ทรายล้อมเพชร: สะมะเรีย (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เมื่อรจนาอย่างนางรำ ‘เพชรไพลิน’ เสี่ยงพวงมาลัยดอกรักออกไป คนรับหาใช่เจ้าเงาะป่าไม่ แต่กลับเป็นถึง ‘ชีคมุซตาฮ์ซาน บินรามาน อัลซาบาฮัท’ ผู้ปกครองรัฐรามาน
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทั้งสองตกอยู่ในบ่วงเสน่หาซึ่งกันและกันเพียงแค่พบสบตา ความรักได้ก่อตัวขึ้นหวานล้ำราวน้ำผึ้ง ทว่า...ที่ใดมีรัก ก็ย่อมมีทุกข์ เพชรไพลินจึงต้องพบกับอุปสรรคที่เต็มไปด้วยขวากหนามแหลมคม ทั้งจากมารดาเลี้ยงและบรรดาสาวๆ ที่อยู่ในฮาเร็มของชีคหนุ่ม
ซ้ำร้ายที่สุด...ชายคนรักยังลงมือกรีดหัวใจของเธอด้วยตัวเขาเอง
เช่นนี้แล้วเพชรที่ว่ากล้าแกร่งจะทนทานต่อการแผดเผาหัวใจจนปวดร้าวทรมานได้หรือไม่ หรือเธอ...จะลาลับจากเขาไปตลอดกาล
*************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "สะมะเรีย" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งกำลังวางจำหน่ายอยู่ตอนนี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครชอบนิยายแนวทะเลทราย โรมานซ์ ดราม่า มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากความฟินชวนให้ยิ้มแก้มแตกในความเป็นสุภาพบุรุษของท่านชีคแล้ว สะมะเรียถ่ายทอดความดราม่าในความรักของหนุ่มสาวได้ชนิดที่น้ำตาไหลพรากทีเดียว ที่สำคัญ ยังผสมผสานศิลปวัฒนธรรมไทยเข้าไปในแนวทะเลทรายได้อย่างน่าประทับใจ #พร้อมตอนพิเศษ #ฟินทวีคูณ! #ติดหนึบ #รับประกันความสนุก!
***********
นักอ่านท่านใดสนใจ มีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
**สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
-ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
-ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้าน booksforfun ร้าน booktogothailand และร้าน booksyourlikeshop
-inbox สั่งซื้อโดยตรงกับแอดมินเพจ 'ปลายปากกา สำนักพิมพ์' หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
(หนังสือเหลือแต่เล่มมีตำหนิ)
ราคา 280฿ (จากปก 372฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 320฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 340฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรมานซ์ ชีค นางรำ พาฝัน ดราม่า ริษยา
ตอน: บทที่ 7 -100%
ภายในบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุง รถยนต์จอดเรียงรายหลายสิบคัน ผู้คนเข้าออกมีทั้งยิ้มแย้มกลับไปและหน้าบูดบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ รุจินภาจัดอยู่ในประเภทหลังเธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อที่จะหาเงินค่ารถกลับบ้าน
“โธ่เว้ย ทำไมช่วงนี้มันดวงซวยขนาดนี้วะเนี่ย” สาวใหญ่วัยสี่สิบกว่าสบถอย่างหัวเสีย
เธอติดการพนันมาได้พักใหญ่แล้ว ที่บอกกับลูกเลี้ยงว่าออกมาสังสรรค์บ้านเพื่อน ที่จริงแล้วเธอมาเล่นการพนันที่นี่ บ้านทรงไทยที่มีอยู่ตอนนี้ก็กำลังจะถูกธัญธรณ์ยึดไป ถ้าขายทอดตลาดคงได้ราคาหลายสิบล้าน แต่นายธัญธรณ์หน้าเลือดกลับจ่ายให้เธอด้วยราคาเพียงแค่ล้านเดียว เธอต้องหาทางเอาบ้านคืนมาให้ได้ แล้วหลังจากนั้นจะเอาไปขายหรือทำอะไรค่อยว่ากัน
รุจินภาเดินลงจากรถสองแถวแล้วเดินเท้าเข้าบ้าน เพราะรถยนต์ที่อ้างกับเพชรไพลินว่าเอาไปซ่อมนั้นแท้จริงแล้วถูกนายธัญธรณ์ยึดไปตั้งแต่ต้นเดือนก่อน เธอชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นรถยุโรปหรูแล่นมาจอดหน้าบ้าน จึงรีบหลบข้างทางแล้วแอบอยู่หลังตู้โทรศัพท์สาธารณะ เมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถคือเพชรไพลินและชีคมุซตาฮ์ซาน เธอก็ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ
