กลรักนักดีไซน์
...โบแว...หนุ่มฝรั่งเศสเอาแต่ใจรักการออกแบบเสื้อผ้าเป็นชีวิตจิตใจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ
...เพลิงฟ้า...สาวไทยหนีไปอยู่ปารีส
...เรื่องของคนเอาแต่ใจกับคนชอบตามใจมาเจอกันจะเกิดอะไรขึ้น...
...เพลิงฟ้า...สาวไทยหนีไปอยู่ปารีส
...เรื่องของคนเอาแต่ใจกับคนชอบตามใจมาเจอกันจะเกิดอะไรขึ้น...
Tags: รักลวง อิสระ
ตอน: Designer's desire By คชสีห์ 21
กลรักนักดีไซน์ (Designer's desire By คชสีห์) 21
แยกกันนอน...เป็นจุดเริ่มแรกของรอยร้าวในความสัมพันธ์ แม้จะเป็นความสัมพันธ์ที่สับสน แต่ก็ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าเกิดรอยร้าวแล้ว โบแวใช้เวลาในที่ทำงานมากขึ้น แล้วนอนในห้องตัวเองตลอด เพลิงฟ้าก็ไม่คุยกับเขาเท่าไร ต่างฝ่ายต่างสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอออกมาใช้เวลาให้ผ่านไปวันๆ ที่ร้านกาแฟ ไม่มีใครยุ่งกับเธอและเธอก็ไม่คิดจะยุ่งกับใคร สักพักรู้สึกมึนงงแล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป ก่อนที่เธอจะได้หวาดกลัวเสียด้วยซ้ำไป
ไม่รู้นานแค่ไหน...รู้สึกตัวอีกทีทุกอย่างก็ดูมึนๆ งง
“เฮ้ๆ ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่ใช่เสียงของโบแว “เธอจะรู้สึกมึนๆ หน่อยนะ พีชฟังฉันนะ โบแวให้ฉันพาเธอมาส่งที่เมืองไทย เขาให้เธอขึ้นเครื่องส่วนตัวมาเลย เขาตัดสินใจได้แล้วว่าเรื่องของเธอต้องจบ”
เพลิงฟ้ามึนงงเกินกว่าจะพูดอะไรได้
“ฟังนะ เธอต้องตั้งใจฟังให้ดี” ฌอง-ปิแยร์โดนบังคับให้บอกเพลิงฟ้าแบบนั้น “โบแวให้เงินกับเธอด้วย เรื่องงานเธอก็ทำไปแต่อย่าไปยุ่งกับเขาอีก ไม่ว่าจะทางไหนเข้าใจไหม”
เพลิงฟ้าพยักหน้าช้าๆ อย่างมึนงง คาดว่าคงโดนวางยาสักอย่าง แล้วเธอก็หลับไปอีกรอบ
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่รู้สึกตัวอีกทีก็คือบนเตียงแห่งหนึ่งมีเสียงโทรศัพท์ดังในห้อง เธอมองรอบๆ แล้วยกหูรับสาย ได้ยินภาษาฝรั่งเศสสำเนียงแปร่งๆ
“มีคำสั่งให้โทรปลุกคุณค่ะ” ปลายสายบอกตามคำสั่ง
“ที่นี่?” เพลิงฟ้าหาอะไรที่บ่งบอกสถานที่ได้ และรู้ว่าเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ จึงพูดภาษาไทย “ฉันอยู่มานานแค่ไหนแล้วคะ”
ปลายสายออกจะงง ก่อนเช็คข้อมูลให้ “คุณเข้ามาพร้อมเพื่อนเมื่อวานค่ะ เพื่อนคุณกลับไปก่อน สั่งให้ปลุกคุณตอนเช้า”
“วันนี้วันที่เท่าไรคะ” เพลิงฟ้ามึนงงสุดๆ
เมื่อปลายสายบอกเล่า เพลิงฟ้าถึงรู้ว่าเธอโดนวางยาไปวันกว่าๆ วันก่อนเธอยังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ปารีสอยู่ แล้วสิ่งที่ฌอง-ปิแยร์บอกก็คงไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าโบแวจะใช้วิธีนี้กับเธอ แค่บอกเธอเท่านั้น เธอจะไปจากเขาทันที แต่เขากลับเลือกวิธีที่ขี้ขลาดที่สุด
เธอค้นดูในตู้ เห็นกระเป๋าเงิน มีเงินไทยอยู่หมื่นหนึ่ง แล้วมีมือถือแต่โดนเอาซิมออก มีกล่องซิมเบอร์มือถือใหม่วางอยู่เป็นเบอร์ของไทย เพลิงฟ้านั่งลงแล้วเริ่มร้องไห้ อยากจะบ้าตายที่อยู่ๆ ก็โดนทิ้งแบบนี้ ไม่มีการพูดจา มีแต่การนำส่งถึงเมืองไทย เธอตั้งสติก่อนโทรถามว่าเธอพักได้กี่วัน รู้มาว่าเธอพักได้ไม่เกินเจ็ดวัน และให้เธอใช้บัตรเครดิตที่อยู่ในกระเป๋ารูดจ่ายค่าที่พัก คาดว่าคงมีวงเงินพอสมควร
เธอสงบสติแล้วสั่งอาหารขึ้นมาทาน ก่อนหาอินเตอร์เนตใช้แล้วเข้าเช็คเมลจากมือถือ เพื่อหาเบอร์ของแจ็คเกอลีน ให้ติดต่อเธอที่เบอร์นี้ บอกสั้นๆ ว่าเธอกับโบแวแยกทางกันจริงๆ แล้ว
“เสียใจเรื่องโบแวจริงๆ” แจ็คเกอลีนบอกแบบไม่รู้จะพูดยังไง
“ขอโทษนะคะที่โทรมานี้ คือฉันยังมึนๆ อยู่เลยไม่ทันได้คิด” เพลิงฟ้ารู้สึกผิดที่โทรไปรบกวน
“ไม่เป็นไร ดีที่เธอโทรหาฉัน อย่างน้อยฉันยังรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เพราะถ้างานเข้า ฉันก็คงไม่รู้อีกว่าจะติดต่อเธอยังไง” แจ็คเกอลีนถอนหายใจ
“ฉันไม่รบกวนแล้วค่ะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วอยากพักผ่อน ก่อนไปเปิดประตูให้รูมเซอร์วิชเข้ามาส่งอาหาร
จากนั้นก็นั่งคิดอยู่นานก่อนโทรหาพี่ชายฝาแฝด รอนานมากก็ไม่มีคนรับ เธอก็ตัดสายแล้วนอนคิด จากนั้นก็ส่งข้อความ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อพี่ชายฝาแฝดโทรกลับมาทันทีที่อ่านข้อความแล้ว
“ไอ้พีช” พุทธรักษ์เรียกอย่างอึ้งๆ
“เออรู้แล้วว่าชื่อพีช” เพลิงฟ้าถอนหายใจ
“อยู่ที่ไหนทำไมมีเบอร์เมืองไทย เบอร์แปลกๆ ฉันไม่รับหรอกนะ แต่ข้อความใช่แกแน่เลยลองโทรดู” พุทธรักษ์บอกน้องสาวแล้วถอนหายใจ “อยู่เมืองไทยเหรอ”
“ฉลาดดีนี่หว่า อยู่โรงแรม” เพลิงฟ้าบอกชื่อโรงแรม
“เกิดอะไรขึ้นวะ” พุทธรักษ์อยู่ช่วงพักกองถ่าย
“ช่างเถอะ อยู่เมืองไทยแล้ว เข้าประเทศมาอย่างถูกกฎหมาย เดี๋ยวจะเปลี่ยนเบอร์อีกรอบ มีที่ให้พักไหม” เพลิงฟ้าไม่อยากอยู่โรงแรมนาน
“เอ่อ คือตอนนี้ฉันอยู่กับแฟนน่ะ” พุทธรักษ์พูดแค่นั้น เพลิงฟ้าก็กดตัดสาย พอโทรกลับไปก็ไม่รับสายแล้ว
เพลิงฟ้านิ่งคิดอยู่โรงแรมต่อก็คงไม่มีปัญหาอะไร ห้องนี้ก็คงแพงในระดับหนึ่ง เธอก็โทรหาพ่อแม่อีกที แต่เธอขอเวลาพักอยู่กรุงเทพซักพัก แล้วค่อยกลับไปอยู่บ้านพักผ่อนยาวๆ จนกว่าจะมีงาน
“จ๊ะ แม่ เดี๋ยวจองตั๋วกลับขอเที่ยวสักห้าวันนะคะ” เพลิงฟ้าบอกแม่แล้วถอนหายใจยาว จริงๆ เธอแค่ต้องการเวลาร้องไห้ให้สบายใจก็เท่านั้น
หลังจากวางสายจากแม่ เธอค้นดูกระเป๋าเงินแล้วก็ถอนหายใจยาว นอกจากเงินไทยแล้วเงินยูโรก็ยังอยู่ครบ แท็ปเล็ตของเธอ กับนิยายที่เธอเอาติดไปด้วย สุดท้ายก็ต้องอาบน้ำเพราะโดนวางยาไปหลายวัน ก่อนออกมานั่งทาน เธอเข้าสู่สังคมออนไลน์แล้วลบโบแวออกไปจากชีวิตเธอทันที
เธออาบน้ำแล้วมองชุดเก่าที่มีอยู่ก็หยิบมาสวมอีกรอบแล้วออกไปซื้อเสื้อผ้า โดยถามหาห้างที่ใกล้ที่สุด เดินอยู่อย่างสงบก่อนนีกอลาโทรเข้า คาดว่าพุทธรักษ์รู้ว่าน้องสาวจะไม่รับสาย จึงให้นีกอลาโทรหาเธอเอง
“อยู่เมืองไทยเหรอ ไปพักกับฉันนะ” นีกอลาถามอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ล่ะ ฉันจะพักที่โรงแรมต่อ ยังไงโบแวก็จ่ายค่าที่พักให้อยู่แล้วน่ะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วถอนหายใจเล็กน้อย
“งั้นฉันไปอยู่เป็นเพื่อนไหม ฉันว่างอยู่นะ จับเครื่องไปหาเลย” นีกอลาโล่งใจที่ตอนนี้เธอว่างไม่ได้คบกับใครแล้ว ถือว่าเขาไม่ต้องกลัวโดนข้อหาใดๆ อีก
“ไม่ต้องหรอก ขอบใจนะ ฉันอยากอยู่คนเดียว อยากทบทวนอะไรๆ ในชีวิตน่ะ แค่นี้ก่อนนะ ฉันมีบัตรเครดิตที่โบแวให้ไว้ด้วย” เพลิงฟ้าพูดคุยอีกเล็กน้อยก่อนบอกลา เห็นข้อความเข้าบอกว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีที่ปารีสสองหมื่นยูโร เธอก็แปลกใจ แต่คิดว่าเป็นโบแวเพราะรู้เบอร์โทรนี้ด้วย
เธอก็แค่ใช้จ่ายตามปกติ และบัตรเครดิตก็ยังใช้ได้ เธอโทรเช็ควงเงินของบัตรเครดิตรู้ว่าพอจ่ายค่าห้องพักเธอก็พอใจแล้ว ซื้อเสื้อผ้าที่อยากได้ แล้วมีข้อความเข้ามาอีกบอกแจ้งการโอนเงินจากฌอง-ปิแยร์ และบอกอีกด้วยว่าเธอจะได้รับข้าวของจากบ้านของโบแวทางเรือเมื่อส่งแล้วจะแจ้งอีกที
พอผ่านร้านขายซิม ตอนแรกตั้งใจจะเปลี่ยนซิมแต่มาคิดอีกทีเธอก็เปลี่ยนใจ ยังไงฌอง-ปิแยร์คงไม่ได้เอาเบอร์นี้ให้โบแว เพราะอย่างโบแวถ้าบอกตัดแล้วก็ตัดเลยไม่มีทางโทรหาเธอแน่นอน จึงปล่อยวางเสีย และตั้งใจจะตัดเขาไปจากชีวิตให้เร็วที่สุด คิดแล้วก็น้ำตาไหล จึงปาดน้ำตาแล้วเอาของใช้ต่างๆ กลับโรงแรม พร้อมอาหารเย็น เพราะเธอไม่อยากสั่งอาหารขึ้นมากินบ่อยๆ ตัดสินใจปิดเครื่องอยู่กับตัวเองอย่างเงียบๆ
**********************
สิ่งที่เขารู้ในบ่ายวันนั้นทำเขาหงุดหงิด เมื่อพ่อเขาโทรมาบอกว่าพาเพลิงฟ้าขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยแล้ว ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเท่านั้น แล้วพ่อก็ถือวิสาสะเอากุญแจบ้านจากแม่เขาไปเก็บของของเพลิงฟ้า ดีที่เขากลับไปทัน ไม่งั้นคงได้ขนออกไปหมดแน่นอน เขาไม่แกะกล่องที่แพ็ค แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงจนกระทั่งวันนี้
สายเข้านี้ทำให้เขากระจ่างขึ้น...
