ฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'พฤษภา' สาวสวยผู้อ่อนหวาน ทายาทผู้พี่ของตระกูลมาเฟียคูเปอร์สไตน์เดินทางมาเมืองไทยเพื่อดูแลญาติผู้ใหญ่ของมารดาที่ล้มป่วย หล่อนไม่รู้เลยสักนิดว่าได้เดินเข้าสู่อุ้งมืออันหยาบกร้านของ 'เสือ' หรือ 'พยัคฆ์' วีรกาญจน์ ทายาทนายเหมืองที่เพิ่งฆ่าตัวตายไปเพราะภรรยาแอบเล่นชู้กับสามีของเศรษฐีนีผู้เป็นญาติของหล่อน พยัคฆ์ฉุดกระชากลากถูพฤษภาเข้าไปในป่าลึกด้วยความแค้น เขาคิดจะใช้หล่อนเรียกร้องความยุติธรรมให้ครอบครัว
'เมษา' น้องน้อยผู้ปราดเปรียว มือแม่นปืนที่ทั้งใจร้อนและวู่วาม รีบรุดมาตามพี่สาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับ หล่อนจึงได้พบกับ 'ธรรศ' พ่อหม้ายเรือพ่วงสวมแว่นหนาเตอะผู้ตกกระไดพลอยโจนมาเป็นพรานนำทางให้หล่อน เมษาหัวหมุนไปหมดกับบุคลิกของเขา เปลือกนอกเขาทั้งเย็นชาและเชื่องช้า แต่ทว่าบางครั้งกลับจู่โจมฉับไวจนน่าหวาดหวั่น
หรือว่าเขาจะเป็นเสือซ่อนเล็บตัวที่สองแห่งดงสางเสือกันแน่!
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง 'พนาพร่ำรัก') และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เช่นเคยจ้า ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้หอมดึกจะพาทุกท่านไปบุกป่าล่าเสือและล่าสาวในคราวเดียวกัน! ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจากมีเสือเถื่อนและเสือขรึมให้สาวๆ หวั่นไหวเล่นแล้ว พ่วงด้วยความมันแบบซื่อๆ ฮาๆ ตามประสาชาวบ้านในป่าเขาลำเนาไพร บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค ร้านภาวิกา และร้านหนอนนิยาย เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 448 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 3 ตอนรวด!)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 345฿ จากราคาปก 382฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 390฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 415฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
'เมษา' น้องน้อยผู้ปราดเปรียว มือแม่นปืนที่ทั้งใจร้อนและวู่วาม รีบรุดมาตามพี่สาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับ หล่อนจึงได้พบกับ 'ธรรศ' พ่อหม้ายเรือพ่วงสวมแว่นหนาเตอะผู้ตกกระไดพลอยโจนมาเป็นพรานนำทางให้หล่อน เมษาหัวหมุนไปหมดกับบุคลิกของเขา เปลือกนอกเขาทั้งเย็นชาและเชื่องช้า แต่ทว่าบางครั้งกลับจู่โจมฉับไวจนน่าหวาดหวั่น
หรือว่าเขาจะเป็นเสือซ่อนเล็บตัวที่สองแห่งดงสางเสือกันแน่!
