เรื่องรักวันไม่ธรรมดา [เรื่องสั้น 5 ตอนจบ]
อะไรก็เกิดขึ้นได้...ในโลกของความรัก เรื่องสั้นรักๆ 5 ตอนจบ ของ "สิรินดา" ความรักมีหลายแง่มุม และแม้มันจะมีมุมมืด แต่ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ เมื่อ ReadAWrite มีโปรเจคดีๆ ก็ขอร่วมแจมด้วยสักหน่อย ชอบไม่ชอบเรื่องของสิรินดายังไง ก็ติชมมาได้นะคะ (^__^)
Tags: #READTOBER2019, สิรินดา, นิยาย, เรื่องสั้น, วัยรุ่น, แจ่มใส
ตอน: เรื่องบังเอิญ...ของสองเรา
ประตูห้องถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นห้องพักขนาดกะทัดรัด แบ่งสัดส่วนไว้ใช้สอยตามความจำเป็น เฟอร์นิเจอร์และของใช้ภายในห้องดูไม่เป็นระเบียบมากนัก แต่ก็…ไม่ถึงกับรับแขกไม่ได้ ฉันคิดเร็วๆ ก่อนจะหันมาหาคนที่ยืนผมเปียก เสื้อผ้าหมาดฝนอยู่ด้านหลัง
“นายจะเข้ามาก่อนไหม กว่าฝนจะซาลงก็คงอีกสักพัก ขับรถกลับบ้านตอนนี้อาจเป็นหวัด หรือไม่ก็เจออุบัติเหตุได้ อย่าเสี่ยงดีกว่า” ฉันหันไปถามคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังที่อุตส่าห์ขับรถข้ามเมืองมาส่งทั้งๆ ที่เลยเที่ยงคืนมาเกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว
ชายหนุ่มร่างสูงกว่าฉันกว่ายี่สิบเซนติเมตรทำท่าคิด ทำให้แอบนึกหมั่นไส้ในใจไม่ได้ว่า ตัวก็โต อายุก็เยอะ จะคิดอะไรหนักหน้ากับการเข้าห้องหญิง
“เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดผมให้แห้งเสียหน่อย หาอะไรอุ่นๆ ดื่มก่อนไป” ฉันเสริม
“ก็…ดีเหมือนกัน แต่นิอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ เราคิดว่า…” เขามองข้ามไหล่ฉันเข้าไปในห้อง ทำสีหน้าขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด
“คิดอะไรนักหนา กลัวเราปล้ำเอาหรือไง” ฉันพูดอย่างที่ใจคิดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “ตัวโตขนาดนี้ เราคงออกแรงปล้ำไม่ไหวหรอก เข้ามาเถอะ อีกสักพักน้องชายเราก็กลับจากทำงาน เขาทำงานต่างจังหวัด บอกจะถึงคืนนี้ดึกๆ มีห้องพักของเขาอยู่ด้านในน่ะ” บอกเพื่อให้เขาสบายใจ
จากการที่รู้จักกันมาหลายปี ฉันรู้ดีว่าผู้ชายที่ยืนตรงหน้าเป็นคนมารยาทดีจัด มันดีเสียจนเคยได้ยินเพื่อนๆ ค่อนแคะว่าคงเป็นการตั้งใจ ‘ทำดี’ เพื่อล่อให้สาวๆ มาติดกับมากกว่า
พุธกับฉันเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาได้เกือบเดือน เขาเพิ่งย้ายจากต่างประเทศมาทำงานในบริษัทเดียวกัน แต่ทั้งๆ ที่อยู่แผนกติดกัน แต่ไม่รู้ทำไม เราไม่มีโอกาสพบกัน จนกระทั่ง...
