โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร

'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ


******************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!

***************************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง

ตอน: บทที่ 12 -100%

ที่ประชุมของกรรมการหมู่บ้านวันนี้คือร้านของเกดแก้วนั่นเอง เพื่อส่วนรวม วันนี้หญิงสาวยอมปิดร้านครึ่งวัน และจัดแจงจัดที่ทางภาย ในร้านให้กลายเป็นที่ประชุมย่อยๆ ตัวเธอเองก็ขึ้นนั่งโต๊ะยาวร่วมกับคณะ กรรมการจัดงาน อันได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตัวแทนจากอุทยานฯ ซึ่งวันนี้ก็คือภพพิชัย และบุคคลสำคัญสองคนที่จะขาดเสียมิได้คือเจ้าของงานครั้งนี้...นทีและภาณุรุจนั่งติดกัน ทั้งคู่ดูมีสง่าราศีกว่าทุกคนในห้องอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อชดกับพิมริสาเข้าไป ทุกคนก็พร้อมอยู่ในที่ประชุมแล้ว สายตาทุกคู่มองมาที่หญิงสาวเป็นจุดเดียว จนผู้มาใหม่รู้สึกเก้อเขิน เธอยกมือไหว้ผู้ใหญ่ในที่ประชุมแล้วเข้าไปนั่งรวมๆ กับตัวแทนชาวบ้านซึ่งวันนี้ก็มากันหนาตานับยี่สิบคนได้

การก้าวเข้ามาในที่ประชุมของเจ้าของไร่พิมปทุมมาทำให้ความโดดเด่นของเกดแก้วที่เป็นสาวสวยคนเดียวในที่นั้น เหมือนจะถูกกลบไป ชาว บ้านหลายคนหันมาให้ความสนใจพิมริสาเป็นพิเศษ ต่างพยายามพูดคุยทัก ทายกับเธอด้วยท่าทีตื่นเต้น ราวกับเห็นเธอเป็นดาราที่เพิ่งย่างเท้าลงพรมแดง ซึ่งเธอก็ตอบรับไมตรีเหล่านั้นด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและรอยยิ้มอ่อนหวาน

นทีเองก็ยิ้มแย้มและโบกมือทักทายให้เธออย่างอบอุ่น ส่วนภาณุรุจ พิมริสาเห็นเขาก้มมองเอกสารต่างๆ ในมือ มีอยู่แวบเดียวกระมังที่เขามองมาที่เธอแล้วยิ้มให้เล็กน้อย เป็นยิ้มมุมปากที่ทำให้ใบหน้าของเขามีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ แต่มันก็แค่ยิ้มเดียวนั้นที่เขาส่งมาให้เพราะหลังจากนั้นเหมือนเธอจะไม่อยู่ในสายตาเขาอีกเลย

พิมริสาไม่อยากเชื่อว่า เขาจะเป็นพี่ไผ่คนเดียวกับที่เธอใกล้ชิดทั้งวันในวันที่เข้าไปในเมือง และเป็นคนเดียวกับที่โทร.มาหาเธอเมื่อคืนก่อนโน้น คืนนั้นบอกคิดถึง แต่ดูวันนี้สิ เขาดูห่างเหินกับเธอจนแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้า

หรือว่า...ใช่สิ คงเกรงใจเกดแก้วกระมัง นั่งติดกันอยู่อย่างนั้น...เสียแรงคิดถึง...อย่างแรง...

“เอาละค่ะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว” เกดแก้ว พิธีกรในที่ประชุมเอ่ยขึ้น ทำให้เสียงจ้อกแจ้กจอแจสงบเงียบลง “เรามาเริ่มประชุมกันเลยดีกว่านะคะ”

ผู้พูดคนแรกคือนที เขาเริ่มโดยเกริ่นถึงตัวเองว่าแม้จะเกิดหรือโตในตัวจังหวัด ไม่ใช่ที่นี่ แต่ก็ต้องถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกันกับชาวธารรุ้ง 

“หลายคนอาจสงสัยว่า ผมมีกิจการในเมืองอยู่แล้ว ทำไมผมถึงมาทำปางช้างที่นี่อีก ว่ากันตามจริง รายได้ไม่ค่อยคุ้มหรอกครับ แต่ที่ผมตัดสิน ใจทำเพราะอยากให้พี่ๆ น้องๆ ของเราได้มีงานทำด้วย คนงานที่ปางช้างของผม ไปดูได้เลย มีแต่คนธารรุ้งทั้งนั้น”  

