+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ

แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์

นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!

ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้

นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้



+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา

โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก

ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว

แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ

สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน

ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D


ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ

สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ

ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน

ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555

Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน

ตอน: ตอนที่ 12



แพรวเพชรร้อนใจเมื่อเห็นอิงอรุณผ่านประตูด้านหน้าเข้ามา เธอรีบเหลียวมองนาฬิกาอย่างมีพิรุธ ทว่าสีหน้าของเพื่อนทำให้ลืมกังวลเปลี่ยนเป็นห่วงใยแทน

“เพชร...ถ้าเราทำผิดต่อใครสักคนนึง ผิดแบบผิดมาก ๆ เลย จะทำยังไงให้เขายกโทษให้เราดี” เสียงเพื่อนมีความหนักใจชัดเจน

“ก็ขอโทษสิ”

“ถ้าขอโทษแล้ว เขาก็ยังไม่ยกโทษให้อะ” อิงอรุณขมวดคิ้ว หน้ายุ่งยิ่งกว่าเก่า “แบบว่าเราทำไม่ดีกับเขามาก ๆ ทั้งขู่ บังคับ แบล็กเมล์ เอาเงินฟาดหัวก็ทำมาแล้ว”

แพรวเพชรอ้าปากค้าง “ไม่โดนฆ่าหมกศพก็ดีแค่ไหนแล้ว

ผู้ต้องหาพยักหน้ายอมรับผิดแบบจ๋อยสุดขีด

“ทำยังไงดีล่ะเพชร”

“พยายามต่อไปเรื่อย ๆ สักวันเขาเห็นความจริงใจของอิง ก็จะใจอ่อนเอง”

“เขาบอกให้เราเลิกยุ่งกับเขา เขารำคาญ”

“งั้นก็ทำใจเหอะ คิดซะว่าเราไม่ได้ทำบุญมาด้วยกัน เลยไม่ได้มาเป็นกัลยาณมิตร ได้เกื้อกูลกันในชาตินี้” แพรวเพชรตบไหล่ปลอบใจเพื่อน

อิงอรุณถอนใจ ไม่ได้ทำบุญด้วยกันมาก็เรื่องนึง แต่จะหาวิทยากรที่ไหนมาแทนนี่สิ เรื่องใหญ่ เงินค่าคอร์สก็รับจากสมาชิกมาหมดละ แถมยังถูกนำไปจ่ายเงินเดือนพนักงานหมดแล้วด้วย ไม่จัดก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงินมาคืน หรือเธอจะต้องจำใจใช้วิทยากร ‘ดีอันดับสอง’ จริง ๆ บางที...อาจต้องทำใจกล้า ๆ ไปรบกวนสาวัชอีกสักครั้ง แล้วขอชื่ออาจารย์ที่ศิลปากรตามที่เขาเคยบอกว่าจะแนะนำให้”

“ไหนบอกมีนัดกับธนาคารไม่ใช่เหรอ นัดกี่โมงล่ะ จะไปทันหรือเปล่า” แพรวเพชรท้วงขัดจังหวะความคิด

“จริงด้วย” อิงอรุณหลุดจากภวังค์ “งั้นอิงไปเอากระเป๋ากับกุญแจรถก่อน จะออกไปเดี๋ยวนี้ละ ไม่งั้นสายแน่ ๆ เลย”

แพรวเพชรแปลกใจเมื่อนึกได้ว่าอิงอรุณเพิ่งกลับจากข้างนอก เพื่อนไปไหนมา ไฉนจึงไม่ขับรถไป แถมยังไม่เอากระเป๋าไปด้วย

ครั้นออดี้สีขาวแล่นออกจากลานจอด แพรวเพชรจึงปัดความสงสัยทิ้ง ถอนใจอย่างโล่งอกแทน เพราะ ‘ลูกค้า’ พิเศษที่นัดไว้กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีนี่แล้ว!

สาวิตรีมาตามเวลานัด หลังจากทักทายตามมารยาท นางก็ยิ้มอ่อน เลื่อนเช็คเงินสดมาให้หญิงสาว “คุณตัดสินใจถูกต้องแล้วละ นี่ค่ะเช็คค่าจ้างส่วนที่เหลือ ส่วนคอร์สอบรมพนักงาน ปรเมศวร์เทรดดิ้งจะติดต่อมาพรุ่งนี้นะคะ”

แพรวเพชรรับเช็คมาตรวจรายละเอียดแล้วพับเก็บใส่สมุด เห็นจากหางตาว่าหม่อมดวงกมลมีสีหน้าอึดอัด แรกทีเดียวเธอปฏิเสธลูกค้ารายนี้และคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอิงอรุณบ่นว่าจู่ ๆ ปรเมศวร์เทรดดิ้งก็ขอเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไปไม่มีกำหนด คำขู่ของสาวิตรีจึงย้อนกลับมาในความทรงจำอีกครั้ง

สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทไม่มีทางให้ถอยอีก มัดจำที่รับจากสาวิตรีก่อนหน้าจะต้องถูกผันไปเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าสำนักงาน และค่าใช้จ่ายจิปาถะในบริษัทสำหรับสิ้นเดือนที่จะมาถึง คิวปิดแอสซิสแทนซ์ถูกต้อนมาจนสุดทางแล้ว

เธอรู้ดีว่าอิงอรุณไม่มีวันยอมรับงานนี้ จึงตัดสินใจดูแลลูกค้ารายนี้เอง หุ้นส่วนจะไม่ต้องรับรู้เรื่องการจับคู่ยุ่ง ๆ นี่ให้ลำบากใจ “เพชรจะจัดการให้ลูกชายคุณสาวิตรีพบผู้หญิงที่คุณเลือกหนึ่งครั้ง แล้วถือว่าเสร็จงานนะคะ ถ้าเราเข้าใจตรงกันแล้ว งั้นขอทราบรายละเอียดของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงด้วยค่ะ”

