มาลีเริงไฟ: รังสี(วิรัตต์ยา) ปลายปากกาสำนักพิมพ์
‘ญานีน’ ถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอ
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า แก้แค้น แต่งงาน สลับตัว เล่นของ
ตอน: บทที่ 5 -40%
เจิมจันทร์กลับไปที่คฤหาสน์ของวิญญูอีกครั้งในวันถัดมา
ยามรักษาการณ์ปฏิบัติกับนางแบบเดียวกับวันแรกที่นางมาไม่มีผิดเพี้ยน นางพยาบาลก็ด้วย เจิมจันทร์จึงใช้วิธีเดียวกัน และสามารถเข้ามาอยู่ในห้องคนป่วยได้ในที่สุด
เมื่อเหลือเพียงนางกับญานีนภายในห้อง นางก็จัดการดึงสายระโยงระยางบนตัวหลานสาวออก สวมจี้เพชรที่เพิ่งได้คืนจากบ้านอัคนีลงบนลำคอระหง จากนั้นก็เริ่มนำไข่มาไล้ตามตัวหลานสาวที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียง พร้อมกับท่องบทสวดอีกครั้ง ไม่นานก็ปรากฏควันสีดำคล้ำค่อยๆ ลอยออกจากผิวหนังของหญิงสาว ตามมาด้วยอาการกระตุกสองสามครั้งญานีนก็ขย้อนเอาของเหลวสีดำออกมาเลอะเต็มเตียงนอน
ระหว่างนั้น เจิมจันทร์หันไปจัดการกับวิญญาณชั้นต่ำที่สะกดหลาน สาวตน ด้วยการหยิบด้ายเส้นเล็กจากกระเป๋าถือแล้วโยนออกไป พลันนั้นด้ายก็กลายเป็นงูตัวเล็กๆ สีดำสนิทรัดวิญญาณตนนั้นเอาไว้
ครู่ต่อมา ญานีนที่ขย้อนของเหลวออกมาจนหมดท้องแล้ว ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ ห้องด้วยความมึนงง ครั้นหญิงสาวเห็นว่าคุณยายของตนอยู่ตรงนั้นด้วย ก็โผเข้าหาอย่างเด็กที่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวมาเป็นเวลาครึ่งปี แต่ทว่าเจิมจันทร์กลับผละออกด้วยท่าทีห่างเหิน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แกตื่นมาก็ดีแล้ว รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“ที่นี่ที่ไหนเหรอคะยาย ไม่ใช่โรงพยาบาลนี่คะ...แล้วทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“นี่คือบ้านของพ่อแก มันเอาแกมานอนแบ็บเอาไว้”
“อะ...อะไรนะคะ”
ญานีนตามไม่ทัน ขณะเดียวกันก็พยายามทบทวนความทรงจำช่วงที่ประสบอุบัติเหตุ “หนูเคยรู้สึกตัวขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งนี่คะ หนูจำทุกอย่างได้หมดเลยด้วย แล้วกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ยังไง”
“ถามโง่ๆ ก็มีคนอยากให้แกกลายเป็นแบบนี้น่ะสิ”
หลานสาวขมวดคิ้วไม่เข้าใจ เห็นอย่างนั้นคนเป็นยายเลยมองด้วยสายตาระอา “แกนี่มันโง่ดักดานตั้งแต่เด็กยันโตจริงๆ แบบนี้ไงถึงถูกเขาบังคับให้เป็นเจ้าหญิงนิทราได้...ฟังฉันให้ดีนะยายยิหวา ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าพ่อแก นังวารุณ และก็นังหนึ่ง...เป็นคนทำ!”