“ยายเพชรมากับท่านชีคได้ยังไง สองคนนี้ไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่ตอนไหน ทำไมฉันถึงไม่รู้เลย” เธอยกมือขึ้นทาบอกด้วยความแปลกใจ ช่วงนี้บุตรสาวปิดเทอมเธอจึงไม่ได้กวดขัน ปล่อยให้ไปไหนมาไหนได้เต็มที่ นั่นก็เพราะว่าไม่ต้องการให้บุตรสาวระแคะระคายว่าตนไปเล่นการพนันด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นชีคมุซตาฮ์ซานจับมือบุตรสาว เธอก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดคร่าวๆ เพราะในการแสดงชุดรจนาเสี่ยงพวงมาลัยครั้งนั้น ท่านชีคแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจลูกเลี้ยงของเธอ
“ดีล่ะ ต้องถามให้รู้เรื่อง”
รุจินภาหมายมั่นรอจนชีคแห่งรัฐรามานกลับไป เธอจึงเดินเข้าบ้าน แล้วตรงไปยังห้องนอนของบุตรสาวทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูทำให้เจ้าของห้องรีบเดินมาเปิดประตู
“อ้าวคุณแม่ ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจังคะ เพชรคิดว่าจะกลับดึกๆ เสียอีก” เธอเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ถ้าแม่กลับดึก คงไม่รู้ว่าหนูแอบคบหากับผู้ชาย”
รุจินภาเดินเข้าไปในห้องแล้วกวาดตามองไปรอบๆ อย่างจับผิด
เพชรไพลินได้แต่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป ด้วยไม่คิดว่ามารดาจะมีท่าทางไม่พอใจถึงเพียงนี้
“เอ่อ...เพชรขอโทษค่ะคุณแม่ เพชรไม่คิดจะปิดบัง แต่เพชรมองว่ามันยังไม่เหมาะสมที่จะบอกคุณแม่” น้ำเสียงเครืออย่างสำนึกผิดทำให้รุจินภาใจเย็นลงกว่าครึ่ง
“อย่าคิดมาก แม่ไม่ได้ว่าอะไรหนูหรอก แค่เป็นห่วง กลัวว่าท่านชีคเขาจะหลอกหนู อีกอย่างหนูยังเด็ก อายุยังน้อย แม่ไม่อยากให้ริรักในวัยเรียน” รุจินภายิ้มกว้างแล้วเดินไปจูงมือบุตรสาวให้นั่งลงบนเตียง เธอดึงมือบุตรสาวมาจับเอาไว้ แล้วสายตาก็ไปกระทบกับเพชรน้ำงามวูบวาบบนมือของบุตรสาว
“แหวนอะไรทำไมแม่ไม่เคยเห็นเลย”
เพชรไพลินยิ้มเอียงอาย ไหนๆ มารดาก็เห็นแล้วว่าเธอสนิทสนมกับท่านชีค ปรึกษาท่านเลยน่าจะดีกว่าเก็บงำแล้วตัดสินใจเองคนเดียว
“แหวนวงนี้ท่านชีคให้เพชรค่ะ บอกว่าขอหมั้นไว้ก่อน แล้วจะมาสู่ขอเพชรกับคุณแม่ภายหลัง คุณแม่อย่าเพิ่งโกรธเพชรนะคะ ที่เพชรไม่ได้เล่าให้ฟังก็เพราะเพชรยังอายุสิบแปดอยู่ เพชรคิดว่ายังเด็กเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ เลยตั้งใจว่าอายุครบสิบเก้าเมื่อไหร่จะบอกเรื่องราวทั้งหมดให้คุณแม่ฟัง”
“แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะเพชร แม่แค่เป็นห่วงกลัวว่าเพชรจะโดนหลอก อีกอย่างอายุสิบแปดนี่ก็ไม่เด็กแล้วนะ ถ้าคิดจะแต่งงานแต่งการก็สามารถทำได้ ถ้ามันเป็นความสุขของเพชรแม่ก็พร้อมเสมอ ดีเสียอีกเพชรจะได้สบายเสียที ไม่ต้องมารำให้เหนื่อย” รุจินภายิ้มกว้าง ไม่คิดเลยว่าลาภก้อนใหญ่จะลอยมาถึงที่
“ถ้าอย่างนั้นเพชรจะชวนท่านชีคมาวันเกิดเพชรนะคะ คุณแม่จะได้ทำความรู้จักกับท่านชีคด้วย” หญิงสาวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อเรื่องทุกอย่างมันง่ายดายลงตัวเช่นนี้ ความรักแสนหวานที่ดูเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย รื่นรมย์ด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดโปรยปรายไปบนหนทางทอดยาวสู่ทุ่งดอกไม้แสนหวาน
