เลื่อมลายพรายจันทร์: ดุจดาริน (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'ดมิสา' เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ถูกเรียกว่า พลังจิต
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 5 -50%
เมื่อรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีเทาเลื่อนเข้ามาจอดใต้ต้นราชพฤกษ์ข้างรถฟอร์ดสีขาวที่จอดทิ้งไว้ สุวรรณก็ออกจากจี้เสน่ห์จันทน์ทอง ลอยขึ้นบ้านไปก่อน ขณะที่ดมิสายืนรอเถลิงเกียรติหยิบกระเป๋าสัมภาระออกมาให้ หญิงสาวรับกระเป๋ามาถือไว้ และรอจนเถลิงเกียรติปิดท้ายรถจึงถาม
“จะขึ้นบ้านจริงๆ เหรอ ไปรอที่คลินิกก่อนก็ได้นะ”
“โอ๊ย แก” เมื่อออกจากเขตวัด เถลิงเกียรติก็กลับมาเป็นตัวของตัว เองเต็มที่ “ขอฉันเข้าไปนอนเล่นรอแกที่เปลญวนใต้ถุนบ้านหน่อยเถอะ อย่าเพิ่งไล่ฉันไปทำงานเลย ฉันเหนื่อย ฉันง่วง ฉันอยากหลับสักงีบ”
“ก็ได้ๆ” ดมิสารับปากอย่างโล่งใจ “คิดว่าแกจะขึ้นบนบ้านไง แกก็รู้ว่ายายฉันไม่ปกติ”
“ฉันรู๊” เถลิงเกียรติว่าเสียงสูง
“หวังว่ายายแกจะไม่เดินลงมาเจอฉันแล้วกัน ขี้เกียจปั้นหน้า แล้วนี่พ่อสมคิดไปไหนนะ จะเรียกมาบีบมานวดสักหน่อย”
“พ่อสมคิด? ลุงถนอมน่ะเหรอ” ดมิสาหมายถึงบิดาของสมคิดที่ชื่อถนอม ทำงานเป็นคนขับรถของเจิมจันทร์ แต่ก่อนตอนที่อยู่กินกับสายพิณใหม่ๆ ถนอมก็ทำงานหลายอย่างทั้งเป็นคนสวนและคนขับรถ กระทั่งสมคิดโตเป็นหนุ่มจึงทำงานหนักๆ แทนบิดา ทุกวันนี้ถนอมก็สบายขึ้นมาก
“เอ๊ะ ยายมิ้งค์!”
ดมิสาหัวเราะขบขัน ลูบแขนปลอบเพื่อนรักในขณะที่อีกฝ่ายกระเง้า กระงอดเดินงอนเข้าไปใต้ถุนบ้านแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเปลญวน ดมิสาจึงถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินขึ้นบ้านไป หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่ห้องนอนของเจิมจันทร์ปิดประตูสนิทเงียบ นั่นแปลได้สองอย่างคือ หนึ่ง ยายไม่อยู่บ้าน ซึ่งน้อยนักจะเป็นไปได้ ฉะนั้นที่เป็นไปได้มากกว่าคือ สอง ยายสวดมนต์อยู่ในห้องพระ
ดมิสารีบเดินผ่านห้องของเจิมจันทร์ด้วยฝีเท้าเบายิ่งเพื่อเข้าห้องตัว เองไปทักทายบุญเลิศ ก่อนล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยไม่รู้เลยว่าขณะ นี้ในห้องพระของเจิมจันทร์ สุวรรณนั่งอยู่ตรงหน้าหญิงชรา รายงานให้เจิมจันทร์ฟังว่าดมิสาไปทำอะไรที่ไหนมาบ้างระหว่างไม่ได้กลับมานอนบ้านสองคืน
