รักรออุ้ม: ทักษิณา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
ความคึกคะนอง ย่ามใจของเขา กับความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ ก่อเกิดหนึ่งชีวิตที่ไม่ตั้งใจขึ้นมา
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘น้องปั้น’ หรือ เด็กชายปกกานต์ หนูน้อยไร้เดียงสาเปรียบดั่งแสงสว่างสาดเข้ามาในชีวิตที่มืดมนของ ‘ปกเกศ’ เธอตั้งใจจะปกป้องลูกน้อยจากทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่...บิดาแท้ๆ ของแก ซึ่งไม่เคยดีพอในสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
‘กานต์ชนก’ ชายหนุ่มทายาทนักธุรกิจคนดัง รูปหล่อพ่อรวยครบสูตรหนุ่มในฝัน แต่นิสัยและพฤติกรรมนั้นค่อนไปในทางฝันร้าย
เขาไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใคร จนมาพบกับปกเกศ ผู้หญิงสวยธรรมดาๆ ที่เขาไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่า ‘เล่นแล้วทิ้ง’
ทว่าการเล่นกลับเลยเถิด...ก่อเกิดหนูน้อยน่ารัก ที่เหมือนเขาราวกับแกะ เพียงแค่แรกเห็นก็นึกอยากอุ้ม
...แต่ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว...
อีกบทพิสูจน์หัวใจ ความรัก และคำว่า ‘ครอบครัว’
แม้เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่ ‘น้องปั้น’ คือดวงใจของแม่ และที่ไม่มีใครรู้เลยก็คือ...เด็กน้อยเป็นแก้วตาของพ่อด้วยเช่นกัน
***************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ซึ่งถ่ายทอดผ่านปลายปากกา "ทักษิณา" เจ้าของบทประพันธ์นิยายรักสุดแสนน่ารักมากมาย ที่เคยถูกสร้างเป็นละคร ทั้งทางช่อง 3 และช่อง 7 มาแล้วอย่าง #บ่วงอธิฏฐาน #เรือนล้อมรัก กลับมาครั้งนี้ ‘ทักษิณา’ ขอเอาใจแฟนๆ ด้วยนิยายรักโรแมนติกดราม่าที่ #มีลูกเป็นสื่อรัก ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ ใครสายนี้รับรองว่าต้องโดนใจกับความน่ารักน่าหยิกของ ‘น้องปั้น’ ใน ‘รักรออุ้ม’ อย่างแน่นอนจ้า พ่วงด้วยความร้ายกาจ เอาแต่ใจ และความเจ้าเล่ห์ของว่าที่คุณพ่อมือใหม่อย่าง ‘กานต์ชนก’ ! พูดเลยทั้งฟิน+ดราม่า ตะเตือนไต #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 3 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านนิยายออนไลน์ ได้แก่ ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbooktogothailand และร้านขายการ์ตูนบงกช-หมึกจีน-นิยาย บาร์บี้บิวตี้
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
**หนังสือพร้อมส่ง**
คุ้มสุดด้วยจำนวน 521 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนท้ายเล่มหวานฟินเต็มอิ่มจุใจ!)
ราคา: 365฿ (จากปก 395฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 410฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 435฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ลูก ครอบครัว ดราม่า โรแมนติก ท้อง
ตอน: บทที่ 19 -100%
“ทุกเรื่องค่ะ ทุกเรื่องเลยที่เกศทำให้พี่ไนยไม่พอใจ” เธออธิบาย ทว่าใบหน้าคมสันของอีกฝ่ายยังเรียบเฉย ไม่มีสัญญาณตอบรับในทางที่ดีแต่อย่างใด
“ขอโทษทำไม เกศไม่ได้ผิดสักหน่อย...พี่ไม่ดีเอง จุ้นจ้าน อยากรู้ทุกเรื่องของเกศ แต่พอเกศไม่เล่าอะไรสักทีก็เลยอึดอัด ทั้งที่พี่คิดว่าพี่ควรรู้มากกว่าคนอื่น แต่มันก็ไม่ใช่...” ธีรไนยระบายความอัดอั้นในใจออกมา เขารู้สึกเจ็บปวด อดน้อยใจปกเกศไม่ได้
