พิศวาสทาสทราย e-book
ความรัก ความแค้นที่รอกรชำระ ณ แดนทราย
งานวิวาห์ล่มสลายไร้เจ้าสาว
อาญาที่หมายจะลงทัณฑ์กลายเป็นการทรมานที่แสนหวาน
แม้อยากครอบครอง แต่ไม่อาจแตะต้อง!!

*หมายเหตุ*
งานเขียนเรื่องนี้เคยตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ภัทรโญธินในเครืออักษรศาสตร์ วางจำหน่ายในนามปากกา "ทิตภากร"
ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสม วางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!! ภายใต้ในนามปากกา "กันต์ระพี"
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 8

ชีคลาจีสทรงสดับถ้อยคำถวายรายงานของแพทย์ ขณะทอดพระเนตรรอยเขียวช้ำ ตลอดจนบาดแผลบนฝ่าเท้าและเรียวขาของนัฐชา แม้เวลานี้พระพักตร์เคร่งขรึมจะคลายกังวลลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ดวงพระเนตรคมก็ยังหม่นหมอง

“นี่เราทำเกินไปหรือเปล่า?” รับสั่งผะแผ่ว พลางถอนพระปัสสาสะแล้วโบกพระหัตถ์ให้แพทย์ออกไปจากห้องที่ประทับส่วนพระองค์

ครั้นดำเนินมาประทับนั่งบนแท่นบรรทม ก็ทรงหยิบพระโอสถมาทาไล้ตามบาดแผลให้หญิงสาว ในจังหวะนั้นเองเสียงพึมพำเจือสะอื้นไห้ก็หลุดจากเรียวปากบาง ขณะสองมือไขว่คว้าอยู่กลางอากาศ

“พ่อคะ...แม่คะ...ช่วยนัฐด้วย! ช่วยนัฐด้วยค่ะ...”

ชีคลาจีสทรงสดับก็สลดหดหู่พระทัยนัก สงสารขึ้นมาจับจิต ก็ทรงฉวยมือเรียวมากุมไว้คล้ายจะปลอบประโลมใจหญิงสาว ตระหนักดีถึงผลแห่งการกระทำที่เกิดจากความเคียดแค้นชิงชังของพระองค์ เพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบ ก็บันดาลโทสะจนเกือบจะคร่าชีวิตหล่อน!

ชีคลาจีสทรงถอนพระปัสสาสะออกมาอีกครั้ง หากผู้หญิงคนนี้ไม่รั้งตำแหน่งชายาในพระอนุชานาธานผู้ร่วมสายพระโลหิต พระองค์ก็คงไม่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกเช่นนี้ แต่นี่...ไม่กล้าแม้แต่จะรัก ทั้งที่มีหทัยปฏิพัทธ์ ปรารถนายิ่งนัก แต่ไม่อาจแตะต้อง ช่างกระอักกระอ่วนใจสิ้นดี

“จักร...คุณอยู่ที่ไหนคะ ช่วยนัฐด้วย ช่วยนัฐด้วยค่ะจักร...”

เสียงพร่ำพูดราวกับคนละเมอยังหลุดจากปากหญิงสาว แต่ทุกคำพูดที่พร่ำเพรียกเรียหาคนรักช่างขัดหูคนเฝ้าดูอาการเสียนี่กระไร เวลานี้มือที่กอบกุมมือเรียวไว้ก็คลายออกราวกับแตะต้องของร้อน

แพศยา! หล่อนไม่ควรได้รับความเมตตาปรานีใดๆ ทั้งสิ้น

เสียงท้วงในภวังค์ดังขึ้นราวกับเตือนตน พระพักตร์หม่นหมองก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที สายพระเนตรคมฉาบความกระด้าง ขณะดำเนินออกจากห้องที่ประทับส่วนพระองค์โดยไม่สนใจหญิงสาวอีก

ชีคลาจีสเสด็จมาที่ห้องทรงงานซึ่งอยู่บริเวณชั้นล่างของตัวพระตำหนัก ก็พบว่าพันเอกจาฟาลหนึ่งในราชองครักษ์ส่วนพระองค์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“มีเรื่องอันใดหรือ?” ชีคลาจีสดำเนินผ่านหน้าราชองครักษ์ไปประทับนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทรงงานที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“กระหม่อมจะมากราบทูลเรื่องทางบ้านของชีคคา...”

“เหตุใดจึงเรียกเช่นนั้น นางเป็นทาสใต้บาทเรา...จงจำให้มั่น!”

“รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะจดจำให้ขึ้นใจ” พันเอกจาฟาลหลุบสายตาลงต่ำแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เมื่อครู่สายของเราที่เมืองไทยรายงานว่าตอนนี้ทางบ้านคุณนัฐชากำลังประสบปัญหาพระเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าฝ่าบาทเห็นควรประการใด จะให้ความช่วยเหลือหรือไม่”

“นี่เจ้าพูดเรื่องตลกอะไรจาฟาล ทั้งที่ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ทำร้ายน้องชายเรา แล้วจะให้เรายื่นมือเข้าช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ...ไม่มีทาง!”