“เพื่ออะไรคะ” ญานีนยังคงงุนงง
“ก็เพื่อที่ลูกสาวสุดที่รักของพวกมันจะได้เป็นแกไง”
“อะไรนะคะยาย ยายหนึ่งน่ะเหรอคะจะเป็นหนู? หนูยิ่งไม่เข้าใจใหญ่เลยค่ะ”
“แกมันเข้าใจอะไรยากจริง!” เจิมจันทร์พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ชักสีหน้ารำคาญออกไป
“ตอนนี้มีคนหน้าเหมือนแกอยู่ข้างนอกนั่น ฉันเดาว่าเป็นนังหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นแก แต่ไม่ใช่แค่ศัลยกรรมให้หน้าเหมือนแกแน่ หึ เล่นกับใครไม่เล่น ฉันล่ะเชื่อยิ่งกว่าเชื่อว่าพ่อของแกมีส่วนรู้เห็นด้วย เขาเกลียดแม่แก ก็เลยพาลเกลียดแกไปด้วย”
ญานีนนิ่งอึ้ง มันเป็นเรื่องที่หล่อนไม่คาดคิดว่าในชีวิตนี้จะได้ยิน!
“เอาเถอะ แกเพิ่งฟื้นคงยังมึนๆ อธิบายอะไรไปตอนนี้จะยิ่งเสียเวลากันเปล่าๆ” เจิมจันทร์ตัดบท จะฉุดหลานสาวให้ลุกขึ้นจากเตียง จะได้ออก ไปให้พ้นๆ จากคฤหาสน์ของวิญญูเสียที
ทว่า...ญานีนกลับขืนตัวไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะยาย...”
ญานีนเอ่ยแค่นั้น แต่แววตาเริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อคลอ
“หนู...ถูกคุณพ่อทำให้เป็นแบบนี้...จริงๆ เหรอคะ” ญานีนถามออก ไปด้วยน้ำเสียงเจือความเจ็บปวด
และนั่นทำให้เจิมจันทร์ชะงักไปเหมือนกัน
นางคลายมือจากการฉุดกระชากหลานสาวอัตโนมัติ
จู่ๆ หลานสาวก็น้ำตาหยดแหมะ คนเป็นยายกำลังรีบๆ กลัวแผนล่มเลยอ่อนลง แต่ถ้าหวังว่าจะได้ยินคำปลอบจากนาง นั่นคงไม่ใช่เจิมจันทร์ สิ่งที่นางเอ่ยออกไปจึงทั้งห้วนทั้งดุหลานสาวในคราเดียวกัน
“แกจะร้องไห้หาพระแสงของ้าวอะไรตอนนี้ ยายยิหวา นี่ไม่ใช่เวลามาคร่ำครวญ พวกมันขังแกไว้กับนังพยาบาลรักษาสัตว์ แล้วก็สั่งเก็บรูปยายหนึ่งทั้งหมด สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาเยี่ยมแก พวกมันทำกับแกได้ขนาดนี้ แกยังคิดว่าพ่อแกไม่รู้ไม่เห็นด้วยอีกไหม”
“งั้นแสดงว่าตอนนี้ยายหนึ่งเป็นหนูอยู่อย่างนั้นเหรอคะ”
“เอ้อ หายโง่ซะที”
เจิมจันทร์อดไม่ได้ขอแขวะหลานสาวให้หายรำคาญ
“พวกมันเล่นทั้งวิทยาศาสตร์ทั้งไสยศาสตร์กับแก แกต้องเอาคืนให้สาสม เข้าใจไหม! แต่ฉันยังไม่รู้หรอกว่าทำไมนังหนึ่งมันถึงอยากเป็นแก ชีวิตมันก็ออกจะดี”
“หนูว่าหนูรู้ค่ะ” ญานีนเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาแทบเลือนหาย
ตอนนั้นเองดึงความสนใจจากเจิมจันทร์ หันขวับมามองหลานสาว
“พี่เดี่ยวก็ร่วมมือด้วยค่ะยาย พะ...พวกเขาร่วมมือกันฆ่าหนู” จากที่ว่าคุมสติตัวเองได้แล้ว พอเอ่ยบอกยายเท่านั้น น้ำตาก็ไหลพราก
“นี่ผัวแกก็เป็นไปกับเขาด้วยเรอะ! แกรู้ได้ไง แน่ใจแล้วใช่ไหม หน็อย ก็ว่ามันไม่เคยเอะใจเลยรึไงว่าเมียที่มันนอนกอดด้วยทุกคืน ไม่ใช่แก!”
