ทัณฑ์ราคี
หากเธอไม่ใช่เจ้าสาวของคนที่เขาเกลียดชัง
หากเธอไม่แต่งงานกับคนที่ทำให้พี่ชายเขา ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
เขาคงไม่ลากตัวเธอมาเป็นเครื่องมือในการล้างแค้นในครั้งนี้!
หากเธอไม่แต่งงานกับคนที่ทำให้พี่ชายเขา ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
เขาคงไม่ลากตัวเธอมาเป็นเครื่องมือในการล้างแค้นในครั้งนี้!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอน เจ้าสาวตัวแทน/.3
ต่อจ้า...
“คิดยังไงถึงยอมแต่งงานกับผม”
ภานุเอ่ยถามว่าที่เจ้าสาวของเขาเสียงเข้ม ชายหนุ่มมองใบหน้างดงามของเธอแล้วนึกหยัน คนสวยๆ แบบนี้พ่อของเขาคงจ่ายแพง
“ไม่... คือฉันไม่ใช่เจ้าสาวของคุณค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของเธอค่ะ” มัสลินไม่อยากโกหก
ภานุขมวดคิ้ว มองคนพูดอย่างแปลกใจ นี่เธอกำลังเล่นตลกอะไรกับเขากันแน่ รูปถ่ายที่บิดาให้เขาดู ก็เป็นรูปของผู้หญิงคนนี้ เธอมาบอกว่าเป็นน้องสาวของเจ้าสาว มันบ้าบอสิ้นดี
“คุณชื่อมัสลิน ตระการแสง ลูกสาวของคุณแพรพรรณกับคุณสมเกียรติ ตระการแสง เจ้าของตลาดทรัพย์เจริญ” ภานุมองหน้า พร้อมกับเอ่ยประวัติของหญิงสาวออกมา
“ฉันชื่อมัสลิน แรซฟอร์ดค่ะ เป็นหลานสาวของป้าแพรพรรณค่ะ ลูกสาวของป้าแพรชื่อ ลินิน ตระการแสง คนนี้แหละค่ะเจ้าสาวของคุณ ไม่ใช่ฉัน”
มัสลินพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หวังให้เขาเข้าใจ ไม่โกรธป้าของเธอ ที่ใช้เธอมาหลอกลวงเขา หญิงสาวคิดว่าเธอไม่ควรโกหกให้ยืดเยื้อต่อไป อีกไม่กี่วันลินิน เจ้าสาวตัวจริงก็ตามมาแล้ว เขาก็จะได้รู้ความจริง จะได้ไม่คิดว่าเธอตั้งใจโกหกเขา
“แต่คุณแพรพรรณเอารูปของคุณ ให้พ่อของผมดู บอกว่าคุณคือลูกสาว พ่อผมถูกใจคุณเลยสู่ขอให้แต่งงานกับผม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
ภานุสบถอย่างหงุดหงิด เขามองหน้ามัสลินเห็นแววตาซื่อๆ ไร้พิษภัยของหญิงสาว ก็เชื่อโดยไม่ต้องคิดให้มากมายว่าเธอพูดความจริง แต่ทำไมแพรพรรณถึงได้เอารูปหลานสาวมาหลอกบิดาของเขาด้วย หรือว่าคิดจะย้อมแมวขาย เอารูปหลานสาวมาแทนลูกสาวที่อาจจะขี้เหร่ขายไม่ออก คิดแล้วพาลโมโหขึ้นมา
“จริงหรือคะ ป้าแพรบอกฉันว่า ทางคุณสู่ขอพี่ป่านลูกสาวของท่านนะคะ แล้วก็บอกให้ฉันมาช่วยงานแต่ง”
มัสลินมึนงงไปหมด สรุปว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าสาว มีการเข้าใจอะไรกันผิด หรือว่าป้าของเธอคิดหลอกลวงอีกฝ่ายกันแน่
“ฮึ คุณถูกหลอก และที่สำคัญไม่ได้โดนหลอกคนเดียว ทางฝ่ายผมก็โดนหลอกด้วย”
ภานุตาวาววับด้วยความโมโห เขาเกลียดนักคนเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก ถึงแม้ตัวเขาไม่เต็มใจแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งงานกับใครก็ได้ เมื่อทางฝ่ายหญิงเรียกสินสอดไปไม่น้อย แถมบิดาของเขาก็จ่ายเงินบางส่วนไปให้แล้ว แบบนี้มันพวกต้มตุ๋นชัดๆ
“ฉันว่า ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน”
มัสลินพยายามไกล่เกลี่ย เธอเองก็เริ่มสงสัยว่าอาจจะถูกคนเป็นป้าหลอกเหมือนกัน คงต้องคุยกันต่อหน้า ให้ท่านอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
“ก็ได้ ผมจะรอฟังคำอธิบายของคุณแพรพรรณ วันนี้เราควรกลับได้แล้ว ไม่ต้องถ่ายรูปบ้าบออะไรนี่แล้ว”
“ค่ะ ฉันก็อยากกลับเหมือนกัน”
มัสลินพยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มอ่อนๆ ให้เขา พลางถอนหายใจแรง กิริยานั้น ทำให้คนมองคลายความโมโหลงไป “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมแค่ต้องการคำอธิบาย ท่าทางคุณดูเครียดกว่าผมเสียอีก”
“ป้าแพรท่านต้องโมโหฉันแน่ๆ เลย ท่านสั่งให้ฉันโกหกทุกคนว่าเป็นลูกสาวท่าน แต่ฉันขัดคำสั่ง”
มัสลินมีสีหน้าหนักใจ เธอขัดคำสั่งอีกทั้งยังเปิดเผยความจริงให้ภานุรู้ ป้าของเธอคงจะเล่นงานเธอหนักแน่ ดีไม่ดีอาจจะมีการลงไม้ลงมือ ซึ่งแพรพรรณเคยตบเธอหลายหนยามที่เธอไม่ทำตามคำสั่ง
