พิศวาสทาสทราย e-book
ความรัก ความแค้นที่รอกรชำระ ณ แดนทราย
งานวิวาห์ล่มสลายไร้เจ้าสาว
อาญาที่หมายจะลงทัณฑ์กลายเป็นการทรมานที่แสนหวาน
แม้อยากครอบครอง แต่ไม่อาจแตะต้อง!!

*หมายเหตุ*
งานเขียนเรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ภัทรโญธินในเครืออักษรศาสตร์ วางจำหน่ายในนามปากกา "ทิตภากร"
ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสม วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!! ภายใต้ในนามปากกา "กันต์ระพี"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ 1

พิศวาสทาสทราย

ประพันธ์โดย...กันต์ระพี

*หมายเหตุ*
งานเขียนเรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ภัทรโญธินในเครืออักษรศาสตร์ วางจำหน่ายในนามปากกา "ทิตภากร"
ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสม วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!! ภายใต้ในนามปากกา "กันต์ระพี"


ประเทศไทย...

แม้จักรพงษ์จะยืนสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางผู้คนภายในโบสถ์คริสตจักร แต่สีหน้าแววตาก็แลกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด บ่อยครั้งที่เขาชำเลืองมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ จนกระทั่งเห็นร่างระหงก้าวผ่านประตูโบสถ์และเดินมาตามพรมที่ทอดยาว รอยยิ้มเปิดเผยก็ปรากฏบนริมฝีปาก ทราบดีว่าการรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว

นัฐชา...เจ้าสาวแสนสวยของเขา

เวลานี้ใบหน้างดงามของหล่อนปกปิดด้วยผ้าคลุมหน้าผืนบาง แต่ความบางเบาของเนื้อผ้าไม่อาจซ่อนเร้นดวงตากลมโตที่ทอประกายแห่งความสุข ตลอดจนรอยยิ้มที่แย้มออกอย่างยินดี ทันทีที่หล่อนก้าวมายืนเคียงข้างเขา บาทหลวงซึ่งเป็นตัวแทนพระผู้เป็นเจ้าก็เริ่มพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

“ลูกจะยอมรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาหรือไม่?”

“ผมยินดีรับเธอเป็นภรรยาครับ” เสียงของจักรพงษ์หนักแน่นเป็นกังวาน ขณะรั้งมือเรียวมากุมไว้ สายตาสื่อความนัยถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อเจ้าสาว ราวกับจะบอกว่าต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย ก็ไม่มีอะไรจะมาพรากหล่อนไปจากเขาได้

“แล้วลูกล่ะ จะยอมรับชายคนนี้เป็นสามีหรือไม่?”

นัฐชายิ้มเอียงอาย นัยน์ตาที่สบประสานกับเจ้าบ่าวบ่งบอกว่าปลาบปลื้มยินดีนัก ทว่า...หล่อนยังไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธ เสียงหนึ่งก็แผดก้องขึ้นเสียก่อน

“ผมขอคัดค้านการแต่งงานนี้...!!”

สิ้นคำพูดนั้น ทุกคนภายในงานต่างหันมองบุรุษหน้าตาคมคายในชุดสูทประณีตที่ก้าวเข้ามายืนจังก้ากลางโบสถ์พร้อมกับผู้ติดตามนับสิบ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขรม งุนงงกับเหตุการณ์ดังกล่าว ถึงกระนั้นหนึ่งในผู้ที่มาร่วมงานก็ไม่พอใจในการกระทำนั้น อดรนทนไม่ได้ต้องลุกขึ้นชี้หน้าผู้บุกรุก

“พวกคุณเป็นใคร ถ้าคิดจะมาป่วนงานแต่งงานเพื่อนผมละก็ ได้เจอดีแน่!”

“หลีกไป...ไม่ใช่เรื่องของคุณ!” บุรุษหน้าตาคมคายคำรามกร้าว

ผู้ติดตามที่ยืนเบื้องหลังก็เข้าล็อกตัวชายที่กล่าววาจาข่มขู่แล้วพาออกไปนอกโบสถ์ เปิดทางให้คนเป็นนายก้าวผ่านไปยืนบนแท่นประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์

“ผู้หญิงคนนี้เป็นของผม ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์!” คำกล่าวอ้างประกาศก้อง ขณะมือแข็งราวคีมเหล็กกระชากแขนเจ้าสาวแล้วรั้งตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน

ท่ามกลางความสับสนงุนงงที่ทุกคนต่างตกตะลึง จักรพงษ์ผู้เป็นเจ้าบ่าวยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นชายที่กล่าวอ้างสิทธิ์ตวัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวขึ้นแล้วบดจูบริมฝีปากนุ่มเสมือนหนึ่งจะยืนยันคำพูดนั้น

ภาพที่เห็นตรงหน้าเรียกเสียงซุบซิบนินทาดังอื้ออึงไปทั้งโบสถ์ ถ้อยคำที่หลุดจากปากแต่ละคนหาได้สร้างสรรค์ แต่บั่นทอนจิตใจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความเคลือบแคลงจะคืบคลานเข้าเกาะกินใจเจ้าบ่าวอย่างจักรพงษ์

“นี่มันเรื่องอะไรกันนัฐ บอกผมมา...ผู้ชายคนนี้เป็นใคร!?”