ได้ยินอย่างนั้น ญานีนก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่าปานจะขาดใจเสียให้ได้ จึงถูกเจิมจันทร์ตวาด
“หยุดร้องได้แล้ว! เดี๋ยวคนของพวกมันก็ได้แห่กันเข้ามาพอดี เวลานี้แกควรต้องรีบแข็งแรงเพื่อแก้แค้นพวกมันถึงจะถูก”
“หนูขอโทษค่ะ...” ญานีนเสียงอ่อย กัดปากตัวเองพยายามที่จะหยุดร้องไห้ให้ได้ตามที่ยายว่า แล้วใช้หลังมือผอมแห้งนั้นปาดน้ำตาทิ้ง
“ฉันเคยบอกแกแล้วว่าผัวแกมันไว้ใจไม่ได้ ไม่อย่างนั้นมันไม่ยอมแต่งงานกับแกง่ายๆ หรอก”
“แล้วยายรู้ได้ยังไงว่าหนูอยู่ที่นี่”
“เหอะ” เจิมจันทร์สะบัดเสียงใส่
ครานั้นคนเป็นยายก็นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เกิดความสงสัยจนเป็นที่มาของการเข้ามาปลุกญานีนในวันนี้
นางสะดุดใจในท่าทีบางอย่างของญานีนตัวปลอมเข้าให้อย่างจัง ก็ในวันที่ญานีนตัวปลอมได้ออกจากโรงพยาบาล กลับมาอยู่บ้านแล้วนั่นละ จริงอยู่ ถึงนางจะไม่ค่อยได้ใส่ใจหลานสาวคนเล็กสุดนัก แต่ยังไงเสียนางก็พอรู้นิสัยใจคอหลานสาวตัวเองอยู่ว่าเป็นคนอย่างไร
ญานีนนั้นหัวอ่อน เชื่อคนง่าย และเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง ไม่ได้มีท่าทีติดจะกระด้างและอวดโอ้แบบที่วิรัลยาเป็น เรื่องเดียวที่ญานีนดื้อกับนางคือเรื่องแต่งงานกับอัคนี นอกนั้นไม่ว่านางจะให้ทำอะไร แม้ในสิ่งที่ไม่อยากทำ ญานีนไม่เคยปฏิเสธ หล่อนจะก้มหน้าก้มตาทำไป
และการที่ญานีนอยู่โรงพยาบาลนาน นางก็อดเป็นกังวลไม่ได้ว่า อาจมีวิญญาณร้ายตามติดและครอบงำหลานสาวอยู่ ถึงได้ส่งพรายไปเฝ้าดูหลานสาวที่บ้าน ผีที่นางเลี้ยงไว้แทบทุกตนรู้จักญานีนดี ฉะนั้นจึงจับความผิดปกติได้ทั้งกิริยาท่าทาง การพูดจา และนิสัยยามที่ญานีนคนนั้นอยู่บ้านอัคนี
เหตุนี้วันนั้นนางจึงเรียกตัวญานีนคนนั้นมาหาที่เรือนเสน่ห์จันทน์ เพื่อจับตาดูทุกฝีก้าว และก็เป็นจริงอย่างที่พรายรายงานไว้
“พอฉันมั่นใจว่านั่นไม่ใช่แก ก็เลยสงสัยยายหนึ่งขึ้นมา ถึงได้รู้ว่าคนที่นอนแบ็บอยู่นี่ ที่แท้เป็นแก” เจิมจันทร์กล่าวตบท้าย
“ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้แต่ต้นแล้ว ตั้งแต่ต้นเลย...”