“ขอโทษนะครับ ทำไมดูคุณกลัวคุณป้าของคุณมาก มีอะไรก็น่าจะคุยกันได้ ให้พ่อแม่คุณช่วยพูดก็ได้นี่ครับ”
ภานุมองท่าทีหวาดหวั่นของมัสลินอย่างสงสัย ดูเธอจะกลัวป้าของเธอมาก
“พ่อแม่ของฉันเสียไปหลายปีแล้วค่ะ คุณยายเลยรับฉันมาเลี้ยงพอท่านป่วย ป้าแพรคือคนที่จัดการทุกอย่างในบ้านแทนท่าน ฉันในฐานะผู้อาศัยต้องเชื่อฟังคำสั่งป้าแพรค่ะ”
มัสลินจำต้องเล่าเรื่องราวของเธอให้อีกฝ่ายฟัง ยามนี้เธอไม่รู้จะพึ่งพาใครได้ การได้ระบายให้ใครสักคนได้ฟัง เป็นทางออกที่ดีที่สุด
“ท่าทางป้าของคุณคงร้ายกาจมาก คุณถึงได้กลัวหงอแบบนี้ นึกว่าจะมีแต่ในนิทานเรื่องนางซินกับแม่เลี้ยงใจร้าย นี่เป็นป้าใจร้ายกับนางซินสินะ” ภานุรู้สึกเห็นใจหญิงสาวขึ้นมา
“แต่ก็ยังดีกว่าเรื่อง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดนะคะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่ถูกสั่งฆ่า หรือว่าถูกแม่มดหลอกให้กินแอปเปิ้ลอาบยาพิษ”
มัสลินยังมีอารมณ์ขัน ทั้งที่อยากร้องไห้เต็มทน เธอมองเห็นอนาคตตัวเองโดยไม่ต้องให้หมอดูทำนาย
“รันทดได้อีก” ภานุส่ายหน้าอย่างเวทนา
“ฉันชินแล้วค่ะ ยอมให้ป้าแพรด่าสักหน่อย ตบอีกทีสองที แลกกับการไม่ถูกไล่ออกจากบ้าน ได้อยู่ดูแลคุณยาย ฉันว่าฉันทนได้ค่ะ”
น้ำเสียงคนพูดแม้จะพยายามให้สดใส แต่ก็ซ่อนความปวดร้าวไว้ไม่มิด คนฟังสะท้อนใจสงสารหญิงสาวคนนี้เหลือเกิน บิดาของเขาอยากให้เขามีทายาทสืบสกุลให้ท่าน บังคับให้เขาแต่งงานกับหญิงสาวที่ท่านเลือกให้ แลกกับการยกมรดกทั้งหมดให้ ภานุจำยอมอย่างไร้ทางเลือก เขาทำใจแล้วกับการต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก และคงต้องฝืนใจมีทายาทให้บิดาสมหวัง จากนั้นเขาอาจจะขอหย่า โยนเงินให้สักก้อนเพื่อแยกทางกัน แล้วกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ แต่มัสลินทำให้เขาเกิดความคิดบางอย่าง
“คุณเป็นคนดี ไม่ควรต้องทนให้ป้าคุณข่มเหง”
“ฉันมีคุณยายที่ป่วยเป็นอัมพาตต้องดูแล ฉันทิ้งท่านไม่ได้หรอกค่ะ ต่อให้ต้องอดทนมากกว่านี้ ฉันก็ยินดีขอเพียงได้ดูแลคุณยายก็พอ”
ยิ่งฟังภานุยิ่งสงสารมัสลินจับใจ ท่าทางของเธอดูซื่อๆ คงไม่กล้าปั้นเรื่องมาหลกลวงเขาแน่นอน ผู้หญิงแบบนี้คงไม่มีปากเสียงอะไร และคงจะยอมทำตามคำสั่งได้อย่างง่ายดาย
“แล้วคุณไม่คิดพาคุณยาย ออกมาจากบ้านนั้น ออกมาให้พ้นจากป้าใจร้ายบ้างเหรอ”
คำพูดนี้ทำให้มัสลินยิ้มขื่น แววตาหมองเศร้าลงกว่าเดิม ทางออกที่เขาบอกทำไมเธอจะไม่อยากทำ แต่มันยากเหลือเกิน
“ฉันไม่มีปัญญาหรอกค่ะ ลำพังแค่ขายขนมคงไม่พอหาเงินมารักษาคุณยาย แถมอาจจะพาคุณยายไปลำบากอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ฉันคิดว่าทนให้ป้าแพรดุด่าใช้งาน แลกกับความสุขสายของคุณยาย ยังดีกว่า”
ภานุถอนหายใจแรง คนเราเลือกเกิดไม่ได้ คนดีแสนดีกลับต้องทนให้คนเลวรังแกเพราะเงื่อนไขชีวิต ตัวเขามีทางเลือกมากกว่ายังต้องถูกบิดาบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หากต้องแต่งงานแล้วอยู่กับคนที่ไม่ได้เลือก สู้เลือกคนที่เขาคิดว่าน่าจะอยู่กันได้อย่างมีความสุขจะดีกว่าไหม
“ผมมีข้อเสนอ” เขาเอ่ยขึ้น
“ข้อเสนอ... หมายความว่ายังไงคะ” มัสลินมองคนพูดอย่างสงสัย
"ไหนๆ คุณก็ถูกคุณพ่อเลือกให้แต่งงานกับผมแล้ว ทำไมไม่แต่งงานกับผมจริงๆ เลยล่ะ”
ข้อเสนอของทำให้มัสลินตกใจ อะไรทำให้ผู้ชายคนนี้เกิดอยากแต่งงานกับเธอขึ้นมา
“มันจะดีหรือคะ เราไม่ได้รักกัน ฉัน... ฉันไม่...” มัสลินส่ายปฏิเสธทันที
“ฟังผมก่อนนะ ที่ผมเสนอให้คุณแต่งงานกับผม เพราะผมอยากช่วยคุณ ถ้าคุณแต่งงานกับผมก็จะสามารถรับคุณยายมาดูแลได้ ไม่ต้องไปอาศัยป้าของคุณให้เขาโขกสับ ที่สำคัญผมเองก็ไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้เลือกเอง ถ้าผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ผมขอเลือกผู้หญิงแบบคุณ”
ภานุอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างใจเย็น เขาท่าทีครุ่นคิดของมัสลินแล้วก็ยิ้มเอ็นดู
“ไม่ต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ผมจะแต่งงานกับคุณแต่ในนาม ความจริงแล้วผมมีคนรักอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมคุณไม่แต่งงานกับคนรักของคุณล่ะคะ” มัสลินยังกังขา
“ผู้ใหญ่ทางฝ่ายผมกับเขา เราไม่ถูกกัน ความรักของเราก็เหมือนโรมิโอกับจูเลียต ครอบครัวของเราทั้งคู่เกลียดชังกัน พยายามแยกเราออกจากกัน ผมยังหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่ด้วยกัน”
ภานุเล่าเรื่องราวของเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่า แววตาหม่นแสงลง มีร่องรอยของความเจ็บปวด
“ความรักของคุณน่าเห็นใจมาก ตกลงค่ะฉันจะแต่งงานกับคุณ ถ้าวันข้างหน้าคุณกับคนรักมีโอกาสได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ฉันยินดีหย่าให้คุณค่ะ” มัสลินตัดสินใจรับข้อเสนอของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ผมว่าเราคงต้องถ่ายพรีเวดดิ้งกันต่อ นั่นช่างภาพเดินมาตามแล้ว”
หลังจากตกลงกันได้ หนุ่มสาวทั้งสองจึงมองหน้ากันได้สนิทใจขึ้น การถ่ายรูปรอบนี้ทำเอาช่างภาพทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รูปที่ออกมามีรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางดูมีชีวิตชีวาเหมาะสมกับบทบาทที่ทั้งคู่ได้รับ ไม่ใช่ท่อนไม้กับรูปปั้นเหมือนคราวแรก
“คุณไม่ต้องพูดอะไรกับป้าของคุณนะ ให้เข้าใจว่าคุณทำตามคำสั่งเขาแล้ว ผมจะไปคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อของผมเอง ถ้าหากป้าของคุณเรียกร้องอะไร คุณพ่อของผมจะได้ไม่เสียรู้ซ้ำสอง” ภานุบอกมัสลิน
“ค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่ง”
มัสลินพนมมือไหว้ แต่ภานุรีบรวบมือเธอมากุมไว้ ส่ายหน้าห้ามปราม
“ไม่เอา ไม่ต้องไหว้ เราต่างช่วยกัน ต่อไปนี้ให้คุณคิดว่าผมคือพี่ชาย ผมเองก็จะคิดว่าคุณคือน้องสาวคนหนึ่ง โอเคไหม น้องมัส”
“ค่ะ พี่นุ”
สองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ภานุลูบศีรษะของมัสลินด้วยความเอ็นดู ในขณะที่มัสลินมองหน้าพี่ชายคนใหม่อย่างชื่นชม ความตึงเครียดก่อนหน้าผ่อนคลายลง เมื่อต่างฝ่ายต่างมีทางออกให้ตัวเอง
หลังจากลงจากเรือ ภานุเดินมาส่งมัสลินถึงห้อง ก่อนจะบอกว่าจะมารับไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน แพรพรรณที่มาเห็นเข้ายิ้มกริ่มคิดว่ามัสลินทำตามคำสั่ง และรู้สึกโล่งใจที่ภานุมีท่าทีชอบพอมัสลิน แบบนี้หากจะเรียกสินสอดเพิ่มเจ้าสัวโภคินคงไม่ปฏิเสธ คิดถึงจำนวนเงินที่จะได้รับแล้ว แพรพรรณก็อารมณ์ดีขึ้นมาจนไม่อยากเข้าไปยุ่งกับหลานสาวให้มากเรื่อง ปล่อยมัสลินออกไปรับประทานอาหารค่ำกับภานุโดยไม่เข้าไปแทรกแซง
///
มัสลินทำตามที่ภานุบอก เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าแพรพรรณคิดทำอะไร หญิงสาวโทรไปหาคนเป็นยายทุกวันให้ท่านหายกังวลใจ และสอบถามนางแววเรื่องการกินยาและอาการของท่าน เมื่อวันงานมาถึงลินินไม่ได้เดินทางมา คนเป็นป้าลากแขนหลานสาวมาคุยกันในห้องพัก
“ยายมัส แย่แล้วยายป่านเกิดอุบัติเหตุเดินทางมาไม่ได้ งานก็เตรียมไว้ใหญ่โตเชิญแขกเหรื่อมาทั้งจังหวัด ถ้าไม่มีเจ้าสาวคงเสียชื่อกันแน่”
น้ำเสียงและท่าทางของแพรพรรณดูร้อนรนสมบทบาท จนน่าจะมอบรางวัลออสก้าให้
“แล้วจะทำยังไงดีคะ” มัสลินถามออกไป
“แกต้องแต่งงานแทนพี่สาวแก แก้หน้าไปก่อน”
แพรพรรณพูดอย่างไม่ติดขัด เพราะเตรียมการมาอย่างดี มองท่าทางของหลานสาวที่นิ่งสงบ ก็เริ่มต้นบีบน้ำตาพูดจาให้ดูน่าสงสารเข้าไปอีก
“ป้าขอร้องเถอะนะมัส ถ้ามัสไม่ช่วยเราต้องแย่แน่ ทางเจ้าบ่าวจะเสียหน้า เราก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“มัส มัสว่า...”