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง 'พนาพร่ำรัก') และตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เช่นเคยจ้า ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้หอมดึกจะพาทุกท่านไปบุกป่าล่าเสือและล่าสาวในคราวเดียวกัน! ใครชอบแนวโรแมนติก น่ารักละมุน หวานซึ้ง มิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะนอกจากมีเสือเถื่อนและเสือขรึมให้สาวๆ หวั่นไหวเล่นแล้ว พ่วงด้วยความมันแบบซื่อๆ ฮาๆ ตามประสาชาวบ้านในป่าเขาลำเนาไพร บทเลิฟซีนสวย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค ร้านภาวิกา และร้านหนอนนิยาย เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 448 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 3 ตอนรวด!)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 345฿ จากราคาปก 382฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 390฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 415฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: เสือ ป่า พี่น้อง เซ็กซี่ ละมุน เถื่อน เชลย คุณหนู มาเฟีย บู๊ ครอบครัว
ตอน: บทที่11 -30%
วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งประจำจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะหนาแน่นด้วยผู้มีจิตศรัทธาที่มาทำบุญไหว้พระขอพรตามประเพณีชาวพุทธ แต่ด้านหลังของวัดเป็นสวนป่าที่ร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ใหญ่ยืนต้นสูงสล้าง พื้นดินสะอาดสะอ้าน แทบจะไม่มีเศษใบไม้ใบหนาให้เห็น บริเวณสวนป่าด้านหลังนี้ห่าง ไกลจากกุฏิพระและตัวศาลาวัดมาก เป็นอาณาบริเวณที่บรรดาแม่ชีนุ่งขาวโกนผมและอุบาสิกาห่มขาวมาร่วมปฏิบัติธรรมกัน ผ่านบริเวณนี้ไปด้านหลังจึงจะเป็นสุสานที่มีเจดีย์บรรจุอัฐิของบรรพบุรุษตระกูลวรกาญจน์อยู่
อุบาสิการูปร่างผอมบางสวมผ้าชุดขาวสะอาดตากรอมเท้า ผมยาวรวบเป็นมวยไว้เหนือศีรษะ กำลังเดินนำเด็กสาวและชายวัยกลางคนคนหนึ่งเข้าไปในบริเวณนั้น นอกจากความงามชดช้อยของหล่อนจะเป็นที่ต้องตาผู้พบเห็นแล้ว แม่หนูน้อยที่เกาะปลายนิ้วเดินตามไปด้วยยังชวนให้หันมาชม
“เดินดีๆ ลูก เดี๋ยวหกล้ม”
“ไม่ล้มค่ะ หนมหวานจะไปไหว้คุงตาทวดคุงยายทวดด้วย”
เด็กหญิงยิ้มตาหยี แหงนหน้าขึ้นมอง แมกโนเลียเห็นภาพเด็กหญิงอีกสองคนทับซ้อนขึ้นมาจนรู้สึกสะท้อนในอก
อยากพาลูกมาไหว้คุณทวดทั้งสองเหลือเกิน...
“น้อยช่วยไปขอยืมไม้กวาดมาปัดกวาดทำความสะอาดทีนะจ๊ะ”
