กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์
ตอน: บทที่ 13 -50%
“ชอบแอบดูหนุ่มเปลื้องผ้าก็ไม่บอก...นี่เดวิดตัวปลอม ตัวจริงอยู่ในหอศิลป์อัคคาเดเมีย” ชานนท์ตามมาแซวสาวน้อย เพราะจู่ๆ ก็เล่นเดินหนีเขามาหยุดยืนดูรูปปั้นเดวิดของปลอม ซึ่งตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าศาลาว่าการเมืองแทนที่ของจริงซึ่งแกะสลักหินอ่อน เป็นผลงานรูปปั้นอันเลื่องชื่อของไมเคิลแองเจโล ที่เชื่อกันว่าแสดงให้เห็นถึงความงดงามทางสรีระของผู้ชายได้สมบูรณ์แบบที่สุด และเป็นรูปปั้นเปลือยทั้งตัว
เอรินกำลังยืนเหม่อดูอยู่ถึงกับสะดุ้ง รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“ฉันเปล่านะคะ”
“เปล่าอะไร เห็นๆ อยู่ ผมว่าคุณต้องมีคิดตามนิดนึงแน่”
“ไม่ใช่เสียหน่อยคุณก็ ดูสิคะ คนอื่นก็ยืนดูกันหมด แบบนี้แสดงว่าพวกเขาก็ชอบแอบดูเหมือนฉันรึไง ทั้งเดวิด เฮอร์คิวลีส ไหนจะเพอร์ซิอุสอีก โป๊ๆ ทั้งนั้นเลย”
“นั่นไง คุณพูดเองนะว่าชอบ” ชานนท์ยังแซวไม่เลิก
เอรินยิ่งหน้าแดงแจ๋ อดไม่ได้ที่จะมองเขาสลับกับรูปปั้นเดวิดเปลือยที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าซึ่งนับว่าเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ อีกทั้งบริเวณโดยรอบก็ยังรายล้อมด้วยรูปปั้นเทพเจ้าในตำนานอีกหลายรูปที่ล้วนเปลือยเปล่าทั้งนั้น พอหล่อนเบือนหน้าหนีจากรูปปั้นเดวิด ก็ยังไม่พ้นรูปปั้นอื่นอีกอยู่ดี!
“โอ๊ย คุณนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ ทำฉันหลอนนะคะ”
เอรินบ่นอุบ เรียกเสียงหัวเราะจากชานนท์ดีนักเชียว
“งั้นจะไปกันต่อได้หรือยัง...ทางโน้นดีกว่า มีหอศิลป์อุฟฟิซิ เดินลัดไปทะลุแม่น้ำอาร์โนได้”
ชานนท์จับจูงมือเล็กนุ่มนิ่มให้ออกเดินไปด้วยกัน ระหว่างนั้นเอรินที่ตอนนี้เป็นฝ่ายเดินตามต้อยๆ มองมือเขาแล้วใจเต้นไม่เป็นส่ำอีกรอบ ขนาดได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาแค่ไม่กี่ชั่วโมง หล่อนยังอาการหนักขนาดนี้ ถ้าได้อยู่กับเขาแบบนี้ทุกวัน สงสัยหล่อนคงได้หัวใจวายวันละหลายสิบรอบ
แต่แล้วพอถึงหน้าหอศิลป์ สาวน้อยกลับลากชานนท์มาหยุดที่หน้าคาเฟทีเรียริมแม่น้ำอาร์โนแทน เอรินไม่ให้แฟนวันเดียวของหล่อนได้ทันตั้งตัว ก็จูงมือพาเข้าไปในร้านด้วยกัน หย่อนกายลงนั่งปาดเหงื่อทันทีที่ได้โต๊ะ ก่อนจะสั่งอาหารจากเมนูที่พนักงานนำมาให้
“ทำไมไม่เข้าหอศิลป์”
ชานนท์ข้องใจหันมาถาม คล้อยหลังจากที่พนักงานรับออเดอร์ของเขาและเอรินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ฉันหิวค่ะ”
“หืม” ชานนท์ทำเสียงในลำคอเป็นเชิงถามย้ำ แล้วหรี่ตามองสาวน้อยอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
“แน่ใจ? นี่ยังพอมีเวลาก่อนจะปิด ถ้าคุณอยากดู...”