‘น้องนิ รู้หรือเปล่าว่าแผนกข้างๆ มีคนย้ายเข้ามาใหม่ หล่อชะมัด’ พี่แป้น ขาเม้าท์ประจำแผนกแอบกระซิบบอกในวันหนึ่ง มันเป็นวันแรกที่กลับเข้ามาเคลียร์งานที่ค้างไว้
‘ได้ยินข่าวเล่าลือมาเหมือนกันค่ะ สาวๆ แถวนี้เม้าท์กันว่าทั้งหล่อทั้งนิสัยดี แถมไม่เป็นเกย์ ไม่น่าเชื่อว่าสมัยนี้ยังมีผู้ชายแบบนี้เหลือรอดอยู่อีก’ ฉันเอ่ยอย่างติดตลก
แผนกของเราล้วนมีแต่สาวๆ ที่เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์เป็นโสด การที่มีหนุ่มๆ ย้ายเข้ามาในแผนกข้างๆ จึงเป็นทั้งอาหารหู อาหารตา และอาหารใจของทั้งสาวที่มีเจ้าของแล้วและยังไม่มี
‘หล่อขนาดเป็นดาราเกาหลีได้เลยนะ ขาว สะอาด เท่ แต่งตัวดี นิสัยดีด้วยนะ แถมเป็นโสด อันนี้พี่เช็กมาแล้ว’
‘แบบนั้นมันน่าเป็นเกย์นะพี่ ชัวร์แล้วเหรอว่าแมน’
‘ไม่หรอก น้องพุธดูไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเกย์ไปได้ ไม่มีอาการนะ’
ชื่อของคนที่เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่กล่าวถึงทำให้ฉันชะงักกึก ‘พนักงานใหม่คนนั้นชื่อพุธหรือคะพี่แป้น พุธอะไร?’
‘ใช่ เห็นเรียกกันว่าน้องพุธ ชื่อก็น่ารักดีนะ ชื่อวันพุธ แปลกดี’
...วันพุธ...
‘ตัวสูงๆ ขาวๆ เสียงแหบนิดๆ จบตรีที่เดียวกับนิด้วยใช่ไหม’
‘ใช่ ขาว สูง มาดดีไม่มีที่ติ’ พี่แป้นพยักหน้า ‘แต่ว่าจบจากไหนพี่ไม่แน่ใจนะ’
‘งั้นขอนิไปดูหน้าหน่อยนะ’ พูดจบฉันก็วิ่งปรู๊ดตรงไปยังห้องข้างๆ ทันที และเพียงแค่เปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าสิ่งที่แอบหวังไว้นับแต่ได้ยินคำว่า “วันพุธ” เป็นจริง
ผู้ชายที่ยืนหยิบเอกสารออกมาจากเครื่องพรินเตอร์ด้านหน้าแผนกค่อยๆ หันมาตามเสียงประตูที่เปิด แววตาของคนที่หันมาขยายกว้างนิดหนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างยินดี
‘นิ!’
‘พุธ…พุธจริงๆ ด้วย คิดแล้วว่าโลกนี้มีผู้ชายชื่อลิเกๆ คนเดียวแน่ๆ ไม่ผิดตัวจริงๆ นายสบายดีไหม แล้วทำไมไม่บอกกันบ้างว่าย้ายมาอยู่นี่ เจ้าชาติไม่เห็นบอกเราเลยว่าพุธย้ายกลับมาไทย แย่จริงๆ’
คนถูกรัวคำถามหัวเราะเบาๆ ‘เอาทีละคำถามได้ไหม ผมลืมว่านิถามอะไรเป็นคำถามแรกแล้วล่ะ’ เขากล่าวยิ้มๆ อย่างเป็นกันเอง
......
