รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง
ตอน: บทที่ 5 -100%
เมื่อเข้ามาอยู่ภายในรถยนต์ส่วนตัวของผู้เป็นนายจ้าง เสียงจอแจวุ่นวายภายนอกก็เบาบางลง จนยามนี้เหมือนทั้งนายจ้างทั้งลูกจ้างสาวได้เข้ามาอยู่ในโลกส่วนตัวที่ทำให้ทั้งสองสงบ นิ่ง และรู้สึกมีสมาธิมากขึ้น
“เจ๊ เอ่อ มาหาเกศถึงที่บ้าน...มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
ปกเกศเป็นฝ่ายเอ่ยถามทำลายความเงียบในที่สุด เธออึดอัดกับสายตาที่จ้องมองมาของนายจ้าง
หวังว่าเจ๊มะนาวคงไม่พูดเรื่องเมื่อคืน...คงไม่ใช่เรื่องกานต์ชนก...
“เจ๊รู้ว่าเมื่อคืนเกศออกจากผับไปกับคุณกานต์ชนก”
เจ๊มะนาวเอ่ยขึ้นทันทีอย่างกับกำลังอ่านใจลูกจ้างสาวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าอึดอัด ดวงตาเรียวเฉียงแบบคนเชื้อสายจีนจับสังเกตคนอายุน้อยกว่าเขม็ง เห็นชัดว่าปกเกศเม้มปากแน่น ใบหน้าหวานงอง้ำ บึ้งตึง
“ค่ะ” ปกเกศก้มหน้ายอมรับโดยดุษณี
“เมื่อคืน...ไม่มีอะไรใช่ไหม?”
เจ๊มะนาวเอ่ยถามต่ออย่างอยากรู้ ทว่าเมื่อถามแล้วอีกฝ่ายก็เอาแต่นิ่งเงียบ...ความเงียบของปกเกศนั้นไม่ต่างจากการตอบกลับมาเป็นนัยว่า มันมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจริงๆ !!
เจ๊มะนาวใจเต้นแรง จ้องมองเสี้ยวหน้างามแต่ซีดเซียวผิดไปจากปกติของลูกจ้างสาว เกิดอาการหายใจติดขัด หนักอึ้งในหัวสมองไปหมด
“ถ้าเกศมีอะไร...บอกเจ๊ได้ทุกเรื่องนะ เจ๊เคยบอกแล้วว่าไม่ได้เห็นเกศเป็นแค่ลูกจ้าง แต่เห็นเป็นเหมือนน้องสาวเจ๊คนหนึ่ง...เจ๊ไม่ได้มีความคิดจะส่งเสริมให้ลูกค้ามารังแกเด็กในร้าน ถ้าคุณกานต์ชนกเขาล้ำเส้นรังแกเกศละก็...”
“ไม่ค่ะ เกศไม่อยากให้เจ๊เดือดร้อน...” เสียงเล็กแหบสั่นเอ่ยตัดบท โดยที่เจ้าของไม่ได้เงยหน้ามองเจ๊มะนาว
“เกศ...คุณกานต์ชนกเขา...นี่เขา...”
เจ๊มะนาวรู้สึกว่าตัวเองช่างพูดอะไรปัญญาอ่อน
ลูกจ้างเธอทั้งสาวทั้งสวยน่าเอ็นดู ขนาดไม่ได้แต่งตัวกานต์ชนกยังสนใจ แล้วเมื่อคืนปกเกศสวยเหมือนนางฟ้า มีหรือที่เสือผู้หญิงอย่างกานต์ชนกจะมองเลยผ่านไป
เขาถึงขนาดไปแย่งเอาตัวปกเกศที่เมามายไม่ได้สติมาจากมุกดา นี่ก็เป็นคำตอบอยู่ในตัวแล้วว่าผู้ชายคนนั้น ‘ทำอะไร’ กับปกเกศ
“เจ๊ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้นะเกศ...เจ๊ไม่คิดว่าคุณกานต์ชนกเขาจะ...ทำอย่างนั้นกับเกศ...ถ้าเจ๊รู้ เจ๊ต้องปกป้องเกศแน่นอน” เจ๊มะนาวโวยวายแก้ตัว ร้อนใจกับสิ่งที่ได้รับรู้
คนฟังยิ้มเศร้า เธอปลื้มใจกับความเมตตาที่เจ๊มะนาวมอบให้อยู่หรอก เพียงแต่ เจ๊มาพูดซึ้งตอนนี้ ‘มันสายเกินไป’
“แล้ว...เกศจะเอายังไงต่อ จะแจ้งความเอาเรื่องคุณกานต์ชนกไหม?” คนอายุมากกว่าซักต่อ เดาใจปกเกศไม่ออกจริงๆ
“แล้วเจ๊คิดว่าเกศควรจะเอาเรื่องเขาดีไหมล่ะคะ?” คนอายุน้อยกว่าย้อนถามหยั่งเชิงไปอย่างนั้น ความจริงเธอมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
“ก็...เจ๊...มันพูดยากนะเกศ คุณกานต์ชนกเขามีทั้งเงินมีทั้งอิทธิพล...ตำรวจอาจไม่เชื่อว่าเขาข่มเหง อาจต้องหาพยานหลักฐานเหนื่อยเลย แล้วก็ใม่รู้จะเอาตัวเขาเข้าคุกได้หรือเปล่า...เจ๊กลัวว่าเกศจะไม่ปลอดภัยด้วย...”
