พิษเพลิงริษยา
เธอคือสาวน้อยผู้ตกอยู่ในห้วงกองเพลิงแห่งความริษยา มีแต่เขาเท่านั้น ทีช่วยเหลือได้ หากแต่...?
Tags: พี่น้องต่างมารดา เพชรงามกับน้ำพลอย
ตอน: ตอนที่ 4
เขาหันถามเด็กหญิงที่ประคองแก้วน้ำมาเสริฟให้เพราะเห็นว่าเธอก็เป็นลูกสาวของนายพสิษฐ์เหมือนกันเพราะฉะนั้นเพชรงามได้อะไรเธอก็ควรได้อย่างนั้นด้วย
“ อย่างนังพลอยจะต้องไปให้อะไรมันอีกค่ะ แค่ที่คุ้มกะลาหัวให้ข้าวกินสามมื้อให้เรียนหนังสือแค่นั้นก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว อ๋อ แต่เดี๋ยวบ่ายๆฉันจะค้นเสื้อผ้าเก่าๆที่ฉันไม่เอาแล้วมาให้แกก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าปีใหม่ทั้งทีไม่ได้อะไรกับเขาเลย”
เพชรงามทำเสียงใส่อารมณ์หงุดหงิดกับเขา ก่อนจะหันไปกล่าวกับน้องสาวต่างมารดาอย่างชิงชังระคนสมเพชแต่ไม่เวทนา
เขานึกเปรียบเทียบรูปร่างที่โตเป็นสาวเต็มตัวของเพชรงามกับรูปร่างผอมแห้งเหมือนเด็กขาดสารอาหารของน้ำพลอยแล้วก็นึกไม่ออกว่าเธอจะเอาเสื้อผ้าเก่าที่เพชรงามให้ไปทำอะไรได้ แต่เขาก็ไมอยากพูดอะไรให้เพชรงามไม่พอใจอีก
“ แต่พี่ก็มีของขวัญมาให้พลอยด้วยน่ะ”
เขาว่าแล้วก็ส่งกล่องของขวัญใบย่อมซึ่งเป็นหนึ่งในสองกล่องที่เขาหอบมาให้แก่เด็กหญิง และมันก็ทำให้เพชรงามไม่พอใจขึ้นมาอีก
“ พี่ธี ทำไมต้องไปให้อะไรมันด้วยค่ะ”
“ ก็ปีใหม่ทั้งที ให้ของขวัญน้องบ้างจะเป็นไร”
เขาเสียงอ่อยเพราะกลัวคนรักจะโกรธ
“ แล้วให้อะไรมันไปค่ะ”
เพชรงามกระชากเสียงถามอย่างไม่กลัวเสียมารยาท
“ ก็แค่ตุ๊กตาตัวเล็กๆเท่านั้น นี่ไงตัวใหญ่กว่าสวยกว่าพี่เอาไว้ให้เพชร”
นั้นเองเพชรงามจึงคลายความขึ้งโกรธลง เธอไล่น้องสาวต่างมารดาไปให้พ้นหน้า เด็กหญิงสบตากับเขาอย่างขอบคุณก่อนอุ้มกล่องของขวัญที่เขาให้เลี่ยงออกไป โดยที่เขาก็ยังทันได้เห็นประกายความดีใจจากแววตาที่เคยแต่อมโศกอยู่เป็นนิจนั้น ซึ่งเขายังจำติดตาได้มาจนถึงบัดนี้
“ นี่ไงชิ้นที่ดีที่สุดพี่เก็บไว้ให้เพชร”
เขาพูดเอาใจพร้อมทั้งส่งกล่องของขวัญไปให้ เพชรงามจึงหัวเราะออกมาได้
“ขอบคุณค่ะที่รู้ใจ ไม่ว่าของไม่ว่าคนสำหรับเพชรต้องดีที่สุดเท่านั้น เพราะถ้าไม่ดีพอเพชรก็ไม่รับนะ”
เธอกล่าวพร้อมกับยักไหล่ด้วยกิริยาเย่อหยิ่งและถือดี
ธีรไนยยิ้มเยาะหยันให้กับเจ้าลาโง่ตัวนั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีพอสำหรับนางสาวเพชรงามทันที เมื่อพ่อกับแม่ของเขาได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตลงทั้งสองคน เมื่อสิ้นพ่อกับแม่นายพสิษฐ์ก็บอกกับเขาว่าพ่อได้ขายหุ้นทั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัทที่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาให้กับตนจนหมดแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน
เขามีเอกสารมาอ้าง แต่ธีรไนยมั่นใจว่าเป็นของปลอมเพราะพ่อเคยบอกไว้ว่าจะไม่มีวันขายหุ้นในบริษัทเด็ดขาดเพราะมันเป็นสิ่งที่ท่านได้ก่อตั้งมันขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงแต่เขาซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบดีจะมีปัญญาอะไรไปต่อกรกับนักธุรกิจใหญ่ที่เหลี่ยมจัดอย่างนายพสิษฐ์
และพร้อมกันนั้นเพชรงามก็ได้มาบอกเลิกเขาด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่ใช่คนดีที่สุดในสายตาของเธออีกต่อไปแล้ว เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่เหลือแต่ตัว บัดซบ...คนพวกนั้นบูชาทรัพย์สมบัตินอกกายเป็นพระเจ้ากระมัง...
เมื่อเกิดมรสุมอันเลวร้ายครั้งใหญ่ในชีวิตคราวนั้นเขาก็ได้บอกขายบ้านซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ เพื่อจัดการงานศพของพ่อกับแม่ให้สมเกียรติ ก่อนนำส่วนที่เหลือพาตัวเองหนีมรสุมชีวิตที่ซัดเข้าใส่แบบไม่ยั้งไปจากเมืองไทยเมื่อสิบปีที่ผ่านมา
ถือว่าโชคของเขายังดีเมื่อไปพบกับชายชราวัยเจ็ดสิบหกปีชาวอเมริกันผู้มีน้ำใจรับเขาเข้าทำงาน ก่อนรับเป็นลูกบุญธรรมในเวลาต่อมาเพราะเขาไม่มีลูก เคยมีภรรยาก็เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้นแล้ว
“ อย่างนังพลอยจะต้องไปให้อะไรมันอีกค่ะ แค่ที่คุ้มกะลาหัวให้ข้าวกินสามมื้อให้เรียนหนังสือแค่นั้นก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว อ๋อ แต่เดี๋ยวบ่ายๆฉันจะค้นเสื้อผ้าเก่าๆที่ฉันไม่เอาแล้วมาให้แกก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าปีใหม่ทั้งทีไม่ได้อะไรกับเขาเลย”
เพชรงามทำเสียงใส่อารมณ์หงุดหงิดกับเขา ก่อนจะหันไปกล่าวกับน้องสาวต่างมารดาอย่างชิงชังระคนสมเพชแต่ไม่เวทนา
เขานึกเปรียบเทียบรูปร่างที่โตเป็นสาวเต็มตัวของเพชรงามกับรูปร่างผอมแห้งเหมือนเด็กขาดสารอาหารของน้ำพลอยแล้วก็นึกไม่ออกว่าเธอจะเอาเสื้อผ้าเก่าที่เพชรงามให้ไปทำอะไรได้ แต่เขาก็ไมอยากพูดอะไรให้เพชรงามไม่พอใจอีก
“ แต่พี่ก็มีของขวัญมาให้พลอยด้วยน่ะ”
เขาว่าแล้วก็ส่งกล่องของขวัญใบย่อมซึ่งเป็นหนึ่งในสองกล่องที่เขาหอบมาให้แก่เด็กหญิง และมันก็ทำให้เพชรงามไม่พอใจขึ้นมาอีก
“ พี่ธี ทำไมต้องไปให้อะไรมันด้วยค่ะ”
“ ก็ปีใหม่ทั้งที ให้ของขวัญน้องบ้างจะเป็นไร”
เขาเสียงอ่อยเพราะกลัวคนรักจะโกรธ
“ แล้วให้อะไรมันไปค่ะ”
เพชรงามกระชากเสียงถามอย่างไม่กลัวเสียมารยาท
“ ก็แค่ตุ๊กตาตัวเล็กๆเท่านั้น นี่ไงตัวใหญ่กว่าสวยกว่าพี่เอาไว้ให้เพชร”