แมกโนเลียหันมาบอกสาวใช้เมื่อเดินมาถึงเจดีย์บรรจุอัฐิของตายายที่ตั้งเคียงข้างกันอยู่ สีสันบนฐานวางเจดีย์เก็บอัฐิและตัวเจดีย์เองจืดจางไปมาก ปูนแปะ ลายเงินลายทอง และกระจกตกแต่งผุกร่อน หากไม่ก้มลงอ่านดูดีๆ ก็คงไม่มีใครรู้ว่า เป็นเจดีย์บรรจุอัฐิของผู้ก่อร่างสร้างตัวของตระกูลวรกาญจน์
‘แม่เป็นลูกที่ผิดต่อพ่อแม่มากเหลือเกินแม็กกี้ แม่ทำให้ท่านผิดหวัง ต้องอับอายขายหน้า ชดใช้ทุนหลวงแทนเป็นล้านบาทเพราะแม่เรียนไม่จบ แล้วยังท้องก่อนแต่งอีก ตอนนั้นพวกท่านเองก็ไม่ได้มีฐานะอะไรมาก’
‘คุณตาคุณยายไม่ดีใจเหรอคะที่ได้หลาน แม่บอกว่าคุณป้าไม่มีลูกใช่ไหมคะ’
‘แม็กกี้ แม่ไม่ได้ต้องการให้ลูกเสียใจหรอกนะ แต่แม่อยากให้หนูรู้ความจริงว่าท่านทั้งสองเป็นผู้เคร่งครัดประเพณีมาก การทำผิดของแม่ครั้งนี้ท่านคงให้อภัยไม่ได้ ถ้าแม่จะกลับเมืองไทย แม่ต้องไปคนเดียว’
ไปคนเดียวทั้งๆ ที่แม่มีหนูกับพ่ออย่างนั้นหรือ โหดร้ายเหลือเกิน...แมกโนเลียเคยคิดโกรธท่านทั้งสองในตอนนั้น
‘แม่เป็นความหวังเดียวของท่าน คุณตาคุณยายเป็นพ่อค้าแม่ขายมาก่อน ท่านอยากให้ลูกรับราชการมีหน้ามีตา ไม่โดนใครเขาดูถูก ตอนนั้นคุณป้าท่านเป็นสาวสังคม ชอบเที่ยวเตร่ พอแม่สอบได้ทุนหลวงคุณตาคุณยายจึงดีใจมาก แต่แม่กลับทำให้ท่านเสียใจมากที่สุด’
แมกโนเลียรู้เรื่องราวที่เหลือดี มารดาพบรักกับบิดาซึ่งเป็นชายหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่ง แล้วทั้งสองก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานจนมีหล่อนเกิดมาเป็นพยานรัก หลังจากบ้านวรกาญจน์ที่กำลังรุ่งเรืองทางการ ค้า มีหน้ามีตามากขึ้นหลายเท่ารู้เรื่องเข้าก็ตัดเยื่อขาดใยกับมารดาของหล่อน ท่านไม่ได้รับโอกาสแม้แต่ให้ไปร่วมงานศพของบุพการี และเมื่อมารดากับบิดาของหล่อนประสบอุบัติเหตุเรือสำราญอับปางกลางมหาสมุทร นางมาลินีผู้เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่และมีศักดิ์เป็นป้าของหล่อนก็ทำเพียงแค่รับทราบข่าว ไม่ได้เดินทางมาหาหรือติดต่อใดๆ อีกเลย
แมกโนเลียฝ่าฝันมรสุมชีวิตช่วงนั้นมาโดยลำพังจนมาพบกับไมลส์ คูเปอร์สไตน์ สามีสุดที่รักของหล่อน หากเวลานั้นหล่อนไม่ได้เขา ป่านนี้ชีวิตของหล่อนจะเป็นอย่างไรบ้างก็ยังไม่รู้
“คุณคะ จัดแจกันดอกไม้ใหม่เลยไหมคะ”
“จ้ะ” แมกโนเลียพยักหน้าให้น้อย คุกเข่าลงจุดธูปเทียน ปูผ้าขาวสะอาดแล้วกราบลงช้าๆ
คุณตาคุณยายช่วยเหลนทั้งสองด้วยนะคะ แม็กกี้ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ
เวลาสายมากแล้วเด็กน้อยขนมหวานเริ่มมีเหงื่อซึมไรผม หล่อนวิ่งเล่นไปมาก่อกวนบรรดาแม่ชีที่กวาดใบไม้อยู่แถวนั้น แมกโนเลียวานให้เชษฐ์ไปว่าจ้างเด็กวัดสองสามคนมาดายหญ้ารอบๆ เจดีย์ทั้งสอง เก็บกวาดเศษอิฐเศษปูนรอบๆ และให้หาคนมาซ่อมแซมเจดีย์ในภายหลัง หล่อนชำระสินน้ำใจให้คนที่มาช่วยรวมทั้งคนที่จะมาซ่อมเจดีย์จนถ้วนทั่วแล้วก็เดินทางกลับโรงแรม
“คุณคะ น้อยได้ยินแม่ครัวที่วัดคุยกันว่าไฟไหม้แผงแม่ค้าที่ตลาดสดที่เราไปเมื่อวานค่ะ”
“ตายจริง เสียหายมากไหมน้อย”
“สามแผงเท่านั้นค่ะ แผงขายข้าว แผงผักแล้วก็แผงแม่ค้าหมู แปลกดี กรรมสมัยนี้ติดจรวดนะคะ”
แมกโนเลียนั่งนิ่งงัน ใจหวนนึกถึงกลิ่นซิการ์ที่อวบอวลอยู่ที่ระเบียงข้างห้องชุดหรูเมื่อคืนก่อน
กรรม? หรือฝีมือใครบางคนกันแน่
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
อุบาสิการูปร่างผอมบางสวมผ้าชุดขาวสะอาดตากรอมเท้า ผมยาวรวบเป็นมวยไว้เหนือศีรษะ กำลังเดินนำเด็กสาวและชายวัยกลางคนคนหนึ่งเข้าไปในบริเวณนั้น นอกจากความงามชดช้อยของหล่อนจะเป็นที่ต้องตาผู้พบเห็นแล้ว แม่หนูน้อยที่เกาะปลายนิ้วเดินตามไปด้วยยังชวนให้หันมาชม
“เดินดีๆ ลูก เดี๋ยวหกล้ม”
“ไม่ล้มค่ะ หนมหวานจะไปไหว้คุงตาทวดคุงยายทวดด้วย”
เด็กหญิงยิ้มตาหยี แหงนหน้าขึ้นมอง แมกโนเลียเห็นภาพเด็กหญิงอีกสองคนทับซ้อนขึ้นมาจนรู้สึกสะท้อนในอก
อยากพาลูกมาไหว้คุณทวดทั้งสองเหลือเกิน...
“น้อยช่วยไปขอยืมไม้กวาดมาปัดกวาดทำความสะอาดทีนะจ๊ะ”
แมกโนเลียหันมาบอกสาวใช้เมื่อเดินมาถึงเจดีย์บรรจุอัฐิของตายายที่ตั้งเคียงข้างกันอยู่ สีสันบนฐานวางเจดีย์เก็บอัฐิและตัวเจดีย์เองจืดจางไปมาก ปูนแปะ ลายเงินลายทอง และกระจกตกแต่งผุกร่อน หากไม่ก้มลงอ่านดูดีๆ ก็คงไม่มีใครรู้ว่า เป็นเจดีย์บรรจุอัฐิของผู้ก่อร่างสร้างตัวของตระกูลวรกาญจน์
‘แม่เป็นลูกที่ผิดต่อพ่อแม่มากเหลือเกินแม็กกี้ แม่ทำให้ท่านผิดหวัง ต้องอับอายขายหน้า ชดใช้ทุนหลวงแทนเป็นล้านบาทเพราะแม่เรียนไม่จบ แล้วยังท้องก่อนแต่งอีก ตอนนั้นพวกท่านเองก็ไม่ได้มีฐานะอะไรมาก’
‘คุณตาคุณยายไม่ดีใจเหรอคะที่ได้หลาน แม่บอกว่าคุณป้าไม่มีลูกใช่ไหมคะ’
‘แม็กกี้ แม่ไม่ได้ต้องการให้ลูกเสียใจหรอกนะ แต่แม่อยากให้หนูรู้ความจริงว่าท่านทั้งสองเป็นผู้เคร่งครัดประเพณีมาก การทำผิดของแม่ครั้งนี้ท่านคงให้อภัยไม่ได้ ถ้าแม่จะกลับเมืองไทย แม่ต้องไปคนเดียว’
ไปคนเดียวทั้งๆ ที่แม่มีหนูกับพ่ออย่างนั้นหรือ โหดร้ายเหลือเกิน...แมกโนเลียเคยคิดโกรธท่านทั้งสองในตอนนั้น
