รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง
ตอน: บทที่ 17 -100%
ดวงตาคู่สวยล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนหนากะพริบถี่ๆ เมื่อเจ้าของรู้สึกตัวขึ้นจากการหลับใหล รอบตัวเป็นทัศนียภาพที่ไม่คุ้นเคย แต่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นภายในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล
เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน
ปกเกศขมวดคิ้ว จำได้ว่าก่อนหน้าที่เธอจะหมดสติไปนั้น เธอยังอยู่ที่บ้านกับน้องปั้นและนิลยา แล้วทำไม...
ห้องที่เธอนอนรับน้ำเกลืออยู่ในเวลานี้ช่างกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน กลิ่นน้ำหอมฟุ้งสดชื่น เครื่องปรับอากาศทำงานเงียบเชียบและให้อากาศเย็นเฉียบจนขนลุกชัน หญิงสาวห่อไหล่ รีบดึงเอาผ้าห่มสีขาวสะอ้านขึ้นมาคลุมกาย ไม่สบายใจวูบ เพราะไม่รู้เลยว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...ท่าทางราคาค่าห้องนี้จะไม่ธรรมดาเสียด้วย
ประตูห้องเปิดเข้ามาค่อนข้างเบา แต่ปกเกศก็ยังได้ยินเสียง เธอหันขวับไปมองผู้เข้ามาใหม่อย่างสนใจ ทว่าเมื่อเห็นหน้าคมเข้มเจนใจของเขาเจ้าตัวก็ถึงกับอึ้ง เผยอริมฝีปากค้างไปชั่วขณะ
“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”
กานต์ชนกก้าวเข้ามา หยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนป่วย กอดอกมองเธอด้วยสายตาที่หญิงสาวอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่
“คุณ...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้ว...ที่นี่ที่ไหน ทำไมฉันถึงมาอยู่นี่ได้” พอตั้งสติได้ ปกเกศก็ถามรัว ในหัวสมองมีแต่ข้อสงสัยเต็มไปหมด
“เธอเป็นลมหมดสติไป จำไม่ได้เหรอ ฉันผ่านไปเจอเข้าก็เลยพาเธอมานอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล...รู้หรือเปล่า ร่างกายเธออ่อนแอมาก ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่เป็นลมไปตอนที่อุ้มลูกอยู่ ถ้าวูบไปตอนอุ้มเด็กอยู่ คิดดูสิว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ชายหนุ่มอธิบายพลางบ่นไปด้วย
ใบหน้าหวานที่เริ่มมีสีสันขึ้นมาของปกเกศถึงกับเจื่อนตื่นตกใจ จนลืมสะกิดใจที่เขาพูดว่า ‘ผ่านไปเจอ’ เพราะมันไม่น่าเป็นไปได้
“แล้ว...น้องปั้นเป็นยังไงบ้างคะ แกไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม แล้ว...แล้วใครดูแลแก”
“เพื่อนเธอดูแลแกอยู่แล้ว ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ร่างกายเธออ่อนแอมาก หมอบอกให้นอนพักให้น้ำเกลือกับวิตามินก่อนสักคืนค่อยกลับบ้าน”
“นอนพักที่นี่!? ไม่ล่ะ ฉันจะกลับบ้าน ฉันต้องกลับไปดูลูก!”
ปกเกศโวยวาย ทำท่าจะดึงเข็มน้ำเกลือออกจากหลังมือซ้ายของตัวเองเพื่อกลับบ้านเดี๋ยวนั้น เธอจะทิ้งลูกมาทั้งอย่างนี้ได้อย่างไร น้องปั้นไม่เห็นเธอเดี๋ยวเดียวก็ร้องหาแล้ว ตอนนี้ก็คงกำลังร้องไห้เรียกหาเธออยู่แน่ๆ
หัวอกคนเป็นแม่ลูกอ่อนสะท้านสะเทือน เห็นภาพลูกน้อยร้องไห้น้ำตาท่วม จมูกปากแดงก่ำ เธอถึงกับมือไม้สั่น แทบจะขาดใจลงตรงนี้
“ทำบ้าอะไรของเธอ น้ำเกลือยังไม่หมดถุงเลย รอก่อน เธอยังไปไหนไม่ได้!” กานต์ชนกรีบคว้ามือหญิงสาวไว้ ไม่ปล่อยให้ดึงเข็มน้ำเกลือออกได้อย่างที่ต้องการ
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ที่จริงแค่ได้นอนสักหน่อยฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่น่าจะต้องพามานอนโรงพยาบาล ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย” เห็นหน้าหล่อๆ ของเขาอยู่ใกล้ ห่างเพียงไม่ถึงครึ่งฟุต ปกเกศก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เขาไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ คนฐานะแบบเธอไม่ควรจะมานอนเล่นฆ่าเวลาที่โรงพยาบาลเอกชนอย่างนี้!