‘...พอสึกจากชีพราหมณ์แล้ว พี่กั้งก็พาพี่มิ้งค์มาส่งที่บ้านคับ คุณ ท่าน’ กุมารน้อยก้มหน้าก้มตารายงาน ไม่กล้าสบตาเจิมจันทร์ เพราะหญิงชราผู้นี้มีกลิ่นอายของความเคียดแค้นชิงชังทุกสิ่งอย่างบนโลก และกลิ่นอายความตายรายล้อมจนสุวรรณอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่ต้องเข้ามาในห้องพระแห่งนี้
“อย่างนั้นรึ” เจิมจันทร์มีสีหน้าครุ่นคิด “นี่แกไม่ได้โกหกอะไรข้าใช่ไหม ไอ้สุวรรณ”
สุวรรณเงยหน้าขึ้นมองสบตา ตัวสั่น
‘ไม่คับ ไม่กล้าคับ’ พรายกุมารก้มลงกราบด้วยความกลัว
‘สุวรรณกลัวถูกทำโทษคับ สุวรรณไม่กล้าขัดคำสั่งคุณท่านคับ’
เจิมจันทร์เพ่งมองร่างเล็กของวิญญาณเด็กชายอย่างพินิจ ก่อนเอ่ยปากอนุญาตให้สุวรรณออกไปทำงานต่อได้ เมื่อร่างโปร่งใสที่มีแสงรอบตัวสีขาวแตกต่างจากวิญญาณบริวารดวงอื่นของนางจางหายไป หญิงชราจึงทุบกำปั้นลงกับพื้นข้างตัวอย่างลุแก่โทสะ
ระยำ!!!
นางสบถในใจเมื่อคิดถึงอีกุมารีงูผีตนก่อน
วันที่ไอ้หมาบุญเลิศถูกฆ่า วันเดียวกับที่ดมิสาโกรธจนขาดสติและเกือบฆ่าคนตายด้วยเช่นกัน เจิมจันทร์นั้นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปิดปากไอ้คนงานต่างด้าวสองคนนั้น คนแรกที่ถูกฟ้าผ่ามันรีบเผ่นกลับประเทศหลังเจิมจันทร์เอาเงินฟาดหัวไป เรื่องเหมือนจะจบง่ายๆ หากไม่ใช่ว่าคนงานอีกคนที่รอดตายเสือกพูดไปทั่วว่าหลานสาวของตระกูลเสน่ห์จันทน์เป็นลูกแม่มด!
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ ทุกคนคิดว่าไอ้คนงานนั่นมันบ้าเพราะตกใจที่เกือบถูกฟ้าผ่า แต่เจิมจันทร์จะปล่อยให้ไอ้เวรตะไลนั่นปากพล่อยแบบนี้ต่อ ไปไม่ได้ หญิงชราสืบจนรู้ว่ามันมีเมียท้องแก่ จึงส่งผีรับใช้ไปสิงเมียของมัน แล้วสั่งให้กระโดดลงมาจากชั้นสามของตึกแถวที่กำลังก่อสร้าง แน่นอนว่าอีนั่นตายคาที่! เจิมจันทร์ร่ายมนตร์บังตาไม่ให้ใครเห็นตน จากนั้นจึงเก็บศพเด็กที่ทะลุออกมานอนตายข้างตัวแม่ใส่ถุง แล้วนำศพอีเด็กนั่นกลับมาทำพิธี ตั้งชื่อมันว่ากุมารีเพราะมันเป็นเด็กผู้หญิง
ไม่มีใครสงสัยเรื่องที่ศพเด็กหายไป ต่างก็คิดว่ามีสุนัขหรือสัตว์ในป่าคาบเข้าป่าไปกินแล้วเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนกลางคืน และตอนนั้นหน้าปากซอยขุนนางยังไม่คึกคักแบบตอนนี้ แน่นอนว่าเจ้าของตึกแถวต้องใช้เงินก้อนใหญ่ปิดข่าว เรื่องเล่าลือจึงเงียบไปได้
แต่แค่ไม่กี่วันหลังจากนั้น คนงานที่ถูกตราหน้าว่าไอ้บ้า ก็กระโดดตึกตายตามเมียไปอีกคนอย่างเป็นปริศนา... เป็นปริศนากับคนอื่น แต่ไม่ใช่กับยายเจิมที่ส่งผีไปสิงมันแล้วกระโดดลงมาแบบเดียวกับที่ฆ่าเมียและลูกมันให้ตาย!