มัสลินมองหน้าผู้เป็นป้า อยากรู้นักว่าอีกฝ่ายจะปั้นเรื่องโกหกได้แนบเนียนแค่ไหน หากเธอไม่รู้มาก่อน คงหลงเชื่อน้ำตาจระเข้ที่หลั่งออกมา
“แต่งแก้หน้าไปก่อน ค่อยมาแก้ไขเรื่องนี้กันทีหลัง ช่างแต่งหน้ามาพร้อมแล้ว รีบแต่งตัวเถอะ”
คนเป็นป้ามัดมือชกไม่ยอมให้ปฏิเสธ เรียกช่างมาแต่งหน้าทำผม แต่งตัวให้มัสลิน แล้วลากตัวไปเข้าพิธีโดยไม่สนใจว่าหลานสาวจะรู้สึกอะไร
“นังมัสนี่โง่จริงๆ หลอกอะไรก็เชื่อ พอส่งตัวมันเข้าหอเราก็บินกลับกันนะคะคุณพี่ ฉันจองงตั๋วไว้แล้ว”
แพรพรรณกระซิบบอกสามี แผนการสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แค่หอบสินสอดกลับบ้าน แล้วเดินทางไปสมทบกับลูกสาวที่บินไปต่างประเทศล่วงหน้าเมื่อสามวันก่อน ก็จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว
“เราจะอธิบายให้หนูป่านเข้าใจยังไง เรื่องงานแต่ง”
นายสมเกียรติยังห่วงความรู้สึกของลูกสาว ภรรยาของเขาเป็นคนวางแผนทั้งหมด โดยหลอกลูกสาวว่างานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ แล้วให้ลูกบินไปเมืองนอกเพื่อพักผ่อน ลินินไม่รู้เลยว่าคนเป็นแม่วางแผนจะให้มัสลินเป็นเจ้าสาวแทน และยังคิดหอบสินสอดพากันหนีเจ้าหนี้ไปยังต่างแดนอีก เขาเองอยู่ในอำนาจภรรยามาตลอด ไม่มีปากเสียงอะไร ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของแพรพรรณมาตั้งแต่ต้น
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเตรียมคำอธิบายไว้แล้ว ลูกต้องเข้าใจค่ะ”
แพรพรรณเชื่อมั่นว่าเธอสามารถจัดการทุกอย่างได้ ตอนนี้มัสลินก็เข้าพิธีแทนลินินไปแล้ว ชั่วดียังไงหลานสาวของเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ของเจ้าสัวโภคิน อีกฝ่ายคงไม่กล้าโวยวายให้เสียหน้า ส่วนชีวิตหลังจากนี้ของมัสลินเธอไม่คิดจะสนใจ
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าหอ การแต่งงานที่มากพิธีแสนเหนื่อยทำให้สองหนุ่มสาวแทบยืนไม่ไหว
“เหนื่อยหรือเปล่ามัส” ภานุเอ่ยถามเจ้าสาวของเขา
“ยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนอีกค่ะ ยืนรับแขกจนปวดขาไปหมด พี่นุก็ท่าทางเหนื่อยไม่แพ้มัสเลย”
มัสลินถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก้มลงนวดขาตัวเองให้คลายความเมื่อยล้า ไม่คิดว่างานแต่งงานจะเหนื่อยขนาดนี้
“พี่ขอสาบานเลยนะ ว่าจะแต่งงานครั้งนี้ครั้งแรกและครั้งเดียว เข็ดจริงๆ” ภานุทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง
“พี่นุไปอาบน้ำสิคะ จะได้หายเหนื่อย แช่น้ำอุ่นๆ จะได้สบายตัว เดี๋ยวมัดเตรียมน้ำให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร มัสพักเถอะ พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อน” ภานุลุกจากเตียงเดินหายเข้าในห้องน้ำ
มัสลินมองตามหลังเจ้าบ่าวที่เดินโผเผเข้าไปในห้องน้ำแล้วอมยิ้ม ขณะนั่งตัวตรงมองตัวเองในกระจก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาเป็นเจ้าสาวตัวแทน ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์แบบเกาะอกกระโปรงสุ่มพองบานราวกับเจ้าหญิง ใบหน้าถูกตกแต่งอย่างงดงาม ผมรวบเป็นมวยประดับด้วยเครื่องประดับผมและดอกไม้ พิศมองดูเหมือนภาพในความฝัน เธอคิดถูกใช่ไหมที่ยอมรับข้อเสนอของภานุ ชีวิตหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปใช่ไหม
“ที่ผมเสนอให้คุณแต่งงานกับผม เพราะผมอยากช่วยคุณ ถ้าคุณแต่งงานกับผมก็จะสามารถรับคุณยายมาดูแลได้ ไม่ต้องไปอาศัยป้าของคุณให้เขาโขกสับ”
ข้อเสนอนี้ของเขา ทำให้มัสลินยอมรับปาก เธอต้องการพาคุณยายออกมาให้พ้นจากคนใจร้ายอย่างแพรพรรณ ภานุร่ำรวยและยินดีช่วยเหลือเธอทุกอย่าง การแต่งงานครั้งนี้จะพลิกชีวิตของเธอกับคุณยายให้เปลี่ยนไป
“คุณยายคะ มัสคิดไม่ผิดใช่ไหมคะ ที่ยอมแต่งงานกับคุณภานุ”
มัสลินพึมพำออกมา หลับตาลงผ่อนลมหายใจออกแรงๆ ระบายความวิตกกังวลในหัวใจออกมา บอกตัวเองว่ามันจะผ่านพ้นไปแล้วจะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ มองภาพสะท้อนในกระจกเงาของตัวเองอีกครั้ง ทว่า... ดวงตากลับเบิกกว้างขึ้น เมื่อมองเห็นเงาสะท้อนของใครคนหนึ่ง ปรากฏอยู่ในกระจกพร้อมกับปืนในมือ
“ชะ ช่วย อุ๊บ!”
เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือไม่ทันหลุดพ้นคอ มือหนาก็ยืนมาปิดปากไว้พร้อมกับผ้าผืนหนึ่งก็โปะลงมาบนจมูก มัสลินผวาดิ้นสุดแรงพร้อมกับหายใจสูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มปอด ความหวาดกลัวแทรกผ่านเข้ามาในหัว ก่อนอนุสติสุดท้ายจะหมดลงพร้อมกับร่างที่ทรุดฮวบลงไปในอ้อมแขนแข็งแรงนั้น
“หึ หลับให้สบายนะคนสวย”
เขากระซิบเบาๆ ข้างหูคนไร้สติ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางเดินออกจากห้องนั้นไป
ตลอดหลายวันมานี้ ความเคลื่อนไหวของภานุและมัสลินตกอยู่ในสายตาของเขาโดยตลอด เขาจับตามองสองหนุ่มสาวตั้งแต่ทั้งคู่ออกมาถ่ายรูปด้วยกันที่ชายหาด และยังจ้างให้ช่างภาพถ่ายรูปคนทั้งคู่ตอนอยู่บนเรือส่งมาให้ดูด้วย ท่าทางสนิทสนมกันของทั้งสอง ทำให้คนมองรู้สึกขัดตาเหลือกำลัง เขามองว่าที่เจ้าสาวที่ดูสวยหวานด้วยสายตาหยามหยัน ผู้หญิงเจ้ามารยาอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนก็ยิ้มระรื่น หัวร่อต่อกระซิก หว่านเสน่ห์ ยั่วยวนผู้ชายให้ตกหลุมไปทั่ว เจอภานุไม่เท่าไหร่ก็สนิทสนมถึงกับจับมือจับผมกันแล้ว
เขาปล่อยให้มีความสุขกันให้มากๆ ก่อนที่เขาจะทำให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแสนสาหัส แบบที่มันทำไว้กับพี่ชายเขา คืนแต่งงานของมันคือคืนที่เขาเลือกจะลงมือ ลักพาตัวเจ้าสาวของมันไป แบบที่มันเคยทำกับพี่ชายของเขา
สิ่งที่ไอ้ภานุทำไว้ จะต้องได้รับการชดใช้อย่างสาสม!