“ฉันหวังดีกับเธอหรอก เห็นวูบไปอย่างนั้น ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ รู้งี้ปล่อยให้นอนตายอยู่ที่บ้านก็ดี” คนถูกต่อว่าอดโมโหไม่ได้ เขาหรืออุตส่าห์พาเธอมานอนพักแสนสบายในห้องผู้ป่วยวีไอพี ราวกับห้องสวีตในโรงแรมชั้นหนึ่ง เจ้าหล่อนกลับมาต่อว่า ราวกับเขาทำผิดร้ายแรง
“ฉันไม่ได้ขอให้คุณมาช่วยสักหน่อย...ปล่อยนะ ฉันจะกลับบ้าน”
ปกเกศเมินใส่อีกฝ่าย พยายามจะดึงมือตัวเองออก แต่กานต์ชนกกลับยิ่งบีบมือเธอไว้ กระชับแน่นกว่าเดิม
“ไม่ได้ ถ้าออกจากโรงพยาบาลตอนนี้ เธอมีเงินจ่ายค่ารักษา พยาบาลรึไง”
ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้น ปกเกศถึงกับชะงัก
เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท...
“ราวๆ สองหมื่น เธอจ่ายไหวหรือเปล่าล่ะ มีค่าน้ำเกลือ วิตามิน ค่าห้องวีไอพี...ก็ไม่มากเท่าไหร่นะ”
เขาบอกยิ้มๆ ปกเกศไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งประชดกันหรือไม่ แต่เธอ ‘ปรี๊ดแตก’ ตั้งแต่ได้ยินจำนวนเงินที่เขาเอ่ยออกมาแล้ว ถึงกับแผดเสียงออกมาอย่างลืมตัว
“ไม่มากกะผีสิคุณ!! จะบ้าเหรอ ฉันเพิ่งเข้ามานอนที่นี่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ทำไมตั้งสองหมื่น!”
“แต่นี่ถูกสุดของที่นี่แล้ว ยังไม่ได้รวมค่าตรวจเลยด้วยซ้ำ”
กานต์ชนกไม่ได้ขยายความให้อีกฝ่ายรู้ว่า บิดาของเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือมีสถานะเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ด้วย ครอบครัวของเขา ไม่เคยต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเลย
“โรงพยาบาลอะไร ทำไมขูดเลือดขูดเนื้อขนาดนี้เนี่ย...เงินตั้งสองหมื่น เอาไปซื้อของให้น้องปั้นได้ตั้งเยอะแยะ”
“ก็ถ้าเธอจะออกไปตอนนี้ก็ต้องหาเงินสองหมื่นมาจ่ายเอง แต่ถ้าเธอยอมนอนค้างที่นี่ แล้วค่อยออกพรุ่งนี้...ฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ก็ได้”
“ไม่ต้องมายุ่งเลย ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันจะออกเดี๋ยวนี้”
ปกเกศย่นจมูกใส่อีกฝ่าย จำต้องตัดใจใช้เงินเก็บที่ไม่อยากแตะต้องหากไม่จำเป็นจริงๆ...ก็มันไม่มีทางเลือกนี่นา เธอจะให้เขามาจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้ได้อย่างไร อีกอย่าง เธอทนห่างจากน้องปั้นนานขนาดนั้นไม่ได้แน่นอน ขาดใจตายกันพอดี!