ห้องพักของฉันถูกแบ่งออกเป็นห้องนอนเล็กๆ สองห้อง บริเวณแรกหลังจากเปิดประตูเข้าไปแบ่งไว้เป็นส่วนที่ใช้นั่งเล่น พอรับแขกได้ มีโซฟาตัวโตที่ฉันมักเอาไว้นอนอ่านนิยายน้ำเน่าเล่มโปรด มันก็เลยดูยิ่งคับแคบลงไปอีกเมื่อแขกตัวสูงไปยืนคว้างทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น
“นั่งนี่ก่อนนะ เอาผ้านี่เช็ดผมหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะเป็นหวัด แล้วนี่เสื้อผ้าของน้องชายเรา เปลี่ยนเสียหน่อย เราจะเอาเสื้อของนายไปเป่าแห้งให้” ฉันเอ่ยหลังจากหยิบผ้าขนหนูบนชั้นเก็บของและเสื้อของน้องชายมาให้ พยายามทำท่าทางให้เป็นปรกติ ทั้งที่ในใจรู้สึกไม่คุ้นเคยเสียเลยกับการมีคนแปลกหน้ามาอยู่ร่วมห้องแบบนี้
“เธอก็รีบไปอาบน้ำเลย ปล่อยให้ตัวเปียกเดี๋ยวจะเป็นหวัด ท่าทางฝนจะตกอีกนาน” เสียงอีกฝ่ายสั่ง
“จ้า เรามันหัวแข็ง ตายยาก ไม่ต้องห่วงหรอก” ฉันตอบก่อนจะเดินเข้าห้องส่วนตัว ปิดประตูแล้วยืนพิงมันอย่างอ่อนแรง เปลี่ยนจากท่าทางมั่นใจแบบสุดๆ เป็นกระวนกระวาย ทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้จะพยายามสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แต่ยังรู้สึกใจสั่นๆ พิกล
ทำไมถึงไม่ชินกับการอยู่สองต่อสองกับผู้ชายคนนี้เสียทีนะ ทั้งๆ ที่ระยะหลังเมื่อพุธรู้ว่าฉันทำงานอยู่แผนกติดกัน เราก็มีโอกาสไปกินข้าวกลางวันด้วยกันสองสามครั้ง
วันนี้…ฉันไม่น่าชวนเขาขึ้นมาหลบฝนบนห้อง จริงๆ แล้วไม่น่าทำตั้งแต่ขอติดรถกลับมาจากงานแต่งงานนั่นแล้ว...
....เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน....
‘นิได้การ์ดเชิญงานแต่งนายก้องหรือเปล่า’ พุธเดินเข้ามาที่แผนก ถามเรื่องงานแต่งงานของเพื่อนร่วมคณะ ก้องกรุณและวริษา ทั้งคู่เป็นแฟนกันตั้งแต่สมัยเรียน และรู้จักกับเราทั้งคู่ดีพอควร
‘เราได้การ์ดเมื่อวาน’
‘เราได้แล้วล่ะ งานวันศุกร์หน้าใช่ไหม’
อีกฝ่ายพยักหน้า ‘เอ่อ…’ คนพูดมีทำท่าทางกังวลเล็กน้อย ‘ไปด้วยกันนะ’ เขาชวน ‘ไหนๆ เราก็ทำงานอยู่ที่เดียวกันแล้ว’
‘ชัวร์อยู่แล้ว เพราะนายมีรถ เราจะได้ประหยัดค่าแท็กซี่ แถมไม่มีใครให้ควงไปด้วย ได้ควงนายไปแก้ขัด แก้ขายหน้าด้วย’ ฉันตอบ แทบจะซ่อนความดีใจไว้ไม่มิด การไปงานแต่งงานกับคนที่ทั้งหล่อทั้งดูดีแบบพุธใครจะไม่อยากไป จริงๆ ก็คิดไว้เหมือนกันว่าหากเขาไม่เอ่ยขึ้นมาก่อน ก็คงต้องเลียบเคียงขอติดรถไปด้วย
‘ไปด้วยกัน แล้วก็ต้องไปส่งเรากลับคอนโดฯ ด้วยนะ งานแต่งงานแถวสีลม คอนโดฯ เราอยู่แจ้งวัฒนะ กลับลำบากน่ะ’
‘ได้อยู่แล้ว’ คนขับรถจำเป็นตอบยิ้มๆ ‘แต่กดมิเตอร์พร้อมบวกเซอร์วิสชาร์จนะ’
ยอมให้กดมิเตอร์ตลอดชีวิตเลยล่ะ ถ้าคนขับดูดีขนาดนี้ ฉันแอบคิด
......