“ไม่ค่ะ ฉันหิว” เอรินยังคงยืนยันหนักแน่น
ทันทีที่พนักงานกลับมาพร้อมอาหารที่สั่งไว้ เอรินถึงกับตาโต แทบจะตะครุบจานพาสตาเย็นจากในมือพนักงานมาวางลงโต๊ะเองเสียเดี๋ยวนั้นท่าทางตื่นเต้นจนชานนท์อดขำไม่ได้
“เก็บอาการหน่อยสาวน้อย เชื่อแล้วว่าหิว”
“ก็ฉันหิวจริงๆ นี่คะ จะกินหมูได้ทั้งตัวอยู่แล้ว ไม่สิ แค่หมูตัวเดียวยังน้อยค่ะ” หล่อนพูดพลางก้มหน้าก้มตาคลุกพาสตาเย็นไปด้วย ไม่รีรอใช้ส้อมพันตักเข้าปากคำแรกแล้วยิ้มกริ่ม
“อร่อยมากเลยค่ะ แล้วของคุณสั่งอะไรไปนะคะ”
“มาพอดี” ชานนท์เอนหลบให้พนักงานเสิร์ฟริซอตโตควันกรุ่นลงตรงหน้าเขา คนถามถึงเมื่อครู่เห็นก็ตาโตตื่นเต้นไม่แพ้ตอนเห็นอาหารของตัวเอง
“ของคุณก็น่าอร่อยนะคะ”
“ชิมไหม” ชานนท์ถามยิ้มๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันให้คุณกินก่อน”
“คุณไม่อยากเข้าไปในหอศิลป์จริงเหรอ”
เขาวกกลับมาเรื่องเดิม พลางนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ แทนที่จะรีบจัดการอาหารน่าอร่อยตรงหน้า
“ถ้าเรื่องค่าเข้าชม ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ปัญหา ในนั้นมีภาพเขียนชื่อดัง คนเขาอยากมาดูกันทั้งนั้น เราอุตส่าห์มาถึงที่แล้วกลับไม่เข้าไปดูน่าเสียดายรู้ไหม”
“ฉันรู้ค่ะ แต่คนรอคิวกันเยอะ ค่าเข้าก็แพง กว่าเราจะได้เข้าไปก็คงใกล้ปิดแล้ว ฉันขี้เกียจให้คุณเปลืองตังค์ อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ไม่ค่อยอยากดูแล้วด้วยเพราะหิวมาก...” เอรินแกล้งลากเสียงยาว “ขอกินก่อนนะคะ”
“โอเค ผมไม่พูดแล้วก็ได้” ชานนท์ยอมแพ้
“ผมนี่แย่จังปล่อยให้แฟนหิวจนตาลายขนาดนี้ได้ยังไง”
แฟน...เอรินตั้งท่าจะจ้วงพาสตาเย็นต่อชะงักทันใด เงยหน้ามองชานนท์ตาปรอย
เขาเรียกหล่อนว่าแฟนอย่างนั้นเหรอ...
