ทัณฑ์ราคี
หากเธอไม่ใช่เจ้าสาวของคนที่เขาเกลียดชัง

หากเธอไม่แต่งงานกับคนที่ทำให้พี่ชายเขา ต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

เขาคงไม่ลากตัวเธอมาเป็นเครื่องมือในการล้างแค้นในครั้งนี้!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่3. ทัณฑ์เถื่อน/3




ต่อจ้า...



ภานุฟื้นขึ้นในห้องน้ำ ศีรษะบวมปูดมีรอยแตกจนเลือดไหล เขาพยุงตัวเองลุกขึ้นพลางกุมหัวอย่างมึนงง ดวงตาพร่าพรายมองเห็นไม่ค่อยชัดเจนนักจากการถูกระทบกระเทือนที่ศีรษะ ต้องนั่งนิ่งรวบรวมสติอยู่ครู่ใหญ่ ถึงจะพาตัวเองลุกขึ้นไหว ความทรงจำสุดท้ายก่อนสิ้นสติวาบเข้ามาในหัว ชายหนุ่มจำได้ว่าเขาเดินเข้ามาในห้องน้ำ พอปิดประตูห้อง หันไปก็พบผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ หนวดเครารกครึ้ม ในมือถือปืนกระบอกหนึ่งเล็งมาที่เขา ทำให้ภานุตกใจไม่กล้าขยับตัว

“แก... แกเข้ามาได้ยังไง”

เขาไม่ทันจะทำอะไรมากกว่านั้น อีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาหาแล้วใช้ปืนฟาดโครมเข้าใส่ สติของเขาดับวูบลงไป

“มันเป็นใคร...”

ภานุครางในคอ นึกไม่ออกว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใคร เขามองไปรอบๆ กาย ก่อนจะสะดุดตากับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ติดบนกระจกหน้าอ่างล้างหน้า รีบเดินโซเซไปดึงออกมาอ่าน

‘ถ้าอยากได้เจ้าสาวคืน อีกสองวันให้ไปที่ที่แกเคยทำให้เจ้าสาวของกันต์ตาย ห้ามบอกใครไม่อย่างนั้น แกจะได้เจ้าสาวของแกคืนในสภาพไร้ลมหายใจ

จาก คนที่รอให้แกชดใช้กรรม...’

ข้อความที่อ่าน ทำให้ภานุนิ่งอึ้งไป มือกำกระดาษแผ่นนั้นแน่นจนยับ สิ่งที่เขาเคยทำไว้เมื่อในอดีต กำลังย้อนวนกลับมา ดวงตาหม่นแสงลงขณะถอนหายใจแรง ระบายความจุกเสียดในอกให้ผ่อนลง

“กันต์... มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเรา”

ภานุทรุดตัวนั่งลงกับพื้น ซบหน้ากับเข่าตัวเองพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น ในยามนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังเจ็บปวดแค่ไหน อีกนิดเดียวแท้ๆ ความพยายามของเขาก็จะสำเร็จ

ชายหนุ่มนั่งเงียบอยู่ในท่านั้นครู่ใหญ่ ก่อนจะปาดน้ำตาสูดลมหายใจแรง เรียกคืนสติตัวเองให้กลับคืน เขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ ที่สำคัญคือต้องเอาตัวมัสลินกลับมาจากผู้ชายคนนั้น มัสลินไม่ได้รู้เห็นอะไรกับเรื่องนี้ เธอไม่ควรตกเป็นเหยื่อในการแก้แค้นของใครคนนั้น ซึ่งเขาพอจะคาดเดาได้ว่าเป็นใคร

“ช่วยด้วย... ช่วยด้วยครับ”

ภานุเดินออกมาจากห้องน้ำ มาหยิบโทรศัพท์กดโทรเรียกคนมาช่วยเหลือ ไม่กี่นาทีต่อมา พนักงานของโรงแรมพร้อมกับเจ้าสัวโภคินก็เข้ามาในห้อง

“เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรแก แล้วหนูมัสล่ะหายไปไหน”

คนเป็นพ่อรีบปาดเข้าไปหาลูกชายด้วยความตกใจ สภาพของภานุถูกตีจนหัวแตกเลือดไหลอาบหน้าเปื้อนชุดสูทสีขาวที่สวมอยู่ ในห้องไร้ร่องรอยของเจ้าสาว

“มีคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายผม แล้วจับตัวมัสลินไปครับ”

ภานุบอกความจริงไม่หมด เขาเก็บกระดาษแผ่นนั้นซุกกระเป๋าไว้ไม่ให้คนเป็นพ่อเห็น ไม่ต้องการให้เรื่องบานปลายแบบที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“บ้าจริง รึว่ามันเป็นแผนของแม่ยายกับพ่อตาแก สองคนนั่นหอบสินสอดขอตัวกลับบ้านไปหลังงานเลิก”

