มาลีเริงไฟ: รังสี(วิรัตต์ยา) ปลายปากกาสำนักพิมพ์
‘ญานีน’ ถึงกับช็อกเมื่อรู้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเธอ
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
เป็นฝีมือของ ‘อัคนี’ สามีสุดที่รัก ที่ร่วมมือกับ ‘วิรัลยา’ แฟนเก่าของเขา
เพียงเพราะทั้งคู่อยากกลับไปใช้ชีวิตด้วยกัน
โชคร้ายของพวกเขาที่เธอไม่ตาย
เพราะนับจากนี้จะไม่มีญานีนผู้อ่อนแอ โง่เง่า และขี้ขลาดอีกต่อไป!
เธอวางความรักที่มีต่ออัคนีลง แล้วหยิบความแค้นมาเป็นเข็มทิศนำทาง
ญานีนจะตามล่า และตามฆ่าพวกเขาด้วยมือของเธอเอง
โดยยอมรับความช่วยเหลือจาก ‘เจิมจันทร์’ ผู้เป็นยาย
...ยายซึ่งเป็นพวกเล่นของ!...
นาทีนี้ ญานีนไม่สนถูกผิด ไม่สนว่าใครจะเจ็บ ใครจะตาย
สนเพียงว่าแค้นของเธอต้องได้รับการชำระ
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็เอาด้วยไสยดำ!
*******************
ใครชอบนิยายรักโรแมนติก ดราม่านำ เน้นความรักและการแก้แค้น และ 'สลับหน้ากัน' ระหว่างนางเอกกับนางร้าย ย้ำ! สลับหน้าของจริงค่ะ 55555 จะมาในรูปแบบใด ติดตามได้ในเรื่องเลยนะคะ นางเอกนางร้ายเชือดเฉือนกัน #รับประกันความเผ็ด! ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์นำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooktogothailand
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อมาลีเริงไฟ ราคา 340฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 380฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 400฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (มาลีเริงไฟ ราคีสีเพลิง เลื่อมลายพรายจันทร์ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้า แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป (มาลีเริงไฟ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนเล็กสุดในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผี ดราม่า แก้แค้น แต่งงาน สลับตัว เล่นของ
ตอน: บทที่ 15 -70%
อัคนีไม่สนใจคนทั้งคู่อีก ประคองภรรยาลงจากดาดฟ้าไปก่อน
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคุณหนึ่ง” เหลือก็แต่ไอศูรย์ที่ยังเป็นห่วงเจ้านายของตน หันมาเอ่ยถามพลางมองสำรวจไปทั่วตัว
ญานีนแค่ส่ายหน้ายืนยันว่าหล่อนไม่เป็นไร ก่อนผละจากไอศูรย์เดินตามอัคนีและวิรัลยาไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก ไอศูรย์เลยถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ แต่ก็ก้าวตามหล่อนไปอีกคน
เมื่อลงมาถึงข้างล่าง วิรัลยาก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลมในอ้อมกอดของสามี
“ยิหวา! เป็นอะไรไป”
“หน้ามืดค่ะ สงสัยโดนแดดนานไปหน่อย แล้วก็กลัว...” หล่อนเว้นช่วงเพื่อมองไปทางญานีน “เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ”
“ไปหาหมอไหม”
“ไปค่ะ ยิหวาก็อยากตรวจเหมือนกันว่าเป็นอะไร ท้องหรือเปล่า...ถ้าท้องก็ดีนะคะ ถือเป็นข่าวดีรับวันครบรอบแต่งงานของเราพอดี”
ได้ยินอย่างนั้น ญานีนก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกได้ จริงด้วย... อีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันครบรอบแต่งงานของหล่อนกับอัคนี!