สาวิตรีเปิดกระเป๋าหยิบกรอบรูปขนาดโปสต์การ์ดออกมาวางบนโต๊ะ “นี่ดอกเตอร์สาวัช ปรเมศวร์ ลูกชายของฉัน”

แพรวเพชรหูผึ่ง “สาวัช ปรเมศวร์ อาจารย์ที่...ใช่ไหมคะ” เธอออกชื่อมหาวิทยาลัยดังย่านชานเมือง

ครั้นได้ยินคำตอบแล้ว แพรวเพชรจึงหยิบรูปขึ้นมาพิจารณาโดยละเอียด โลกกลมชะมัด นี่น่ะหรือ...วิทยากรจอมหยิ่งของอิงอรุณ หล่อจัดขนาดนี้นี่เอง แถมท่าทางจะบรรยายเก่งซะด้วย ไม่งั้นเพื่อนรักคงไม่เซ้าซี้อยากได้มาทำงานด้วยหรอก

“ลูกชายคุณสาวิตรีหล่อนะคะ ระดับการศึกษาก็ดีมากเลย คิดว่าฝ่ายหญิงคงจะต้องสมบูรณ์แบบไม่แพ้กันใช่ไหมคะ”

“แน่นอนค่ะ ผู้หญิงที่ฉันอยากให้ลูกชายรู้จักก็คือหม่อมราชวงศ์อินทุอรวี ชยาธร ทายาทคนเดียวของวังชยาธร รู้จักไหมคะ” สาวิตรีประกาศอิ่มเอม

แพรวเพชรหันไปสังเกตปฏิกิริยาของหม่อมดวงกมล ก็พบว่าฝ่ายนั้นทำสีหน้าระอาดุจไม่เห็นด้วย ท่านทำท่าจะแย้ง แต่ก็เปลี่ยนใจ สุดท้ายทำเพียงส่ายศีรษะอย่างจนใจ ช่างวางตัวงดงามน่าชื่นชมสมเป็นสมาชิกในราชสกุลจริง ๆ

“คุณหญิงอินทุอรวีเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของณัฐภัทรคอร์ปฯ เธอสวย เก่ง และมั่นใจ ลูกชายคุณสาวิตรีชอบผู้หญิงสไตล์นี้เหรอคะ” แพรวเพชรลองเชิง

เพราะปัญหาสภาพคล่องของบริษัท สองสาวจึงเตรียมขอสินเชื่อจากณัฐภัทรคอร์ปอเรชัน อิงอรุณหาข้อมูลของคนตัดสินใจไว้ก่อน เพื่อจะเตรียมตัวเข้าหาได้ถูกทาง เพื่อนรักคงทึ่งผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อคนนี้มาก เพราะนำข้อมูลที่ได้มาเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงชื่นชมว่าหม่อมราชวงศ์อินทุอรวีผู้นี้สมบูรณ์แบบขั้นสุด โดยจบโทด้านการเงินจากอเมริกา ทำงานที่โน่นอีกหลายปี ก่อนกลับมารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อ และเลื่อนเป็นผู้อำนวยการฝ่ายของณัฐภัทรคอร์ปฯ ตอนอายุสามสิบ!

ดอกเตอร์ฝ่ายชายก็หล่อ คุณหญิงอินทุอรวีก็สวย จะว่าไปก็สมกันดี ถ้าสองคนนี้ตื้นเขินพอที่จะมองคนจากภายนอก ก็คงถูกตากันได้ไม่ยาก

“เนื่องจากเคสนี้เพชรไม่สามารถสัมภาษณ์คนโสดด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นคงต้องขอข้อมูลจากคุณสาวิตรีและหม่อมดวงกมลเกี่ยวกับอุปนิสัย ความชอบ งานอดิเรก ทัศนคติแบบคร่าว ๆ รวมถึงตารางงานของทั้งคู่ จะได้เอามาเทียบว่าสองคนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะพบกันในสถานการณ์ไหน เริ่มจากคุณหญิงรวีก่อนดีไหมคะ”

สาวิตรีดึงนิตยสารออกจากกระเป๋ามาส่งให้กามเทพสาว “เบสต์สิเนสวีแมนเคยสัมภาษณ์คุณหญิงรวีตอนที่ได้รับโหวตให้เป็นนักธุรกิจหญิงยอดเยี่ยมประจำปี ไปถ่ายทำสกู๊ปที่วังชยาธรด้วย นี่น่าจะช่วยได้นะ”

แพรวเพชรรับนิตยสารมาพลิกคร่าว ๆ “มีข้อมูลน่าสนใจเยอะทีเดียว เพชรขอใช้เวลาศึกษาก่อนนะคะ ขาดเหลืออะไรจะแจ้งอีกที ส่วนลูกชายคุณสาวิตรี...”