จนขนาดนี้แล้ว เธอก็ยังมีความลับกับเขาได้ลงคอ
“พี่ไนย...เกศขอโทษ ขอโทษจริงๆ...”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ กลั้นสะอื้น หลังจากที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
เธอเข้าใจแล้วว่าพี่ชายเป็นอะไร...เข้าใจแล้วว่าตัวเองทำผิดพลาด ไปตรงไหน
“ที่เกศไม่บอกพี่ไนย ไม่ใช่ว่าเกศไม่ไว้ใจ หรือต้องการมีความลับอะไรกับพี่นะคะ...เกศแค่ไม่อยากพาดพิงถึงผู้ชายคนนั้น เกศอยากให้ฝันร้ายในชีวิตจบไปเร็วๆ ไม่อยากขุดคุ้ยถึงเขาอีก...เกศไม่รู้ว่าความต้องการของเกศมันกลายเป็นความเห็นแก่ตัว ทำร้ายพี่ไนย...เกศไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พี่ไนย อย่าโกรธเกศเลยนะคะ” ยิ่งพูดปกเกศก็ยิ่งเสียใจ ที่ทำให้คนที่ดีต่อเธอที่สุดอย่างธีรไนยต้องเสียความรู้สึก
เธอสะอื้นไห้ต่อหน้าธีรไนย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าแรงสะอื้นของเธอนั้น ปลุกเด็กชายตัวน้อยซึ่งหลับสนิทมาพักใหญ่ ปรือตาตื่นขึ้นมาแหงนคอมองอย่างแปลกใจ พอเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของมารดา มือป้อมๆ ก็เงื้อง่า ป่ายเปะปะ เสียงเล็กๆ ครางอืออา ไม่เป็นภาษา แต่ปกเกศกลับรับรู้ได้ว่า พ่อหนูต้องการจะปลอบใจเธอ
ปกเกศลูบศีรษะเล็กจิ๋วนั้นอย่างระมัดระวัง ฝืนยิ้ม หยอกล้อเล่นกับพ่อหนู จนนวินดาเดินออกจากบ้านมาเห็นเข้า
“พี่เกศกับพี่ไนยกลับมาแล้ว อุ๊ย มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ”
นวินดาตกใจเมื่อเห็นปกเกศร้องไห้ ใบหน้าเปื้อนน้ำตา มอมแมม
“พี่มีธุระต้องคุยกับเกศหน่อย น้องดาช่วยดูหลานให้สักเดี๋ยวนะ” ธีรไนยสั่งน้องสาว แล้วหันไปทางปกเกศ “ให้น้องดาช่วยดูแลน้องปั้นไปก่อนนะเกศ พี่ขอเวลาเราเดี๋ยวเดียวเท่านั้น คงไม่เป็นไรใช่ไหม”
ปกเกศส่งตัวลูกชายให้นวินดาแทนคำตอบ เธอจะมีปัญหากับเขาได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
นวินดารับหลานชายไปอุ้ม ยิ้มหยอกเย้าทำยักคิ้วหลิ่วตาให้หนูน้อยหัวเราะขำเอิ๊กอ๊าก ปะเหลาะอยู่หมัดแล้วก็รีบพาเข้าบ้าน ปล่อยให้พี่ชายคุยกับปกเกศตามลำพัง
สถานการณ์น่าอึดอัดระหว่างหนุ่มสาวทั้งคู่ยังคงดำเนินต่อไป แต่ปกเกศทำใจแล้วว่าจะไม่มีความลับกับอีกฝ่ายอีก เธอยินดีเจ็บปวด ขอแค่ให้พี่ไนยสบายใจ
“ผู้ชายคนนั้น คนที่ชื่อกานต์ชนก เขาใช่พ่อของน้องปั้นหรือเปล่า”
ธีรไนยพอจะเดาได้เลาๆ จากท่าทางของคุณก่อกิจและกานต์ชนกที่มองน้องปั้น สายตานั้นสื่อความหมายชัดเจน
ที่สำคัญ เครื่องหน้าของน้องปั้น ไม่ว่าจะเป็นดวงตา คิ้ว จมูก ปาก ช่างเหมือนกับผู้ชายคนนั้นไม่มีผิด!
“...ใช่ค่ะ เขา...เป็นพ่อของน้องปั้น...” เธอหลับตา กลั้นใจตอบ ร้อนผ่าวในอก ลามขึ้นมาถึงกรอบตา
จะวิ่งหนีเพียงใด ความจริงก็คือความจริงอยู่ดี...
“แล้วทำไมเกศต้องปิดบังไม่ให้พ่อลูกเจอกันด้วย...พ่อของน้องปั้นรวยขนาดนั้น แต่เกศกลับเลือกจะให้ตัวเองกับลูกต้องลำบาก...มันเพราะอะไร” ธีรไนยเองก็หลับตาลง ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้เช่นกัน
ที่ผ่านมา เขาคิดเพียงว่าตัวเองต้องการช่วยเหลือปกเกศให้ดีที่สุด ในฐานะที่เธอเป็นคนหนึ่งในครอบครัวของเขา แต่ทันทีที่รู้เรื่องกานต์ชนก หัวใจของเขากลับเจ็บร้าว ทรมาน เหมือนถูกต้อนเข้าสู่ทางตันจนต้องยอมรับความจริง
เขาไม่ได้เสียสละทุกอย่างให้ปกเกศในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นญาติ เป็นเหมือนน้องสาว...
