+ * + * + พยศดอกฟ้า (ผู้ช่วยกามเทพ รีโพสต์) + * + * +
นี่มันไม่ใช่แค่พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก หรือราหูอมธรรมดาละ
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
แค่ดื้อกับแม่หน่อยเดียว อิงอรุณ เทียมสุบรรณ ถึงกับต้องโดนตัดเบี้ยเลี้ยงเลยเรอะ! แถมทางเดียวที่จะพ้นจากสถานการณ์ถังแตกได้ก็คือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ชายเย็นชา ไร้หัวใจ อย่างสาวัช ปรเมศวร์
นับจากวินาทีแรกที่เจอกัน ชีวิตของสาวัชก็ไม่เหลือความสงบสุขอีกเลย เมื่อผู้หญิงเอาแต่ใจใช้ทุกวิถีทางบังคับให้เขาทำตามที่เธอต้องการ ทั้งข่มขู่ แบล็กเมล์ และรวบหัวรวบหาง!
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายอยู่ในใจ เขาคงไม่ยอมเดินเข้าไปในกับดักที่หญิงสาววางล่อไว้ง่ายๆ เช่นนี้
นายพรานสาวจอมเอาแต่ใจจะถูกเสือซ่อนลายปราบพยศได้หรือไม่ มหากาพย์เรื่องนี้ต้องดูกันยาวๆ เพราะที่เห็นถือไพ่เหนือกว่ามาตลอด เสือซุ่มอาจรอจังหวะตลบหลังกินรวบดอกฟ้าจอมยุ่งอยู่ก็ได้
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
เพื่อนๆ นักอ่านค้าาาาาา
เก๊ากลับมาแล้ว มาพร้อมกับข่าวดีที่หลายคนรอคอยด้วย
ม่ายยยย ไม่ใช่สิริณจะสละโสด
แต่ข่าวดีที่ว่าก็คือ ใครที่รอผู้ช่วยกามเทพอยู่
กำลังจะได้อ่านแบบเป็นเล่มกันแล้วนะค้าาาาา
โดยเรื่องนี้สิริณจะพิมพ์เองเลยจ้า เห็นเขาฮิตทำมือกัน เลยอยากทำมั่ง
เย้ยยย ม่ายช่าย เนื่องจากส่งสำนักพิมพ์ผ่านแล้ว
แต่สำนักพิมพ์เปลี่ยนไปแนวจีนแทน (รู้กันอยู่เนอว่า สนพ.ไหน 555)
ทำให้ถูกดองต้นฉบับอยู่เป็นปีต่างหาก
ตอนนี้ถอนต้นฉบับออกมาละ
ไม่ส่ง สนพ. อื่นด้วย เกรงจะต้องรออีกนาน
ตอนนี้สิริณรีไรท์จบแล้ว พร้อมพิมพ์แล้ววววววว
แต่จะเปลี่ยนชื่อเรื่องตอนตีพิมพ์นะคะ
โดย ชื่อเดิม : ผู้ช่วยกามเทพ
ชื่อใหม่ : พยศดอกฟ้า
ตั้งใจว่าจะเขียนเป็นซีรีส์ ดอกดอก 55555
สนิมดอกรัก -> พยศดอกฟ้า -> วิวาห์ดอกกระดาษ
สำหรับพยศดอกฟ้านี้
สิริณจะรีโพสต์ให้อ่านกันวันละหนึ่งตอน
โดยมีจำนวนตอนทั้งหมด 60 ตอน
จะลงให้อ่านจนจบ ไม่ทิ้งกันแน่นอน
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
จะมีเฉพาะในฉบับหนังสือและอีบุ๊กเท่านั้น
บอกเลยว่าเขียนเอง ยังเขินเอง
คนอ่านจะฟินขนาดไหน ไม่ต้องเดาเนอะ :D
ตอนนี้ปกเสร็จแล้ว เหลือเก็บงานอีกนิดหน่อย
ก็จะพร้อมเปิดให้จองกันแล้ว
อาทิตย์หน้าจะนำปกมาอวดกันนะคะ
สำหรับใครที่สงสัยว่าสิริณหายไปไหนมา
ไปแต่งงานหรือเปล่า (ใช่เรอะ! 5555)
ก็ขอตอบตรงนี้เลยว่าไปทำงานค่ะ
สิริณกลับไปเป็นสาวออฟฟิศได้เกือบสองปีแล้ว
โดยทำงานในบริษัทเครื่องสำอางระดับมหาชน
ตำแหน่งที่มาพร้อมความรับผิดชอบ
ทำให้แทบไม่มีเวลาพักเลย กลับดึกตลอด
จนเกือบลืมวิธีเขียนนิยายไปแระ
ตอนนี้สิริณพักร่างช่วงใหญ่
กำลังจะเปลี่ยนงาน
ก็เลยรีบมาทำภารกิจที่ติดค้างในใจให้จบก่อน
ใครยังไม่ได้กดไลค์เพจ รีบไปกดไว้นะคะ
www.facebook.com/SirinFC
สิริณใช้สิทธิ์พนักงานซื้อเครื่องสำอางไว้แจกเพียบบบบบ 555
Tags: สิริณ, อิงอรุณ, ผู้ชายเย็นชา, พระเอกซึน
ตอน: ตอนที่ 25
สาวัชมองร้านอาหารเวียดนามฝั่งตรงข้ามอาคารสำนักงานที่อิงอรุณพามา ‘เลี้ยงขอบคุณ’ ด้วยความพอใจ เมื่อพบว่ารอบบริเวณค่อนข้างสะอาด พนักงานแต่งกายเรียบร้อย แม่ครัวสวมถุงมือ ผ้ากันเปื้อน และเก็บผมมิดชิดใต้หมวกอนามัย
เจ้าถิ่นนำไปนั่งที่โต๊ะว่าง “คุณสาวัชเพิ่งมาทำงานแถวนี้ ต้องยังไม่เคยมาทานแน่ ๆ อาหารเวียดนามร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลย นี่ค่ะเมนู คุณสาวัชเลือกเลยค่ะ”
ชายหนุ่มพลิกดูรายการคร่าว ๆ แล้วสั่งอาหารแนะนำของร้านสองชนิด
อิงอรุณจึงลงท้ายด้วยการ “เพิ่มแหนมเนือง ข้าวเกรียบปากหม้อ กับก๋วยจั๊บญวนมาด้วยนะคะ”
แม้จะรู้สึกว่าเพื่อนร่วมโต๊ะสั่งอาหาร ‘เยอะ’ ไปหน่อยสำหรับรับประทานสองคน แต่สาวัชไม่เอ่ยอะไร เพราะเคยเห็นอาจารย์ผู้หญิงที่มหาวิทยาลัยบางคนชอบสั่งอาหารมามากมาย แตะอย่างละนิด แล้วทิ้งส่วนที่เหลือไว้บานเบอะ อิงอรุณก็คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงจำพวกนั้น
“ก๋วยจั๊บญวนที่นี่เด็ดมากค่ะ น้ำซุปหอมอร่อย คุณสาวัชต้องติดใจแน่นอน” เธอหยิบขวดน้ำเปล่าบนโต๊ะมาเปิดฝา แล้วเทใส่แก้วน้ำแข็งที่พนักงานเพิ่งนำมาวางให้อย่างเป็นธรรมชาติจนเขานึกชมในใจว่าเธอมิได้หยิบโหย่งเช่นรูปลักษณ์ ‘คุณหนูจ๋า’ ที่ติดประกาศอยู่ตามเนื้อตัว
“ตอนเปิดออฟฟิศใหม่ ๆ อิงผูกปิ่นโตไปส่งที่สำนักงานเลยแหละ กินกันเป็นเดือนจนเบื่อกันทั้งบริษัทฯ เมื่อก่อนอิงไม่เคยกินอาหารเวียดนามหรอก พอมารู้จักร้านนี้ เลยกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ไปเลย ว่าแต่คุณสาวัชชอบทานอาหารชาติไหนเป็นพิเศษไหมคะ” ตอนท้ายเธอวกมาชวนคุยดื้อ ๆ
ผู้หญิงคนนี้ช่างพูดไม่เบา แถมยังเล่าเรื่อยเจื้อยไม่ขัดเขิน “ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้”
“แล้วคุณสาวัชให้ความสำคัญกับเรื่องไหนหรือคะ”
ตั้งแต่เล็กจนโตสาวัชมักเก็บตัวอยู่กับตำรา นานครั้งจึงมีใครกล้าปีนกำแพงมาพูดคุยกับเขา ชายหนุ่มคุ้นเคยกับโลกส่วนตัว เคยชินกับการถูกปล่อยเกาะ
อิงอรุณจึงจัดเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายตาล้อเลียน น้ำเสียงถือสนิท รวมถึงคำถามอันหมิ่นเหม่ต่อการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว!
