ราคีสีเพลิง:รังสี ดุจดาริน รางนาก(ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ดีเลิศ’ และ ‘บัวบุษบา’ แต่งงานกันท่ามกลางความขัดแย้งของสองตระกูล
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางความเกลียดชังของยาย ‘เจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์’
ผู้ไม่มีวันยอมรับหลานสะใภ้นอกคอกอย่างหล่อน!
หลายปีที่ชายหนุ่มประคับประคองครอบครัวอย่างดีเลิศสมชื่อ
บัวบุษบากลับฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อหลายสิบปีก่อนแทบทุกคืน
ไหนยังตะกรุดประหลาดที่ทิ้งไปกี่ครั้งก็กลับมาอยู่ที่เดิมได้เสมอ
และความรู้สึกเสียวสันหลังราวกับมีใครจับจ้องมองหล่อนอยู่ตลอดเวลา
ทำให้บัวบุษบารู้สึกกลัว ‘เรือนเสน่ห์จันทน์’ อันแสนลึกลับ
มากพอๆ กับที่หล่อนกลัว ‘ความจริง’ ที่ซ่อนอยู่ใน ‘ความฝัน’ ของตนเอง!
*******************
ใครชอบแนวนิยายรักโรแมนติก ดราม่า สยองขวัญ มีการเล่นคุณไสยมนตร์ดำ อิจฉาริษยา ปมกลับชาติมาเกิด และเหล่าบริวารผีรับใช้ จัดไป! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อราคีสีเพลิง ราคา 218฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 258฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 278฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
*******************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (ราคีสีเพลิง เป็นเรื่องราวของหลานชายคนโต หนุ่มเนื้อหอมประจำบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า ริษยา โรมานซ์ กลับชาติมาเกิด คุณไสย
ตอน: บทที่ 6 แผนการของเจิมจันทร์ -50%
หญิงสูงวัยแต่งแต้มหน้าโทนสีอ่อน เกล้าผมขึ้นสูง ประดับผมด้วยไข่มุกสีทองแห่งเกาะปาลาวันซึ่งเป็นไข่มุกราคาแพงและหายาก สวมผ้าถุงทอจากผ้าไหมกลีบบัวสีชมพูอ่อนหวาน และเสื้อลูกไม้ฝรั่งเศสสีขาว
เรื่องรสนิยมการแต่งตัวของเจิมจันทร์นั้นดีเสมอ นางมักเลือกสิ่งที่ดีที่สุด แพงที่สุด เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะและชาติตระกูล
ไม่ว่านางจะไปปรากฏตัวที่ใด นางชอบที่จะเป็นจุดสนใจ ยิ่งผู้คนมองนางด้วยสายตาชื่นชมความงามและความอ่อนวัยมากเท่าไร นางก็ยิ่งมีความสุข และพยายามที่จะรักษาความงดงามนี้ไว้แม้ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม
เจิมจันทร์ก้าวลงจากรถยุโรปหรูเมื่อพนักงานต้อนรับของโรงแรมกุลีกุจอมาเปิดให้ เดินเฉิดฉายเข้าไปร่วมงานแต่งงานของหลานชายอดีตผู้ว่าราชการซึ่งเคยเป็นเพื่อนเรียนมัธยมฯ มาพร้อมกับนาง
“คุณพี่เจิมสวัสดีค่ะ ยินดีมากเลยค่ะที่คุณพี่มางานนี้”
ภรรยาอดีตท่านผู้ว่าเอ่ยทักทายเมื่อเห็นเจิมจันทร์เดินเข้ามา นึกริษยาที่เจิมจันทร์อายุมากกว่าตนนับสิบปี แต่ยังสวยสง่าราวกับหญิงวัยสี่สิบกลางๆ เท่านั้น ในขณะที่ตนนั้นดึงหน้าดึงตัวฉีดสารสารพัดเพื่อชะลอความแก่ หมดไปหลายล้านบาทแต่ก็ไม่อาจต้านทานความชราเอาไว้ได้