เขาไม่ได้เลิกกับช่อฟ้าเพียงเพราะว่า แค่สงสารปกเกศ
แต่ทั้งหมดที่เขาทำลงไปมันเพราะคำคำเดียว!
“เพราะน้องปั้นไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อกับแม่ค่ะ...คุณกานต์ชนกเขาไม่สนใจอะไรเกศ เขาไม่รักเด็กด้วย...เกศกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องน้องปั้นแล้ว เขาจะแย่งตัวแกไป...เกศรู้ว่าเห็นแก่ตัว ทำลายอนาคตของน้องปั้น...แต่เกศเลือกจะให้ความรักสุดหัวใจกับลูก มากกว่าจะให้เงินทอง เพราะเกศรู้ว่า...ชีวิตของคนเรา ความรักคือสิ่งสำคัญที่สุด เกศไม่อยากให้น้องปั้นเติบโตมาอย่างเด็กที่ขาดความรักความอบอุ่นค่ะ...”
เธออธิบายยาวเหยียด เป็นความในใจที่เจ้าตัวเก็บกดเอาไว้ มาตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์เด็กชายปกกานต์ เธอไม่สามารถปรึกษาหรือบอกกับใครได้ หวาดระแวง กลัดกลุ้ม ไม่อยากให้ใครรู้ กังวลว่าตัวเองจะนำพาเรื่องกลุ้มใจไปให้กับทุกคนที่เธอรัก ไม่เคยตระหนักเลยว่า การเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียวจะทำให้คนที่ดีต่อเธอที่สุดไม่สบายใจ
หญิงสาวก้มหน้า กลั้นน้ำตาเอาไว้ ทว่ามันก็ยังไหลรินลงมาไม่หยุด ร่างบอบบางสั่นสะท้านจนอีกฝ่ายรับรู้ได้
ธีรไนยมองญาติสาวด้วยแววตาอ่อนโยนลง พอเห็นเธอหลั่งน้ำตาทีไรเขาก็ใจอ่อนยวบทุกที ร่างสูงเพรียวก้าวเข้าไป ดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบอกกว้างอย่างทะนุถนอม
เขาไม่เคยรู้เลยว่าความสงสาร มันแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่พิเศษลึกซึ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่...
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ พี่ก็ขอโทษเกศด้วยเหมือนกัน...พี่บังคับให้เกศต้องพูดในสิ่งที่ไม่อยากนึกถึง”
“ไม่ค่ะ พี่ไนยไม่ผิด เกศไม่ดีเอง...” เธอส่ายหน้าไปมา ยินยอมอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของเขา โดยไม่ทันคิดว่านั่นจะทำให้คนมาเห็น เข้าใจไปไหนถึงไหน
“จ้าๆ เกศรับผิดไปก็ได้ แต่ห้ามคิดมากนะ เพราะถ้าเกศคิดมาก พี่ก็ไม่สบายใจอยู่ดี...” สั่งเธอแล้วก็เลื่อนฝ่ามือแกร่งทั้งสองข้างโอบประคองแก้มนุ่มชื้นไปด้วยหยดน้ำตา ขึ้นมามองสบตากัน เรียวปากบางแย้มยิ้มน้อยๆ อ่อนโยน “ถือว่าเราหายกัน อย่าคิดเรื่องไม่สบายใจเลยนะ พี่เห็นด้วยกับเกศทุกอย่าง ถ้าเกศตัดสินใจว่ามันดีแล้ว พี่ก็โอเค...พี่จะเป็นพ่อให้น้องปั้น จะทำให้แกมีแต่ความสุข หัวเราะสดใสจนเด็กทุกคนต้องอิจฉาเลย”
“พี่ไนย...” ปกเกศน้ำตาร่วง แต่คราวนี้มิใช่เพราะความเสียใจ เธอตื้นตันกับความใจดีของเขา ทว่าเมื่อธีรไนยเอ่ยต่อมา เจ้าตัวก็ถึงกับชะงัก
“เราแต่งงานกันเถอะ ทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ เสียที”
“พี่ไนย!”