“ผมนึกไม่ออกว่าตัวเองให้ความสำคัญกับเรื่องไหน” ทว่าเขากลับไม่ถือสาผู้หญิงคนนี้ บางครั้งเธอทำให้นึกถึงวัชระ! พี่ชายผู้คอยกระเซ้าเย้าแหย่ และเป็นคนเดียวในบ้านที่นับเขาเป็น ‘ครอบครัว’ อย่างแท้จริง
“อาจเพราะไม่เคยมีใครถามด้วยมั้ง ผมก็เลยไม่เคยหยุดถามตัวเอง”
“ทำไมคำตอบถึงหดหู่จังคะ ที่คนไม่ถามคุณสาวัช อาจเพราะกลัวจะทำให้คุณรำคาญก็ได้นะคะ”
“เพราะเขาไม่อยากยุ่งกับผมมากกว่า”
“มีด้วยหรือคะ คนที่ไม่อยากเข้าใกล้ดอกเตอร์จากอเมริกา”
“เยอะแยะไป” เขาไม่อนาทรร้อนใจสักนิด
“ว่าแต่คุณสาวัชไม่มีความสนใจในเรื่องไหนเป็นพิเศษเลยเหรอคะ แบบว่าเรื่องที่ต้องพิถีพิถันค่อย ๆ เลือกเพื่อเสพทำนองเนี้ย มันต้องมีสักเรื่องในชีวิตสิคะที่คุณสาวัชหลงใหลมันเป็นพิเศษน่ะ”
การชวนคุยคงเป็นพรสวรรค์ของอิงอรุณ เธอง้างปากเขาโดยไม่ทำให้รู้สึกเหมือนสอดรู้สอดเห็น แถมยังทำดุจว่าการช่วยค้นหาสิ่งที่ชอบคือบุญคุณเสียด้วย!
“เพื่อนอิงคนนึงชอบเรี่ยไรเงินกับของเก่าจากเพื่อน ๆ ไปบริจาคตามชนบท ไม่ก็ถวายวัดที่กันดาร ๆ อีกคนชอบขี่จักรยานก็คลั่งหาของมาตกแต่ง ถ้าอุปกรณ์ที่อยากได้อยู่สุดขั้วโลก เจ้าหล่อนก็ต้องติดต่อซื้อชิ้นส่วนนั้นมาให้ได้ หรือไม่ก็...”
“ถ้าของอย่างนั้นก็มีบ้าง” เขาขัดก่อนเธอจะยกตัวอย่างเพื่อนทั้งมหาวิทยาลัย
อิงอรุณเช็ดช้อนส้อมวางใส่จานให้เขา จากนั้นเงยขึ้นตั้งใจรอฟังคำตอบ
สาวัชค่อนช้างมั่นใจว่าวันนี้กามเทพสาวกระตือรือร้นชวนคุย บริการคล้ายเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ มันไม่ได้น่ารำคาญหงุดหงิดใจหรอก เขาค่อนไปทางผ่อนคลายและสบายใจด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่นึกไม่ออกก็คือ เหตุใดหญิงสาวจึงทำเช่นนี้
“หนังสือน่ะ” พลันได้สติเขาจึงอธิบาย “การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้ทั้งเวลาและจินตนาการ เพราะฉะนั้นผมต้องเลือกหนังสืออย่างประณีตกว่าจะตกลงใจหยิบมาอ่าน ผมจะไม่อ่านหนังสือที่ไม่คู่ควรกับเวลาของผมเด็ดขาด”
“คุณสาวัชนี่สมกับที่เป็นอาจารย์จริง ๆ เป็นคำตอบที่เหมาะกับคุณที่สุดเลย”
“คุณกำลังวิเคราะห์ผมอยู่งั้นสิ” เขาลงมือรับประทานเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ
“อิงทำแบบนั้นจริงเหรอคะ ขอโทษค่ะ อิงคงติดนิสัยเลยทำไปโดยไม่รู้ตัว”
ชายหนุ่มเมินไปทางอื่นดุจไม่ต้องการรับคำขอโทษนั้น เขามองนาฬิกา แล้วกดดูโทรศัพท์ตามความเคยชิน
“เมื่อกี้คุณสาวัชจะพูดอะไรหรือคะ”
สาวัชวางโทรศัพท์ นิ่งไตร่ตรอง “จากที่รู้จักกัน คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง”
“จะดีเหรอคะ” หญิงสาวเสตักอาหารใส่ปาก ดูก็รู้ว่ากะจะซื้อเวลา
“ผมรอคุณคิดคำตอบได้จนถึงจบมื้ออาหาร”
“ก็ได้ค่ะ งั้นถ้าอิงวิเคราะห์แล้ว คุณสาวัชช่วยบอกด้วยนะคะว่าอิงสมควรถูกอาจารย์ยึดปริญญาคืนหรือเปล่า” อิงอรุณวางช้อน ท่าทางตั้งใจ ไม่มีแววล้อเล่น
“คุณเป็นคนพูดตรง ๆ ห้วน ๆ ไม่สนใจความรู้สึกคนฟัง เป็นพฤติกรรมของคนหยันโลก ไม่เชื่อเรื่องมิตรภาพ เกลียดการใส่หน้ากากเข้าหากัน หลายครั้งคุณชอบขมวดคิ้ว ทำท่าเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่พูด เดาว่าเป็นคนลึกซึ้ง มีเรื่องในใจที่ไม่อยากเปิดเผยให้คนอื่นรู้ และคุณระมัดระวังความรู้สึกของคนรอบตัวมาก
“งานอดิเรกคือการอ่านหนังสือ หมายถึงคนที่ต่อต้านสังคมกลาย ๆ ชอบอยู่ในโลกส่วนตัวมากกว่า บางทีก็เป็นนัยบ่งบอกว่ามีบางอย่างของโลกที่แวดล้อมอยู่ที่ทำให้คุณไม่ชอบใจนัก ถึงชอบหลบไปอยู่ในโลกของจินตนาการ ส่วนที่ว่าต้องเลือกหนังสือที่อ่านแล้วไม่เสียเวลา แปลว่าคุณใฝ่รู้ คิดว่ายังมีเรื่องที่ตัวเองอยากรู้อีกมาก และคุณอยากใช้เวลาทุกวินาทีหาความรู้ เติมเรื่องที่สนใจให้ได้มากที่สุด และอิงคิดว่าคุณสาวัชน่าจะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยถูกไหมคะ”
เธอวิเคราะห์แม่นยำจนน่าทึ่ง ราวกับรู้จักเขาเป็นอย่างดี ทว่าประโยคท้ายสุดทำให้สาวัชสบตาหญิงสาวทันควัน “ข้อหลังสุดนี่ดูจากอะไร”
“คุณสาวัชดูนาฬิกา แล้วหยิบโทรศัพท์มากดดู” อิงอรุณดูเวลาบ้าง “ตอนนี้เที่ยงครึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการของช่วงเช้าพอดี มีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจกำลังติดตามราคาหุ้นบางตัวอยู่ และคุณหน้าเคร่งเพราะราคาไม่เป็นไปตามที่คาด”
“คุณช่างสังเกต” เขาชม ทั้งที่ปกติคงแค่ยิ้มแล้วเก็บสิ่งที่คิดไว้กับตัวเอง
“ที่ต้องช่างสังเกตก็เพราะพ่ออิงก็เป็นแบบนี้ แล้วมันเป็นอาชีพของอิงด้วย”
“ถ้าไม่รู้มาก่อนว่า ผมอาจคิดว่าคุณเป็นตำรวจ นักสืบ หรือหมอดูมากกว่า”
อิงอรุณหยิบช้อนส้อมอีกครั้ง ยิ้มท้าทาย “นอกจากนักสืบ ตำรวจ หมอดู และผู้ช่วยกามเทพแล้ว อิงยังเป็นชูชกด้วยค่ะ มื้อนี้ใครวางช้อนก่อน แพ้นะคะ! ”
สาวัชคิดว่านั่นเป็นการท้าดวลที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายตัวโตกับผู้หญิงตัวเล็กเท่าเมี่ยง ชายหนุ่มรู้ตัวว่าคิดผิดก็ตอนที่อิงอรุณตักข้าวเกรียบปากหม้อชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ทั้งยังกะร่อยกะหริบเด็ดผักเคี้ยวกร้วม ๆ จนหมดก้าน
หากมีกระจกให้ส่อง เขาเชื่อว่าหน้าตาตัวเองคงคล้ายตัวตลกมากขึ้นทุกที
“ทำไมคุณสาวัชมองอิงอย่างนั้นคะ” คนพูดบรรจงซับริมฝีปาก แล้วพับทิชชูวางไว้ข้างจาน กิริยาเธอนุ่มนวล ขัดแย้งกับร้านอาหารริมทางเป็นที่สุด
“ผมไม่คิดว่าคุณจะกินหมดน่ะสิ นึกว่าแค่สั่งมาชิมอย่างละคำสองคำซะอีก”
“แล้วดีหรือไม่ดีคะ”
สาวัชกลอกตาครุ่นคิด หาคำตอบให้ตรงกับใจคิดที่สุด “ดีครับ เพราะผมเชื่อว่าข้าวทุกเม็ด อาหารทุกจาน มันมาจากแรงงาน ชีวิต หรือแม้กระทั่งเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตสักอย่างบนโลกนี้ ทุกองค์ประกอบที่รวมกันเป็นอาหารหนึ่งมื้อ คือการเสียสละจากคน พืช และสัตว์มาสู่ผู้บริโภคอย่างเรา การกินทิ้งกินขว้าง นอกจากแสดงว่าเป็นคนที่แล้งน้ำใจต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แล้ว ยังหมายถึงคนที่บริหารจัดการเรื่องใกล้ตัวไม่ได้เรื่องอีกด้วย”
อิงอรุณเม้มปากกลั้นยิ้ม สุดท้ายจึงหัวเราะคิก “ฟังคุณสาวัชพูดจบ อิงรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถูกประกาศให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เลยค่ะ”
“อย่างคุณน่ะ ผมว่าเหมาะกับสาขาวรรณกรรมมากกว่า” ชายหนุ่มแย้งเสียงเรียบ พลางหยิบแก้วที่อิงอรุณเพิ่งรินน้ำเติมให้มาดื่มจนหมด
ชายหนุ่มไม่ตระหนักเลยว่าสตรีผู้นี้จะเป็นวรรณกรรมเล่มใหญ่ในชีวิตเขาซึ่งไม่อาจคาดเดาว่าจะลงเอยเช่นไร หวานชื่น ขื่นขม หรือบางทีเขาอาจไม่มีโอกาสได้อ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ไปจนถึงตอนจบก็เป็นได้!
