+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 9

ทันทีที่ทราบข่าว เพื่อนสนิทก็ยกขบวนมาเยี่ยมพันเทพ แต่ก็ต้องกลับไปพร้อมความผิดหวัง เพราะคนเจ็บหลับสนิทจากฤทธิ์ยาที่ให้ทางสายน้ำเกลือ เขาได้สติตอนเริ่มพลบ พันเทพขยับแขนเบา ๆ ทดสอบ แล้วครางโอยเมื่อรู้สึกถึงอาการปวดตึงไปทั้งร่าง แขนและลำตัวหนักราวกับมีหินก้อนยักษ์ถ่วงทับไว้

อิงอรุณโผเข้ามาเกาะข้างเตียง “ตื่นแล้วเหรอ ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

ชายหนุ่มกลอกตาไปรอบห้องซึ่งตกแต่งด้วยโซฟาสีสดใส ผนังห้องเป็นโทนสีครีมสลับน้ำตาล ให้ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ผิดกับภาพลักษณ์โรงพยาบาล

“โอเคแล้วละ นี่เราอยู่โรงพยาบาลหรือโรงแรมเนี่ย” เขาถามเสียงแหบ

“เลขาฯ แม่จัดการให้น่ะ เทพคงเดาได้ว่าคุณหญิงเปรมิกาทำอะไรธรรมดาไม่เป็นหรอก” คนพูดล้อเลียนพยายามให้เขาผ่อนคลาย

ทว่าพันเทพมิได้แย้มริมฝีปาก เขาขยับแขนซ้ายยันที่นอนแล้วลุกขึ้นนั่งช้า ๆ อิงอรุณรีบปรับเตียงตั้งขึ้น สอดหมอนไว้ด้านหลังชายหนุ่มให้นั่งพิงสบาย ๆ

“เทพกินข้าวเลยไหม พยาบาลเพิ่งมาส่งอาหารเย็นเมื่อกี้เอง ยังร้อนอยู่เลย” เธอกุลีกุจอเลื่อนโต๊ะมาวางคร่อมเตียง

พันเทพเม้มปากกดความรู้สึกบางอย่าง แต่ก็ต้องรีบคลายเพราะเจ็บตึงที่มุมปาก เขาสำรวจร่างกายทีละส่วนเพื่อจะพบว่านอกจากศีรษะซึ่งถูกพันผ้าไว้หนาเตอะแล้ว แขนขวายังมีผ้าพันคล้องไหล่ ตามลำตัวใต้ร่มผ้าเจ็บหน่วง ๆ ร้าวไปทั้งตัว

“เจ็บเหรอเทพ อิงเรียกพยาบาลให้ไหม”

“ไม่ต้อง!” เขาเสียงแข็ง

อิงอรุณหันมาด้วยสายตาหลากใจ ผลักบรรยากาศเงียบงันในห้องออกด้วยการถาม “เทพยังไม่ได้บอกอิงเลยว่าใครทำให้เทพเป็นแบบนี้”

“เรามีเรื่องกับวินมอเตอร์ไซค์นิดหน่อยน่ะ”

หญิงสาวหรี่ตาจับผิด

เขาหลบตา เปรยลอย ๆ “อิงเคยถามตัวเองไหมว่าทำไมถึงจะแต่งงานกับเรา”

“ก็อิงรักเทพ ก็เรารักกัน” อิงอรุณยิ้มเป็นต่อ “หรือจะเถียง”

พันเทพลิ้นแข็งเพราะหญิงสาวพูดถูก เขารักเธอและเธอก็รักเขานั่นเป็นเรื่องจริง แต่ทั้งคู่ก็รู้แก่ใจว่าความรักนั้นมีความสนิทเสน่หาฉันชู้สาวอยู่เท่าใด

อิงอรุณแกะพลาสติกที่ปิดหน้าอาหารแต่ละจาน พลางเปลี่ยนเรื่อง “เทพกินข้าวดีกว่า เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อย โอ้โห...กับข้าวน่ากินทุกอย่างเลยนะเนี่ย”

สายตาของพันเทพคละเคล้าทั้งอ่อนใจ ซาบซึ้ง และรู้สึกผิดไปพร้อมกัน

หญิงสาวหยิบช้อนส่งให้เขา รินน้ำมาวาง แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง

คนเจ็บรับประทานอาหารช้า ๆ ด้วยมือข้างไม่ถนัด ปล่อยใจคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นด้วยความขมขื่น หลังจากแพรวเพชรโทร.แจ้งเรื่องพ่อของอิงอรุณ ชายหนุ่มเดาได้ราง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงตรงดิ่งกลับบ้านขอพบบิดาตามลำพังในห้องทำงาน เพื่อหาคำยืนยันว่าสิ่งที่คิดผิดไปจากความจริงกี่มากน้อย

‘พ่อบอกผมได้ไหม ว่าที่พ่ออิงเข้าโรงพยาบาลไม่เกี่ยวกับพ่อ’ พันเทพเสียงสั่น กลัวความจริงที่จะได้ยินไม่แพ้กัน

‘ฉันไปบังคับหัวใจใครให้วายได้หรือไง มันแค่เป็นผลพลอยได้เท่านั้นแหละ เสียดายไม่น่าแค่ช็อก น่าจะตายไปเลย’ ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มมุมปากเฉกทุกครั้งยามพึงใจ

พันเทพโกรธจี๊ด พ่อเห็นความเป็นความตายของคนคนหนึ่งเป็นเรื่องสนุกแบบนี้ได้ยังไง ขณะที่อาการของสุพจน์ร้ายแรงถึงขนาดต้องส่งโรงพยาบาลฉุกเฉิน แทนที่พ่อจะแสดงความเห็นอกเห็นใจ ท่านกลับ...

‘อ้อ...ฉันไปเจรจาเรื่องสู่ขอกับบ้านโน้นแล้วนะ พ่อแม่หนูอิงจะจัดการเรื่องสินสอดมาวางใส่พานเอง แกไม่ต้องห่วง รับรองว่าพ่อไม่ทำให้แกเสียหน้าแน่นอน’

ชายหนุ่มกำมือแน่น รู้สึกเสียใจที่ดึงอิงอรุณและครอบครัวเข้ามาเกี่ยวพันกับบ้านเขา ยังไม่สายเกินไป ถ้าเขาจะตัดสินใจใหม่ ก่อนสายเกินไป

‘จะไม่มีการแต่งงานอะไรทั้งนั้นครับ’ พันเทพเสียงแห้ง ‘ผมเลิกกับอิงแล้ว’

สีหน้าของบิดาเปลี่ยนไปทันที ‘แกว่าอะไรนะ’

‘เราทะเลาะกันเพราะผมพูดเรื่องย้ายเข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์เทียมสุบรรณ อิงหาว่าผมสนใจแต่ผลประโยชน์ ผมก็มีศักดิ์ศรีพอและยอมรับไม่ได้เหมือนกันถ้าต้องถูกมองว่าอยากตกถังข้าวสาร’ เขาปดบุพการีด้วยเหตุการณ์ที่คิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ

ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนมือสั่น หน้าตาเกร็งเขม็ง เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบ ๆ

‘ผมไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าว่าเกาะชายกระโปรงผู้หญิงเด็ดขาด’ พันเทพเสริมเสียงหนักแน่น หารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นเท่ากับสาดน้ำมันลงในกองเพลิงดี ๆ นี่เอง

ศักดิ์สิทธิ์ฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าเขาเต็มแรง แล้วโถมเข้ามาประเคนทั้งมือและเท้าใส่อย่างรุนแรงซ้ำ ๆ จนเขาเซไปชนชั้นหนังสือด้านหลังและร่วงลงไปกองกับพื้น

‘เลิกกันงั้นเหรอ ไอ้โง่ ใครใช้ให้มึงคิด กูต่างหากที่เป็นคนคิด มึงมีหน้าที่ทำตามที่กูสั่งก็พอ’ ศักดิ์สิทธิ์คว้าเก้าอี้ใกล้มือยกขึ้นเหนือศีรษะและฟาดลงมาเต็มแรง

พันเทพยกมือขวาขึ้นปกป้องตัวเองตามสัญชาตญาณ เป็นผลให้เก้าอี้ฟาดแขนขวาเขาอย่างจังจนเศษไม้แตกหักเป็นชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ศักดิ์สิทธิ์นั้นโกรธจนหน้ามืดจึงโยนเศษเก้าอี้ทิ้ง เตะชายโครงเขาซ้ำ ๆ ระบายความโกรธ

‘เงินทองกองเป็นภูเขารอให้หยิบแล้ว มึงยังเสือกโง่ผลักทิ้งอีกเหรอ มึงมันโง่กว่าควายด้วยซ้ำ ไอ้...’ คำผรุสวาทและสรรพนามหยาบคายบอกระดับความโกรธเกรี้ยวรุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยพบอารมณ์ของท่าน

