ทัณฑ์ราคี
หากเธอไม่ใช่เจ้าสาวของคนที่เขาเกลียดชัง

หากเธอไม่แต่งงานกับคนที่ทำให้พี่ชายเขา ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

เขาคงไม่ลากตัวเธอมาเป็นเครื่องมือในการล้างแค้นในครั้งนี้!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่3. ทัณฑ์เถื่อน/1


ตอนที่ 3.ทัณฑ์เถื่อน

มัสลินรู้สึกตัวขึ้นมาท่ามกลางความมืด ในสภาพที่เจ้าตัวมึนงง สมองทำงานช้าจนนึกอะไรไม่ออก พยายามขยับลุกขึ้นแต่มือถูกมัดไว้แน่น อ้าปากจะร้องก็พบว่ามีผ้ามัดปากไว้ ตาลืมไม่ขึ้นถูกผ้ามัดปิดไว้เช่นกัน นอนตะแคงคุดคู้บนพื้นเย็นๆ แถมพื้นยังโครงเครงไปมา พยายามออกแรงดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ช่างยากเย็นเหลือเกิน ร่างกายขยับได้เล็กน้อยเพราะถูกพันธนาการไว้จนดิ้นไม่หลุด ยิ่งออกแรงยิ่งถูกเชือกที่มัดไว้บาดข้อมือจนแสบไปหมด หญิงสาวจึงนอนนิ่งๆ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามตั้งสติตัวเอง ลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น

ภาพในความทรงจำเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนสิ้นสติค่อยๆ วาบผ่านมาในมโนนึก เธออยู่ในห้องหอหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในห้อง รูปร่างของเขาสูงใหญ่ไว้ผมยาว หนวดเครารกเรื้อน่ากลัว เธอจึงกรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่ถูกเขาใช้มือปิดปากเอาไว้แล้วถูกผ้าเหม็นๆ โปะจมูก

ถูกลักพาตัว... เธอถูกลักพาตัว !

คำๆ นี้ ผุดขึ้นในหัว ความทรงจำย้อนกลับมาให้จดจำได้ พร้อมกับความกลัวที่พุ่งวาบเข้ามา ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาในทันทีด้วยความหวาดหวั่น

เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมถึงมีคนลักพาตัวเธอมา คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัว

ขณะที่เจ้าตัวพยายามสงบอารมณ์ข่มความหวาดกลัวลงทีละน้อย คุณยายเคยสอนว่า หากยามเกิดปัญหาสิ่งใดต้องตั้งสติให้มั่นใช้ปัญญาในการแก้ไข อย่างให้อารมณ์หรือความหวาดกลัวมาครอบงำ จนทำให้ตัวเองขลาดเขลา มัสลินสูดลมหายใจแรงๆ นิ่งเงียบใช้ประสาทรับรู้ที่ยังพอใช้งานได้คือหู เงี่ยหูฟังเสียงรอบๆ กาย

เสียงเครื่องยนต์... เสียงคลื่น... พื้นโครงเครง...

เธอถูกพาขึ้นมาบนเรือและเรือกำลังแล่นไปที่ไหนสักแห่ง... มัสลินวิเคราะห์สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

แกร๊ก...

เสียงเปิดประตูดังแว่วมา หญิงสาวนอนตัวเกร็งหายใจเข้าออกแผ่วเบา ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาอีกระรอก มัสลินพยายามตั้งสติที่เหลือน้อยนิดของตัวเองไว้มั่น ยอมรับว่ากลัวมาก แต่จะหนียังไง เมื่อถูกมัดมือปิดตาปิดปากไว้แบบนี้ ได้แต่นอนรอชะตากรรมที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

แกร๊ก...