หลังอ้อนวอนจนแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล แพรวเพชรก็สั่งบอดี้การ์ดของสามีที่มาอารักขาเธอชั่วคราวขับรถพาไปสำนักงานของคิวปิดแอสซิสแทนซ์ทันที หญิงสาวโทร.หาหุ้นส่วนซึ่งเพิ่งกลับจากรับประทานอาหารกลางวันให้รออยู่หน้าออฟฟิศ เพียงรถจอดอิงอรุณก็ขึ้นมาสมทบ
แพรวเพชรเล่าอย่างร้อนใจ “มีคนบอกว่ามีสิบแปดมงกุฎสมัครเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ เพื่อมาหาเหยื่อที่บริษัทฯ เราลองโทร.เช็กกับพวกที่อ้างว่าถูกหลอก มีหลายคนยอมรับว่าจริง แต่เพราะอายเลยไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง บางคนโดนหลอกเงิน หลอกให้ซื้อข้าวของให้ แต่บางคนมีความสัมพันธ์กันแล้วถูกถ่ายคลิปไว้แบล็กเมล์”
“เราสอบประวัติสมาชิกอย่างดีทุกคนนะเพชร จะมีเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
“สิบแปดมงกุฎที่ไหนจะมีพิรุธให้เราจับได้ล่ะ ก็เพราะอย่างนี้แหละ เราถึงจะชวนอิงไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง”
“คุณเพชรครับ มีรถคันนึงขับตามเรามาสักพักแล้วครับ” การุณรายงานแทรก
แพรวเพชรและอิงอรุณเหลียวไปมองหารถคันนั้น “คันไหนคะ”
“รถญี่ปุ่นสีเทาครับ ตอนออกจากโรงพยาบาลยังไม่เห็น เพิ่งจะตามมาหลังออกจากออฟฟิศคุณเพชร ขับทิ้งห่างสองสามช่วงคันรถ มีรถอื่นคั่น เปลี่ยนเลนซ้ายขวาเป็นระยะ น่าจะเป็นมืออาชีพ”
“พักนี้พี่เผ่าประมูลงานอะไรใหญ่ ๆ อยู่หรือเปล่าคะ พวกเจ้าถิ่นส่งมาหรือเปล่า” แพรวเพชรไม่ตื่นเต้น เพราะเคยชินแล้วว่างานของสามีมีโอกาสขัดผลประโยชน์คนใหญ่โต นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องมีองครักษ์คอยติดตามคุ้มกันเสมอ
“แต่อิงว่าเป็นคุณพ่อเทพส่งมามากกว่านะ”
“ทำไมต้องทำแบบนั้นละ” แพรวเพชรอดสงสัยไม่ได้
“อิงเป็น ‘ว่าที่สะใภ้’ ของ ‘ว่าที่ผบ.ทบ.’ นะ ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนสิ” อิงอรุณเย้า แต่ใบหน้าขรึมเคร่ง
แพรวเพชรถามผู้สัดทัดกรณี “คุณการุณคิดว่าไงคะ”
“เขาตามแบบไม่อยากให้เรารู้ตัว อาจเป็นการคุ้มครองลับ ๆ ก็ได้ครับ”
แพรวเพชรยักไหล่ “ถ้ามาคุ้มครองจริงก็ยิ่งประหลาด ในเมื่อตอนนี้ยังเป็นแค่ ‘ว่าที่’ เอง ไว้รอเป็นสะใภ้ เป็นผบ.ทบ. ก่อน แล้วค่อยมาคุ้มกันไม่ดีกว่าเหรอ”
“ใครเดาใจท่านนายพลได้บ้างละ” อิงอรุณยังโกรธที่พันเทพถูกตีขนาดนั้น
“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเทพเป็นเพื่อน เราคงยุให้อิงยกเลิกงานแต่งไปละ ถามแล้วอย่าโกรธกันนะ อิงรักเทพขนาดที่จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จริง ๆ เหรอ”
“จะหมั้นกันอยู่รอมร่อแล้ว มาถามอะไรป่านนี้” อิงอรุณหัวเราะกลบเกลื่อน
แพรวเพชรเอะใจ ทุกครั้งที่พูดคุยประเด็นนี้ เพื่อนรักมักเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ย้อนถาม หรือใช้สารพัดวิธีหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม เพราะใกล้ชิดกันมานาน เธอจึงไม่เคยวิเคราะห์อิงอรุณอย่างละเอียด แต่วันนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการแต่งงานครั้งนี้อาจมี ‘อะไรในกอไผ่’ มากกว่าที่คิด
พันเทพสนิทกับอิงอรุณที่สุดในกลุ่ม เขาตามใจ ติดสอยห้อยตามยามออกงานสังคมเสมอ แพรวเพชรมั่นใจว่าทั้งคู่เอื้ออาทรต่อกัน แต่เธอไม่เคยเห็นความลุ่มหลง เสน่หาร้อนแรง หรือประกายวิบวับวาบหวามในแววตาของทั้งสองฝ่ายเลย
เพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความรักจากผู้ชายสองคน ทั้งยังทำงานแวดล้อมด้วยเรื่องรักใคร่ของลูกค้า ประสบการณ์ชีวิตสอนให้หญิงสาวรู้ว่าบางครั้งคนสองคนก็อยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ความรักได้เช่นกัน
อิงอรุณไม่ได้รักพันเทพเฉกผู้หญิงที่รักผู้ชายอีกคน เธอรักเขาอย่างเพื่อน!
แพรวเพชรถอนหายใจ สำหรับเธอแล้ว ความรักที่มีให้เผ่าภาคินและพันเทพแตกต่างกันจนไม่อาจเทียบ เธอนึกภาพตัวเองอยู่กับเพื่อนรักอย่างพันเทพไปจนแก่เฒ่าไม่ได้เลย น่าเศร้า...หากอิงอรุณต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป!