อยู่ดีๆ ญานีนก็เอ่ยเหมือนละเมอ น้ำตาไหลเป็นทางอีกครั้งแต่ไม่สะอึกสะอื้นฟูมฟาย
“ตกลงแกจะออกไปจากที่นี่หรือเปล่า” คนเป็นยายถามแกมเหน็บเพราะดูท่าหลานสาวไม่คิดจะลุกจากเตียงสักที
“หนู...ขออยู่ต่อได้ไหมคะยาย หนูจะอยู่แก้แค้นพวกเขาค่ะ แก้แค้นให้หมดทุกคนเลย!” ญานีนประกาศก้องขึ้นมาเอง แววตามีแต่ความคั่งแค้นชนิดที่เจิมจันทร์เองก็ไม่เคยเห็นในตัวหลานสาวมาก่อน!
“ดีมากยายยิหวา” คนเป็นยายหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก
“แค้นก็ต้องแก้แค้น ไม่ใช่ใช้วิธีโง่ๆ แบบแม่ของแก เข้าใจไหม!”
“แต่หนูยังคิดวิธีไม่ออกเลยค่ะ เมื่อกี้ยายบอกว่าพวกเขา เอ่อ ใช้ไสยศาสตร์ด้วย แล้วยายก็มาปลุกหนู...ด้วยวิธี...เดียวกันเหรอคะ”
ญานีนมองคนเป็นยายอย่างค้นหาคำตอบ
เจิมจันทร์เลยมองหน้าหลานสาวคนเล็กสุดนิ่ง สักพัก...นางก็เผยรอยยิ้มบางอย่างที่หลานสาวเองก็อ่านไม่ออก ก่อนที่จะปลี่ยนเป็นยิ้มออกมาด้วยแววตาหมายมาด...
วูบหนึ่งญานีนถึงกับขนลุกซู่
*********
ญานีนฟื้นแล้วววว ความมันส์ของเรื่องราวทั้งหมดกำลังจะมาค่ะ55555 ญานีนกับวิรัลยาได้ฉะกันแน่นอน!
ยามรักษาการณ์ปฏิบัติกับนางแบบเดียวกับวันแรกที่นางมาไม่มีผิดเพี้ยน นางพยาบาลก็ด้วย เจิมจันทร์จึงใช้วิธีเดียวกัน และสามารถเข้ามาอยู่ในห้องคนป่วยได้ในที่สุด
เมื่อเหลือเพียงนางกับญานีนภายในห้อง นางก็จัดการดึงสายระโยงระยางบนตัวหลานสาวออก สวมจี้เพชรที่เพิ่งได้คืนจากบ้านอัคนีลงบนลำคอระหง จากนั้นก็เริ่มนำไข่มาไล้ตามตัวหลานสาวที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียง พร้อมกับท่องบทสวดอีกครั้ง ไม่นานก็ปรากฏควันสีดำคล้ำค่อยๆ ลอยออกจากผิวหนังของหญิงสาว ตามมาด้วยอาการกระตุกสองสามครั้งญานีนก็ขย้อนเอาของเหลวสีดำออกมาเลอะเต็มเตียงนอน
ระหว่างนั้น เจิมจันทร์หันไปจัดการกับวิญญาณชั้นต่ำที่สะกดหลาน สาวตน ด้วยการหยิบด้ายเส้นเล็กจากกระเป๋าถือแล้วโยนออกไป พลันนั้นด้ายก็กลายเป็นงูตัวเล็กๆ สีดำสนิทรัดวิญญาณตนนั้นเอาไว้
