รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา

‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน

‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย

เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’

ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม

...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...

อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’

แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน


***************

นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!


***************************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

**หนังสือพร้อมส่ง**

คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)

ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง

ตอน: บทที่ 3 -60%

หญิงสาวนั่งนิ่งตัวแข็งไม่ผิดกับตุ๊กตา ระหว่างรอให้ช่างแต่งหน้า บรรจงแต้มสีสันหวานสดใสของเครื่องสำอางลงบนใบหน้าเรียวรูปไข่ของเธอ แม้ว่าจะรำคาญแปรงปัดแก้มปัดขนตาทั้งหลาย แต่เธอก็ต้องข่มใจ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนเข้าไว้ ปกเกศเห็นแก่เจ๊มะนาวที่ดีต่อเธอมาตลอด อยากช่วยเจ๊มะนาวไม่ให้ต้องมาเดือดร้อนเพราะเธอเช่นกัน

หลังจากที่ครู่ก่อน เธอมีปากเสียงกับกานต์ชนกจนเจ๊มะนาวเหงื่อแตกพลั่ก หน้าซีดหน้าเซียวแทบจะเป็นลมล้มตึง ปกเกศก็กัดฟันยอมอ่อนข้อให้ชายหนุ่ม ด้วยการยอมรับข้อเสนอของเขาที่อยากให้เธอมานั่งข้างๆ คอยดูแลเขาแทนพนักงานต้อนรับสาวสวยคนอื่นในค่ำคืนนี้จนได้

เจ๊มะนาวยกชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงสั้นสีดำให้เธอสวมใส่ ขับผิวขาวอมชมพูนวลเนียนของเธอเด่นลออตาล้อแสงไฟสลัว ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าปล่อยลูกผมระต้นคอระหง ดูเซ็กซี่โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว เธอกำลังกังวลอยู่กับการแต่งหน้าที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จสิ้น มันเยอะแยะหลายขั้นตอนจนน่าเบื่อ ผิวหน้าตึง หนักอึ้งจนแทบไม่อยากเปิดปากพูดอะไร

“เรียบร้อยแล้วจ้ะหนูเกศ สวยมากเลยลูก”

ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสอง อายุใกล้เลขสี่แต่ยังแต่งตัวสวยเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ ร้องบอกหลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการอันยาวนาน ท่าทางเจ้าหล่อนภูมิอกภูมิใจกับผลงานชิ้นโบแดงของตัวเองเป็นอันมาก

ปกเกศมองผ่านกระจกเงาบานใหญ่ เห็นตัวเองในแบบที่ไม่คุ้นชิน เธอรู้ตัวว่าเป็นคนหน้าตาดีอยู่แล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าจะสวยหวาน ดูแปลกตาไปได้ถึงขนาดนี้

หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เขม้นมองตัวเองผ่านกระจกเบื้องหน้า อดตื้นเต้นไม่ได้ เธอเห็นผู้หญิงหน้าหวานเนียนเรียบกริบ เครื่องหน้าทุกส่วนถูกเน้นให้โดดเด่นขึ้นมาเหมาะเจาะ ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ยิ่งเข้ากับชุดเดรสลูกไม้สีดำขับผิวผ่อง เธอกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในห้องแต่งตัวไปโดยอัตโนมัติ

“จริงด้วย สวยจังเลยหนูเกศ สวยขนาดนี้ไปหมกตัวอยู่แต่ในครัวทำไมกันเนี่ย”

“นั่นสิ เห็นด้วยเลย ออกมาช่วยพวกพี่ดูแลแขกเต็มตัวดีกว่า ได้เป็นดาวของผับเราแน่ๆ”

“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ เกศชอบงานในครัวมากกว่า...” ปกเกศยิ้มแห้ง รู้สึกหน้าตึง อึดอัด แค่นี้เธอก็แย่แล้ว ขืนทำงานอย่างที่พวกพี่ๆ ว่าจริง ทรมานแย่ ไม่เอาเด็ดขาด

“แหม...น่าเสียดายแทนจัง คนสวยๆ ทำไมไม่รู้จักใช้ความสวยของตัวเองให้เป็นประโยชน์ก็ไม่รู้” พนักงานต้อนรับรุ่นพี่บ่นอย่างเสียดายแกมหมั่นไส้นิดๆ แต่ก็ยังเอ็นดูปกเกศที่เป็นเด็กเรียบร้อย ไม่ทะเยอทะยานเหมือนคนอื่น

