ทรายล้อมเพชร: สะมะเรีย (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อรจนาอย่างนางรำ ‘เพชรไพลิน’ เสี่ยงพวงมาลัยดอกรักออกไป คนรับหาใช่เจ้าเงาะป่าไม่ แต่กลับเป็นถึง ‘ชีคมุซตาฮ์ซาน บินรามาน อัลซาบาฮัท’ ผู้ปกครองรัฐรามาน
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรมานซ์ ชีค นางรำ พาฝัน ดราม่า ริษยา
ตอน: บทที่ 2 -100%
“ขอบคุณนะคะท่านชีค” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเขาแผ่วเบา เธอรู้สึกราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ เมื่อมือหนาข้างหนึ่งโอบกระชับเอวบางเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างกุมมือของเธอแนบแน่น นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดผู้ชายถึงขนาดแตะเนื้อต้องตัว ทั้งยังใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไรกัน” เขาย้อนถาม ขณะที่มือหนากระชับเอวบางเข้าหาเขา
เพชรไพลินมิได้ขัดขืน ยามนี้เธอกลายเป็นเพียงตุ๊กตาชักใย ด้วยไร้เรี่ยวแรงที่จะทัดทานเสน่ห์อันเหลือร้ายของชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำผึ้งผู้นี้
“ก็...” หญิงสาวกระดากอายที่พูดออกไป เพราะหากเขาไม่ได้เข้ามาช่วยเธอจากธัญธรณ์ จะกลายเป็นว่าเธอคิดเข้าข้างตัวเอง
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนได้ใกล้ชิดเธอทั้งนั้น...เพชรไพลิน” ดวงตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่ช้อนมองเขาด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าชีคหนุ่มจะพูดออกมาเช่นนั้น
“ถ้าทำได้ ฉันไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนคุยกับเธอเลยด้วยซ้ำ อยากให้คืนนี้เป็นคืนที่มีเพียงฉันกับเธอเท่านั้น เธอจะว่าอย่างไรเพชรไพลิน อยากเต้นรำกับฉันทั้งคืนหรือเปล่า” ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาใกล้ อีกไม่ถึงคืบปลายจมูกโด่งของชีคหนุ่มก็จะสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ
หญิงสาวหลุบตาลงต่ำเหลือบมองริมฝีปากหนาหยักได้รูป คางตัดมีหนวดเคราขึ้นช่วยเสริมให้ใบหน้าของเขาดูคมเข้ม ไม่แปลกเลย...ว่าทำไมสาวๆ ค่อนประเทศถึงใจละลายกับผู้ชายคนนี้
“รองเท้าส้นสูงมาก ดิฉันคงเต้นรำทั้งคืนไม่ไหวหรอกค่ะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชีคหนุ่มทำหน้าอึ้งไปหลายอึดใจก่อนจะหัวเราะออกมาในที่สุด เธอแสนซื่อหรือว่ามีอารมณ์ขันกันแน่ แต่ถ้าให้เขาเดา เขาเห็นว่าจะเป็นอย่างแรกอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคนตัวเล็กกำลังมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ขำอะไรหรือคะท่านชีค” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรง ผู้ชายตรงหน้ายิ้มและหัวเราะได้อย่างมีเสน่ห์ แต่เหตุใดเขาจึงชอบทำหน้าเคร่งขรึมอยู่เป็นนิจ
“ไม่มีอะไรหรอก จริงอย่างที่เธอว่าให้เต้นรำทั้งคืนคงจะเหนื่อย ถ้าอย่างนั้นเราไปหาที่นั่งคุยกันดีไหม” ชีคหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาวออกจากงานเลี้ยงเสียดื้อๆ ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดหาคำตอบเขาก็จูงมือเธอเดินออกจากฟลอร์เต้นรำเสียแล้ว
ชีคหนุ่มพูดเป็นภาษาอาหรับกับชายใส่สูทสีดำที่เดาว่าคงเป็นองครักษ์ของเขานั่นเอง ไม่นานรถมาเซราติคันหรูก็แล่นมาจอดหน้าโรงแรม หญิงสาวซึ่งยังยืนงงอยู่พอจะได้สติขึ้นมาบ้างจึงเอ่ยท้วงขึ้น
“ท่านชีคจะพาดิฉันไปไหนหรือคะ”
“ไปหาที่นั่งคุยกัน เธอจะได้ไม่เมื่อยเท้าอย่างไรล่ะ” เขาหันมาตอบเธอแล้วยักคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูง
เพชรไพลินหน้าแดงก่ำ จะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะในเมื่อหัวใจของเธอมันวิ่งตามเขาไปเสียแล้ว หญิงสาวขึ้นนั่งข้างคนขับ