ปกเกศตกใจ หลังจากที่อึ้งเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตไปชั่วขณะ เธอก็ยังหาเสียงตัวเองไม่ค่อยจะเจอ
ความจริงก่อนหน้านี้ ธีรไนยเคยพูดเรื่องแต่งงานอยู่บ้าง แต่เธอปฏิเสธบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด เพราะปกเกศเกรงใจเขา ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเอาชีวิตมาผูกมัดอยู่กับเธอและลูกชาย แค่ที่เขายอมลงชื่อเป็นบิดาของน้องปั้น เธอก็รู้สึกติดหนี้บุญคุณจนไม่รู้จะตอบแทนได้อย่างไรแล้ว
แต่การชวนคราวนี้ของเขา ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ...มันมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน แววตาของเขาตอนนี้ดูมุ่งมั่น จริงจังจนเธอไม่กล้าเอ่ยปากค้านอย่างเคย
“อย่าปฏิเสธเลยนะ ถ้าเกศอยากให้น้องปั้นเติบโตมาสมบูรณ์พร้อมไม่มีปัญหา เราก็ควรจะทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง พี่อยากให้เกียรติคนที่มาเป็นแม่ของลูก ด้วยการจัดงานแต่งงานให้คนรับรู้กันทั่ว”
ยิ่งฟังเขา หญิงสาวก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นอุดปากตัวเองเอาไว้ ในลำคอตีบตันไปหมด ซึ้งน้ำใจของเขาจนไม่สามารถหยุดน้ำตาตัวเองไว้ได้
เธอจะบอกปัดเขาอย่างไร รู้ทั้งรู้ว่านี่จะทำให้นิลยาโกรธ แต่ปกเกศก็พูดไม่ออก
หญิงสาวกอดตอบธีรไนย ความจริงเธอน่าจะวางใจ ไม่ต้องกังวล แต่หัวใจกลับยังคงหนักอึ้ง เจ็บแปลบเหมือนถูกเสี้ยนตำ ตรงข้ามกันกับ ธีรไนยที่ยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจ มีความสุขเหมือนได้โลกทั้งใบมาไว้ในครอบครอง
ภาพของทั้งคู่ ทำเอาคนที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้วในรถสปอร์ตหรู ริมถนนหน้าประตูรั้วถึงกับชะงัก ต้องถอดแว่นตาดำแบรนด์เนมดังของเจ้าตัวเพื่อมองให้ชัดเจน
กานต์ชนกขบกรามแน่น ร้อนในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องโมโหด้วย ในเมื่อสองคนนั่นก็แค่ ‘กอด’ กัน ในเมื่อทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน มันก็ต้องมีอะไรๆ ที่มากกว่าแค่ที่เขาเห็นไปไหนถึงไหนแล้ว แต่ทำไม...
ไม่...เขาไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ก็แค่กังวลไปถึงน้องปั้นเท่านั้น ตั้งแต่ที่บิดาบอกว่าน้องปั้นหน้าตาเหมือนเขามาก กานต์ชนกก็ยิ่งปั่นป่วนว้าวุ่นในใจ อย่าว่าแต่บิดาเลย เขาเองก็รู้สึกผูกพันกับเจ้าหนูนั่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ปกติแล้วไม่เคยเลยที่จะพิสมัยเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กๆ วันๆ เอาแต่ร้องไห้กวนโยเยด้วยแล้ว กานต์ชนกคนนี้มีแต่จะวิ่งหนีห่าง
เว้นแต่คนเดียวเท่านั้น ที่เหมือนจะแหกกฎเหล็กนี้ของเขาได้
เด็กชายปกกานต์ วิสุทธี...ไม่รู้เป็นไรสิ เขาอยากให้เด็กนั่นใช้นามสกุล ธรรมธาดา มากกว่า ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ!
ขณะกำลังหงุดหงิด อยากทำอะไรสักอย่างอยู่นั่นเอง สายตาคมก็เหลือบไปเห็นร่างผอมเพรียวของสาวใหญ่คนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้ว กำลังจะไขกุญแจเข้าบ้าน แต่เจ้าตัวชะงักเสียก่อนเมื่อเห็นภาพเดียวกันกับกานต์ชนก
ผู้หญิงคนนั้นนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไขกุญแจประตูรั้วต่อ ไวเท่าความคิด กานต์ชนกรีบผลักประตูรถลงไป ส่งเสียงทักฝ่ายนั้นทันที
“น้า น้าอยู่บ้านหลังนี้เหรอ”
ภานีสะดุ้ง ตกใจที่จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาทักถามประชิดตัว ใจหายแวบนึกว่าเป็นเจ้าหนี้วงไพ่ที่เธอติดเอาไว้ไปทั่ว แต่พอหันไปมองพบว่าเป็นชายหนุ่มในชุดสูทภูมิฐานเนี้ยบกริบ หล่อเหลาดูดี เท่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็ค่อยๆ คลายความหวาดกลัว
“ใช่ค่ะ ฉันชื่อภานี คุณมีธุระอะไรกับคนในบ้านนี้เหรอคะ”
“ครับ ผมมีธุระกับปกเกศ ไม่ทราบว่าน้าเป็น...”