“พ่อแกขู่ให้ฉันโกหกพีชว่าแกเป็นคนสั่งให้ฉันพาพีชกลับเมืองไทย พ่อแกจัดแจงทุกอย่าง บอกเลยว่าฉันไม่อยากทำ แต่ก็รู้นี่ว่าพ่อแกขู่อะไรบ้าง ฉันไม่อยากมีปัญหา แต่ก็จัดแจงทุกอย่างให้แกแล้ว” ฌอง-ปิแยร์บอกเบอร์โทรที่เมืองไทยของเพลิงฟ้าให้โบแว
“แกไม่คิดจะสู้พ่อฉันเลยเหรอวะ ไอ้ปอดแหก” โบแวด่าเพื่อนแล้วก็นิ่งคิด
“ให้ทำไงวะ ส่งคนปิดปากลากไปที่โรงจอดเครื่องบิน แล้วจับยัดใส่เครื่อง ไม่ยอมได้ไหม” ฌอง-ปิแยร์ถามอย่างหงุดหงิด “พ่อแกนี่มันเอาแต่ใจสุดๆ”
“เออๆ” โบแวถอนหายใจยาว
“โบแว แกจะเอายังไง” ฌอง-ปิแยร์ต้องเอาเบอร์ให้คนรักด้วย
“ไม่รู้ว่ะ แต่ข้าวของของพีชก็อยู่ที่ฉัน ฉันไม่ให้พ่อเอาไปหรอก ยุ่งฉิบหาย” โบแวบ่นอย่างหงุดหงิด
“โทรหาพีชซะ แล้วเคลียร์ทุกอย่างกับเธอ” ฌอง-ปิแยร์บอกให้เพื่อนจัดการทุกอย่าง
“แกสิโทร แกเป็นเครื่องมือของพ่อฉันนี่ แกโทรไปเคลียร์เลย” โบแวสั่งเพื่อน
“พ่อแกบอกว่าถ้าฉันติดต่อพีชทางไหนก็ตามล่ะก็ เขาจะจัดการคู่หมั้นฉัน” ฌอง-ปิแยร์บอกอย่างอึดอัด
โบแวนิ่งคิด เขาก็ไม่ได้คุยกับเพลิงฟ้าหลายวัน ตั้งแต่เหมือนทะเลาะกันแต่ไม่ได้ทะเลาะร้ายแรง ต่างก็เดินหนี แล้วยังมีปัญหาเรื่องพ่อเขาอีก ตอนนี้เขาไม่รู้จะทำยังไงดี ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนตอบเพื่อน
“เอาล่ะ แกเล่นไปตามเกมของฌากไปก่อนแล้วกัน เรื่องของพีชเดี๋ยวฉันจัดการเอง” โบแววางสายจากเพื่อนแล้วโทรหาคนที่จะมาคอยจัดการปัญหาให้เขา
“ตามนี้เลยนะครับ” ปลายสายบอกหลังทวนคำสั่ง
“ดูแลอย่าให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอ ฉันจะจัดการกับธุระทางนี้ก่อน แล้วจะไปรับเธอเอง” โบแวสั่งงานแล้วเตรียมจ่ายค่าจ้างราคาแพงให้ปลายสาย ก่อนวางทุกอย่างแล้วถอนหายใจยาว
สักพักแม่เขาโทรมา เขากดรับแบบเซ็งๆ “ไงครับ แม่ ถ้าแม่โทรมาเรื่องพ่อล่ะก็ อย่าคุย ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครเรื่องพ่อ”
“โบแว ยังไงก็คือพ่อ” มอร์กานพยายามย้ำกับลูกชาย
“ไม่ต้องย้ำหรอกครับ ผมไม่เคยลืม แต่นี่ถึงขั้นลักพาพีชส่งกลับเมืองไทย ผมว่าล้ำเส้นเกินไปแล้วนะครับ ยังให้ฌองไปหลอกพีชอีก ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนมาอธิบายสันดานเลวๆ ของพ่อ แค่นี้นะครับ ผมไม่อยากคุยกับใคร” โบแวบอกลาและกดตัดสาย
จากนั้นก็ทำงานของเขา ก่อนเข้าสู่สังคมออนไลน์ แล้วพอจะเข้าไปดูว่าเพลิงฟ้าเป็นยังไงบ้าง ก็รู้ว่าเธอคงเข้าใจผิดเขาแล้วบล็อกเขาไปแล้ว ทำให้รู้สึกหงุดหงิดมาก
ให้ตายเถอะ...ช่างเข้าใจไปได้อีกนะ
**********************
เสียงโทรศัพท์ปลุกหญิงสาวในห้องดังเรื่อยๆ ไม่รู้ควรรู้สึกยังไงดี เมื่อโดนโบแวโทรมารังควานในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา สงสัยว่าเขาคงเกิดอยากจะเรียกเธอไปขึ้นเตียง แต่เสียใจเมื่อเธออยู่ที่เมืองไทยตลอด และแจ็คเกอลีนก็ไม่รับงานในปารีสให้เธอปวดหัว รับงานใกล้ๆ ให้เธอได้สบายใจเท่านั้น
เกือบสองเดือนแล้ว เขาจะโทรมาทำไมเป็นเรื่องที่เธอคิดไม่ออก รู้แต่เธอไม่ยอมเปิดอ่านเมลเขา แล้วก็ไม่ยอมคุยสายกับเขา ไม่รับเรื่องของเขา และอย่างโบแวไม่มีทางสร้างบัญชีออนไลน์อื่นมาคุยกับเธอแน่นอน
‘พีชใช่ไหม โบแวนะ’
แค่นั้นแหละ...เธอตัดสายเขาทันที ไม่ยอมรับการติดต่อจากเขาทุกทาง และโบแวก็ไม่โทรไปตามตื้อกับเวอจินี่ เขาจึงไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอ เพราะเธอไม่ให้โอกาสเขาได้คุย
เสียงโทรศัพท์เข้าแต่เช้า กะเช้าเป็นกะของพ่อแม่ที่จะเปิดร้านตั้งแต่ตีห้า แล้วเธอจะลงมาเฝ้าให้วันที่พ่อแม่ไปทำบุญ แล้วจะขึ้นมานอน ตอนบ่ายค่อยลงมาเฝ้าร้านถึงเที่ยงคืน สลับสับเปลี่ยนแบบนี้ตลอดเวลา
เธอกดรับเมื่อเห็นเป็นเบอร์ในประเทศ
“ห้ามวางสายฉันอีกนะ ตอนนี้ฉันเพิ่งมาถึงเชียงใหม่และหงุดหงิดมาก” โบแวพูดทันทีไม่ต้องบอกว่าเขาเป็นใคร
“โบแว?” เพลิงฟ้าแปลกใจ ตื่นมาขึ้นมานั่งแล้วดูหมายเลขไทยจริงๆ
“จะมีใคร” โบแวย้อนอย่างกวนประสาท “มารับที่สนามบินด้วย ฉันพยายามโทรบอกเธอเรื่องนี้ เธอก็ไม่คิดจะรับสายเสียบ้าง”
“ก็คุณทิ้งฉัน!!! ให้ฌองจับฉันใส่เครื่องส่งเมืองไทย แล้วจะให้ฉันคุยกับคนที่ทำกับฉันแบบนี้เหรอคะ” เพลิงฟ้าย้อนถาม แล้วถอนหายใจ
“จะมารับไหม” โบแวไม่พูดมาก ยังไม่อยากอธิบาย
“คงต้องไปแหละค่ะ รออยู่ที่นั่นแหละค่ะ” เพลิงฟ้าบอกอย่างเสียไม่ได้
“จะให้ไปไหนได้ล่ะ” โบแวกวนประสาทกลับ พอดีเหรียญหมดด้วย เขาจึงถอยไปนั่งรอ
เพลิงฟ้าลุกนั่งถอนหายใจ ก่อนจัดการกับตัวเองแล้วลงไปที่หน้าร้าน “แม่จ๊ะ พีชไปรับเพื่อนก่อนนะ”
“ไปสิ” พรนภาไม่ได้ถามมาก ขี้เกียจถามให้ลูกสาวย้อนกลับ
“กุญแจรถกระบะจ๊ะ” เพลิงฟ้าขอกุญแจ
“เอ้อ แวะซื้อข้าวมันไก่ที่ศาลากลางเก่าให้พ่อด้วยนะ อยากกินหลายวันแล้ว หมูสะเต๊ะหลายๆ ไม้ด้วย” พจน์สั่งลูกสาวขณะอ่านหนังสือพิมพ์ระหว่างรอลูกค้าเข้าร้าน
“ได้จ๊ะ พ่อ” เพลิงฟ้ารีบออกไปที่รถ
“พีช เดี๋ยวสิ ซื้อขนมมาฝากแม่ด้วยนะ” พรนภาสั่งลูกสาวอีกที
“โอเค” เพลิงฟ้ารีบขึ้นรถแล้วติดเครื่องออกไปที่สนามบิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เธอพักอาศัยนัก
ครอบครัวเธอมีที่ดินกลางเมืองเชียงใหม่ในคูเมือง ไม่ได้ซื้อหาแต่เป็นสมบัติดั้งเดิมและนามสกุลเธอก็แตกเชื้อเจ้ามา พี่ชายเธอยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้า เพราะพ่อก็มีเชื้อเจ้า แต่สมถะและไม่ได้ร่ำรวยอะไร สมบัติที่มีก็แบ่งๆ กันไปหมดแล้ว จะบอกว่าเจ้าทางเหนือรวยทุกคนก็ไม่ใช่ ปู่เธอค้าขายขาดทุน เหลือสมบัติเล็กน้อย พอทำร้านค้าก็เปิดร้าน พ่อเธอรับช่วงมาก็ติดๆ ขัดๆ และทุกวันนี้ก็มีการเชิญเลี้ยงรวมญาติบ่อยๆ มีแต่พ่อแม่ที่ไป ลูกๆ ต่างก็ทำงานกันหมด
เมื่อไปถึงสนามบินแล้วเพลิงฟ้าเอารถไปจอดแล้วเข้าไปหา ลืมถามเขาด้วยว่าเขาอยู่ตรงภายในประเทศหรือต่างประเทศ ลักษณะของเขาหาไม่ยาก แต่รู้สึกใจเธอหวิวๆ ตื่นเต้นที่จะได้เจอเขา แอบยิ้มมีความสุข จนหุบยิ้มไม่อยู่ที่เขามาหาถึงเมืองไทย พอคิดว่าเขาทิ้งเธอ รอยยิ้มก็หายไป กลายเป็นความรู้สึกยากบรรยาย
เธอเดินวนอยู่พักก็เห็นผมสลวยยาวสยายนั่งอยู่ในร้านกาแฟชื่อดังมีสาขาไปทั่วโลก จึงเข้าไปทักเขา “โบแว”
โบแวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นเธอก็ถอนหายใจและส่ายหน้า “เธอมาช้ากว่าที่คิดอีกนะ”
“ที่นี่เมืองไทยไม่รู้หรือไงว่ารถมันติด” เพลิงฟ้าก็พูดจาแข็งกระด้างใส่เขา เพราะเริ่มรู้สึกไม่อยากทนความเรื่องมาก “ถ้ามีปัญหาทีหลังก็หัดเรียกแท็กซี่ไปโรงแรมเองสิ”