เจิมจันทร์เก็บวิญญาณของสองสามีภรรยาคู่นั้นมาเป็นบริวารรับใช้เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ถูกนางฆ่า แต่พวกมันก็กลับเป็นวิญญาณชั้นเลว พยายามหาทางแก้แค้นจะฆ่านางตลอดเวลา นางจึงขังพวกมันไว้ในไห ทำพิธีกักวิญญาณพวกมันไว้ตลอดกาล! โดยกุมารีไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย มันไม่รู้ว่าพ่อแม่ของมันเป็นใคร มันเกิดมาจากอะไร มันรู้แค่ว่าเจิมจันทร์เป็นเจ้านาย เป็นคนออกคำสั่ง
แต่เชื้อก็ไม่ทิ้งแถว
เจิมจันทร์ไม่คิดเลยว่าลูกไม้จะหล่นใต้ต้น!
อีกุมารีจอมมารยาสาไถย! หลอกนางมาตลอดว่าดมิสามันแรด ร่าน อยากมีผัวจนตัวสั่น มันเสี้ยมยุต่างๆ นานาว่า ดมิสาอ่อยผู้ชายคนนั้น ไปหลับนอนกับผู้ชายคนนี้ ล่าสุดก็บอกว่าดมิสาแอบมีอะไรกับบิดาของคนไข้เด็กในห้องตรวจ ตอนนั้นเจิมจันทร์โกรธจนจับดมิสามัดกับเสาบ้านแล้วตีไม่ยั้ง โดยไม่ฟังคำแก้ต่างของหลานสาวเลย คิดแต่ว่าคนทำผิด ใครมันจะยอมรับผิด
แต่เมื่อสุวรรณทำหน้าที่แทนกุมารี เรื่องราวของดมิสาในแต่ละวันกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน ดมิสาใช้ชีวิตปกติ ไม่มีคนรัก ไม่ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง จะว่ากุมารสุวรรณโกหก มันก็ขี้ขึ้นสมอง กลัวหมดทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่น่าเป็นไปได้
เพราะฉะนั้นที่เป็นไปได้ที่สุดก็คืออีกุมารี...มันตอแหลใส่ไคล้ดมิสาเพื่อของเซ่นเป็นรางวัลเป็นครั้งคราวยามมันทำหน้าที่ได้ดี!
“พวกแกเห็นหรือไม่ว่าอีกุมารีมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!”
หญิงชราถามอย่างบันดาลโทสะ ก่อนหน้านี้นางคิดว่าแก้วแตก อีกุ มารีก็คงเป็นอิสระหนีไปแล้ว เจิมจันทร์มีผีบริวารมากมายนับไม่ถ้วนและได้สุวรรณมาแล้วจึงไม่สนใจจะตามหา แต่ตอนนี้นางต้องการตัวมันมาลงโทษให้มันได้เข้าใจว่าเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์ ไม่ใช่ควายให้มันสนตะพายเล่น!
‘อีฉันเห็นเจ้าค่ะ’ วิญญาณรับใช้ตนหนึ่ง สวมผ้าแถบแบบทาสสมัยรัชกาลที่ห้า ลอยล่องลงมานั่งตัวงอเพื่อทำความเคารพเจ้านาย
‘อีกุมารีมันตายเสียแล้วเจ้าค่ะ พระดินทำให้มันตาย’
เจิมจันทร์สบถหยาบคาย
“เป็นพระเป็นเจ้า ทำไมชอบมาเสือกเรื่องของกูนัก! ไอ้พระดลฤทธิ์ตายไปเสียได้ ยังมีพระลูกชายมันมาคอยวุ่นวายกับเรื่องในเรือนกูอีก!”