“เจ็บใจจัง อุตส่าห์รีบแล้ว แต่ก็ยังมาไม่ทัน” แพรวเพชรหงุดหงิด เมื่อมาถึงร้านอาหารที่มีผู้หวังดีโทร.แจ้ง แล้วไม่พบสิบแปดมงกุฎซึ่งคาดว่าจะมา ‘กินเหยื่อ’
“อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้นะเพชร” อิงอรุณยังมองโลกในแง่ดี
“เราก็หวังไว้ลึก ๆ ให้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอยู่เหมือนกัน ไหน ๆ ก็มาแล้ว งั้นกินข้าวกันก่อนกลับละกัน เราหิว”
“อิงอิ่มมาแล้ว แต่นั่งเป็นเพื่อนได้” อิงอรุณนั่งลงตรงข้าม
คุณแม่ป้ายแดงส่งข้อความให้การุณทราบ แล้วหยิบเมนูมาสั่งอาหารง่าย ๆ สองสามชนิด ครั้นบริกรแยกไปและอยู่กันตามลำพังอีกครั้ง เธอจึงเปิดฉากถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “อิงเตรียมตัวแต่งงานไปถึงไหนแล้ว”
“ผู้ใหญ่สองฝ่ายมาคุยกันละ แม่เทพบินไปสั่งซื้อแหวนหมั้นที่ฮ่องกง ส่วนเรือนหอเราตกลงใจกันว่าจะใช้บ้านเทพที่สุขุมวิท” อิงอรุณรายงานเป็นฉาก ๆ
“งานหมั้นล่ะ”
“แม่จัดการให้หมดเลยจ้ะ”
“แล้วงานแต่งล่ะ หาเวดดิ้งสตูดิโอหรือยัง ถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งเมื่อไหร่ จัดงานธีมอะไร โรงแรมไหน เชิญแขกกี่คน เริ่มหาชุดเจ้าสาวหรือยัง การ์ดเชิญ ของชำร่วย ดอกไม้ แบ๊คดรอปถ่ายรูป รายละเอียดพวกนี้ล่ะ จัดการไปถึงไหนแล้ว”
“เอ่อ...”
“ยังไม่ได้เตรียมเลยใช่ไหม” แพรวเพชรดักคอราวกับนั่งอยู่กลางใจเธอ
อิงอรุณยิ้มแหย จำใจพยักหน้าจนด้วยคำตอบ
“ยกเลิกงานแต่งเถอะ”
คนฟังเบิกตากว้างตกใจ “ทำไมเพชรพูดอย่างนั้น”
“อิงกับเทพรักกันอย่างเพื่อน แต่งกันไป มันก็ไม่ทุกข์หรอก ทั้งสองคนจะบอกตัวเองตลอดเวลาว่ามีความสุขแล้ว การหลอกตัวเองแป๊บ ๆ มันก็พอได้หรอกนะ แต่ถ้าต้องทำอย่างนั้น ‘ตลอดชีวิต’ มันทุกข์กว่าที่คิด เชื่อเราเถอะ เรารักทั้งอิงทั้งเทพนะ ไม่อยากให้ทั้งคู่ตัดสินใจผิดและต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดหวังไปจนตาย”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกเพชร”
“แล้วมันยากตรงไหน นี่เกี่ยวกับที่อิงถูกตัดเบี้ยเลี้ยงหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าเจอแบบในละคร แม่อยากอุ้มหลาน จะตัดเบี้ยเลี้ยงอิงจนกว่าจะแต่งงานไรเงี้ย”
อิงอรุณอยากหัวเราะเป็นภาษาตุรกีนัก! หรือแม่จะดูละครมากไปจริง ๆ !
“ไม่เกี่ยวกับแม่หรอกเพชร อิงแค่เห็นว่าอายุเราก็ไม่น้อยแล้ว ควรแต่งงานสักที เดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันใช้ เพชรมีน้องกาน แล้วนี่ก็นำไปเป็นคนที่สองละ อิงยังไม่ได้ตั้งต้นเลยสักคน อีกอย่างเป็นเจ้าของบริษัทจับคู่ แต่ตัวเองยังโสด มันไม่ดีกับภาพลักษณ์องค์กรนะ ว่าไหมล่ะ”
“เรื่องภาพลักษณ์มันก็มีส่วน แต่ไม่คิดเหรอว่าอิงควรแต่งงานกับคนที่อิงรัก มากกว่าแค่แต่งไปกับใครก็ได้”
“เทพไม่ใช่ใครก็ได้ เทพเป็นเพื่อนรักของอิง”
“อิงจะอยู่กับเทพไปจนแก่ได้จริง ๆ เหรอ”
“ได้สิ เวลาอยู่กับเทพ อิงสนุกจะตาย” อิงอรุณหัวเราะ แต่แววตาแห้งแล้ง
“คนสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันต้องใช้มากกว่าแค่ความสนุกนะ อิงเคยนึกภาพตัวเองจูบเทพได้หรือเปล่า”
“บ้า! ถามอะไรของเธอเนี่ย แพรวเพชร” อิงอรุณหน้าแดงก่ำอัตโนมัติ อย่าให้ถึงกับนึกภาพเลย เธอไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นด้วยซ้ำ พันเทพเป็นเพื่อนนะ!
“เราถามแบบซีเรียสสุด ๆ ต่างหาก การแต่งงานมันไม่ใช่ในเทพนิยายที่พอเจ้าหญิงเจ้าชายขึ้นรถม้าไปด้วยกัน แล้วพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนับแต่นั้นเป็นต้นมานะ แต่การแต่งงานคือคนสองคนที่ต้องแชร์ชีวิตด้วยกันทุกความชอบ เรื่องที่เกลียด ทัศนคติ วิถีชีวิต รวมถึงเรื่องบนเตียง อิงพร้อมสำหรับเรื่องนั้นแล้วเหรอ” เธอใช้น้ำเสียงเคร่งขรึม บอกให้รู้ว่ามิได้ล้อเล่น ทั้งยังจ้องตาเพื่อนจริงจัง
อิงอรุณหลุบตาต่ำ กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น
“อิงไม่เคยคิดไปถึงขั้นนั้นละสิ คิดแค่ว่ากินเลี้ยง ประกาศให้โลกรู้ แล้วก็จบแค่ใช่ไหม จะจับมือมองตากันไปจนแก่ตายหรือไง” แพรวเพชรกระทุ้งให้เธอคิดต่อ
ว่าที่เจ้าสาวไม่ได้ตื้นเขินขนาดนั้น เพียงแต่ที่อิงอรุณไม่เคยคิดถึงเรื่องที่แพรวเพื่อนพูดก็เพราะรู้ว่าพันเทพมิได้มุ่งมาด ‘สิ่งนั้น’ จากการแต่งงาน
ตลอดเวลาที่คบหากับพันเทพ เขาให้เกียรติเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง หญิงสาวเป็นนักเรียนนอก ผ่านวัฒนธรรมต่างชาติมาแล้ว ทฤษฎีที่รู้มาก็มีไม่น้อย ทว่าอิงอรุณไม่เคยนึกภาพตัวเองทำเรื่องแบบนั้นกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่อคนคนนั้นคือพันเทพ! เพราะเธอรู้ว่าพันเทพมีรสนิยมอย่างไร!
ละครฉากแต่งงานนี้ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์เต็มที่ เขาต้องการหลุมหลบภัยจากบิดา ส่วนเธอหวังใช้ชายหนุ่มเป็นหนังหน้าไฟปัดการคลุมถุงชนของแม่
ส่วนเรื่องมีลูก มันจะไปยากอะไร วิทยาศาสตร์สมัยนี้เอาไข่มาผสมกันข้างนอกแล้วฉีดกลับไปฝังในมดลูกได้ง่าย ๆ เธอจะมีแฝดชายหญิงพร้อมกันก็ยังได้
“เพชรซักไซ้น่าเกลียด กลัวคนไม่รู้หรือไงว่าแต่งงานแล้ว” เธอบ่ายเบี่ยงแล้วเปลี่ยนเรื่อง “รายการหน้าอิงอยากจัดทัวร์พระราชวัง คุณสาวัชก็เห็นด้วย อิงเลยว่าจะไปสำรวจพระราชวังหลาย ๆ แห่งแล้วค่อยเลือกว่าจะจัดทริปที่ไหน”
แพรวเพชรจำต้องยอมปล่อยเรื่องนี้ไปชั่วคราว “อิงจะไปคนเดียวเหรอ”
“ก็ต้องไปกับคุณสาวัชสิ ไปคนเดียวจะรู้ได้ยังไงว่าที่ไหนมีอะไรน่าสนใจบ้าง”
“ทำไมไปกันแค่สองต่อสองล่ะ ชวนเทพไปด้วยสิ”
“นี่อิงไปเรื่องงานของบริษัทนะ จะไปกวนเทพทำไม” อิงอรุณแย้งทันควัน
“ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ อิงอาจไม่คิดมาก แต่มั่นใจได้ไงว่าฝ่ายชายจะไม่รู้สึกอะไรน่ะ” แพรวเพชรมีสีหน้าแปลก ๆ ยากคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่
อิงอรุณหลุบตาลง เสคนกาแฟ อุบอิบอธิบาย “เพชรไม่ต้องเป็นห่วง อิงกับคุณสาวัชไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกันแน่นอน เราแค่ทำงานด้วยกันก็เท่านั้นเอง”
ทั้งที่ย้ำคำพูดนั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่น่าแปลก...ไฉนอิงอรุณกลับรู้สึกหวั่นใจอยู่ลึก ๆ อย่างบอกไม่ถูก!