ญานีนอดไม่ได้เหลือบมองชายผู้เป็นสามี ก็เห็นเขายิ้มน้อยๆ
“ขอให้เป็นจริงเถอะ พี่จะถือว่าเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดในชีวิต พี่เลย...ไป ถ้างั้นเดี๋ยวพี่พาไปตรวจ อ้อ หนึ่งรอพี่ก่อนนะ พี่กลับจากโรง’บาลแล้วจะมาคุยด้วย”
“หลังจากนี้ไม่มีเวลาแล้วค่ะเพราะต้องคุยกับพิธีกรข่าวบันเทิง เชิญพากันไปตรวจให้ตามสบายเถอะค่ะ อย่าลืมให้เมียพี่คุยกับหมอโรคจิตด้วยนะคะ”
พูดจบหล่อนก็เชิดหน้าขึ้นอย่างที่วิรัลยาตัวจริงชอบทำ เป็นฝ่ายเดินแยกไปก่อน โดยมีไอศูรย์ก้าวตามติด
******************************
“แกคิดจะขังคุณวาเขาไว้นานเท่าไหร่”
วิญญูเอ่ยถามลูกสาวคนเล็ก เมื่อนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยกันในเย็นวันหนึ่ง ทุกวันนี้ สองพ่อลูกเลือกที่จะรับประทานอาหารกันในห้องเล็ก และห้ามคนรับใช้อยู่ด้วยเด็ดขาด วิญญูจะสั่นกระดิ่งเรียกถ้าต้องการอะไรเพิ่ม
“ยังไม่ได้คิดค่ะ”
ญานีนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ทั้งที่ในใจหล่อนตอนนี้กำลังสงสารหญิงวัยกลางคนผู้นั้นอยู่ลึกๆ
ยายหนึ่งจะทนให้แม่ตัวเองนอนแบ็บอยู่บนเตียงแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ นังนั่นจะสารเลวเห็นแก่ตัวแม้แต่กับแม่ของตัวเองได้จริงๆ น่ะเหรอ
“ฉันต้องทำยังไง แกกับหนึ่งถึงจะเลิกโกรธแค้นกันเสียที เรื่องบ้าๆ พวกนี้ก็หมือนกัน ทุกวันนี้ เหล่าที่ปรึกษาและคณะกรรมการกดดันฉันทุกวันให้เคลียร์เรื่อง ‘ยายหนึ่ง’”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“ยิหวา!” คนเป็นพ่อเริ่มของขึ้น
“แกอย่าลืมว่าสิ่งที่แกทำอยู่ตอนนี้มันมีผลกระทบกับสถานีของเรานะ แกทำลายภาพพจน์ของยายหนึ่งก็เท่ากับทำลายภาพลักษณ์ของสถานีเราด้วย”
“ดูเหมือนนังหนึ่งจะสำคัญกับสถานีของพ่อมากเลยนะคะ แล้วใครล่ะคะที่เป็นคนเริ่มเรื่องบ้าๆ พวกนี้ก่อน ไม่ใช่นังหนึ่งเองเหรอคะ” ญานีน ย้อนถาม
“แต่หนึ่งเขาไม่ได้ทำให้สถานีเสียหาย” วิญญูพูดไปตามความจริง
“ค่ะ ถึงต่อให้มันฆ่าหนูตาย มันก็ยังเป็นนางฟ้าในสายตาพ่อเสมอ”ญานีนอดไม่ได้ที่จะประชดออกไป
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ญานีนก็นึกถึงคำพูดของวิรัลยาเมื่อตอนที่อยู่บนดาดฟ้าด้วยกัน คำพูดซึ่งบอกให้รู้ว่าวิรัลยาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความต้องการของตัวเอง โดยไม่สนว่าจะต้องทำร้ายบิดาหรือไม่ก็ตาม
หล่อนสงสารบิดา...แต่อีกใจก็บอกว่าช่างมันเถอะ
กรรมใครกรรมมัน!