งานแต่งงานของเพื่อนร่วมคณะคล้ายๆ จะเป็นงานเลี้ยงรุ่นเพื่อนๆ สมัยปริญญาตรี เพื่อนเก่าทุกคนต่างทักทายและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นายวันพุธซึ่งปกติเป็นหนุ่มเนื้อหอมของคณะหายตัวไปตั้งแต่เข้างาน เขาถูกเพื่อน (โดยเฉพาะสาวๆ) ลากไปโต๊ะโน้นโต๊ะนี้อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งใกล้งานเลิกนั่นแหละ จึงได้เดินกลับมายังโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่
‘กลับหรือยังนิ’ ชายหนุ่มเอามือท้าวไว้ที่เก้าอี้เบื้องหลังแล้วก้มลงมาถามฉันอย่างสนิทสนม นั่นทำให้ฉันถึงกับหน้าแดง พูดไม่ออก…แต่เขาคงไม่สังเกตหรอก
‘อ้าว สองคนนี่มาด้วยกันเหรอ’ เพื่อนๆ ต่างทักทายอย่างอื้อึง ‘ไม่ยักรู้’
‘แหม เราสองคนทำงานที่เดียวกันก็ต้องมาด้วยกันสิ’ คนร่างสูงตอบยิ้มๆ ‘ว่าไง กลับหรือยัง ฝนทำท่าจะตกแล้ว’
‘โธ่ สาวๆ คนอื่นรอให้แกไปส่งตั้งเยอะ ไอ้นิมันกลับเองได้ แมนออกขนาดนั้น สมัยเรียนมันยังเดินข้ามเขาเป็นลูกๆ เลย ตอนมันไปทำค่ายต่างจังหวัดน่ะ แค่นั่งรถกลับแค่นี้ไม่ต้องห่วงมันหรอก พวกเราไปต่อกันดีกว่าพุธ นานๆ เจอกันที’
‘เชอะ ไม่มีคนให้กลับด้วยล่ะดิ อิจฉาเราใช่ไหม’ ฉันทำปากยื่น ใจเสียเพราะกลัวว่าพุธจะตกปากรับคำไปกับกลุ่มเพื่อนชายเสียก่อน ‘เสียใจด้วยย่ะ วันนี้ฉันขี้เกียจเสียตังค์ ดังนั้นใครพามาต้องรับผิดชอบพากลับด้วย ไม่งั้นมีเรื่อง’
‘กลัวแล้วๆ ครั
“นายจะเข้ามาก่อนไหม กว่าฝนจะซาลงก็คงอีกสักพัก ขับรถกลับบ้านตอนนี้อาจเป็นหวัด หรือไม่ก็เจออุบัติเหตุได้ อย่าเสี่ยงดีกว่า” ฉันหันไปถามคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังที่อุตส่าห์ขับรถข้ามเมืองมาส่งทั้งๆ ที่เลยเที่ยงคืนมาเกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว
ชายหนุ่มร่างสูงกว่าฉันกว่ายี่สิบเซนติเมตรทำท่าคิด ทำให้แอบนึกหมั่นไส้ในใจไม่ได้ว่า ตัวก็โต อายุก็เยอะ จะคิดอะไรหนักหน้ากับการเข้าห้องหญิง
“เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดผมให้แห้งเสียหน่อย หาอะไรอุ่นๆ ดื่มก่อนไป” ฉันเสริม
“ก็…ดีเหมือนกัน แต่นิอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ เราคิดว่า…” เขามองข้ามไหล่ฉันเข้าไปในห้อง ทำสีหน้าขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด
“คิดอะไรนักหนา กลัวเราปล้ำเอาหรือไง” ฉันพูดอย่างที่ใจคิดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง “ตัวโตขนาดนี้ เราคงออกแรงปล้ำไม่ไหวหรอก เข้ามาเถอะ อีกสักพักน้องชายเราก็กลับจากทำงาน เขาทำงานต่างจังหวัด บอกจะถึงคืนนี้ดึกๆ มีห้องพักของเขาอยู่ด้านในน่ะ” บอกเพื่อให้เขาสบายใจ
จากการที่รู้จักกันมาหลายปี ฉันรู้ดีว่าผู้ชายที่ยืนตรงหน้าเป็นคนมารยาทดีจัด มันดีเสียจนเคยได้ยินเพื่อนๆ ค่อนแคะว่าคงเป็นการตั้งใจ ‘ทำดี’ เพื่อล่อให้สาวๆ มาติดกับมากกว่า
พุธกับฉันเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาได้เกือบเดือน เขาเพิ่งย้ายจากต่างประเทศมาทำงานในบริษัทเดียวกัน แต่ทั้งๆ ที่อยู่แผนกติดกัน แต่ไม่รู้ทำไม เราไม่มีโอกาสพบกัน จนกระทั่ง...