“คุณจ้างนักสืบหารายละเอียดที่ต้องการได้เลย ฉันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง”

แพรวเพชรกะพริบตาปริบ ๆ งุนงง “แต่ความเห็นจากคนใกล้ชิดน่าจะทำให้เข้าใจเขาได้ง่ายกว่านะคะ”

“ฉันสั่งยังไง ก็ทำอย่างนั้นเถอะ อย่าถามให้มันมากนัก” สาวิตรีไม่สบอารมณ์

แพรวเพชรควบคุมความหงุดหงิดไม่ทัน จึงเผลอชักสีหน้าโดยไม่ตั้งใจ

หม่อมดวงกมลคงสังเกตเห็นจึงรีบไกล่เกลี่ย “ลูกชายสาไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กเพิ่งกลับมาเมืองไทยไม่นาน คงจะมีนิสัยหลายอย่างที่เปลี่ยนไปน่ะค่ะ”

“งั้นเพชรจะจัดการเรื่องนี้เองค่ะ” แพรวเพชรกำหนดกรอบเวลาในการทำงานและตอบคำถามอีกหลายประโยค จึงเสดูนาฬิกา “ไม่ทราบว่าคุณสาวิตรีและหม่อมมีคำถามเพิ่มเติมไหมคะ” เธอตัดบทและบอกลาอย่างสุภาพ

“งั้นเรากลับเลยละกัน แล้วฉันจะรอฟังความคืบหน้านะ ไปกันค่ะหม่อม”

แพรวเพชรลุกขึ้นทำความเคารพ คอยจนทั้งคู่ออกจากห้องลับสายตาไป จึงเป่าปากพรูหนักใจ ความท้าทายที่เธอไม่ต้องการ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!





หม่อมราชวงศ์อินทุอรวี ชยาธร ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อของณัฐภัทรคอร์ปอเรชั่น ลุกขึ้นยืนเมื่อประตูห้องเปิด และเลขาฯ นำแขกเข้ามา

แม้จะเคยได้ยินชื่ออิงอรุณจากวงสังคมหลายครั้ง แต่อินทุอรวีเพิ่งได้พบตัวจริงอีกฝ่ายวันนี้ ทายาทแห่งสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชันเหมาะกับคำว่า ‘น่าทะนุถนอม’ ราวกับราชบัณฑิตบัญญัติคำนี้มาเพื่ออิงอรุณโดยเฉพาะ หญิงสาวมีเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม ดวงตากลมโต ปากนิดจมูกหน่อย ทั้งยังไว้ผมบ๊อบสไลด์ยาวแค่คาง หากสวมชุดนักเรียนผูกคอซอง เธอคงเชื่อสนิทใจว่าอิงอรุณเป็นเด็กมัธยมต้น! รูปร่างกะทัดรัด และเอวบางอ้อนแอ้นยิ่งส่งเสริมให้รู้สึกอยากช่วยเหลือสุดกำลัง

หลังทักทายกันแล้ว อิงอรุณก็อธิบายลักษณะธุรกิจของคิวปิดแอสซิสแทนซ์ให้ฟังพอสังเขป แผนธุรกิจ งบการเงิน แผนการตลาด รวมถึงข้อมูลเชิงสถิติที่สำคัญถูกนำมาอ้างอิงโดยละเอียด

“ไม่ทราบว่าคุณหญิงมีคำถามไหมคะ” อิงอรุณลงท้ายด้วยสีหน้าภูมิใจ

อินทุอรวีหนักใจ ไม่ว่าจะมองมุมไหน บริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์ก็แทบไม่มีโอกาสรอดเลย เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบริษัทนั้นกินอุดมการแทนข้าว ทำธุรกิจบนพื้นฐานของความคิดว่าจะช่วยคนโสดให้มีคู่ โดยไม่คำนึงถึงความสมดุลของรายรับรายจ่าย ต้องบอกว่าโชคดีมากแล้วที่บริษัทรอดมาได้ถึงทุกวันนี้!

กระนั้นบุคลิกของอิงอรุณกลับมีอานุภาพทำให้คนมองถูกชะตาและเอื้อเอ็นดูได้ไม่ยาก อินทุอรวีจึงส่งยิ้มให้กำลังใจ “คุณอิงอธิบายครบถ้วนทุกเรื่องแล้วค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น ที่อิงยื่นเรื่องขอกู้เงินเข้ามา...”

“คนระดับคุณอิงอรุณ แค่ผลประโยชน์ทางการเงินจากกองทุน หุ้น และหลักทรัพย์ต่าง ๆ ที่คุณได้รับในแต่ละวัน ก็มากกว่ายอดที่จะขอกู้แล้ว พี่ถามตรง ๆ นะคะ ทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยากด้วย” ใครได้ยินคงไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดที่สุดเรียกตัวเองว่า ‘พี่’ กับลูกค้า!

“วันนี้อิงขอพบคุณหญิงในฐานะเจ้าของธุรกิจคนนึง อยากให้คุณหญิงลืม ๆ ไปก่อนว่าอิงเป็นเทียมสุบรรณค่ะ”

นั่นยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่! ปกติบ้านเทียมสุบรรณแค่ยกหู เจ้าหน้าที่ธนาคารก็พร้อมปรี่ไปมอบความสะดวกสบายให้ถึงที่แล้ว การที่อิงอรุณดั้นด้นมาพบเธอด้วยตัวเองยิ่งไม่ธรรมดา

“งั้นพี่จะพูดในฐานะเจ้าหน้าที่ธนาคารกับผู้ประกอบการคนนึงนะคะ พี่คงอนุมัติเงินกู้ก้อนนี้ให้คุณไม่ได้ค่ะ”

อิงอรุณหน้าม่อย สีหน้าเหมือนเด็กถูกขัดใจทันที

อินทุอรวีชินแล้วที่ต้องเห็นคนฟังหน้าเสีย ทุกครั้งเธอแค่มองผ่าน แต่วันนี้หญิงสาวกลับนึกปรานีคู่สนทนา “ธุรกิจของคุณอิงดีนะคะ แต่ถ้าคุณยังบริหารอย่างที่ทำอยู่ บริษัทจะเข้าเนื้อไปเรื่อย ๆ คิวปิดแอสซิสแทนซ์ไม่ใช่องค์กรการกุศล ไม่จำเป็นต้องกดค่าบริการให้ต่ำขนาดนั้น”

“แต่ว่า...”