“พ่อเลิกพูดเถอะค่ะ ตอนนี้หนูหมดเวลาที่จะมาน้อยใจกับสิ่งที่พ่อทำแล้ว...หนูไม่สนอะไรทั้งนั้น นอกจากชัยชนะ” ญานีนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนคุยเรื่องลมฟ้าอากาศ อันเป็นกิริยาที่วิญญูเรียนรู้ว่า แท้จริงแล้ว ลูกสาวกำลังเจ็บมากแตกต่างจากการแสดงออก วิญญูได้แต่ลอบถอนใจยาวด้วยความหนักใจ ทั้งจากความดื้อดึงของหล่อน ทั้งจากการไม่รู้จะบอกลูกอย่างไรว่าเขาไม่ได้มองวิรัลยาเป็นนางฟ้า และเขาก็ไม่เคยเกลียดหล่อน
ทางด้านญานีน พูดกับบิดาเช่นนั้นแล้วหล่อนก็รวบช้อนส้อม ทานอะไรไม่ลงอีก ลุกออกมาจากโต๊ะอาหาร
เมื่อขึ้นมาถึงห้องนอน หญิงสาวก็ปล่อยน้ำตาที่เก็บกักมาตลอด เวลาที่คุยกับบิดาที่โต๊ะอาหารไหลออกมาเป็นทาง นอกจากเจ็บปวดกับความรู้สึกของบิดาที่มีต่อหล่อนแล้ว นาทีนี้ หล่อนรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวในโลก แม้จะมียายคอยช่วย มีไอศูรย์คอยให้คำปรึกษา แต่ยายกับหล่อนนั้นก็ไม่ใช่ยายหลานที่สนิทกัน ยายเป็นคนดุ ชอบด่า เอาแต่ใจ อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง หล่อนรวมทั้งดมิสาและญาตาวี มักเป็นฝ่ายผิดเสมอเวลามีเรื่องกับใคร ยายจะไม่สอบสวนหาข้อเท็จจริง แต่จะลงโทษพวกหล่อนทันที จนหล่อนกล้าพูดได้เต็มปากว่ายายไม่รักหล่อน ที่ยายช่วยหล่อนเรื่องวิรัลยาก็เพราะอยากเห็นวิรัลยา วารุณ และบิดาพ่ายแพ้ย่อยยับ รวมถึงยายต้องการหล่อนเป็นทายาทของท่านด้วย
ส่วนไอศูรย์ เพราะเขาคิดว่าหล่อนคือวิรัลยาถึงทุ่มเทขนาดนี้ ลองถ้ารู้ว่าหล่อนคือญานีนสิ เขาก็คงย้ายข้างไปอยู่ข้างวิรัลยา เหมือนที่บิดาและอัคนีทำอยู่ตอนนี้
จากที่แค่น้ำตาไหล ญานีนเริ่มสะอื้นไห้ หล่อนอยากโทร.หาพี่สาว อยากได้ยินเสียงใครสักคนที่หล่อนมั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะเข้าข้างหล่อนเสมอ แต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้หล่อนคือวิรัลยา
“แกจะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมายายยิหวา”
เสียงกระด้างเย็นชาของยายดังขึ้นข้างหลัง
ญานีนสะดุ้งด้วยไม่นึกว่ายายจะมาโผล่อยู่ในห้อง จำต้องกรีดน้ำตาทิ้ง ก่อนหันไปหา
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคุณหนึ่ง” เหลือก็แต่ไอศูรย์ที่ยังเป็นห่วงเจ้านายของตน หันมาเอ่ยถามพลางมองสำรวจไปทั่วตัว
ญานีนแค่ส่ายหน้ายืนยันว่าหล่อนไม่เป็นไร ก่อนผละจากไอศูรย์เดินตามอัคนีและวิรัลยาไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก ไอศูรย์เลยถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ แต่ก็ก้าวตามหล่อนไปอีกคน
เมื่อลงมาถึงข้างล่าง วิรัลยาก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลมในอ้อมกอดของสามี
“ยิหวา! เป็นอะไรไป”
“หน้ามืดค่ะ สงสัยโดนแดดนานไปหน่อย แล้วก็กลัว...” หล่อนเว้นช่วงเพื่อมองไปทางญานีน “เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ”
“ไปหาหมอไหม”
“ไปค่ะ ยิหวาก็อยากตรวจเหมือนกันว่าเป็นอะไร ท้องหรือเปล่า...ถ้าท้องก็ดีนะคะ ถือเป็นข่าวดีรับวันครบรอบแต่งงานของเราพอดี”
ได้ยินอย่างนั้น ญานีนก็เบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างนึกได้ จริงด้วย... อีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันครบรอบแต่งงานของหล่อนกับอัคนี!