ต่อมานทีก็เอ่ยถึงจุดประสงค์และที่มาที่ไปของโครงการ ‘ล่องแพ นั่งช้าง ไปสร้างป่า’ และพูดถึงประโยชน์ที่ทั้งเขาและชาวบ้านจะได้รับ ทุกคนในที่ประชุมต่างก็คิดว่าโครงการนี้เขาเป็นต้นคิด โดยเฉพาะคำขวัญนั้นจำง่ายและได้ความหมายชัดเจนดีเหลือเกิน

จากนั้นถึงคิวภาณุรุจ เขาพูดถึงรายละเอียดของงานว่ามีอะไรบ้างซึ่งเขาอยากจะขอความร่วมมือจากทุกคนในที่ประชุมให้ไปบอกคนในครอบครัวมาร่วมงานนี้อย่างพร้อมหน้า

“นอกเหนือจากแขกหรือนักท่องเที่ยว และสื่อมวลชนแล้ว ผมกันที่ไว้จำนวนหนึ่งให้คนในหมู่บ้านได้ร่วมล่องแพ นั่งช้าง และไปปลูกป่า พร้อมกับพักแรมหนึ่งคืนด้วยนะครับ เพื่อพวกเราจะได้สัมผัสความสนุกสนานแบบที่นักท่องเที่ยวได้รับ เป็นการได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังทำให้รักบ้านเกิดมากขึ้น และพร้อมที่จะต้อนรับคนต่างถิ่นที่มาเที่ยวในโอกาสต่อๆ ไป ผมอยากให้งานนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจนกลายเป็นงานประจำปี ที่สามารถบรรจุลงไปในปฏิทินท่องเที่ยวได้เลยอะไรแบบนั้น”

“ผมต้องขอชื่นชมคุณไผ่และคุณนทีเป็นอย่างยิ่งที่มาทำประโยชน์ให้หมู่บ้านเรา” ผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้น “เรายินดีร่วมมือทุกอย่างครับ ในฐานะเจ้าภาพร่วม พวกเรื่องอาหารการกินอะไรต่างๆ สำหรับคนของเรา ผมจะหาคนจัดเตรียมให้เอง”

“ส่วนเรื่องจำนวนคนที่จะปลูกป่า” คราวนี้เป็นเสียงของภพพิชัย“ผมคงต้องขอให้ผู้ใหญ่ช่วยถามจำนวนให้ชัดเจน เพราะจะได้เตรียมต้นกล้าให้พอ ไหนจะเตรียมเรื่องลานกางเต็นท์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ อีก ตรงนี้ทางคุณไผ่ให้จำนวนคนในส่วนของเขามาแล้ว ในส่วนคนของเราผมก็อยากให้ช่วยแจ้งด้วยนะครับ”

ผู้ใหญ่บ้านรับคำ จากนั้นการประชุมรายละเอียดของงานก็มีผลัดกันพูดผลัดกันซักถามทั้งกรรมการเองและลูกบ้าน จนกระทั่งมาถึงตอนหนึ่ง ภาณุรุจก็เอ่ยขึ้น

“ไม่ทราบว่า...ทางไร่พิมปทุมมา...พอจะมีอะไรสนับสนุนงานนี้บ้างครับ”

พิมริสาตั้งตัวไม่ติด เธอไม่คิดว่าจู่ๆ ภาณุรุจจะพุ่งเป้ามาแบบนั้น ทุกคนมองมาที่เธอเป็นตาเดียว หญิงสาวอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบเขา

“เอ่อ...เราไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็มีแต่ดอกไม้ที่อาจจะบานทันช่วงนั้น จะเอาไปใช้งานบ้างไหมล่ะคะ จะได้ตัดให้”

หลายคนอมยิ้ม หลายคนหัวเราะ พิมริสารู้สึกฉุนคนถาม

นี่เขาแกล้งเธอหรืออย่างไร แค่มาร่วมประชุมด้วยก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้ว ทำไมต้องมาตอบคำถามที่เหมือนจะฆ่ากันขนาดนี้ คิดดูเถอะ ถ้าเธอตอบไม่ได้ หรือตอบว่าไม่มี เธอจะกลายเป็นคนที่ไม่มีประโยชน์กับส่วน รวมขึ้นมาทันที 