///
อัพแล้วจ้า
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
รวิญาดา/ผการุ้ง
“คิดยังไงถึงยอมแต่งงานกับผม”
ภานุเอ่ยถามว่าที่เจ้าสาวของเขาเสียงเข้ม ชายหนุ่มมองใบหน้างดงามของเธอแล้วนึกหยัน คนสวยๆ แบบนี้พ่อของเขาคงจ่ายแพง
“ไม่... คือฉันไม่ใช่เจ้าสาวของคุณค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของเธอค่ะ” มัสลินไม่อยากโกหก
ภานุขมวดคิ้ว มองคนพูดอย่างแปลกใจ นี่เธอกำลังเล่นตลกอะไรกับเขากันแน่ รูปถ่ายที่บิดาให้เขาดู ก็เป็นรูปของผู้หญิงคนนี้ เธอมาบอกว่าเป็นน้องสาวของเจ้าสาว มันบ้าบอสิ้นดี
“คุณชื่อมัสลิน ตระการแสง ลูกสาวของคุณแพรพรรณกับคุณสมเกียรติ ตระการแสง เจ้าของตลาดทรัพย์เจริญ” ภานุมองหน้า พร้อมกับเอ่ยประวัติของหญิงสาวออกมา
“ฉันชื่อมัสลิน แรซฟอร์ดค่ะ เป็นหลานสาวของป้าแพรพรรณค่ะ ลูกสาวของป้าแพรชื่อ ลินิน ตระการแสง คนนี้แหละค่ะเจ้าสาวของคุณ ไม่ใช่ฉัน”
มัสลินพยายามอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล หวังให้เขาเข้าใจ ไม่โกรธป้าของเธอ ที่ใช้เธอมาหลอกลวงเขา หญิงสาวคิดว่าเธอไม่ควรโกหกให้ยืดเยื้อต่อไป อีกไม่กี่วันลินิน เจ้าสาวตัวจริงก็ตามมาแล้ว เขาก็จะได้รู้ความจริง จะได้ไม่คิดว่าเธอตั้งใจโกหกเขา
“แต่คุณแพรพรรณเอารูปของคุณ ให้พ่อของผมดู บอกว่าคุณคือลูกสาว พ่อผมถูกใจคุณเลยสู่ขอให้แต่งงานกับผม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
ภานุสบถอย่างหงุดหงิด เขามองหน้ามัสลินเห็นแววตาซื่อๆ ไร้พิษภัยของหญิงสาว ก็เชื่อโดยไม่ต้องคิดให้มากมายว่าเธอพูดความจริง แต่ทำไมแพรพรรณถึงได้เอารูปหลานสาวมาหลอกบิดาของเขาด้วย หรือว่าคิดจะย้อมแมวขาย เอารูปหลานสาวมาแทนลูกสาวที่อาจจะขี้เหร่ขายไม่ออก คิดแล้วพาลโมโหขึ้นมา
“จริงหรือคะ ป้าแพรบอกฉันว่า ทางคุณสู่ขอพี่ป่านลูกสาวของท่านนะคะ แล้วก็บอกให้ฉันมาช่วยงานแต่ง”
มัสลินมึนงงไปหมด สรุปว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าสาว มีการเข้าใจอะไรกันผิด หรือว่าป้าของเธอคิดหลอกลวงอีกฝ่ายกันแน่
“ฮึ คุณถูกหลอก และที่สำคัญไม่ได้โดนหลอกคนเดียว ทางฝ่ายผมก็โดนหลอกด้วย”
ภานุตาวาววับด้วยความโมโห เขาเกลียดนักคนเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก ถึงแม้ตัวเขาไม่เต็มใจแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งงานกับใครก็ได้ เมื่อทางฝ่ายหญิงเรียกสินสอดไปไม่น้อย แถมบิดาของเขาก็จ่ายเงินบางส่วนไปให้แล้ว แบบนี้มันพวกต้มตุ๋นชัดๆ
“ฉันว่า ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน”
มัสลินพยายามไกล่เกลี่ย เธอเองก็เริ่มสงสัยว่าอาจจะถูกคนเป็นป้าหลอกเหมือนกัน คงต้องคุยกันต่อหน้า ให้ท่านอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
“ก็ได้ ผมจะรอฟังคำอธิบายของคุณแพรพรรณ วันนี้เราควรกลับได้แล้ว ไม่ต้องถ่ายรูปบ้าบออะไรนี่แล้ว”
“ค่ะ ฉันก็อยากกลับเหมือนกัน”
มัสลินพยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มอ่อนๆ ให้เขา พลางถอนหายใจแรง กิริยานั้น ทำให้คนมองคลายความโมโหลงไป “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมแค่ต้องการคำอธิบาย ท่าทางคุณดูเครียดกว่าผมเสียอีก”
“ป้าแพรท่านต้องโมโหฉันแน่ๆ เลย ท่านสั่งให้ฉันโกหกทุกคนว่าเป็นลูกสาวท่าน แต่ฉันขัดคำสั่ง”
มัสลินมีสีหน้าหนักใจ เธอขัดคำสั่งอีกทั้งยังเปิดเผยความจริงให้ภานุรู้ ป้าของเธอคงจะเล่นงานเธอหนักแน่ ดีไม่ดีอาจจะมีการลงไม้ลงมือ ซึ่งแพรพรรณเคยตบเธอหลายหนยามที่เธอไม่ทำตามคำสั่ง
“ขอโทษนะครับ ทำไมดูคุณกลัวคุณป้าของคุณมาก มีอะไรก็น่าจะคุยกันได้ ให้พ่อแม่คุณช่วยพูดก็ได้นี่ครับ”
ภานุมองท่าทีหวาดหวั่นของมัสลินอย่างสงสัย ดูเธอจะกลัวป้าของเธอมาก
“พ่อแม่ของฉันเสียไปหลายปีแล้วค่ะ คุณยายเลยรับฉันมาเลี้ยงพอท่านป่วย ป้าแพรคือคนที่จัดการทุกอย่างในบ้านแทนท่าน ฉันในฐานะผู้อาศัยต้องเชื่อฟังคำสั่งป้าแพรค่ะ”
มัสลินจำต้องเล่าเรื่องราวของเธอให้อีกฝ่ายฟัง ยามนี้เธอไม่รู้จะพึ่งพาใครได้ การได้ระบายให้ใครสักคนได้ฟัง เป็นทางออกที่ดีที่สุด
“ท่าทางป้าของคุณคงร้ายกาจมาก คุณถึงได้กลัวหงอแบบนี้ นึกว่าจะมีแต่ในนิทานเรื่องนางซินกับแม่เลี้ยงใจร้าย นี่เป็นป้าใจร้ายกับนางซินสินะ” ภานุรู้สึกเห็นใจหญิงสาวขึ้นมา