“ได้สิจ๊ะ ความจริงแม่ต้องฝากฝังหนูไว้กับท่านชีคถึงจะถูก ให้ท่านเมตตาหนูมากๆ ลูกของแม่จะได้สบายกับเขาเสียที”
“ความจริงเราอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่คะ บ้านเราก็ไม่ต้องเช่าต้องซื้อ สองแม่ลูกใช้เงินไม่มาก สอนเด็กรำก็พอให้เรามีใช้เหลือเก็บบ้างนิดหน่อย อีกอย่างคุณพ่อฝากเงินในบัญชีไว้ให้เราหลายแสนอยู่ เพชรอยากคบกับท่านชีคที่ตัวตนของเขาค่ะ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นชีคมุซตาฮ์ซานแห่งรัฐรามาน”
“เอ่อ...นั่นสินะ” รุจินภาแทบพูดไม่ออก เพราะเงินกว่าห้าแสนเธอเบิกมาใช้จนไม่เหลือแม้แต่สตางค์แดงเดียว แล้วยังเงินอีกหนึ่งล้านที่ต้องหามาใช้หนี้ธัญธรณ์อีกเล่า
“ว่าแต่ลองถอดแหวนมาให้แม่ดูหน่อยสิเพชร แม่อยากดูเพชรสักหน่อยว่าน้ำจะงามสักแค่ไหน” รุจินภาหันไปมองเพชรแวววับต้องตาบนนิ้วมือเรียวของบุตรสาวอย่างมีความหวัง ถ้ายืมไปดูแล้วให้ช่างเทียบแบบเรือนแหวนเอาไว้ จากนั้นค่อยเอาของปลอมมาเปลี่ยน คงได้ราคามากพอดู
“ได้สิคะคุณแม่”
เพชรไพลินถอดแหวนออก ทว่ามันกลับคับ ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก
“สักครู่นะคะ สงสัยมันจะคับไป เดี๋ยวเพชรไปลองถูกับสบู่ก่อน” หญิงสาวลุกเดินไปยังห้องน้ำ หายไปร่วมห้านาที มารดาเลี้ยงรอไม่ไหวจึงเดินเข้าไปตาม
“ไม่ออกเลยค่ะคุณแม่ ดึงจนแสบนิ้วไปหมดแล้ว” เธอหันมาบอกมารดาเลี้ยงด้วยใบหน้าเหยเก
“ไม่เป็นไรหรอกเพชร ช่างเถอะ แม่ดูจากนิ้วหนูก็ได้ แม่ว่าเราไปหานมร้อนๆ ดื่มกันดีกว่าคืนนี้จะได้หลับสบาย” หญิงสูงวัยกว่าเหลือบมองแหวนบนมืออย่างเสียดาย แต่ก็จำต้องตัดใจ หากเซ้าซี้จะขอดูให้ได้จะเป็นที่ผิดสังเกต
“ค่ะคุณแม่”
หญิงสาวล้างมือแล้วเดินตามมารดาออกไปยังห้องครัว ใช้ชีวิตอย่างคุ้นเคย ชีวิตที่มีกันเพียงแค่สองคน แต่ตอนนี้ชีวิตของเพชรไพลินไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว เพราะเธอมีชีคมุซตาฮ์ซานเข้ามาเป็นจิกซอว์ตัวสุดท้ายต่อเติมหัวใจส่วนที่ขาดหายให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
**************
“ท่านชีคคะ คุณกมลทิพย์มาขอพบค่ะ” เลขาหน้าห้องกดโทรศัพท์สายในเข้าหาประธานบริษัท เธอทำหน้าที่เป็นเลขาให้กับชีคหนุ่มมาตั้งแต่เขาเริ่มมาทำงานที่เมืองไทย ความจริงแล้วเธอชอบที่จะทำงานร่วมกับชีคมุซตาฮ์ซาน เพราะเขาเป็นเจ้านายหนุ่มที่มีระเบียบ ไม่จุกจิกหรือใช้งานเธอโขกสับเหมือนอย่างเจ้านายคนไทยบางคนที่เธอเคยเจอ บางรายถึงขนาดว่าจิกใช้ตั้งแต่เรื่องงานยันเรื่องส่วนตัวเลยทีเดียว
“กมลทิพย์หรือ” เขาทวนถามด้วยความสงสัยแล้วก็ค่อยคิดออก ผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยขี้อาย บุตรสาวของคุณดิเรกกับคุณกมลานั่นเอง จริงสิเขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าให้หญิงสาวเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งเลขาในวันนี้
“เชิญเธอเข้ามาได้เลย”
เพียงครู่เดียวประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก โดยเลขาสาวซึ่งท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว เธอตั้งใจลาออก เพื่อคลอดและเลี้ยงดูบุตรด้วยตนเอง แต่ยังอยู่ช่วยเจ้านายหาเลขาคนใหม่ เพื่อสอนงานแล้วจึงค่อยลาออก
“สวัสดีค่ะท่านชีค”
กมลทิพย์ยกมือไหว้อย่างไทย กิริยามารยาทงดงามจนชายหนุ่มนึกชื่นชม นอกจากเพชรไพลินแล้วเห็นจะมีกมลทิพย์นี่ล่ะที่ดูเป็นกุลสตรีในสายตาเขา