‘น้องนิ รู้หรือเปล่าว่าแผนกข้างๆ มีคนย้ายเข้ามาใหม่ หล่อชะมัด’ พี่แป้น ขาเม้าท์ประจำแผนกแอบกระซิบบอกในวันหนึ่ง มันเป็นวันแรกที่กลับเข้ามาเคลียร์งานที่ค้างไว้
‘ได้ยินข่าวเล่าลือมาเหมือนกันค่ะ สาวๆ แถวนี้เม้าท์กันว่าทั้งหล่อทั้งนิสัยดี แถมไม่เป็นเกย์ ไม่น่าเชื่อว่าสมัยนี้ยังมีผู้ชายแบบนี้เหลือรอดอยู่อีก’ ฉันเอ่ยอย่างติดตลก
แผนกของเราล้วนมีแต่สาวๆ ที่เก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์เป็นโสด การที่มีหนุ่มๆ ย้ายเข้ามาในแผนกข้างๆ จึงเป็นทั้งอาหารหู อาหารตา และอาหารใจของทั้งสาวที่มีเจ้าของแล้วและยังไม่มี
‘หล่อขนาดเป็นดาราเกาหลีได้เลยนะ ขาว สะอาด เท่ แต่งตัวดี นิสัยดีด้วยนะ แถมเป็นโสด อันนี้พี่เช็กมาแล้ว’
‘แบบนั้นมันน่าเป็นเกย์นะพี่ ชัวร์แล้วเหรอว่าแมน’
‘ไม่หรอก น้องพุธดูไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเกย์ไปได้ ไม่มีอาการนะ’
ชื่อของคนที่เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่กล่าวถึงทำให้ฉันชะงักกึก ‘พนักงานใหม่คนนั้นชื่อพุธหรือคะพี่แป้น พุธอะไร?’
‘ใช่ เห็นเรียกกันว่าน้องพุธ ชื่อก็น่ารักดีนะ ชื่อวันพุธ แปลกดี’
...วันพุธ...
‘ตัวสูงๆ ขาวๆ เสียงแหบนิดๆ จบตรีที่เดียวกับนิด้วยใช่ไหม’
‘ใช่ ขาว สูง มาดดีไม่มีที่ติ’ พี่แป้นพยักหน้า ‘แต่ว่าจบจากไหนพี่ไม่แน่ใจนะ’
‘งั้นขอนิไปดูหน้าหน่อยนะ’ พูดจบฉันก็วิ่งปรู๊ดตรงไปยังห้องข้างๆ ทันที และเพียงแค่เปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าสิ่งที่แอบหวังไว้นับแต่ได้ยินคำว่า “วันพุธ” เป็นจริง
ผู้ชายที่ยืนหยิบเอกสารออกมาจากเครื่องพรินเตอร์ด้านหน้าแผนกค่อยๆ หันมาตามเสียงประตูที่เปิด แววตาของคนที่หันมาขยายกว้างนิดหนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างยินดี
‘นิ!’