โบแวถอนหายใจ “นี่เธอคิดว่าฉันไปบ้านเธอไม่ถูกหรือยังไง”
“ถ้าไปถูกแล้วให้ฉันมารับทำไม” เพลิงฟ้าก็เริ่มหาเรื่อง มีคนแอบมองเพราะภาษาฝรั่งเศสที่เต็มไปด้วยอารมณ์
“อยากรู้ว่าเธอยังมีน้ำใจให้ฉันหรือเปล่าน่ะสิ” โบแวพูดยิ้มๆ เห็นเธอโมโหหน้าแดงหลังฟังจบประโยค เขาลุกขึ้นโอบไหล่ แล้วเชยคางเธอจะจูบ แต่เธอผลักเขา
“ที่นี่เมืองไทย อีกอย่างฉันกับคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ไม่เป็นเพื่อนด้วย” เพลิงฟ้ากอดอกแล้วถอยให้ห่างเขา เกือบใจอ่อน เพราะหน้าตาหล่อหวานปานเทพบุตรของเขา
โบแวยิ้มนิดๆ ก่อนถาม “เธอคิดว่าฉันจะทำอย่างนั้นกับเธอจริงๆ เหรอ”
เพลิงฟ้าขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ ก่อนถาม “แล้วถ้าไม่ได้ทำ ใครจะทำ แถม ฌองยังบอกฉันด้วยว่าคุณสั่งให้เขาพาฉันกลับเมืองไทย”
“ฉันไม่บ้าขนาดนั้น ให้ใครก็ไม่รู้อุ้มเธอขึ้นเครื่องส่วนตัวกลับเมืองไทยหรอก ถ้าฉันจะเลิก ฉันคงบอกเองแล้ว” โบแวกอดอกมองเธอแล้วยิ้มมุมปาก ท่าทางเท่ห์ๆ แบบนี้ของเขาทำให้ผู้หญิงใจละลายมานักต่อนักแล้ว
“คุณไม่เห็นพยายามติดต่อ” เพลิงฟ้าก็เถียงกลับ แล้วกวักมือเรียกให้เขาเก็บของตามไปที่รถ
“เธอให้โอกาสฉันตายล่ะ บล็อกทุกอย่าง ขนาดอาทิตย์ก่อนโทรหา รู้เป็นฉันก็กดตัดสายทิ้ง ก็รู้นี่ว่าทำแบบนั้น ฉันจะโมโห” โบแวยักไหล่แล้วเก็บของเดินตามเธอไป ก่อนออกจากอาคารโบแวก็สวมแว่นตากันแดด เพราะแดดแรงกว่าที่บ้านเขานัก
“ฉันไม่รับเบอร์คุณ ก็น่าจะให้ฌองโทรมา ฌองก็ส่งมาแต่ข้อความ บอกจะส่งของมาให้ จนบัดนี้ก็ยังไม่ส่งมา” เพลิงฟ้าพูดอย่างเสียดายข้าวของที่นั่น
“จะส่งกลับมาทำไม ในเมื่อยังไงเธอก็ต้องกลับไปกับฉัน” โบแวพูดอย่างมั่นใจ มองรถเธอแล้วแปลกใจ เหมือนรถบรรทุกมากกว่า ด้านหลังทำหลังคาสูงสำหรับใส่ของย้ายบ้านได้เลย ก่อนวิจารณ์ “นี่รถอะไรของเธอ”
“อย่าพูดมากได้ไหม บ้านฉันเป็นร้านขายของชำน่ะ เมื่อก่อนพ่อต้องซื้อของเข้าร้านน่ะ” เพลิงฟ้าห้ามเขาวิจารณ์ ก่อนกลับเข้าเรื่อง “อย่าออกนอกเรื่องได้ไหม ใครจะกลับกับคุณไม่ทราบ”
“เธอไง” โบแวพูดแล้วไม่สนใจนัก
“ฝันไปเถอะ นี่จะให้ไปส่งที่โรงแรมไหน” เพลิงฟ้าถามจะได้พาไปถูก
“โรงแรมอะไร ฉันไม่คิดจะพักโรงแรม เธอนอนที่ไหน ฉันก็นอนที่นั่น ตอนเธออยู่ปารีส เธอก็นอนบ้านฉัน มาที่นี่ฉันก็นอนบ้านเธอ” โบแวยักไหล่ ไม่สนใจท่าทางคล้ายจะปฏิเสธ
“พักโรงแรมเถอะ” เพลิงฟ้าตัดบททันที
“ไม่” โบแวปฏิเสธทันที “ถ้าเธอพาฉันไปโรงแรมล่ะก็ ฉันจะให้คนพาเธอกลับปารีสอาทิตย์นี้เลย”
“ตลก!!!” เพลิงฟ้าส่ายหน้าช้าๆ “นี่มันในประเทศฉัน คิดจะพาฉันไปจากบ้านของฉันได้ง่ายๆ เหมือนบ้านคุณรึไง”
“ไม่สงสัยเลยเหรอว่าทำไมไม่มีผู้ชายคนไหนยอมเข้าใกล้เธอ” โบแวถามแล้วยิ้มๆ
“ก็ฉันไม่น่าสนใจไง” เพลิงฟ้าไม่คิดมากเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
“เฮ้อ เธอนี่ ทำไมคิดว่าตัวเองเหมือนคนไร้ค่า” โบแวคาดเข็มขัดแล้วรถเธอออกรถ เขายังไม่เสี่ยงขับรถที่นี่
“ไม่มีใครสนใจฉันหรอกน่า” เพลิงฟ้าขับรถตรงไปที่อุนสาวรีย์สามกษัตริย์ไปซื้อข้าวมันไก่ตามคำสั่งพ่อแม่ ก่อนถามเขา “ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ดื่มกาแฟนี่ไง” โบแวยกกาแฟให้ดู
“งั้นลงไปกินกันก่อนแล้วค่อยสั่งกลับบ้านนะคะ” เพลิงฟ้าเห็นมีที่ว่างก็จอดรถไม่ห่างจากหน้าร้าน เดินนำหน้าเขาไปที่ร้านหลังล็อกรถด้วยกุญแจ เพราะไม่มีระบบไฟฟ้า รถยนต์รุ่นเก่าแต่ยังอยู่ในสภาพดีแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆแล้ว เหลือแต่สภาพไม่ดีแต่คนขับขี่อดทนต่อไปเท่านั้น
โบแวเดินตาม อากาศร้อนทำให้เขาต้องรวบผมถักเปียไว้ด้านหลัง สวมแว่นตากันแดดเพราะแสงสว่างแรงกล้า แล้วนั่งลงฟังเธอสั่งอาหาร เขาก็เคยทานอาหารไทยอยู่บ้าง จึงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไร เพราะที่ออสเตรเลียก็มีอาหารแบบนี้วางขายอยู่เยอะ และเขาก็เพิ่งไปเปิดงานที่ออสเตรเลียมา
“ถ้าเผ็ดก็ไม่ต้องจิ้มซอสนะคะ” เพลิงฟ้าบอกด้วยความเป็นห่วง
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันทานเผ็ดได้ เคยไปอินเดียอยู่นะ ทั้งเผ็ดทั้งร้อน ถ้าไม่ร้อนกินไม่ได้ เชื้อโรคทั้งนั้น” โบแวเล่าตอนเขาเดินทางไปดูผ้าตามที่ต่างๆ มาทั่วโลก สมัยที่แบกเป้ออกตะลอนหาแนวคิดไปเรื่อยๆ
เมื่ออาหารมาลงโต๊ะ โบแวก็จับช้อนแล้วตักทาน เพลิงฟ้าเสียอีกที่ทานช้าๆ ก่อนสั่งข้าวให้เขาเพิ่มอีก
“ใจเย็นๆ ค่ะ ไปไหนมาคะ บินตรงมาจากปารีสเลยหรือเปล่าคะ” เพลิงฟ้าถามหลังสั่งข้าวถ้วยที่สองแล้ว
“เปล่า ไปออสเตรเลียมา ไปเปิดตลาดชีรักน่ะ ตอนนี้อะไรๆ ฉันก็วางแผนไว้หมดแล้ว ก็เลยว่าจะมาจัดการเรื่องของเธอให้มันเรียบร้อยไปเลย” โบแวพูดเหมือนไม่ได้คุยกับตัวปัญหา
“ไม่มีอะไรให้จัดการนี่คะ” เพลิงฟ้าพูดแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
“ดูท่าทางเธอตอนนี้ ไม่มีอะไรให้จัดการจริงไหมนั่น สั่งกาแฟดำให้อีกทีสิ หวานไปหน่อยนะ” โบแวไม่รู้จักโอเลี้ยง ก็บ่นๆ
“เขาเรียกโอเลี้ยง บางทีก็ไม่ใช่กาแฟแท้ ไม่ใช่กาแฟสด มีอะไรดื่มก็ดื่มไปก่อน ดื่มตั้งแต่ที่สนามบินแล้วไม่ใช่เหรอคะ” เพลิงฟ้าเรียกสั่งโอเลี้ยงให้โบแวอีกแก้ว
“หวาน แต่ก็ดื่มได้ แก้ร้อน” โบแวพูดแล้วก็เหงื่อตก จนเพลิงฟ้าต้องคอยซับเหงื่อให้
เพลิงฟ้าคุยตามเรื่อง โดยมากฟังเขาบ่นเรื่องกิจการของเขามากกว่า
“อิ่ม” โบแววางช้อนส้อมลงแล้วถอนหายใจยาว “อร่อยนะ”
“อร่อย?” เพลิงฟ้าถามอย่างงุนงง “เห็นกินไปติไป ยังคิดเลยค่ะว่าแค่กินให้อิ่มหรือเปล่า”
“อร่อยสิ ไม่งั้นกินไม่ได้เยอะขนาดนี้ อยากได้ข้าวเหนียวมะม่วง แต่กินไม่ลงแล้ว” โบแวถอนหายใจเพราะแน่นท้อง
“ยังอยู่อีกหลายวันไม่ใช่เหรอคะ เอาไว้มื้อหน้าบ้างก็ได้ วันนี้แม่ทำแกงฮังเลค่ะ น่าลองนะคะ” เพลิงฟ้าเรียกเก็บเงิน แล้วมองโบแว เพราะปกติเขาจะจ่าย
“เธอออกแล้วกัน ฉันมีเงินไทยไม่เยอะ ต้องแลกอีก” โบแวบอกแบบไม่อายที่ให้เพลิงฟ้าจ่าย
เพลิงฟ้าได้ยิ้ม ขี้เกียจเถียงว่าใครจ่าย ปกติโบแวจ่ายตลอด ถ้าไม่ติดว่าร้านแบบนี้ไม่รับบัตรเครดิต คาดว่าโบแวคงควักจ่ายแล้ว เธอเดินไปซื้อของไปฝากพ่อแม่อีกเยอะ เผื่อตอนเย็นสำหรับโบแวด้วย
“ดีที่พกเงินมาเยอะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วก็ยิ้ม
“โทษทีที่แลกเงินมาไม่เยอะ วุ่นวาย ออกงานแล้วก็จับเครื่องมาเลย คุยงานแล้วแวะพักที่กรุงเทพก่อนน่ะ เมื่อวานนัดเจอตัวพ่อตัวแม่วงการแฟชั่นที่เมืองไทย พอดีคุยงานที่สิงคโปร์ไว้ นัดให้เขามาหาที่เมืองไทย เขาเลยขอเวลาสองสามชั่วโมงเมื่อวาน ก็เลยนอนพักที่กรุงเทพหนึ่งคืน” โบแวบอกเล่ายาวเยียด