อินทุอรวีส่ายหน้า ปฏิเสธคำอธิบายด้วยท่าทีเฉียบขาด เธอชี้แฟ้มบนโต๊ะ “คุณลองไปปรับแก้แผนธุรกิจมาใหม่ ถ้าพี่เห็นว่าคิวปิดแอสซิสแทนซ์ใช้หนี้คืนให้ธนาคารไหว พี่จะอนุมัติเงินกู้ก้อนนี้ให้”

อิงอรุณหน้ายุ่ง ทำให้เดาได้ว่าเธอไม่สบอารมณ์กับคำแนะนำนั้น

“ด้วยฐานะของคุณ พี่เชื่อว่าคุณอิงไม่มีปัญหากับเงินแค่นี้หรอก แต่คุณจะเอาเงินตัวเองโปะเข้าบริษัทไปอีกนานแค่ไหน เมื่อกี้คุณบอกเองว่าคุยกับพี่ในฐานะเจ้าของบริษัทคนนึง เพราะฉะนั้นพี่ก็พูดตรง ๆ ว่าตอนนี้ นโยบายของบริษัทคุณไม่เวิร์คค่ะ ถ้าไม่แก้ไข ช้าหรือเร็วคิวปิดแอสซิสแทนซ์ต้องล้มแน่นอน”

ดวงตากลมโตคู่นั้นกลอกไปมาอย่างลังเล

“งั้นอิงจะปรับค่าบริการให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นสิบเปอร์เซ็นต์ พอไหมคะ”

“อย่างน้อยต้องมีหกสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ ต่ำกว่านี้ไม่ต้องคุยกัน”

อิงอรุณอ้าปากค้าง มองเธออย่างตกตะลึง

ราชนิกุลสาวจึงเอ่ยต่อ “หกสิบเปอร์เซ็นต์ในปีแรก และปรับลดลงในปีถัดไปได้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ด้วยอัตรานี้เป็นอย่างน้อย คิวปิดแอสซิส-แทนซ์ถึงจะมีเงินคืนธนาคาร และนั่นเป็นเหตุผลข้อเดียวที่พี่จะอนุมัติเงินกู้”

“นายธนาคารเด็ดขาดแบบนี้ทุกคนเลยไหมคะ” หน้ายุ่ง ๆ น้ำเสียงโอดครวญนั้นบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวหมดทางแย้ง

อินทุอรวียิ้มไม่ออก คนฟังคงช็อกถ้ารู้ว่านี่คือเวอร์ชันอ่อนโยนที่สุดของเธอ!

“ทำไมคุณอิงถึงทำบริษัทจับคู่คะ” สองสาวนั้นเก่งจิตวิทยาและการวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์ แต่ถ้าดูทักษะด้านการเงินต้องนับว่าสอบตก! เสียแรงคนหนึ่งเป็นลูกสาวอภิมหาเศรษฐี ส่วนอีกคนก็มีสามีเป็นนักธุรกิจข้ามชาติพิษสงรอบตัว

“อิงอยากพิสูจน์ตัวเอง อยากใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์” คำตอบเป็นสูตรสำเร็จดังคาด!

“แล้วคุณอิงอยากพิสูจน์ตัวเองในฐานะไหนคะ ถ้าอยากเป็นเจ้าของกิจการที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องเปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นนักธุรกิจกว่านี้ ทำได้ไหมคะ”

เธอจิ้มนิ้วบนแฟ้มแผนธุรกิจ “ถ้าคุณอิงทำใจแข็งบริหารธุรกิจไม่ได้ ก็กลับไปใช้ชีวิตแบบคุณหนูสบาย ๆ เถอะค่ะ อย่ามาทำการค้าเหมือนเล่นขายของอย่างนี้ ไม่ใช่เสียชื่อแค่คุณ แต่ยังกระทบไปถึงชื่อเสียงของคุณพ่อคุณด้วยนะคะ”

อิงอรุณเป่าปากพรูยอมจำนน

เห็นอิงอรุณหน้าจ๋อยแล้ว หญิงสาวก็โพล่งออกไปโดยไม่ทันห้ามตัวเอง ไม่รู้เลยว่านั่นอาจเปลี่ยนชีวิตของหม่อมราชวงศ์อินทุอรวี ชยาธร อย่างคาดไม่ถึง!

“ถ้ามันยากนัก ให้พี่ช่วยไหมคะ”





รถจอดแน่นเต็มพื้นที่ทำให้อาคารจอดรถแห่งนั้นแคบไปถนัดตา สาวัชชะลอรถกวาดตาหาช่องว่าง พลันออดี้สีขาวทะเบียนรถเลขเรียงกันในช่องจอดหนึ่งก็สะดุดตาเข้า เขาหวนนึกถึงเจ้าของรถเพียงแค่มองแวบเดียว ยายจอมยุ่งนั่น...อิงอรุณ! โลกกลมอะไรขนาดนั้น เช้าเชิญเจ้าหล่อนไปรับของคืน หวังว่าบ่ายนี้เขาคงไม่ต้องเจอผู้หญิงคนนั้นที่นี่อีกนะ

ขณะรอลิฟต์ขึ้นอาคาร เพียงประตูลิฟต์เปิดกว้าง สาวัชก็เห็น ‘เธอ’ ทันที ทั้งที่อิงอรุณยืนก้มหน้า อยู่มุมด้านใน ขมวดคิ้วมุ่นดุจกำลังคิดหนักเรื่องบางอย่างอยู่

สาวัชหมุนตัวหันหลังอัตโนมัติ หัวใจเต้นโครมครามกลัวอีกฝ่ายเห็น ชายหนุ่มคอยจนเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังเป็นจังหวะค่อย ๆ ห่างออกไปแล้ว จึงผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งใจ

พลันสาวัชกลับนึกได้ ทำไมเขาต้องหลบหน้ายายนั่นด้วย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย บ้าชะมัด!