“เสร็จหรือยังเกศ เจ๊ว่าคุณกานต์ชนกหงุดหงิดแล้วนะ”

เจ๊มะนาวเปิดประตูเข้ามาร้องถามอย่างร้อนใจ ปกเกศหันไปฝืนยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะถอนใจเฮือก

“เรียบร้อยแล้วค่ะเจ๊ เกศจะไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ”

หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ร่างเพรียวอรชรบอบบางเป็นจุดสนใจของทุกคน เจ๊มะนาวเองยังอ้าปากค้าง ไม่คิดว่า เด็กกะโปโลจะงามเฉิดฉายถึงเพียงนี้

“คุณพระ! นี่เกศจริงๆ เหรอเนี่ย...”

“เจ๊อ้าปากกว้างเลย ตะลึงหนักกว่าพวกเราอีกนะคะ”

ลูกจ้างสาวแซวเจ้านายแล้วพากันหัวเราะครืน เฮฮา อารมณ์ดี มีเพียงคนถูกพาดพิงถึงซึ่งยิ้มไม่ออก ขัดเขินกับสายตาของทุกคนจนวางตัวไม่ค่อยจะถูก รู้สึกอย่างกับตัวเองกลายเป็นตัวประหลาด ที่ทุกคนจ้องมองให้ความสนใจราวกับเป็นวาระแห่งชาติ

เพราะนายกานต์ชนกคนเดียว ทำไมต้องบังคับให้เธอทำอย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้



**************



ดวงตาคู่สวยคมปลาบดั่งสามารถมองทะลุได้ทุกสรรพสิ่ง กวาดมองหญิงสาวร่างบอบบางสมส่วนในชุดเดรสลูกไม้สีดำสายเดี่ยวดีไซน์น่ารักอย่างสนใจ ตั้งแต่แรกที่เห็นฝ่ายนั้นก้าวเข้ามาภายในห้องอาหาร แสงไฟหลากสีสลัว ไม่ทำให้สายตาที่ชินกับความมืดของเขาเป็นปัญหาในการเพ่งพินิจปกเกศแต่อย่างใด เขายังเห็นความสวยหวานผุดผาดของเธอได้ชัดเจน ครั้งนี้ยิ่งมากกว่าเมื่อวันวานขึ้นอีกเป็นหลายเท่า

หากเจ๊มะนาวไม่บอกว่าเธอเป็นแค่เด็กช่วยงานในครัว เขาไม่มีทางเชื่อ...ก็หญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าเขาในเวลานี้ไม่ผิดอะไรกับ ‘นางฟ้าชัดๆ’

แต่ก็แค่สวย หุ่นดี...ผู้หญิงคนอื่นสวยกว่านี้ก็มีเยอะแยะ แต่ไม่มีใครกล้าทำร้ายเขาเหมือนอย่างเด็กคนนี้ เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องทำงานของเจ๊มะนาวเจ้าของผับ ขนาดถูกสั่งให้มาขอโทษขอโพยเขา เจ้าหล่อนก็ยังไม่วายปากเก่ง อวดดี หยิ่งจองหองจนน่าหมั่นไส้

กานต์ชนกจุดรอยยิ้มที่มุมปากได้รูปของตัวเอง สะใจที่แกล้งให้อีกฝ่ายยอมศิโรราบได้ ดวงตาคมกริบพราวระยับล้อแสงสว่างเลือนรางภายในห้องกว้างที่มีเสียงดนตรีดังคลอไม่ขาด

“แต่งตัวแล้วก็ใช้ได้เหมือนกันนี่”

ปกเกศเข้ามานั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับชายหนุ่ม แต่เบียดกายเสียชิดพนักเท้าแขนอีกด้านหนึ่ง ไม่ยอมเข้าใกล้กานต์ชนก ใบหน้างามตึงเรียบ ติดจะบึ้งเสียด้วยซ้ำ

แน่นอนอยู่แล้ว เธอไม่ได้ตื่นเต้นหรือยินดีอะไรกับคำชมเชิงประชดประชันของเขาสักนิด!