เสียงประตูปิดลง พร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เสียงฝีเท้าหยุดลงเมื่ออีกฝ่ายเดินมาหยุดใกล้ เขายอบตัวลงพร้อมกับยื่นมือมาแตะที่แก้ม ปลายนิ้วสากหนาไล้ไปมาบนแก้มนุ่ม หญิงสาวกลั้นหายใจขนลุกเกรียวด้วยความกลัวปนขยะแขยง พยายามไม่ขยับ กลัวอีกฝ่ายรู้ว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว ภาพของผู้ชายตัวโตผมยาวหนวดเคราครึ้มเต็มหน้ายังอยู่ในหัว รูปลักษณ์แบบนั้นไม่ต่างจากมหาโจรในละครภาคค่ำ ที่เด็กอาหมี่และนางแววชอบดู ปลายนิ้วแตะไล้ไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนไปปลดผ้าที่คาดปากเธอออก

“ท่าทางจะหายใจไม่ค่อยออกใช่ไหม โทษทีมัดแน่นไปหน่อย...”

คนพูดดึงผ้าออกจากปากของเธอ ริมฝีปากกระตุกยิ้มเย็น ขณะที่มองร่างงามในชุดเจ้าสาวสีขาวพองฟู ด้วยสายตาเรียบนิ่ง เจ้าหล่อนคงกลัวมากนอนตัวแข็งแถมยังกลั้นหายใจตอนถูกเขาแตะแก้ม แกล้งสลบไม่ฟื้นอย่างนั้นหรือ...

“แก...”

มัสลินเลิกแกล้งนอนนิ่ง เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้แล้วว่าเธอฟื้นแล้ว

“พูดเพราะๆ หน่อยครับ เจ้าสาวคนสวย...”

คำพูดดูเหมือนเย้าหยอกแต่เสียงเขาแข็งกร้าว ทำเอาคนฟังห่อไหล่ รู้สึกหวาดกลัวเพิ่มขึ้น ตัวสั่นเทาไปหมด

“นายเป็นใคร... จับตัวฉันมาทำไม”

มัสลินเปลี่ยนสรรพนามจากแกเป็นนาย มันคงเพราะที่สุดที่เธอพอจะเรียกขานอีกฝ่ายไหว

“ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของฉัน”

เขาไม่ยอมบอกชื่อและไม่บอกเหตุผลที่จับตัวเธอมาด้วย มัสลินคาดเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้ทำไม เธอมั่นใจว่าไม่เคยทำผิดคิดร้ายกับใครมาก่อน ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีศัตรูที่ไหนหมายหัว ถึงนางแพรพรรณผู้เป็นป้าจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอ แต่คงไม่ถึงขั้นคิดฆ่าแกงกัน หากจะทำคงทำไปนานแล้ว เหลือคนเดียวที่น่าจะเป็นต้นเหตุ

“นายมีเรื่องกับคุณภานุใช่ไหม...”

อีกฝ่ายยังเงียบไม่ยอมตอบ ได้ยินเสียงถอนหายใจแรง พร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมาบีบไหล่แล้วยกตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่ง มัสลินขยับถอยหนีตามสัญชาตญาณ แต่เขาไม่ยอมให้เธอหนีห่างบีบไหล่ไว้แน่น แรงบีบทำให้หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“โอ๊ย... ฉันเจ็บนะ”

เสียงร้องทำให้เขาคลายมือออกเล็กน้อยแต่ไม่ยอมปล่อย ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดใกล้แก้มนวล มัสลินเบี่ยงหน้าหนีอย่างรังเกียจ นั่นดูเหมือนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ มือหนาละจากไหล่มาบีบปลายคางเธอไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก

“รู้ไหมว่าตอนนี้ ไอ้เจ้าบ่าวของเธอมันเป็นยังไง” เขาพูดข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก

“คุณภานุ...” มัสลินมัวแต่ห่วงตัวเองจนลืมนึกถึงภานุ

“หึ ไม่ต้องห่วงมันหรอก ห่วงตัวเองดีกว่า”

ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาเข้าไปหลบในห้องหอของสองหนุ่มสาว รอเวลาที่ทั้งคู่จะเข้ามา คนแรกที่เขาจัดการคือภานุ มันเดินเข้ามาในห้องน้ำที่เขาหลบอยู่ เมื่อเขาเปิดเผยตัวพร้อมกับปืนในมือ อีกฝ่ายถึงกับยืนตัวแข็งด้วยความตกใจ

“แก... แกเข้ามาได้ยังไง”

จบประโยคนั้น เขาก็ฟาดมันด้วยด้ามปืน จนอีกฝ่ายทรุดลงไปกองกับพื้น นอนแน่นิ่งสลบเหมือด ก่อนจะออกมาจัดการกับเจ้าสาวของมัน

“นายอย่าทำอะไรฉันเลยนะ...”

มัสลินอ้อนวอนเสียงสั่น หวังให้อีกฝ่ายเห็นใจ แต่ความหวังของหญิงสาวก็หมดสิ้นลงเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาหา แล้วปิดริมฝีปากเธอด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวอย่างดุดัน มัสลินตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีต่อต้านการกระทำป่าเถื่อนนั้น

ทว่า... อีกฝ่ายกลับบดจูบหนักหน่วงขึ้น ยิ่งดิ้นยิ่งถูกเขาบดขยี้ริมฝีปากแรงขึ้น มัสลินหมดแรงดิ้นรนเอาตัวรอด จวนเจียนจะขาดใจตายกับจุมพิตปลิดวิญญาณนั้น เขาก็ผละออกห่างให้เธอได้หายใจ หญิงสาวไม่ทันจะโล่งใจเขาก็ประทับริมฝีปากลงมาใหม่ ครั้งนี้อ่อนโยนลง ค่อยๆ บดเคล้าอย่างนุ่มนวล คล้ายจะทำให้เธอหัวหมุนกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ผุดขึ้นในท้อง หญิงสาวหอบหายใจกระเส่าพยายามส่ายหน้าหนี แต่ถูกเขาจับปลายคางไว้แน่น ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดรัดเรียวลิ้นนุ่มของเธอ สอดประสาน ยั่วหยอก หลอกล่อ ให้เธอขยับตาม

“อืม ไอ้ภานุมันสอนมาดีใช้ได้ หรือว่าไปฝึกกับคนอื่นมาก่อนล่ะ...”

เขาเอ่ยชมแกมเยาะ หลังจากจูบเธอจนอ่อนระทวยสิ้นฤทธิ์ นั่นทำให้คนได้ยินหน้าร้อนผ่าว รู้สึกอับอายขึ้นมา ความอ่อนเดียงสาไม่เคยต้องมือชาย ไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนจุมพิตมาก่อน ทำให้มัสลินทำอะไรไม่ถูก ทำให้เขาประณามหยามเหยียดน่าอับอาย

“คนเลว แกมันคนเลว ฉันเกลียดแก”

ความกลัวหดหายไปเมื่อถูกเหยียดหยาม มือถูกมัดไว้ทำอะไรไม่ถนัด สิ่งที่เธอทำได้คือยื่นหน้าไปกัดคนที่อยู่ใกล้เต็มแรงด้วยความโกรธ

“โอ๊ย ! กัดเป็นหมาเลยยายบ้า”

อีกฝ่ายไม่ยอมให้เธอแก้แค้นคืนง่ายๆ บีบคางเธอจนเจ็บ ทำให้มัสลินต้องปล่อยฟันออกจากท่อนแขนที่เธอกัดไว้ รสเค็มผสมคาวในปาก ทำให้รู้ว่าเธอกัดจนเขาเลือดออก รีบบ้วนคาบเลือดทิ้งอย่างขยะแขยง

“ฤทธิ์มากใช่ไหม ดีอย่างนั้นก็ไม่ต้องออมมือกันแล้ว”

เขาตวาดใส่น้ำเสียงโมโหจัด ก่อนจะผลักหญิงสาวล้มลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง แล้วโถมตัวเข้าหา มือหนาฉีกทึ้งชุดเจ้าสาวสีขาวจนขาดวิ่น

แควก แควก แควก !!!