หากแต่คำตอบรับที่ดูจริงจังของภาณุรุจก็ทำให้เธอรู้สึกหายใจโล่งขึ้น หรือเธอคิดไปเอง เขาคงไม่มีเจตนาจะฉีกหน้าอะไรเธอหรอกกระมัง

“โอเคครับ ถึงเวลานั้น อาจจะต้องขอไปบ้าง เพราะงานวันเปิดมีผู้หลักผู้ใหญ่มา อาจต้องใช้ดอกไม้ต้อนรับแขก หรือเอามาตกแต่งสถานที่บ้าง แล้วก็...” คนพูดหยุดไปหลายวินาทีก่อนจะพูดต่อ “...ไม่ทราบว่าจะขัดข้องไหม ถ้าผมจะพาแขกแวะไปชมดอกไม้ที่ไร่ของคุณ ไปถ่ายรูป ไปอะไรกัน”

พิมริสารู้สึกขัดหูกับคำพูดที่แสนสุภาพและดูห่างเหินของเขาเหลือเกิน ก็จริงอยู่ เธอรู้ว่าเขาพูดในที่ประชุม เขาคงให้เกียรติเธอต่อสาธารณะ แต่นี่คือการประชุมในหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีตาสีตาสา มีชาวบ้านคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้นมาร่วมด้วย ก็ไม่รู้ว่าภาณุรุจจะมากพิธีไปทำไม

เธออยากให้เขาเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เหมือนที่เคยๆ 

หรือต่อไปนี้เขาจะไม่เรียกตัวเองแบบนั้นแล้ว? แค่คิดก็ใจหาย น้ำตาเหมือนจะปริ่มๆ งานนี้เขาเย็นชาเหลือเกิน

“ว่าไงจ๊ะพิม” เกดแก้วถามขึ้น เมื่อเห็นเธอยังนิ่ง 

“ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่คะคุณภาณุรุจ” เธอเรียกชื่อเขาเต็มยศ ในเมื่อเขาสุภาพมา เธอก็สุภาพกว่ากลับไป “ถ้าเป็นช่วงดอกไม้บานสวยๆ และยังไม่ได้ตัด ก็แวะไปดูได้ แต่ที่ดิฉันยังไม่ได้ตอบในทันทีเพราะเราก็เพิ่งจะเริ่ม ยังนึกภาพไม่ออกเลยค่ะว่าดอกปทุมมามันจะออกดอกสวยแค่ไหน เราจะทำสำเร็จหรือเปล่า”

“สำเร็จสิครับ ไร่ปทุมมาไร่แรกของธารรุ้งมันจะต้องบานสะพรั่งแน่ นอนในช่วงนั้น” 

พิมริสาฟังไม่ออกว่าคนพูดเหน็บแนมหรือให้กำลังใจกันแน่ เธอเลยกระแทกเสียงกลับ

“ขอบคุณค่ะ ขอให้เป็นจริงตามนั้น ถ้ามันบานทุกดอก สวยงามเต็มพื้นที่ เราก็ยินดีให้คุณพาคนไปชมค่ะ” 

แต่คราวนี้สีหน้าที่เรียบเฉยมาตั้งแต่ต้นของภาณุรุจเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง เขาพูดเสียงรื่นเริง

“โอเคๆ เป็นอันว่าพี่จะเขียนไว้ในโปรแกรมอีกอย่างนะว่า นอกจากล่องแพ นั่งช้าง ปลูกป่าแล้ว เราจะพาแขกชมไร่ปทุมมาสีชมพูของพิมด้วย” 

แค่นั้นเอง ตะกอนในใจทั้งหลายหายวับ พิมริสาค้อนขวับแล้วนั่งอมยิ้ม ทั้งหมั่นไส้คนขี้แกล้ง ทั้งโล่งอก อีตาบ้า เธอนึกว่าเขาจะตั้งเธอไว้บนหิ้งตลอดการประชุมเสียแล้ว

“พี่พาเขาไปช่วงเช้าๆ ก็ได้ค่ะ จะได้เห็นหมอกสวยๆ ด้วย”