หญิงสาวหันรีหันขวาง ตอนนี้เธอไม่มีโทรศัพท์มือถือติดตัว ดวงตากลมโตเหลือบมองเจ้าของใบหน้าคมสัน แววตาลังเลของเธอทำให้เขาเลิกคิ้วดำเป็นปื้นของตัวเองขึ้นสูง แล้วเอ่ยถาม
“ต้องการอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าไม่รบกวนเกินไป...ขอยืมใช้มือถือของคุณหน่อยได้ไหม ฉันต้องติดต่อกับที่บ้าน...กรุณาด้วยค่ะ...”
กานต์ชนกเกือบส่ายหน้าปฏิเสธ หากอีกฝ่ายไม่ต่อท้ายมาด้วยการอ้อนวอน ขอร้องอย่างน่าสงสาร
“ก็...เอาสิ” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองส่งให้เธอ ปกเกศรีบรับมากดโทร.หาธีรไนยอย่างร้อนใจ
แต่ญาติผู้พี่ของเธอไม่ยอมรับสายในทันที อาจเพราะเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคย เธอรออยู่หลายอึดใจก่อนจะถอนใจยาวออกมาได้ เมื่ออีกฝ่ายยอมกดรับสายเสียที
“สวัสดีครับ”
“พี่ไนย เกศเองนะคะ พี่ไนยอยู่ที่ไหน ถึงบ้านแล้วหรือยัง เจอยายนิลกับน้องปั้นหรือเปล่า” ปกเกศรีบถามอีกฝ่ายรัวเร็วเร่งรีบ เป็นห่วงลูกชายเหลือเกิน
“เกศเหรอ ใจเย็นๆ ก่อนนะ น้องปั้นไม่เป็นอะไร ตอนนี้น้องก็อยู่กับพี่กับนิล แต่ว่าเกศไปเอามือถือใครโทร.มาน่ะ”
“เอ่อ...เกศขอยืมใช้โทรศัพท์คนแถวนี้น่ะค่ะ” ปกเกศอ้อมแอ้มบอกพี่ชายเสียงเบา ไม่อยากให้กานต์ชนกได้ยิน “พี่ไนยช่วยมารับเกศที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหมคะ เกศอยากกลับบ้านแล้ว”
เธอไม่ลืมบอกชื่อโรงพยาบาลกับพี่ชาย ที่รู้เพราะเห็นพิมพ์ติดหราอยู่ตามข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งผ้าปูที่นอนที่เธอนอนอยู่ก็ด้วย เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าแพงหูฉี่ในย่านนี้เลยก็ว่าได้
ชีวิตนี้เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเสียเงินที่นี่ เพราะความหวังดีประสงค์ร้ายของกานต์ชนกแท้ๆ!
“โอเค เดี๋ยวพี่กับนิลจะพาน้องปั้นไปรับเกศที่นั่น รอเดี๋ยวนะ”
ธีรไนยรับคำ กำลังตามหาน้องสาวอยู่แล้ว เมื่อเขาวางสายไป ปกเกศจึงยื่นโทรศัพท์มือถือ ส่งคืนให้กานต์ชนก และออกปากไล่เขาทางอ้อม
“ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวคนที่บ้านจะมารับ”
“คนที่เธอคุยด้วย...สามีเธอ...พ่อของเด็กคนนั้นเหรอ?” อะไรไม่รู้ ดลจิตดลใจให้เขาเอ่ยถามออกไป ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเองเลย
ใบหน้าเครียดขรึมของเขาทำให้ปกเกศกระอักกระอ่วน...จะตอบความจริงก็ทำไม่ได้ เธอตัดสินใจแล้วว่าน้องปั้นจะต้องอยู่ให้ห่างจากพ่อใจร้ายของแก
แต่ว่า...กานต์ชนกใจร้ายจริงน่ะเหรอ ถ้าอย่างนั้น เขาพาเธอมาโรงพยาบาลและอยู่เฝ้ารอจนป่านนี้เพื่อ?