“ขอบคุณค่ะ”

“รินเหล้าให้หน่อยซิ” กานต์ชนกออกคำสั่ง นั่งไขว่ห้าง เอนแผ่นหลังกับพนักโซฟาอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาคมเฝ้ามองหญิงสาวที่ทำตามคำสั่งของเขาอย่างเงอะๆ งะๆ ประดักประเดิด ไม่รู้งาน

เขาเห็นเธอแอบมองโต๊ะข้างๆ บ่อยครั้ง เพื่อดูว่ารุ่นพี่ต้อนรับลูกค้ากันอย่างไรบ้าง หารู้ไม่ว่าท่าทางซื่อๆ ไม่ประสาของเจ้าตัวนั้น ทำให้คนที่เฝ้ามองอยู่ยิ่งอยากแกล้ง

“รินช้าจัง ไม่ต้องเยอะนะ เหล้ามันแรง ต้องค่อยๆ ดื่ม ระวังอย่าให้หกด้วย มันแพง มากกว่าเงินค่าจ้างรายวันของเธอไม่รู้กี่เท่า”

เสียงทุ้มของเขาฟังไพเราะ และจะดีมากหากไม่ค่อนขอดดูถูกกัน...ปกเกศเลือกที่จะใช้ความเงียบแทนการต่อล้อต่อเถียงกับเขา ทั้งที่ในใจสุดแสนหมั่นไส้!

ถ้าเหล้ามันมีราคามากมายขนาดนั้นแล้วทำไมไม่รินเอง มือไม้ก็ไม่ได้พิการสักหน่อย

“แค่นี้ก็ชักช้า อืดอาด ทำงานในครัวยากกว่านี้ตั้งเยอะ ทำไหวเหรอ?”

ท่านลูกค้าผู้ยิ่งใหญ่ยังหาเรื่องเธอไม่หยุด ราวกับว่า ยิ่งเธอนิ่งเงียบทำหูทวนลม เขาก็ยิ่งสนุกที่จะได้พูดพล่ามอยู่คนเดียว

“เออ ดี ฉันเพิ่งเคยนั่งกินเหล้ากับผู้หญิงที่ลืมเอาปากมาด้วยเป็นครั้งแรก ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ไม่น่ารำคาญดี” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างชอบใจ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

ปกเกศเตรียมเทเหล้าลงในแก้วอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มเรียกบริกรให้เอาแก้วมาอีกใบ แล้ววางลงตรงหน้าเธอ

“รินใส่แก้วใบนี้ด้วย กินคนเดียวมันไม่สนุก”

เขาสั่งเช่นนั้น ทำเอาหญิงสาวหันขวับไปมองหน้าตาตื่น

“ฉันไม่ดื่ม...” เธอปฏิเสธทันที แต่กานต์ชนกส่ายหน้าไปมา ยิ้มหยันที่มุมปากสวย

“ไม่ดื่มได้ยังไง เธอมานั่งเป็นเพื่อน หรือมานั่งดูฉันดื่มกันแน่ ฉันให้เธอมานั่งเป็นเพื่อนดื่ม ก็ต้องดื่มด้วยกัน ทำหน้าที่ของเธอให้ครบถ้วน ไม่งั้นเจ๊มะนาวของเธอมีปัญหาแน่” เขาทั้งสั่งทั้งขู่บังคับ วางอำนาจเหนือกว่าและรู้ด้วยว่าจะต้องได้ตามที่ต้องการ

คนอย่างกานต์ชนก...ไม่เคยมีอะไรที่อยากได้แล้วจะไม่ได้ อำนาจเงินและอิทธิพลความกว้างขวางของตระกูลดลบันดาลให้เขาทุกอย่าง ชีวิตที่เพียบพร้อมไปทุกด้าน หล่อหลอมให้เขาไม่เคยต้องแคร์ความรู้สึกของคนอื่น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในฐานะต่ำต้อยกว่า

ทว่าปกเกศก็รู้ตัวเองดี เธอไม่เคยแตะต้องเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์มาก่อนเลย ไม่มีความคิดจะเฉียดใกล้ของพวกนี้ด้วยซ้ำ ความต้านทานของเธอต่อเครื่องดื่มมึนเมาจึงเท่ากับศูนย์สนิท อย่างนี้แล้ว เธอจะดื่มเป็นเพื่อนให้อย่างที่เขาต้องการได้อย่างไร

“ถ้าอย่างนั้นคุณกานต์ชนกคงต้องให้พี่ๆ คนอื่นมานั่งดื่มเป็นเพื่อนคุณแทนฉันแล้วละค่ะ ฉันดื่มเหล้าไม่เป็น” เธอออกตัว ทำท่าจะลุกขึ้นจากโซฟา แต่เสียงเข้มของอีกฝ่ายหยุดหญิงสาวไว้ก่อน

“ไม่เป็นก็หัดให้เป็นได้ ไม่ต้องคิดจะทิ้งความรับผิดชอบของตัวเองเลย มานี่ ฉันรินให้เธอเอง”