เจ้าสัวโภคินรีบกดโทรศัพท์สั่งการลูกน้อง ให้ไปดักนางแพรพรรณและสามีที่สนามบิน ดูจากเวลาทั้งสองยังไม่ขึ้นเครื่อง เขายอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แสร้งไม่รับรู้ว่าอีกฝ่าย เอาหลานสาวมาแต่งงานแทนลูกสาวตัวเอง หลังจกที่ภานุบอกความจริงให้เขารู้เมื่อหลายวันก่อน ภานุยืนยันว่ารู้สึกพอใจมัสลินยินดีแต่งงานกับเธอมากกว่าจะหาผู้หญิงคนอื่นมาแทน เขาจึงไม่คิดจะเอาเรื่องแพรพรรณที่คิดหลอกลวง ยอมยกเงินสินสอดและหนี้สินให้ตามข้อตกลงเดิม แต่ตอนนี้ลูกชายของเขาถูกทำร้าย และเจ้าสาวหายตัวไป คิดในแง่อื่นไม่ได้นอกจากอาจเป็นแผนการของอีกฝ่าย

ภานุถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เจ้าสัวโภคินสั่งปิดข่าวไม่ยอมแจ้งตำรวจ เขากลับไปรอที่บ้านตัวเองให้ลูกน้องลากตัวแพรพรรณกับสามีมาสอบถาม

“ว่าไงคุณแพรพรรณ คุณสมเกียรติ” เจ้าสัวโภคินเอ่ยทักสองสามีภรรยา

ทั้งสองท่าทางแตกตื่นแพรพรรณกอดกระเป๋าถือใบใหญ่ของตัวเองไว้แน่น ในนั้นบรรจุเพชรทองและของมีค่าสินสอดที่เจ้าสัวมอบให้ไว้ แพรพรรณกับสมเกียรติกำลังนั่งรอเครื่องบินออกด้วยความลิงโลดใจ คิดวางแผนจะตามลูกสาวไปเมืองนอกหลังจากกลับถึงกรุงเทพ แต่ไม่ทันขึ้นเครื่อง คนของเจ้าสัวก็มาลากตัวออกจากสนามบิน พาตัวขึ้นรถมายังคฤหาสน์นี้

“ท่านเจ้าสัว... ทำไมถึงเชิญดิฉันกับสามีมาที่นี่คะ”

แพรพรรณเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ นึกหวาดหวั่นในใจว่า เจ้าสัวอาจจะรู้ความลับเรื่องการสลับตัวเจ้าสาวแล้ว ถึงได้สั่งให้ลูกน้องพาตัวเธอกับสามีมา นึกเคืองมัสลินที่ทำให้ความลับแตก ยายเด็กบ้านั่นอาจจะไปบอกความจริงกับเจ้าสัวแล้ว ท่านถึงได้ลากตัวนางกับสามีมา

“เกิดเรื่องขึ้นกับตานุลูกชายผม”

ท่านเจ้าสัวเอ่ยเสียงเครียด สายตาจับจ้องใบหน้าอวบอูมของแพรพรรณด้วยแววตาวาวโรจน์ อีกฝ่ายหลบตาเหงื่อแตกเต็มหน้า สมเกียรติเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา

“มีอะไรเกิดขึ้นหรือคะ” แพรพรรณปาดเหงื่อ เอ่ยถามเสียงแผ่ว

“มีคนร้ายบุกเข้าไปทำร้ายลูกชายผมในห้องหอ แล้วเอาตัวมัสลินไป”

สิ่งที่ได้ยินทำให้แพรพรรณกับสมเกียรติทำตาโตมองหน้ากันอย่างตกใจ

“คุณภานุเป็นอะไรมากหรือเปล่า แล้วคนร้ายเป็นใครคะ”

คำถามนั้นทำให้ท่านเจ้าสัวตาลุกวาบ มองสองสามีภรรยาอย่างโมโห

“ลูกชายผมบาดเจ็บนิดหน่อยไม่ถึงตาย แต่คุณไม่คิดจะถามถึงลูกสาวคุณสักนิดหรือ คนร้ายมันจับตัวหนูมัสลินไปนะ”

“อ่า... โถ่หนูมัสลูกแม่ ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไม่รู้ ท่านเจ้าสัวช่วยลูกสาวฉันด้วยนะคะ”

น้ำตาจระเข้ของแพรพรรณหลั่งออกมาราวกับกดสวิตช์ เจ้าตัวฟูมฟายร่ำไห้ราวกับจะขาดใจตาย เจ้าสัวถึงกับทนไม่ไหวกับมารยาแสนฉ้อฉลนั่น

“หยุดเล่นละครได้แล้ว ผมสงสัยว่าคุณกับสามี อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ สารภาพมาซะดีๆ ว่าคุณวางแผนหลอกลวงผมเพื่อหวังเงินสินสอด คุณเป็นพวกเดียวกับคนร้ายใช่ไหม!”