เจ๊มะนาวอธิบายเสียงอ่อย รู้ว่าลูกจ้างสาวคงไม่พอใจที่เธอพูดเหมือนจะเข้าข้างกานต์ชนก ทั้งที่ความจริงแล้วเธออยู่ข้างปกเกศต่างหาก
“อีกอย่าง...หากเอาเรื่องไป คนที่เสื่อมเสีย ต้องอับอายขายหน้าก็เป็นเกศมากกว่า...เจ๊ว่า...ถือเสียว่ามันเป็นฝันร้ายไปเถอะนะเกศ...เจ๊จะจ่ายค่าเสียหายให้” เจ๊มะนาวตัดใจ จะควักกระเป๋าจ่ายค่าทำขวัญให้อีกฝ่ายเสียเอง ทว่าปกเกศขัดขึ้นก่อน
“ไม่ต้องค่ะเจ๊ เอาเป็นว่าเกศเข้าใจทุกอย่าง เกศไม่เอาเรื่องนายคนนั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยกสองมือเป็นเชิงยอมแพ้พลางถอนใจยาว รู้สึกสลดรันทด ห่อเหี่ยวไปหมด
เกิดมาเป็นคนจนช่างไม่มีทางเลือก...
“เกศ เจ๊สัญญานะว่าต่อไปเจ๊จะดูแลเกศให้ดี จะไม่ให้มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้อีก เจ๊จะให้...”
“เจ๊ไม่ต้องดูแลเกศหรอกค่ะ เกศขอความช่วยเหลือเจ๊สองอย่างเท่านั้น หวังว่าเจ๊จะช่วยเกศได้นะคะ” ปกเกศขัดขึ้น ไม่สนใจว่าเจ๊มะนาวจะพูดอะไร ตอนนี้ในหัวสมองของเธอมืดทึบ หม่นมัวไปหมด
“จ้ะ ว่ามาเลยเกศ เจ๊ทำให้เกศได้ทุกอย่าง” เจ๊มะนาวรีบบอกอย่างกระตือรือร้น ยังรู้สึกผิดต่ออีกฝ่าย
“เจ๊อย่าคิดมาก...เกศรู้ว่าเจ๊ไม่ได้ตั้งใจ...เกศไม่อยากมีเรื่อง ทุกวันนี้ก็ลำบากพออยู่แล้ว...” ว่าจะไม่ปริปากพูดแต่ปกเกศก็ยังเผลอหลุดปากออกมาจนได้
“ช่างเถอะค่ะ เกศมีเรื่องขอร้องเจ๊หน่อย รับรองว่าเจ๊ไม่เดือดร้อนแน่นอน”
ปกเกศพูดต่อจนจบแล้วก็ถอนใจยาว ใบหน้าหวานเศร้าสลด เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
เจ๊มะนาวได้แต่มองลูกจ้างสาวอย่างสงสารเห็นใจ ไม่ว่าปกเกศจะขอร้องอะไร เธอยินดีทำให้เด็กคนนี้ทุกอย่างอยู่แล้ว
**************
“อะไรนะ เด็กคนนั้นฝากมาคืนผม?”