“แล้วทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ” เพลิงฟ้าถามขณะขับรถกลับบ้าน จากตั้งนั้นถึงบ้านเธอไม่ยาก เพราะบ้านเธอก็อยู่ใจกลางคูเมือง ทำให้ร้านค้าไม่ขาดทุน แต่ก็ใช่ว่าจะรวย เรียกว่าถ้าไม่เจ็บป่วยหรือมีเหตุอะไรให้จ่ายหนักๆ ก็พออยู่ได้
เธอเอารถเข้าจอดที่ด้านหลังตึก ด้านหน้าเป็นร้านค้า ชั้นบนเป็นสต็อกและบ้านที่อยู่อาศัย มรดกมีเท่านี้ พ่อก็รับมาอย่างที่พอใจ ถึงพ่อจะไม่เข้มแข็งเท่าไร แต่หัวใจพ่อซื่อสัตย์ต่อตนเองเสมอ
‘ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย’
“จะพักบ้านฉันจริงๆ เหรอ ห้องพักแขกใช่ไหม” เพลิงฟ้าถามเพราะไม่แน่ใจนัก
“ห้องเธอสิ” โบแวพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เอาของลงจากรถแล้วเดินตามเธอไป เธอแวะให้เขาเอาของไว้ที่ห้องเธอ จากนั้นพาเขาเดินขึ้นปีที่ดาดาฟ้า
“มีบางเรื่องคุณต้องทำก่อน” เพลิงฟ้าตัดสินใจบอกเขา จากนั้นก็เอาธูปจุดให้เขา แล้วเธอก็ถือไว้ดอกหนึ่ง จุดธูปบอกศาลเตี้ยๆ ใจในเพื่อขอขมา ตอนกลับมาเธอก็ทำแบบนั้น เพราะทำผิดผีมานานแล้ว
โบแวไม่พูดไม่วิจารณ์ เขาเดินทางไปหลายที่ แม้แต่ประเทศไทยเขาก็เคยมา ศึกษาเรื่องผ้า หาแรงบันดาลใจ เขาไม่เคยดูถูกประเพณีของท้องถิ่นใดๆ อาศัยปรับตัวมากกว่า
จากนั้นเธอก็พาเขาไปหาพ่อแม่ “พ่อแม่ยังจำโบแวได้ไหมคะ”
พจน์กับพรนภาโดนโบแวกอดทั้งคู่ แล้วก็ยิ้มให้ “ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ”
“จ๊ะ ยินดีต้อนรับจ๊ะ พีชไม่ได้บอกว่าคุณจะมา” พรนภาหันไปเหมือนจะถามลูกสาว
“ก็เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะ โบแวจะมานอนที่ห้องพีชนะ แม่ ไหว้บอกกล่าวผีปู่ผีย่าแล้วจ๊ะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วถอนหายใจเล็กน้อย
“บอกแล้วก็ดี” พจน์ก็พูดอะไรไม่ออก
“เดี๋ยวบ่ายหนูลงมานะคะ” เพลิงฟ้าบอกลาพ่อแม่ แล้วพาเขาขึ้นไปพักผ่อนด้านบน
“ไอ้พีชเอาอีกแล้ว” พจน์บ่นเมื่อลูกสาวกับคนรักไปแล้ว “ไหนบอกว่าเลิกกันไง”
“โธ่พ่อ เด็กสมัยนี้เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก รอเขามาขอลูกสาวเราดีกว่า” พรนภาดูแววตาของโบแวแล้วไม่น่าพลาด
“มันจะเอาลูกเราจริงเรอะ นิกมันบอกว่าเสือผู้หญิง” พจน์ก็ไม่อยากจะหวังไกล
“จริงสิ บุกถึงบ้านเราแล้วนี่” พรนภาคิดอย่างอารมณ์ดี แล้วหันไปช่วยลูกค้าหาของ
พจน์จึงไม่คิดมากอีก ช่วยภรรยาต้อนรับลูกค้าอย่างดี
**********************
เมื่อได้เข้าห้องแล้ว โบแวก็กอดรัดเพลิงฟ้าแล้วล้มไปที่เตียง ข้าวของไม่ต้องเอาออก เขาก็เริ่มเกมรักที่ร้อนแรง จูบดูดดื่มไม่ยอมให้เธอได้ปฏิเสธ จนโดนเพลิงฟ้ากัดที่ริมฝีปากเขาจนรู้สึกเจ็บ
“เอาจริงสิ” โบแวขมวดคิ้ว ดีที่ไม่กัดจนเลือดออก
“ตอนบ่ายฉันต้องไปเฝ้าร้านอีก ไม่มีเวลาหรอกค่ะ ค่ำๆ แล้วกัน” เพลิงฟ้าพยายามผลักเขาออกจากตัวแต่เขากดทับร่างเธอเอาไว้
“อีกตั้งสามชั่วโมง มีเวลาถมเถ” โบแวไม่ยอมให้ปฏิเสธ
เพลิงฟ้าก็ถอนหายใจ แล้วถามหา “โอเคแล้วถุงยางล่ะคะ”
“ช่างมันประไร เธอคงไม่ได้นอนกับผู้ชายช่วงนี้หรอกมั้ง” โบแวไม่สนใจ ถอดเสื้อเขาออกก่อน แล้วถอดเสื้อเธอออก จากนั้นก็เล้าโลมจนเธอลืมความกังวลไปเลย
เมื่อนึกได้ เพลิงฟ้าก็พยายามหยุดเขา “ฉันไม่อยากท้อง”
โบแวกระแทกลมหายใจแรงๆ “ท้องแล้วทำไม กลัวฉันไม่รับหรือไง อย่าขัดจังหวะได้ไหม คนกำลังพีค”
เพลิงฟ้าทำหน้างอนๆ ก่อนถูกเขาเชยคางแล้วจูบดูดดื่ม รู้สึกเขาจะขยับเหมือนกำลังจะถอดกางเกงออก แต่ตอนนี้สติเธอกระเจิงไปหมดแล้ว ไม่ว่าเขาจะลูบคลำตรงไหนก็รู้จุดไปหมด
โบแวล้วงไปในกระเป๋ากางเกงของเขา หยิบบางสิ่งออกมาแล้วสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเพลิงฟ้า หล่อนยังไม่รู้สึกตัวซ้ำ ก่อนเขาหยุดทุกอย่าง จับมือเธอมาวางที่อกข้างซ้าย แล้วมองเธอ
“อะไรคะ” เพลิงฟ้าถามเมื่อเห็นเขาทำแบบนี้
“ไม่รู้สึกเลยเหรอ” โบแวถามแล้วยิ้มขำ
“รู้สึกอะไรคะ” เพลิงฟ้างุนงง
“ดูนี่” โบแวลุกขึ้นนั่ง เท้ามือลงที่เตียงข้างหนึ่ง แล้วจับมือเธอโชว์แหวนเพชรสวยงามเพชรเม็ดโตประมาณห้ากะรัต “เธอหมั้นกับฉันแล้วนะ”
“หา!!!” เพลิงฟ้าตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะมัดมือชก จับเธอหมั้นแบบนี้
“เราจะแต่งงานกันเมื่อเอกสารเรียบร้อย” โบแวบอกเลื่อนขึ้นไปที่หัวเตียง
“ปล่อยก่อน ฉันจะแต่งงานกับคุณได้ยังไง ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะแต่งงานกับคุณ” เพลิงฟ้างุนงง ยังตั้งสติไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอก็เปลือยช่วงบนแล้ว
“ฉันบอกว่าแต่งก็คือแต่งสิ” โบแวไม่สนใจฟังแล้วเริ่มกิจกรรมรักของเขาต่อ
“ไม่ ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ” เพลิงฟ้าปฏิเสธ แต่ก็ไม่ห้ามเขาเล้าโลม
“อย่างกับจะสน ยังไงเธอก็ต้องแต่ง” โบแวไม่สนใจคำปฏิเสธ
เพลิงฟ้าก็หมดโอกาสพูดปฏิเสธอีก เพราะโดนจูบดูดดื่มปิดปากเธอได้หมดสิ้น ความช่ำชองของเขาเรียกความสนใจเธอไปจากสิ่งที่เธอกังวล ความหงุดหงิดหายไป ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป
เธอจะแต่งงานกับเขาได้ยังไง...แต่เวลานี้ขอความสุขจากหนุ่มสวยหวานคนนี้ก่อน
**********************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ตอบคอมเม้น
home.love-stories.net
คุณ konhin : โบแวไม่สนใครค่า ชนอย่างเดียวค่า
คุณเดิมเดิม : ขอบคุณค่ะ สู้ๆ เช่นกันค่ะ
Fictionlog
คุณม่อนม่อน : ยินดีค่ะ
แยกกันนอน...เป็นจุดเริ่มแรกของรอยร้าวในความสัมพันธ์ แม้จะเป็นความสัมพันธ์ที่สับสน แต่ก็ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าเกิดรอยร้าวแล้ว โบแวใช้เวลาในที่ทำงานมากขึ้น แล้วนอนในห้องตัวเองตลอด เพลิงฟ้าก็ไม่คุยกับเขาเท่าไร ต่างฝ่ายต่างสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เธอออกมาใช้เวลาให้ผ่านไปวันๆ ที่ร้านกาแฟ ไม่มีใครยุ่งกับเธอและเธอก็ไม่คิดจะยุ่งกับใคร สักพักรู้สึกมึนงงแล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป ก่อนที่เธอจะได้หวาดกลัวเสียด้วยซ้ำไป
ไม่รู้นานแค่ไหน...รู้สึกตัวอีกทีทุกอย่างก็ดูมึนๆ งง
“เฮ้ๆ ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่ใช่เสียงของโบแว “เธอจะรู้สึกมึนๆ หน่อยนะ พีชฟังฉันนะ โบแวให้ฉันพาเธอมาส่งที่เมืองไทย เขาให้เธอขึ้นเครื่องส่วนตัวมาเลย เขาตัดสินใจได้แล้วว่าเรื่องของเธอต้องจบ”
เพลิงฟ้ามึนงงเกินกว่าจะพูดอะไรได้