“ฉันเป็นแม่ของปกเกศค่ะ ยายเกศมันไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้หรือเปล่า คุยกับฉันได้ทุกเรื่องเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปเล่นงานมันให้เอง”
ภานีทำวางก้ามใหญ่โต พออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มสุดหล่อแล้ว เจ้าตัวก็อดทำกร่างยกหางตัวเองไม่ได้
อย่าว่าแค่ท่าทางเงินหนาของเขาเลย แค่ความหล่อเหลาที่กระแทกสายตาจนพร่าพรายอยู่เวลานี้ ภานีก็ระทวย อ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว
...เธอไม่ใช่คนปากสว่าง เก็บความลับไม่อยู่ ก็แค่...เป็นคน ‘จริงใจ’ กับทุกคนเท่านั้นเอง...
**************
วันนี้มาต่อนายกานต์ชนกกับหนูเกศให้อ่านกันในวันหยุดจ้า ยังสามารถหาซื้อ ‘รักรออุ้ม’ กันได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ และร้านออนไลน์นะคะ หรือจะสั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงก็ได้เช่นกันค่ะ ที่เพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ หรือ plaipakkabooks นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“ขอโทษทำไม เกศไม่ได้ผิดสักหน่อย...พี่ไม่ดีเอง จุ้นจ้าน อยากรู้ทุกเรื่องของเกศ แต่พอเกศไม่เล่าอะไรสักทีก็เลยอึดอัด ทั้งที่พี่คิดว่าพี่ควรรู้มากกว่าคนอื่น แต่มันก็ไม่ใช่...” ธีรไนยระบายความอัดอั้นในใจออกมา เขารู้สึกเจ็บปวด อดน้อยใจปกเกศไม่ได้
จนขนาดนี้แล้ว เธอก็ยังมีความลับกับเขาได้ลงคอ
“พี่ไนย...เกศขอโทษ ขอโทษจริงๆ...”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ กลั้นสะอื้น หลังจากที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
เธอเข้าใจแล้วว่าพี่ชายเป็นอะไร...เข้าใจแล้วว่าตัวเองทำผิดพลาด ไปตรงไหน
“ที่เกศไม่บอกพี่ไนย ไม่ใช่ว่าเกศไม่ไว้ใจ หรือต้องการมีความลับอะไรกับพี่นะคะ...เกศแค่ไม่อยากพาดพิงถึงผู้ชายคนนั้น เกศอยากให้ฝันร้ายในชีวิตจบไปเร็วๆ ไม่อยากขุดคุ้ยถึงเขาอีก...เกศไม่รู้ว่าความต้องการของเกศมันกลายเป็นความเห็นแก่ตัว ทำร้ายพี่ไนย...เกศไม่ได้ตั้งใจจริงๆ พี่ไนย อย่าโกรธเกศเลยนะคะ” ยิ่งพูดปกเกศก็ยิ่งเสียใจ ที่ทำให้คนที่ดีต่อเธอที่สุดอย่างธีรไนยต้องเสียความรู้สึก
เธอสะอื้นไห้ต่อหน้าธีรไนย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าแรงสะอื้นของเธอนั้น ปลุกเด็กชายตัวน้อยซึ่งหลับสนิทมาพักใหญ่ ปรือตาตื่นขึ้นมาแหงนคอมองอย่างแปลกใจ พอเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของมารดา มือป้อมๆ ก็เงื้อง่า ป่ายเปะปะ เสียงเล็กๆ ครางอืออา ไม่เป็นภาษา แต่ปกเกศกลับรับรู้ได้ว่า พ่อหนูต้องการจะปลอบใจเธอ
ปกเกศลูบศีรษะเล็กจิ๋วนั้นอย่างระมัดระวัง ฝืนยิ้ม หยอกล้อเล่นกับพ่อหนู จนนวินดาเดินออกจากบ้านมาเห็นเข้า