นั้นเองเพชรงามจึงคลายความขึ้งโกรธลง เธอไล่น้องสาวต่างมารดาไปให้พ้นหน้า เด็กหญิงสบตากับเขาอย่างขอบคุณก่อนอุ้มกล่องของขวัญที่เขาให้เลี่ยงออกไป โดยที่เขาก็ยังทันได้เห็นประกายความดีใจจากแววตาที่เคยแต่อมโศกอยู่เป็นนิจนั้น ซึ่งเขายังจำติดตาได้มาจนถึงบัดนี้
“ นี่ไงชิ้นที่ดีที่สุดพี่เก็บไว้ให้เพชร”
เขาพูดเอาใจพร้อมทั้งส่งกล่องของขวัญไปให้ เพชรงามจึงหัวเราะออกมาได้
“ขอบคุณค่ะที่รู้ใจ ไม่ว่าของไม่ว่าคนสำหรับเพชรต้องดีที่สุดเท่านั้น เพราะถ้าไม่ดีพอเพชรก็ไม่รับนะ”
เธอกล่าวพร้อมกับยักไหล่ด้วยกิริยาเย่อหยิ่งและถือดี
ธีรไนยยิ้มเยาะหยันให้กับเจ้าลาโง่ตัวนั้น เพราะหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีพอสำหรับนางสาวเพชรงามทันที เมื่อพ่อกับแม่ของเขาได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตลงทั้งสองคน เมื่อสิ้นพ่อกับแม่นายพสิษฐ์ก็บอกกับเขาว่าพ่อได้ขายหุ้นทั้งห้าสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัทที่ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาให้กับตนจนหมดแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน
เขามีเอกสารมาอ้าง แต่ธีรไนยมั่นใจว่าเป็นของปลอมเพราะพ่อเคยบอกไว้ว่าจะไม่มีวันขายหุ้นในบริษัทเด็ดขาดเพราะมันเป็นสิ่งที่ท่านได้ก่อตั้งมันขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงแต่เขาซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบดีจะมีปัญญาอะไรไปต่อกรกับนักธุรกิจใหญ่ที่เหลี่ยมจัดอย่างนายพสิษฐ์
และพร้อมกันนั้นเพชรงามก็ได้มาบอกเลิกเขาด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่ใช่คนดีที่สุดในสายตาของเธออีกต่อไปแล้ว เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่เหลือแต่ตัว บัดซบ...คนพวกนั้นบูชาทรัพย์สมบัตินอกกายเป็นพระเจ้ากระมัง...
เมื่อเกิดมรสุมอันเลวร้ายครั้งใหญ่ในชีวิตคราวนั้นเขาก็ได้บอกขายบ้านซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ เพื่อจัดการงานศพของพ่อกับแม่ให้สมเกียรติ ก่อนนำส่วนที่เหลือพาตัวเองหนีมรสุมชีวิตที่ซัดเข้าใส่แบบไม่ยั้งไปจากเมืองไทยเมื่อสิบปีที่ผ่านมา
ถือว่าโชคของเขายังดีเมื่อไปพบกับชายชราวัยเจ็ดสิบหกปีชาวอเมริกันผู้มีน้ำใจรับเขาเข้าทำงาน ก่อนรับเป็นลูกบุญธรรมในเวลาต่อมาเพราะเขาไม่มีลูก เคยมีภรรยาก็เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้นแล้ว
karntinat
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ต.ค. 2562, 13:35:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2562, 13:35:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 517
<< ตอนที่ 3 |