ชายหนุ่มแย่งขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าปกเกศไป จัดแจงรินใส่แก้วให้เธออย่างกระตือรือร้น

หญิงสาวมองแก้วเหล้าที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ต่อหน้าเธออย่างหนักใจ ถึงปริมาณของเหลวในแก้วจะน้อยนิดเมื่อเทียบกับขนาดของภาชนะ แต่นั่นก็คือแอลกอฮอล์ดีกรีร้อนแรง ซึ่งปกเกศไม่อาจคาดเดาได้ว่าผลของมันจะทำให้เธอต้องลำบากขนาดไหน

เห็นบางคนแพ้แอลกอฮอล์หนักมาก ดื่มแค่ค็อกเทลผสมแอล- กอฮอล์นิดเดียวก็เมาปลิ้นแล้ว เธอกลัวว่าตัวเองจะเป็นอย่างนั้น...

“รับไปสิ เจ๊มะนาวของเธอไม่สอนหรือไง ลูกค้าคือพระเจ้า ต้องตามใจลูกค้า ห้ามขัดใจ” กานต์ชนกสำทับสั่งตามมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมยื่นมือมารับแก้วเหล้าจากเขาเสียที ท่าทางลำบากใจของเธอยิ่งชวนขำ จากแต่แรกไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนนี้เขาเริ่มนึกสนุกที่ได้บังคับผู้หญิงหัวดื้อคนนี้ขึ้นมาแล้ว

“เอ่อ...ขอตัวไปห้องน้ำเดี๋ยวนะคะ แป๊บเดียวค่ะ เดี๋ยวจะกลับมาดื่มเป็นเพื่อนนะคะ”

ปกเกศเอ่ยขึ้น ภายหลังจากที่จำยอม รับแก้วเหล้าจากมือเขามาจิบน้อยๆ อยู่ไม่กี่อึก กานต์ชนกชะงักไป คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเล่นแง่ใช้ไม้นี้ แต่ก็ได้แค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว อย่างไรเสียปกเกศก็ต้องกลับมาดื่มเหล้ากับเขาต่อ เธอหนีไปไหนไม่พ้นอยู่แล้ว

“ไปสิ อย่านานนะ ฉันรอ”

เขาอนุญาตเสียงนุ่ม ปกเกศไม่รอช้า รีบลุกจากโซฟากึ่งเดินกึ่งวิ่งหายไปทางห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังของตัวอาคาร ท่าทางเร่งรีบของเธอทำให้คนมองตามไปอดขำไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้ตลกชะมัด...

“ยายเกศบริการไม่ดีหรือเปล่าคะคุณกานต์ชนก ถ้ายังไง ให้ก้อยดูแลคุณกานต์ชนกแทนดีกว่าไหมคะ”

พนักงานต้อนรับสาวสวยดาวของผับระดับต้นๆ ชื่อ กชกร เข้ามาเสนอตัวอยากรับใช้เขา เป็นที่รู้กันดีว่ากานต์ชนกกระเป๋าหนัก เป็นที่ถวิลหาของพนักงานสาวทุกคน

วันนี้เธอหลงดีใจที่เขาแวะมา ที่ไหนได้เขากลับเรียกให้ปกเกศซึ่งมีเรื่องกับเขาเมื่อวานมาคอยรับใช้ใกล้ชิดเพียงคนเดียว เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กคนนั้นทำงานประจำอยู่ในครัว ไม่เคยได้ออกมาเสนอหน้า คราวนี้กลับมาแย่งลูกค้าคนสำคัญของเธอและเพื่อนๆ ไปหน้าตาเฉย

“ไม่เป็นไร วันนี้ยังไม่ต้อง”

กานต์ชนกโบกปัดปฏิเสธเสียงเรียบแต่เย็นชา อีกฝ่ายหน้าเสีย จำต้องเดินเลี่ยงจากไปอย่างผิดหวัง

กานต์ชนกรินเหล้าใส่แก้วของตัวเองจิบดื่มไปพลางๆ ดวงตาคมวาววามจ้องมอง รอคอยปกเกศ ลืมคิดไปสนิทว่าเขาไม่เคย ‘รอ’ ใครอย่างนี้มานานนักหนาแล้ว


***********


มาต่อแล้วจ้า ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาติดตามนะคะ >///<


หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2561, 13:03:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2561, 13:03:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 594





<< บทที่ 2 -100%   บทที่ 3 -100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account