“พี่เกศกับพี่ไนยกลับมาแล้ว อุ๊ย มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ”
นวินดาตกใจเมื่อเห็นปกเกศร้องไห้ ใบหน้าเปื้อนน้ำตา มอมแมม
“พี่มีธุระต้องคุยกับเกศหน่อย น้องดาช่วยดูหลานให้สักเดี๋ยวนะ” ธีรไนยสั่งน้องสาว แล้วหันไปทางปกเกศ “ให้น้องดาช่วยดูแลน้องปั้นไปก่อนนะเกศ พี่ขอเวลาเราเดี๋ยวเดียวเท่านั้น คงไม่เป็นไรใช่ไหม”
ปกเกศส่งตัวลูกชายให้นวินดาแทนคำตอบ เธอจะมีปัญหากับเขาได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
นวินดารับหลานชายไปอุ้ม ยิ้มหยอกเย้าทำยักคิ้วหลิ่วตาให้หนูน้อยหัวเราะขำเอิ๊กอ๊าก ปะเหลาะอยู่หมัดแล้วก็รีบพาเข้าบ้าน ปล่อยให้พี่ชายคุยกับปกเกศตามลำพัง
สถานการณ์น่าอึดอัดระหว่างหนุ่มสาวทั้งคู่ยังคงดำเนินต่อไป แต่ปกเกศทำใจแล้วว่าจะไม่มีความลับกับอีกฝ่ายอีก เธอยินดีเจ็บปวด ขอแค่ให้พี่ไนยสบายใจ
“ผู้ชายคนนั้น คนที่ชื่อกานต์ชนก เขาใช่พ่อของน้องปั้นหรือเปล่า”
ธีรไนยพอจะเดาได้เลาๆ จากท่าทางของคุณก่อกิจและกานต์ชนกที่มองน้องปั้น สายตานั้นสื่อความหมายชัดเจน
ที่สำคัญ เครื่องหน้าของน้องปั้น ไม่ว่าจะเป็นดวงตา คิ้ว จมูก ปาก ช่างเหมือนกับผู้ชายคนนั้นไม่มีผิด!
“...ใช่ค่ะ เขา...เป็นพ่อของน้องปั้น...” เธอหลับตา กลั้นใจตอบ ร้อนผ่าวในอก ลามขึ้นมาถึงกรอบตา
จะวิ่งหนีเพียงใด ความจริงก็คือความจริงอยู่ดี...
“แล้วทำไมเกศต้องปิดบังไม่ให้พ่อลูกเจอกันด้วย...พ่อของน้องปั้นรวยขนาดนั้น แต่เกศกลับเลือกจะให้ตัวเองกับลูกต้องลำบาก...มันเพราะอะไร” ธีรไนยเองก็หลับตาลง ซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้เช่นกัน
ที่ผ่านมา เขาคิดเพียงว่าตัวเองต้องการช่วยเหลือปกเกศให้ดีที่สุด ในฐานะที่เธอเป็นคนหนึ่งในครอบครัวของเขา แต่ทันทีที่รู้เรื่องกานต์ชนก หัวใจของเขากลับเจ็บร้าว ทรมาน เหมือนถูกต้อนเข้าสู่ทางตันจนต้องยอมรับความจริง
เขาไม่ได้เสียสละทุกอย่างให้ปกเกศในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นญาติ เป็นเหมือนน้องสาว...
เขาไม่ได้เลิกกับช่อฟ้าเพียงเพราะว่า แค่สงสารปกเกศ
แต่ทั้งหมดที่เขาทำลงไปมันเพราะคำคำเดียว!
“เพราะน้องปั้นไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อกับแม่ค่ะ...คุณกานต์ชนกเขาไม่สนใจอะไรเกศ เขาไม่รักเด็กด้วย...เกศกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องน้องปั้นแล้ว เขาจะแย่งตัวแกไป...เกศรู้ว่าเห็นแก่ตัว ทำลายอนาคตของน้องปั้น...แต่เกศเลือกจะให้ความรักสุดหัวใจกับลูก มากกว่าจะให้เงินทอง เพราะเกศรู้ว่า...ชีวิตของคนเรา ความรักคือสิ่งสำคัญที่สุด เกศไม่อยากให้น้องปั้นเติบโตมาอย่างเด็กที่ขาดความรักความอบอุ่นค่ะ...”