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันรับปากกับคุณกมลาไว้แล้ว แล้วนี่เข้าไปติดต่อฝ่ายบุคคลมาแล้วหรือยัง” ชีคหนุ่มพูดคุยโดยไม่ถือตัว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เอาประวัติการศึกษาไปฝากไว้ ทิพย์เห็นว่าก่อนกลับน่าจะมาลาท่านชีคก่อน” หญิงสาวผสานมือไว้หน้าตัก พูดด้วยถ้อยคำชัดเจน แต่เนิบช้า แล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตากับชายหนุ่ม
“มีประวัติอีกชุดหรือเปล่า ไหนฉันขอดูหน่อยสิ”
“นี่ค่ะท่านชีค” กมลทิพย์รีบส่งประวัติให้ชีคมุซตาฮ์ซานดูทันที เขาไล่อ่านคร่าวๆ แล้วพยักหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นประวัติการเรียนเป็นที่น่าพอใจ
“มาเริ่มทำงานวันพรุ่งนี้เลยแล้วกัน จะได้ให้แคทสอนงานให้ แคทเขาจะได้กลับไปพักผ่อนเตรียมคลอดลูกเสียที”
“ทิพย์ได้งานแล้วหรือคะท่านชีค ดีใจจังค่ะ” หญิงสาวยิ้มแย้มสดใส เงยหน้าขึ้นสบตากับชีคหนุ่มเพียงนิดแล้วหลุบตาลงต่ำอย่างมีจริต
“ยินดีที่ได้ร่วมงานครับกมลทิพย์” ชีคมุซตาฮ์ซานยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วยื่นมือไปยังเบื้องหน้าหญิงสาว
กมลทิพย์สัมผัสมือกับเขา ก่อนจะขอตัวกลับ ทว่าจังหวะที่หมุนตัวกลับนั้น เธอกลับข้อเท้าพลิกจนล้มลง โชคดีที่ชีคมุซตาฮ์ซานประคองเอาไว้ได้ทัน
“เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
กมลทิพย์ลอบยิ้มเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของชีคหนุ่ม มุกแกล้งล้มเนี่ยผู้หญิงที่ไหนก็ทำกันทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่พวกที่ทำจะมีจริตจัดจ้านมันเลยดูไม่เนียน แต่ถ้าทำอย่างเธอละก็ รับรองแนบเนียนสนิทใจ เพราะลองใช้มานักต่อนักแล้ว
“ขอโทษค่ะท่านชีค สงสัยส้นรองเท้าจะไปสะดุดกับพรมเข้า” หญิงสาวรีบผละออกจากชีคหนุ่มด้วยท่าทางตื่นตระหนก ใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย ทว่าจังหวะถอยหลังกลับทำให้เธอหงายหลังล้มอีกครั้ง ชีคหนุ่มคว้าร่างบางเอาไว้แต่โชคไม่ดีเหมือนครั้งแรกเพราะทั้งสองต่างล้มลงไปกับพื้นด้วยกันทั้งคู่
“ทะ ท่านชีค” กมลทิพย์พยายามดันแผงอกกว้างให้ลุกออกจากเรือนกายของเธอ ดูเหมือนชีคหนุ่มเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน
“ท่านชีค...” เสียงเรียกจากหน้าประตูห้องทำให้ชีคหนุ่มรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เพชร เธอมาได้ยังไง”
เพชรไพลินยิ้มเฝื่อน มาได้ยังไงอย่างนั้นหรือ นี่สินะที่เขาไม่อยากให้เธอมาหาที่บริษัท ที่แท้ก็เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง
“เพชรขอตัวนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านชีคกำลังติดพันธุระสำคัญอยู่” เพชรไพลินรู้สึกเหมือนมีบางอย่างแล่นมาติดอยู่ที่ลำคอ มันจุกจนเธอหายใจไม่ออกพานน้ำตาจะหยาดหยดลงมาเสียให้ได้ ก่อนที่จะประจานความอ่อนแอออกมาหญิงสาวจึงรีบหมุนตัวกลับทันที
“เดี๋ยวก่อนสิคะคุณเพชร อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ” กมลทิพย์รีบลุกขึ้นยืนแล้วลากขาเดินกะเผลกๆ ไปหาเพชรไพลิน รีบจับมืออีกฝ่ายเอาไว้
“สิ่งที่คุณเห็นมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ พอดีทิพย์จะล้มท่านชีคเลยเข้ามาช่วยเอาไว้เลยทำให้ล้มไปด้วยกัน ทิพย์กับท่านชีคไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ นะคะ”
เพชรไพลินนิ่งอึ้งแล้วเหลือบมองขาของกมลทิพย์ แม้จะไม่มีรอยเขียวช้ำ แต่ท่าเดินกะเผลกก็ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองคนรักราวกับขอคำตอบ
