมครับ” ถ้าริสาทราบ เรื่องนี้ต้องเป็นมหากาพย์แน่นอน
“ลื้อเป็นลูกชายคนนึงของเตี่ย อาเจ้อาเฮียได้หุ้นไปแล้ว ตอนนี้ลื้อมาช่วยงานที่บริษัท เตี่ยก็ต้องให้หุ้นลื้อด้วยสิ”
“แต่ผมไม่อยากได้หุ้นของปรเมศวร์เทรดดิ้งครับ” สาวัชตอบเสียงเรียบ
ธนาบีบแขนเขาแน่นขึ้น ทั้งยังกระชากเสียง บอกยากว่าโกรธหรือน้อยใจ “ทำไม! รับของจากเตี่ย มันเสียเกียรติดอกเตอร์มากนักหรือไง”
“ไม่ใช่ครับ ผมแค่ไม่อยากให้มีปัญหา ถ้าคุณนายใหญ่รู้เรื่อง ท่านคงจะ...”
“ของของอั๊ว อั๊วต้องขออนุญาตใครก่อนยกให้ลื้อเหรอ” ธนาโวยเสียงแข็ง
“งั้นก็ตามใจเตี่ยเถอะครับ” สาวัชถอนหายใจ บอกอย่างยอมจำนน...เช่นเคย
“พี่ลื้อได้คนละสองเปอร์เซ็นต์ แต่เตี่ยจะให้ลื้อสามเปอร์เซ็นต์”
ครอบครัวปรเมศวร์ถือหุ้นรวมเก้าเปอร์เซ็นต์ หากธนายกหุ้นให้ตามที่บอก เขาจะถือหุ้นมากที่สุด ขณะธนา ริสา และวัชระ ถือหุ้นเท่ากัน แค่คิดก็เห็นปัญหากองท่วมอยู่ตรงหน้าแล้ว!
“ขอเท่าคุณหยงคุณฮกเถอะครับ ผมไม่อยากให้คุณนายใหญ่เครียด”
“แล้วไม่กลัวแม่ลื้อน้อยใจจนทำให้เตี่ยเครียดบ้างเหรอ” ธนาหัวเราะน้อย ๆ
ชายหนุ่มลอบถอนใจ ตลอดสามสิบกว่าปีมานี้ ธนาและสาวิตรีอยู่ไกลจากคำว่าเครียดสักล้านปีแสง ดารณีและลูกสาวลูกชายต่างหากที่ตกที่ีนั่งนั้นเรื่อยมา นอกจากต้องจมอยู่กับภาวะหวาดกลัว ไม่มั่นคง รู้สึกไร้ค่าแล้ว ยังต้องหวั่นเกรงไม่รู้ว่าวันไหน ธนาจะลุกขึ้นมาขอแยกทางให้อายชาวสังคม
แม้สาวิตรีเคยอธิบายว่าท่านได้เสียอยู่ด้วยกันก่อนที่ธนาจะถูกผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกับดารณีก็ตาม แต่เขาก็เชื่อว่านั่นเป็นแค่ข้อแก้ตัวที่แม่ใช้หาความชอบธรรมให้ตัวเองเท่านั้น ต่อให้สาวิตรีมาก่อนจริง เมื่อธนาแต่งงานแล้ว แม่ก็ควรจะวางมือ ไม่ใช่ดันทุรังอยู่แทรกกลางในครอบครัวของคนอื่นอย่างนี้
แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่สาวัชก็ไม่เข้าข้างธนาในกรณีนี้ เขาเอียง ๆ ไปทางชังนิสัยของบิดาด้วยซ้ำ ผู้ชายมักมากที่ไม่รู้จักพอ! ความมักมากของเขาทำให้ผู้หญิงต้องเป็นทุกข์ถึงสองคน!
สาวัชเติบโตมากับการศึกษาแผนใหม่ เชื่อมั่นในหลักการผัวเดียวเมียเดียว ให้อย่างไรเขาก็พยายามเข้าใจความ ‘เสียสละ’ ยอมเป็น ‘มือที่สาม’ ของมารดาไม่ลง นั่นเป็นเหตุผลที่เขาแยกตัวออกจากครอบครัวไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังเรียนจบก็ยังทำงานอยู่ต่างแดนอีกสี่ปี จนถูกบิดาเรียกตัวกลับ
กระนั้นเพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจดารณีไปกว่านี้ เขาจึงไปทำงานเป็นอาจารย์ ไม่ข้องเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัว ไม่อยากแตะต้องสมบัติสักสตางค์ เพราะรู้ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นส่วนหนึ่งได้มาจากเงินทุนและอำนาจของครอบครัวดารณี เมื่อสาวิตรีมาแต่ตัว เขาก็ไม่ปรารถนาอะไรเช่นกัน แล้วดูเถิด สุดท้ายก็หนีไม่พ้น...