กานต์ชนกเอ่ยถามเจ๊มะนาว ทว่านัยน์ตาคมกริบไม่คลาดไปจากเจ้ากระดาษเช็คแผ่นเล็กที่มีรอยยับยู่ในมือตัวเอง
เขาย่อมรู้ดี เช็คใบนี้เขามอบทิ้งเอาไว้ให้ปกเกศก่อนจะออกจากโรงแรมมาในเช้าของวันนั้น...ยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงไม่ไปขึ้นเงินสักที ที่ไหนได้ไปๆ มาๆ เช็คใบนี้กลับมาอยู่ในมือเขา ผ่านเจ๊มะนาว สาวใหญ่เจ้าของผับอินดี้อินเลิฟ
“ใช่ค่ะ ยายเกศเขาไม่ต้องการเงินของคุณ กรุณารับคืนไปด้วยนะคะ ดิฉันจะได้หมดหน้าที่” เจ๊มะนาวอธิบายสั้นๆ พลางถอนใจเฮือก สีหน้ายังไม่ดีนัก
ดูท่าทางกานต์ชนกจะยังงุนงงไม่น้อยที่ปกเกศคืนเงินมาให้ เขาเงยหน้าสบมองเจ๊มะนาว คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากัน
“ผมไม่เข้าใจ เงินนี่ เด็กนั่นเอามาคืนผมทำไม...นี่เขาอยู่ในครัวใช่ไหม ผมขอคุยด้วยหน่อย” เสียงแข็งวางอำนาจอย่างเคยตัว
ทว่าเจ๊มะนาวส่ายหน้าไปมาช้าๆ ท่าทีนิ่งสงบ เยือกเย็น
“คุยไม่ได้แล้วละค่ะ ปกเกศเขาลาออกไปแล้ว”
“ฮะ! ลาออก? คุณอย่ามาล้อเล่น” กานต์ชนกเค้นเสียงลอดไรฟัน ตาคมวาวจ้องเขม็งเอาเรื่อง ทำเอาเจ๊มะนาวกลืนน้ำลายลงคอ หน้าเจื่อนทีเดียว
“มะ...ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ...จริงๆ ปกเกศลาออกไปแล้วค่ะ”
“ลาออกทำไม เมื่อไหร่” กานต์ชนกซักต่อ กำกระดาษในมือแน่น
“เมื่อวันก่อนค่ะ หลังจากที่มีเรื่องกับคุณ”
คนถามอึ้งไปเลยเมื่อได้คำตอบกลับมา เรียวปากได้รูป ถูกเจ้าของเม้มเข้าหากันแน่นอย่างพยายามสะกดอารมณ์
“ดิฉันอยากขอร้องคุณกานต์ชนกด้วย เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ปล่อยปกเกศไปเถอะนะคะ อย่าไปเอาเรื่องเอาราวอะไรอีกเลย เด็กคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น แกเป็นเด็กดี ไม่ใช่ประเภทอย่างที่คุณเข้าใจ”
เจ๊มะนาวอธิบายต่อ น้ำเสียงราบเรียบใจเย็น ภาวนาหวังให้เขาเข้าใจ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีอย่างที่อดีตลูกจ้างของเธอต้องการ
“ผมขอที่อยู่เด็กคนนั้นหน่อยได้ไหม ผมอยากคุยกับเขา”
กานต์ชนกเอ่ยหลังจากที่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาเรียบขรึม หากตาคมวาวยังดุน่ากลัว
“อุ๊ย อย่าเลยค่ะ ยายเกศเขาคงไม่อยากคุยอะไรแล้ว” เจ๊มะนาวปฏิเสธแทนอย่างรู้ใจอดีตลูกจ้าง
“เขาไม่อยากคุยแต่ผมจะคุย ช่วยหน่อยเถอะครับ ถ้าไม่ได้คุยกับเด็กนั่น ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
เสียงของเขาห้วน วางอำนาจอยู่ในที คนถูกขอร้องรู้สึกเหมือนตัวเองโดน ‘บังคับ’ มากกว่า
เจ๊มะนาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อึดอัด ไม่สบายใจเลย ก็เธอเพิ่งรับปากปกเกศเอาไว้ว่าจะไม่ให้ใครไปยุ่งวุ่นวายกับเจ้าตัวอีก แล้วนี่อะไร...
เธอจะปฏิเสธเขาได้อย่างไร ท่าทางกานต์ชนกไม่ยอมง่ายๆ เสียด้วย!
**************
ทันทีที่หมดเวลาคาบเรียนสุดท้ายของวัน ปกเกศรีบเก็บเอกสารประกอบการเรียนใส่กระเป๋า วันนี้เจ้าตัวมีเป้าหมายจะรีบไปสมัครงานที่ร้านอาหาร ซึ่งเธอเคยเล็งเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะย้ายไปทำงานที่ผับอินดี้ฯ ของเจ๊มะนาว
แต่ก่อนไป เธอมีธุระต้องไปอีกที่หนึ่งก่อน...