“ฟังนะ เธอต้องตั้งใจฟังให้ดี” ฌอง-ปิแยร์โดนบังคับให้บอกเพลิงฟ้าแบบนั้น “โบแวให้เงินกับเธอด้วย เรื่องงานเธอก็ทำไปแต่อย่าไปยุ่งกับเขาอีก ไม่ว่าจะทางไหนเข้าใจไหม”
เพลิงฟ้าพยักหน้าช้าๆ อย่างมึนงง คาดว่าคงโดนวางยาสักอย่าง แล้วเธอก็หลับไปอีกรอบ
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่รู้สึกตัวอีกทีก็คือบนเตียงแห่งหนึ่งมีเสียงโทรศัพท์ดังในห้อง เธอมองรอบๆ แล้วยกหูรับสาย ได้ยินภาษาฝรั่งเศสสำเนียงแปร่งๆ
“มีคำสั่งให้โทรปลุกคุณค่ะ” ปลายสายบอกตามคำสั่ง
“ที่นี่?” เพลิงฟ้าหาอะไรที่บ่งบอกสถานที่ได้ และรู้ว่าเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ จึงพูดภาษาไทย “ฉันอยู่มานานแค่ไหนแล้วคะ”
ปลายสายออกจะงง ก่อนเช็คข้อมูลให้ “คุณเข้ามาพร้อมเพื่อนเมื่อวานค่ะ เพื่อนคุณกลับไปก่อน สั่งให้ปลุกคุณตอนเช้า”
“วันนี้วันที่เท่าไรคะ” เพลิงฟ้ามึนงงสุดๆ
เมื่อปลายสายบอกเล่า เพลิงฟ้าถึงรู้ว่าเธอโดนวางยาไปวันกว่าๆ วันก่อนเธอยังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ปารีสอยู่ แล้วสิ่งที่ฌอง-ปิแยร์บอกก็คงไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าโบแวจะใช้วิธีนี้กับเธอ แค่บอกเธอเท่านั้น เธอจะไปจากเขาทันที แต่เขากลับเลือกวิธีที่ขี้ขลาดที่สุด
เธอค้นดูในตู้ เห็นกระเป๋าเงิน มีเงินไทยอยู่หมื่นหนึ่ง แล้วมีมือถือแต่โดนเอาซิมออก มีกล่องซิมเบอร์มือถือใหม่วางอยู่เป็นเบอร์ของไทย เพลิงฟ้านั่งลงแล้วเริ่มร้องไห้ อยากจะบ้าตายที่อยู่ๆ ก็โดนทิ้งแบบนี้ ไม่มีการพูดจา มีแต่การนำส่งถึงเมืองไทย เธอตั้งสติก่อนโทรถามว่าเธอพักได้กี่วัน รู้มาว่าเธอพักได้ไม่เกินเจ็ดวัน และให้เธอใช้บัตรเครดิตที่อยู่ในกระเป๋ารูดจ่ายค่าที่พัก คาดว่าคงมีวงเงินพอสมควร
เธอสงบสติแล้วสั่งอาหารขึ้นมาทาน ก่อนหาอินเตอร์เนตใช้แล้วเข้าเช็คเมลจากมือถือ เพื่อหาเบอร์ของแจ็คเกอลีน ให้ติดต่อเธอที่เบอร์นี้ บอกสั้นๆ ว่าเธอกับโบแวแยกทางกันจริงๆ แล้ว
“เสียใจเรื่องโบแวจริงๆ” แจ็คเกอลีนบอกแบบไม่รู้จะพูดยังไง
“ขอโทษนะคะที่โทรมานี้ คือฉันยังมึนๆ อยู่เลยไม่ทันได้คิด” เพลิงฟ้ารู้สึกผิดที่โทรไปรบกวน
“ไม่เป็นไร ดีที่เธอโทรหาฉัน อย่างน้อยฉันยังรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เพราะถ้างานเข้า ฉันก็คงไม่รู้อีกว่าจะติดต่อเธอยังไง” แจ็คเกอลีนถอนหายใจ
“ฉันไม่รบกวนแล้วค่ะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วอยากพักผ่อน ก่อนไปเปิดประตูให้รูมเซอร์วิชเข้ามาส่งอาหาร
จากนั้นก็นั่งคิดอยู่นานก่อนโทรหาพี่ชายฝาแฝด รอนานมากก็ไม่มีคนรับ เธอก็ตัดสายแล้วนอนคิด จากนั้นก็ส่งข้อความ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อพี่ชายฝาแฝดโทรกลับมาทันทีที่อ่านข้อความแล้ว
“ไอ้พีช” พุทธรักษ์เรียกอย่างอึ้งๆ
“เออรู้แล้วว่าชื่อพีช” เพลิงฟ้าถอนหายใจ
“อยู่ที่ไหนทำไมมีเบอร์เมืองไทย เบอร์แปลกๆ ฉันไม่รับหรอกนะ แต่ข้อความใช่แกแน่เลยลองโทรดู” พุทธรักษ์บอกน้องสาวแล้วถอนหายใจ “อยู่เมืองไทยเหรอ”
“ฉลาดดีนี่หว่า อยู่โรงแรม” เพลิงฟ้าบอกชื่อโรงแรม
“เกิดอะไรขึ้นวะ” พุทธรักษ์อยู่ช่วงพักกองถ่าย
“ช่างเถอะ อยู่เมืองไทยแล้ว เข้าประเทศมาอย่างถูกกฎหมาย เดี๋ยวจะเปลี่ยนเบอร์อีกรอบ มีที่ให้พักไหม” เพลิงฟ้าไม่อยากอยู่โรงแรมนาน
“เอ่อ คือตอนนี้ฉันอยู่กับแฟนน่ะ” พุทธรักษ์พูดแค่นั้น เพลิงฟ้าก็กดตัดสาย พอโทรกลับไปก็ไม่รับสายแล้ว
เพลิงฟ้านิ่งคิดอยู่โรงแรมต่อก็คงไม่มีปัญหาอะไร ห้องนี้ก็คงแพงในระดับหนึ่ง เธอก็โทรหาพ่อแม่อีกที แต่เธอขอเวลาพักอยู่กรุงเทพซักพัก แล้วค่อยกลับไปอยู่บ้านพักผ่อนยาวๆ จนกว่าจะมีงาน
“จ๊ะ แม่ เดี๋ยวจองตั๋วกลับขอเที่ยวสักห้าวันนะคะ” เพลิงฟ้าบอกแม่แล้วถอนหายใจยาว จริงๆ เธอแค่ต้องการเวลาร้องไห้ให้สบายใจก็เท่านั้น
หลังจากวางสายจากแม่ เธอค้นดูกระเป๋าเงินแล้วก็ถอนหายใจยาว นอกจากเงินไทยแล้วเงินยูโรก็ยังอยู่ครบ แท็ปเล็ตของเธอ กับนิยายที่เธอเอาติดไปด้วย สุดท้ายก็ต้องอาบน้ำเพราะโดนวางยาไปหลายวัน ก่อนออกมานั่งทาน เธอเข้าสู่สังคมออนไลน์แล้วลบโบแวออกไปจากชีวิตเธอทันที
เธออาบน้ำแล้วมองชุดเก่าที่มีอยู่ก็หยิบมาสวมอีกรอบแล้วออกไปซื้อเสื้อผ้า โดยถามหาห้างที่ใกล้ที่สุด เดินอยู่อย่างสงบก่อนนีกอลาโทรเข้า คาดว่าพุทธรักษ์รู้ว่าน้องสาวจะไม่รับสาย จึงให้นีกอลาโทรหาเธอเอง
“อยู่เมืองไทยเหรอ ไปพักกับฉันนะ” นีกอลาถามอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ล่ะ ฉันจะพักที่โรงแรมต่อ ยังไงโบแวก็จ่ายค่าที่พักให้อยู่แล้วน่ะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วถอนหายใจเล็กน้อย
“งั้นฉันไปอยู่เป็นเพื่อนไหม ฉันว่างอยู่นะ จับเครื่องไปหาเลย” นีกอลาโล่งใจที่ตอนนี้เธอว่างไม่ได้คบกับใครแล้ว ถือว่าเขาไม่ต้องกลัวโดนข้อหาใดๆ อีก
“ไม่ต้องหรอก ขอบใจนะ ฉันอยากอยู่คนเดียว อยากทบทวนอะไรๆ ในชีวิตน่ะ แค่นี้ก่อนนะ ฉันมีบัตรเครดิตที่โบแวให้ไว้ด้วย” เพลิงฟ้าพูดคุยอีกเล็กน้อยก่อนบอกลา เห็นข้อความเข้าบอกว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีที่ปารีสสองหมื่นยูโร เธอก็แปลกใจ แต่คิดว่าเป็นโบแวเพราะรู้เบอร์โทรนี้ด้วย
เธอก็แค่ใช้จ่ายตามปกติ และบัตรเครดิตก็ยังใช้ได้ เธอโทรเช็ควงเงินของบัตรเครดิตรู้ว่าพอจ่ายค่าห้องพักเธอก็พอใจแล้ว ซื้อเสื้อผ้าที่อยากได้ แล้วมีข้อความเข้ามาอีกบอกแจ้งการโอนเงินจากฌอง-ปิแยร์ และบอกอีกด้วยว่าเธอจะได้รับข้าวของจากบ้านของโบแวทางเรือเมื่อส่งแล้วจะแจ้งอีกที
พอผ่านร้านขายซิม ตอนแรกตั้งใจจะเปลี่ยนซิมแต่มาคิดอีกทีเธอก็เปลี่ยนใจ ยังไงฌอง-ปิแยร์คงไม่ได้เอาเบอร์นี้ให้โบแว เพราะอย่างโบแวถ้าบอกตัดแล้วก็ตัดเลยไม่มีทางโทรหาเธอแน่นอน จึงปล่อยวางเสีย และตั้งใจจะตัดเขาไปจากชีวิตให้เร็วที่สุด คิดแล้วก็น้ำตาไหล จึงปาดน้ำตาแล้วเอาของใช้ต่างๆ กลับโรงแรม พร้อมอาหารเย็น เพราะเธอไม่อยากสั่งอาหารขึ้นมากินบ่อยๆ ตัดสินใจปิดเครื่องอยู่กับตัวเองอย่างเงียบๆ
**********************
สิ่งที่เขารู้ในบ่ายวันนั้นทำเขาหงุดหงิด เมื่อพ่อเขาโทรมาบอกว่าพาเพลิงฟ้าขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยแล้ว ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเท่านั้น แล้วพ่อก็ถือวิสาสะเอากุญแจบ้านจากแม่เขาไปเก็บของของเพลิงฟ้า ดีที่เขากลับไปทัน ไม่งั้นคงได้ขนออกไปหมดแน่นอน เขาไม่แกะกล่องที่แพ็ค แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงจนกระทั่งวันนี้
สายเข้านี้ทำให้เขากระจ่างขึ้น...