‘พุธ…พุธจริงๆ ด้วย คิดแล้วว่าโลกนี้มีผู้ชายชื่อลิเกๆ คนเดียวแน่ๆ ไม่ผิดตัวจริงๆ นายสบายดีไหม แล้วทำไมไม่บอกกันบ้างว่าย้ายมาอยู่นี่ เจ้าชาติไม่เห็นบอกเราเลยว่าพุธย้ายกลับมาไทย แย่จริงๆ’
คนถูกรัวคำถามหัวเราะเบาๆ ‘เอาทีละคำถามได้ไหม ผมลืมว่านิถามอะไรเป็นคำถามแรกแล้วล่ะ’ เขากล่าวยิ้มๆ อย่างเป็นกันเอง
......
ห้องพักของฉันถูกแบ่งออกเป็นห้องนอนเล็กๆ สองห้อง บริเวณแรกหลังจากเปิดประตูเข้าไปแบ่งไว้เป็นส่วนที่ใช้นั่งเล่น พอรับแขกได้ มีโซฟาตัวโตที่ฉันมักเอาไว้นอนอ่านนิยายน้ำเน่าเล่มโปรด มันก็เลยดูยิ่งคับแคบลงไปอีกเมื่อแขกตัวสูงไปยืนคว้างทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น
“นั่งนี่ก่อนนะ เอาผ้านี่เช็ดผมหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวจะเป็นหวัด แล้วนี่เสื้อผ้าของน้องชายเรา เปลี่ยนเสียหน่อย เราจะเอาเสื้อของนายไปเป่าแห้งให้” ฉันเอ่ยหลังจากหยิบผ้าขนหนูบนชั้นเก็บของและเสื้อของน้องชายมาให้ พยายามทำท่าทางให้เป็นปรกติ ทั้งที่ในใจรู้สึกไม่คุ้นเคยเสียเลยกับการมีคนแปลกหน้ามาอยู่ร่วมห้องแบบนี้
“เธอก็รีบไปอาบน้ำเลย ปล่อยให้ตัวเปียกเดี๋ยวจะเป็นหวัด ท่าทางฝนจะตกอีกนาน” เสียงอีกฝ่ายสั่ง
“จ้า เรามันหัวแข็ง ตายยาก ไม่ต้องห่วงหรอก” ฉันตอบก่อนจะเดินเข้าห้องส่วนตัว ปิดประตูแล้วยืนพิงมันอย่างอ่อนแรง เปลี่ยนจากท่าทางมั่นใจแบบสุดๆ เป็นกระวนกระวาย ทำอะไรไม่ถูก ถึงแม้จะพยายามสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แต่ยังรู้สึกใจสั่นๆ พิกล
ทำไมถึงไม่ชินกับการอยู่สองต่อสองกับผู้ชายคนนี้เสียทีนะ ทั้งๆ ที่ระยะหลังเมื่อพุธรู้ว่าฉันทำงานอยู่แผนกติดกัน เราก็มีโอกาสไปกินข้าวกลางวันด้วยกันสองสามครั้ง
วันนี้…ฉันไม่น่าชวนเขาขึ้นมาหลบฝนบนห้อง จริงๆ แล้วไม่น่าทำตั้งแต่ขอติดรถกลับมาจากงานแต่งงานนั่นแล้ว...
....เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน....