“ยังไม่ถึงเวลาไปทำงานเลยไม่ใช่เหรอเกศ จะรีบไปไหน ไปหาอะไรกินกันก่อนสิ”
นิลยา เพื่อนสนิทเอ่ยชวนก่อนที่ปกเกศจะเผ่นแน่บออกจากมหาวิทยาลัยไปเสียก่อน ก็ปกเกศมักงานยุ่งตลอดไม่ค่อยได้หยุดพัก นิลยาเห็นก็รู้สึกเหนื่อยแทน อยากให้เพื่อนได้มีเวลาพักผ่อนเหมือนคนอื่นเขาบ้าง
“เราไม่ได้ทำงานที่เดิมแล้ว วันนี้ว่าจะไปสมัครงานที่ใหม่น่ะ แต่ว่าจะแวะไปสถานีตำรวจก่อนแป๊บนึง”
ปกเกศบอกเพื่อนพลางหยิบโทรศัพท์มือถือกดดูเวลา กะคำนวณคร่าวๆ อย่างว่องไว
“จะไปหาหมวดณะอีกเหรอ ให้เราไปเป็นเพื่อนไหม” นิลยาเอ่ยถาม ใจหนึ่งอยากค้านเพื่อน แต่อีกใจหนึ่งก็เข้าใจความกังวลของปกเกศ
ตั้งแต่ที่วสุ บิดาของปกเกศหายตัวไปเมื่อห้าปีก่อน ปกเกศก็หมั่นไปถามความคืบหน้าข่าวคราวของบิดาที่สถานีตำรวจอยู่บ่อยๆ และด้วยความที่ไปบ่อยนี่เอง ปกเกศเลยได้รู้จักกับร้อยตำรวจโท คุณากร ตำรวจหนุ่มหน้าซื่อนิสัยดีที่คอยตามเรื่องของวสุให้ปกเกศ โดยที่ไม่เคยแสดงอาการหงุดหงิดหรือรำคาญใจให้หญิงสาวเห็นแม้แต่น้อย ไม่เหมือนนายตำรวจคนอื่นๆ
“อืม อยากรู้ว่าตำรวจได้ความคืบหน้าเรื่องพ่อบ้างแล้วหรือยังไหนๆ วันนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานแล้ว”
“...แล้วทำไมเกศถึงเลิกทำงานที่ผับอินดี้ฯ ล่ะ ไหนว่าเงินดี” นิลยายังคงซักต่อ
“อืม เงินดีจริง แต่...เลิกงานดึกน่ะ เราเกรงใจพี่ไนยเลยเลิกทำ พี่ไนยจะได้ไม่ต้องอดนอนมาคอยรับเราด้วย” ปกเกศพยายามตอบเลี่ยง ไม่สามารถบอกความจริงกับเพื่อนได้จริงๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอก็ตาม
“พูดถึงพี่ไนย...พี่เขาสบายดีใช่ไหม ไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว คิดถึงจัง...” นิลยายิ้มเขินหน้าแดงเมื่อเอ่ยถึงธีรไนย ชายหนุ่มที่เธอแอบปลื้มกับความใจดีของเขามานาน
ถึงจะไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยนัก แต่เธอก็รู้สึกสนิทใจกับเขา เพราะปกเกศพูดถึงพี่ชายคนนี้ของเจ้าตัวให้ฟังบ่อยๆ
“คิดถึงก็ไปหาสิ วันนี้แวะไปกินข้าวเย็นที่บ้านเราไหมล่ะ จะได้เจอพี่ไนย” ปกเกศรู้ใจเลยชวนเสียเลย อีกฝ่ายยิ่งหน้าแดง เบิกตาโตแป๋ว
“ได้เหรอเกศ จริงนะ?”
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้ เราเป็นเพื่อนกัน นิลไปกินข้าวที่บ้านเรามันเรื่องปกติจะตาย ไม่เป็นไรหรอก” ปกเกศเอ่ยยิ้มๆ ขำหน้าตาเบิกบานสุดๆ ของเพื่อนรักจนหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“งั้นเราไปกินทุกวันเลยได้เปล่า จะได้เจอพี่ไนยทุกวันเลย โอ๊ย ดีใจ...” นิลยากรี๊ดกร๊าด ประสานสองมือยกขึ้นมาแนบแก้มนิ่มของตัวเอง ถูไปมาเหมือนลูกแมวน้อย หน้าบานแฉ่ง สดใส
“จะไปกินทุกวันก็ยังได้ ไม่มีปัญหา แต่ช่วยออกค่ากับข้าวด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไนยกับอาสินถังแตกกันพอดี”
ปกเกศจิ้มศีรษะเพื่อนช่างฝันหวานอย่างมันเขี้ยว หัวเราะจนตาหยีเป็นครั้งแรกในรอบสามวันนับตั้งแต่เกิดเรื่องเลวร้ายกับตัวเอง
ต่อจากนี้คงไม่มีอะไร ชีวิตเธอเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็แค่ฝันร้าย...มันผ่านไปแล้ว และจะไม่หวนกลับมาอีกต่อไป
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“เจ๊ เอ่อ มาหาเกศถึงที่บ้าน...มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
ปกเกศเป็นฝ่ายเอ่ยถามทำลายความเงียบในที่สุด เธออึดอัดกับสายตาที่จ้องมองมาของนายจ้าง
หวังว่าเจ๊มะนาวคงไม่พูดเรื่องเมื่อคืน...คงไม่ใช่เรื่องกานต์ชนก...