“แต่ก็ยังดีกว่าเรื่อง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดนะคะ อย่างน้อยฉันก็ไม่ถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่ถูกสั่งฆ่า หรือว่าถูกแม่มดหลอกให้กินแอปเปิ้ลอาบยาพิษ”
มัสลินยังมีอารมณ์ขัน ทั้งที่อยากร้องไห้เต็มทน เธอมองเห็นอนาคตตัวเองโดยไม่ต้องให้หมอดูทำนาย
“รันทดได้อีก” ภานุส่ายหน้าอย่างเวทนา
“ฉันชินแล้วค่ะ ยอมให้ป้าแพรด่าสักหน่อย ตบอีกทีสองที แลกกับการไม่ถูกไล่ออกจากบ้าน ได้อยู่ดูแลคุณยาย ฉันว่าฉันทนได้ค่ะ”
น้ำเสียงคนพูดแม้จะพยายามให้สดใส แต่ก็ซ่อนความปวดร้าวไว้ไม่มิด คนฟังสะท้อนใจสงสารหญิงสาวคนนี้เหลือเกิน บิดาของเขาอยากให้เขามีทายาทสืบสกุลให้ท่าน บังคับให้เขาแต่งงานกับหญิงสาวที่ท่านเลือกให้ แลกกับการยกมรดกทั้งหมดให้ ภานุจำยอมอย่างไร้ทางเลือก เขาทำใจแล้วกับการต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก และคงต้องฝืนใจมีทายาทให้บิดาสมหวัง จากนั้นเขาอาจจะขอหย่า โยนเงินให้สักก้อนเพื่อแยกทางกัน แล้วกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ แต่มัสลินทำให้เขาเกิดความคิดบางอย่าง
“คุณเป็นคนดี ไม่ควรต้องทนให้ป้าคุณข่มเหง”
“ฉันมีคุณยายที่ป่วยเป็นอัมพาตต้องดูแล ฉันทิ้งท่านไม่ได้หรอกค่ะ ต่อให้ต้องอดทนมากกว่านี้ ฉันก็ยินดีขอเพียงได้ดูแลคุณยายก็พอ”
ยิ่งฟังภานุยิ่งสงสารมัสลินจับใจ ท่าทางของเธอดูซื่อๆ คงไม่กล้าปั้นเรื่องมาหลกลวงเขาแน่นอน ผู้หญิงแบบนี้คงไม่มีปากเสียงอะไร และคงจะยอมทำตามคำสั่งได้อย่างง่ายดาย
“แล้วคุณไม่คิดพาคุณยาย ออกมาจากบ้านนั้น ออกมาให้พ้นจากป้าใจร้ายบ้างเหรอ”
คำพูดนี้ทำให้มัสลินยิ้มขื่น แววตาหมองเศร้าลงกว่าเดิม ทางออกที่เขาบอกทำไมเธอจะไม่อยากทำ แต่มันยากเหลือเกิน
“ฉันไม่มีปัญญาหรอกค่ะ ลำพังแค่ขายขนมคงไม่พอหาเงินมารักษาคุณยาย แถมอาจจะพาคุณยายไปลำบากอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ฉันคิดว่าทนให้ป้าแพรดุด่าใช้งาน แลกกับความสุขสายของคุณยาย ยังดีกว่า”
ภานุถอนหายใจแรง คนเราเลือกเกิดไม่ได้ คนดีแสนดีกลับต้องทนให้คนเลวรังแกเพราะเงื่อนไขชีวิต ตัวเขามีทางเลือกมากกว่ายังต้องถูกบิดาบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หากต้องแต่งงานแล้วอยู่กับคนที่ไม่ได้เลือก สู้เลือกคนที่เขาคิดว่าน่าจะอยู่กันได้อย่างมีความสุขจะดีกว่าไหม
“ผมมีข้อเสนอ” เขาเอ่ยขึ้น
“ข้อเสนอ... หมายความว่ายังไงคะ” มัสลินมองคนพูดอย่างสงสัย
"ไหนๆ คุณก็ถูกคุณพ่อเลือกให้แต่งงานกับผมแล้ว ทำไมไม่แต่งงานกับผมจริงๆ เลยล่ะ”
ข้อเสนอของทำให้มัสลินตกใจ อะไรทำให้ผู้ชายคนนี้เกิดอยากแต่งงานกับเธอขึ้นมา
“มันจะดีหรือคะ เราไม่ได้รักกัน ฉัน... ฉันไม่...” มัสลินส่ายปฏิเสธทันที
“ฟังผมก่อนนะ ที่ผมเสนอให้คุณแต่งงานกับผม เพราะผมอยากช่วยคุณ ถ้าคุณแต่งงานกับผมก็จะสามารถรับคุณยายมาดูแลได้ ไม่ต้องไปอาศัยป้าของคุณให้เขาโขกสับ ที่สำคัญผมเองก็ไม่คิดจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้เลือกเอง ถ้าผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ผมขอเลือกผู้หญิงแบบคุณ”
ภานุอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างใจเย็น เขาท่าทีครุ่นคิดของมัสลินแล้วก็ยิ้มเอ็นดู
“ไม่ต้องกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ผมจะแต่งงานกับคุณแต่ในนาม ความจริงแล้วผมมีคนรักอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมคุณไม่แต่งงานกับคนรักของคุณล่ะคะ” มัสลินยังกังขา
“ผู้ใหญ่ทางฝ่ายผมกับเขา เราไม่ถูกกัน ความรักของเราก็เหมือนโรมิโอกับจูเลียต ครอบครัวของเราทั้งคู่เกลียดชังกัน พยายามแยกเราออกจากกัน ผมยังหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้อยู่ด้วยกัน”
ภานุเล่าเรื่องราวของเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่า แววตาหม่นแสงลง มีร่องรอยของความเจ็บปวด
“ความรักของคุณน่าเห็นใจมาก ตกลงค่ะฉันจะแต่งงานกับคุณ ถ้าวันข้างหน้าคุณกับคนรักมีโอกาสได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ฉันยินดีหย่าให้คุณค่ะ” มัสลินตัดสินใจรับข้อเสนอของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ผมว่าเราคงต้องถ่ายพรีเวดดิ้งกันต่อ นั่นช่างภาพเดินมาตามแล้ว”