ชีคมุซตาฮ์ซานขับรถด้วยตนเอง เขาขับไปช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ พลางเหลือบตามองร่างบางที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง แทบไม่ยอมหันกลับมามองเขา จะด้วยเขินอาย หรือไม่ชอบหน้าเขา ชีคหนุ่มก็ยากที่จะหยั่งรู้
คนตัวเล็กนั่งนิ่ง ทว่าหัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชีคมุซตาฮ์ซานทอดสายตามองเธอเป็นระยะ เขาใจร้ายมาก...นี่คิดว่าจะมองเธอให้ละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเลยหรืออย่างไรกัน
รถมาเซราติสีดำแล่นมาจอดที่ท่าน้ำติดแม่น้ำเจ้าพระยา ชีคหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เมื่อเธอลงจากรถแล้วจึงมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย มองลึกเข้าไปมีบ้านเดี่ยวหลังเล็กปิดไฟมืดไว้แสดงชัดว่าไม่มีคนอยู่ ทว่าสนามโล่งกลับบ่งชัดว่าที่นี่ไม่ได้ถูกปล่อยให้รกร้างแต่มีคนคอยดูแลอย่างเอาใจใส่
ชีคมุซตาฮ์ซานจูงมือหญิงสาวไปที่ศาลาสีขาวริมน้ำ เอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟที่ข้างเสา แสงไฟสีส้มดวงเล็กๆ สว่างขึ้นพร้อมๆ กันหลายจุดทำให้ศาลาที่ดูมืดทึบเมื่อครู่สว่างไสวขึ้น
“ฉันเพิ่งซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้ เพราะเห็นว่ามันน่ารักดี แต่หลักๆ ที่ชอบก็คือศาลาริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศเงียบสงบที่แทบหาไม่ได้อีกแล้ว ฉันพาเธอมาที่นี่เพราะอยากชวนเธอมานั่งชมจันทร์ริมแม่น้ำ จะพาไปที่อื่นคนก็พลุกพล่านจนเกินไป ดูไม่เป็นส่วนตัว” เขาอธิบายด้วยท่วงท่าสบายๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่สร้างติดกับศาลาริมน้ำ หญิงสาวไม่ได้นั่งแต่กลับมองหน้าชายหนุ่มอย่างจับผิด
ชีคหนุ่มอมยิ้ม สายตาหวาดระแวงของเธอทำให้เขาเดาได้โดยง่ายว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่ต้องกลัว ถึงแม้ว่าที่นี่จะค่อนข้างเปลี่ยว แต่ฉันสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าจะไม่รังแกเธอ” ชีคหนุ่มยื่นมือไปให้หญิงสาว
เพชรไพลินมีสีหน้าดีขึ้นแล้ววางมือลงบนมือหนา เขาประคองให้เธอนั่งลงข้างเขา ก่อนจะกระซิบประโยคถัดไปที่ทำให้หญิงสาวเหลือกตาโพลง
“ยกเว้นแต่เธอจะสมยอม”
“ท่านชีค!” หญิงสาวเรียกชายหนุ่มด้วยเสียงสูง สีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ร่ำๆ เหมือนจะร้องไห้ นึกโกรธตัวเองที่ตามชายหนุ่มออกมา ทั้งที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเลยสักนิด หากเขาข่มขืนหรือฆ่าเธอทิ้งก็คงไม่มีใครรู้ เมื่อหัวสมองคิดวุ่นวายขอบตาก็ร้อนผ่าว
“เพชรไพลิน ฉันแค่แซวเล่นเท่านั้นเอง ใครจะกล้าทำแบบนั้นกับเธอล่ะ แล้วฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ไม่เอาน่าอย่าคิดมากนะ” เป็นครั้งแรกที่ชีคหนุ่มต้องงอนง้อใครสักคน เขาจับมือเธอไว้แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขา หญิงสาวมองเขาเนิ่นนานก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ฉันจะเชื่อท่านชีคค่ะ”
จังหวะที่หญิงสาวก้มหน้าลงชีคหนุ่มก็ถึงกับถอนหายใจ เพชรไพลินคือผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่า ‘ผ้าขาว’ คือความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง เธอใสซื่อและไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ชาย เธอหวาดกลัวราวกับแม่กวางสาวสั่นผวาราชสีห์ผู้เป็นเจ้าป่า
“เธอกลัวฉันหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือแววขบขัน แต่เมื่อหญิงสาวพยักหน้าคนตัวโตก็ถึงกับขันไม่ออก แปลกใจไม่น้อยนี่เธอกลัวเขาจริงๆ หรือ
“เพชรไพลินเธอพอจะบอกฉันได้ไหม ว่าทำไมเธอถึงกลัวฉัน” มือหนาทั้งสองข้างจับไหล่บางเอาไว้แล้วเชยคางหญิงสาวขึ้นเพื่อให้สบตากับเขา ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นทำให้ชีคหนุ่มอยากจะรั้งร่างบางเข้ามากอด แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิด เพราะหากเขาทำอย่างนั้นแม่สาวน้อยคงกลัวเขาจนไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกต่อไป