อารมณ์หงุดหงิดติดตามเขามาถึงชั้นยี่สิบแปด เมื่อพบกับผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อซึ่งมาร์ฯ นัดหมายให้ สาวัชแปลกใจยามพบว่าผู้ที่รอเขาอยู่เป็นหญิงสาว ไม่ใช่สาวใหญ่หรือหนุ่มวัยกลางคนดังคาด

“อินทุอรวี ชยาธร ค่ะ” เจ้าของห้องยืนอยู่ตรงโซฟา รัศมีความเชื่อมั่นเปล่งประกายจากเนื้อตัวเธอชัดเจน

สาวัชมอบนามบัตรให้อีกฝ่าย แนะนำตัวสั้น ๆ แล้วมุ่งตรงสู่ประเด็น ชายหนุ่มเปิดเครื่องแท็บเล็ตให้อีกฝ่ายดู “นี่เป็นมูลค่าทรัพย์สินที่ผมถือครองอยู่ ณ ปัจจุบัน ผมอยากใช้ค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อเป็นวงเงินสัก...”

ชายหนุ่มทราบว่าธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อได้ราวหกสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าหลักประกัน และตัวเลขที่เขาบอกก็นับว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่นำมาวางค้ำ

“นี่คือแผนการลงทุนของผมครับ ผมกำลังสนใจหุ้นของสยามดริ๊งค์ฯ เป็นพิเศษ และต้องการทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการลงทุน” ชายหนุ่มเปิดไฟล์เอกสาร อธิบายรายละเอียดของการเข้าซื้อ ‘หุ้น’ ที่เขาวางไว้ให้อีกฝ่ายฟังพอสังเขป

“เบื้องต้นต้องเรียนก่อนว่าดิฉันดูแลสินเชื่อขององค์กร ไม่ใช่สินเชื่อส่วนบุคคล” อินทุอรวีจิ้มนิ้วลงบนแฟ้มที่วางเป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะ “ดิฉันจะแนะนำเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้ให้ติดต่อคุณสาวัชดีกว่านะคะ แต่กรณีของคุณสาวัช ดิฉันคาดว่าธนาคารคงไม่

อนุมัติวงเงินค่ะ ในต่างประเทศหุ้นหรือตราสารหนี้ใช้ค้ำประกันการขอสินเชื่อได้ แต่ ธนาคารของไทยยังไม่ยอมรับระบบนี้ เพราะหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าไม่แน่นอน ธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อก็ต่อเมื่อผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้เท่านั้นค่ะ”

“นามสกุลของผมไม่ช่วยอะไรเลยหรือ” เขาหยั่งเชิงด้วยน้ำเสียงผยอง ลึก ๆ กลับนึกชิงชังตัวเอง ทั้งที่วิ่งหนีความเป็นปรเมศวร์มาตลอด แต่ในยามเข้าตาจน เขากลับคว้าเรื่องนี้มาใช้เป็นข้ออ้างโดยมิพักลังเลใจ

อินทุอรวียิ้ม “สงสัยช่วงนี้ดิฉันทำบุญมาดี มีแต่คนนามสกุลใหญ่มาขอกู้เงิน”

สาวัชเอะใจแปลกๆ เผลอเหลือบตามองแฟ้มที่อินทุอรวีวางมือทาบไว้ด้วยความอยากรู้ แฟ้มเล่มบนสุดหน้าปกเป็นสีชมพูอ่อนเข้าเล่มด้วยสันกระดูกงูสีแดง น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นรายละเอียดอื่นซึ่งถูกมือเจ้าของห้องบังไว้

“ในกรณีของผม คุณมีคำแนะนำไหมครับ”

“คุณสาวัชใช้สลิปเงินเดือนขอกู้ส่วนบุคคลน่าจะง่ายกว่า เรายืดหยุ่นให้ได้สูงสุดที่สามสิบเท่าของรายได้ค่ะ”

“ผมเพิ่งลาออกจากมหาวิทยาลัยไปทำงานที่ปรเมศวร์เทรดดิ้งไม่ถึงเดือน”

“แย่หน่อยค่ะ นั่นไม่เป็นผลดีเลย แต่บางทีเจ้าหน้าที่สินเชื่อบุคคลอาจให้คำแนะนำที่ดีกว่าดิฉัน ขอตัวสักครู่ค่ะ” หญิงสาวลุกไปที่โต๊ะเพื่อโทรศัพท์

สาวัชรีบฉวยโอกาสนั้นอ่านรายละเอียดบนแฟ้มสีชมพูอย่างรวดเร็ว

‘แผนธุรกิจของคิวปิดแอสซิสแทนซ์’ คือชื่อแฟ้ม และสิ่งที่สะดุดตาเขาก็คือรูปกามเทพตัวน้อยบนปกนั่น!