ครู่ต่อมา ญานีนที่ขย้อนของเหลวออกมาจนหมดท้องแล้ว ก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ ห้องด้วยความมึนงง ครั้นหญิงสาวเห็นว่าคุณยายของตนอยู่ตรงนั้นด้วย ก็โผเข้าหาอย่างเด็กที่ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวมาเป็นเวลาครึ่งปี แต่ทว่าเจิมจันทร์กลับผละออกด้วยท่าทีห่างเหิน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แกตื่นมาก็ดีแล้ว รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“ที่นี่ที่ไหนเหรอคะยาย ไม่ใช่โรงพยาบาลนี่คะ...แล้วทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“นี่คือบ้านของพ่อแก มันเอาแกมานอนแบ็บเอาไว้”
“อะ...อะไรนะคะ”
ญานีนตามไม่ทัน ขณะเดียวกันก็พยายามทบทวนความทรงจำช่วงที่ประสบอุบัติเหตุ “หนูเคยรู้สึกตัวขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งนี่คะ หนูจำทุกอย่างได้หมดเลยด้วย แล้วกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราได้ยังไง”
“ถามโง่ๆ ก็มีคนอยากให้แกกลายเป็นแบบนี้น่ะสิ”
หลานสาวขมวดคิ้วไม่เข้าใจ เห็นอย่างนั้นคนเป็นยายเลยมองด้วยสายตาระอา “แกนี่มันโง่ดักดานตั้งแต่เด็กยันโตจริงๆ แบบนี้ไงถึงถูกเขาบังคับให้เป็นเจ้าหญิงนิทราได้...ฟังฉันให้ดีนะยายยิหวา ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าพ่อแก นังวารุณ และก็นังหนึ่ง...เป็นคนทำ!”
“เพื่ออะไรคะ” ญานีนยังคงงุนงง
“ก็เพื่อที่ลูกสาวสุดที่รักของพวกมันจะได้เป็นแกไง”
“อะไรนะคะยาย ยายหนึ่งน่ะเหรอคะจะเป็นหนู? หนูยิ่งไม่เข้าใจใหญ่เลยค่ะ”
“แกมันเข้าใจอะไรยากจริง!” เจิมจันทร์พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ชักสีหน้ารำคาญออกไป
“ตอนนี้มีคนหน้าเหมือนแกอยู่ข้างนอกนั่น ฉันเดาว่าเป็นนังหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นแก แต่ไม่ใช่แค่ศัลยกรรมให้หน้าเหมือนแกแน่ หึ เล่นกับใครไม่เล่น ฉันล่ะเชื่อยิ่งกว่าเชื่อว่าพ่อของแกมีส่วนรู้เห็นด้วย เขาเกลียดแม่แก ก็เลยพาลเกลียดแกไปด้วย”
ญานีนนิ่งอึ้ง มันเป็นเรื่องที่หล่อนไม่คาดคิดว่าในชีวิตนี้จะได้ยิน!
“เอาเถอะ แกเพิ่งฟื้นคงยังมึนๆ อธิบายอะไรไปตอนนี้จะยิ่งเสียเวลากันเปล่าๆ” เจิมจันทร์ตัดบท จะฉุดหลานสาวให้ลุกขึ้นจากเตียง จะได้ออก ไปให้พ้นๆ จากคฤหาสน์ของวิญญูเสียที
ทว่า...ญานีนกลับขืนตัวไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะยาย...”