ชานนท์กระแอมไอ เรียกสติสาวน้อยกะพริบตาปริบๆ ทั้งที่ยังมองเขาอยู่
“ทำไมมองผมตาปรือแบบนั้น อย่าบอกว่าคิดลึกกับคำพูดผมน่ะ”
“คะ? ปะ...เปล่าเสียหน่อยค่ะ” เอรินรีบปฏิเสธลิ้นพันขณะที่หัวใจพองโตจนแทบจะล้นออกมาจากอกอยู่แล้ว เลยเสเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่ริซอตโตของคุณอร่อยไหมคะ”
ชานนท์ก้มมองอาหารในจานตัวเองแล้วตักยื่นมาตรงหน้า คนเสเปลี่ยนเรื่องเลยมองข้าวสีเหลืองทองพูนช้อนอย่างงงๆ
“อะไรคะ”
“อ้าว ก็คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอ ผมก็ให้คุณชิมไง”
“ไม่เอ๊า!” หล่อนปฏิเสธเสียงหลง ทว่าแอบกลืนน้ำลายอย่างสุดจะห้ามใจเมื่อได้กลิ่นหอมเย้ายวนนั้น
“กินเถอะ...ไม่ต้องเขิน เป็นแฟนกันก็ต้องมีป้อนอาหารให้กันบ้างเป็นเรื่องปกติ หรือคุณไม่เคยมีแฟน”
สบประมาทกันอีกแล้ว!
หล่อนมองซ้ายมองขวาท่าทางขัดเขิน เมื่อเห็นว่าคนในร้านต่างไม่มีใครสนใจใครเลยยอมให้ชานนท์ป้อนริซอตโตคำโตเข้าปาก ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนชานนท์หัวเราะร่วน
“กินเลอะเทอะเป็นเด็กเลยนะยายกุหลาบชมพู” เขาเอ่ยอย่างเอ็นดูพลางเอื้อมหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดที่มุมปากให้หญิงสาวอย่างเบามือ
“อยากกลับโรงแรมหรือยัง หรือจะเที่ยวต่อ ผมว่าจะพาไปเดินเล่นที่สะพานเวคคิโอหน่อย คุณคงชอบ ที่นั่นมีแขวนกุญแจคู่รักแบบที่ฝรั่งเศสเกาหลีนิยมกัน แต่สะพานดูเก่าๆ ไม่รู้ทางการยังให้แขวนอยู่หรือเปล่า”
“ฉันอยากไปค่ะ” เอรินรีบบอกเขาทันที
******************
ปิดสั่งซื้อในราคาสั่งจองเที่ยงคืนวันที่ 25 กันยายน 2562 ซึ่งก็คือวันนี้น้าาาาา
ส่วนแฟนๆ eBook ตอนนี้วางจำหน่ายเรียบร้อยที่เว็บ mebmarket จ้าาาาาา ฝากด้วยนะคะทุกช่องทางเลย ^O^
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
เอรินกำลังยืนเหม่อดูอยู่ถึงกับสะดุ้ง รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“ฉันเปล่านะคะ”
“เปล่าอะไร เห็นๆ อยู่ ผมว่าคุณต้องมีคิดตามนิดนึงแน่”
“ไม่ใช่เสียหน่อยคุณก็ ดูสิคะ คนอื่นก็ยืนดูกันหมด แบบนี้แสดงว่าพวกเขาก็ชอบแอบดูเหมือนฉันรึไง ทั้งเดวิด เฮอร์คิวลีส ไหนจะเพอร์ซิอุสอีก โป๊ๆ ทั้งนั้นเลย”
“นั่นไง คุณพูดเองนะว่าชอบ” ชานนท์ยังแซวไม่เลิก
เอรินยิ่งหน้าแดงแจ๋ อดไม่ได้ที่จะมองเขาสลับกับรูปปั้นเดวิดเปลือยที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้าซึ่งนับว่าเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ อีกทั้งบริเวณโดยรอบก็ยังรายล้อมด้วยรูปปั้นเทพเจ้าในตำนานอีกหลายรูปที่ล้วนเปลือยเปล่าทั้งนั้น พอหล่อนเบือนหน้าหนีจากรูปปั้นเดวิด ก็ยังไม่พ้นรูปปั้นอื่นอีกอยู่ดี!