“จักร...จักรฟังนัฐก่อนนะ นัฐไม่รู้จริงๆ ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม” นัฐชาละล่ำละลักลนลาน พลางผลักไสคนจาบจ้วงที่จู่โจมเอาดื้อๆ ทั้งที่อยากตบหน้าหมอนั่นสักฉาดโทษฐานที่ล่วงเกินหล่อน แต่เวลานี้จำเป็นต้องเรียกความเชื่อมั่นจากคนรักกลับคืนมาเสียก่อน หล่อนก็รีบถลาเข้าไปเกาะแขนเจ้าบ่าว

“เชื่อนัฐนะคะจักร...เชื่อนัฐนะ!”

“ไม่เอาน่านัฐชา อย่าบอกนะว่าคุณลืมคืนวันที่เร่าร้อนของเราไปแล้ว” ชายที่กล่าวอ้างสิทธิ์ไม่วายส่งคำยั่วยุให้เจ้าสาวตวัดสายตามองเขาตาขวาง

“นี่อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ ฉันไม่รู้จักคุณเสียด้วยซ้ำ แล้วฉันจะไปทำเรื่องบ้าๆ อย่างนั้นได้ยังไง” นัฐชาแหวเสียงเขียว เวลานี้จะคิดเป็นอื่นได้อย่างไร นอกเสียจากผู้ชายปากเสียคนนี้กับสมัครพรรคพวกจงใจมาป่วนงานวิวาห์ของหล่อน

“ไม่ว่าคุณจะปฏิเสธยังไงก็หนีความจริงไม่พ้นหรอก”

“ความจริงบ้าบออะไร ถ้ายังไม่หยุดพูดเรื่องไร้สาระละก็ ได้เห็นดีกันแน่!” นัฐชารั้งชายกระโปรงชุดเจ้าสาวขึ้น ใบหน้าที่ตกแต่งอย่างประณีตแลถมึงทึง นี่ถ้าหล่อนแปลงร่างเป็นยักษ์ขมูขีได้คงทำไปแล้ว จะได้หักแขนหักขาผู้ชายปากสามหาวคนนี้แล้วจับกินไม่ให้เหลือกระดูกเลยสักชิ้น!

ทว่า...โทสะที่พลุ่งพล่านนั้นทำให้ขาดสติ ทันทีที่เข้าถึงตัวผู้ชายคนนั้น นัฐชาก็พลาดท่าเสียที เวลานี้แทนที่จะได้ประทุษร้ายดั่งใจหมาย หล่อนกลับเป็นฝ่ายถูกพันธนาการด้วยอ้อมแขนแกร่งเสียเอง

“นี่ปล่อยฉันนะ...ปล่อยสิ!”

“หุบปาก...!!” แม้เสียงคำรามลอดผ่านไรฟันจะแผ่วเบาพอให้ได้ยินแค่สองคน แต่กระแสน้ำเสียงดุดันก็มีพลังที่จะหยุดยั้งการต่อต้านขัดขืนในบัดดล

ทันทีที่นัฐชาช้อนตาขึ้นมอง ก็พบว่าเจ้าของเสียงกระด้างพยักพเยิดหน้าไปทางปากประตูโบสถ์ วินาทีที่หล่อนหันหน้ามองแล้วเห็นบิดามารดายืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นสมัครพรรคพวกเขา ใบหน้างามก็ถอดสี ใจหายวาบขึ้นมาทันที

ความหวาดกลัวที่แล่นมาจับขั้วหัวใจในนาทีนั้นทำให้ร่างกายหนาวสะท้านไปหมด หวั่นวิตก หล่อนก็รีบดึงสายตากลับมาวิงวอนเขา เพียงเพื่อจะพบรอยยิ้มหยันปรากฏบนริมฝีปากได้รูปของผู้กำชัยชนะ

“คุณทำอย่างนี้ทำไม ต้องการอะไร?” นัฐชากลั้นใจถามไม่ต่างจากเสียงกระซิบ

“ตัวคุณ!”



กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2562, 13:24:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2562, 13:24:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 477





   บทนำ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account