.....................................................................................
ประกาศ
เรื่องนี้จะลงให้อ่านฟรีจนจบ
หลังลงครบทุกตอน
จะลบ 5/6 ของเล่มนะคะ
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
มีเฉพาะในฉบับตีพิมพ์และอีบุ๊คเท่านั้นค่ะ
ตามไปจิกหมอน+ฟินกันในเล่มได้เลย
หนังสือและอีบุ๊คพร้อมจำหน่ายแล้วนะคะ
สั่งซื้อฉบับหนังสือ https://goo.gl/HA1QWz
100 คนแรก จัดส่งฟรี + รับที่คั่นนกฟลามิงโกเพิ่มพิเศษ
หรือซื้อฉบับหนังสือจากร้านออนไลน์ชื่อดัง
ร้านนิยายรัก https://goo.gl/uPTdCs
E-Book
ใครถนัดร้านไหน เลือกตามสะดวกเลยค่ะ
mebmarket >>https://goo.gl/o9FXn6
ookbee >>https://goo.gl/rf274b
Hytexts >>https://goo.gl/KcekzB
พิเศษสำหรับฉบับอีบุ๊ก
ภายใน 31 พ.ค. รับที่คั่นลายนกฟลามิงโกจัดส่งถึงบ้าน
อีก 100 รางวัลจ้ะ จัดกันไปเน้นๆ
บอกให้รู้ว่าจะซื้อเล่มหรืออีบุ๊ก ก็รักเท่ากันนะจ๊ะ
วิธีการรับของรางวัล อ่านกันดีๆ ค่ะ
1. ถ้าซื้อจาก Meb ไปที่ My Account -> My privilege แล้วรับสิทธิ์เลย
2. ถ้าซื้อจาก ookbee หรือ hytexts แคปหน้าจอการสั่งซื้อ ระบุอีเมลที่ใช้ login ส่งมาที่กล่องข้อความของเพจสิริณ
สิริณจะยืนยันกลับเฉพาะท่านที่ได้รับสิทธิ์นะคะ
เฉพาะอีบุ๊ก แจก 100 ชิ้นค่ะ ครบเมื่อไหร่ ปิดการแจกทันที
สะดวกช่องทางไหนสั่งซื้อเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ยังรักและเมตตากันเสมอนะคะ
เจ้าถิ่นนำไปนั่งที่โต๊ะว่าง “คุณสาวัชเพิ่งมาทำงานแถวนี้ ต้องยังไม่เคยมาทานแน่ ๆ อาหารเวียดนามร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลย นี่ค่ะเมนู คุณสาวัชเลือกเลยค่ะ”
ชายหนุ่มพลิกดูรายการคร่าว ๆ แล้วสั่งอาหารแนะนำของร้านสองชนิด
อิงอรุณจึงลงท้ายด้วยการ “เพิ่มแหนมเนือง ข้าวเกรียบปากหม้อ กับก๋วยจั๊บญวนมาด้วยนะคะ”
แม้จะรู้สึกว่าเพื่อนร่วมโต๊ะสั่งอาหาร ‘เยอะ’ ไปหน่อยสำหรับรับประทานสองคน แต่สาวัชไม่เอ่ยอะไร เพราะเคยเห็นอาจารย์ผู้หญิงที่มหาวิทยาลัยบางคนชอบสั่งอาหารมามากมาย แตะอย่างละนิด แล้วทิ้งส่วนที่เหลือไว้บานเบอะ อิงอรุณก็คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงจำพวกนั้น
“ก๋วยจั๊บญวนที่นี่เด็ดมากค่ะ น้ำซุปหอมอร่อย คุณสาวัชต้องติดใจแน่นอน” เธอหยิบขวดน้ำเปล่าบนโต๊ะมาเปิดฝา แล้วเทใส่แก้วน้ำแข็งที่พนักงานเพิ่งนำมาวางให้อย่างเป็นธรรมชาติจนเขานึกชมในใจว่าเธอมิได้หยิบโหย่งเช่นรูปลักษณ์ ‘คุณหนูจ๋า’ ที่ติดประกาศอยู่ตามเนื้อตัว
“ตอนเปิดออฟฟิศใหม่ ๆ อิงผูกปิ่นโตไปส่งที่สำนักงานเลยแหละ กินกันเป็นเดือนจนเบื่อกันทั้งบริษัทฯ เมื่อก่อนอิงไม่เคยกินอาหารเวียดนามหรอก พอมารู้จักร้านนี้ เลยกลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ไปเลย ว่าแต่คุณสาวัชชอบทานอาหารชาติไหนเป็นพิเศษไหมคะ” ตอนท้ายเธอวกมาชวนคุยดื้อ ๆ
ผู้หญิงคนนี้ช่างพูดไม่เบา แถมยังเล่าเรื่อยเจื้อยไม่ขัดเขิน “ผมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้”
“แล้วคุณสาวัชให้ความสำคัญกับเรื่องไหนหรือคะ”
ตั้งแต่เล็กจนโตสาวัชมักเก็บตัวอยู่กับตำรา นานครั้งจึงมีใครกล้าปีนกำแพงมาพูดคุยกับเขา ชายหนุ่มคุ้นเคยกับโลกส่วนตัว เคยชินกับการถูกปล่อยเกาะ
อิงอรุณจึงจัดเป็นปรากฎการณ์ใหม่ในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายตาล้อเลียน น้ำเสียงถือสนิท รวมถึงคำถามอันหมิ่นเหม่ต่อการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว!
“ผมนึกไม่ออกว่าตัวเองให้ความสำคัญกับเรื่องไหน” ทว่าเขากลับไม่ถือสาผู้หญิงคนนี้ บางครั้งเธอทำให้นึกถึงวัชระ! พี่ชายผู้คอยกระเซ้าเย้าแหย่ และเป็นคนเดียวในบ้านที่นับเขาเป็น ‘ครอบครัว’ อย่างแท้จริง
“อาจเพราะไม่เคยมีใครถามด้วยมั้ง ผมก็เลยไม่เคยหยุดถามตัวเอง”
“ทำไมคำตอบถึงหดหู่จังคะ ที่คนไม่ถามคุณสาวัช อาจเพราะกลัวจะทำให้คุณรำคาญก็ได้นะคะ”
“เพราะเขาไม่อยากยุ่งกับผมมากกว่า”
“มีด้วยหรือคะ คนที่ไม่อยากเข้าใกล้ดอกเตอร์จากอเมริกา”
“เยอะแยะไป” เขาไม่อนาทรร้อนใจสักนิด
“ว่าแต่คุณสาวัชไม่มีความสนใจในเรื่องไหนเป็นพิเศษเลยเหรอคะ แบบว่าเรื่องที่ต้องพิถีพิถันค่อย ๆ เลือกเพื่อเสพทำนองเนี้ย มันต้องมีสักเรื่องในชีวิตสิคะที่คุณสาวัชหลงใหลมันเป็นพิเศษน่ะ”
การชวนคุยคงเป็นพรสวรรค์ของอิงอรุณ เธอง้างปากเขาโดยไม่ทำให้รู้สึกเหมือนสอดรู้สอดเห็น แถมยังทำดุจว่าการช่วยค้นหาสิ่งที่ชอบคือบุญคุณเสียด้วย!
“เพื่อนอิงคนนึงชอบเรี่ยไรเงินกับของเก่าจากเพื่อน ๆ ไปบริจาคตามชนบท ไม่ก็ถวายวัดที่กันดาร ๆ อีกคนชอบขี่จักรยานก็คลั่งหาของมาตกแต่ง ถ้าอุปกรณ์ที่อยากได้อยู่สุดขั้วโลก เจ้าหล่อนก็ต้องติดต่อซื้อชิ้นส่วนนั้นมาให้ได้ หรือไม่ก็...”