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาพบอิงอรุณตรงหน้าลิฟต์ ผู้หญิงคนนั้นมาทำเรื่องขอสินเชื่อกับอินทุอรวีนี่เอง

ผู้อำนวยการสาวกลับมานั่งที่เดิม โดยวางกระดาษแผ่นหนึ่งตรงหน้าเขา “นี่ชื่อผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อบุคคลของสำนักงานใหญ่ค่ะ ดิฉันโทร.เช็กให้แล้ว ผู้จัดการว่างอยู่พอดี ถ้าคุณสาวัชสะดวก เชิญพบเขาเลยดีไหมคะ”

ชายหนุ่มรับกระดาษแผ่นนั้นมาสอดใส่กระเป๋าเสื้อสูทด้านใน ก้มศีรษะนิด ๆ “ขอบคุณที่สละเวลาให้ แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณอินทุอรวีด้วยครับ”

“หวังว่าณัฐภัทรคอร์ปอเรชันจะมีโอกาสได้รับใช้คุณสาวัชนะคะ”

ชายหนุ่มไม่ได้ไปฝ่ายสินเชื่อตามที่อินทุอรวีแนะนำ เพราะรู้ดีว่าผลการเจรจาจะจบลงในรูปแบบเดิม

ระหว่างรอเครื่องรถร้อน ชายหนุ่มเคาะพวงมาลัยอย่างครุ่นคิด สุดท้ายจึงตัดสินใจตก เขากดโทรศัพท์มือถือไปยังหมายเลขหนึ่งในสมุดโทรศัพท์ กรอกเสียงทักทายเป็นภาษาอังกฤษว่า...

“สวัสดีครับโปรเฟสเซอร์ สาวัชนะครับ ผมมีเรื่องขอร้อง...”





หลังออกจากโรงพยาบาลพันเทพเข้าพบบิดาของอิงอรุณที่คฤหาสน์เทียมสุบรรณ จากนั้นจึงไปสำนักงานของคิวปิดแอสซิสแทนซ์ แพรวเพชรออกมาต้อนรับพอดีกับที่อิงอรุณกลับจากข้างนอก ทั้งหมดจึงเคลื่อนขบวนไปห้องทำงานของอิงอรุณ

อิงอรุณก้าวเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เธองับประตูปิดแล้วไขมู่ลี่เปิดเป็นช่องให้คนข้างนอกมองเข้ามาได้ป้องกันคำครหา เธอรินน้ำส้มให้แขก พลางบอก

“หมดเคราะห์หมดโศกซะที เทพอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องอันตรายอีกนะ อิงกับเพชรตกใจหมดเลย”

“โฮ้ย! ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” เขาทำเสียงตื่นเต้นเกินจริง เป็นผลให้คนฟังหัวเราะร่วน ตีแขนข้างดีของเขารัว ๆ

แพรวเพชรหัวเราะผสมโรง แล้วสองสาวก็สลับกันถามอาการของเขาจนพอใจ

พันเทพมองสตรีทั้งคู่ด้วยความซาบซึ้ง “ขอบใจทั้งสองคนนะที่เป็นห่วง”

“ถ้าไม่ห่วงเพื่อน แล้วจะให้ไปห่วงใครล่ะ” แพรวเพชรดูเวลา “อุ๊ย! เราต้องไปรับลูกที่โรงเรียน ไปก่อนนะ ไว้นัดกินข้าวกัน” หญิงสาวโบกมือลา

อิงอรุณรอจนแพรวเพชรงับประตูปิดแล้วจึงถาม “ว่าแต่นี่เทพมายังไงเนี่ย”

“วานเพื่อนมาส่งที่หน้าออฟฟิศอิงนี่แหละ ไม่กล้านั่งแท็กซี่มาเองหรอก กลัวไปตกระกำลำบาก แล้วคุณหนูอิงอรุณจะเป็นห่วง” ชายหนุ่มเย้าปนหัวเราะ หูฟังเสียงว่าที่คู่หมั้นบ่นแกมประชด ทว่ากลับปล่อยใจไปยังบทสนทนาที่เจรจากับสุพจน์

‘นอนโรงพยาบาลคราวนี้ทำให้พ่อได้คิด ว่าหากพ่อตายไปวันนี้พรุ่งนี้ อิงกับแม่จะเป็นสองคนที่ลำบากที่สุด ไม่ใช่แค่ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียเท่านั้น แต่ยังต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งมหาศาล ทั้งเรื่องที่บ้านแล้วก็ที่บริษัทด้วย ถึงสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชันจะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่นักลงทุนย่อมต้องเกิดความไม่มั่นใจว่าทิศทางของบริษัทจะไปทางไหนต่อ นราธิปเองก็ประกาศชัดแล้วว่าจะหันไปทำงานการเมืองเต็มตัว พ่อบอกตามตรงว่ามองไม่เห็นใครเลยที่จะมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งกรรมการบริหารของสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชัน’

สุพจน์ชี้ท่อนแขนของเขา สีหน้ามีร่องรอยเห็นใจ ‘ถึงเทพไม่รับออกมาตรง ๆ แต่พ่อคิดว่าพอจะเดาได้นะ ว่าใครทำให้เทพเป็นอย่างนี้’

ท่านถอนใจ ขณะเขาตัวแข็งราวถูกสาป เรื่องบางเรื่องแม้ผ่านไปแล้ว แต่แค่นึกถึงก็ยังเจ็บปวดไม่สร่าง

‘คนที่กล้าทำกับเทพขนาดนี้ แสดงว่าเขาเชื่อมั่นในอำนาจของตัวเองมาก นั่นทำให้พ่อเบาใจว่าเขามีอำนาจมากพอที่จะปกป้องอิงกับแม่ได้ อีกทั้งอำนาจของเขายังจะช่วยหนุนหลังสยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชันได้อีกด้วย พ่อมั่นใจว่า...คนที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี่ สามารถรับประกันความสงบสุขและความปลอดภัยของคนที่พ่อรักและบริษัทที่พ่อภูมิใจได้แน่นอน’

พันเทพประหลาดใจ เขานึกว่าสุพจน์จะขอให้เขาออกจากวังวนชีวิตของครอบครัวเทียมสุบรรณเสียอีก