“สาวัช ลื้อเป็นความภูมิใจของเตี่ยนะ” จู่ ๆ บิดาก็โพล่งขึ้นลอย ๆ
“ครับ” จะให้เขาตอบอะไรที่ดีไปกว่านี้เล่า
“เตี่ยอยากให้ลื้อเป็นผู้สืบทอดบริษัท” วัดจากประเด็นร้อนที่ท่านเพิ่งพูด เรื่องที่ธนาจะโอนหุ้นให้เขากลายเป็นนิทานหลอกเด็กไปเลย เพราะหัวข้อใหม่นี้น่าจะลากเรื่องให้ยาวและสร้างความร้าวฉานในครอบครัวยิ่งกว่าเป็นทวีคูณ
“คุณหยงเหมาะสมกว่าครับ เธอทำงานมานาน รู้จุดอ่อนจุดแข็งบริษัท เป็นผู้บริหารที่นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติยอมรับ ไม่มีใครเหมาะไปกว่าคุณหยงแล้ว”
“แต่ลื้อจบดอกเตอร์จากอเมริกา”
“ผมเรียนประวัติศาสตร์ แต่คุณหยงจบโทจากศศินทร์นะครับ” เขาตกใจที่ท่านยกเหตุผลนี้มาใช้ วุฒิการศึกษาของริสาต่ำกว่าเขา แต่อีกฝ่ายร่ำเรียนจากสถาบันซึ่งที่มีชื่อเสียงด้านผลิตผู้บริหารและนักการเงินชั้นนำมาแล้วมากมาย
“แต่สาวิตรี...”
“ผมรู้นะครับว่าเตี่ยรักแม่ อยากทำให้แม่มีความสุข แต่ผมไม่ชอบธุรกิจ ที่ผมลาออกจากมหาวิทยาลัยก็เพราะไม่อยากขัดใจเตี่ยเท่านั้นเอง ขงจื๊อบอกว่าเราต้องใช้คนให้ถูกกับงาน คุณหยงเหมาะกับงานนี้มากกว่า เตี่ยอย่าเอาสามล้อไปรับพระราชาเลย”
“แล้วถ้าเตี่ยสั่งล่ะ” ธนาย้อนถามเสียงเรียบ ไร้วี่แววล้อเล่น
สาวัชถอนหายใจเฮือกยอมจำนน “ผมก็คงต้องทำตามคำสั่งของเตี่ยครับ”
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
เพื่อนนักอ่านค้า...
นิยายเรื่องนี้มี 60 ตอนนะคะ
สิริณจะลงให้อ่าน "จนจบ"
ไม่เท ไม่ทิ้งกันแน่นอน
แต่ในฉบับหนังสือและอีบุ๊ก
จะมีตอนพิเศษจัดเต็มอีกเกือบ 100 หน้า
(ประมาณ 1/5 ของเล่ม)
วันนี้เปิดให้จองหนังสือแล้วจ้า
จะจัดพิมพ์ตามจำนวนจอง ไม่มีวางขายหน้าร้านนะค้า
หนังสือหนา 600 หน้า + ที่คั่น
ราคา 450 บาท ค่าจัดส่ง 30 บาท
สนใจสั่งจองที่ https://goo.gl/kHN2TN
** สำหรับ 100 คนแรกที่จองและโอนเงิน จัดส่งฟรี พร้อมรับของแถมพิเศษ **
สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 พ.ค. 2561, 07:31:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 พ.ค. 2561, 07:31:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 590
<< ตอนที่ 9 | ตอนที่ 11 >> |
สิริณ 2 พ.ค. 2561, 21:17:49 น.
ส่งลิงค์ให้ทางกล่องจดหมายแล้วนะคะ คุณตามหาฝัน :D
ส่งลิงค์ให้ทางกล่องจดหมายแล้วนะคะ คุณตามหาฝัน :D