“พ่อแกขู่ให้ฉันโกหกพีชว่าแกเป็นคนสั่งให้ฉันพาพีชกลับเมืองไทย พ่อแกจัดแจงทุกอย่าง บอกเลยว่าฉันไม่อยากทำ แต่ก็รู้นี่ว่าพ่อแกขู่อะไรบ้าง ฉันไม่อยากมีปัญหา แต่ก็จัดแจงทุกอย่างให้แกแล้ว” ฌอง-ปิแยร์บอกเบอร์โทรที่เมืองไทยของเพลิงฟ้าให้โบแว
“แกไม่คิดจะสู้พ่อฉันเลยเหรอวะ ไอ้ปอดแหก” โบแวด่าเพื่อนแล้วก็นิ่งคิด
“ให้ทำไงวะ ส่งคนปิดปากลากไปที่โรงจอดเครื่องบิน แล้วจับยัดใส่เครื่อง ไม่ยอมได้ไหม” ฌอง-ปิแยร์ถามอย่างหงุดหงิด “พ่อแกนี่มันเอาแต่ใจสุดๆ”
“เออๆ” โบแวถอนหายใจยาว
“โบแว แกจะเอายังไง” ฌอง-ปิแยร์ต้องเอาเบอร์ให้คนรักด้วย
“ไม่รู้ว่ะ แต่ข้าวของของพีชก็อยู่ที่ฉัน ฉันไม่ให้พ่อเอาไปหรอก ยุ่งฉิบหาย” โบแวบ่นอย่างหงุดหงิด
“โทรหาพีชซะ แล้วเคลียร์ทุกอย่างกับเธอ” ฌอง-ปิแยร์บอกให้เพื่อนจัดการทุกอย่าง
“แกสิโทร แกเป็นเครื่องมือของพ่อฉันนี่ แกโทรไปเคลียร์เลย” โบแวสั่งเพื่อน
“พ่อแกบอกว่าถ้าฉันติดต่อพีชทางไหนก็ตามล่ะก็ เขาจะจัดการคู่หมั้นฉัน” ฌอง-ปิแยร์บอกอย่างอึดอัด
โบแวนิ่งคิด เขาก็ไม่ได้คุยกับเพลิงฟ้าหลายวัน ตั้งแต่เหมือนทะเลาะกันแต่ไม่ได้ทะเลาะร้ายแรง ต่างก็เดินหนี แล้วยังมีปัญหาเรื่องพ่อเขาอีก ตอนนี้เขาไม่รู้จะทำยังไงดี ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนตอบเพื่อน
“เอาล่ะ แกเล่นไปตามเกมของฌากไปก่อนแล้วกัน เรื่องของพีชเดี๋ยวฉันจัดการเอง” โบแววางสายจากเพื่อนแล้วโทรหาคนที่จะมาคอยจัดการปัญหาให้เขา
“ตามนี้เลยนะครับ” ปลายสายบอกหลังทวนคำสั่ง
“ดูแลอย่าให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอ ฉันจะจัดการกับธุระทางนี้ก่อน แล้วจะไปรับเธอเอง” โบแวสั่งงานแล้วเตรียมจ่ายค่าจ้างราคาแพงให้ปลายสาย ก่อนวางทุกอย่างแล้วถอนหายใจยาว
สักพักแม่เขาโทรมา เขากดรับแบบเซ็งๆ “ไงครับ แม่ ถ้าแม่โทรมาเรื่องพ่อล่ะก็ อย่าคุย ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครเรื่องพ่อ”
“โบแว ยังไงก็คือพ่อ” มอร์กานพยายามย้ำกับลูกชาย
“ไม่ต้องย้ำหรอกครับ ผมไม่เคยลืม แต่นี่ถึงขั้นลักพาพีชส่งกลับเมืองไทย ผมว่าล้ำเส้นเกินไปแล้วนะครับ ยังให้ฌองไปหลอกพีชอีก ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนมาอธิบายสันดานเลวๆ ของพ่อ แค่นี้นะครับ ผมไม่อยากคุยกับใคร” โบแวบอกลาและกดตัดสาย
จากนั้นก็ทำงานของเขา ก่อนเข้าสู่สังคมออนไลน์ แล้วพอจะเข้าไปดูว่าเพลิงฟ้าเป็นยังไงบ้าง ก็รู้ว่าเธอคงเข้าใจผิดเขาแล้วบล็อกเขาไปแล้ว ทำให้รู้สึกหงุดหงิดมาก
ให้ตายเถอะ...ช่างเข้าใจไปได้อีกนะ
**********************
เสียงโทรศัพท์ปลุกหญิงสาวในห้องดังเรื่อยๆ ไม่รู้ควรรู้สึกยังไงดี เมื่อโดนโบแวโทรมารังควานในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา สงสัยว่าเขาคงเกิดอยากจะเรียกเธอไปขึ้นเตียง แต่เสียใจเมื่อเธออยู่ที่เมืองไทยตลอด และแจ็คเกอลีนก็ไม่รับงานในปารีสให้เธอปวดหัว รับงานใกล้ๆ ให้เธอได้สบายใจเท่านั้น
เกือบสองเดือนแล้ว เขาจะโทรมาทำไมเป็นเรื่องที่เธอคิดไม่ออก รู้แต่เธอไม่ยอมเปิดอ่านเมลเขา แล้วก็ไม่ยอมคุยสายกับเขา ไม่รับเรื่องของเขา และอย่างโบแวไม่มีทางสร้างบัญชีออนไลน์อื่นมาคุยกับเธอแน่นอน
‘พีชใช่ไหม โบแวนะ’
แค่นั้นแหละ...เธอตัดสายเขาทันที ไม่ยอมรับการติดต่อจากเขาทุกทาง และโบแวก็ไม่โทรไปตามตื้อกับเวอจินี่ เขาจึงไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอ เพราะเธอไม่ให้โอกาสเขาได้คุย
เสียงโทรศัพท์เข้าแต่เช้า กะเช้าเป็นกะของพ่อแม่ที่จะเปิดร้านตั้งแต่ตีห้า แล้วเธอจะลงมาเฝ้าให้วันที่พ่อแม่ไปทำบุญ แล้วจะขึ้นมานอน ตอนบ่ายค่อยลงมาเฝ้าร้านถึงเที่ยงคืน สลับสับเปลี่ยนแบบนี้ตลอดเวลา
เธอกดรับเมื่อเห็นเป็นเบอร์ในประเทศ
“ห้ามวางสายฉันอีกนะ ตอนนี้ฉันเพิ่งมาถึงเชียงใหม่และหงุดหงิดมาก” โบแวพูดทันทีไม่ต้องบอกว่าเขาเป็นใคร
“โบแว?” เพลิงฟ้าแปลกใจ ตื่นมาขึ้นมานั่งแล้วดูหมายเลขไทยจริงๆ
“จะมีใคร” โบแวย้อนอย่างกวนประสาท “มารับที่สนามบินด้วย ฉันพยายามโทรบอกเธอเรื่องนี้ เธอก็ไม่คิดจะรับสายเสียบ้าง”
“ก็คุณทิ้งฉัน!!! ให้ฌองจับฉันใส่เครื่องส่งเมืองไทย แล้วจะให้ฉันคุยกับคนที่ทำกับฉันแบบนี้เหรอคะ” เพลิงฟ้าย้อนถาม แล้วถอนหายใจ
“จะมารับไหม” โบแวไม่พูดมาก ยังไม่อยากอธิบาย
“คงต้องไปแหละค่ะ รออยู่ที่นั่นแหละค่ะ” เพลิงฟ้าบอกอย่างเสียไม่ได้
“จะให้ไปไหนได้ล่ะ” โบแวกวนประสาทกลับ พอดีเหรียญหมดด้วย เขาจึงถอยไปนั่งรอ
เพลิงฟ้าลุกนั่งถอนหายใจ ก่อนจัดการกับตัวเองแล้วลงไปที่หน้าร้าน “แม่จ๊ะ พีชไปรับเพื่อนก่อนนะ”
“ไปสิ” พรนภาไม่ได้ถามมาก ขี้เกียจถามให้ลูกสาวย้อนกลับ
“กุญแจรถกระบะจ๊ะ” เพลิงฟ้าขอกุญแจ
“เอ้อ แวะซื้อข้าวมันไก่ที่ศาลากลางเก่าให้พ่อด้วยนะ อยากกินหลายวันแล้ว หมูสะเต๊ะหลายๆ ไม้ด้วย” พจน์สั่งลูกสาวขณะอ่านหนังสือพิมพ์ระหว่างรอลูกค้าเข้าร้าน
“ได้จ๊ะ พ่อ” เพลิงฟ้ารีบออกไปที่รถ
“พีช เดี๋ยวสิ ซื้อขนมมาฝากแม่ด้วยนะ” พรนภาสั่งลูกสาวอีกที
“โอเค” เพลิงฟ้ารีบขึ้นรถแล้วติดเครื่องออกไปที่สนามบิน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เธอพักอาศัยนัก
ครอบครัวเธอมีที่ดินกลางเมืองเชียงใหม่ในคูเมือง ไม่ได้ซื้อหาแต่เป็นสมบัติดั้งเดิมและนามสกุลเธอก็แตกเชื้อเจ้ามา พี่ชายเธอยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้า เพราะพ่อก็มีเชื้อเจ้า แต่สมถะและไม่ได้ร่ำรวยอะไร สมบัติที่มีก็แบ่งๆ กันไปหมดแล้ว จะบอกว่าเจ้าทางเหนือรวยทุกคนก็ไม่ใช่ ปู่เธอค้าขายขาดทุน เหลือสมบัติเล็กน้อย พอทำร้านค้าก็เปิดร้าน พ่อเธอรับช่วงมาก็ติดๆ ขัดๆ และทุกวันนี้ก็มีการเชิญเลี้ยงรวมญาติบ่อยๆ มีแต่พ่อแม่ที่ไป ลูกๆ ต่างก็ทำงานกันหมด
เมื่อไปถึงสนามบินแล้วเพลิงฟ้าเอารถไปจอดแล้วเข้าไปหา ลืมถามเขาด้วยว่าเขาอยู่ตรงภายในประเทศหรือต่างประเทศ ลักษณะของเขาหาไม่ยาก แต่รู้สึกใจเธอหวิวๆ ตื่นเต้นที่จะได้เจอเขา แอบยิ้มมีความสุข จนหุบยิ้มไม่อยู่ที่เขามาหาถึงเมืองไทย พอคิดว่าเขาทิ้งเธอ รอยยิ้มก็หายไป กลายเป็นความรู้สึกยากบรรยาย
เธอเดินวนอยู่พักก็เห็นผมสลวยยาวสยายนั่งอยู่ในร้านกาแฟชื่อดังมีสาขาไปทั่วโลก จึงเข้าไปทักเขา “โบแว”
โบแวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นเธอก็ถอนหายใจและส่ายหน้า “เธอมาช้ากว่าที่คิดอีกนะ”
“ที่นี่เมืองไทยไม่รู้หรือไงว่ารถมันติด” เพลิงฟ้าก็พูดจาแข็งกระด้างใส่เขา เพราะเริ่มรู้สึกไม่อยากทนความเรื่องมาก “ถ้ามีปัญหาทีหลังก็หัดเรียกแท็กซี่ไปโรงแรมเองสิ”