“หลานของเธอเป็นฝั่งเป็นฝายังไงฉันก็ต้องมา”
“ดิฉันดีใจมากค่ะ สงสารพ่อภูมิเป็นกำพร้ามาตั้งแต่เล็กๆ พ่อแม่เขาเสียชีวิตด้วยเครื่องบินตกด้วยกันทั้งคู่ ดิฉันกับสามีจึงเลี้ยงมาราวกับลูกไม่ใช่หลาน”
“น่าสงสารจังเลยนะคะ” แม้จะตีสีหน้าว่าสงสาร แต่ในใจเจิมจันทร์นั้นรำคาญเสียเหลือเกิน เพราะฟังเรื่องนี้มาหลายรอบเต็มที น่าเบื่อสิ้นดี
“คุณยายคะ ท่านผู้ว่าจังหวัดเชียงใหม่มาถึงแล้วค่ะ”
หญิงสาวใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยว แต่งกายด้วยชุดราตรีสีพยับหมอกขับให้ผิวขาวงดงามราวกับนางฟ้า เธอเดินมาจับแขนคุณยายของเธอก่อนจะยกมือไหว้เจิมจันทร์อย่างจำได้
“สวัสดีค่ะคุณยายเจิม หน้าตาคุณยายไม่เปลี่ยนจากเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเลยนะคะ น่าอัศจรรย์ใจมากเลยค่ะ”
เจิมจันทร์ขมวดคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
“วิรงรองน้องสาวภูมิชาติยังไงล่ะคะคุณเจิม เคยเจอกันเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นยัยวิเพิ่งจะอายุสิบปีได้กระมังคะ”
“ตายจริง หนูวิโตเป็นสาวสวยขนาดนี้เชียวเหรอ ยายจำแทบไม่ได้เลย” เจิมจันทร์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสำรวจ ยิ้มกว้างอย่างหญิงสูงวัยใจดีมีเมตตา
“ดิฉันขอฝากยัยวิให้ช่วยดูแลคุณพี่เจิมนะคะ ดิฉันคงต้องขอตัวไปต้อนรับแขกก่อน”
“ตามสบายเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้” เจิมจันทร์พยักหน้า ก่อนจะหันมามองวิรงรองอย่างใช้ความคิด
หญิงสาวผู้นี้สวย ดูสง่า ชาติตระกูลดี ฐานะดี แบบนี้สิถึงจะคู่ควรกับดีเลิศ...หลานชายเพียงคนเดียวของนาง
‘แม่นายเจ้าขา คุณหนูวิสวยมากเลยนะเจ้าคะ’
ผีพวงกระซิบเอาใจเจ้านายราวกับนั่งอยู่กลางใจว่าเจิมจันทร์กำลังคิดอะไรอยู่ เจิมจันทร์หยักยิ้มที่มุมปาก พวงนับว่าเป็นผีรับใช้ที่รู้ใจนางที่สุด ไม่ว่านางคิด หรือต้องการอะไร พวงจะพินอบพิเทาสรรหามาให้ด้วยความจงรักภักดี
แต่ข้อเสียของพวงก็มี...
ความฉลาดของพวงทำให้เจิมจันทร์ไม่ค่อยสบายใจนัก กลัวว่าสักวันหากอำนาจของนางลดน้อยถอยลงเมื่อใด พวงคงกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวมากทีเดียว
“หนูวิจำพี่โตได้ไหมจ๊ะ ตอนนี้พี่โตเขาทำงานเป็นเลขานุการโทอยู่ที่สถานทูต เพิ่งย้ายกลับมาจากปีนังไม่นานนี้เอง”
เจิมจันทร์เริ่มเล่นบทแม่สื่อแม่ชัก โดยไม่สนว่าหลานชายจะแต่ง งานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว
ภรรยาอย่างบัวบุษบานางไม่มีวันยอมรับเป็นหลานสะใภ้เด็ดขาด หลานชายเพียงคนเดียวที่นางรักต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่ไปคว้านังผู้หญิงข้างบ้านมาเป็นภรรยา!