วิญญาณรับใช้ยังคงก้มศีรษะ เจิมจันทร์รู้ดีว่ามันต้องการอะไร จึงหยิบเนื้อสดๆ จากในพานสีทองโยนออกไปให้
“เอ้า รางวัลของแก”
วิญญาณสาวแปรเปลี่ยนจากร่างอวบท้วมในชุดทาส กลายเป็นผอมแห้งหิวโหยเนื้อหนังลอกร่อนจนแทบจะเหลือแต่กระดูก แม้ผ้าแถบยังหลุดลุ่ยออกจากกายเผยให้เห็นร่างกายเน่าเหม็นน่าสยดสยอง
มันกู่ร้องอย่างดีใจก่อนหยิบชิ้นเนื้อเข้าปาก กัดกินอย่างเอร็ดอร่อย และคอยต่อสู้กับวิญญาณอื่นที่พยายามมายื้อแย่ง แต่เพราะมันเป็นเจ้าของชิ้นเนื้อนี้อย่างเต็มภาคภูมิ วิญญาณอื่นจึงไม่สามารถดึงชิ้นเนื้อออกจากมือของมันได้
เจิมจันทร์ปรายตามองความวุ่นวายตรงหน้า...พวกผีไพร่พวกนี้วันหนึ่งที่นางอ่อนแรงลงก็คงเป็นเหมือนชิ้นเนื้อชิ้นนั้น ถูกพวกมันฉีกกระชากดื่มกินเลือดเนื้อจนไม่เหลือแม้กระดูก
ไม่มีทาง! นางต้องรีบทำอะไรสักอย่าง นอกจากดีเลิศและดมิสา เจิมจันทร์ยังมีหลานสาวอีกสองคนซึ่งก็คือญาตาวีและญานีน และตอนนี้คนที่นางหมายมั่น คือ ญานีน...หลานสาวคนเล็กสุดของนาง ญานีนต้องกลายเป็นทายาทของนางให้ได้โดยไว นางจะได้ตายอย่างสงบ
ไม่ใช่ตายอย่างน่าสมเพช วิบัติฉิบหายเพราะลูกหลานดังที่พระดลฤทธิ์เคยทำนายไว้ก่อนมรณภาพ เพราะคนอย่างเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์ จะไม่มีวันยอมให้คำทำนายนั้นเป็นจริงเด็ดขาด
อย่างไรเสียก็ไม่มีวัน!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“จะขึ้นบ้านจริงๆ เหรอ ไปรอที่คลินิกก่อนก็ได้นะ”
“โอ๊ย แก” เมื่อออกจากเขตวัด เถลิงเกียรติก็กลับมาเป็นตัวของตัว เองเต็มที่ “ขอฉันเข้าไปนอนเล่นรอแกที่เปลญวนใต้ถุนบ้านหน่อยเถอะ อย่าเพิ่งไล่ฉันไปทำงานเลย ฉันเหนื่อย ฉันง่วง ฉันอยากหลับสักงีบ”
“ก็ได้ๆ” ดมิสารับปากอย่างโล่งใจ “คิดว่าแกจะขึ้นบนบ้านไง แกก็รู้ว่ายายฉันไม่ปกติ”
“ฉันรู๊” เถลิงเกียรติว่าเสียงสูง
“หวังว่ายายแกจะไม่เดินลงมาเจอฉันแล้วกัน ขี้เกียจปั้นหน้า แล้วนี่พ่อสมคิดไปไหนนะ จะเรียกมาบีบมานวดสักหน่อย”
“พ่อสมคิด? ลุงถนอมน่ะเหรอ” ดมิสาหมายถึงบิดาของสมคิดที่ชื่อถนอม ทำงานเป็นคนขับรถของเจิมจันทร์ แต่ก่อนตอนที่อยู่กินกับสายพิณใหม่ๆ ถนอมก็ทำงานหลายอย่างทั้งเป็นคนสวนและคนขับรถ กระทั่งสมคิดโตเป็นหนุ่มจึงทำงานหนักๆ แทนบิดา ทุกวันนี้ถนอมก็สบายขึ้นมาก
“เอ๊ะ ยายมิ้งค์!”