“ถ้าของอย่างนั้นก็มีบ้าง” เขาขัดก่อนเธอจะยกตัวอย่างเพื่อนทั้งมหาวิทยาลัย
อิงอรุณเช็ดช้อนส้อมวางใส่จานให้เขา จากนั้นเงยขึ้นตั้งใจรอฟังคำตอบ
สาวัชค่อนช้างมั่นใจว่าวันนี้กามเทพสาวกระตือรือร้นชวนคุย บริการคล้ายเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ มันไม่ได้น่ารำคาญหงุดหงิดใจหรอก เขาค่อนไปทางผ่อนคลายและสบายใจด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่นึกไม่ออกก็คือ เหตุใดหญิงสาวจึงทำเช่นนี้
“หนังสือน่ะ” พลันได้สติเขาจึงอธิบาย “การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้ทั้งเวลาและจินตนาการ เพราะฉะนั้นผมต้องเลือกหนังสืออย่างประณีตกว่าจะตกลงใจหยิบมาอ่าน ผมจะไม่อ่านหนังสือที่ไม่คู่ควรกับเวลาของผมเด็ดขาด”
“คุณสาวัชนี่สมกับที่เป็นอาจารย์จริง ๆ เป็นคำตอบที่เหมาะกับคุณที่สุดเลย”
“คุณกำลังวิเคราะห์ผมอยู่งั้นสิ” เขาลงมือรับประทานเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ
“อิงทำแบบนั้นจริงเหรอคะ ขอโทษค่ะ อิงคงติดนิสัยเลยทำไปโดยไม่รู้ตัว”
ชายหนุ่มเมินไปทางอื่นดุจไม่ต้องการรับคำขอโทษนั้น เขามองนาฬิกา แล้วกดดูโทรศัพท์ตามความเคยชิน
“เมื่อกี้คุณสาวัชจะพูดอะไรหรือคะ”
สาวัชวางโทรศัพท์ นิ่งไตร่ตรอง “จากที่รู้จักกัน คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง”
“จะดีเหรอคะ” หญิงสาวเสตักอาหารใส่ปาก ดูก็รู้ว่ากะจะซื้อเวลา
“ผมรอคุณคิดคำตอบได้จนถึงจบมื้ออาหาร”
“ก็ได้ค่ะ งั้นถ้าอิงวิเคราะห์แล้ว คุณสาวัชช่วยบอกด้วยนะคะว่าอิงสมควรถูกอาจารย์ยึดปริญญาคืนหรือเปล่า” อิงอรุณวางช้อน ท่าทางตั้งใจ ไม่มีแววล้อเล่น
“คุณเป็นคนพูดตรง ๆ ห้วน ๆ ไม่สนใจความรู้สึกคนฟัง เป็นพฤติกรรมของคนหยันโลก ไม่เชื่อเรื่องมิตรภาพ เกลียดการใส่หน้ากากเข้าหากัน หลายครั้งคุณชอบขมวดคิ้ว ทำท่าเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่ก็ไม่พูด เดาว่าเป็นคนลึกซึ้ง มีเรื่องในใจที่ไม่อยากเปิดเผยให้คนอื่นรู้ และคุณระมัดระวังความรู้สึกของคนรอบตัวมาก
“งานอดิเรกคือการอ่านหนังสือ หมายถึงคนที่ต่อต้านสังคมกลาย ๆ ชอบอยู่ในโลกส่วนตัวมากกว่า บางทีก็เป็นนัยบ่งบอกว่ามีบางอย่างของโลกที่แวดล้อมอยู่ที่ทำให้คุณไม่ชอบใจนัก ถึงชอบหลบไปอยู่ในโลกของจินตนาการ ส่วนที่ว่าต้องเลือกหนังสือที่อ่านแล้วไม่เสียเวลา แปลว่าคุณใฝ่รู้ คิดว่ายังมีเรื่องที่ตัวเองอยากรู้อีกมาก และคุณอยากใช้เวลาทุกวินาทีหาความรู้ เติมเรื่องที่สนใจให้ได้มากที่สุด และอิงคิดว่าคุณสาวัชน่าจะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยถูกไหมคะ”
เธอวิเคราะห์แม่นยำจนน่าทึ่ง ราวกับรู้จักเขาเป็นอย่างดี ทว่าประโยคท้ายสุดทำให้สาวัชสบตาหญิงสาวทันควัน “ข้อหลังสุดนี่ดูจากอะไร”
“คุณสาวัชดูนาฬิกา แล้วหยิบโทรศัพท์มากดดู” อิงอรุณดูเวลาบ้าง “ตอนนี้เที่ยงครึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการของช่วงเช้าพอดี มีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจกำลังติดตามราคาหุ้นบางตัวอยู่ และคุณหน้าเคร่งเพราะราคาไม่เป็นไปตามที่คาด”
“คุณช่างสังเกต” เขาชม ทั้งที่ปกติคงแค่ยิ้มแล้วเก็บสิ่งที่คิดไว้กับตัวเอง
“ที่ต้องช่างสังเกตก็เพราะพ่ออิงก็เป็นแบบนี้ แล้วมันเป็นอาชีพของอิงด้วย”
“ถ้าไม่รู้มาก่อนว่า ผมอาจคิดว่าคุณเป็นตำรวจ นักสืบ หรือหมอดูมากกว่า”
อิงอรุณหยิบช้อนส้อมอีกครั้ง ยิ้มท้าทาย “นอกจากนักสืบ ตำรวจ หมอดู และผู้ช่วยกามเทพแล้ว อิงยังเป็นชูชกด้วยค่ะ มื้อนี้ใครวางช้อนก่อน แพ้นะคะ! ”
สาวัชคิดว่านั่นเป็นการท้าดวลที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่งสำหรับผู้ชายตัวโตกับผู้หญิงตัวเล็กเท่าเมี่ยง ชายหนุ่มรู้ตัวว่าคิดผิดก็ตอนที่อิงอรุณตักข้าวเกรียบปากหม้อชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ทั้งยังกะร่อยกะหริบเด็ดผักเคี้ยวกร้วม ๆ จนหมดก้าน
หากมีกระจกให้ส่อง เขาเชื่อว่าหน้าตาตัวเองคงคล้ายตัวตลกมากขึ้นทุกที
“ทำไมคุณสาวัชมองอิงอย่างนั้นคะ” คนพูดบรรจงซับริมฝีปาก แล้วพับทิชชูวางไว้ข้างจาน กิริยาเธอนุ่มนวล ขัดแย้งกับร้านอาหารริมทางเป็นที่สุด
“ผมไม่คิดว่าคุณจะกินหมดน่ะสิ นึกว่าแค่สั่งมาชิมอย่างละคำสองคำซะอีก”
“แล้วดีหรือไม่ดีคะ”
สาวัชกลอกตาครุ่นคิด หาคำตอบให้ตรงกับใจคิดที่สุด “ดีครับ เพราะผมเชื่อว่าข้าวทุกเม็ด อาหารทุกจาน มันมาจากแรงงาน ชีวิต หรือแม้กระทั่งเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตสักอย่างบนโลกนี้ ทุกองค์ประกอบที่รวมกันเป็นอาหารหนึ่งมื้อ คือการเสียสละจากคน พืช และสัตว์มาสู่ผู้บริโภคอย่างเรา การกินทิ้งกินขว้าง นอกจากแสดงว่าเป็นคนที่แล้งน้ำใจต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แล้ว ยังหมายถึงคนที่บริหารจัดการเรื่องใกล้ตัวไม่ได้เรื่องอีกด้วย”
อิงอรุณเม้มปากกลั้นยิ้ม สุดท้ายจึงหัวเราะคิก “ฟังคุณสาวัชพูดจบ อิงรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถูกประกาศให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์เลยค่ะ”
“อย่างคุณน่ะ ผมว่าเหมาะกับสาขาวรรณกรรมมากกว่า” ชายหนุ่มแย้งเสียงเรียบ พลางหยิบแก้วที่อิงอรุณเพิ่งรินน้ำเติมให้มาดื่มจนหมด
ชายหนุ่มไม่ตระหนักเลยว่าสตรีผู้นี้จะเป็นวรรณกรรมเล่มใหญ่ในชีวิตเขาซึ่งไม่อาจคาดเดาว่าจะลงเอยเช่นไร หวานชื่น ขื่นขม หรือบางทีเขาอาจไม่มีโอกาสได้อ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ไปจนถึงตอนจบก็เป็นได้!