คำกล่าวหาของเจ้าสัวทำเอาแพรพรรณตกใจ จนหยุดร้องไห้ทันที รีบเถียงคอเป็นเอ็นว่า

“ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรนะคะ ฉันไม่ได้วางแผนหลอกลวงอะไรเจ้าสัวเลย เชื่อฉันเถอะค่ะ”

“ใช่ครับ เราสองคนไม่รู้เรื่องนี้เลยนะครับ บางทีอาจจะมีคนร้ายหวังเงินค่าไถ่ มาจับตัวยายมัสไปก็ได้ มันคงคิดว่ายายมัสเป็นสะใภ้ของท่านอาจจะเรียกเงินค่าไถ่ได้เยอะ” สมเกียรติช่วยภรรยาแก้ตัว

“ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นแผนการของใคร แต่ผมคงไม่รับมัสลินเป็นสะใภ้ได้อีก ส่วนสินสอดทองหมั้นทั้งหลาย ผมขอคืน เรื่องโจรเรียกค่าไถ่อะไรนั่น ถ้ามันเป็นเรื่องจริง มันคงติดต่อมาเอง พวกคุณก็หาเงินไปไถ่ตัวเธอเองก็แล้วกัน”

พูดจบคนของเจ้าสัว ก็มาแย่งกระเป๋าในมือของแพรพรรณไป

“ไมได้นะคะ แบบนี้ทางดิฉันก็เสียหายสิคะ ยายมัสเข้าพิธีแต่งงานกับลูกชายท่านไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นสะใภ้ท่าน เงินสินสอดนี่ดิฉันในฐานะแม่ก็ต้องได้รับตามประเพณี ท่านจะเอาคืนไปไม่ได้”

แพรพรรณโวยวายเสียงดัง เข้าไปแย่งกระเป๋าคืน แต่พอเห็นลูกน้องของท่านเจ้าสัวควักปืนออกมาก็รีบขยับไปหลบหลังสามี ด้วยความกลัว

“ดูเหมือนคุณแพรพรรณจะห่วงสินสอด มากกว่าห่วงชีวิตลูกสาวตัวเองนะ “

ท่านเจ้าสัวมองท่าทางของอีกฝ่ายด้วยสายตารังเกียจ แค่เอาหลานสาวมาแต่งงานแทนลูกสาวตัวเองว่าแย่แล้ว นี่ยังไม่คิดห่วงความปลอดภัยของหลานตัวเองสักนิด กลับยื้อแย่งห่วงเงินค่าสินสอด แบบนี้ข้อสันนิษฐานที่ท่านคิดไว้ ว่าแพรพรรณอาจจะมีส่วนรู้เห็นกับโจรที่ทำร้ายลูกชายของท่าน น่าจะมีเค้าความจริง

“ไม่ใช่นะคะท่าน ดิฉันแค่รักษาสิทธิ์ของตัวเองเท่านั้น ถ้าท่านไม่เชื่อว่าดิฉันไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ ดิฉันกับสามีจะขอจัดการเรื่องนี้เองค่ะ”

แพรพรรณกัดฟันพูด ตอนนี้เธอไม่หวังอะไรมากกว่าเอาตัวเองให้รอดจากโทสะของท่านเจ้าสัว เงินค่าสินสอดคงปลิวหายไปในอากาศแล้ว อย่าหวังจะได้คืน หากเอาลมหายใจปลิวไปด้วย คงไม่ดีแน่

“หึ ถ้าอย่างนั้นก็ไสหัวไปให้พ้นบ้านผมได้แล้ว ออ... ส่วนหนี้สินที่พวกคุณติดค้างผมไว้ ผมคิดว่าควรจะรีบใช้ได้แล้ว ผมจะส่งทนายไปดำเนินการเร่งรัดหนี้สินภายในอาทิตย์นี้”

พูดจบท่านเจ้าสัวก็เดินหนีไป ทิ้งให้แพรพรรณกับสมเกียรติมองหน้าด้วยความหนักใจ

“โอย... เวรกรรมอะไรอย่างนี้ ซวยจริงๆ ไอ้โจรบ้าที่ไหนมาจับตัวยายมัสไป”

แพรพรรณอยากจะขยำหัวตัวเองแรงด้วยความโมโห แต่กลัวผมเสียทรงได้แต่กำมือไว้แทน เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้แผนการของเธอล่มไปหมด ไม่ได้เงินแถมเจ้าสัวจะทวงหนี้อีก งานนี้มีแต่เสียไม่มีได้