“ว่ายังไง คนขี้งอน” ชีคมุซตาฮ์ซานยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปยีผมเส้นเล็กละเอียดอย่างเอ็นดู ไม่คิดถือโกรธ หึงหวงบ้างก็นับว่าเป็นน้ำจิ้มให้กับความรัก หากเธอเห็นขนาดนี้แล้วไม่หึงหวงเลยนี่สินับว่าแปลกมากสำหรับวิสัยสตรีที่มีความหึงหวงเป็นที่ตั้งและเจ้าน้ำตาเป็นที่หนึ่ง
“เพชรขอโทษนะคะคุณทิพย์” หญิงสาวเสียงแผ่วอย่างเก้อเขิน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าเป็นทิพย์ ทิพย์ก็คงเข้าใจผิดเหมือนกัน ถ้ายังไงเดี๋ยวทิพย์ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
หญิงสาวหันไปยกมือไหว้ลาชีคหนุ่ม แล้วโบกมือให้กับเพชรไพลินก่อนจะค่อยๆ เดินออกไป แม้จะหวังว่าชีคหนุ่มอาจเดินมาประคองไปส่งเธอที่รถ ทว่ามันก็เป็นแค่ความหวังเมื่อความสนใจของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่เพชรไพลินเพียงคนเดียว
เมื่อเดินเข้าไปในลิฟต์เธอก็ยืนตัวตรงไม่มีทีท่าว่าเจ็บขาเหมือนเช่นเมื่อครู่เลยสักนิด
“ท้าทายแบบนี้ฉันชอบ คอยดูนะ จะแย่งมาให้ได้เลย” กมลทิพย์เหยียดยิ้มแล้วกดโทรศัพท์โทร.ออกหาคู่ขาหนุ่ม
“ฮัลโหล ธัญหรือคะ เย็นนี้ว่างไหม ทิพย์อยากฟังเพลง”
เธอกรอกเสียงหวานลงไปอย่างคุ้นชิน
“สำหรับทิพย์ผมว่างเสมอ แล้วเจอกันนะครับ” ธัญธรณ์...คู่ขาหนุ่มเจ้าของบ่อนการพนันผิดกฎหมายกลางกรุงที่ไม่มีใครกล้าเอาผิด เพราะมีบิดาเป็นถึงนายตำรวจคนใหญ่คนโต ตอบรับด้วยน้ำเสียงยินดี
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“โธ่เว้ย ทำไมช่วงนี้มันดวงซวยขนาดนี้วะเนี่ย” สาวใหญ่วัยสี่สิบกว่าสบถอย่างหัวเสีย
เธอติดการพนันมาได้พักใหญ่แล้ว ที่บอกกับลูกเลี้ยงว่าออกมาสังสรรค์บ้านเพื่อน ที่จริงแล้วเธอมาเล่นการพนันที่นี่ บ้านทรงไทยที่มีอยู่ตอนนี้ก็กำลังจะถูกธัญธรณ์ยึดไป ถ้าขายทอดตลาดคงได้ราคาหลายสิบล้าน แต่นายธัญธรณ์หน้าเลือดกลับจ่ายให้เธอด้วยราคาเพียงแค่ล้านเดียว เธอต้องหาทางเอาบ้านคืนมาให้ได้ แล้วหลังจากนั้นจะเอาไปขายหรือทำอะไรค่อยว่ากัน
รุจินภาเดินลงจากรถสองแถวแล้วเดินเท้าเข้าบ้าน เพราะรถยนต์ที่อ้างกับเพชรไพลินว่าเอาไปซ่อมนั้นแท้จริงแล้วถูกนายธัญธรณ์ยึดไปตั้งแต่ต้นเดือนก่อน เธอชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นรถยุโรปหรูแล่นมาจอดหน้าบ้าน จึงรีบหลบข้างทางแล้วแอบอยู่หลังตู้โทรศัพท์สาธารณะ เมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถคือเพชรไพลินและชีคมุซตาฮ์ซาน เธอก็ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ
“ยายเพชรมากับท่านชีคได้ยังไง สองคนนี้ไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่ตอนไหน ทำไมฉันถึงไม่รู้เลย” เธอยกมือขึ้นทาบอกด้วยความแปลกใจ ช่วงนี้บุตรสาวปิดเทอมเธอจึงไม่ได้กวดขัน ปล่อยให้ไปไหนมาไหนได้เต็มที่ นั่นก็เพราะว่าไม่ต้องการให้บุตรสาวระแคะระคายว่าตนไปเล่นการพนันด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นชีคมุซตาฮ์ซานจับมือบุตรสาว เธอก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดคร่าวๆ เพราะในการแสดงชุดรจนาเสี่ยงพวงมาลัยครั้งนั้น ท่านชีคแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจลูกเลี้ยงของเธอ
“ดีล่ะ ต้องถามให้รู้เรื่อง”
รุจินภาหมายมั่นรอจนชีคแห่งรัฐรามานกลับไป เธอจึงเดินเข้าบ้าน แล้วตรงไปยังห้องนอนของบุตรสาวทันที
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูทำให้เจ้าของห้องรีบเดินมาเปิดประตู
“อ้าวคุณแม่ ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจังคะ เพชรคิดว่าจะกลับดึกๆ เสียอีก” เธอเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ถ้าแม่กลับดึก คงไม่รู้ว่าหนูแอบคบหากับผู้ชาย”