โบแวถอนหายใจ “นี่เธอคิดว่าฉันไปบ้านเธอไม่ถูกหรือยังไง”
“ถ้าไปถูกแล้วให้ฉันมารับทำไม” เพลิงฟ้าก็เริ่มหาเรื่อง มีคนแอบมองเพราะภาษาฝรั่งเศสที่เต็มไปด้วยอารมณ์
“อยากรู้ว่าเธอยังมีน้ำใจให้ฉันหรือเปล่าน่ะสิ” โบแวพูดยิ้มๆ เห็นเธอโมโหหน้าแดงหลังฟังจบประโยค เขาลุกขึ้นโอบไหล่ แล้วเชยคางเธอจะจูบ แต่เธอผลักเขา
“ที่นี่เมืองไทย อีกอย่างฉันกับคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ไม่เป็นเพื่อนด้วย” เพลิงฟ้ากอดอกแล้วถอยให้ห่างเขา เกือบใจอ่อน เพราะหน้าตาหล่อหวานปานเทพบุตรของเขา
โบแวยิ้มนิดๆ ก่อนถาม “เธอคิดว่าฉันจะทำอย่างนั้นกับเธอจริงๆ เหรอ”
เพลิงฟ้าขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ ก่อนถาม “แล้วถ้าไม่ได้ทำ ใครจะทำ แถม ฌองยังบอกฉันด้วยว่าคุณสั่งให้เขาพาฉันกลับเมืองไทย”
“ฉันไม่บ้าขนาดนั้น ให้ใครก็ไม่รู้อุ้มเธอขึ้นเครื่องส่วนตัวกลับเมืองไทยหรอก ถ้าฉันจะเลิก ฉันคงบอกเองแล้ว” โบแวกอดอกมองเธอแล้วยิ้มมุมปาก ท่าทางเท่ห์ๆ แบบนี้ของเขาทำให้ผู้หญิงใจละลายมานักต่อนักแล้ว
“คุณไม่เห็นพยายามติดต่อ” เพลิงฟ้าก็เถียงกลับ แล้วกวักมือเรียกให้เขาเก็บของตามไปที่รถ
“เธอให้โอกาสฉันตายล่ะ บล็อกทุกอย่าง ขนาดอาทิตย์ก่อนโทรหา รู้เป็นฉันก็กดตัดสายทิ้ง ก็รู้นี่ว่าทำแบบนั้น ฉันจะโมโห” โบแวยักไหล่แล้วเก็บของเดินตามเธอไป ก่อนออกจากอาคารโบแวก็สวมแว่นตากันแดด เพราะแดดแรงกว่าที่บ้านเขานัก
“ฉันไม่รับเบอร์คุณ ก็น่าจะให้ฌองโทรมา ฌองก็ส่งมาแต่ข้อความ บอกจะส่งของมาให้ จนบัดนี้ก็ยังไม่ส่งมา” เพลิงฟ้าพูดอย่างเสียดายข้าวของที่นั่น
“จะส่งกลับมาทำไม ในเมื่อยังไงเธอก็ต้องกลับไปกับฉัน” โบแวพูดอย่างมั่นใจ มองรถเธอแล้วแปลกใจ เหมือนรถบรรทุกมากกว่า ด้านหลังทำหลังคาสูงสำหรับใส่ของย้ายบ้านได้เลย ก่อนวิจารณ์ “นี่รถอะไรของเธอ”
“อย่าพูดมากได้ไหม บ้านฉันเป็นร้านขายของชำน่ะ เมื่อก่อนพ่อต้องซื้อของเข้าร้านน่ะ” เพลิงฟ้าห้ามเขาวิจารณ์ ก่อนกลับเข้าเรื่อง “อย่าออกนอกเรื่องได้ไหม ใครจะกลับกับคุณไม่ทราบ”
“เธอไง” โบแวพูดแล้วไม่สนใจนัก
“ฝันไปเถอะ นี่จะให้ไปส่งที่โรงแรมไหน” เพลิงฟ้าถามจะได้พาไปถูก
“โรงแรมอะไร ฉันไม่คิดจะพักโรงแรม เธอนอนที่ไหน ฉันก็นอนที่นั่น ตอนเธออยู่ปารีส เธอก็นอนบ้านฉัน มาที่นี่ฉันก็นอนบ้านเธอ” โบแวยักไหล่ ไม่สนใจท่าทางคล้ายจะปฏิเสธ
“พักโรงแรมเถอะ” เพลิงฟ้าตัดบททันที
“ไม่” โบแวปฏิเสธทันที “ถ้าเธอพาฉันไปโรงแรมล่ะก็ ฉันจะให้คนพาเธอกลับปารีสอาทิตย์นี้เลย”
“ตลก!!!” เพลิงฟ้าส่ายหน้าช้าๆ “นี่มันในประเทศฉัน คิดจะพาฉันไปจากบ้านของฉันได้ง่ายๆ เหมือนบ้านคุณรึไง”
“ไม่สงสัยเลยเหรอว่าทำไมไม่มีผู้ชายคนไหนยอมเข้าใกล้เธอ” โบแวถามแล้วยิ้มๆ
“ก็ฉันไม่น่าสนใจไง” เพลิงฟ้าไม่คิดมากเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
“เฮ้อ เธอนี่ ทำไมคิดว่าตัวเองเหมือนคนไร้ค่า” โบแวคาดเข็มขัดแล้วรถเธอออกรถ เขายังไม่เสี่ยงขับรถที่นี่
“ไม่มีใครสนใจฉันหรอกน่า” เพลิงฟ้าขับรถตรงไปที่อุนสาวรีย์สามกษัตริย์ไปซื้อข้าวมันไก่ตามคำสั่งพ่อแม่ ก่อนถามเขา “ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ดื่มกาแฟนี่ไง” โบแวยกกาแฟให้ดู
“งั้นลงไปกินกันก่อนแล้วค่อยสั่งกลับบ้านนะคะ” เพลิงฟ้าเห็นมีที่ว่างก็จอดรถไม่ห่างจากหน้าร้าน เดินนำหน้าเขาไปที่ร้านหลังล็อกรถด้วยกุญแจ เพราะไม่มีระบบไฟฟ้า รถยนต์รุ่นเก่าแต่ยังอยู่ในสภาพดีแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆแล้ว เหลือแต่สภาพไม่ดีแต่คนขับขี่อดทนต่อไปเท่านั้น
โบแวเดินตาม อากาศร้อนทำให้เขาต้องรวบผมถักเปียไว้ด้านหลัง สวมแว่นตากันแดดเพราะแสงสว่างแรงกล้า แล้วนั่งลงฟังเธอสั่งอาหาร เขาก็เคยทานอาหารไทยอยู่บ้าง จึงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไร เพราะที่ออสเตรเลียก็มีอาหารแบบนี้วางขายอยู่เยอะ และเขาก็เพิ่งไปเปิดงานที่ออสเตรเลียมา
“ถ้าเผ็ดก็ไม่ต้องจิ้มซอสนะคะ” เพลิงฟ้าบอกด้วยความเป็นห่วง
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันทานเผ็ดได้ เคยไปอินเดียอยู่นะ ทั้งเผ็ดทั้งร้อน ถ้าไม่ร้อนกินไม่ได้ เชื้อโรคทั้งนั้น” โบแวเล่าตอนเขาเดินทางไปดูผ้าตามที่ต่างๆ มาทั่วโลก สมัยที่แบกเป้ออกตะลอนหาแนวคิดไปเรื่อยๆ
เมื่ออาหารมาลงโต๊ะ โบแวก็จับช้อนแล้วตักทาน เพลิงฟ้าเสียอีกที่ทานช้าๆ ก่อนสั่งข้าวให้เขาเพิ่มอีก
“ใจเย็นๆ ค่ะ ไปไหนมาคะ บินตรงมาจากปารีสเลยหรือเปล่าคะ” เพลิงฟ้าถามหลังสั่งข้าวถ้วยที่สองแล้ว
“เปล่า ไปออสเตรเลียมา ไปเปิดตลาดชีรักน่ะ ตอนนี้อะไรๆ ฉันก็วางแผนไว้หมดแล้ว ก็เลยว่าจะมาจัดการเรื่องของเธอให้มันเรียบร้อยไปเลย” โบแวพูดเหมือนไม่ได้คุยกับตัวปัญหา
“ไม่มีอะไรให้จัดการนี่คะ” เพลิงฟ้าพูดแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
“ดูท่าทางเธอตอนนี้ ไม่มีอะไรให้จัดการจริงไหมนั่น สั่งกาแฟดำให้อีกทีสิ หวานไปหน่อยนะ” โบแวไม่รู้จักโอเลี้ยง ก็บ่นๆ
“เขาเรียกโอเลี้ยง บางทีก็ไม่ใช่กาแฟแท้ ไม่ใช่กาแฟสด มีอะไรดื่มก็ดื่มไปก่อน ดื่มตั้งแต่ที่สนามบินแล้วไม่ใช่เหรอคะ” เพลิงฟ้าเรียกสั่งโอเลี้ยงให้โบแวอีกแก้ว
“หวาน แต่ก็ดื่มได้ แก้ร้อน” โบแวพูดแล้วก็เหงื่อตก จนเพลิงฟ้าต้องคอยซับเหงื่อให้
เพลิงฟ้าคุยตามเรื่อง โดยมากฟังเขาบ่นเรื่องกิจการของเขามากกว่า
“อิ่ม” โบแววางช้อนส้อมลงแล้วถอนหายใจยาว “อร่อยนะ”
“อร่อย?” เพลิงฟ้าถามอย่างงุนงง “เห็นกินไปติไป ยังคิดเลยค่ะว่าแค่กินให้อิ่มหรือเปล่า”
“อร่อยสิ ไม่งั้นกินไม่ได้เยอะขนาดนี้ อยากได้ข้าวเหนียวมะม่วง แต่กินไม่ลงแล้ว” โบแวถอนหายใจเพราะแน่นท้อง
“ยังอยู่อีกหลายวันไม่ใช่เหรอคะ เอาไว้มื้อหน้าบ้างก็ได้ วันนี้แม่ทำแกงฮังเลค่ะ น่าลองนะคะ” เพลิงฟ้าเรียกเก็บเงิน แล้วมองโบแว เพราะปกติเขาจะจ่าย
“เธอออกแล้วกัน ฉันมีเงินไทยไม่เยอะ ต้องแลกอีก” โบแวบอกแบบไม่อายที่ให้เพลิงฟ้าจ่าย
เพลิงฟ้าได้ยิ้ม ขี้เกียจเถียงว่าใครจ่าย ปกติโบแวจ่ายตลอด ถ้าไม่ติดว่าร้านแบบนี้ไม่รับบัตรเครดิต คาดว่าโบแวคงควักจ่ายแล้ว เธอเดินไปซื้อของไปฝากพ่อแม่อีกเยอะ เผื่อตอนเย็นสำหรับโบแวด้วย
“ดีที่พกเงินมาเยอะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วก็ยิ้ม
“โทษทีที่แลกเงินมาไม่เยอะ วุ่นวาย ออกงานแล้วก็จับเครื่องมาเลย คุยงานแล้วแวะพักที่กรุงเทพก่อนน่ะ เมื่อวานนัดเจอตัวพ่อตัวแม่วงการแฟชั่นที่เมืองไทย พอดีคุยงานที่สิงคโปร์ไว้ นัดให้เขามาหาที่เมืองไทย เขาเลยขอเวลาสองสามชั่วโมงเมื่อวาน ก็เลยนอนพักที่กรุงเทพหนึ่งคืน” โบแวบอกเล่ายาวเยียด