“ก็ท่านชีคหน้าตาดีนี่คะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะ เขาหน้าตาดี นี่เป็นสาเหตุให้เธอกลัวเขางั้นหรือ นับเป็นความรู้ใหม่เลยทีเดียว ที่ผ่านมาเขาเชื่อมาโดยตลอดว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขามีไว้เพื่อดึงดูดสาวๆ มิใช่ทำให้พวกหล่อนกลัว
“เวลาอยู่ใกล้ท่านชีคทีไร หัวใจของฉันเต้นแรงมาก อีกอย่างท่านชีคเพียบพร้อมทุกอย่าง ในขณะที่ดิฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาไม่มีอะไรเลย การที่ท่านชีคบอกว่าอยากรู้จักดิฉัน มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ท่านชีคอาจทำกับดิฉันเหมือนผู้หญิงที่ท่านควงเล่นตามหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วยิ่ง...” หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างอย่างช่างใจก่อนจะพูดต่อไปว่า
“ยิ่งท่านชีคพาดิฉันมาในที่เปลี่ยวแบบนี้ มันยิ่งทำให้ดิฉันกลัวค่ะ”
ชีคหนุ่มอึ้งไปหลายอึดใจ “ฉันผิดเองที่พาเธอมาที่นี่ ทำให้เธอกลัวฉัน มานี่สิฉันจะพาไปดูอะไร” ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวเดินไปยังท่าน้ำที่มีทางเดินเชื่อมต่อกับศาลา เขาถอดรองเท้าถุงเท้าออกแล้วนั่งลงที่ท่าน้ำโดยห้อยขาทั้งสองข้างลงไปในน้ำ
“ลองทำดูสิเพชรไพลิน เย็นดีนะ”
หญิงสาวลังเลเล็กน้อยแต่ก็รวบกระโปรง ถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เขา น้ำเย็นทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีได้อย่างน่าประหลาด
“สังเกตสิว่าทั้งที่อากาศร้อน แต่ถ้าได้เอาเท้าแช่น้ำบรรยากาศรอบกายกลับเย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย” ชีคหนุ่มพูดพลางแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์บนท้องฟ้า มิได้เร่งเร้าให้หญิงสาวข้างกายคลายความหวาดกลัวที่มีต่อเขา แต่ค่อยๆ ทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคยกับเธออย่างใจเย็น
“จริงด้วยค่ะท่านชีค นั่งริมน้ำแบบนี้สบายใจดีจังเลยนะคะ” หญิงสาวเห็นด้วย พลางแกว่งเท้าไปมาในน้ำอย่างนึกสนุก
“ที่เมืองไทยอากาศร้อนก็จริง แต่ร้อนคนละแบบกับรามาน”
“ที่รามานอยู่ตะวันออกกลางน่าจะร้อนกว่าเมืองไทยไม่ใช่หรือคะท่านชีค” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ปราการที่เธอได้สร้างเอาไว้เมื่อครู่ค่อยๆ พังลงโดยที่เธอก็ไม่รู้ตัว ชีคหนุ่มหยักยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากเมื่อเห็นว่าเธอกล้าที่จะพูดคุยกับเขามากขึ้น
“ใช่ รามานอยู่ตะวันออกกลาง แต่อากาศจะร้อนแบบแห้งๆ ไม่ได้ร้อนชื้นแบบไทย และตอนกลางคืนอากาศจะค่อนข้างเย็นจัดแตกต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง”
“ประเทศของท่านชีคเป็นอย่างไรคะ ที่นั่นผู้หญิงต้องคลุมหน้าหมดทุกคนเลยหรือเปล่า ไม่ร้อนแย่เหรอคะ”
“ไม่ร้อนหรอก เพราะผ้าที่ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ความจริงแล้วที่คลุมแบบนั้นมีส่วนดีมากกว่าส่วนเสีย เพราะช่วยปกป้องผิวสวยๆ ของสตรีให้พ้นจากแสงแดดจ้าได้อีกด้วย แต่ระยะหลังมานี้รามานรับวัฒนธรรมของต่างชาติเข้ามาค่อนข้างมาก วัยรุ่นยุคใหม่นิยมแต่งกายแบบตะวันตกมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้เคร่งศาสนาที่ยังแต่งกายมิดชิดอยู่ แต่เน้นการออกแบบให้ทันสมัยขึ้น ที่รามานมีดีไซน์เนอร์เก่งๆ หลายคน เสื้อผ้าสตรีของหญิงอาหรับจึงมีให้เลือกหลายสไตล์” ชีคหนุ่มอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างไม่รู้จักเบื่อ
“หรือคะ ดีจังเลย ประเทศไทยเองก็ไม่ต่างจากรามานหรอกค่ะ ยิ่งเด็กสมัยนี้รับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาจนบางคนลืมวัฒนธรรมอันดีงามที่บรรพบุรุษของเราสืบทอดกันมาช้านาน” หญิงสาวยิ้มเศร้า