ดมิสาหัวเราะขบขัน ลูบแขนปลอบเพื่อนรักในขณะที่อีกฝ่ายกระเง้า กระงอดเดินงอนเข้าไปใต้ถุนบ้านแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเปลญวน ดมิสาจึงถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินขึ้นบ้านไป หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่ห้องนอนของเจิมจันทร์ปิดประตูสนิทเงียบ นั่นแปลได้สองอย่างคือ หนึ่ง ยายไม่อยู่บ้าน ซึ่งน้อยนักจะเป็นไปได้ ฉะนั้นที่เป็นไปได้มากกว่าคือ สอง ยายสวดมนต์อยู่ในห้องพระ
ดมิสารีบเดินผ่านห้องของเจิมจันทร์ด้วยฝีเท้าเบายิ่งเพื่อเข้าห้องตัว เองไปทักทายบุญเลิศ ก่อนล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยไม่รู้เลยว่าขณะ นี้ในห้องพระของเจิมจันทร์ สุวรรณนั่งอยู่ตรงหน้าหญิงชรา รายงานให้เจิมจันทร์ฟังว่าดมิสาไปทำอะไรที่ไหนมาบ้างระหว่างไม่ได้กลับมานอนบ้านสองคืน
‘...พอสึกจากชีพราหมณ์แล้ว พี่กั้งก็พาพี่มิ้งค์มาส่งที่บ้านคับ คุณ ท่าน’ กุมารน้อยก้มหน้าก้มตารายงาน ไม่กล้าสบตาเจิมจันทร์ เพราะหญิงชราผู้นี้มีกลิ่นอายของความเคียดแค้นชิงชังทุกสิ่งอย่างบนโลก และกลิ่นอายความตายรายล้อมจนสุวรรณอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่ต้องเข้ามาในห้องพระแห่งนี้
“อย่างนั้นรึ” เจิมจันทร์มีสีหน้าครุ่นคิด “นี่แกไม่ได้โกหกอะไรข้าใช่ไหม ไอ้สุวรรณ”
สุวรรณเงยหน้าขึ้นมองสบตา ตัวสั่น
‘ไม่คับ ไม่กล้าคับ’ พรายกุมารก้มลงกราบด้วยความกลัว
‘สุวรรณกลัวถูกทำโทษคับ สุวรรณไม่กล้าขัดคำสั่งคุณท่านคับ’
เจิมจันทร์เพ่งมองร่างเล็กของวิญญาณเด็กชายอย่างพินิจ ก่อนเอ่ยปากอนุญาตให้สุวรรณออกไปทำงานต่อได้ เมื่อร่างโปร่งใสที่มีแสงรอบตัวสีขาวแตกต่างจากวิญญาณบริวารดวงอื่นของนางจางหายไป หญิงชราจึงทุบกำปั้นลงกับพื้นข้างตัวอย่างลุแก่โทสะ
ระยำ!!!
นางสบถในใจเมื่อคิดถึงอีกุมารีงูผีตนก่อน
วันที่ไอ้หมาบุญเลิศถูกฆ่า วันเดียวกับที่ดมิสาโกรธจนขาดสติและเกือบฆ่าคนตายด้วยเช่นกัน เจิมจันทร์นั้นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะปิดปากไอ้คนงานต่างด้าวสองคนนั้น คนแรกที่ถูกฟ้าผ่ามันรีบเผ่นกลับประเทศหลังเจิมจันทร์เอาเงินฟาดหัวไป เรื่องเหมือนจะจบง่ายๆ หากไม่ใช่ว่าคนงานอีกคนที่รอดตายเสือกพูดไปทั่วว่าหลานสาวของตระกูลเสน่ห์จันทน์เป็นลูกแม่มด!