รุจินภาเดินเข้าไปในห้องแล้วกวาดตามองไปรอบๆ อย่างจับผิด
เพชรไพลินได้แต่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป ด้วยไม่คิดว่ามารดาจะมีท่าทางไม่พอใจถึงเพียงนี้
“เอ่อ...เพชรขอโทษค่ะคุณแม่ เพชรไม่คิดจะปิดบัง แต่เพชรมองว่ามันยังไม่เหมาะสมที่จะบอกคุณแม่” น้ำเสียงเครืออย่างสำนึกผิดทำให้รุจินภาใจเย็นลงกว่าครึ่ง
“อย่าคิดมาก แม่ไม่ได้ว่าอะไรหนูหรอก แค่เป็นห่วง กลัวว่าท่านชีคเขาจะหลอกหนู อีกอย่างหนูยังเด็ก อายุยังน้อย แม่ไม่อยากให้ริรักในวัยเรียน” รุจินภายิ้มกว้างแล้วเดินไปจูงมือบุตรสาวให้นั่งลงบนเตียง เธอดึงมือบุตรสาวมาจับเอาไว้ แล้วสายตาก็ไปกระทบกับเพชรน้ำงามวูบวาบบนมือของบุตรสาว
“แหวนอะไรทำไมแม่ไม่เคยเห็นเลย”
เพชรไพลินยิ้มเอียงอาย ไหนๆ มารดาก็เห็นแล้วว่าเธอสนิทสนมกับท่านชีค ปรึกษาท่านเลยน่าจะดีกว่าเก็บงำแล้วตัดสินใจเองคนเดียว
“แหวนวงนี้ท่านชีคให้เพชรค่ะ บอกว่าขอหมั้นไว้ก่อน แล้วจะมาสู่ขอเพชรกับคุณแม่ภายหลัง คุณแม่อย่าเพิ่งโกรธเพชรนะคะ ที่เพชรไม่ได้เล่าให้ฟังก็เพราะเพชรยังอายุสิบแปดอยู่ เพชรคิดว่ายังเด็กเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ เลยตั้งใจว่าอายุครบสิบเก้าเมื่อไหร่จะบอกเรื่องราวทั้งหมดให้คุณแม่ฟัง”
“แม่ไม่ว่าอะไรหรอกนะเพชร แม่แค่เป็นห่วงกลัวว่าเพชรจะโดนหลอก อีกอย่างอายุสิบแปดนี่ก็ไม่เด็กแล้วนะ ถ้าคิดจะแต่งงานแต่งการก็สามารถทำได้ ถ้ามันเป็นความสุขของเพชรแม่ก็พร้อมเสมอ ดีเสียอีกเพชรจะได้สบายเสียที ไม่ต้องมารำให้เหนื่อย” รุจินภายิ้มกว้าง ไม่คิดเลยว่าลาภก้อนใหญ่จะลอยมาถึงที่
“ถ้าอย่างนั้นเพชรจะชวนท่านชีคมาวันเกิดเพชรนะคะ คุณแม่จะได้ทำความรู้จักกับท่านชีคด้วย” หญิงสาวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เมื่อเรื่องทุกอย่างมันง่ายดายลงตัวเช่นนี้ ความรักแสนหวานที่ดูเหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยาย รื่นรมย์ด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดโปรยปรายไปบนหนทางทอดยาวสู่ทุ่งดอกไม้แสนหวาน
“ได้สิจ๊ะ ความจริงแม่ต้องฝากฝังหนูไว้กับท่านชีคถึงจะถูก ให้ท่านเมตตาหนูมากๆ ลูกของแม่จะได้สบายกับเขาเสียที”
“ความจริงเราอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่คะ บ้านเราก็ไม่ต้องเช่าต้องซื้อ สองแม่ลูกใช้เงินไม่มาก สอนเด็กรำก็พอให้เรามีใช้เหลือเก็บบ้างนิดหน่อย อีกอย่างคุณพ่อฝากเงินในบัญชีไว้ให้เราหลายแสนอยู่ เพชรอยากคบกับท่านชีคที่ตัวตนของเขาค่ะ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นชีคมุซตาฮ์ซานแห่งรัฐรามาน”
“เอ่อ...นั่นสินะ” รุจินภาแทบพูดไม่ออก เพราะเงินกว่าห้าแสนเธอเบิกมาใช้จนไม่เหลือแม้แต่สตางค์แดงเดียว แล้วยังเงินอีกหนึ่งล้านที่ต้องหามาใช้หนี้ธัญธรณ์อีกเล่า
“ว่าแต่ลองถอดแหวนมาให้แม่ดูหน่อยสิเพชร แม่อยากดูเพชรสักหน่อยว่าน้ำจะงามสักแค่ไหน” รุจินภาหันไปมองเพชรแวววับต้องตาบนนิ้วมือเรียวของบุตรสาวอย่างมีความหวัง ถ้ายืมไปดูแล้วให้ช่างเทียบแบบเรือนแหวนเอาไว้ จากนั้นค่อยเอาของปลอมมาเปลี่ยน คงได้ราคามากพอดู
“ได้สิคะคุณแม่”
เพชรไพลินถอดแหวนออก ทว่ามันกลับคับ ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก
“สักครู่นะคะ สงสัยมันจะคับไป เดี๋ยวเพชรไปลองถูกับสบู่ก่อน” หญิงสาวลุกเดินไปยังห้องน้ำ หายไปร่วมห้านาที มารดาเลี้ยงรอไม่ไหวจึงเดินเข้าไปตาม
“ไม่ออกเลยค่ะคุณแม่ ดึงจนแสบนิ้วไปหมดแล้ว” เธอหันมาบอกมารดาเลี้ยงด้วยใบหน้าเหยเก