“พี่โตหรือคะ จำได้ค่ะ”
วิรงรองตาวาวเมื่อคิดถึงหลานชายของเจิมจันทร์ ดีเลิศ
เธอเคยเจอเขาเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เจิมจันทร์ชอบพาดีเลิศมาร่วมงานวันเกิดที่บ้านเธอแทบทุกปี จนกระทั่งตายายส่งเธอไปเรียนต่อมัธยม ศึกษาที่เนเธอร์แลนด์ เพื่อน สังคม วัฒนธรรมแปลกใหม่ทำให้เธอลืมดีเลิศไปเสียสนิท ทั้งที่ตอนนั้นเธอเคยอยากเป็นเจ้าสาวของดีเลิศจนร้องไห้ กลัวว่าเมื่อโตขึ้นเขาจะไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่เธอ คิดแล้วก็ขำความคิดของเด็กในวัยที่เต็มไปด้วยจินตนาการ
ตอนนี้เธอคือไฮโซวิรงรอง ผู้ชายมากมายล้วนต้องการคบหากับเธอ ดอกฟ้าที่สังคมต่างจับตา ไม่ว่าเธอจะย่างกรายไปทางไหน ขยับตัวทำอะไร ย่อมเป็นที่สนใจเสมอ เธอไม่ใช่เด็กหญิงกะโปโลที่ร่ำร้องอยากได้ความรักจากเด็กผู้ชายอีกแล้ว เพราะเธอเป็นฝ่าย ‘เลือก’ ไม่ใช่ฝ่าย ‘ถูกเลือก’
“นี่ไงรูปพ่อโต ไม่เจอกันนานหนูคงไม่รู้ว่าพี่เขาหน้าตาเป็นยังไงแล้วตอนนี้” เจิมจันทร์หยิบกระเป๋าเงินออกมา เปิดเอารูปถ่ายของหลานชาย ให้วิรงรองดู นางพกติดกระเป๋าไว้เสมอ เวลาไปไหนจะได้อวดกับใครๆ ได้ว่าเธอมีหลานชายหน้าตาดี หน้าที่การงานดี ดำเนินรอยตามคุณตาไม่มีผิด เพี้ยน
วิรงรองถึงกับนิ่งงันหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นดีเลิศ เขาหล่อภูมิฐาน รอยยิ้มของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแตกต่างจากผู้ชายที่อยู่รายล้อมรอบตัวเธอ ความรักในวัยเด็กที่เธอคิดว่าไร้สาระนั้นยังคงฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก และแค่เพียงได้เห็นรูป เธอก็รู้ได้เลยว่า เธอต้องเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนนี้เท่านั้น!
“เป็นไงบ้างจ๊ะหนูวิ พี่โตดูเปลี่ยนไปมากเลยใช่ไหม”
เจิมจันทร์กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของวิรงรอง ใช่ว่านางจะจำไม่ได้ว่าตอนเด็กวิรงรองเคยคลั่งไคล้ดีเลิศสักเพียงใด พาไปร่วมงานวันเกิดทีไรเด็กหญิงต้องร้องไห้โยเยไม่ยอมให้ดีเลิศกลับบ้าน ร้อนถึงผู้ใหญ่ต้องหลอกล่อให้วิรงรองเลิกร้องไห้ด้วยการสัญญาว่าจะพาดีเลิศไปหาใหม่ นั่นแหละเด็กหญิงถึงหยุดร้องไห้
ไม่คิดเลยว่าการที่ให้เด็กทั้งสองรู้จักกันจะเป็นผลดีต่อนางในยามนี้
****************
ทว่าเมื่อเจิมจันทร์กลับมายังเรือนเสน่ห์จันทน์ อารมณ์เบิกบานก็หดหายเมื่อเห็นบัวบุษบานั่งเบียดชิดอยู่กับดีเลิศ พากันชี้ชมหมู่ดาวอย่างมีความสุข
เกลียดนักอีไพร่ มึงลอยหน้าลอยตาอยู่ในบ้านกูนานเกินไปแล้ว!