ทส.ของศักดิ์สิทธิ์เปิดประตูวิ่งเข้ามารัดแขนรอบตัว ดึงท่านออกห่าง ‘พอเถอะครับท่าน หยุดเถอะครับ’ นายทหารหนุ่มรัวเสียงบอก

‘ผมเลิกกับอิงแล้ว พ่อจะทำอะไรได้ ถึงยังไงผมก็จะไม่แต่งงานกับอิง ต่อให้พ่อฆ่าผมให้ตายก็เหอะ’ พันเทพซึ่งกองอยู่กับพื้นในสภาพยับเยินเลือดท่วมหน้าแหงนมองบิดาตอกย้ำเจตนารมย์ของตัวเอง

‘คุณพันเทพครับ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย’ คนสนิทของพ่อนิ่วหน้าไม่สบายใจ

ศักดิ์สิทธิ์หายใจหอบ สะบัดทหารคนสนิทออกห่าง พลันเอี้ยวตัวไปคว้าปืนพกจากซองที่เอวลูกน้องมาปลดเซฟตี้ แล้วเล็งปลายกระบอกสีดำมะเมื่อมตรงตำแหน่งศีรษะเขา คำรามเสียงต่ำ ‘มึงตาย’

ทหารคนสนิทตวัดมือจากข้างใต้ ตบช้อนท่อนแขนเจ้านายขึ้นสูงทันควัน

ปัง! กระสุนลั่นเจาะเพดานเศษหินเศษปูนร่วงกราว ทส.บีบข้อมือนายพลเลือดร้อนไว้ ขณะอีกมือล็อกตัวท่านแน่น

ศักดิ์สิทธิ์จ้องผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ขณะหอบหายใจจนตัวโยน สุดท้ายจึงปล่อยให้นายทหารหนุ่มปลดอาวุธดึงปืนกลับไปสอดเก็บใส่ซอง

บิดาหันมาชี้หน้าเขา เค้นทีละคำด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ‘กูให้โอกาสมึงอีกครั้ง มึงจะไปทำห่าอะไรก็ตาม แต่ยังไงก็ต้องแต่งงานกับนังนั่นให้ได้ ถ้ามึงเลิกกับมัน กูบอกให้รู้เลย ว่ามันได้มีผัวทีละหลายคนแน่!’

ศักดิ์สิทธิ์เตะสีข้างเขาอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวออกจากห้องไปราวพายุ

คนสนิทของบิดาเหลือบมองมาแล้วส่ายศีรษะเห็นใจ ‘ผมว่าคุณดำเนินนโยบายผิดแล้วละ ไม่มีใครขัดใจท่านได้ อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีกเลย’

พันเทพทิ้งศีรษะลงอย่างสิ้นแรง เขานอนมองแผ่นหลังคนสนิทของบิดาจนลับตา แล้วจึงใช้ยันพื้นลุกขึ้นนั่งในสภาพเลือดโซม พลางหัวเราะหึ ๆ สมเพชตัวเอง

สำหรับพ่อแล้ว ชีวิตเขาไร้ค่ากว่าเงินทอง หรือตำแหน่งที่ท่านต้องการเสียอีก!

พันเทพวางช้อน ปาดน้ำตาที่รินลงมา เขากัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ความเจ็บปวดตามร่างกายเทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลในหัวใจ

มือเล็กยื่นทิชชูมาตรงหน้า และอิงอรุณก็กำลังจ้องมาด้วยแววตาเห็นใจ พันเทพตักอาหารรับประทานต่อ แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อิงอรุณลดมือลงเปรย “อิงรู้ละว่าเทพไปมีเรื่องกับ ‘วินมอเตอร์ไซค์’ ที่ไหน”






หลังออกจากโรงพยาบาล สาวัชกลับแวะห้างสรรพสินค้ากลางเมืองรับประทานอาหารเย็นเพียงลำพัง และซื้อหนังสือไปนั่งอ่านในร้านกาแฟเพื่อฆ่าเวลา หมายใจว่าจะกลับเข้าบ้านตอนสี่ทุ่มกะให้เลยเวลาที่บิดาและมารดาเข้านอนไปแล้ว จะได้หลีกเลี่ยงไม่ต้องพบกันให้อึดอัดใจ