หลังอ้อนวอนจนแพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล แพรวเพชรก็สั่งบอดี้การ์ดของสามีที่มาอารักขาเธอชั่วคราวขับรถพาไปสำนักงานของคิวปิดแอสซิสแทนซ์ทันที หญิงสาวโทร.หาหุ้นส่วนซึ่งเพิ่งกลับจากรับประทานอาหารกลางวันให้รออยู่หน้าออฟฟิศ เพียงรถจอดอิงอรุณก็ขึ้นมาสมทบ
แพรวเพชรเล่าอย่างร้อนใจ “มีคนบอกว่ามีสิบแปดมงกุฎสมัครเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ เพื่อมาหาเหยื่อที่บริษัทฯ เราลองโทร.เช็กกับพวกที่อ้างว่าถูกหลอก มีหลายคนยอมรับว่าจริง แต่เพราะอายเลยไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง บางคนโดนหลอกเงิน หลอกให้ซื้อข้าวของให้ แต่บางคนมีความสัมพันธ์กันแล้วถูกถ่ายคลิปไว้แบล็กเมล์”
“เราสอบประวัติสมาชิกอย่างดีทุกคนนะเพชร จะมีเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
“สิบแปดมงกุฎที่ไหนจะมีพิรุธให้เราจับได้ล่ะ ก็เพราะอย่างนี้แหละ เราถึงจะชวนอิงไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง”
“คุณเพชรครับ มีรถคันนึงขับตามเรามาสักพักแล้วครับ” การุณรายงานแทรก
แพรวเพชรและอิงอรุณเหลียวไปมองหารถคันนั้น “คันไหนคะ”
“รถญี่ปุ่นสีเทาครับ ตอนออกจากโรงพยาบาลยังไม่เห็น เพิ่งจะตามมาหลังออกจากออฟฟิศคุณเพชร ขับทิ้งห่างสองสามช่วงคันรถ มีรถอื่นคั่น เปลี่ยนเลนซ้ายขวาเป็นระยะ น่าจะเป็นมืออาชีพ”
“พักนี้พี่เผ่าประมูลงานอะไรใหญ่ ๆ อยู่หรือเปล่าคะ พวกเจ้าถิ่นส่งมาหรือเปล่า” แพรวเพชรไม่ตื่นเต้น เพราะเคยชินแล้วว่างานของสามีมีโอกาสขัดผลประโยชน์คนใหญ่โต นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องมีองครักษ์คอยติดตามคุ้มกันเสมอ
“แต่อิงว่าเป็นคุณพ่อเทพส่งมามากกว่านะ”
“ทำไมต้องทำแบบนั้นละ” แพรวเพชรอดสงสัยไม่ได้
“อิงเป็น ‘ว่าที่สะใภ้’ ของ ‘ว่าที่ผบ.ทบ.’ นะ ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนสิ” อิงอรุณเย้า แต่ใบหน้าขรึมเคร่ง
แพรวเพชรถามผู้สัดทัดกรณี “คุณการุณคิดว่าไงคะ”
“เขาตามแบบไม่อยากให้เรารู้ตัว อาจเป็นการคุ้มครองลับ ๆ ก็ได้ครับ”
แพรวเพชรยักไหล่ “ถ้ามาคุ้มครองจริงก็ยิ่งประหลาด ในเมื่อตอนนี้ยังเป็นแค่ ‘ว่าที่’ เอง ไว้รอเป็นสะใภ้ เป็นผบ.ทบ. ก่อน แล้วค่อยมาคุ้มกันไม่ดีกว่าเหรอ”
“ใครเดาใจท่านนายพลได้บ้างละ” อิงอรุณยังโกรธที่พันเทพถูกตีขนาดนั้น
“นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเทพเป็นเพื่อน เราคงยุให้อิงยกเลิกงานแต่งไปละ ถามแล้วอย่าโกรธกันนะ อิงรักเทพขนาดที่จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จริง ๆ เหรอ”
“จะหมั้นกันอยู่รอมร่อแล้ว มาถามอะไรป่านนี้” อิงอรุณหัวเราะกลบเกลื่อน
แพรวเพชรเอะใจ ทุกครั้งที่พูดคุยประเด็นนี้ เพื่อนรักมักเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ย้อนถาม หรือใช้สารพัดวิธีหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม เพราะใกล้ชิดกันมานาน เธอจึงไม่เคยวิเคราะห์อิงอรุณอย่างละเอียด แต่วันนี้ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการแต่งงานครั้งนี้อาจมี ‘อะไรในกอไผ่’ มากกว่าที่คิด
พันเทพสนิทกับอิงอรุณที่สุดในกลุ่ม เขาตามใจ ติดสอยห้อยตามยามออกงานสังคมเสมอ แพรวเพชรมั่นใจว่าทั้งคู่เอื้ออาทรต่อกัน แต่เธอไม่เคยเห็นความลุ่มหลง เสน่หาร้อนแรง หรือประกายวิบวับวาบหวามในแววตาของทั้งสองฝ่ายเลย
เพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความรักจากผู้ชายสองคน ทั้งยังทำงานแวดล้อมด้วยเรื่องรักใคร่ของลูกค้า ประสบการณ์ชีวิตสอนให้หญิงสาวรู้ว่าบางครั้งคนสองคนก็อยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ความรักได้เช่นกัน
อิงอรุณไม่ได้รักพันเทพเฉกผู้หญิงที่รักผู้ชายอีกคน เธอรักเขาอย่างเพื่อน!
แพรวเพชรถอนหายใจ สำหรับเธอแล้ว ความรักที่มีให้เผ่าภาคินและพันเทพแตกต่างกันจนไม่อาจเทียบ เธอนึกภาพตัวเองอยู่กับเพื่อนรักอย่างพันเทพไปจนแก่เฒ่าไม่ได้เลย น่าเศร้า...หากอิงอรุณต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพนั้นตลอดไป!
“เจ็บใจจัง อุตส่าห์รีบแล้ว แต่ก็ยังมาไม่ทัน” แพรวเพชรหงุดหงิด เมื่อมาถึงร้านอาหารที่มีผู้หวังดีโทร.แจ้ง แล้วไม่พบสิบแปดมงกุฎซึ่งคาดว่าจะมา ‘กินเหยื่อ’
“อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้นะเพชร” อิงอรุณยังมองโลกในแง่ดี
“เราก็หวังไว้ลึก ๆ ให้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอยู่เหมือนกัน ไหน ๆ ก็มาแล้ว งั้นกินข้าวกันก่อนกลับละกัน เราหิว”
“อิงอิ่มมาแล้ว แต่นั่งเป็นเพื่อนได้” อิงอรุณนั่งลงตรงข้าม
คุณแม่ป้ายแดงส่งข้อความให้การุณทราบ แล้วหยิบเมนูมาสั่งอาหารง่าย ๆ สองสามชนิด ครั้นบริกรแยกไปและอยู่กันตามลำพังอีกครั้ง เธอจึงเปิดฉากถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “อิงเตรียมตัวแต่งงานไปถึงไหนแล้ว”
“ผู้ใหญ่สองฝ่ายมาคุยกันละ แม่เทพบินไปสั่งซื้อแหวนหมั้นที่ฮ่องกง ส่วนเรือนหอเราตกลงใจกันว่าจะใช้บ้านเทพที่สุขุมวิท” อิงอรุณรายงานเป็นฉาก ๆ
“งานหมั้นล่ะ”
“แม่จัดการให้หมดเลยจ้ะ”
“แล้วงานแต่งล่ะ หาเวดดิ้งสตูดิโอหรือยัง ถ่ายภาพพรีเว็ดดิ้งเมื่อไหร่ จัดงานธีมอะไร โรงแรมไหน เชิญแขกกี่คน เริ่มหาชุดเจ้าสาวหรือยัง การ์ดเชิญ ของชำร่วย ดอกไม้ แบ๊คดรอปถ่ายรูป รายละเอียดพวกนี้ล่ะ จัดการไปถึงไหนแล้ว”
“เอ่อ...”
“ยังไม่ได้เตรียมเลยใช่ไหม” แพรวเพชรดักคอราวกับนั่งอยู่กลางใจเธอ
อิงอรุณยิ้มแหย จำใจพยักหน้าจนด้วยคำตอบ
“ยกเลิกงานแต่งเถอะ”
คนฟังเบิกตากว้างตกใจ “ทำไมเพชรพูดอย่างนั้น”
“อิงกับเทพรักกันอย่างเพื่อน แต่งกันไป มันก็ไม่ทุกข์หรอก ทั้งสองคนจะบอกตัวเองตลอดเวลาว่ามีความสุขแล้ว การหลอกตัวเองแป๊บ ๆ มันก็พอได้หรอกนะ แต่ถ้าต้องทำอย่างนั้น ‘ตลอดชีวิต’ มันทุกข์กว่าที่คิด เชื่อเราเถอะ เรารักทั้งอิงทั้งเทพนะ ไม่อยากให้ทั้งคู่ตัดสินใจผิดและต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดหวังไปจนตาย”
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกเพชร”
“แล้วมันยากตรงไหน นี่เกี่ยวกับที่อิงถูกตัดเบี้ยเลี้ยงหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าเจอแบบในละคร แม่อยากอุ้มหลาน จะตัดเบี้ยเลี้ยงอิงจนกว่าจะแต่งงานไรเงี้ย”
อิงอรุณอยากหัวเราะเป็นภาษาตุรกีนัก! หรือแม่จะดูละครมากไปจริง ๆ !