เธออธิบายยาวเหยียด เป็นความในใจที่เจ้าตัวเก็บกดเอาไว้ มาตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์เด็กชายปกกานต์ เธอไม่สามารถปรึกษาหรือบอกกับใครได้ หวาดระแวง กลัดกลุ้ม ไม่อยากให้ใครรู้ กังวลว่าตัวเองจะนำพาเรื่องกลุ้มใจไปให้กับทุกคนที่เธอรัก ไม่เคยตระหนักเลยว่า การเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียวจะทำให้คนที่ดีต่อเธอที่สุดไม่สบายใจ
หญิงสาวก้มหน้า กลั้นน้ำตาเอาไว้ ทว่ามันก็ยังไหลรินลงมาไม่หยุด ร่างบอบบางสั่นสะท้านจนอีกฝ่ายรับรู้ได้
ธีรไนยมองญาติสาวด้วยแววตาอ่อนโยนลง พอเห็นเธอหลั่งน้ำตาทีไรเขาก็ใจอ่อนยวบทุกที ร่างสูงเพรียวก้าวเข้าไป ดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบอกกว้างอย่างทะนุถนอม
เขาไม่เคยรู้เลยว่าความสงสาร มันแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่พิเศษลึกซึ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่...
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ พี่ก็ขอโทษเกศด้วยเหมือนกัน...พี่บังคับให้เกศต้องพูดในสิ่งที่ไม่อยากนึกถึง”
“ไม่ค่ะ พี่ไนยไม่ผิด เกศไม่ดีเอง...” เธอส่ายหน้าไปมา ยินยอมอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของเขา โดยไม่ทันคิดว่านั่นจะทำให้คนมาเห็น เข้าใจไปไหนถึงไหน
“จ้าๆ เกศรับผิดไปก็ได้ แต่ห้ามคิดมากนะ เพราะถ้าเกศคิดมาก พี่ก็ไม่สบายใจอยู่ดี...” สั่งเธอแล้วก็เลื่อนฝ่ามือแกร่งทั้งสองข้างโอบประคองแก้มนุ่มชื้นไปด้วยหยดน้ำตา ขึ้นมามองสบตากัน เรียวปากบางแย้มยิ้มน้อยๆ อ่อนโยน “ถือว่าเราหายกัน อย่าคิดเรื่องไม่สบายใจเลยนะ พี่เห็นด้วยกับเกศทุกอย่าง ถ้าเกศตัดสินใจว่ามันดีแล้ว พี่ก็โอเค...พี่จะเป็นพ่อให้น้องปั้น จะทำให้แกมีแต่ความสุข หัวเราะสดใสจนเด็กทุกคนต้องอิจฉาเลย”
“พี่ไนย...” ปกเกศน้ำตาร่วง แต่คราวนี้มิใช่เพราะความเสียใจ เธอตื้นตันกับความใจดีของเขา ทว่าเมื่อธีรไนยเอ่ยต่อมา เจ้าตัวก็ถึงกับชะงัก
“เราแต่งงานกันเถอะ ทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง เป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ เสียที”
“พี่ไนย!”
ปกเกศตกใจ หลังจากที่อึ้งเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตไปชั่วขณะ เธอก็ยังหาเสียงตัวเองไม่ค่อยจะเจอ
ความจริงก่อนหน้านี้ ธีรไนยเคยพูดเรื่องแต่งงานอยู่บ้าง แต่เธอปฏิเสธบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด เพราะปกเกศเกรงใจเขา ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเอาชีวิตมาผูกมัดอยู่กับเธอและลูกชาย แค่ที่เขายอมลงชื่อเป็นบิดาของน้องปั้น เธอก็รู้สึกติดหนี้บุญคุณจนไม่รู้จะตอบแทนได้อย่างไรแล้ว
แต่การชวนคราวนี้ของเขา ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ...มันมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน แววตาของเขาตอนนี้ดูมุ่งมั่น จริงจังจนเธอไม่กล้าเอ่ยปากค้านอย่างเคย
“อย่าปฏิเสธเลยนะ ถ้าเกศอยากให้น้องปั้นเติบโตมาสมบูรณ์พร้อมไม่มีปัญหา เราก็ควรจะทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง พี่อยากให้เกียรติคนที่มาเป็นแม่ของลูก ด้วยการจัดงานแต่งงานให้คนรับรู้กันทั่ว”
ยิ่งฟังเขา หญิงสาวก็เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นอุดปากตัวเองเอาไว้ ในลำคอตีบตันไปหมด ซึ้งน้ำใจของเขาจนไม่สามารถหยุดน้ำตาตัวเองไว้ได้
เธอจะบอกปัดเขาอย่างไร รู้ทั้งรู้ว่านี่จะทำให้นิลยาโกรธ แต่ปกเกศก็พูดไม่ออก
หญิงสาวกอดตอบธีรไนย ความจริงเธอน่าจะวางใจ ไม่ต้องกังวล แต่หัวใจกลับยังคงหนักอึ้ง เจ็บแปลบเหมือนถูกเสี้ยนตำ ตรงข้ามกันกับ ธีรไนยที่ยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจ มีความสุขเหมือนได้โลกทั้งใบมาไว้ในครอบครอง
ภาพของทั้งคู่ ทำเอาคนที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้วในรถสปอร์ตหรู ริมถนนหน้าประตูรั้วถึงกับชะงัก ต้องถอดแว่นตาดำแบรนด์เนมดังของเจ้าตัวเพื่อมองให้ชัดเจน
กานต์ชนกขบกรามแน่น ร้อนในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องโมโหด้วย ในเมื่อสองคนนั่นก็แค่ ‘กอด’ กัน ในเมื่อทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน มันก็ต้องมีอะไรๆ ที่มากกว่าแค่ที่เขาเห็นไปไหนถึงไหนแล้ว แต่ทำไม...