“แต่ก็ยังมีเธอคนหนึ่งที่รักษาวัฒนธรรมของชาติตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เธอรำสวยมากนะเพชรไพลิน หลายๆ อย่างในตัวเธอทำให้ฉันคิดไปถึงผู้หญิงในอดีตของไทย”
“ยังไงหรือคะ แล้วท่านชีคทราบได้อย่างไรว่าผู้หญิงไทยในอดีตเป็นอย่างไร” เพชรไพลินเอียงคอถามชายหนุ่ม ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองรอคอยคำตอบ โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางไร้เดียงสาเหล่านี้ทำให้ชีคหนุ่มยิ่งหลงใหลในตัวเธอมากขึ้น
“ฉันเคยศึกษามาบ้าง และจากเพื่อนคนไทยของฉันที่เล่าให้ฟัง เพื่อนฉันเล่าว่าผู้หญิงไทยสมัยก่อนเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือกิริยามารยาท โดยเฉพาะการรักนวลสงวนตัว ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่แต่เป็นส่วนน้อยไปเสียแล้ว แต่ที่ฉันเห็นน่าจะมีอยู่คนหนึ่งตรงหน้าฉันนี่เอง”
เพชรไพลินยิ้มเอียงอาย “ดิฉันมองว่าการอยู่ก่อนแต่งไม่ใช่เรื่องผิดหรอกค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วดิฉันได้สัญญากับคุณพ่อไว้ว่าจะมอบทั้งตัวและหัวใจให้กับชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเท่านั้นค่ะ”
เธอพูดออกมาจากใจมิได้มีแววเสแสร้งอยู่ในดวงหน้า อาจเพราะเธอได้รับการปลูกฝังจากบิดาซึ่งค่อนข้างหัวโบราณ ท่านสอนสั่งเสมอว่าไม่ให้ไว้ใจผู้ชาย หากคิดจะคบค้าก็ให้ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพราะเธอเป็นหญิง หากพลาดพลั้งไปคนที่เสียหายคือเธอเองหาใช่ฝ่ายชายแต่อย่างใด
“ดีแล้วเพชรไพลิน ผู้หญิงควรมีคุณค่ามากกว่าคู่นอน ควรเป็นศรีภรรยาและแม่ที่ดีของลูก”
สายตาชื่นชมของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่า
“ดึกแล้วค่ะท่านชีค เห็นทีว่าดิฉันต้องกลับบ้านแล้ว”
“เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง” ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวเดินกลับไปที่รถ
“เพชรไพลิน”
ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นรถชายหนุ่มเรียกหญิงสาวเอาไว้ เธอหันมาสบตากับเขา ดวงตาทั้งสองคู่ต่างสบตากันและกันเนิ่นนาน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“เธอมีชื่อเล่นหรือเปล่า ปกติฉันเห็นคนไทยมักมีชื่อเล่นสั้นๆ ที่เอาไว้เรียกง่ายๆ”
“มีค่ะท่านชีค เรียกดิฉันว่าเพชรก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอจะเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นกับฉันได้หรือเปล่า ไหนๆ เราก็รู้จักกันมากขึ้นแล้ว สำหรับเราฉันหวังว่าเราจะไม่ใช่คนแปลกหน้าของกันอีกต่อไป ขอให้ฉันได้รู้จักเธอ และให้เธอได้รู้จักฉันมากขึ้นได้หรือเปล่าเพชร” ชีคมุซตาฮ์ซานจับมือเธอเอาไว้
แพขนตางอนหลุบลงก่อนจะกระพือขึ้น ดวงตากลมโตมองหน้าชายหนุ่ม พวงแก้มอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย
“ท่านชีคพูดแบบนี้หมายความว่าขอคบกับเพชรใช่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไปตรงๆ ตามประสาซื่อ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“ใช่แล้วฉันอยากลองคบกับเธอ อยากลองศึกษาดูใจกันอย่างชายหญิงหนุ่มสาว แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินเธอมากไปกว่า...”
เขารั้งร่างบางเข้ามากอด ไม่ทันที่หญิงสาวจะระวังตัวเขาก็ประทับริมฝีปากอุ่นลงบนหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะถอดถอนออก แล้วหันมาส่งยิ้มเก๋ไก๋ให้
“คบกับฉันนะเพชร”
ไม่รู้ว่ามีมนต์สะกดอันใดให้หญิงสาวยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ก่อนที่จะตอบกลับไปแผ่วเบาราวกับอยู่ในความฝันแสนหวาน
“ค่ะท่านชีค เพชรจะคบกับท่าน”
หญิงสาวตอบรับไปด้วยความรู้สึกเบาหวิวราวกับขนนก แทบไม่รู้ตัวเลยว่าชีคหนุ่มจับมือของเธอเอาไว้ แล้วบรรจงจรดจุมพิตด้วยริมฝีปากหยักได้รูปเนิบช้า
“ฉันชอบเธอ และรู้สึกว่าสำหรับเราสองคนคำว่ารักคงอยู่ไม่ไกล...”