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ ทุกคนคิดว่าไอ้คนงานนั่นมันบ้าเพราะตกใจที่เกือบถูกฟ้าผ่า แต่เจิมจันทร์จะปล่อยให้ไอ้เวรตะไลนั่นปากพล่อยแบบนี้ต่อ ไปไม่ได้ หญิงชราสืบจนรู้ว่ามันมีเมียท้องแก่ จึงส่งผีรับใช้ไปสิงเมียของมัน แล้วสั่งให้กระโดดลงมาจากชั้นสามของตึกแถวที่กำลังก่อสร้าง แน่นอนว่าอีนั่นตายคาที่! เจิมจันทร์ร่ายมนตร์บังตาไม่ให้ใครเห็นตน จากนั้นจึงเก็บศพเด็กที่ทะลุออกมานอนตายข้างตัวแม่ใส่ถุง แล้วนำศพอีเด็กนั่นกลับมาทำพิธี ตั้งชื่อมันว่ากุมารีเพราะมันเป็นเด็กผู้หญิง
ไม่มีใครสงสัยเรื่องที่ศพเด็กหายไป ต่างก็คิดว่ามีสุนัขหรือสัตว์ในป่าคาบเข้าป่าไปกินแล้วเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนกลางคืน และตอนนั้นหน้าปากซอยขุนนางยังไม่คึกคักแบบตอนนี้ แน่นอนว่าเจ้าของตึกแถวต้องใช้เงินก้อนใหญ่ปิดข่าว เรื่องเล่าลือจึงเงียบไปได้
แต่แค่ไม่กี่วันหลังจากนั้น คนงานที่ถูกตราหน้าว่าไอ้บ้า ก็กระโดดตึกตายตามเมียไปอีกคนอย่างเป็นปริศนา... เป็นปริศนากับคนอื่น แต่ไม่ใช่กับยายเจิมที่ส่งผีไปสิงมันแล้วกระโดดลงมาแบบเดียวกับที่ฆ่าเมียและลูกมันให้ตาย!
เจิมจันทร์เก็บวิญญาณของสองสามีภรรยาคู่นั้นมาเป็นบริวารรับใช้เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ถูกนางฆ่า แต่พวกมันก็กลับเป็นวิญญาณชั้นเลว พยายามหาทางแก้แค้นจะฆ่านางตลอดเวลา นางจึงขังพวกมันไว้ในไห ทำพิธีกักวิญญาณพวกมันไว้ตลอดกาล! โดยกุมารีไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย มันไม่รู้ว่าพ่อแม่ของมันเป็นใคร มันเกิดมาจากอะไร มันรู้แค่ว่าเจิมจันทร์เป็นเจ้านาย เป็นคนออกคำสั่ง
แต่เชื้อก็ไม่ทิ้งแถว
เจิมจันทร์ไม่คิดเลยว่าลูกไม้จะหล่นใต้ต้น!
อีกุมารีจอมมารยาสาไถย! หลอกนางมาตลอดว่าดมิสามันแรด ร่าน อยากมีผัวจนตัวสั่น มันเสี้ยมยุต่างๆ นานาว่า ดมิสาอ่อยผู้ชายคนนั้น ไปหลับนอนกับผู้ชายคนนี้ ล่าสุดก็บอกว่าดมิสาแอบมีอะไรกับบิดาของคนไข้เด็กในห้องตรวจ ตอนนั้นเจิมจันทร์โกรธจนจับดมิสามัดกับเสาบ้านแล้วตีไม่ยั้ง โดยไม่ฟังคำแก้ต่างของหลานสาวเลย คิดแต่ว่าคนทำผิด ใครมันจะยอมรับผิด
แต่เมื่อสุวรรณทำหน้าที่แทนกุมารี เรื่องราวของดมิสาในแต่ละวันกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน ดมิสาใช้ชีวิตปกติ ไม่มีคนรัก ไม่ทำตัวออกนอกลู่นอกทาง จะว่ากุมารสุวรรณโกหก มันก็ขี้ขึ้นสมอง กลัวหมดทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่น่าเป็นไปได้
เพราะฉะนั้นที่เป็นไปได้ที่สุดก็คืออีกุมารี...มันตอแหลใส่ไคล้ดมิสาเพื่อของเซ่นเป็นรางวัลเป็นครั้งคราวยามมันทำหน้าที่ได้ดี!