ญานีนอดไม่ได้เหลือบมองชายผู้เป็นสามี ก็เห็นเขายิ้มน้อยๆ
“ขอให้เป็นจริงเถอะ พี่จะถือว่าเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดในชีวิต พี่เลย...ไป ถ้างั้นเดี๋ยวพี่พาไปตรวจ อ้อ หนึ่งรอพี่ก่อนนะ พี่กลับจากโรง’บาลแล้วจะมาคุยด้วย”
“หลังจากนี้ไม่มีเวลาแล้วค่ะเพราะต้องคุยกับพิธีกรข่าวบันเทิง เชิญพากันไปตรวจให้ตามสบายเถอะค่ะ อย่าลืมให้เมียพี่คุยกับหมอโรคจิตด้วยนะคะ”
พูดจบหล่อนก็เชิดหน้าขึ้นอย่างที่วิรัลยาตัวจริงชอบทำ เป็นฝ่ายเดินแยกไปก่อน โดยมีไอศูรย์ก้าวตามติด
******************************
“แกคิดจะขังคุณวาเขาไว้นานเท่าไหร่”
วิญญูเอ่ยถามลูกสาวคนเล็ก เมื่อนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยกันในเย็นวันหนึ่ง ทุกวันนี้ สองพ่อลูกเลือกที่จะรับประทานอาหารกันในห้องเล็ก และห้ามคนรับใช้อยู่ด้วยเด็ดขาด วิญญูจะสั่นกระดิ่งเรียกถ้าต้องการอะไรเพิ่ม
“ยังไม่ได้คิดค่ะ”
ญานีนตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ทั้งที่ในใจหล่อนตอนนี้กำลังสงสารหญิงวัยกลางคนผู้นั้นอยู่ลึกๆ
ยายหนึ่งจะทนให้แม่ตัวเองนอนแบ็บอยู่บนเตียงแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ นังนั่นจะสารเลวเห็นแก่ตัวแม้แต่กับแม่ของตัวเองได้จริงๆ น่ะเหรอ
“ฉันต้องทำยังไง แกกับหนึ่งถึงจะเลิกโกรธแค้นกันเสียที เรื่องบ้าๆ พวกนี้ก็หมือนกัน ทุกวันนี้ เหล่าที่ปรึกษาและคณะกรรมการกดดันฉันทุกวันให้เคลียร์เรื่อง ‘ยายหนึ่ง’”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“ยิหวา!” คนเป็นพ่อเริ่มของขึ้น
“แกอย่าลืมว่าสิ่งที่แกทำอยู่ตอนนี้มันมีผลกระทบกับสถานีของเรานะ แกทำลายภาพพจน์ของยายหนึ่งก็เท่ากับทำลายภาพลักษณ์ของสถานีเราด้วย”
“ดูเหมือนนังหนึ่งจะสำคัญกับสถานีของพ่อมากเลยนะคะ แล้วใครล่ะคะที่เป็นคนเริ่มเรื่องบ้าๆ พวกนี้ก่อน ไม่ใช่นังหนึ่งเองเหรอคะ” ญานีน ย้อนถาม
“แต่หนึ่งเขาไม่ได้ทำให้สถานีเสียหาย” วิญญูพูดไปตามความจริง
“ค่ะ ถึงต่อให้มันฆ่าหนูตาย มันก็ยังเป็นนางฟ้าในสายตาพ่อเสมอ”ญานีนอดไม่ได้ที่จะประชดออกไป
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ญานีนก็นึกถึงคำพูดของวิรัลยาเมื่อตอนที่อยู่บนดาดฟ้าด้วยกัน คำพูดซึ่งบอกให้รู้ว่าวิรัลยาพร้อมทำทุกอย่างเพื่อความต้องการของตัวเอง โดยไม่สนว่าจะต้องทำร้ายบิดาหรือไม่ก็ตาม
หล่อนสงสารบิดา...แต่อีกใจก็บอกว่าช่างมันเถอะ
กรรมใครกรรมมัน!