‘ถ้าสิ่งเดียวที่เขาต้องการคือเงิน นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย พ่อไม่ได้หาเงินเพื่อเก็บไว้ชื่นชมกับตัวเลขในบัญชี พ่อมีเงินไว้เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะซื้อความปลอดภัย ความสุข และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อทำให้ชีวิตของพ่อและครอบครัวดีขึ้น ถ้าพ่อต้องใช้เงินซื้อหลักประกันว่าอำนาจของคนคนนึงจะคุ้มครองอิงอรุณ แม่ของอิง สยามดริ๊งค์คอร์ปอเรชัน และรวมถึงนราธิปได้ พ่อก็ยินดี’

‘คุณพ่อหมายความว่า...’ เขาไม่กล้าเติมลงในช่องว่างของตน ด้วยไม่อาจหยั่งน้ำใจคู่สนทนาว่ากำลังคิดอะไร

‘พ่ออยากให้เทพหมั้นกับอิงให้เร็วที่สุด’

เขาประหลาดใจจนเก็บรักษากิริยาไม่ทัน

สุพจน์ชี้แขนเขา เอ่ยด้วยเสียงปรานี ‘พ่อไม่เสียดายถ้าต้องใช้เงิน แต่พ่อเสียใจที่ปล่อยให้ลูกหลานต้องเจอเรื่องแบบนี้ เพื่อตัดปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอีก พ่ออยากให้เทพหมั้นกับอิงให้เร็วที่สุด จะได้ไม่มีใครต้องเจ็บตัวอีก”

พันเทพสะอึก กระบอกตาร้อนผ่าว ก้อนแข็ง ๆ ตื้อขึ้นมาจุกอยู่ในคอ สุพจน์เมตตาเขามากกว่าความรักที่พ่อบังเกิดเกล้ามีให้เขาด้วยซ้ำ!

ชายหนุ่มทรุดตัวลงคุกเข่ากราบแทบเท้าสุพจน์อย่างเก้ ๆ กัง ๆ ฝืนกลั้นรอยสะอื้นเปล่งเสียงยากเย็น ‘ขอบคุณครับคุณพ่อ ผมสัญญาว่าต่อให้ต้องปกป้องอิงด้วยชีวิต ผมก็จะทำให้ได้ ขอบคุณครับที่คุณพ่อเชื่อมั่นในตัวผม’

บิดาของอิงอรุณส่ายศีรษะ ‘ไม่ต้องปกป้องด้วยชีวิตหรอก พ่อมีวิธีที่เทพปกป้องอิงได้ โดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ’

สุพจน์เอ่ยพลางเลื่อนกล่องหนังใบเท่ากล่องไม้ขีดมาตรงหน้า ‘แค่ช่วยรับนี่ไว้ แล้วใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุดก็พอ’

พันเทพเปิดกล่องออก มอง ‘กล้องสอดแนมขนาดเท่ากระดุม’ ที่อยู่ในนั้น เมื่อเงยขึ้นสบตาสุพจน์อีกครั้ง ท่านก็ผงกศีรษะยืนยันความต้องการ

‘ผมจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังครับ’ พันเทพกำกล่องในมือ รับคำหนักแน่น

“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว มีอะไรดี ๆ หรือเปล่า บอกกันบ้างสิ” เสียงเย้าแหย่ของอิงอรุณ ปลุกเขาจากภวังค์

“พอดีรู้มาว่าคุณลุงก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็เลยดีใจน่ะ”

อิงอรุณนิ่วหน้าเล็กน้อย ชั่งใจชั่วขณะจึงอธิบาย “แม่บอกว่าที่พ่อเจ็บคราวนี้ เป็นเพราะคุณพ่อเทพมาเจรจาเรื่องสินสอดพร้อมกับ...เอาปืนมาวางขู่”

พันเทพกำมือแน่น เขาเดาว่าสุพจน์เข้าโรงพยาบาลเพราะพ่อ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะบานปลายขนาดนี้ “เราขอโทษนะอิง ที่มีส่วนทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” เขาเสียงหม่น ก่อนจะฝืนยิ้มเปลี่ยนเรื่อง “ไว้เราหายแล้ว ไปดูเรือนหอกันดีไหม”

“หืม? เรือนหอเหรอ” อิงอรุณประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยแย้มเรื่องนี้ให้ฟัง

“แม่ยกที่แถวสุขุมวิทให้เรานานแล้ว เราสร้างบ้านไว้ตอนนี้ใกล้เสร็จละ ก็เลยกะจะตกแต่งไว้เป็นเรือนหอน่ะ”

“ก็ดีน่ะสิ ว่าแต่...เขียนแบบบ้านสวยหรือเปล่าเนี่ย ไม่เอาบ้านโล่ง ๆ มีแต่โต๊ะตู้เก้าอี้แล้วจบนะ อิงไม่ใช่พวกมินิมัลลิสต์” ตอนท้ายเธอเบ้หน้า

เขาตบกระเป๋าทั่วตัว “สงสัยลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านอิง ไม่งั้นจะให้ดูรูป เราว่าอิงต้องชอบแน่” สุดท้ายจึงลุกไปที่โต๊ะทำงาน “ขอกระดาษแผ่นนึงนะ เดี๋ยววาดให้ดู”

ชายหนุ่มเห็นกระดาษปึกหนึ่งอยู่ใต้แฟ้ม จึงดึงกระดาษแผ่นนั้นมาพลิกดู เห็นด้านหนึ่งว่างก็ดึงดินสอจากโถมาด้วย ขณะกลับมาที่โซฟา เขาสะดุดตาบางอย่างจึงพลิกด้านที่มีข้อความมาอ่านซ้ำ