“พวกแกเห็นหรือไม่ว่าอีกุมารีมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน!”
หญิงชราถามอย่างบันดาลโทสะ ก่อนหน้านี้นางคิดว่าแก้วแตก อีกุ มารีก็คงเป็นอิสระหนีไปแล้ว เจิมจันทร์มีผีบริวารมากมายนับไม่ถ้วนและได้สุวรรณมาแล้วจึงไม่สนใจจะตามหา แต่ตอนนี้นางต้องการตัวมันมาลงโทษให้มันได้เข้าใจว่าเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์ ไม่ใช่ควายให้มันสนตะพายเล่น!
‘อีฉันเห็นเจ้าค่ะ’ วิญญาณรับใช้ตนหนึ่ง สวมผ้าแถบแบบทาสสมัยรัชกาลที่ห้า ลอยล่องลงมานั่งตัวงอเพื่อทำความเคารพเจ้านาย
‘อีกุมารีมันตายเสียแล้วเจ้าค่ะ พระดินทำให้มันตาย’
เจิมจันทร์สบถหยาบคาย
“เป็นพระเป็นเจ้า ทำไมชอบมาเสือกเรื่องของกูนัก! ไอ้พระดลฤทธิ์ตายไปเสียได้ ยังมีพระลูกชายมันมาคอยวุ่นวายกับเรื่องในเรือนกูอีก!”
วิญญาณรับใช้ยังคงก้มศีรษะ เจิมจันทร์รู้ดีว่ามันต้องการอะไร จึงหยิบเนื้อสดๆ จากในพานสีทองโยนออกไปให้
“เอ้า รางวัลของแก”
วิญญาณสาวแปรเปลี่ยนจากร่างอวบท้วมในชุดทาส กลายเป็นผอมแห้งหิวโหยเนื้อหนังลอกร่อนจนแทบจะเหลือแต่กระดูก แม้ผ้าแถบยังหลุดลุ่ยออกจากกายเผยให้เห็นร่างกายเน่าเหม็นน่าสยดสยอง
มันกู่ร้องอย่างดีใจก่อนหยิบชิ้นเนื้อเข้าปาก กัดกินอย่างเอร็ดอร่อย และคอยต่อสู้กับวิญญาณอื่นที่พยายามมายื้อแย่ง แต่เพราะมันเป็นเจ้าของชิ้นเนื้อนี้อย่างเต็มภาคภูมิ วิญญาณอื่นจึงไม่สามารถดึงชิ้นเนื้อออกจากมือของมันได้
เจิมจันทร์ปรายตามองความวุ่นวายตรงหน้า...พวกผีไพร่พวกนี้วันหนึ่งที่นางอ่อนแรงลงก็คงเป็นเหมือนชิ้นเนื้อชิ้นนั้น ถูกพวกมันฉีกกระชากดื่มกินเลือดเนื้อจนไม่เหลือแม้กระดูก
ไม่มีทาง! นางต้องรีบทำอะไรสักอย่าง นอกจากดีเลิศและดมิสา เจิมจันทร์ยังมีหลานสาวอีกสองคนซึ่งก็คือญาตาวีและญานีน และตอนนี้คนที่นางหมายมั่น คือ ญานีน...หลานสาวคนเล็กสุดของนาง ญานีนต้องกลายเป็นทายาทของนางให้ได้โดยไว นางจะได้ตายอย่างสงบ
ไม่ใช่ตายอย่างน่าสมเพช วิบัติฉิบหายเพราะลูกหลานดังที่พระดลฤทธิ์เคยทำนายไว้ก่อนมรณภาพ เพราะคนอย่างเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์ จะไม่มีวันยอมให้คำทำนายนั้นเป็นจริงเด็ดขาด
อย่างไรเสียก็ไม่มีวัน!
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ธ.ค. 2562, 19:37:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ธ.ค. 2562, 19:37:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 632
<< บทที่ 4 -100% | บทที่ 5 -100% >> |