“แล้วทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ” เพลิงฟ้าถามขณะขับรถกลับบ้าน จากตั้งนั้นถึงบ้านเธอไม่ยาก เพราะบ้านเธอก็อยู่ใจกลางคูเมือง ทำให้ร้านค้าไม่ขาดทุน แต่ก็ใช่ว่าจะรวย เรียกว่าถ้าไม่เจ็บป่วยหรือมีเหตุอะไรให้จ่ายหนักๆ ก็พออยู่ได้
เธอเอารถเข้าจอดที่ด้านหลังตึก ด้านหน้าเป็นร้านค้า ชั้นบนเป็นสต็อกและบ้านที่อยู่อาศัย มรดกมีเท่านี้ พ่อก็รับมาอย่างที่พอใจ ถึงพ่อจะไม่เข้มแข็งเท่าไร แต่หัวใจพ่อซื่อสัตย์ต่อตนเองเสมอ
‘ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย’
“จะพักบ้านฉันจริงๆ เหรอ ห้องพักแขกใช่ไหม” เพลิงฟ้าถามเพราะไม่แน่ใจนัก
“ห้องเธอสิ” โบแวพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เอาของลงจากรถแล้วเดินตามเธอไป เธอแวะให้เขาเอาของไว้ที่ห้องเธอ จากนั้นพาเขาเดินขึ้นปีที่ดาดาฟ้า
“มีบางเรื่องคุณต้องทำก่อน” เพลิงฟ้าตัดสินใจบอกเขา จากนั้นก็เอาธูปจุดให้เขา แล้วเธอก็ถือไว้ดอกหนึ่ง จุดธูปบอกศาลเตี้ยๆ ใจในเพื่อขอขมา ตอนกลับมาเธอก็ทำแบบนั้น เพราะทำผิดผีมานานแล้ว
โบแวไม่พูดไม่วิจารณ์ เขาเดินทางไปหลายที่ แม้แต่ประเทศไทยเขาก็เคยมา ศึกษาเรื่องผ้า หาแรงบันดาลใจ เขาไม่เคยดูถูกประเพณีของท้องถิ่นใดๆ อาศัยปรับตัวมากกว่า
จากนั้นเธอก็พาเขาไปหาพ่อแม่ “พ่อแม่ยังจำโบแวได้ไหมคะ”
พจน์กับพรนภาโดนโบแวกอดทั้งคู่ แล้วก็ยิ้มให้ “ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ”
“จ๊ะ ยินดีต้อนรับจ๊ะ พีชไม่ได้บอกว่าคุณจะมา” พรนภาหันไปเหมือนจะถามลูกสาว
“ก็เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะ โบแวจะมานอนที่ห้องพีชนะ แม่ ไหว้บอกกล่าวผีปู่ผีย่าแล้วจ๊ะ” เพลิงฟ้าบอกแล้วถอนหายใจเล็กน้อย
“บอกแล้วก็ดี” พจน์ก็พูดอะไรไม่ออก
“เดี๋ยวบ่ายหนูลงมานะคะ” เพลิงฟ้าบอกลาพ่อแม่ แล้วพาเขาขึ้นไปพักผ่อนด้านบน
“ไอ้พีชเอาอีกแล้ว” พจน์บ่นเมื่อลูกสาวกับคนรักไปแล้ว “ไหนบอกว่าเลิกกันไง”
“โธ่พ่อ เด็กสมัยนี้เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก รอเขามาขอลูกสาวเราดีกว่า” พรนภาดูแววตาของโบแวแล้วไม่น่าพลาด
“มันจะเอาลูกเราจริงเรอะ นิกมันบอกว่าเสือผู้หญิง” พจน์ก็ไม่อยากจะหวังไกล
“จริงสิ บุกถึงบ้านเราแล้วนี่” พรนภาคิดอย่างอารมณ์ดี แล้วหันไปช่วยลูกค้าหาของ
พจน์จึงไม่คิดมากอีก ช่วยภรรยาต้อนรับลูกค้าอย่างดี
**********************
เมื่อได้เข้าห้องแล้ว โบแวก็กอดรัดเพลิงฟ้าแล้วล้มไปที่เตียง ข้าวของไม่ต้องเอาออก เขาก็เริ่มเกมรักที่ร้อนแรง จูบดูดดื่มไม่ยอมให้เธอได้ปฏิเสธ จนโดนเพลิงฟ้ากัดที่ริมฝีปากเขาจนรู้สึกเจ็บ
“เอาจริงสิ” โบแวขมวดคิ้ว ดีที่ไม่กัดจนเลือดออก
“ตอนบ่ายฉันต้องไปเฝ้าร้านอีก ไม่มีเวลาหรอกค่ะ ค่ำๆ แล้วกัน” เพลิงฟ้าพยายามผลักเขาออกจากตัวแต่เขากดทับร่างเธอเอาไว้
“อีกตั้งสามชั่วโมง มีเวลาถมเถ” โบแวไม่ยอมให้ปฏิเสธ
เพลิงฟ้าก็ถอนหายใจ แล้วถามหา “โอเคแล้วถุงยางล่ะคะ”
“ช่างมันประไร เธอคงไม่ได้นอนกับผู้ชายช่วงนี้หรอกมั้ง” โบแวไม่สนใจ ถอดเสื้อเขาออกก่อน แล้วถอดเสื้อเธอออก จากนั้นก็เล้าโลมจนเธอลืมความกังวลไปเลย
เมื่อนึกได้ เพลิงฟ้าก็พยายามหยุดเขา “ฉันไม่อยากท้อง”
โบแวกระแทกลมหายใจแรงๆ “ท้องแล้วทำไม กลัวฉันไม่รับหรือไง อย่าขัดจังหวะได้ไหม คนกำลังพีค”
เพลิงฟ้าทำหน้างอนๆ ก่อนถูกเขาเชยคางแล้วจูบดูดดื่ม รู้สึกเขาจะขยับเหมือนกำลังจะถอดกางเกงออก แต่ตอนนี้สติเธอกระเจิงไปหมดแล้ว ไม่ว่าเขาจะลูบคลำตรงไหนก็รู้จุดไปหมด
โบแวล้วงไปในกระเป๋ากางเกงของเขา หยิบบางสิ่งออกมาแล้วสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเพลิงฟ้า หล่อนยังไม่รู้สึกตัวซ้ำ ก่อนเขาหยุดทุกอย่าง จับมือเธอมาวางที่อกข้างซ้าย แล้วมองเธอ
“อะไรคะ” เพลิงฟ้าถามเมื่อเห็นเขาทำแบบนี้
“ไม่รู้สึกเลยเหรอ” โบแวถามแล้วยิ้มขำ
“รู้สึกอะไรคะ” เพลิงฟ้างุนงง
“ดูนี่” โบแวลุกขึ้นนั่ง เท้ามือลงที่เตียงข้างหนึ่ง แล้วจับมือเธอโชว์แหวนเพชรสวยงามเพชรเม็ดโตประมาณห้ากะรัต “เธอหมั้นกับฉันแล้วนะ”
“หา!!!” เพลิงฟ้าตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะมัดมือชก จับเธอหมั้นแบบนี้
“เราจะแต่งงานกันเมื่อเอกสารเรียบร้อย” โบแวบอกเลื่อนขึ้นไปที่หัวเตียง
“ปล่อยก่อน ฉันจะแต่งงานกับคุณได้ยังไง ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะแต่งงานกับคุณ” เพลิงฟ้างุนงง ยังตั้งสติไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอก็เปลือยช่วงบนแล้ว
“ฉันบอกว่าแต่งก็คือแต่งสิ” โบแวไม่สนใจฟังแล้วเริ่มกิจกรรมรักของเขาต่อ
“ไม่ ฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ” เพลิงฟ้าปฏิเสธ แต่ก็ไม่ห้ามเขาเล้าโลม
“อย่างกับจะสน ยังไงเธอก็ต้องแต่ง” โบแวไม่สนใจคำปฏิเสธ
เพลิงฟ้าก็หมดโอกาสพูดปฏิเสธอีก เพราะโดนจูบดูดดื่มปิดปากเธอได้หมดสิ้น ความช่ำชองของเขาเรียกความสนใจเธอไปจากสิ่งที่เธอกังวล ความหงุดหงิดหายไป ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป
เธอจะแต่งงานกับเขาได้ยังไง...แต่เวลานี้ขอความสุขจากหนุ่มสวยหวานคนนี้ก่อน
**********************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ตอบคอมเม้น
home.love-stories.net
คุณ konhin : โบแวไม่สนใครค่า ชนอย่างเดียวค่า
คุณเดิมเดิม : ขอบคุณค่ะ สู้ๆ เช่นกันค่ะ
Fictionlog
คุณม่อนม่อน : ยินดีค่ะ
เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2561, 20:24:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2561, 20:24:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 839
<< Designer's desire By คชสีห์ 20 (100%) |
konhin 15 ต.ค. 2561, 01:28:37 น.
เอ่อ ฌากน่าจะไปปรึกษาแพทย์ได้แล้วนะ เผื่อมีใครบอกได้ว่าทำไมถึงทำอะไรได้สุดๆแบบนี้
โบแว เต็มร้อยให้ล้านเลย จับหมั้นเตรียมแต่งพร้อม
เอ่อ ฌากน่าจะไปปรึกษาแพทย์ได้แล้วนะ เผื่อมีใครบอกได้ว่าทำไมถึงทำอะไรได้สุดๆแบบนี้
โบแว เต็มร้อยให้ล้านเลย จับหมั้นเตรียมแต่งพร้อม
เดิมเดิม 17 ต.ค. 2561, 06:03:19 น.
โบแวจะให้น้องพีชมีลูกแน่ๆเลย
โบแวจะให้น้องพีชมีลูกแน่ๆเลย
oolong 27 ต.ค. 2561, 10:02:03 น.
เอ โบแวเริ่มดีกับพีชแล้วเหรอคะ ไม่ได้อ่านหลายวัน
เอ โบแวเริ่มดีกับพีชแล้วเหรอคะ ไม่ได้อ่านหลายวัน