‘แม่เป็นความหวังเดียวของท่าน คุณตาคุณยายเป็นพ่อค้าแม่ขายมาก่อน ท่านอยากให้ลูกรับราชการมีหน้ามีตา ไม่โดนใครเขาดูถูก ตอนนั้นคุณป้าท่านเป็นสาวสังคม ชอบเที่ยวเตร่ พอแม่สอบได้ทุนหลวงคุณตาคุณยายจึงดีใจมาก แต่แม่กลับทำให้ท่านเสียใจมากที่สุด’
แมกโนเลียรู้เรื่องราวที่เหลือดี มารดาพบรักกับบิดาซึ่งเป็นชายหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่ง แล้วทั้งสองก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยที่ยังไม่ได้แต่งงานจนมีหล่อนเกิดมาเป็นพยานรัก หลังจากบ้านวรกาญจน์ที่กำลังรุ่งเรืองทางการ ค้า มีหน้ามีตามากขึ้นหลายเท่ารู้เรื่องเข้าก็ตัดเยื่อขาดใยกับมารดาของหล่อน ท่านไม่ได้รับโอกาสแม้แต่ให้ไปร่วมงานศพของบุพการี และเมื่อมารดากับบิดาของหล่อนประสบอุบัติเหตุเรือสำราญอับปางกลางมหาสมุทร นางมาลินีผู้เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่และมีศักดิ์เป็นป้าของหล่อนก็ทำเพียงแค่รับทราบข่าว ไม่ได้เดินทางมาหาหรือติดต่อใดๆ อีกเลย
แมกโนเลียฝ่าฝันมรสุมชีวิตช่วงนั้นมาโดยลำพังจนมาพบกับไมลส์ คูเปอร์สไตน์ สามีสุดที่รักของหล่อน หากเวลานั้นหล่อนไม่ได้เขา ป่านนี้ชีวิตของหล่อนจะเป็นอย่างไรบ้างก็ยังไม่รู้
“คุณคะ จัดแจกันดอกไม้ใหม่เลยไหมคะ”
“จ้ะ” แมกโนเลียพยักหน้าให้น้อย คุกเข่าลงจุดธูปเทียน ปูผ้าขาวสะอาดแล้วกราบลงช้าๆ
คุณตาคุณยายช่วยเหลนทั้งสองด้วยนะคะ แม็กกี้ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ
เวลาสายมากแล้วเด็กน้อยขนมหวานเริ่มมีเหงื่อซึมไรผม หล่อนวิ่งเล่นไปมาก่อกวนบรรดาแม่ชีที่กวาดใบไม้อยู่แถวนั้น แมกโนเลียวานให้เชษฐ์ไปว่าจ้างเด็กวัดสองสามคนมาดายหญ้ารอบๆ เจดีย์ทั้งสอง เก็บกวาดเศษอิฐเศษปูนรอบๆ และให้หาคนมาซ่อมแซมเจดีย์ในภายหลัง หล่อนชำระสินน้ำใจให้คนที่มาช่วยรวมทั้งคนที่จะมาซ่อมเจดีย์จนถ้วนทั่วแล้วก็เดินทางกลับโรงแรม
“คุณคะ น้อยได้ยินแม่ครัวที่วัดคุยกันว่าไฟไหม้แผงแม่ค้าที่ตลาดสดที่เราไปเมื่อวานค่ะ”
“ตายจริง เสียหายมากไหมน้อย”
“สามแผงเท่านั้นค่ะ แผงขายข้าว แผงผักแล้วก็แผงแม่ค้าหมู แปลกดี กรรมสมัยนี้ติดจรวดนะคะ”
แมกโนเลียนั่งนิ่งงัน ใจหวนนึกถึงกลิ่นซิการ์ที่อวบอวลอยู่ที่ระเบียงข้างห้องชุดหรูเมื่อคืนก่อน
กรรม? หรือฝีมือใครบางคนกันแน่
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2562, 17:14:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2562, 17:14:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 683
<< บทที่10 -100% | บทที่11 -60% >> |