ไม่...เขาไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ก็แค่กังวลไปถึงน้องปั้นเท่านั้น ตั้งแต่ที่บิดาบอกว่าน้องปั้นหน้าตาเหมือนเขามาก กานต์ชนกก็ยิ่งปั่นป่วนว้าวุ่นในใจ อย่าว่าแต่บิดาเลย เขาเองก็รู้สึกผูกพันกับเจ้าหนูนั่นอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ปกติแล้วไม่เคยเลยที่จะพิสมัยเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กๆ วันๆ เอาแต่ร้องไห้กวนโยเยด้วยแล้ว กานต์ชนกคนนี้มีแต่จะวิ่งหนีห่าง
เว้นแต่คนเดียวเท่านั้น ที่เหมือนจะแหกกฎเหล็กนี้ของเขาได้
เด็กชายปกกานต์ วิสุทธี...ไม่รู้เป็นไรสิ เขาอยากให้เด็กนั่นใช้นามสกุล ธรรมธาดา มากกว่า ทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองคิดถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ!
ขณะกำลังหงุดหงิด อยากทำอะไรสักอย่างอยู่นั่นเอง สายตาคมก็เหลือบไปเห็นร่างผอมเพรียวของสาวใหญ่คนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้ว กำลังจะไขกุญแจเข้าบ้าน แต่เจ้าตัวชะงักเสียก่อนเมื่อเห็นภาพเดียวกันกับกานต์ชนก
ผู้หญิงคนนั้นนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไขกุญแจประตูรั้วต่อ ไวเท่าความคิด กานต์ชนกรีบผลักประตูรถลงไป ส่งเสียงทักฝ่ายนั้นทันที
“น้า น้าอยู่บ้านหลังนี้เหรอ”
ภานีสะดุ้ง ตกใจที่จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาทักถามประชิดตัว ใจหายแวบนึกว่าเป็นเจ้าหนี้วงไพ่ที่เธอติดเอาไว้ไปทั่ว แต่พอหันไปมองพบว่าเป็นชายหนุ่มในชุดสูทภูมิฐานเนี้ยบกริบ หล่อเหลาดูดี เท่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็ค่อยๆ คลายความหวาดกลัว
“ใช่ค่ะ ฉันชื่อภานี คุณมีธุระอะไรกับคนในบ้านนี้เหรอคะ”
“ครับ ผมมีธุระกับปกเกศ ไม่ทราบว่าน้าเป็น...”
“ฉันเป็นแม่ของปกเกศค่ะ ยายเกศมันไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้หรือเปล่า คุยกับฉันได้ทุกเรื่องเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปเล่นงานมันให้เอง”
ภานีทำวางก้ามใหญ่โต พออยู่ต่อหน้าชายหนุ่มสุดหล่อแล้ว เจ้าตัวก็อดทำกร่างยกหางตัวเองไม่ได้
อย่าว่าแค่ท่าทางเงินหนาของเขาเลย แค่ความหล่อเหลาที่กระแทกสายตาจนพร่าพรายอยู่เวลานี้ ภานีก็ระทวย อ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว
...เธอไม่ใช่คนปากสว่าง เก็บความลับไม่อยู่ ก็แค่...เป็นคน ‘จริงใจ’ กับทุกคนเท่านั้นเอง...
**************
วันนี้มาต่อนายกานต์ชนกกับหนูเกศให้อ่านกันในวันหยุดจ้า ยังสามารถหาซื้อ ‘รักรออุ้ม’ กันได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ และร้านออนไลน์นะคะ หรือจะสั่งซื้อกับสนพ.โดยตรงก็ได้เช่นกันค่ะ ที่เพจ ‘ปลายปากกา สำนักพิมพ์’ หรือ plaipakkabooks นะคะ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ย. 2561, 12:01:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ย. 2561, 12:01:43 น.
จำนวนการเข้าชม : 700
<< บทที่ 19 -60% | บทที่ 20 -40% >> |