หลังจากตกลงกันได้ หนุ่มสาวทั้งสองจึงมองหน้ากันได้สนิทใจขึ้น การถ่ายรูปรอบนี้ทำเอาช่างภาพทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รูปที่ออกมามีรอยยิ้มบนใบหน้า ท่าทางดูมีชีวิตชีวาเหมาะสมกับบทบาทที่ทั้งคู่ได้รับ ไม่ใช่ท่อนไม้กับรูปปั้นเหมือนคราวแรก
“คุณไม่ต้องพูดอะไรกับป้าของคุณนะ ให้เข้าใจว่าคุณทำตามคำสั่งเขาแล้ว ผมจะไปคุยเรื่องนี้กับคุณพ่อของผมเอง ถ้าหากป้าของคุณเรียกร้องอะไร คุณพ่อของผมจะได้ไม่เสียรู้ซ้ำสอง” ภานุบอกมัสลิน
“ค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่ง”
มัสลินพนมมือไหว้ แต่ภานุรีบรวบมือเธอมากุมไว้ ส่ายหน้าห้ามปราม
“ไม่เอา ไม่ต้องไหว้ เราต่างช่วยกัน ต่อไปนี้ให้คุณคิดว่าผมคือพี่ชาย ผมเองก็จะคิดว่าคุณคือน้องสาวคนหนึ่ง โอเคไหม น้องมัส”
“ค่ะ พี่นุ”
สองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ภานุลูบศีรษะของมัสลินด้วยความเอ็นดู ในขณะที่มัสลินมองหน้าพี่ชายคนใหม่อย่างชื่นชม ความตึงเครียดก่อนหน้าผ่อนคลายลง เมื่อต่างฝ่ายต่างมีทางออกให้ตัวเอง
หลังจากลงจากเรือ ภานุเดินมาส่งมัสลินถึงห้อง ก่อนจะบอกว่าจะมารับไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน แพรพรรณที่มาเห็นเข้ายิ้มกริ่มคิดว่ามัสลินทำตามคำสั่ง และรู้สึกโล่งใจที่ภานุมีท่าทีชอบพอมัสลิน แบบนี้หากจะเรียกสินสอดเพิ่มเจ้าสัวโภคินคงไม่ปฏิเสธ คิดถึงจำนวนเงินที่จะได้รับแล้ว แพรพรรณก็อารมณ์ดีขึ้นมาจนไม่อยากเข้าไปยุ่งกับหลานสาวให้มากเรื่อง ปล่อยมัสลินออกไปรับประทานอาหารค่ำกับภานุโดยไม่เข้าไปแทรกแซง
///
มัสลินทำตามที่ภานุบอก เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าแพรพรรณคิดทำอะไร หญิงสาวโทรไปหาคนเป็นยายทุกวันให้ท่านหายกังวลใจ และสอบถามนางแววเรื่องการกินยาและอาการของท่าน เมื่อวันงานมาถึงลินินไม่ได้เดินทางมา คนเป็นป้าลากแขนหลานสาวมาคุยกันในห้องพัก
“ยายมัส แย่แล้วยายป่านเกิดอุบัติเหตุเดินทางมาไม่ได้ งานก็เตรียมไว้ใหญ่โตเชิญแขกเหรื่อมาทั้งจังหวัด ถ้าไม่มีเจ้าสาวคงเสียชื่อกันแน่”
น้ำเสียงและท่าทางของแพรพรรณดูร้อนรนสมบทบาท จนน่าจะมอบรางวัลออสก้าให้
“แล้วจะทำยังไงดีคะ” มัสลินถามออกไป
“แกต้องแต่งงานแทนพี่สาวแก แก้หน้าไปก่อน”
แพรพรรณพูดอย่างไม่ติดขัด เพราะเตรียมการมาอย่างดี มองท่าทางของหลานสาวที่นิ่งสงบ ก็เริ่มต้นบีบน้ำตาพูดจาให้ดูน่าสงสารเข้าไปอีก
“ป้าขอร้องเถอะนะมัส ถ้ามัสไม่ช่วยเราต้องแย่แน่ ทางเจ้าบ่าวจะเสียหน้า เราก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“มัส มัสว่า...”
มัสลินมองหน้าผู้เป็นป้า อยากรู้นักว่าอีกฝ่ายจะปั้นเรื่องโกหกได้แนบเนียนแค่ไหน หากเธอไม่รู้มาก่อน คงหลงเชื่อน้ำตาจระเข้ที่หลั่งออกมา
“แต่งแก้หน้าไปก่อน ค่อยมาแก้ไขเรื่องนี้กันทีหลัง ช่างแต่งหน้ามาพร้อมแล้ว รีบแต่งตัวเถอะ”
คนเป็นป้ามัดมือชกไม่ยอมให้ปฏิเสธ เรียกช่างมาแต่งหน้าทำผม แต่งตัวให้มัสลิน แล้วลากตัวไปเข้าพิธีโดยไม่สนใจว่าหลานสาวจะรู้สึกอะไร
“นังมัสนี่โง่จริงๆ หลอกอะไรก็เชื่อ พอส่งตัวมันเข้าหอเราก็บินกลับกันนะคะคุณพี่ ฉันจองงตั๋วไว้แล้ว”
แพรพรรณกระซิบบอกสามี แผนการสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แค่หอบสินสอดกลับบ้าน แล้วเดินทางไปสมทบกับลูกสาวที่บินไปต่างประเทศล่วงหน้าเมื่อสามวันก่อน ก็จะไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว
“เราจะอธิบายให้หนูป่านเข้าใจยังไง เรื่องงานแต่ง”
นายสมเกียรติยังห่วงความรู้สึกของลูกสาว ภรรยาของเขาเป็นคนวางแผนทั้งหมด โดยหลอกลูกสาวว่างานจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ แล้วให้ลูกบินไปเมืองนอกเพื่อพักผ่อน ลินินไม่รู้เลยว่าคนเป็นแม่วางแผนจะให้มัสลินเป็นเจ้าสาวแทน และยังคิดหอบสินสอดพากันหนีเจ้าหนี้ไปยังต่างแดนอีก เขาเองอยู่ในอำนาจภรรยามาตลอด ไม่มีปากเสียงอะไร ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของแพรพรรณมาตั้งแต่ต้น
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันเตรียมคำอธิบายไว้แล้ว ลูกต้องเข้าใจค่ะ”
แพรพรรณเชื่อมั่นว่าเธอสามารถจัดการทุกอย่างได้ ตอนนี้มัสลินก็เข้าพิธีแทนลินินไปแล้ว ชั่วดียังไงหลานสาวของเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ของเจ้าสัวโภคิน อีกฝ่ายคงไม่กล้าโวยวายให้เสียหน้า ส่วนชีวิตหลังจากนี้ของมัสลินเธอไม่คิดจะสนใจ