“แต่คนในครอบครัวคุณนัฐชาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะพระเจ้าค่ะ ทุกคนต้องเดือดร้อนก็เพราะฝ่าบาท...”

“บังอาจ...!!” สุรเสียงกร้าวคำรามก้อง ขณะฟาดฝ่าพระหัตถ์ลงบนโต๊ะทรงงานเสียงดังสนั่น “เจ้ากล้ากล่าวหาเราอย่างนั้นหรือ!”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ กระหม่อมแค่ชี้แจงเหตุผล ขอพระองค์ทรงใคร่ครวญสักนิด”

“เจ้าไม่ควรวอนขอ ทั้งที่ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีโทษหนักสถานใด เราไม่สั่งประหารตั้งแต่วันแรกที่นำตัวกลับคาร์ลซัสก็ดีเท่าไหร่แล้ว!” มีรับสั่งเสียงกร้าว

พันเอกจาฟาลก็รีบหลุบสายตาลงต่ำทันที ไม่กล้าทักท้วงอะไร นอกจากโค้งศีรษะลงเล็กน้อยแล้วทำท่าจะถอยร่น แต่ไม่ทันก้าวออกจากห้อง เสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นหน้าห้องทรงงาน

วินาทีนั้นสองบุรุษต่างศักดิ์มองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายแล้วผลุนผลันก้าวออกมาด้านนอก ครั้นเห็นหญิงสาวที่กล่าวถึงนั่งสูดปากทำหน้าเหยเก มือข้างหนึ่งคลำข้อเท้าตัวเองป้อยๆ ก็คาดเดาว่าหล่อนคงเดินโซซัดโซเซลงมาชั้นล่างแล้วบังเอิญได้ยินการสนทนาเมื่อครู่ นึกกลัวก็คิดจะหลบหนี แต่ลนลานจนขาขวิดเสียก่อน

“คุณลงมาทำอะไรที่นี่!”

นัฐชาสะดุ้งสุดตัวทีเดียว เมื่อได้ยินเสียงที่กระชากถามแผดก้องไปทั้งตำหนัก อารามตกใจ ก็กัดฟันลุกขึ้นแล้วออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ไม่รู้หรอกว่าใครถามคำถามนั้น ไม่ได้สนใจมอง นอกจากคิดหนีอย่างเดียว

“จับผู้หญิงคนนั้นไว้ จับไว้ให้ได้!”

ทหารที่ยืนรักษาการบริเวณนั้นได้ยินพันเอกจาฟาลออกคำสั่งเสียงเข้ม ทุกคนก็กรูเข้ารุมล้อมนัฐชา สกัดกั้นการหลบหนี ด้วยการจำกัดพื้นที่ให้อยู่ในวงแคบ

“อย่าเข้ามานะ! ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไง” นัฐชาขู่ฟ่อ หันรีหันขวางหาทางหลบหนี ใจคอไม่ดี เมื่อเห็นทหารแต่ละคนมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ หนึ่งในนั้นก็ทำท่าจะเข้ามาตะครุบตัวหล่อน แต่สุรเสียงทรงอำนาจของผู้สูงศักดิ์ก็ยับยั้งการกระทำนั้นเสียก่อน

“ห้ามแตะต้องนาง มันผู้ใดฝ่าฝืน เราจะตัดมือทิ้งซะ!”

สิ้นคำประกาศิต ทหารทุกนายต่างพากันยืนนิ่งราวกับท่อนไม้ นัฐชาเห็นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ก็สบโอกาสเหมาะ วิ่งเตลิดออกจากวงล้อม พันเอกจาฟาลเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าหล่อนจะสร้างความปั่นป่วนไปทั้งวัง เขาก็รับขันอาสา

“กระหม่อมจะตามไปเองพระเจ้าค่ะ”

“ไม่จำเป็น...” ชีคลาจีสยกพระหัตถ์ขึ้นปราม รอยแย้มสรวลระบายบนพระโอษฐ์ เมื่อแหงนพระพักตร์มองท้องฟ้าแล้วทรงเห็นนกเหยี่ยวขนาดใหญ่กำลังถลาเล่นลม ก็ทรงบีบริมพระโอษฐ์ส่งสัญญาณแหลมเล็กฝ่าอากาศให้นกทรงเลี้ยงร่อนลงโฉบเฉี่ยว หยุดยั้งการก้าวไปข้างหน้าของนัฐชา

“ว้ายยย...ย! ไปให้พ้นนะไอ้นกบ้า ไปสิ...อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!” หญิงสาววีดร้องเสียงหลง พลางปัดป่ายมือไปมา หวาดกลัวกรงเล็บแหลมคม หล่อนก็รีบทรุดตัวลงนั่งคุดคู้ ไม่กล้าวิ่งหนีอีก

“ซีซาร์!”