‘นิได้การ์ดเชิญงานแต่งนายก้องหรือเปล่า’ พุธเดินเข้ามาที่แผนก ถามเรื่องงานแต่งงานของเพื่อนร่วมคณะ ก้องกรุณและวริษา ทั้งคู่เป็นแฟนกันตั้งแต่สมัยเรียน และรู้จักกับเราทั้งคู่ดีพอควร
‘เราได้การ์ดเมื่อวาน’
‘เราได้แล้วล่ะ งานวันศุกร์หน้าใช่ไหม’
อีกฝ่ายพยักหน้า ‘เอ่อ…’ คนพูดมีทำท่าทางกังวลเล็กน้อย ‘ไปด้วยกันนะ’ เขาชวน ‘ไหนๆ เราก็ทำงานอยู่ที่เดียวกันแล้ว’
‘ชัวร์อยู่แล้ว เพราะนายมีรถ เราจะได้ประหยัดค่าแท็กซี่ แถมไม่มีใครให้ควงไปด้วย ได้ควงนายไปแก้ขัด แก้ขายหน้าด้วย’ ฉันตอบ แทบจะซ่อนความดีใจไว้ไม่มิด การไปงานแต่งงานกับคนที่ทั้งหล่อทั้งดูดีแบบพุธใครจะไม่อยากไป จริงๆ ก็คิดไว้เหมือนกันว่าหากเขาไม่เอ่ยขึ้นมาก่อน ก็คงต้องเลียบเคียงขอติดรถไปด้วย
‘ไปด้วยกัน แล้วก็ต้องไปส่งเรากลับคอนโดฯ ด้วยนะ งานแต่งงานแถวสีลม คอนโดฯ เราอยู่แจ้งวัฒนะ กลับลำบากน่ะ’
‘ได้อยู่แล้ว’ คนขับรถจำเป็นตอบยิ้มๆ ‘แต่กดมิเตอร์พร้อมบวกเซอร์วิสชาร์จนะ’
ยอมให้กดมิเตอร์ตลอดชีวิตเลยล่ะ ถ้าคนขับดูดีขนาดนี้ ฉันแอบคิด
......
งานแต่งงานของเพื่อนร่วมคณะคล้ายๆ จะเป็นงานเลี้ยงรุ่นเพื่อนๆ สมัยปริญญาตรี เพื่อนเก่าทุกคนต่างทักทายและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นายวันพุธซึ่งปกติเป็นหนุ่มเนื้อหอมของคณะหายตัวไปตั้งแต่เข้างาน เขาถูกเพื่อน (โดยเฉพาะสาวๆ) ลากไปโต๊ะโน้นโต๊ะนี้อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งใกล้งานเลิกนั่นแหละ จึงได้เดินกลับมายังโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่
‘กลับหรือยังนิ’ ชายหนุ่มเอามือท้าวไว้ที่เก้าอี้เบื้องหลังแล้วก้มลงมาถามฉันอย่างสนิทสนม นั่นทำให้ฉันถึงกับหน้าแดง พูดไม่ออก…แต่เขาคงไม่สังเกตหรอก
‘อ้าว สองคนนี่มาด้วยกันเหรอ’ เพื่อนๆ ต่างทักทายอย่างอื้อึง ‘ไม่ยักรู้’
‘แหม เราสองคนทำงานที่เดียวกันก็ต้องมาด้วยกันสิ’ คนร่างสูงตอบยิ้มๆ ‘ว่าไง กลับหรือยัง ฝนทำท่าจะตกแล้ว’
‘โธ่ สาวๆ คนอื่นรอให้แกไปส่งตั้งเยอะ ไอ้นิมันกลับเองได้ แมนออกขนาดนั้น สมัยเรียนมันยังเดินข้ามเขาเป็นลูกๆ เลย ตอนมันไปทำค่ายต่างจังหวัดน่ะ แค่นั่งรถกลับแค่นี้ไม่ต้องห่วงมันหรอก พวกเราไปต่อกันดีกว่าพุธ นานๆ เจอกันที’
‘เชอะ ไม่มีคนให้กลับด้วยล่ะดิ อิจฉาเราใช่ไหม’ ฉันทำปากยื่น ใจเสียเพราะกลัวว่าพุธจะตกปากรับคำไปกับกลุ่มเพื่อนชายเสียก่อน ‘เสียใจด้วยย่ะ วันนี้ฉันขี้เกียจเสียตังค์ ดังนั้นใครพามาต้องรับผิดชอบพากลับด้วย ไม่งั้นมีเรื่อง’
‘กลัวแล้วๆ ครั
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ต.ค. 2562, 16:59:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ต.ค. 2562, 17:05:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 873
เรื่องเล่าต้นฤดูหนาว >> |