พิศวาสทาสทราย e-book
ความรัก ความแค้นที่รอกรชำระ ณ แดนทราย
งานวิวาห์ล่มสลายไร้เจ้าสาว
อาญาที่หมายจะลงทัณฑ์กลายเป็นการทรมานที่แสนหวาน
แม้อยากครอบครอง แต่ไม่อาจแตะต้อง!!

*หมายเหตุ*
งานเขียนเรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ภัทรโญธินในเครืออักษรศาสตร์ วางจำหน่ายในนามปากกา "ทิตภากร"
ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสม วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!! ภายใต้ในนามปากกา "กันต์ระพี"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ 2

“คุณทำอย่างนี้ทำไม ต้องการอะไร?” นัฐชากลั้นใจถามไม่ต่างจากเสียงกระซิบ

“ตัวคุณ!”

“อะไรนะ...!!” นัยน์ตาคู่สวยเต้นระริกสะท้อนความสับสน ไม่เข้าใจ ทำไมผู้ชายคนนี้ประสงค์ร้ายทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เขาทำตัวราวกับเจ้าชีวิต ทั้งข่มขู่และบีบบังคับหล่อนให้จำยอม

“ผมไม่ชอบพูดซ้ำซาก ถ้าอยากให้พ่อแม่มีลมหายใจ คุณต้องจูบผม...เดี๋ยวนี้!”

นัฐชาจ้องคนออกคำสั่งเขม็ง ใจหนึ่งก็ไม่อยากทำตาม แต่อีกใจก็ไม่กล้าเอาความเป็นความตายของบิดามารดามาเสี่ยง หล่อนไม่มีทางเลือก ก็ตัดสินใจเขย่งปลายเท้าขึ้นแตะริมฝีปากกับเขาอย่างว่าง่าย

ทว่า...จุมพิตเพียงแผ่วที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกนั้นช่างขัดใจคนบีบบังคับสิ้นดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะล็อกตัวและตรึงศีรษะหล่อนทันทีที่กลีบปากนุ่มทำท่าจะทอดถอน แล้วบดจูบสั่งสอนอย่างจาบจ้วงโดยไม่ให้ขัดขืน

“ไอ้บ้าเอ้ย! ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ” จักรพงษ์โวยลั่น ทันทีที่ได้สติก็ปรี่เข้าไปกระชากตัวคนที่ลวนลามคนรักของตน พลางกระแทกหมัดใส่ใบหน้าคม โมโหเลือดขึ้นหน้า เมื่อเห็นภาพบาดตาบาดใจนั้น

นัฐชาเห็นสบโอกาสเหมาะก็รีบวิ่งมาหลบด้านหลังจักรพงษ์ ในจังหวะนั้นเองชายฉกรรจ์นับสิบก็กรูกันขึ้นมาบนแท่นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มหนึ่งแยกไปคุ้มกันคนเป็นนายที่ถูกชกจนเซซวน ส่วนอีกกลุ่มหมายจะเข้าไปประทุษร้ายจักรพงษ์ ทว่า...

“ไม่ต้อง! เราจัดการเองได้”

สิ้นเสียงทรงอำนาจ ชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็ถอยกรูดไปยืนตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่เบื้องหลัง โดยปล่อยให้คนเป็นนายสาวเท้าไปยืนตรงหน้าคู่บ่าวสาว

“มาหาผม นัฐชา...” แม้เสียงทุ้มนุ่มที่เรียกขานจะปราศจากการมุ่งร้าย ไม่ต่างจากท่าทางที่ผายฝ่ามือออกเชิงเชื้อเชิญ แต่นัยน์ตาก็แข็งกระด้างแลเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับซ่อนเร้นบางสิ่งบางอย่างไว้ในใจ

“อย่าไปนะนัฐ! อย่าไปฟังหมอนั่น ผมอยู่ตรงนี้ ผมจะปกป้องคุณเอง ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” จักรพงษ์ทำท่าขึงขัง พลางเอาตัวเข้าขวางกั้นคนรัก สายตาไม่ไว้วางใจยังจับจ้องชายแปลกหน้าไม่วางตา

ทว่า...บุรุษผู้นั้นหาได้หวาดหวั่น หรือหวั่นเกรงต่อสิ่งใด เขาไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังส่งสายตาดุๆ มองเลยผ่านจักรพงษ์ไปหยุดที่หญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหลัง

“ผมบอกให้มาหาผม ได้ยินไหมนัฐชา...เดี๋ยวนี้!”