หญิงสูงวัยกัดฟันกรอด เห็นภาพตรงหน้าแล้วอยากจะพุ่งไปจิกหัวบุษบาออกมาจากหลานชาย
ทำไมนะ! ทำไมดีเลิศถึงได้ใฝ่ต่ำขนาดนี้ ผู้หญิงดีๆ มีชาติมีตระกูลมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองทำไมไม่รู้จักเลือก
“อะแฮ่ม!” ท้ายที่สุดเจิมจันทร์ก็ต้องแสร้งกระแอมขึ้น เมื่อเห็นว่าหนุ่มสาวตกอยู่ในภวังค์ มิได้รับรู้การกลับมาของนางเลยแม้แต่น้อย
“อ้าว คุณยายกลับมาแล้วเหรอครับ ผมชวนบัวมานั่งรอคุณยายครับ”
“ขอบใจนะพ่อโต หลานยายนี่น่ารักจริงๆ” นางยิ้มให้หลานชายโดยไม่คิดจะยิ้มเผื่อแผ่ไปยังหลานสะใภ้
“อ้อ พ่อโตช่วยไปเอานมจืดร้อนๆ มาให้ยายหน่อยได้ไหม ยายไม่ค่อยได้กินอาหารที่งานเลย คนเยอะแยะปวดหัวจนกินอะไรไม่ลง”
เจิมจันทร์ออดอ้อนหลาน ทั้งที่ภายในงานแต่งงาน นางยิ้มหน้าบาน พูดคุยกับวิรงรองอย่างสนิทสนม
“ครับคุณยาย รอสักครู่นะครับ” ดีเลิศเดินลงจากเรือนไปยังครัวซึ่งแยกออกจากเรือนไปทางด้านหลังทันที ทิ้งให้บัวบุษบาอยู่กับเจิมจันทร์เพียงลำพัง
แน่นอนว่าบัวบุษบาอึดอัดทุกครั้งที่ต้องประจันหน้ากับเจิมจันทร์ แต่เพราะรักสามีเธอจึงยอมทน แสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ยามเจิมจันทร์กระแนะกระแหน จิกตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“แกชูคออยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานหรอกนะนังบัว อีกไม่นานแกก็จะโดนพ่อโตทิ้ง”
เป็นไปตามที่บัวบุษบาคาดการณ์ คุณยายมหาภัยเริ่มเปิดฉากจิกกัดเธอทันทีเมื่ออยู่ลับหลังหลานชายสุดที่รัก ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนทุกๆ ครั้ง เธอคร้านที่จะโต้เถียงเพราะนอกจากไร้ประโยชน์ยังทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัวอย่างไม่จำเป็น
‘ให้พวงจัดการมันเลยไหมคะแม่นาย พวงหมั่นไส้นังนี่เหลือเกิน จองหอง ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของแม่นาย’
พวงเงยหน้าดำคล้ำขึ้นมาจากการหมอบกราบข้างฝ่าเท้าเจิมจันทร์ ขณะที่มันแสยะยิ้มอย่างเอาใจ ยางเหนียวสีดำก็หยดลงพื้น กลิ่นของยางเหนียวเหม็นราวกับซากศพ
เจิมจันทร์แค่ปรายตามองพวงเพียงน้อยเป็นการปฏิเสธก่อนจะหันไปมองหลานสะใภ้อย่างหาจุดตำหนิ
ผู้ชายลองได้พบผู้หญิงที่สวยกว่า สดกว่า เร้าใจกว่า มีหรือจะไม่รวนเร เมื่อถึงวันนั้นนางนี่แหละจะเป็นคนถีบนังหลานสะใภ้จอมถือดีนี่ให้กระเด็นตกเรือน!