ปกเกศสับสนว้าวุ่น ไม่แน่ใจ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยอะไร โทรศัพท์ มือถือส่วนตัวของกานต์ชนกก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเสียก่อน
เธอแอบโล่งใจที่ไม่ต้องตอบคำถามเขาเลยทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจฟังที่ชายหนุ่มสนทนากับอีกฝ่าย ซึ่งทราบในวินาทีต่อมาว่า เป็นบิดาของเขาเอง
“คุณพ่อมาตรวจสุขภาพวันนี้เหรอครับ ทำไมไม่บอกผมล่ะครับผมจะได้มาเป็นเพื่อน” กานต์ชนกเสนอตัวช่วยบิดาทันทีที่ท่านบอกมาว่า วันนี้ท่านมาโรงพยาบาล เพราะมีนัดตรวจสุขภาพกับคุณหมอสงกรานต์ผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้
“พ่อมากับแม่ของแก ตอนนี้ก็ตรวจเสร็จแล้วล่ะ พอดีได้ยินพวกพยาบาลพูดกันว่าแกก็มาที่นี่ด้วย แกพาใครมารักษาที่นี่เหรอเจ้ากานต์”
คุณก่อกิจย้อนถามลูกชาย ข่าวลือว่ากานต์ชนกพาผู้หญิงเข้ามานอนรักษาตัวในโรงพยาบาลแว่วเข้าหูเขาจนต้องโทร.สอบถามลูกชาย
คนที่อยากรู้เรื่องนี้มาก ก็คือภรรยาของเขาเอง ตีรณาถึงกับเรียกพยาบาลมาซักไซ้ยกใหญ่ หลังจากนั้นก็โทร.ไปเรียกสโรชาให้รีบตามมาที่โรงพยาบาลเป็นการด่วน
“คนรู้จักไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะครับคุณพ่อ ไม่มีอะไร เดี๋ยวเขาก็จะออกแล้ว” กานต์ชนกตอบเลี่ยงๆ ไม่อยากให้เป็นประเด็น แต่บิดาก็ยังแขวะตามมา
“ถึงกับต้องอุ้มพาเข้าโรงพยาบาลด้วยตัวเองเลยเหรอเจ้ากานต์”
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับคุณพ่อ” ลูกชายโอดครวญ
กับบิดานั้นกานต์ชนกสนิทใจกับท่านมากกว่ามารดา คงเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน บิดาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย จุกจิกจู้จี้เหมือนมารดา เขาก็เลยรู้สึกว่าสามารถคุยด้วยได้ทุกเรื่อง ในขณะที่กับมารดานั้น ส่วนมากท่านจะบ่นโวยวาย หาทางตีกรอบชีวิตของเขามาตั้งแต่จำความได้
“เออ ไม่มีก็ไม่มี แต่แม่แกเขาไม่คิดอย่างนั้นด้วยหรอกนะ นี่เห็นโทร.เรียกหนูชาช่าให้ตามมาที่นี่แล้วด้วย ระวังจะมีเรื่องกัน พ่อไม่อยากให้มีปัญหา” คุณก่อกิจเตือนลูกชาย ได้ยินเสียงถอนใจเฮือกดังกลับมา
“ผมไม่มีปัญหาอะไรกับช่าหรอกครับคุณพ่อ แต่ชาช่าสิ ไม่รู้เมื่อ ไหร่จะเลิกวุ่นวายสักที”
“ไม่อยากวุ่นวายก็ต้องรีบแต่งงาน ถ้าแกยังเป็นโสดอยู่อย่างนี้ หนูชาช่าเขาก็คงไม่เลิกตามแกง่ายๆ หรอก”
บิดาแนะนำพร้อมเสียงหัวเราะขบขัน เขารู้ว่าเจ้าลูกชายคงกำลังทำหน้ายุ่ง ปั้นยากอยู่กับคำแนะนำของเขา ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
***********
มาต่อให้แล้วค่ะ^^ เรื่องเข้มข้นขึ้นทุกที ฮี่ๆ
ในที่สุดงานหนังสือก็ผ่านพ้นไปแล้ว ทีมงานเพิ่งประกอบร่างเสร็จ555 ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากมายจ้าที่ไปอุดหนุนกัน >///< และขอบคุณกำลังใจทุกดวงที่ส่งผ่านมาทุกช่องทางเลยนะคะ เพิ่งเป็นครั้งแรกของสนพ. รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากๆจ้า จุ๊บๆ
ส่วนใครที่ไม่ได้ไปงาน สนพ.ยังมีโปรฯ ‘ส่งฟรี’ ทุกเรื่องทุกเล่ม จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2561 นะคะ สั่งซื้อได้โดย inbox หาแอดมินเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ ได้เลยค่ะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน
ปกเกศขมวดคิ้ว จำได้ว่าก่อนหน้าที่เธอจะหมดสติไปนั้น เธอยังอยู่ที่บ้านกับน้องปั้นและนิลยา แล้วทำไม...