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไรกัน” เขาย้อนถาม ขณะที่มือหนากระชับเอวบางเข้าหาเขา
เพชรไพลินมิได้ขัดขืน ยามนี้เธอกลายเป็นเพียงตุ๊กตาชักใย ด้วยไร้เรี่ยวแรงที่จะทัดทานเสน่ห์อันเหลือร้ายของชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำผึ้งผู้นี้
“ก็...” หญิงสาวกระดากอายที่พูดออกไป เพราะหากเขาไม่ได้เข้ามาช่วยเธอจากธัญธรณ์ จะกลายเป็นว่าเธอคิดเข้าข้างตัวเอง
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะฉันจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนได้ใกล้ชิดเธอทั้งนั้น...เพชรไพลิน” ดวงตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตที่ช้อนมองเขาด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าชีคหนุ่มจะพูดออกมาเช่นนั้น
“ถ้าทำได้ ฉันไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนคุยกับเธอเลยด้วยซ้ำ อยากให้คืนนี้เป็นคืนที่มีเพียงฉันกับเธอเท่านั้น เธอจะว่าอย่างไรเพชรไพลิน อยากเต้นรำกับฉันทั้งคืนหรือเปล่า” ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาใกล้ อีกไม่ถึงคืบปลายจมูกโด่งของชีคหนุ่มก็จะสัมผัสกับปลายจมูกของเธอ
หญิงสาวหลุบตาลงต่ำเหลือบมองริมฝีปากหนาหยักได้รูป คางตัดมีหนวดเคราขึ้นช่วยเสริมให้ใบหน้าของเขาดูคมเข้ม ไม่แปลกเลย...ว่าทำไมสาวๆ ค่อนประเทศถึงใจละลายกับผู้ชายคนนี้
“รองเท้าส้นสูงมาก ดิฉันคงเต้นรำทั้งคืนไม่ไหวหรอกค่ะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชีคหนุ่มทำหน้าอึ้งไปหลายอึดใจก่อนจะหัวเราะออกมาในที่สุด เธอแสนซื่อหรือว่ามีอารมณ์ขันกันแน่ แต่ถ้าให้เขาเดา เขาเห็นว่าจะเป็นอย่างแรกอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคนตัวเล็กกำลังมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“ขำอะไรหรือคะท่านชีค” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรง ผู้ชายตรงหน้ายิ้มและหัวเราะได้อย่างมีเสน่ห์ แต่เหตุใดเขาจึงชอบทำหน้าเคร่งขรึมอยู่เป็นนิจ
“ไม่มีอะไรหรอก จริงอย่างที่เธอว่าให้เต้นรำทั้งคืนคงจะเหนื่อย ถ้าอย่างนั้นเราไปหาที่นั่งคุยกันดีไหม” ชีคหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาวออกจากงานเลี้ยงเสียดื้อๆ ไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดหาคำตอบเขาก็จูงมือเธอเดินออกจากฟลอร์เต้นรำเสียแล้ว
ชีคหนุ่มพูดเป็นภาษาอาหรับกับชายใส่สูทสีดำที่เดาว่าคงเป็นองครักษ์ของเขานั่นเอง ไม่นานรถมาเซราติคันหรูก็แล่นมาจอดหน้าโรงแรม หญิงสาวซึ่งยังยืนงงอยู่พอจะได้สติขึ้นมาบ้างจึงเอ่ยท้วงขึ้น
“ท่านชีคจะพาดิฉันไปไหนหรือคะ”
“ไปหาที่นั่งคุยกัน เธอจะได้ไม่เมื่อยเท้าอย่างไรล่ะ” เขาหันมาตอบเธอแล้วยักคิ้วข้างหนึ่งขึ้นสูง
เพชรไพลินหน้าแดงก่ำ จะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะในเมื่อหัวใจของเธอมันวิ่งตามเขาไปเสียแล้ว หญิงสาวขึ้นนั่งข้างคนขับ
ชีคมุซตาฮ์ซานขับรถด้วยตนเอง เขาขับไปช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบ พลางเหลือบตามองร่างบางที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง แทบไม่ยอมหันกลับมามองเขา จะด้วยเขินอาย หรือไม่ชอบหน้าเขา ชีคหนุ่มก็ยากที่จะหยั่งรู้
คนตัวเล็กนั่งนิ่ง ทว่าหัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าชีคมุซตาฮ์ซานทอดสายตามองเธอเป็นระยะ เขาใจร้ายมาก...นี่คิดว่าจะมองเธอให้ละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปเลยหรืออย่างไรกัน