เรื่องรสนิยมการแต่งตัวของเจิมจันทร์นั้นดีเสมอ นางมักเลือกสิ่งที่ดีที่สุด แพงที่สุด เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะและชาติตระกูล
ไม่ว่านางจะไปปรากฏตัวที่ใด นางชอบที่จะเป็นจุดสนใจ ยิ่งผู้คนมองนางด้วยสายตาชื่นชมความงามและความอ่อนวัยมากเท่าไร นางก็ยิ่งมีความสุข และพยายามที่จะรักษาความงดงามนี้ไว้แม้ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม
เจิมจันทร์ก้าวลงจากรถยุโรปหรูเมื่อพนักงานต้อนรับของโรงแรมกุลีกุจอมาเปิดให้ เดินเฉิดฉายเข้าไปร่วมงานแต่งงานของหลานชายอดีตผู้ว่าราชการซึ่งเคยเป็นเพื่อนเรียนมัธยมฯ มาพร้อมกับนาง
“คุณพี่เจิมสวัสดีค่ะ ยินดีมากเลยค่ะที่คุณพี่มางานนี้”
ภรรยาอดีตท่านผู้ว่าเอ่ยทักทายเมื่อเห็นเจิมจันทร์เดินเข้ามา นึกริษยาที่เจิมจันทร์อายุมากกว่าตนนับสิบปี แต่ยังสวยสง่าราวกับหญิงวัยสี่สิบกลางๆ เท่านั้น ในขณะที่ตนนั้นดึงหน้าดึงตัวฉีดสารสารพัดเพื่อชะลอความแก่ หมดไปหลายล้านบาทแต่ก็ไม่อาจต้านทานความชราเอาไว้ได้
“หลานของเธอเป็นฝั่งเป็นฝายังไงฉันก็ต้องมา”
“ดิฉันดีใจมากค่ะ สงสารพ่อภูมิเป็นกำพร้ามาตั้งแต่เล็กๆ พ่อแม่เขาเสียชีวิตด้วยเครื่องบินตกด้วยกันทั้งคู่ ดิฉันกับสามีจึงเลี้ยงมาราวกับลูกไม่ใช่หลาน”
“น่าสงสารจังเลยนะคะ” แม้จะตีสีหน้าว่าสงสาร แต่ในใจเจิมจันทร์นั้นรำคาญเสียเหลือเกิน เพราะฟังเรื่องนี้มาหลายรอบเต็มที น่าเบื่อสิ้นดี
“คุณยายคะ ท่านผู้ว่าจังหวัดเชียงใหม่มาถึงแล้วค่ะ”
หญิงสาวใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยว แต่งกายด้วยชุดราตรีสีพยับหมอกขับให้ผิวขาวงดงามราวกับนางฟ้า เธอเดินมาจับแขนคุณยายของเธอก่อนจะยกมือไหว้เจิมจันทร์อย่างจำได้
“สวัสดีค่ะคุณยายเจิม หน้าตาคุณยายไม่เปลี่ยนจากเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเลยนะคะ น่าอัศจรรย์ใจมากเลยค่ะ”
เจิมจันทร์ขมวดคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
“วิรงรองน้องสาวภูมิชาติยังไงล่ะคะคุณเจิม เคยเจอกันเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นยัยวิเพิ่งจะอายุสิบปีได้กระมังคะ”
“ตายจริง หนูวิโตเป็นสาวสวยขนาดนี้เชียวเหรอ ยายจำแทบไม่ได้เลย” เจิมจันทร์มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสำรวจ ยิ้มกว้างอย่างหญิงสูงวัยใจดีมีเมตตา
“ดิฉันขอฝากยัยวิให้ช่วยดูแลคุณพี่เจิมนะคะ ดิฉันคงต้องขอตัวไปต้อนรับแขกก่อน”
“ตามสบายเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้” เจิมจันทร์พยักหน้า ก่อนจะหันมามองวิรงรองอย่างใช้ความคิด
หญิงสาวผู้นี้สวย ดูสง่า ชาติตระกูลดี ฐานะดี แบบนี้สิถึงจะคู่ควรกับดีเลิศ...หลานชายเพียงคนเดียวของนาง
‘แม่นายเจ้าขา คุณหนูวิสวยมากเลยนะเจ้าคะ’
ผีพวงกระซิบเอาใจเจ้านายราวกับนั่งอยู่กลางใจว่าเจิมจันทร์กำลังคิดอะไรอยู่ เจิมจันทร์หยักยิ้มที่มุมปาก พวงนับว่าเป็นผีรับใช้ที่รู้ใจนางที่สุด ไม่ว่านางคิด หรือต้องการอะไร พวงจะพินอบพิเทาสรรหามาให้ด้วยความจงรักภักดี
แต่ข้อเสียของพวงก็มี...
ความฉลาดของพวงทำให้เจิมจันทร์ไม่ค่อยสบายใจนัก กลัวว่าสักวันหากอำนาจของนางลดน้อยถอยลงเมื่อใด พวงคงกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวมากทีเดียว
“หนูวิจำพี่โตได้ไหมจ๊ะ ตอนนี้พี่โตเขาทำงานเป็นเลขานุการโทอยู่ที่สถานทูต เพิ่งย้ายกลับมาจากปีนังไม่นานนี้เอง”
เจิมจันทร์เริ่มเล่นบทแม่สื่อแม่ชัก โดยไม่สนว่าหลานชายจะแต่ง งานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว
ภรรยาอย่างบัวบุษบานางไม่มีวันยอมรับเป็นหลานสะใภ้เด็ดขาด หลานชายเพียงคนเดียวที่นางรักต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่ไปคว้านังผู้หญิงข้างบ้านมาเป็นภรรยา!