ญานีนเอ่ยแค่นั้น แต่แววตาเริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อคลอ
“หนู...ถูกคุณพ่อทำให้เป็นแบบนี้...จริงๆ เหรอคะ” ญานีนถามออก ไปด้วยน้ำเสียงเจือความเจ็บปวด
และนั่นทำให้เจิมจันทร์ชะงักไปเหมือนกัน
นางคลายมือจากการฉุดกระชากหลานสาวอัตโนมัติ
จู่ๆ หลานสาวก็น้ำตาหยดแหมะ คนเป็นยายกำลังรีบๆ กลัวแผนล่มเลยอ่อนลง แต่ถ้าหวังว่าจะได้ยินคำปลอบจากนาง นั่นคงไม่ใช่เจิมจันทร์ สิ่งที่นางเอ่ยออกไปจึงทั้งห้วนทั้งดุหลานสาวในคราเดียวกัน
“แกจะร้องไห้หาพระแสงของ้าวอะไรตอนนี้ ยายยิหวา นี่ไม่ใช่เวลามาคร่ำครวญ พวกมันขังแกไว้กับนังพยาบาลรักษาสัตว์ แล้วก็สั่งเก็บรูปยายหนึ่งทั้งหมด สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาเยี่ยมแก พวกมันทำกับแกได้ขนาดนี้ แกยังคิดว่าพ่อแกไม่รู้ไม่เห็นด้วยอีกไหม”
“งั้นแสดงว่าตอนนี้ยายหนึ่งเป็นหนูอยู่อย่างนั้นเหรอคะ”
“เอ้อ หายโง่ซะที”
เจิมจันทร์อดไม่ได้ขอแขวะหลานสาวให้หายรำคาญ
“พวกมันเล่นทั้งวิทยาศาสตร์ทั้งไสยศาสตร์กับแก แกต้องเอาคืนให้สาสม เข้าใจไหม! แต่ฉันยังไม่รู้หรอกว่าทำไมนังหนึ่งมันถึงอยากเป็นแก ชีวิตมันก็ออกจะดี”
“หนูว่าหนูรู้ค่ะ” ญานีนเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาแทบเลือนหาย
ตอนนั้นเองดึงความสนใจจากเจิมจันทร์ หันขวับมามองหลานสาว
“พี่เดี่ยวก็ร่วมมือด้วยค่ะยาย พะ...พวกเขาร่วมมือกันฆ่าหนู” จากที่ว่าคุมสติตัวเองได้แล้ว พอเอ่ยบอกยายเท่านั้น น้ำตาก็ไหลพราก
“นี่ผัวแกก็เป็นไปกับเขาด้วยเรอะ! แกรู้ได้ไง แน่ใจแล้วใช่ไหม หน็อย ก็ว่ามันไม่เคยเอะใจเลยรึไงว่าเมียที่มันนอนกอดด้วยทุกคืน ไม่ใช่แก!”
ได้ยินอย่างนั้น ญานีนก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่าปานจะขาดใจเสียให้ได้ จึงถูกเจิมจันทร์ตวาด
“หยุดร้องได้แล้ว! เดี๋ยวคนของพวกมันก็ได้แห่กันเข้ามาพอดี เวลานี้แกควรต้องรีบแข็งแรงเพื่อแก้แค้นพวกมันถึงจะถูก”
“หนูขอโทษค่ะ...” ญานีนเสียงอ่อย กัดปากตัวเองพยายามที่จะหยุดร้องไห้ให้ได้ตามที่ยายว่า แล้วใช้หลังมือผอมแห้งนั้นปาดน้ำตาทิ้ง
“ฉันเคยบอกแกแล้วว่าผัวแกมันไว้ใจไม่ได้ ไม่อย่างนั้นมันไม่ยอมแต่งงานกับแกง่ายๆ หรอก”
“แล้วยายรู้ได้ยังไงว่าหนูอยู่ที่นี่”
“เหอะ” เจิมจันทร์สะบัดเสียงใส่
ครานั้นคนเป็นยายก็นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เกิดความสงสัยจนเป็นที่มาของการเข้ามาปลุกญานีนในวันนี้