ทว่าความตั้งใจของเขากลับสูญเปล่า เมื่อพบว่าไฟที่เรือนเล็กยังสว่างจ้า แสดงว่าบิดาไม่กลับตึกใหญ่ ชายหนุ่มเข้าบ้านทำความเคารพบุพการีด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงที่ทักทายเย็นชาห่างเหิน

“ทำไมสวัสดีแต่เตี่ย แล้วแม่ลื้อล่ะ” ธนาชักสีหน้า

สาวัชจึงทำความเคารพมารดาอย่างสุภาพ ไม่มีอาการกระแทกกระทั้นสักนิด

“ออกจากโคราชตั้งแต่สาย ๆ ทำไมเพิ่งถึงบ้าน แล้วที่โรงงานเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มชินแล้วที่ถูกตั้งคำถามทั้งที่ท่านไม่ต้องการคำตอบ ตามด้วยการมุ่งตรงสู่ประเด็นที่ต้องการในประโยคถัดไป

“คนเจ็บกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ส่วนโรงงานก็ทำงานได้ตามปกติแล้วครับ”

“ได้ยินแม่บอกว่าลื้อทำงานจนดึกดื่นบ่อย ๆ เหรอ การกลับดึกเลิกงานค่ำไม่ได้แสดงว่าทุ่มเทหรอกนะสาวัช แต่แปลว่าลื้อบริหารเวลาไม่ได้เรื่อง คนทำงานที่ดีต้องจัดการงานให้เสร็จก่อนเลิกงานได้ จำไว้”

“แล้วผมจะปรับปรุงวิธีทำงานให้ดีกว่านี้ครับ” เขาคร้านจะอธิบายว่าแม่แค่สร้างคุณค่าให้เขาด้วยการพูดเกินจริงเท่านั้นเอง

“เรียนรู้จากอาหยงให้มากที่สุดนะ อั๊วเชื่อมั่นในตัวลื้อ อย่าทำให้อั๊วผิดหวังละ” ธนาลุกขึ้นมาตบบ่าเขา แล้วหันไปบอกสาวใหญ่ “เฮียจะกลับละ”

สาวิตรีรีบลุกขึ้นยืน แต่อีกฝ่ายโบกมือปราม “สาขึ้นไปพักเถอะ”

“ผมไปส่งเตี่ยที่ตึกใหญ่ครับ” สาวัชเอ่ยตามหน้าที่เช่นทุกครั้ง แม้จะถูกปฏิเสธมาโดยตลอดก็ตาม ทว่าครั้งนี้...

“เอาสิ เตี่ยอยากคุยกับลื้ออยู่เหมือนกัน” นอกจากเรียกตัวเองว่าเตี่ยแล้ว ธนายังยื่นมือให้ลูกชายอีกด้วย ซึ่งชายหนุ่มก็รีบยกแขนตั้งฉากให้บิดาเกาะเป็นหลักอย่างรู้หน้าที่ แล้วออกจากบ้านไปด้วยกัน

สาวิตรีมองตามสองหนุ่มด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มเปี่ยมความหวัง ขอเพียงสามีให้โอกาสสาวัชพิสูจน์ตัวเอง อีกไม่นานลูกต้องได้ครอบครองปรเมศวร์เทรดดิ้ง แล้วนางก็จะไม่ต้องจมอยู่ใต้อำนาจคุกคามของดารณีอีกต่อไป

นางเคยได้ยินธนาบ่นว่าเลือกเจ้าสาวไว้ให้สาวัชแล้ว แต่ฝ่ายหญิงยังไม่ตอบตกลง ด้วยเหตุนั้นนางจึงปรึกษาหม่อมดวงกมล และพากันไปพบผู้ช่วยกามเทพ

สาวัชควรแต่งงานให้เร็วที่สุด เพื่อเขาจะได้มีคุณสมบัติถึงพร้อมสำหรับเป็นทายาทรุ่นต่อไป และนั่นเป็นหน้าที่โดยตรงของเธอที่ต้องหาคู่ครองที่เหมาะสมมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพื่อส่งเสริมให้สาวัชคู่ควรกับตำแหน่งผู้สืบทอดบริษัทรุ่นสี่ได้ดีที่สุด

ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้ว สาวัชก็หลีกเลี่ยงคำสั่งของธนาและเธอไม่ได้อยู่ดี สาวิตรีมั่นใจ!





สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ค. 2561, 23:19:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ค. 2561, 23:19:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 509





<< ตอนที่ 8   ตอนที่ 10 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account