“พี่โตหรือคะ จำได้ค่ะ”
วิรงรองตาวาวเมื่อคิดถึงหลานชายของเจิมจันทร์ ดีเลิศ
เธอเคยเจอเขาเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เจิมจันทร์ชอบพาดีเลิศมาร่วมงานวันเกิดที่บ้านเธอแทบทุกปี จนกระทั่งตายายส่งเธอไปเรียนต่อมัธยม ศึกษาที่เนเธอร์แลนด์ เพื่อน สังคม วัฒนธรรมแปลกใหม่ทำให้เธอลืมดีเลิศไปเสียสนิท ทั้งที่ตอนนั้นเธอเคยอยากเป็นเจ้าสาวของดีเลิศจนร้องไห้ กลัวว่าเมื่อโตขึ้นเขาจะไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่เธอ คิดแล้วก็ขำความคิดของเด็กในวัยที่เต็มไปด้วยจินตนาการ
ตอนนี้เธอคือไฮโซวิรงรอง ผู้ชายมากมายล้วนต้องการคบหากับเธอ ดอกฟ้าที่สังคมต่างจับตา ไม่ว่าเธอจะย่างกรายไปทางไหน ขยับตัวทำอะไร ย่อมเป็นที่สนใจเสมอ เธอไม่ใช่เด็กหญิงกะโปโลที่ร่ำร้องอยากได้ความรักจากเด็กผู้ชายอีกแล้ว เพราะเธอเป็นฝ่าย ‘เลือก’ ไม่ใช่ฝ่าย ‘ถูกเลือก’
“นี่ไงรูปพ่อโต ไม่เจอกันนานหนูคงไม่รู้ว่าพี่เขาหน้าตาเป็นยังไงแล้วตอนนี้” เจิมจันทร์หยิบกระเป๋าเงินออกมา เปิดเอารูปถ่ายของหลานชาย ให้วิรงรองดู นางพกติดกระเป๋าไว้เสมอ เวลาไปไหนจะได้อวดกับใครๆ ได้ว่าเธอมีหลานชายหน้าตาดี หน้าที่การงานดี ดำเนินรอยตามคุณตาไม่มีผิด เพี้ยน
วิรงรองถึงกับนิ่งงันหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นดีเลิศ เขาหล่อภูมิฐาน รอยยิ้มของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแตกต่างจากผู้ชายที่อยู่รายล้อมรอบตัวเธอ ความรักในวัยเด็กที่เธอคิดว่าไร้สาระนั้นยังคงฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก และแค่เพียงได้เห็นรูป เธอก็รู้ได้เลยว่า เธอต้องเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนนี้เท่านั้น!
“เป็นไงบ้างจ๊ะหนูวิ พี่โตดูเปลี่ยนไปมากเลยใช่ไหม”
เจิมจันทร์กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของวิรงรอง ใช่ว่านางจะจำไม่ได้ว่าตอนเด็กวิรงรองเคยคลั่งไคล้ดีเลิศสักเพียงใด พาไปร่วมงานวันเกิดทีไรเด็กหญิงต้องร้องไห้โยเยไม่ยอมให้ดีเลิศกลับบ้าน ร้อนถึงผู้ใหญ่ต้องหลอกล่อให้วิรงรองเลิกร้องไห้ด้วยการสัญญาว่าจะพาดีเลิศไปหาใหม่ นั่นแหละเด็กหญิงถึงหยุดร้องไห้
ไม่คิดเลยว่าการที่ให้เด็กทั้งสองรู้จักกันจะเป็นผลดีต่อนางในยามนี้
****************
ทว่าเมื่อเจิมจันทร์กลับมายังเรือนเสน่ห์จันทน์ อารมณ์เบิกบานก็หดหายเมื่อเห็นบัวบุษบานั่งเบียดชิดอยู่กับดีเลิศ พากันชี้ชมหมู่ดาวอย่างมีความสุข
เกลียดนักอีไพร่ มึงลอยหน้าลอยตาอยู่ในบ้านกูนานเกินไปแล้ว!