สิ้นเสียงเรียกขานของผู้ทรงอำนาจ เหยี่ยวยักษ์ก็หยุดการโฉบเฉี่ยวเหนือศีรษะหญิงสาวแล้วถลามาเกาะบนท่อนพระกรที่ยกขึ้นรอรับอย่างว่าง่าย เพียงเพื่อให้เจ้าของไล้พระหัตถ์บนขนของมันอย่างชื่นชม

“คุณคงรู้แล้วสินะว่าโทษของการหลบหนีมันเป็นยังไง” มีรับสั่ง ขณะสะบัดท่อนพระกรให้นกทรงเลี้ยงโผผินขึ้นสู่ท้องนภาอีกครั้ง ทันทีที่ดำเนินเข้าไปหาหญิงสาว ก็ทรุดวรองค์ลงนั่งชันพระชานุขึ้นข้างหนึ่ง พลางใช้พระหัตถ์บีบคางมนให้หันมาเผชิญหน้า “จำเอาไว้...คุณจะไปจากที่นี่ได้ ก็ต่อเมื่อผมอนุญาตเท่านั้น!”

“ไม่นะเพคะฝ่าบาท ทรงทำอย่างนี้ไม่ได้ ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันไปเถอะ”

“หุบปาก!”

“แต่ฝ่าบาทกำลังเข้าใจผิด หม่อมฉันไม่ได้เป็นคนทำร้ายชีคนาธาน ได้โปรดปล่อยหม่อมฉันเถิดเพคะ หม่อมฉันอยากกลับบ้าน...กลับไปหาพ่อแม่” นัยน์ตาคู่สวยที่รื้นไปด้วหยาดน้ำตาเต้นระริก

แม้เวลานี้ทุกคำวิงวอนที่นัฐชาร้องขอจะเจือเสียงสะอื้นไห้ แต่ไม่ได้ทำให้สายพระเนตรคมที่ฉายแววกระด้างลดความดุดันลงแม้แต่น้อย นั่นอาจเป็นเพราะพระนามของพระอนุชานาธานได้ผลักดันให้ยิ่งโกรธกริ้ว

“แพศยา! โกหกหน้าด้านๆ ปากก็บอกว่าอยากจะกลับไปหาพ่อแม่ แต่พร่ำเพ้อหาผู้ชายไม่ขาดปาก”
พระหัตถ์แข็งคว้าข้อมือเรียว ฉุดกระชากลากตัวอย่างไม่ปรานี

แต่หญิงสาวขัดขืน ทรงนึกรำคาญ ก็ช้อนร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมพระกรและดำเนินกลับพระตำหนัก ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงประท้วงหรือกำปั้นเล็กๆ ของคนขัดขืน ทันทีที่ดำเนินเข้ามาในห้องที่ประทับส่วนพระองค์ ก็ทรงโยนร่างบางลงบนพระแท่น

“ถ้ายังคิดหนีอีกละก็ คุณจะไม่เหลือแม้กระทั่งลมหายใจ!” มีรับสั่งกร้าวทิ้งท้ายแล้วดำเนินออกจากห้องบรรทมพร้อมทั้งลั่นดานด้านนอก

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทเปิดประตูสิเพคะ ทรงปล่อยหม่อมฉันออกไป ได้โปรด...ได้โปรดเถิดเพคะ ทรงปล่อยหม่อมฉันเถอะ” นัฐชาถลาไปทุบประตูรัวถี่

ครั้นไม่ได้ยินเสียงตอบรับก็ทรุดตัวลงนั่งสะอื้นไห้ ความท้อแท้สิ้นหวังฉายชัดในดวงตา ไม่มีประโยชน์ที่จะวิงวอนขอร้อง หากผู้สูงศักดิ์ไม่รับฟัง!

นัฐชาสะอึกสะอื้นตัวโยน ไม่อยากตกอยู่ใต้อาณัติ แต่จะทำอย่างไรได้ เวลานี้หล่อนยังมืดแปดด้าน ไม่เห็นลู่ทางที่จะมีโอกาสกลับเมืองไทย มันช่างเป็นเรื่องโง่เขลาเสียจริงๆ ที่ดิ้นรนให้ตัวเองจนหนทาง

กว่าหยาดน้ำตาจะแห้งเหือดก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้วนั้นไม่อาจทานทน คนอ่อนแรงก็ฟุบหน้าหลับข้างประตูบานนั้น ถึงกระนั้นสำเหนียกสุดท้ายก่อนจะดำดิ่งเข้าสู่ห้วงหลับลึก ก็ยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกจัสมินที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบตัว ตลอดจนแว่วเสียงเพรียกหาอย่างเศร้าสร้อยของใครบางคน ประหนึ่งว่ารอคอยหล่อนมานานแสนนาน

ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยนัฐชา ได้โปรด...

**งานเขียนเรื่องนี้วางจำหน่ายในรูปแบบe-bookเท่าน้น!!**

นักอ่านที่รักทุกท่านสามารถโหลดอ่านงานเขียนเรื่องนี้ได้แล้วที่...

http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiOTM4MTAiO30




กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2562, 21:35:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 เม.ย. 2562, 21:35:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 650





<< ตอนที่ 7   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account