รถมาเซราติสีดำแล่นมาจอดที่ท่าน้ำติดแม่น้ำเจ้าพระยา ชีคหนุ่มลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว เมื่อเธอลงจากรถแล้วจึงมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย มองลึกเข้าไปมีบ้านเดี่ยวหลังเล็กปิดไฟมืดไว้แสดงชัดว่าไม่มีคนอยู่ ทว่าสนามโล่งกลับบ่งชัดว่าที่นี่ไม่ได้ถูกปล่อยให้รกร้างแต่มีคนคอยดูแลอย่างเอาใจใส่
ชีคมุซตาฮ์ซานจูงมือหญิงสาวไปที่ศาลาสีขาวริมน้ำ เอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟที่ข้างเสา แสงไฟสีส้มดวงเล็กๆ สว่างขึ้นพร้อมๆ กันหลายจุดทำให้ศาลาที่ดูมืดทึบเมื่อครู่สว่างไสวขึ้น
“ฉันเพิ่งซื้อบ้านหลังนี้เอาไว้ เพราะเห็นว่ามันน่ารักดี แต่หลักๆ ที่ชอบก็คือศาลาริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศเงียบสงบที่แทบหาไม่ได้อีกแล้ว ฉันพาเธอมาที่นี่เพราะอยากชวนเธอมานั่งชมจันทร์ริมแม่น้ำ จะพาไปที่อื่นคนก็พลุกพล่านจนเกินไป ดูไม่เป็นส่วนตัว” เขาอธิบายด้วยท่วงท่าสบายๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่สร้างติดกับศาลาริมน้ำ หญิงสาวไม่ได้นั่งแต่กลับมองหน้าชายหนุ่มอย่างจับผิด
ชีคหนุ่มอมยิ้ม สายตาหวาดระแวงของเธอทำให้เขาเดาได้โดยง่ายว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่ต้องกลัว ถึงแม้ว่าที่นี่จะค่อนข้างเปลี่ยว แต่ฉันสัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าจะไม่รังแกเธอ” ชีคหนุ่มยื่นมือไปให้หญิงสาว
เพชรไพลินมีสีหน้าดีขึ้นแล้ววางมือลงบนมือหนา เขาประคองให้เธอนั่งลงข้างเขา ก่อนจะกระซิบประโยคถัดไปที่ทำให้หญิงสาวเหลือกตาโพลง
“ยกเว้นแต่เธอจะสมยอม”
“ท่านชีค!” หญิงสาวเรียกชายหนุ่มด้วยเสียงสูง สีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ร่ำๆ เหมือนจะร้องไห้ นึกโกรธตัวเองที่ตามชายหนุ่มออกมา ทั้งที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันเลยสักนิด หากเขาข่มขืนหรือฆ่าเธอทิ้งก็คงไม่มีใครรู้ เมื่อหัวสมองคิดวุ่นวายขอบตาก็ร้อนผ่าว
“เพชรไพลิน ฉันแค่แซวเล่นเท่านั้นเอง ใครจะกล้าทำแบบนั้นกับเธอล่ะ แล้วฉันก็รู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ไม่เอาน่าอย่าคิดมากนะ” เป็นครั้งแรกที่ชีคหนุ่มต้องงอนง้อใครสักคน เขาจับมือเธอไว้แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขา หญิงสาวมองเขาเนิ่นนานก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ฉันจะเชื่อท่านชีคค่ะ”
จังหวะที่หญิงสาวก้มหน้าลงชีคหนุ่มก็ถึงกับถอนหายใจ เพชรไพลินคือผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่า ‘ผ้าขาว’ คือความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง เธอใสซื่อและไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้ชาย เธอหวาดกลัวราวกับแม่กวางสาวสั่นผวาราชสีห์ผู้เป็นเจ้าป่า
“เธอกลัวฉันหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือแววขบขัน แต่เมื่อหญิงสาวพยักหน้าคนตัวโตก็ถึงกับขันไม่ออก แปลกใจไม่น้อยนี่เธอกลัวเขาจริงๆ หรือ
“เพชรไพลินเธอพอจะบอกฉันได้ไหม ว่าทำไมเธอถึงกลัวฉัน” มือหนาทั้งสองข้างจับไหล่บางเอาไว้แล้วเชยคางหญิงสาวขึ้นเพื่อให้สบตากับเขา ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นทำให้ชีคหนุ่มอยากจะรั้งร่างบางเข้ามากอด แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิด เพราะหากเขาทำอย่างนั้นแม่สาวน้อยคงกลัวเขาจนไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีกต่อไป
“ก็ท่านชีคหน้าตาดีนี่คะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะ เขาหน้าตาดี นี่เป็นสาเหตุให้เธอกลัวเขางั้นหรือ นับเป็นความรู้ใหม่เลยทีเดียว ที่ผ่านมาเขาเชื่อมาโดยตลอดว่าใบหน้าหล่อเหลาของเขามีไว้เพื่อดึงดูดสาวๆ มิใช่ทำให้พวกหล่อนกลัว