งานเลี้ยงสิ้นสุดลง เจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกส่งตัวเข้าหอ การแต่งงานที่มากพิธีแสนเหนื่อยทำให้สองหนุ่มสาวแทบยืนไม่ไหว
“เหนื่อยหรือเปล่ามัส” ภานุเอ่ยถามเจ้าสาวของเขา
“ยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนอีกค่ะ ยืนรับแขกจนปวดขาไปหมด พี่นุก็ท่าทางเหนื่อยไม่แพ้มัสเลย”
มัสลินถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก้มลงนวดขาตัวเองให้คลายความเมื่อยล้า ไม่คิดว่างานแต่งงานจะเหนื่อยขนาดนี้
“พี่ขอสาบานเลยนะ ว่าจะแต่งงานครั้งนี้ครั้งแรกและครั้งเดียว เข็ดจริงๆ” ภานุทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง
“พี่นุไปอาบน้ำสิคะ จะได้หายเหนื่อย แช่น้ำอุ่นๆ จะได้สบายตัว เดี๋ยวมัดเตรียมน้ำให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร มัสพักเถอะ พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อน” ภานุลุกจากเตียงเดินหายเข้าในห้องน้ำ
มัสลินมองตามหลังเจ้าบ่าวที่เดินโผเผเข้าไปในห้องน้ำแล้วอมยิ้ม ขณะนั่งตัวตรงมองตัวเองในกระจก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาเป็นเจ้าสาวตัวแทน ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์แบบเกาะอกกระโปรงสุ่มพองบานราวกับเจ้าหญิง ใบหน้าถูกตกแต่งอย่างงดงาม ผมรวบเป็นมวยประดับด้วยเครื่องประดับผมและดอกไม้ พิศมองดูเหมือนภาพในความฝัน เธอคิดถูกใช่ไหมที่ยอมรับข้อเสนอของภานุ ชีวิตหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปใช่ไหม
“ที่ผมเสนอให้คุณแต่งงานกับผม เพราะผมอยากช่วยคุณ ถ้าคุณแต่งงานกับผมก็จะสามารถรับคุณยายมาดูแลได้ ไม่ต้องไปอาศัยป้าของคุณให้เขาโขกสับ”
ข้อเสนอนี้ของเขา ทำให้มัสลินยอมรับปาก เธอต้องการพาคุณยายออกมาให้พ้นจากคนใจร้ายอย่างแพรพรรณ ภานุร่ำรวยและยินดีช่วยเหลือเธอทุกอย่าง การแต่งงานครั้งนี้จะพลิกชีวิตของเธอกับคุณยายให้เปลี่ยนไป
“คุณยายคะ มัสคิดไม่ผิดใช่ไหมคะ ที่ยอมแต่งงานกับคุณภานุ”
มัสลินพึมพำออกมา หลับตาลงผ่อนลมหายใจออกแรงๆ ระบายความวิตกกังวลในหัวใจออกมา บอกตัวเองว่ามันจะผ่านพ้นไปแล้วจะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ มองภาพสะท้อนในกระจกเงาของตัวเองอีกครั้ง ทว่า... ดวงตากลับเบิกกว้างขึ้น เมื่อมองเห็นเงาสะท้อนของใครคนหนึ่ง ปรากฏอยู่ในกระจกพร้อมกับปืนในมือ
“ชะ ช่วย อุ๊บ!”
เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือไม่ทันหลุดพ้นคอ มือหนาก็ยืนมาปิดปากไว้พร้อมกับผ้าผืนหนึ่งก็โปะลงมาบนจมูก มัสลินผวาดิ้นสุดแรงพร้อมกับหายใจสูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มปอด ความหวาดกลัวแทรกผ่านเข้ามาในหัว ก่อนอนุสติสุดท้ายจะหมดลงพร้อมกับร่างที่ทรุดฮวบลงไปในอ้อมแขนแข็งแรงนั้น
“หึ หลับให้สบายนะคนสวย”
เขากระซิบเบาๆ ข้างหูคนไร้สติ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางเดินออกจากห้องนั้นไป
ตลอดหลายวันมานี้ ความเคลื่อนไหวของภานุและมัสลินตกอยู่ในสายตาของเขาโดยตลอด เขาจับตามองสองหนุ่มสาวตั้งแต่ทั้งคู่ออกมาถ่ายรูปด้วยกันที่ชายหาด และยังจ้างให้ช่างภาพถ่ายรูปคนทั้งคู่ตอนอยู่บนเรือส่งมาให้ดูด้วย ท่าทางสนิทสนมกันของทั้งสอง ทำให้คนมองรู้สึกขัดตาเหลือกำลัง เขามองว่าที่เจ้าสาวที่ดูสวยหวานด้วยสายตาหยามหยัน ผู้หญิงเจ้ามารยาอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนก็ยิ้มระรื่น หัวร่อต่อกระซิก หว่านเสน่ห์ ยั่วยวนผู้ชายให้ตกหลุมไปทั่ว เจอภานุไม่เท่าไหร่ก็สนิทสนมถึงกับจับมือจับผมกันแล้ว
เขาปล่อยให้มีความสุขกันให้มากๆ ก่อนที่เขาจะทำให้มันได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแสนสาหัส แบบที่มันทำไว้กับพี่ชายเขา คืนแต่งงานของมันคือคืนที่เขาเลือกจะลงมือ ลักพาตัวเจ้าสาวของมันไป แบบที่มันเคยทำกับพี่ชายของเขา
สิ่งที่ไอ้ภานุทำไว้ จะต้องได้รับการชดใช้อย่างสาสม!
///
อัพแล้วจ้า
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
รวิญาดา/ผการุ้ง
รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.ค. 2561, 17:52:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.ค. 2561, 17:52:52 น.
จำนวนการเข้าชม : 699
<< ตอนที่ 2. เจ้าสาวตัวแทน/2 | ตอนที่3. ทัณฑ์เถื่อน/1 >> |