“ไม่เกี่ยวกับแม่หรอกเพชร อิงแค่เห็นว่าอายุเราก็ไม่น้อยแล้ว ควรแต่งงานสักที เดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันใช้ เพชรมีน้องกาน แล้วนี่ก็นำไปเป็นคนที่สองละ อิงยังไม่ได้ตั้งต้นเลยสักคน อีกอย่างเป็นเจ้าของบริษัทจับคู่ แต่ตัวเองยังโสด มันไม่ดีกับภาพลักษณ์องค์กรนะ ว่าไหมล่ะ”
“เรื่องภาพลักษณ์มันก็มีส่วน แต่ไม่คิดเหรอว่าอิงควรแต่งงานกับคนที่อิงรัก มากกว่าแค่แต่งไปกับใครก็ได้”
“เทพไม่ใช่ใครก็ได้ เทพเป็นเพื่อนรักของอิง”
“อิงจะอยู่กับเทพไปจนแก่ได้จริง ๆ เหรอ”
“ได้สิ เวลาอยู่กับเทพ อิงสนุกจะตาย” อิงอรุณหัวเราะ แต่แววตาแห้งแล้ง
“คนสองคนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันต้องใช้มากกว่าแค่ความสนุกนะ อิงเคยนึกภาพตัวเองจูบเทพได้หรือเปล่า”
“บ้า! ถามอะไรของเธอเนี่ย แพรวเพชร” อิงอรุณหน้าแดงก่ำอัตโนมัติ อย่าให้ถึงกับนึกภาพเลย เธอไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นด้วยซ้ำ พันเทพเป็นเพื่อนนะ!
“เราถามแบบซีเรียสสุด ๆ ต่างหาก การแต่งงานมันไม่ใช่ในเทพนิยายที่พอเจ้าหญิงเจ้าชายขึ้นรถม้าไปด้วยกัน แล้วพวกเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนับแต่นั้นเป็นต้นมานะ แต่การแต่งงานคือคนสองคนที่ต้องแชร์ชีวิตด้วยกันทุกความชอบ เรื่องที่เกลียด ทัศนคติ วิถีชีวิต รวมถึงเรื่องบนเตียง อิงพร้อมสำหรับเรื่องนั้นแล้วเหรอ” เธอใช้น้ำเสียงเคร่งขรึม บอกให้รู้ว่ามิได้ล้อเล่น ทั้งยังจ้องตาเพื่อนจริงจัง
อิงอรุณหลุบตาต่ำ กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น
“อิงไม่เคยคิดไปถึงขั้นนั้นละสิ คิดแค่ว่ากินเลี้ยง ประกาศให้โลกรู้ แล้วก็จบแค่ใช่ไหม จะจับมือมองตากันไปจนแก่ตายหรือไง” แพรวเพชรกระทุ้งให้เธอคิดต่อ
ว่าที่เจ้าสาวไม่ได้ตื้นเขินขนาดนั้น เพียงแต่ที่อิงอรุณไม่เคยคิดถึงเรื่องที่แพรวเพื่อนพูดก็เพราะรู้ว่าพันเทพมิได้มุ่งมาด ‘สิ่งนั้น’ จากการแต่งงาน
ตลอดเวลาที่คบหากับพันเทพ เขาให้เกียรติเธอทั้งต่อหน้าและลับหลัง หญิงสาวเป็นนักเรียนนอก ผ่านวัฒนธรรมต่างชาติมาแล้ว ทฤษฎีที่รู้มาก็มีไม่น้อย ทว่าอิงอรุณไม่เคยนึกภาพตัวเองทำเรื่องแบบนั้นกับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...เมื่อคนคนนั้นคือพันเทพ! เพราะเธอรู้ว่าพันเทพมีรสนิยมอย่างไร!
ละครฉากแต่งงานนี้ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์เต็มที่ เขาต้องการหลุมหลบภัยจากบิดา ส่วนเธอหวังใช้ชายหนุ่มเป็นหนังหน้าไฟปัดการคลุมถุงชนของแม่
ส่วนเรื่องมีลูก มันจะไปยากอะไร วิทยาศาสตร์สมัยนี้เอาไข่มาผสมกันข้างนอกแล้วฉีดกลับไปฝังในมดลูกได้ง่าย ๆ เธอจะมีแฝดชายหญิงพร้อมกันก็ยังได้
“เพชรซักไซ้น่าเกลียด กลัวคนไม่รู้หรือไงว่าแต่งงานแล้ว” เธอบ่ายเบี่ยงแล้วเปลี่ยนเรื่อง “รายการหน้าอิงอยากจัดทัวร์พระราชวัง คุณสาวัชก็เห็นด้วย อิงเลยว่าจะไปสำรวจพระราชวังหลาย ๆ แห่งแล้วค่อยเลือกว่าจะจัดทริปที่ไหน”
แพรวเพชรจำต้องยอมปล่อยเรื่องนี้ไปชั่วคราว “อิงจะไปคนเดียวเหรอ”
“ก็ต้องไปกับคุณสาวัชสิ ไปคนเดียวจะรู้ได้ยังไงว่าที่ไหนมีอะไรน่าสนใจบ้าง”
“ทำไมไปกันแค่สองต่อสองล่ะ ชวนเทพไปด้วยสิ”
“นี่อิงไปเรื่องงานของบริษัทนะ จะไปกวนเทพทำไม” อิงอรุณแย้งทันควัน
“ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ อิงอาจไม่คิดมาก แต่มั่นใจได้ไงว่าฝ่ายชายจะไม่รู้สึกอะไรน่ะ” แพรวเพชรมีสีหน้าแปลก ๆ ยากคาดเดาว่ากำลังคิดอะไรอยู่
อิงอรุณหลุบตาลง เสคนกาแฟ อุบอิบอธิบาย “เพชรไม่ต้องเป็นห่วง อิงกับคุณสาวัชไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกันแน่นอน เราแค่ทำงานด้วยกันก็เท่านั้นเอง”
ทั้งที่ย้ำคำพูดนั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่น่าแปลก...ไฉนอิงอรุณกลับรู้สึกหวั่นใจอยู่ลึก ๆ อย่างบอกไม่ถูก!
.....................................................................................
ประกาศ
เรื่องนี้จะลงให้อ่านฟรีจนจบ
หลังลงครบทุกตอน
จะลบ 5/6 ของเล่มนะคะ
ส่วนตอนพิเศษอีก 100 กว่าหน้า
มีเฉพาะในฉบับตีพิมพ์และอีบุ๊คเท่านั้นค่ะ
ตามไปจิกหมอน+ฟินกันในเล่มได้เลย
หนังสือและอีบุ๊คพร้อมจำหน่ายแล้วนะคะ
สั่งซื้อฉบับหนังสือ https://goo.gl/HA1QWz
100 คนแรก จัดส่งฟรี + รับที่คั่นนกฟลามิงโกเพิ่มพิเศษ
หรือซื้อฉบับหนังสือจากร้านออนไลน์ชื่อดัง
ร้านนิยายรัก https://goo.gl/uPTdCs
E-Book
ใครถนัดร้านไหน เลือกตามสะดวกเลยค่ะ
mebmarket >>https://goo.gl/o9FXn6
ookbee >>https://goo.gl/rf274b
Hytexts >>https://goo.gl/KcekzB
พิเศษสำหรับฉบับอีบุ๊ก
ภายใน 31 พ.ค. รับที่คั่นลายนกฟลามิงโกจัดส่งถึงบ้าน
อีก 100 รางวัลจ้ะ จัดกันไปเน้นๆ
บอกให้รู้ว่าจะซื้อเล่มหรืออีบุ๊ก ก็รักเท่ากันนะจ๊ะ
วิธีการรับของรางวัล อ่านกันดีๆ ค่ะ
1. ถ้าซื้อจาก Meb ไปที่ My Account -> My privilege แล้วรับสิทธิ์เลย
2. ถ้าซื้อจาก ookbee หรือ hytexts แคปหน้าจอการสั่งซื้อ ระบุอีเมลที่ใช้ login ส่งมาที่กล่องข้อความของเพจสิริณ
สิริณจะยืนยันกลับเฉพาะท่านที่ได้รับสิทธิ์นะคะ
เฉพาะอีบุ๊ก แจก 100 ชิ้นค่ะ ครบเมื่อไหร่ ปิดการแจกทันที
สะดวกช่องทางไหนสั่งซื้อเลยค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่ยังรักและเมตตากันเสมอนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2561, 15:56:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2561, 15:56:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 610
<< ตอนที่ 24 | ตอนที่ 26 >> |