“เวลาอยู่ใกล้ท่านชีคทีไร หัวใจของฉันเต้นแรงมาก อีกอย่างท่านชีคเพียบพร้อมทุกอย่าง ในขณะที่ดิฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาไม่มีอะไรเลย การที่ท่านชีคบอกว่าอยากรู้จักดิฉัน มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ท่านชีคอาจทำกับดิฉันเหมือนผู้หญิงที่ท่านควงเล่นตามหน้าหนังสือพิมพ์ แล้วยิ่ง...” หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างอย่างช่างใจก่อนจะพูดต่อไปว่า
“ยิ่งท่านชีคพาดิฉันมาในที่เปลี่ยวแบบนี้ มันยิ่งทำให้ดิฉันกลัวค่ะ”
ชีคหนุ่มอึ้งไปหลายอึดใจ “ฉันผิดเองที่พาเธอมาที่นี่ ทำให้เธอกลัวฉัน มานี่สิฉันจะพาไปดูอะไร” ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวเดินไปยังท่าน้ำที่มีทางเดินเชื่อมต่อกับศาลา เขาถอดรองเท้าถุงเท้าออกแล้วนั่งลงที่ท่าน้ำโดยห้อยขาทั้งสองข้างลงไปในน้ำ
“ลองทำดูสิเพชรไพลิน เย็นดีนะ”
หญิงสาวลังเลเล็กน้อยแต่ก็รวบกระโปรง ถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เขา น้ำเย็นทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีได้อย่างน่าประหลาด
“สังเกตสิว่าทั้งที่อากาศร้อน แต่ถ้าได้เอาเท้าแช่น้ำบรรยากาศรอบกายกลับเย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย” ชีคหนุ่มพูดพลางแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์บนท้องฟ้า มิได้เร่งเร้าให้หญิงสาวข้างกายคลายความหวาดกลัวที่มีต่อเขา แต่ค่อยๆ ทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคยกับเธออย่างใจเย็น
“จริงด้วยค่ะท่านชีค นั่งริมน้ำแบบนี้สบายใจดีจังเลยนะคะ” หญิงสาวเห็นด้วย พลางแกว่งเท้าไปมาในน้ำอย่างนึกสนุก
“ที่เมืองไทยอากาศร้อนก็จริง แต่ร้อนคนละแบบกับรามาน”
“ที่รามานอยู่ตะวันออกกลางน่าจะร้อนกว่าเมืองไทยไม่ใช่หรือคะท่านชีค” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ปราการที่เธอได้สร้างเอาไว้เมื่อครู่ค่อยๆ พังลงโดยที่เธอก็ไม่รู้ตัว ชีคหนุ่มหยักยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากเมื่อเห็นว่าเธอกล้าที่จะพูดคุยกับเขามากขึ้น
“ใช่ รามานอยู่ตะวันออกกลาง แต่อากาศจะร้อนแบบแห้งๆ ไม่ได้ร้อนชื้นแบบไทย และตอนกลางคืนอากาศจะค่อนข้างเย็นจัดแตกต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง”
“ประเทศของท่านชีคเป็นอย่างไรคะ ที่นั่นผู้หญิงต้องคลุมหน้าหมดทุกคนเลยหรือเปล่า ไม่ร้อนแย่เหรอคะ”
“ไม่ร้อนหรอก เพราะผ้าที่ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ความจริงแล้วที่คลุมแบบนั้นมีส่วนดีมากกว่าส่วนเสีย เพราะช่วยปกป้องผิวสวยๆ ของสตรีให้พ้นจากแสงแดดจ้าได้อีกด้วย แต่ระยะหลังมานี้รามานรับวัฒนธรรมของต่างชาติเข้ามาค่อนข้างมาก วัยรุ่นยุคใหม่นิยมแต่งกายแบบตะวันตกมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้เคร่งศาสนาที่ยังแต่งกายมิดชิดอยู่ แต่เน้นการออกแบบให้ทันสมัยขึ้น ที่รามานมีดีไซน์เนอร์เก่งๆ หลายคน เสื้อผ้าสตรีของหญิงอาหรับจึงมีให้เลือกหลายสไตล์” ชีคหนุ่มอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างไม่รู้จักเบื่อ
“หรือคะ ดีจังเลย ประเทศไทยเองก็ไม่ต่างจากรามานหรอกค่ะ ยิ่งเด็กสมัยนี้รับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาจนบางคนลืมวัฒนธรรมอันดีงามที่บรรพบุรุษของเราสืบทอดกันมาช้านาน” หญิงสาวยิ้มเศร้า
“แต่ก็ยังมีเธอคนหนึ่งที่รักษาวัฒนธรรมของชาติตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เธอรำสวยมากนะเพชรไพลิน หลายๆ อย่างในตัวเธอทำให้ฉันคิดไปถึงผู้หญิงในอดีตของไทย”
“ยังไงหรือคะ แล้วท่านชีคทราบได้อย่างไรว่าผู้หญิงไทยในอดีตเป็นอย่างไร” เพชรไพลินเอียงคอถามชายหนุ่ม ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองรอคอยคำตอบ โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางไร้เดียงสาเหล่านี้ทำให้ชีคหนุ่มยิ่งหลงใหลในตัวเธอมากขึ้น