“โอ๊ย คุณนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ ทำฉันหลอนนะคะ”
เอรินบ่นอุบ เรียกเสียงหัวเราะจากชานนท์ดีนักเชียว
“งั้นจะไปกันต่อได้หรือยัง...ทางโน้นดีกว่า มีหอศิลป์อุฟฟิซิ เดินลัดไปทะลุแม่น้ำอาร์โนได้”
ชานนท์จับจูงมือเล็กนุ่มนิ่มให้ออกเดินไปด้วยกัน ระหว่างนั้นเอรินที่ตอนนี้เป็นฝ่ายเดินตามต้อยๆ มองมือเขาแล้วใจเต้นไม่เป็นส่ำอีกรอบ ขนาดได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาแค่ไม่กี่ชั่วโมง หล่อนยังอาการหนักขนาดนี้ ถ้าได้อยู่กับเขาแบบนี้ทุกวัน สงสัยหล่อนคงได้หัวใจวายวันละหลายสิบรอบ
แต่แล้วพอถึงหน้าหอศิลป์ สาวน้อยกลับลากชานนท์มาหยุดที่หน้าคาเฟทีเรียริมแม่น้ำอาร์โนแทน เอรินไม่ให้แฟนวันเดียวของหล่อนได้ทันตั้งตัว ก็จูงมือพาเข้าไปในร้านด้วยกัน หย่อนกายลงนั่งปาดเหงื่อทันทีที่ได้โต๊ะ ก่อนจะสั่งอาหารจากเมนูที่พนักงานนำมาให้
“ทำไมไม่เข้าหอศิลป์”
ชานนท์ข้องใจหันมาถาม คล้อยหลังจากที่พนักงานรับออเดอร์ของเขาและเอรินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ฉันหิวค่ะ”
“หืม” ชานนท์ทำเสียงในลำคอเป็นเชิงถามย้ำ แล้วหรี่ตามองสาวน้อยอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
“แน่ใจ? นี่ยังพอมีเวลาก่อนจะปิด ถ้าคุณอยากดู...”
“ไม่ค่ะ ฉันหิว” เอรินยังคงยืนยันหนักแน่น
ทันทีที่พนักงานกลับมาพร้อมอาหารที่สั่งไว้ เอรินถึงกับตาโต แทบจะตะครุบจานพาสตาเย็นจากในมือพนักงานมาวางลงโต๊ะเองเสียเดี๋ยวนั้นท่าทางตื่นเต้นจนชานนท์อดขำไม่ได้
“เก็บอาการหน่อยสาวน้อย เชื่อแล้วว่าหิว”
“ก็ฉันหิวจริงๆ นี่คะ จะกินหมูได้ทั้งตัวอยู่แล้ว ไม่สิ แค่หมูตัวเดียวยังน้อยค่ะ” หล่อนพูดพลางก้มหน้าก้มตาคลุกพาสตาเย็นไปด้วย ไม่รีรอใช้ส้อมพันตักเข้าปากคำแรกแล้วยิ้มกริ่ม
“อร่อยมากเลยค่ะ แล้วของคุณสั่งอะไรไปนะคะ”
“มาพอดี” ชานนท์เอนหลบให้พนักงานเสิร์ฟริซอตโตควันกรุ่นลงตรงหน้าเขา คนถามถึงเมื่อครู่เห็นก็ตาโตตื่นเต้นไม่แพ้ตอนเห็นอาหารของตัวเอง
“ของคุณก็น่าอร่อยนะคะ”
“ชิมไหม” ชานนท์ถามยิ้มๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันให้คุณกินก่อน”
“คุณไม่อยากเข้าไปในหอศิลป์จริงเหรอ”
เขาวกกลับมาเรื่องเดิม พลางนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ แทนที่จะรีบจัดการอาหารน่าอร่อยตรงหน้า
“ถ้าเรื่องค่าเข้าชม ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ปัญหา ในนั้นมีภาพเขียนชื่อดัง คนเขาอยากมาดูกันทั้งนั้น เราอุตส่าห์มาถึงที่แล้วกลับไม่เข้าไปดูน่าเสียดายรู้ไหม”
“ฉันรู้ค่ะ แต่คนรอคิวกันเยอะ ค่าเข้าก็แพง กว่าเราจะได้เข้าไปก็คงใกล้ปิดแล้ว ฉันขี้เกียจให้คุณเปลืองตังค์ อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ไม่ค่อยอยากดูแล้วด้วยเพราะหิวมาก...” เอรินแกล้งลากเสียงยาว “ขอกินก่อนนะคะ”
“โอเค ผมไม่พูดแล้วก็ได้” ชานนท์ยอมแพ้
“ผมนี่แย่จังปล่อยให้แฟนหิวจนตาลายขนาดนี้ได้ยังไง”
แฟน...เอรินตั้งท่าจะจ้วงพาสตาเย็นต่อชะงักทันใด เงยหน้ามองชานนท์ตาปรอย
เขาเรียกหล่อนว่าแฟนอย่างนั้นเหรอ...