“เจ๊รู้ว่าเมื่อคืนเกศออกจากผับไปกับคุณกานต์ชนก”
เจ๊มะนาวเอ่ยขึ้นทันทีอย่างกับกำลังอ่านใจลูกจ้างสาวอยู่เช่นกัน ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าอึดอัด ดวงตาเรียวเฉียงแบบคนเชื้อสายจีนจับสังเกตคนอายุน้อยกว่าเขม็ง เห็นชัดว่าปกเกศเม้มปากแน่น ใบหน้าหวานงอง้ำ บึ้งตึง
“ค่ะ” ปกเกศก้มหน้ายอมรับโดยดุษณี
“เมื่อคืน...ไม่มีอะไรใช่ไหม?”
เจ๊มะนาวเอ่ยถามต่ออย่างอยากรู้ ทว่าเมื่อถามแล้วอีกฝ่ายก็เอาแต่นิ่งเงียบ...ความเงียบของปกเกศนั้นไม่ต่างจากการตอบกลับมาเป็นนัยว่า มันมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจริงๆ !!
เจ๊มะนาวใจเต้นแรง จ้องมองเสี้ยวหน้างามแต่ซีดเซียวผิดไปจากปกติของลูกจ้างสาว เกิดอาการหายใจติดขัด หนักอึ้งในหัวสมองไปหมด
“ถ้าเกศมีอะไร...บอกเจ๊ได้ทุกเรื่องนะ เจ๊เคยบอกแล้วว่าไม่ได้เห็นเกศเป็นแค่ลูกจ้าง แต่เห็นเป็นเหมือนน้องสาวเจ๊คนหนึ่ง...เจ๊ไม่ได้มีความคิดจะส่งเสริมให้ลูกค้ามารังแกเด็กในร้าน ถ้าคุณกานต์ชนกเขาล้ำเส้นรังแกเกศละก็...”
“ไม่ค่ะ เกศไม่อยากให้เจ๊เดือดร้อน...” เสียงเล็กแหบสั่นเอ่ยตัดบท โดยที่เจ้าของไม่ได้เงยหน้ามองเจ๊มะนาว
“เกศ...คุณกานต์ชนกเขา...นี่เขา...”
เจ๊มะนาวรู้สึกว่าตัวเองช่างพูดอะไรปัญญาอ่อน
ลูกจ้างเธอทั้งสาวทั้งสวยน่าเอ็นดู ขนาดไม่ได้แต่งตัวกานต์ชนกยังสนใจ แล้วเมื่อคืนปกเกศสวยเหมือนนางฟ้า มีหรือที่เสือผู้หญิงอย่างกานต์ชนกจะมองเลยผ่านไป
เขาถึงขนาดไปแย่งเอาตัวปกเกศที่เมามายไม่ได้สติมาจากมุกดา นี่ก็เป็นคำตอบอยู่ในตัวแล้วว่าผู้ชายคนนั้น ‘ทำอะไร’ กับปกเกศ
“เจ๊ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้นะเกศ...เจ๊ไม่คิดว่าคุณกานต์ชนกเขาจะ...ทำอย่างนั้นกับเกศ...ถ้าเจ๊รู้ เจ๊ต้องปกป้องเกศแน่นอน” เจ๊มะนาวโวยวายแก้ตัว ร้อนใจกับสิ่งที่ได้รับรู้
คนฟังยิ้มเศร้า เธอปลื้มใจกับความเมตตาที่เจ๊มะนาวมอบให้อยู่หรอก เพียงแต่ เจ๊มาพูดซึ้งตอนนี้ ‘มันสายเกินไป’
“แล้ว...เกศจะเอายังไงต่อ จะแจ้งความเอาเรื่องคุณกานต์ชนกไหม?” คนอายุมากกว่าซักต่อ เดาใจปกเกศไม่ออกจริงๆ
“แล้วเจ๊คิดว่าเกศควรจะเอาเรื่องเขาดีไหมล่ะคะ?” คนอายุน้อยกว่าย้อนถามหยั่งเชิงไปอย่างนั้น ความจริงเธอมีคำตอบในใจอยู่แล้ว
“ก็...เจ๊...มันพูดยากนะเกศ คุณกานต์ชนกเขามีทั้งเงินมีทั้งอิทธิพล...ตำรวจอาจไม่เชื่อว่าเขาข่มเหง อาจต้องหาพยานหลักฐานเหนื่อยเลย แล้วก็ใม่รู้จะเอาตัวเขาเข้าคุกได้หรือเปล่า...เจ๊กลัวว่าเกศจะไม่ปลอดภัยด้วย...”