“ทำไมมีชื่อดอกเตอร์สาวัช ปรเมศวร์ บนกระดาษนี่ด้วยล่ะอิง”

หญิงสาวเบ้ปาก “นั่นคอร์สใหม่ของบริษัท ดอกเตอร์สาวัชที่เทพถาม เขาเป็นวิทยากรที่อิงเชิญมาน่ะ”

“หืม? ถึงขนาดเชิญพี่วัชได้นี่ ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” พันเทพทำหน้าแปลกใจ

“พี่วัช?” อิงอรุณเสียงสูง “นี่เทพรู้จักดอกเตอร์สาวัชด้วยเหรอ”

“อ้าว! ไปเชิญมาเป็นวิทยากรแต่ไม่รู้เหรอว่าพี่วัชเป็นรุ่นพี่เราสมัยเรียนอยู่คอนเนคติกัต เราเรียนเอ็มเศรษฐศาสตร์ ส่วนพี่วัชเรียนพีเอชดีสาขาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พี่วัชน่ะเก่งขนาดที่ศาสตราจารย์ยังยอมรับเลยนะ”

“นี่เทพจะบอกว่าคุณสาวัชจบจากเยลเหรอ สุดยอดอะ”

พันเทพหัวเราะหึ ๆ ชูกระดาษในมือขึ้น “รู้ไหมตอนอยู่ที่โน่น พี่วัชไม่เอามนุษย์คนไหนเลย ไม่มีสังคม ไม่คบคนไทย ใครไปขอความช่วยเหลืออะไร เขาเซย์โนตลอด อิงเก่งมากเลยที่เชิญเขามาเป็นวิทยากรได้”

อิงอรุณเบ้ปาก “ม่ายช่ายเลย อิงก็ถูกปฏิเสธมาเหมือนกันแหละ”

“มีคนกล้าขัดใจคุณหนูอิงอรุณด้วยเหรอ” พันเทพจงใจทำท่าตื่นเต้นเกินจริง

“ไม่ใช่แค่ขัดใจนะ คุณสาวัชบอกว่าถ้าอิงไม่แก้ไขชื่อเขาออก เขาจะแจ้งความข้อหาแอบอ้างทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง”

“โอ้โห! จัดเต็มมาก คุณหนูกริ้วเลยสิ”

อิงอรุณพยักหน้า “ที่สุดอะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราผิดจริง”

“แล้วอิงทำยังไงกับวิทยากรล่ะ”

“ก็หาวิทยากรมาแทนไง ไม่เห็นจะยากเลย”

“คนที่จะดีเทียบเท่าพี่วัชน่ะหายากนะ บอกเลย”

“ทีแรกก็นึกว่าต้องยกเลิกคอร์สนี้แล้วละ แต่ระหว่างขับรถกลับมาออฟฟิศเมื่อกี้ จู่ ๆ ก็มีอาจารย์คนนึงโทร.มาเสนอตัวเป็นวิทยากรให้ เพราะรู้มาว่าอิงกำลังหาอยู่ อิงลองค้นกูเกิ้ลดูละ ปรากฏว่าเขาเป็นคนเก่งแล้วก็ดังระดับโลกเชียวนะ บังเอิญจริง ๆ ที่ท่านเดินทางมาเมืองไทยช่วงนี้พอดี อิงก็เลยเรียนเชิญท่านมาแทนน่ะ”

“ถือว่าโชคดีนะ ที่แก้ปัญหาได้”

“ใช่ โชคดี ถ้าไม่ได้ศาสตราจารย์ราเชนทร์ คิวปิดแอสซิสแทนซ์คงแย่แน่ ๆ ”

“ชื่อราเชนทร์เหรอ คนอินเดียหรือเปล่าเนี่ย”

“เทพเดาเก่งจัง ฟังปุ๊บก็รู้ปั๊บเลยเหรอ ศาสตราจารย์ราเชนทร์ ซิงห์ เป็นคนอินเดียที่เกิดและโตในเมืองไทย ฟังพูดอ่านเขียนภาษาไทยชัดเปรียะเลย”

พันเทพซ่อนความประหลาดใจไว้ภายใน

ราเชนทร์ ซิงห์ คนนี้ จะเป็นคนเดียวกับโปรเฟสเซอร์ราเชนทร์ ซิงห์ ศาสตราจารย์ที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์ของสาวัชที่เยลหรือเปล่านะ!





*มาร์ หรือ มาร์เก็ตติ้ง คือเจ้าหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์มีหน้าที่ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นให้นักลงทุน



* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

นิยายเรื่องนี้มี 60 ตอนนะคะ

สิริณจะลงให้อ่าน "จนจบ"

ไม่เท ไม่ทิ้งกันแน่นอน

แต่ในฉบับหนังสือและอีบุ๊ก

จะมีตอนพิเศษจัดเต็มอีกเกือบ 100 หน้า

(ประมาณ 1/5 ของเล่ม)

วันนี้เปิดให้จองหนังสือแล้วจ้า

จะจัดพิมพ์ตามจำนวนจอง ไม่มีวางขายหน้าร้านนะค้า

หนังสือหนา 600 หน้า + ที่คั่น

ราคา 450 บาท ค่าจัดส่ง 30 บาท

สนใจสั่งจองที่ https://goo.gl/kHN2TN

** สำหรับ 100 คนแรกที่จองและโอนเงิน จัดส่งฟรี พร้อมรับของแถมพิเศษ **


ฉบับอีบุ๊ค รอประมาณกลางเดือนนะคะ

ตอนนี้กำลังรีบจัดหน้าและขอเลข ISBN อยู่ค่ะ





สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ค. 2561, 22:35:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ค. 2561, 22:35:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 707





<< ตอนที่ 11   ตอนที่ 13 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account