ชานนท์กระแอมไอ เรียกสติสาวน้อยกะพริบตาปริบๆ ทั้งที่ยังมองเขาอยู่
“ทำไมมองผมตาปรือแบบนั้น อย่าบอกว่าคิดลึกกับคำพูดผมน่ะ”
“คะ? ปะ...เปล่าเสียหน่อยค่ะ” เอรินรีบปฏิเสธลิ้นพันขณะที่หัวใจพองโตจนแทบจะล้นออกมาจากอกอยู่แล้ว เลยเสเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่ริซอตโตของคุณอร่อยไหมคะ”
ชานนท์ก้มมองอาหารในจานตัวเองแล้วตักยื่นมาตรงหน้า คนเสเปลี่ยนเรื่องเลยมองข้าวสีเหลืองทองพูนช้อนอย่างงงๆ
“อะไรคะ”
“อ้าว ก็คุณอยากรู้ไม่ใช่เหรอ ผมก็ให้คุณชิมไง”
“ไม่เอ๊า!” หล่อนปฏิเสธเสียงหลง ทว่าแอบกลืนน้ำลายอย่างสุดจะห้ามใจเมื่อได้กลิ่นหอมเย้ายวนนั้น
“กินเถอะ...ไม่ต้องเขิน เป็นแฟนกันก็ต้องมีป้อนอาหารให้กันบ้างเป็นเรื่องปกติ หรือคุณไม่เคยมีแฟน”
สบประมาทกันอีกแล้ว!
หล่อนมองซ้ายมองขวาท่าทางขัดเขิน เมื่อเห็นว่าคนในร้านต่างไม่มีใครสนใจใครเลยยอมให้ชานนท์ป้อนริซอตโตคำโตเข้าปาก ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนชานนท์หัวเราะร่วน
“กินเลอะเทอะเป็นเด็กเลยนะยายกุหลาบชมพู” เขาเอ่ยอย่างเอ็นดูพลางเอื้อมหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดที่มุมปากให้หญิงสาวอย่างเบามือ
“อยากกลับโรงแรมหรือยัง หรือจะเที่ยวต่อ ผมว่าจะพาไปเดินเล่นที่สะพานเวคคิโอหน่อย คุณคงชอบ ที่นั่นมีแขวนกุญแจคู่รักแบบที่ฝรั่งเศสเกาหลีนิยมกัน แต่สะพานดูเก่าๆ ไม่รู้ทางการยังให้แขวนอยู่หรือเปล่า”
“ฉันอยากไปค่ะ” เอรินรีบบอกเขาทันที
******************
ปิดสั่งซื้อในราคาสั่งจองเที่ยงคืนวันที่ 25 กันยายน 2562 ซึ่งก็คือวันนี้น้าาาาา
ส่วนแฟนๆ eBook ตอนนี้วางจำหน่ายเรียบร้อยที่เว็บ mebmarket จ้าาาาาา ฝากด้วยนะคะทุกช่องทางเลย ^O^
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2562, 10:45:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2562, 10:45:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 517
<< บทที่ 12 -100% | บทที่ 13 -100% + แจ้งข่าววางจำหน่าย >> |