เจ๊มะนาวอธิบายเสียงอ่อย รู้ว่าลูกจ้างสาวคงไม่พอใจที่เธอพูดเหมือนจะเข้าข้างกานต์ชนก ทั้งที่ความจริงแล้วเธออยู่ข้างปกเกศต่างหาก
“อีกอย่าง...หากเอาเรื่องไป คนที่เสื่อมเสีย ต้องอับอายขายหน้าก็เป็นเกศมากกว่า...เจ๊ว่า...ถือเสียว่ามันเป็นฝันร้ายไปเถอะนะเกศ...เจ๊จะจ่ายค่าเสียหายให้” เจ๊มะนาวตัดใจ จะควักกระเป๋าจ่ายค่าทำขวัญให้อีกฝ่ายเสียเอง ทว่าปกเกศขัดขึ้นก่อน
“ไม่ต้องค่ะเจ๊ เอาเป็นว่าเกศเข้าใจทุกอย่าง เกศไม่เอาเรื่องนายคนนั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยกสองมือเป็นเชิงยอมแพ้พลางถอนใจยาว รู้สึกสลดรันทด ห่อเหี่ยวไปหมด
เกิดมาเป็นคนจนช่างไม่มีทางเลือก...
“เกศ เจ๊สัญญานะว่าต่อไปเจ๊จะดูแลเกศให้ดี จะไม่ให้มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้อีก เจ๊จะให้...”
“เจ๊ไม่ต้องดูแลเกศหรอกค่ะ เกศขอความช่วยเหลือเจ๊สองอย่างเท่านั้น หวังว่าเจ๊จะช่วยเกศได้นะคะ” ปกเกศขัดขึ้น ไม่สนใจว่าเจ๊มะนาวจะพูดอะไร ตอนนี้ในหัวสมองของเธอมืดทึบ หม่นมัวไปหมด
“จ้ะ ว่ามาเลยเกศ เจ๊ทำให้เกศได้ทุกอย่าง” เจ๊มะนาวรีบบอกอย่างกระตือรือร้น ยังรู้สึกผิดต่ออีกฝ่าย
“เจ๊อย่าคิดมาก...เกศรู้ว่าเจ๊ไม่ได้ตั้งใจ...เกศไม่อยากมีเรื่อง ทุกวันนี้ก็ลำบากพออยู่แล้ว...” ว่าจะไม่ปริปากพูดแต่ปกเกศก็ยังเผลอหลุดปากออกมาจนได้
“ช่างเถอะค่ะ เกศมีเรื่องขอร้องเจ๊หน่อย รับรองว่าเจ๊ไม่เดือดร้อนแน่นอน”
ปกเกศพูดต่อจนจบแล้วก็ถอนใจยาว ใบหน้าหวานเศร้าสลด เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
เจ๊มะนาวได้แต่มองลูกจ้างสาวอย่างสงสารเห็นใจ ไม่ว่าปกเกศจะขอร้องอะไร เธอยินดีทำให้เด็กคนนี้ทุกอย่างอยู่แล้ว
**************
“อะไรนะ เด็กคนนั้นฝากมาคืนผม?”