ห้องที่เธอนอนรับน้ำเกลืออยู่ในเวลานี้ช่างกว้างขวาง สะอาดสะอ้าน กลิ่นน้ำหอมฟุ้งสดชื่น เครื่องปรับอากาศทำงานเงียบเชียบและให้อากาศเย็นเฉียบจนขนลุกชัน หญิงสาวห่อไหล่ รีบดึงเอาผ้าห่มสีขาวสะอ้านขึ้นมาคลุมกาย ไม่สบายใจวูบ เพราะไม่รู้เลยว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...ท่าทางราคาค่าห้องนี้จะไม่ธรรมดาเสียด้วย
ประตูห้องเปิดเข้ามาค่อนข้างเบา แต่ปกเกศก็ยังได้ยินเสียง เธอหันขวับไปมองผู้เข้ามาใหม่อย่างสนใจ ทว่าเมื่อเห็นหน้าคมเข้มเจนใจของเขาเจ้าตัวก็ถึงกับอึ้ง เผยอริมฝีปากค้างไปชั่วขณะ
“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง”
กานต์ชนกก้าวเข้ามา หยุดยืนอยู่ข้างเตียงคนป่วย กอดอกมองเธอด้วยสายตาที่หญิงสาวอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่
“คุณ...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้ว...ที่นี่ที่ไหน ทำไมฉันถึงมาอยู่นี่ได้” พอตั้งสติได้ ปกเกศก็ถามรัว ในหัวสมองมีแต่ข้อสงสัยเต็มไปหมด
“เธอเป็นลมหมดสติไป จำไม่ได้เหรอ ฉันผ่านไปเจอเข้าก็เลยพาเธอมานอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล...รู้หรือเปล่า ร่างกายเธออ่อนแอมาก ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่เป็นลมไปตอนที่อุ้มลูกอยู่ ถ้าวูบไปตอนอุ้มเด็กอยู่ คิดดูสิว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ชายหนุ่มอธิบายพลางบ่นไปด้วย
ใบหน้าหวานที่เริ่มมีสีสันขึ้นมาของปกเกศถึงกับเจื่อนตื่นตกใจ จนลืมสะกิดใจที่เขาพูดว่า ‘ผ่านไปเจอ’ เพราะมันไม่น่าเป็นไปได้
“แล้ว...น้องปั้นเป็นยังไงบ้างคะ แกไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม แล้ว...แล้วใครดูแลแก”
“เพื่อนเธอดูแลแกอยู่แล้ว ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ร่างกายเธออ่อนแอมาก หมอบอกให้นอนพักให้น้ำเกลือกับวิตามินก่อนสักคืนค่อยกลับบ้าน”
“นอนพักที่นี่!? ไม่ล่ะ ฉันจะกลับบ้าน ฉันต้องกลับไปดูลูก!”
ปกเกศโวยวาย ทำท่าจะดึงเข็มน้ำเกลือออกจากหลังมือซ้ายของตัวเองเพื่อกลับบ้านเดี๋ยวนั้น เธอจะทิ้งลูกมาทั้งอย่างนี้ได้อย่างไร น้องปั้นไม่เห็นเธอเดี๋ยวเดียวก็ร้องหาแล้ว ตอนนี้ก็คงกำลังร้องไห้เรียกหาเธออยู่แน่ๆ
หัวอกคนเป็นแม่ลูกอ่อนสะท้านสะเทือน เห็นภาพลูกน้อยร้องไห้น้ำตาท่วม จมูกปากแดงก่ำ เธอถึงกับมือไม้สั่น แทบจะขาดใจลงตรงนี้
“ทำบ้าอะไรของเธอ น้ำเกลือยังไม่หมดถุงเลย รอก่อน เธอยังไปไหนไม่ได้!” กานต์ชนกรีบคว้ามือหญิงสาวไว้ ไม่ปล่อยให้ดึงเข็มน้ำเกลือออกได้อย่างที่ต้องการ
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ที่จริงแค่ได้นอนสักหน่อยฉันก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่น่าจะต้องพามานอนโรงพยาบาล ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย” เห็นหน้าหล่อๆ ของเขาอยู่ใกล้ ห่างเพียงไม่ถึงครึ่งฟุต ปกเกศก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เขาไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ คนฐานะแบบเธอไม่ควรจะมานอนเล่นฆ่าเวลาที่โรงพยาบาลเอกชนอย่างนี้!