“ฉันเคยศึกษามาบ้าง และจากเพื่อนคนไทยของฉันที่เล่าให้ฟัง เพื่อนฉันเล่าว่าผู้หญิงไทยสมัยก่อนเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือกิริยามารยาท โดยเฉพาะการรักนวลสงวนตัว ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่แต่เป็นส่วนน้อยไปเสียแล้ว แต่ที่ฉันเห็นน่าจะมีอยู่คนหนึ่งตรงหน้าฉันนี่เอง”
เพชรไพลินยิ้มเอียงอาย “ดิฉันมองว่าการอยู่ก่อนแต่งไม่ใช่เรื่องผิดหรอกค่ะ แต่โดยส่วนตัวแล้วดิฉันได้สัญญากับคุณพ่อไว้ว่าจะมอบทั้งตัวและหัวใจให้กับชายผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเท่านั้นค่ะ”
เธอพูดออกมาจากใจมิได้มีแววเสแสร้งอยู่ในดวงหน้า อาจเพราะเธอได้รับการปลูกฝังจากบิดาซึ่งค่อนข้างหัวโบราณ ท่านสอนสั่งเสมอว่าไม่ให้ไว้ใจผู้ชาย หากคิดจะคบค้าก็ให้ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพราะเธอเป็นหญิง หากพลาดพลั้งไปคนที่เสียหายคือเธอเองหาใช่ฝ่ายชายแต่อย่างใด
“ดีแล้วเพชรไพลิน ผู้หญิงควรมีคุณค่ามากกว่าคู่นอน ควรเป็นศรีภรรยาและแม่ที่ดีของลูก”
สายตาชื่นชมของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่า
“ดึกแล้วค่ะท่านชีค เห็นทีว่าดิฉันต้องกลับบ้านแล้ว”
“เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง” ชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวเดินกลับไปที่รถ
“เพชรไพลิน”
ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นรถชายหนุ่มเรียกหญิงสาวเอาไว้ เธอหันมาสบตากับเขา ดวงตาทั้งสองคู่ต่างสบตากันและกันเนิ่นนาน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“เธอมีชื่อเล่นหรือเปล่า ปกติฉันเห็นคนไทยมักมีชื่อเล่นสั้นๆ ที่เอาไว้เรียกง่ายๆ”
“มีค่ะท่านชีค เรียกดิฉันว่าเพชรก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอจะเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นกับฉันได้หรือเปล่า ไหนๆ เราก็รู้จักกันมากขึ้นแล้ว สำหรับเราฉันหวังว่าเราจะไม่ใช่คนแปลกหน้าของกันอีกต่อไป ขอให้ฉันได้รู้จักเธอ และให้เธอได้รู้จักฉันมากขึ้นได้หรือเปล่าเพชร” ชีคมุซตาฮ์ซานจับมือเธอเอาไว้
แพขนตางอนหลุบลงก่อนจะกระพือขึ้น ดวงตากลมโตมองหน้าชายหนุ่ม พวงแก้มอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอาย
“ท่านชีคพูดแบบนี้หมายความว่าขอคบกับเพชรใช่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกไปตรงๆ ตามประสาซื่อ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“ใช่แล้วฉันอยากลองคบกับเธอ อยากลองศึกษาดูใจกันอย่างชายหญิงหนุ่มสาว แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินเธอมากไปกว่า...”
เขารั้งร่างบางเข้ามากอด ไม่ทันที่หญิงสาวจะระวังตัวเขาก็ประทับริมฝีปากอุ่นลงบนหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะถอดถอนออก แล้วหันมาส่งยิ้มเก๋ไก๋ให้
“คบกับฉันนะเพชร”
ไม่รู้ว่ามีมนต์สะกดอันใดให้หญิงสาวยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ก่อนที่จะตอบกลับไปแผ่วเบาราวกับอยู่ในความฝันแสนหวาน
“ค่ะท่านชีค เพชรจะคบกับท่าน”
หญิงสาวตอบรับไปด้วยความรู้สึกเบาหวิวราวกับขนนก แทบไม่รู้ตัวเลยว่าชีคหนุ่มจับมือของเธอเอาไว้ แล้วบรรจงจรดจุมพิตด้วยริมฝีปากหยักได้รูปเนิบช้า
“ฉันชอบเธอ และรู้สึกว่าสำหรับเราสองคนคำว่ารักคงอยู่ไม่ไกล...”
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2561, 11:06:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มิ.ย. 2561, 11:06:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 698
<< บทที่ 2 -45% | บทที่ 3 -30% >> |