“ผมว่าเรารีบขึ้นเครื่องกันเถอะ กลับไปคิดที่บ้านดีกว่า” สมเกียรติยกนาฬิกาขึ้นดู เห็นว่ายังทันขึ้นเครื่อง

“ค่ะ ไปก็ไป อยู่ที่นี่ ไม่มีประโยชน์”

แพรพรรณเดินตามสามีออกมาจากบ้านเจ้าสัว เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบิน ทั้งสองเดินทางกลับมาบ้านก็พากันไปปรึกษาเครียดในห้องนอน

“เราติดหนี้เจ้าสัวอยู่สิบห้าล้าน คงไม่มีทางจะหามาใช้ได้ง่ายๆ ถ้าเราเอาเงินของคุณแม่มาใช้ได้ก็คงจะดี”

สมเกียรติพ่นลมหายใจแรง ด้วยความหนักใจ ฐานะทางบ้านของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร พี่น้องก็เป็นเพียงข้าราชการ สมบัติแทบไม่มีอะไรพอจะแบ่งกัน โชคดีที่เขาแต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีอย่างแพรพรรณ จึงอาศัยเงินทางบ้านภรรยาในการเชิดชูฐานะทางสังคม

“เงินของคุณแม่...”

แพรพรรณครางในคอ สมองคิดหาวิธีเอาเงินของมารดามาใช้ แค่เงินค่าเช่าแผงในตลาดกับค่าเช่าตึกในแต่ละเดือน ก็ได้ไม่ถึงล้าน ไม่มีทางจะเอามาใช้หนี้ท่านเจ้าสัวได้หมด นอกจากจะได้มรดกทั้งหมดแล้วจัดการขายบางส่วนหรือทั้งหมด อาจจะได้เงินนับร้อยล้าน แต่จะเอามายังไงเมื่อคนเป็นมารดายังไม่ได้ทำพินัยกรรมยกทุกสิ่งให้นางคนเดียว หากท่านตายไปเปิดพินัยกรรมอาจจะมีชื่อมัสลินร่วมด้วย ส่วนแบ่งก็จะน้อยลง และไม่รู้ว่าท่านจะตายเมื่อไหร่

“เราต้องหาวิธี เอาเงินของคุณแม่มาใช้หนี้ท่านเจ้าสัวให้ได้”

สมเกียรติขบคิดหาทางแก้ปัญหา ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก

“เอาแบบนี้ไหมคุณแพร เราบอกคุณแม่เรื่องยายมัสถูกโจรจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ขอให้ท่านเซ็นชื่อให้เราเบิกเงินกองกลางออกมา”

แผนการของสมเกียรติทำให้แพรพรรณเบิกตากว้าง นึกทบทวนก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเสริมว่า

“แค่นั้นจะพออะไร ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉันจะเอาเรื่องนี้ขู่ให้คุณแม่เปลี่ยนพินัยกรรม หากท่านไม่เซ็นยกสมบัติทั้งหมดให้ฉัน ท่านก็จะไม่ได้เห็นหน้าหลานสาวสุดที่รักอีก”

ความคิดของสมเกียรติว่าร้ายแล้ว ความคิดของแพรพรรณเลวยิ่งกว่า ความโลภบังตาความเลวบังใจ ความดีจึงไม่มีอยู่ในกมลสันดานของนางเลย คิดเพียงหาประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่สำนึกบุญคุณสักนิดว่า คุณยายฝ้ายคำคือคนที่ชุบเลี้ยงตัวเองมา

สองสามีภรรยามองหน้ากับแล้วยิ้มอย่างมีแผนการ พรุ่งนี้เช้าทั้งสองจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้ คืนนี้ดึกเกินไปที่จะเรียกทนายออกมาแก้ไขพินัยกรรม

///

อัพแล้วจ้า วันจันทร์ถึงศุกร์ มาวันละรอบนะคะ

การหายตัวไปของมัสลิน สร้างโอกาสให้แพรพรรณคิดทำชั่ว ความเลวร้ายนี้จะส่งผลยังไงต่อชีวิตของคุณยายฝ้ายคำและมัสลิน โปรดติดตามต่อในตอนหน้าจ้า



ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา/ ผการุ้ง

///



แนะนำอีบุ๊ค ผลงานของผการุ้ง แวะไปโหลดกันได้ที่เวปเมพ



https://www.mebmarket.com/index.php?action=NewEntryPublisherBooks&publisher_id=234484&id=234484&name=%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B9%8C&page_no=1



เวปกูเกิ้ลเพลย์

https://play.google.com/store/books/author?id=%E0%B8%9C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87


กดติดตามข่าวสารได้ที่เพจผการุ้งค่ะ







รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2561, 11:09:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2561, 11:09:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 639





<< ตอน ทัณฑ์เถื่อน/2   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account