“ฉันหวังดีกับเธอหรอก เห็นวูบไปอย่างนั้น ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ รู้งี้ปล่อยให้นอนตายอยู่ที่บ้านก็ดี” คนถูกต่อว่าอดโมโหไม่ได้ เขาหรืออุตส่าห์พาเธอมานอนพักแสนสบายในห้องผู้ป่วยวีไอพี ราวกับห้องสวีตในโรงแรมชั้นหนึ่ง เจ้าหล่อนกลับมาต่อว่า ราวกับเขาทำผิดร้ายแรง
“ฉันไม่ได้ขอให้คุณมาช่วยสักหน่อย...ปล่อยนะ ฉันจะกลับบ้าน”
ปกเกศเมินใส่อีกฝ่าย พยายามจะดึงมือตัวเองออก แต่กานต์ชนกกลับยิ่งบีบมือเธอไว้ กระชับแน่นกว่าเดิม
“ไม่ได้ ถ้าออกจากโรงพยาบาลตอนนี้ เธอมีเงินจ่ายค่ารักษา พยาบาลรึไง”
ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้น ปกเกศถึงกับชะงัก
เธอลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท...
“ราวๆ สองหมื่น เธอจ่ายไหวหรือเปล่าล่ะ มีค่าน้ำเกลือ วิตามิน ค่าห้องวีไอพี...ก็ไม่มากเท่าไหร่นะ”
เขาบอกยิ้มๆ ปกเกศไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งประชดกันหรือไม่ แต่เธอ ‘ปรี๊ดแตก’ ตั้งแต่ได้ยินจำนวนเงินที่เขาเอ่ยออกมาแล้ว ถึงกับแผดเสียงออกมาอย่างลืมตัว
“ไม่มากกะผีสิคุณ!! จะบ้าเหรอ ฉันเพิ่งเข้ามานอนที่นี่ไม่กี่ชั่วโมงเอง ทำไมตั้งสองหมื่น!”
“แต่นี่ถูกสุดของที่นี่แล้ว ยังไม่ได้รวมค่าตรวจเลยด้วยซ้ำ”
กานต์ชนกไม่ได้ขยายความให้อีกฝ่ายรู้ว่า บิดาของเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือมีสถานะเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ด้วย ครอบครัวของเขา ไม่เคยต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเลย
“โรงพยาบาลอะไร ทำไมขูดเลือดขูดเนื้อขนาดนี้เนี่ย...เงินตั้งสองหมื่น เอาไปซื้อของให้น้องปั้นได้ตั้งเยอะแยะ”
“ก็ถ้าเธอจะออกไปตอนนี้ก็ต้องหาเงินสองหมื่นมาจ่ายเอง แต่ถ้าเธอยอมนอนค้างที่นี่ แล้วค่อยออกพรุ่งนี้...ฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ก็ได้”
“ไม่ต้องมายุ่งเลย ไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันจะออกเดี๋ยวนี้”
ปกเกศย่นจมูกใส่อีกฝ่าย จำต้องตัดใจใช้เงินเก็บที่ไม่อยากแตะต้องหากไม่จำเป็นจริงๆ...ก็มันไม่มีทางเลือกนี่นา เธอจะให้เขามาจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้ได้อย่างไร อีกอย่าง เธอทนห่างจากน้องปั้นนานขนาดนั้นไม่ได้แน่นอน ขาดใจตายกันพอดี!
หญิงสาวหันรีหันขวาง ตอนนี้เธอไม่มีโทรศัพท์มือถือติดตัว ดวงตากลมโตเหลือบมองเจ้าของใบหน้าคมสัน แววตาลังเลของเธอทำให้เขาเลิกคิ้วดำเป็นปื้นของตัวเองขึ้นสูง แล้วเอ่ยถาม
“ต้องการอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าไม่รบกวนเกินไป...ขอยืมใช้มือถือของคุณหน่อยได้ไหม ฉันต้องติดต่อกับที่บ้าน...กรุณาด้วยค่ะ...”