“ไม่เป็นไรหรอกเพชร ช่างเถอะ แม่ดูจากนิ้วหนูก็ได้ แม่ว่าเราไปหานมร้อนๆ ดื่มกันดีกว่าคืนนี้จะได้หลับสบาย” หญิงสูงวัยกว่าเหลือบมองแหวนบนมืออย่างเสียดาย แต่ก็จำต้องตัดใจ หากเซ้าซี้จะขอดูให้ได้จะเป็นที่ผิดสังเกต
“ค่ะคุณแม่”
หญิงสาวล้างมือแล้วเดินตามมารดาออกไปยังห้องครัว ใช้ชีวิตอย่างคุ้นเคย ชีวิตที่มีกันเพียงแค่สองคน แต่ตอนนี้ชีวิตของเพชรไพลินไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว เพราะเธอมีชีคมุซตาฮ์ซานเข้ามาเป็นจิกซอว์ตัวสุดท้ายต่อเติมหัวใจส่วนที่ขาดหายให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
**************
“ท่านชีคคะ คุณกมลทิพย์มาขอพบค่ะ” เลขาหน้าห้องกดโทรศัพท์สายในเข้าหาประธานบริษัท เธอทำหน้าที่เป็นเลขาให้กับชีคหนุ่มมาตั้งแต่เขาเริ่มมาทำงานที่เมืองไทย ความจริงแล้วเธอชอบที่จะทำงานร่วมกับชีคมุซตาฮ์ซาน เพราะเขาเป็นเจ้านายหนุ่มที่มีระเบียบ ไม่จุกจิกหรือใช้งานเธอโขกสับเหมือนอย่างเจ้านายคนไทยบางคนที่เธอเคยเจอ บางรายถึงขนาดว่าจิกใช้ตั้งแต่เรื่องงานยันเรื่องส่วนตัวเลยทีเดียว
“กมลทิพย์หรือ” เขาทวนถามด้วยความสงสัยแล้วก็ค่อยคิดออก ผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยขี้อาย บุตรสาวของคุณดิเรกกับคุณกมลานั่นเอง จริงสิเขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าให้หญิงสาวเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งเลขาในวันนี้
“เชิญเธอเข้ามาได้เลย”
เพียงครู่เดียวประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก โดยเลขาสาวซึ่งท้องได้เจ็ดเดือนแล้ว เธอตั้งใจลาออก เพื่อคลอดและเลี้ยงดูบุตรด้วยตนเอง แต่ยังอยู่ช่วยเจ้านายหาเลขาคนใหม่ เพื่อสอนงานแล้วจึงค่อยลาออก
“สวัสดีค่ะท่านชีค”
กมลทิพย์ยกมือไหว้อย่างไทย กิริยามารยาทงดงามจนชายหนุ่มนึกชื่นชม นอกจากเพชรไพลินแล้วเห็นจะมีกมลทิพย์นี่ล่ะที่ดูเป็นกุลสตรีในสายตาเขา
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันรับปากกับคุณกมลาไว้แล้ว แล้วนี่เข้าไปติดต่อฝ่ายบุคคลมาแล้วหรือยัง” ชีคหนุ่มพูดคุยโดยไม่ถือตัว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เอาประวัติการศึกษาไปฝากไว้ ทิพย์เห็นว่าก่อนกลับน่าจะมาลาท่านชีคก่อน” หญิงสาวผสานมือไว้หน้าตัก พูดด้วยถ้อยคำชัดเจน แต่เนิบช้า แล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตากับชายหนุ่ม
“มีประวัติอีกชุดหรือเปล่า ไหนฉันขอดูหน่อยสิ”
“นี่ค่ะท่านชีค” กมลทิพย์รีบส่งประวัติให้ชีคมุซตาฮ์ซานดูทันที เขาไล่อ่านคร่าวๆ แล้วพยักหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นประวัติการเรียนเป็นที่น่าพอใจ
“มาเริ่มทำงานวันพรุ่งนี้เลยแล้วกัน จะได้ให้แคทสอนงานให้ แคทเขาจะได้กลับไปพักผ่อนเตรียมคลอดลูกเสียที”
“ทิพย์ได้งานแล้วหรือคะท่านชีค ดีใจจังค่ะ” หญิงสาวยิ้มแย้มสดใส เงยหน้าขึ้นสบตากับชีคหนุ่มเพียงนิดแล้วหลุบตาลงต่ำอย่างมีจริต
“ยินดีที่ได้ร่วมงานครับกมลทิพย์” ชีคมุซตาฮ์ซานยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วยื่นมือไปยังเบื้องหน้าหญิงสาว
กมลทิพย์สัมผัสมือกับเขา ก่อนจะขอตัวกลับ ทว่าจังหวะที่หมุนตัวกลับนั้น เธอกลับข้อเท้าพลิกจนล้มลง โชคดีที่ชีคมุซตาฮ์ซานประคองเอาไว้ได้ทัน
“เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
กมลทิพย์ลอบยิ้มเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของชีคหนุ่ม มุกแกล้งล้มเนี่ยผู้หญิงที่ไหนก็ทำกันทั้งนั้น แต่ส่วนใหญ่พวกที่ทำจะมีจริตจัดจ้านมันเลยดูไม่เนียน แต่ถ้าทำอย่างเธอละก็ รับรองแนบเนียนสนิทใจ เพราะลองใช้มานักต่อนักแล้ว