หญิงสูงวัยกัดฟันกรอด เห็นภาพตรงหน้าแล้วอยากจะพุ่งไปจิกหัวบุษบาออกมาจากหลานชาย
ทำไมนะ! ทำไมดีเลิศถึงได้ใฝ่ต่ำขนาดนี้ ผู้หญิงดีๆ มีชาติมีตระกูลมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองทำไมไม่รู้จักเลือก
“อะแฮ่ม!” ท้ายที่สุดเจิมจันทร์ก็ต้องแสร้งกระแอมขึ้น เมื่อเห็นว่าหนุ่มสาวตกอยู่ในภวังค์ มิได้รับรู้การกลับมาของนางเลยแม้แต่น้อย
“อ้าว คุณยายกลับมาแล้วเหรอครับ ผมชวนบัวมานั่งรอคุณยายครับ”
“ขอบใจนะพ่อโต หลานยายนี่น่ารักจริงๆ” นางยิ้มให้หลานชายโดยไม่คิดจะยิ้มเผื่อแผ่ไปยังหลานสะใภ้
“อ้อ พ่อโตช่วยไปเอานมจืดร้อนๆ มาให้ยายหน่อยได้ไหม ยายไม่ค่อยได้กินอาหารที่งานเลย คนเยอะแยะปวดหัวจนกินอะไรไม่ลง”
เจิมจันทร์ออดอ้อนหลาน ทั้งที่ภายในงานแต่งงาน นางยิ้มหน้าบาน พูดคุยกับวิรงรองอย่างสนิทสนม
“ครับคุณยาย รอสักครู่นะครับ” ดีเลิศเดินลงจากเรือนไปยังครัวซึ่งแยกออกจากเรือนไปทางด้านหลังทันที ทิ้งให้บัวบุษบาอยู่กับเจิมจันทร์เพียงลำพัง
แน่นอนว่าบัวบุษบาอึดอัดทุกครั้งที่ต้องประจันหน้ากับเจิมจันทร์ แต่เพราะรักสามีเธอจึงยอมทน แสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ยามเจิมจันทร์กระแนะกระแหน จิกตามองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“แกชูคออยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานหรอกนะนังบัว อีกไม่นานแกก็จะโดนพ่อโตทิ้ง”
เป็นไปตามที่บัวบุษบาคาดการณ์ คุณยายมหาภัยเริ่มเปิดฉากจิกกัดเธอทันทีเมื่ออยู่ลับหลังหลานชายสุดที่รัก ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนทุกๆ ครั้ง เธอคร้านที่จะโต้เถียงเพราะนอกจากไร้ประโยชน์ยังทำให้เธออารมณ์ขุ่นมัวอย่างไม่จำเป็น
‘ให้พวงจัดการมันเลยไหมคะแม่นาย พวงหมั่นไส้นังนี่เหลือเกิน จองหอง ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของแม่นาย’
พวงเงยหน้าดำคล้ำขึ้นมาจากการหมอบกราบข้างฝ่าเท้าเจิมจันทร์ ขณะที่มันแสยะยิ้มอย่างเอาใจ ยางเหนียวสีดำก็หยดลงพื้น กลิ่นของยางเหนียวเหม็นราวกับซากศพ
เจิมจันทร์แค่ปรายตามองพวงเพียงน้อยเป็นการปฏิเสธก่อนจะหันไปมองหลานสะใภ้อย่างหาจุดตำหนิ
ผู้ชายลองได้พบผู้หญิงที่สวยกว่า สดกว่า เร้าใจกว่า มีหรือจะไม่รวนเร เมื่อถึงวันนั้นนางนี่แหละจะเป็นคนถีบนังหลานสะใภ้จอมถือดีนี่ให้กระเด็นตกเรือน!
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ธ.ค. 2561, 10:07:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ธ.ค. 2561, 10:07:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 742
<< บทที่ 5 ตะกรุด วิญญาณ ความฝัน ความตาย -100% | บทที่ 6 แผนการของเจิมจันทร์ -100% + เปิดจอง >> |