นางสะดุดใจในท่าทีบางอย่างของญานีนตัวปลอมเข้าให้อย่างจัง ก็ในวันที่ญานีนตัวปลอมได้ออกจากโรงพยาบาล กลับมาอยู่บ้านแล้วนั่นละ จริงอยู่ ถึงนางจะไม่ค่อยได้ใส่ใจหลานสาวคนเล็กสุดนัก แต่ยังไงเสียนางก็พอรู้นิสัยใจคอหลานสาวตัวเองอยู่ว่าเป็นคนอย่างไร
ญานีนนั้นหัวอ่อน เชื่อคนง่าย และเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง ไม่ได้มีท่าทีติดจะกระด้างและอวดโอ้แบบที่วิรัลยาเป็น เรื่องเดียวที่ญานีนดื้อกับนางคือเรื่องแต่งงานกับอัคนี นอกนั้นไม่ว่านางจะให้ทำอะไร แม้ในสิ่งที่ไม่อยากทำ ญานีนไม่เคยปฏิเสธ หล่อนจะก้มหน้าก้มตาทำไป
และการที่ญานีนอยู่โรงพยาบาลนาน นางก็อดเป็นกังวลไม่ได้ว่า อาจมีวิญญาณร้ายตามติดและครอบงำหลานสาวอยู่ ถึงได้ส่งพรายไปเฝ้าดูหลานสาวที่บ้าน ผีที่นางเลี้ยงไว้แทบทุกตนรู้จักญานีนดี ฉะนั้นจึงจับความผิดปกติได้ทั้งกิริยาท่าทาง การพูดจา และนิสัยยามที่ญานีนคนนั้นอยู่บ้านอัคนี
เหตุนี้วันนั้นนางจึงเรียกตัวญานีนคนนั้นมาหาที่เรือนเสน่ห์จันทน์ เพื่อจับตาดูทุกฝีก้าว และก็เป็นจริงอย่างที่พรายรายงานไว้
“พอฉันมั่นใจว่านั่นไม่ใช่แก ก็เลยสงสัยยายหนึ่งขึ้นมา ถึงได้รู้ว่าคนที่นอนแบ็บอยู่นี่ ที่แท้เป็นแก” เจิมจันทร์กล่าวตบท้าย
“ทุกอย่างถูกวางแผนเอาไว้แต่ต้นแล้ว ตั้งแต่ต้นเลย...”
อยู่ดีๆ ญานีนก็เอ่ยเหมือนละเมอ น้ำตาไหลเป็นทางอีกครั้งแต่ไม่สะอึกสะอื้นฟูมฟาย
“ตกลงแกจะออกไปจากที่นี่หรือเปล่า” คนเป็นยายถามแกมเหน็บเพราะดูท่าหลานสาวไม่คิดจะลุกจากเตียงสักที
“หนู...ขออยู่ต่อได้ไหมคะยาย หนูจะอยู่แก้แค้นพวกเขาค่ะ แก้แค้นให้หมดทุกคนเลย!” ญานีนประกาศก้องขึ้นมาเอง แววตามีแต่ความคั่งแค้นชนิดที่เจิมจันทร์เองก็ไม่เคยเห็นในตัวหลานสาวมาก่อน!
“ดีมากยายยิหวา” คนเป็นยายหัวเราะเสียงเย็นยะเยือก
“แค้นก็ต้องแก้แค้น ไม่ใช่ใช้วิธีโง่ๆ แบบแม่ของแก เข้าใจไหม!”
“แต่หนูยังคิดวิธีไม่ออกเลยค่ะ เมื่อกี้ยายบอกว่าพวกเขา เอ่อ ใช้ไสยศาสตร์ด้วย แล้วยายก็มาปลุกหนู...ด้วยวิธี...เดียวกันเหรอคะ”
ญานีนมองคนเป็นยายอย่างค้นหาคำตอบ
เจิมจันทร์เลยมองหน้าหลานสาวคนเล็กสุดนิ่ง สักพัก...นางก็เผยรอยยิ้มบางอย่างที่หลานสาวเองก็อ่านไม่ออก ก่อนที่จะปลี่ยนเป็นยิ้มออกมาด้วยแววตาหมายมาด...
วูบหนึ่งญานีนถึงกับขนลุกซู่
*********
ญานีนฟื้นแล้วววว ความมันส์ของเรื่องราวทั้งหมดกำลังจะมาค่ะ55555 ญานีนกับวิรัลยาได้ฉะกันแน่นอน!
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2561, 09:15:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2561, 09:15:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 658
<< บทที่ 4 -100% | บทที่ 5 -100% >> |