“ขอโทษค่ะท่านชีค สงสัยส้นรองเท้าจะไปสะดุดกับพรมเข้า” หญิงสาวรีบผละออกจากชีคหนุ่มด้วยท่าทางตื่นตระหนก ใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย ทว่าจังหวะถอยหลังกลับทำให้เธอหงายหลังล้มอีกครั้ง ชีคหนุ่มคว้าร่างบางเอาไว้แต่โชคไม่ดีเหมือนครั้งแรกเพราะทั้งสองต่างล้มลงไปกับพื้นด้วยกันทั้งคู่
“ทะ ท่านชีค” กมลทิพย์พยายามดันแผงอกกว้างให้ลุกออกจากเรือนกายของเธอ ดูเหมือนชีคหนุ่มเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน
“ท่านชีค...” เสียงเรียกจากหน้าประตูห้องทำให้ชีคหนุ่มรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เพชร เธอมาได้ยังไง”
เพชรไพลินยิ้มเฝื่อน มาได้ยังไงอย่างนั้นหรือ นี่สินะที่เขาไม่อยากให้เธอมาหาที่บริษัท ที่แท้ก็เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง
“เพชรขอตัวนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านชีคกำลังติดพันธุระสำคัญอยู่” เพชรไพลินรู้สึกเหมือนมีบางอย่างแล่นมาติดอยู่ที่ลำคอ มันจุกจนเธอหายใจไม่ออกพานน้ำตาจะหยาดหยดลงมาเสียให้ได้ ก่อนที่จะประจานความอ่อนแอออกมาหญิงสาวจึงรีบหมุนตัวกลับทันที
“เดี๋ยวก่อนสิคะคุณเพชร อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ” กมลทิพย์รีบลุกขึ้นยืนแล้วลากขาเดินกะเผลกๆ ไปหาเพชรไพลิน รีบจับมืออีกฝ่ายเอาไว้
“สิ่งที่คุณเห็นมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ พอดีทิพย์จะล้มท่านชีคเลยเข้ามาช่วยเอาไว้เลยทำให้ล้มไปด้วยกัน ทิพย์กับท่านชีคไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ นะคะ”
เพชรไพลินนิ่งอึ้งแล้วเหลือบมองขาของกมลทิพย์ แม้จะไม่มีรอยเขียวช้ำ แต่ท่าเดินกะเผลกก็ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองคนรักราวกับขอคำตอบ
“ว่ายังไง คนขี้งอน” ชีคมุซตาฮ์ซานยิ้มกว้างแล้วเดินเข้าไปยีผมเส้นเล็กละเอียดอย่างเอ็นดู ไม่คิดถือโกรธ หึงหวงบ้างก็นับว่าเป็นน้ำจิ้มให้กับความรัก หากเธอเห็นขนาดนี้แล้วไม่หึงหวงเลยนี่สินับว่าแปลกมากสำหรับวิสัยสตรีที่มีความหึงหวงเป็นที่ตั้งและเจ้าน้ำตาเป็นที่หนึ่ง
“เพชรขอโทษนะคะคุณทิพย์” หญิงสาวเสียงแผ่วอย่างเก้อเขิน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าเป็นทิพย์ ทิพย์ก็คงเข้าใจผิดเหมือนกัน ถ้ายังไงเดี๋ยวทิพย์ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
หญิงสาวหันไปยกมือไหว้ลาชีคหนุ่ม แล้วโบกมือให้กับเพชรไพลินก่อนจะค่อยๆ เดินออกไป แม้จะหวังว่าชีคหนุ่มอาจเดินมาประคองไปส่งเธอที่รถ ทว่ามันก็เป็นแค่ความหวังเมื่อความสนใจของชายหนุ่มหยุดอยู่ที่เพชรไพลินเพียงคนเดียว
เมื่อเดินเข้าไปในลิฟต์เธอก็ยืนตัวตรงไม่มีทีท่าว่าเจ็บขาเหมือนเช่นเมื่อครู่เลยสักนิด
“ท้าทายแบบนี้ฉันชอบ คอยดูนะ จะแย่งมาให้ได้เลย” กมลทิพย์เหยียดยิ้มแล้วกดโทรศัพท์โทร.ออกหาคู่ขาหนุ่ม
“ฮัลโหล ธัญหรือคะ เย็นนี้ว่างไหม ทิพย์อยากฟังเพลง”
เธอกรอกเสียงหวานลงไปอย่างคุ้นชิน
“สำหรับทิพย์ผมว่างเสมอ แล้วเจอกันนะครับ” ธัญธรณ์...คู่ขาหนุ่มเจ้าของบ่อนการพนันผิดกฎหมายกลางกรุงที่ไม่มีใครกล้าเอาผิด เพราะมีบิดาเป็นถึงนายตำรวจคนใหญ่คนโต ตอบรับด้วยน้ำเสียงยินดี
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2561, 09:48:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2561, 09:48:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 584
<< บทที่ 7 -50% | บทที่ 8 -50% >> |