กานต์ชนกเอ่ยถามเจ๊มะนาว ทว่านัยน์ตาคมกริบไม่คลาดไปจากเจ้ากระดาษเช็คแผ่นเล็กที่มีรอยยับยู่ในมือตัวเอง
เขาย่อมรู้ดี เช็คใบนี้เขามอบทิ้งเอาไว้ให้ปกเกศก่อนจะออกจากโรงแรมมาในเช้าของวันนั้น...ยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงไม่ไปขึ้นเงินสักที ที่ไหนได้ไปๆ มาๆ เช็คใบนี้กลับมาอยู่ในมือเขา ผ่านเจ๊มะนาว สาวใหญ่เจ้าของผับอินดี้อินเลิฟ
“ใช่ค่ะ ยายเกศเขาไม่ต้องการเงินของคุณ กรุณารับคืนไปด้วยนะคะ ดิฉันจะได้หมดหน้าที่” เจ๊มะนาวอธิบายสั้นๆ พลางถอนใจเฮือก สีหน้ายังไม่ดีนัก
ดูท่าทางกานต์ชนกจะยังงุนงงไม่น้อยที่ปกเกศคืนเงินมาให้ เขาเงยหน้าสบมองเจ๊มะนาว คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากัน
“ผมไม่เข้าใจ เงินนี่ เด็กนั่นเอามาคืนผมทำไม...นี่เขาอยู่ในครัวใช่ไหม ผมขอคุยด้วยหน่อย” เสียงแข็งวางอำนาจอย่างเคยตัว
ทว่าเจ๊มะนาวส่ายหน้าไปมาช้าๆ ท่าทีนิ่งสงบ เยือกเย็น
“คุยไม่ได้แล้วละค่ะ ปกเกศเขาลาออกไปแล้ว”
“ฮะ! ลาออก? คุณอย่ามาล้อเล่น” กานต์ชนกเค้นเสียงลอดไรฟัน ตาคมวาวจ้องเขม็งเอาเรื่อง ทำเอาเจ๊มะนาวกลืนน้ำลายลงคอ หน้าเจื่อนทีเดียว
“มะ...ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ...จริงๆ ปกเกศลาออกไปแล้วค่ะ”
“ลาออกทำไม เมื่อไหร่” กานต์ชนกซักต่อ กำกระดาษในมือแน่น
“เมื่อวันก่อนค่ะ หลังจากที่มีเรื่องกับคุณ”
คนถามอึ้งไปเลยเมื่อได้คำตอบกลับมา เรียวปากได้รูป ถูกเจ้าของเม้มเข้าหากันแน่นอย่างพยายามสะกดอารมณ์
“ดิฉันอยากขอร้องคุณกานต์ชนกด้วย เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ปล่อยปกเกศไปเถอะนะคะ อย่าไปเอาเรื่องเอาราวอะไรอีกเลย เด็กคนนี้ไม่เหมือนคนอื่น แกเป็นเด็กดี ไม่ใช่ประเภทอย่างที่คุณเข้าใจ”
เจ๊มะนาวอธิบายต่อ น้ำเสียงราบเรียบใจเย็น ภาวนาหวังให้เขาเข้าใจ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีอย่างที่อดีตลูกจ้างของเธอต้องการ
“ผมขอที่อยู่เด็กคนนั้นหน่อยได้ไหม ผมอยากคุยกับเขา”
กานต์ชนกเอ่ยหลังจากที่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาเรียบขรึม หากตาคมวาวยังดุน่ากลัว
“อุ๊ย อย่าเลยค่ะ ยายเกศเขาคงไม่อยากคุยอะไรแล้ว” เจ๊มะนาวปฏิเสธแทนอย่างรู้ใจอดีตลูกจ้าง
“เขาไม่อยากคุยแต่ผมจะคุย ช่วยหน่อยเถอะครับ ถ้าไม่ได้คุยกับเด็กนั่น ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
เสียงของเขาห้วน วางอำนาจอยู่ในที คนถูกขอร้องรู้สึกเหมือนตัวเองโดน ‘บังคับ’ มากกว่า
เจ๊มะนาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อึดอัด ไม่สบายใจเลย ก็เธอเพิ่งรับปากปกเกศเอาไว้ว่าจะไม่ให้ใครไปยุ่งวุ่นวายกับเจ้าตัวอีก แล้วนี่อะไร...
เธอจะปฏิเสธเขาได้อย่างไร ท่าทางกานต์ชนกไม่ยอมง่ายๆ เสียด้วย!
**************
ทันทีที่หมดเวลาคาบเรียนสุดท้ายของวัน ปกเกศรีบเก็บเอกสารประกอบการเรียนใส่กระเป๋า วันนี้เจ้าตัวมีเป้าหมายจะรีบไปสมัครงานที่ร้านอาหาร ซึ่งเธอเคยเล็งเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะย้ายไปทำงานที่ผับอินดี้ฯ ของเจ๊มะนาว
แต่ก่อนไป เธอมีธุระต้องไปอีกที่หนึ่งก่อน...