กานต์ชนกเกือบส่ายหน้าปฏิเสธ หากอีกฝ่ายไม่ต่อท้ายมาด้วยการอ้อนวอน ขอร้องอย่างน่าสงสาร
“ก็...เอาสิ” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองส่งให้เธอ ปกเกศรีบรับมากดโทร.หาธีรไนยอย่างร้อนใจ
แต่ญาติผู้พี่ของเธอไม่ยอมรับสายในทันที อาจเพราะเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคย เธอรออยู่หลายอึดใจก่อนจะถอนใจยาวออกมาได้ เมื่ออีกฝ่ายยอมกดรับสายเสียที
“สวัสดีครับ”
“พี่ไนย เกศเองนะคะ พี่ไนยอยู่ที่ไหน ถึงบ้านแล้วหรือยัง เจอยายนิลกับน้องปั้นหรือเปล่า” ปกเกศรีบถามอีกฝ่ายรัวเร็วเร่งรีบ เป็นห่วงลูกชายเหลือเกิน
“เกศเหรอ ใจเย็นๆ ก่อนนะ น้องปั้นไม่เป็นอะไร ตอนนี้น้องก็อยู่กับพี่กับนิล แต่ว่าเกศไปเอามือถือใครโทร.มาน่ะ”
“เอ่อ...เกศขอยืมใช้โทรศัพท์คนแถวนี้น่ะค่ะ” ปกเกศอ้อมแอ้มบอกพี่ชายเสียงเบา ไม่อยากให้กานต์ชนกได้ยิน “พี่ไนยช่วยมารับเกศที่โรงพยาบาลหน่อยได้ไหมคะ เกศอยากกลับบ้านแล้ว”
เธอไม่ลืมบอกชื่อโรงพยาบาลกับพี่ชาย ที่รู้เพราะเห็นพิมพ์ติดหราอยู่ตามข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งผ้าปูที่นอนที่เธอนอนอยู่ก็ด้วย เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ขึ้นชื่อว่าแพงหูฉี่ในย่านนี้เลยก็ว่าได้
ชีวิตนี้เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเสียเงินที่นี่ เพราะความหวังดีประสงค์ร้ายของกานต์ชนกแท้ๆ!
“โอเค เดี๋ยวพี่กับนิลจะพาน้องปั้นไปรับเกศที่นั่น รอเดี๋ยวนะ”
ธีรไนยรับคำ กำลังตามหาน้องสาวอยู่แล้ว เมื่อเขาวางสายไป ปกเกศจึงยื่นโทรศัพท์มือถือ ส่งคืนให้กานต์ชนก และออกปากไล่เขาทางอ้อม
“ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวคนที่บ้านจะมารับ”
“คนที่เธอคุยด้วย...สามีเธอ...พ่อของเด็กคนนั้นเหรอ?” อะไรไม่รู้ ดลจิตดลใจให้เขาเอ่ยถามออกไป ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเองเลย
ใบหน้าเครียดขรึมของเขาทำให้ปกเกศกระอักกระอ่วน...จะตอบความจริงก็ทำไม่ได้ เธอตัดสินใจแล้วว่าน้องปั้นจะต้องอยู่ให้ห่างจากพ่อใจร้ายของแก
แต่ว่า...กานต์ชนกใจร้ายจริงน่ะเหรอ ถ้าอย่างนั้น เขาพาเธอมาโรงพยาบาลและอยู่เฝ้ารอจนป่านนี้เพื่อ?