คราวนี้เสียงกร้าวตะเบ็งขึ้นเกือบจะเป็นตะคอก โทสะฉายชัดในนัยน์ตา เขาเคยชินกับการใช้อำนาจและทุกคนต้องสยบยอม เหนือกว่าอื่นใด...เขาไม่เคยต้องสั่งใครซ้ำ!

นัฐชาสะดุ้งสุดตัวทีเดียว ขวัญผวา ทำอะไรไม่ถูก ครั้นเห็นนัยน์ตาตาดุดันของชายแปลกหน้าก็อดหวั่นใจไม่ได้ ไม่อยากให้เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับคนในครอบครัว หล่อนก็ตัดสินใจก้าวเข้าไปหาเขา

“ไม่นะนัฐ...!!” จักรพงษ์ทำท่าจะคว้าแขนคนรัก แต่ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนก็เข้ามาขวางทางเสียก่อน เห็นท่าไม่ดี รู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ เขาก็เลือกที่จะส่งคำวิงวอนออกไป “อย่าไปนะนัฐ ได้โปรด...”

นัฐชาชะงักปลายเท้า พลางผินหน้ามอง สลดหดหู่ใจนัก แต่ไม่กล้าแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น เพราะเกรงว่าคนรักจะวู่วาม ทำอะไรสุ่มเสี่ยง หล่อนก็ตัดสินใจพูดออกไปโดยบังคับน้ำเสียงตัวเองไม่ให้สั่น

“ขอโทษนะคะจักร นัฐคงแต่งงานกับคุณไม่ได้แล้ว...”

นัฐชาหลุบสายตาลงต่ำ กล้ำกลืนฝืนก้อนสะอื้นไห้ ไม่รู้ว่าตัดสินใจผิดหรือถูก หล่อนไม่มีเวลาทบทวนอะไรมากนัก เพราะสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเดินไหล่ห่อคอตกมาหยุดยืนตรงหน้าบุรุษที่บุกเข้ามาทำลายงานวิวาห์

ครั้นเขาวางมือลงบนลาดไหล่นวลเนียนที่โผล่พ้นชุดเจ้าสาว เสมือนหนึ่งมีสิทธิ์ขาดเหนือร่างกายหล่อนแต่เพียงผู้เดียว หยาดน้ำใสก็ไหลจากดวงตาคู่สวย ความรู้สึกกดดันอัดแน่นอยู่ภายในใจ ทั้งที่อยากปัดมือแข็งกระด้างนั้นออก อยากปกป้องตัวเองและป่าวร้องให้ทุกคนรับรู้ถึงสิ่งที่เผชิญอยู่ แต่หล่อนทำได้แค่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป ไม่กล้าปริปาก เพราะมีชีวิตบิดามารดาเป็นเดิมพัน

“เช็ดน้ำตาเสียเถอะ หน้าสวยๆ ของคุณเลอะหมดแล้ว...”

“เอ๋...?” นัฐชากะพริบตาถี่ แปลกประหลาดใจ เมื่อเห็นคนวางอำนาจยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้เสมือนห่วงใย หล่อนก็รับมาซับหยาดน้ำตาอย่างว่าง่าย โดยหารู้ไม่ว่าน้ำใจที่เขามอบให้นั้นไม่ต่างจากอสรพิษ

กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร นัฐชาก็สูดกลิ่นฉุนๆ ไม่คุ้นเคยเข้าไปเต็มปอด ไม่กี่นาทีให้หลัง หูตาก็พร่าเลือน แขนขาอ่อนเปลี้ยเหมือนจะหมดแรงเอาดื้อๆ ต้องเอนกายอิงแอบแนบกับกายแกร่ง ถึงกระนั้นสำเหนียกสุดท้ายก่อนสติจะวูบดับไป หล่อนก็ได้ยินเสียงกร้าวของเขาประกาศก้องต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคน

“ผู้หญิงคนนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของราชสกุลมูฮาลาฟ ผมขอคืน!”

สิ้นคำพูดนั้น...งานวิวาห์ก็สิ้นสุดลง ไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้งหรือเข้าไปขัดขวาง เมื่อคนกล่าวอ้างสิทธิ์ช้อนร่างเจ้าสาวพาเดินฝ่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกจากโบสถ์ โดยมีผู้ติดตามนับสิบคอยคุ้มกันเบื้องหลัง...




กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2562, 13:12:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 เม.ย. 2562, 13:12:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 614





<< บทนำ 1   ตอนที่ 1 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account