“ยังไม่ถึงเวลาไปทำงานเลยไม่ใช่เหรอเกศ จะรีบไปไหน ไปหาอะไรกินกันก่อนสิ”
นิลยา เพื่อนสนิทเอ่ยชวนก่อนที่ปกเกศจะเผ่นแน่บออกจากมหาวิทยาลัยไปเสียก่อน ก็ปกเกศมักงานยุ่งตลอดไม่ค่อยได้หยุดพัก นิลยาเห็นก็รู้สึกเหนื่อยแทน อยากให้เพื่อนได้มีเวลาพักผ่อนเหมือนคนอื่นเขาบ้าง
“เราไม่ได้ทำงานที่เดิมแล้ว วันนี้ว่าจะไปสมัครงานที่ใหม่น่ะ แต่ว่าจะแวะไปสถานีตำรวจก่อนแป๊บนึง”
ปกเกศบอกเพื่อนพลางหยิบโทรศัพท์มือถือกดดูเวลา กะคำนวณคร่าวๆ อย่างว่องไว
“จะไปหาหมวดณะอีกเหรอ ให้เราไปเป็นเพื่อนไหม” นิลยาเอ่ยถาม ใจหนึ่งอยากค้านเพื่อน แต่อีกใจหนึ่งก็เข้าใจความกังวลของปกเกศ
ตั้งแต่ที่วสุ บิดาของปกเกศหายตัวไปเมื่อห้าปีก่อน ปกเกศก็หมั่นไปถามความคืบหน้าข่าวคราวของบิดาที่สถานีตำรวจอยู่บ่อยๆ และด้วยความที่ไปบ่อยนี่เอง ปกเกศเลยได้รู้จักกับร้อยตำรวจโท คุณากร ตำรวจหนุ่มหน้าซื่อนิสัยดีที่คอยตามเรื่องของวสุให้ปกเกศ โดยที่ไม่เคยแสดงอาการหงุดหงิดหรือรำคาญใจให้หญิงสาวเห็นแม้แต่น้อย ไม่เหมือนนายตำรวจคนอื่นๆ
“อืม อยากรู้ว่าตำรวจได้ความคืบหน้าเรื่องพ่อบ้างแล้วหรือยังไหนๆ วันนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานแล้ว”
“...แล้วทำไมเกศถึงเลิกทำงานที่ผับอินดี้ฯ ล่ะ ไหนว่าเงินดี” นิลยายังคงซักต่อ
“อืม เงินดีจริง แต่...เลิกงานดึกน่ะ เราเกรงใจพี่ไนยเลยเลิกทำ พี่ไนยจะได้ไม่ต้องอดนอนมาคอยรับเราด้วย” ปกเกศพยายามตอบเลี่ยง ไม่สามารถบอกความจริงกับเพื่อนได้จริงๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอก็ตาม
“พูดถึงพี่ไนย...พี่เขาสบายดีใช่ไหม ไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว คิดถึงจัง...” นิลยายิ้มเขินหน้าแดงเมื่อเอ่ยถึงธีรไนย ชายหนุ่มที่เธอแอบปลื้มกับความใจดีของเขามานาน
ถึงจะไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยนัก แต่เธอก็รู้สึกสนิทใจกับเขา เพราะปกเกศพูดถึงพี่ชายคนนี้ของเจ้าตัวให้ฟังบ่อยๆ
“คิดถึงก็ไปหาสิ วันนี้แวะไปกินข้าวเย็นที่บ้านเราไหมล่ะ จะได้เจอพี่ไนย” ปกเกศรู้ใจเลยชวนเสียเลย อีกฝ่ายยิ่งหน้าแดง เบิกตาโตแป๋ว
“ได้เหรอเกศ จริงนะ?”
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้ เราเป็นเพื่อนกัน นิลไปกินข้าวที่บ้านเรามันเรื่องปกติจะตาย ไม่เป็นไรหรอก” ปกเกศเอ่ยยิ้มๆ ขำหน้าตาเบิกบานสุดๆ ของเพื่อนรักจนหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“งั้นเราไปกินทุกวันเลยได้เปล่า จะได้เจอพี่ไนยทุกวันเลย โอ๊ย ดีใจ...” นิลยากรี๊ดกร๊าด ประสานสองมือยกขึ้นมาแนบแก้มนิ่มของตัวเอง ถูไปมาเหมือนลูกแมวน้อย หน้าบานแฉ่ง สดใส
“จะไปกินทุกวันก็ยังได้ ไม่มีปัญหา แต่ช่วยออกค่ากับข้าวด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไนยกับอาสินถังแตกกันพอดี”
ปกเกศจิ้มศีรษะเพื่อนช่างฝันหวานอย่างมันเขี้ยว หัวเราะจนตาหยีเป็นครั้งแรกในรอบสามวันนับตั้งแต่เกิดเรื่องเลวร้ายกับตัวเอง
ต่อจากนี้คงไม่มีอะไร ชีวิตเธอเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็แค่ฝันร้าย...มันผ่านไปแล้ว และจะไม่หวนกลับมาอีกต่อไป
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ส.ค. 2561, 21:34:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ส.ค. 2561, 21:34:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 626
<< บทที่ 4 -100% | บทที่ 6 -30% >> |