“อย่านะ ปล่อยฉันนะไอ้คนเลว!”

มัสลินดิ้นรนขัดขืนด้วยความกลัว นึกเสียใจที่ปล่อยให้ความโกรธทำให้ตัวเองเกิดภัย เธอไม่น่าไปกัดไอ้โจรร้ายมันเลย ทำให้มันโมโหแบบนี้ มันคงไม่ละเว้นเธอแน่

“ฉันเลวได้มากกว่านี้อีก ลองดูไหมล่ะ”

เขายื่นหน้ามากระซิบใกล้หู หญิงสาวน้ำตาไหลตัวสั่นด้วยความกลัวพยายามดิ้นหนี มือที่ถูกมัดแน่นไม่สามารถทำอะไรได้ ตาถูกปิดคล้ายคนตาบอดตกอยู่ในความมืด เนื้อตัวโล่งเปล่าเสื้อผ้าถูกกระชากออกจากตัว เหลือเพียงชั้นในสองชิ้นคลุมร่างขาวผ่อง ความกลัวยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ

“อย่านะ... อย่าทำฉันเลยนะ...”

เธออ้อนวอนขอความเมตตาเสียงแผ่ว น้ำตาไหลออกมาจนชุ่มผ้าที่ปิดตาไว้ แต่ความหวังก็ดับลงเมื่อร่างหนาเข้ามาแนบชิด สัมผัสที่นาบลงมาทำให้หญิงสาวรู้ว่าอีกฝ่ายไร้อาภรณ์ติดกาย เขาอาศัยเวลาเพียงไม่ถึงนาทีสลัดเสื้อผ้าออกจากร่าง แล้วขยับเข้ามาคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ดวงตามองเห็นเพียงความมืด เช่นเดียวกับหัวใจที่กำลังถูกความหวาดกลัวครอบคลุมจนมืดหม่น

“ฮือ... ไม่นะ อย่า..."

(ขอตัดฉากเลิฟซีนตามกฎเวป ติดตามอ่านเต็มๆ ได้ในเล่มนะจ๊ะ )



"ฉันทำผิดอะไร แกถึงได้ทำกับฉันแบบนี้"

มัสลินเอ่ยถามผู้ชายที่ทำลายความสาว สร้างราคีคาวให้เธอ ด้วยน้ำเสียงขมขื่น เธอไม่เคยรู้จักเขา ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า แต่ทำไมเขาถึงทำร้ายเธออย่างไร้ความปรานี

"ผิดสิ ผิดที่เธอเป็นเจ้าสาวของไอ้ภานุยังไงล่ะ ถ้าเธอไม่แต่งงานกับมัน ฉันคงไม่เอาตัวเธอมา"

หากเธอไม่ใช่เจ้าสาวของคนที่เขาเกลียดชัง หากเธอไม่แต่งงานกับคนที่ทำให้พี่ชายเขา ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เขาคงไม่ลากตัวเธอมาเป็นเครื่องมือในการล้างแค้นในครั้งนี้ !

///

อัพแล้วจ้า


เลิฟซีนยังไม่ได้อัพให้อ่านนะคะ (เลิฟซีนขอดองไว้ก่อน บางเวปจะอัพได้ บางเวป มีกฎห้ามอัพ ดังนั้นติดตามอ่านในฉบับเต็มทีหลังนะจ๊ะ)

จะพยายามอัพเรื่อยๆ หากหายไป อย่าเพิ่งบ่นนะ คนเขียนปั่นไม่ทันจ้า ปั่นสด อัพสดตลอด 555

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา/ผการุ้ง

///

กดติดตามข่าวสารได้ที่เพจผการุ้งค่ะ







รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2561, 08:40:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2561, 08:40:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 744





<< ตอน เจ้าสาวตัวแทน/.3   ตอน ทัณฑ์เถื่อน/2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account