“พ่อเลิกพูดเถอะค่ะ ตอนนี้หนูหมดเวลาที่จะมาน้อยใจกับสิ่งที่พ่อทำแล้ว...หนูไม่สนอะไรทั้งนั้น นอกจากชัยชนะ” ญานีนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนคุยเรื่องลมฟ้าอากาศ อันเป็นกิริยาที่วิญญูเรียนรู้ว่า แท้จริงแล้ว ลูกสาวกำลังเจ็บมากแตกต่างจากการแสดงออก วิญญูได้แต่ลอบถอนใจยาวด้วยความหนักใจ ทั้งจากความดื้อดึงของหล่อน ทั้งจากการไม่รู้จะบอกลูกอย่างไรว่าเขาไม่ได้มองวิรัลยาเป็นนางฟ้า และเขาก็ไม่เคยเกลียดหล่อน
ทางด้านญานีน พูดกับบิดาเช่นนั้นแล้วหล่อนก็รวบช้อนส้อม ทานอะไรไม่ลงอีก ลุกออกมาจากโต๊ะอาหาร
เมื่อขึ้นมาถึงห้องนอน หญิงสาวก็ปล่อยน้ำตาที่เก็บกักมาตลอด เวลาที่คุยกับบิดาที่โต๊ะอาหารไหลออกมาเป็นทาง นอกจากเจ็บปวดกับความรู้สึกของบิดาที่มีต่อหล่อนแล้ว นาทีนี้ หล่อนรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวในโลก แม้จะมียายคอยช่วย มีไอศูรย์คอยให้คำปรึกษา แต่ยายกับหล่อนนั้นก็ไม่ใช่ยายหลานที่สนิทกัน ยายเป็นคนดุ ชอบด่า เอาแต่ใจ อารมณ์ค่อนข้างรุนแรง หล่อนรวมทั้งดมิสาและญาตาวี มักเป็นฝ่ายผิดเสมอเวลามีเรื่องกับใคร ยายจะไม่สอบสวนหาข้อเท็จจริง แต่จะลงโทษพวกหล่อนทันที จนหล่อนกล้าพูดได้เต็มปากว่ายายไม่รักหล่อน ที่ยายช่วยหล่อนเรื่องวิรัลยาก็เพราะอยากเห็นวิรัลยา วารุณ และบิดาพ่ายแพ้ย่อยยับ รวมถึงยายต้องการหล่อนเป็นทายาทของท่านด้วย
ส่วนไอศูรย์ เพราะเขาคิดว่าหล่อนคือวิรัลยาถึงทุ่มเทขนาดนี้ ลองถ้ารู้ว่าหล่อนคือญานีนสิ เขาก็คงย้ายข้างไปอยู่ข้างวิรัลยา เหมือนที่บิดาและอัคนีทำอยู่ตอนนี้
จากที่แค่น้ำตาไหล ญานีนเริ่มสะอื้นไห้ หล่อนอยากโทร.หาพี่สาว อยากได้ยินเสียงใครสักคนที่หล่อนมั่นใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะเข้าข้างหล่อนเสมอ แต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้หล่อนคือวิรัลยา
“แกจะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมายายยิหวา”
เสียงกระด้างเย็นชาของยายดังขึ้นข้างหลัง
ญานีนสะดุ้งด้วยไม่นึกว่ายายจะมาโผล่อยู่ในห้อง จำต้องกรีดน้ำตาทิ้ง ก่อนหันไปหา
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.พ. 2562, 19:24:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.พ. 2562, 19:24:14 น.
จำนวนการเข้าชม : 615
<< บทที่ 15 -30% | บทที่ 15 -100% >> |