ปกเกศสับสนว้าวุ่น ไม่แน่ใจ ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยอะไร โทรศัพท์ มือถือส่วนตัวของกานต์ชนกก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นเสียก่อน
เธอแอบโล่งใจที่ไม่ต้องตอบคำถามเขาเลยทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจฟังที่ชายหนุ่มสนทนากับอีกฝ่าย ซึ่งทราบในวินาทีต่อมาว่า เป็นบิดาของเขาเอง
“คุณพ่อมาตรวจสุขภาพวันนี้เหรอครับ ทำไมไม่บอกผมล่ะครับผมจะได้มาเป็นเพื่อน” กานต์ชนกเสนอตัวช่วยบิดาทันทีที่ท่านบอกมาว่า วันนี้ท่านมาโรงพยาบาล เพราะมีนัดตรวจสุขภาพกับคุณหมอสงกรานต์ผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้
“พ่อมากับแม่ของแก ตอนนี้ก็ตรวจเสร็จแล้วล่ะ พอดีได้ยินพวกพยาบาลพูดกันว่าแกก็มาที่นี่ด้วย แกพาใครมารักษาที่นี่เหรอเจ้ากานต์”
คุณก่อกิจย้อนถามลูกชาย ข่าวลือว่ากานต์ชนกพาผู้หญิงเข้ามานอนรักษาตัวในโรงพยาบาลแว่วเข้าหูเขาจนต้องโทร.สอบถามลูกชาย
คนที่อยากรู้เรื่องนี้มาก ก็คือภรรยาของเขาเอง ตีรณาถึงกับเรียกพยาบาลมาซักไซ้ยกใหญ่ หลังจากนั้นก็โทร.ไปเรียกสโรชาให้รีบตามมาที่โรงพยาบาลเป็นการด่วน
“คนรู้จักไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะครับคุณพ่อ ไม่มีอะไร เดี๋ยวเขาก็จะออกแล้ว” กานต์ชนกตอบเลี่ยงๆ ไม่อยากให้เป็นประเด็น แต่บิดาก็ยังแขวะตามมา
“ถึงกับต้องอุ้มพาเข้าโรงพยาบาลด้วยตัวเองเลยเหรอเจ้ากานต์”
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับคุณพ่อ” ลูกชายโอดครวญ
กับบิดานั้นกานต์ชนกสนิทใจกับท่านมากกว่ามารดา คงเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน บิดาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย จุกจิกจู้จี้เหมือนมารดา เขาก็เลยรู้สึกว่าสามารถคุยด้วยได้ทุกเรื่อง ในขณะที่กับมารดานั้น ส่วนมากท่านจะบ่นโวยวาย หาทางตีกรอบชีวิตของเขามาตั้งแต่จำความได้
“เออ ไม่มีก็ไม่มี แต่แม่แกเขาไม่คิดอย่างนั้นด้วยหรอกนะ นี่เห็นโทร.เรียกหนูชาช่าให้ตามมาที่นี่แล้วด้วย ระวังจะมีเรื่องกัน พ่อไม่อยากให้มีปัญหา” คุณก่อกิจเตือนลูกชาย ได้ยินเสียงถอนใจเฮือกดังกลับมา
“ผมไม่มีปัญหาอะไรกับช่าหรอกครับคุณพ่อ แต่ชาช่าสิ ไม่รู้เมื่อ ไหร่จะเลิกวุ่นวายสักที”
“ไม่อยากวุ่นวายก็ต้องรีบแต่งงาน ถ้าแกยังเป็นโสดอยู่อย่างนี้ หนูชาช่าเขาก็คงไม่เลิกตามแกง่ายๆ หรอก”
บิดาแนะนำพร้อมเสียงหัวเราะขบขัน เขารู้ว่าเจ้าลูกชายคงกำลังทำหน้ายุ่ง ปั้นยากอยู่กับคำแนะนำของเขา ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
***********
มาต่อให้แล้วค่ะ^^ เรื่องเข้มข้นขึ้นทุกที ฮี่ๆ
ในที่สุดงานหนังสือก็ผ่านพ้นไปแล้ว ทีมงานเพิ่งประกอบร่างเสร็จ555 ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากมายจ้าที่ไปอุดหนุนกัน >///< และขอบคุณกำลังใจทุกดวงที่ส่งผ่านมาทุกช่องทางเลยนะคะ เพิ่งเป็นครั้งแรกของสนพ. รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากๆจ้า จุ๊บๆ
ส่วนใครที่ไม่ได้ไปงาน สนพ.ยังมีโปรฯ ‘ส่งฟรี’ ทุกเรื่องทุกเล่ม จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2561 นะคะ สั่งซื้อได้โดย inbox หาแอดมินเพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ ได้เลยค่ะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ต.ค. 2561, 10:25:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2561, 10:25:16 น.
จำนวนการเข้าชม : 723
<< บทที่ 17 -50% | บทที่ 18 -50% >> |