เพราะรู้สึกดีที่เขากลับมาเป็นพี่ไผ่คนเดิม ทำให้ต้องเอ่ยปากแนะนำไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่เธอเองค่อนข้างอคติกับการท่องเที่ยว แขกย่ำไปไร่เธอ ไปยืนถ่ายรูปตรงนั้น ตรงนี้ ไม่รู้ไร่จะเสียหายกี่มากน้อย แต่เอาเถอะ งานของส่วนรวมก็ต้องร่วมมือ เธอไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวหรอกนะ ยิ่งถ้าเจ้าของงานพูดดีๆ แบบนี้ เธอก็พร้อมช่วย

“ตกลงครับ เดี๋ยวพี่ไปจัดเวลาตามนั้นเลย อืม เอางี้ดีกว่า เพิ่มไปในสโลแกนอีกคำ ชมดอกไม้ ล่องแพ นั่งช้าง ไปสร้างป่า”

“อุ๊ย มันไม่ยาวไปเหรอคะ ไม่เข้ากลอนด้วย พิมว่าเอาแค่ของเดิมก็ดีแล้ว”

ภาณุรุจหัวเราะ “นั่นสิ คิดยังไงกลอนก็ไม่พาไปเลย งั้นเรื่องคำ เอาตามเดิม แต่เพิ่มเรื่องชมปทุมมาในกิจกรรมแน่นอน” 

เกดแก้วมองภาณุรุจกับพิมริสาโต้ตอบกันแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ทั้งคู่มีทีท่าเหมือนคุยกันสองคน ทั้งที่คนเต็มห้องประชุม แรกเริ่มพิมริสามีอาการเหมือนกระเง้ากระงอด แต่ต่อมา ทั้งคู่กลับพูดกันงุ้งงิ้งเสมือนโลกนี้มีเขาเป็นอาดัม และยายเพื่อนเธอเป็นอีฟซะอย่างนั้น

หรือเธอจะคิดมากไป...เกดแก้วพยายามสลัดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อใจตัวเองออกไปและพยายามฝืนตัวเองให้ร่าเริงต่อจนจบการประชุม

ฝ่ายนทีก็นั่งขรึมตลอดที่ภาณุรุจโต้ตอบกับพิมริสา เมื่อผู้ประชุมเริ่มลุกขึ้นทยอยกลับ นทีก็รีบเดินตรงมาที่หญิงสาวเจ้าของไร่ปทุมมาซึ่งยืนคุยอยู่กับชด

“เที่ยงแล้ว ไปทานข้าวกันที่ร้านในอำเภอกันไหมครับคุณพิม วันนี้ขออนุญาตให้ผมได้เลี้ยงตอบแทนสักมื้อเถอะนะครับ”

หญิงสาวมีสีหน้างงๆ “ตอบแทนอะไรเหรอคะ”

“อ้าว ก็ตอบแทนที่วันนี้พิมอุตส่าห์มาช่วยเราไงครับ กับตอบแทนที่วันก่อนคุณพิมเลี้ยงอาหารเช้าผมด้วย”

“เล็กน้อยออกค่ะ ก็คุณนทีทำเพื่อพวกเราทุกคนไม่ใช่หรือคะ พิมต้องร่วมมืออยู่แล้วเป็นธรรมดา ส่วนเรื่องเลี้ยงข้าววันนั้น คนเลี้ยงเป็นพี่พรต่างหาก ไม่ใช่พิม”

“มันก็เหมือนกันแหละครับ พี่หรือน้องเลี้ยงก็เหมือนกัน ยังไงผมก็ยังอยากเลี้ยงตอบสักมื้อ”

“คุณนทีเอาหนังสือ เอาขนมนมเนยไปให้พิมตั้งเยอะแยะ นั่นยังไม่ถือว่าตอบแทนอีกเหรอคะ” นทีนิ่ง หญิงสาวจึงพูดต่อ

“เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันค่ะ พอดีพิมมีงานต้องทำต่อช่วงบ่ายด้วย จริงไหมคะน้า” เธอหันไปถามชด

“อ้า ใช่ครับใช่” ชดรีบตอบ “งานในไร่รอเราอยู่ครับคุณนที”

“อะไรกันนี่ แค่งานในไร่แต่ทำยังกับเป็นงานราชการ ต้องเข้าตามเวลา” เสียงนทีเริ่มแข็ง ทั้งยังมีคำหยันผุดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ คนอย่างเขาไม่เคยถูกใครปฏิเสธแบบนี้มาก่อน เขาปราดเข้ามาชวนเธอด้วยความมั่นใจพันเปอร์เซ็นต์ แต่พิมริสาก็ทำลายสิ่งนั้นลง ข้ออ้างของเธอฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย

ช่วงที่ผ่านมา เขาดีกับเธอทุกอย่าง แต่มันน่าน้อยใจนัก แค่ชวนไปกินข้าว กลับถูกปฏิเสธแบบไม่เหลือเยื่อใย

“คุณพิมเขาไม่ค่อยทานมื้อกลางวันครับพี่นที”

เป็นเสียงของภาณุรุจที่เดินมาหยุดฟังตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ แล้วเขาก็พูดกับพิมริสา

“ไม่ดีเท่าไรนะ ยังไงพิมก็ต้องกินข้าว เอางี้ดีไหม ถ้าพิมมีเวลาน้อยก็ไปร้านที่รีสอร์ตพี่ กินเสร็จก็กลับไปทำงานต่อในไร่ได้ทันบ่ายโมง ดีไหมครับพี่นที วันนี้ไปเลี้ยงน้องที่ร้านผม แล้ววันอื่นที่พิมมีเวลา พี่ค่อยเชิญเธออีกที”

นทีขบคิดอยู่นาน...นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย...แต่ถ้าเขาปฏิเสธ มีหวังหุ้นส่วนรุ่นน้องของเขาต้องพาเธอไปเองแน่ หนังตาเขาเหมือนกระตุกๆ รู้สึกเหมือนมีลางร้ายอะไรบางอย่าง

“ตกลง งั้นเราไปที่อิงไพรกัน”



********************



ชดส่งพิมริสาขึ้นรถไปกับสองหนุ่มแล้วก็เดินกลับเข้ามาในร้าน เกดแก้วซึ่งกำลังยืนคุมเด็กลูกจ้างให้จัดโต๊ะเก้าอี้คืนกลับตามปกติได้หันมามองเขาอย่างแปลกใจ

“อ้าว ไม่ไปกินข้าวกับเขาหรือน้า”

“ไม่หรอก ไปขึ้นโต๊ะกับเจ้านายดูไม่ค่อยเหมาะ เรามันแค่ลูกจ้าง”

ชดตอบพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะด้านใน

“ลูกจ้างอะไร น้าเป็นนายตัวเองแล้ว อ้อ ไม่สิ น้ายังต้องไปเป็นลูก จ้างยายพิมอีก” เกดแก้วพูดเสียงกระด้าง ยอมรับว่ายังหงุดหงิดไม่หายตั้ง แต่เห็นความสนิทสนมของภาณุรุจกับพิมริสาในที่ประชุม หนำซ้ำเธอยังได้ยินสองหนุ่มชวนเพื่อนเธอไปกินข้าวที่รีสอร์ตอิงไพรอีก ไม่อยากเชื่อว่า ไม่มีใครชวนเธอไปเลย หรือเห็นว่าเธอเป็นเจ้าของร้านอาหารแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปกินที่ร้านไหนอีก 

เพียงแค่เธอเดินมาจัดข้าวของในร้านแค่ประเดี๋ยว หันไปมองอีกที ทั้งหมดก็ขึ้นรถไปแล้ว และนี่แปลว่าอะไรกันที่น้าชายของพิมริสาไม่ได้ไปด้วย ภพพิชัยก็ขับมอเตอร์ไซค์ของเขาแยกไปก่อนแล้ว นี่ก็แปลว่า พิมริสาได้ไปนั่งเป็นดาวให้เดือนล้อมสิใช่ไหม  

ยิ่งคิดเกดแก้วก็ยิ่งแปลบปลาบในอก สองหนุ่มคงรุมกันเอาใจน่าดู เกดแก้วบอกตัวเองว่า เธอไม่ได้ริษยาเพื่อน แม้ว่าวันนี้เพื่อนจะเปล่งประกายเจิดจรัสจนสกัดดาวดวงเก่าอย่างเธอเสียออกนอกวงโคจรก็เถอะ แต่อารมณ์น้อยใจภาณุรุจ มันก็อดผุดขึ้นมาไม่ได้  

เขาทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน เขาไม่สนใจเธอเลยทั้งที่เธอเองช่วย เหลือเกื้อกูลเขาทุกอย่าง งานนี้เธอก็เป็นแม่งานคนหนึ่ง งานร้านก็ล้นมือ แต่เมื่อเขาตกปาก เธอก็รีบรับคำ เธอทำไปเพื่ออะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เพื่อเขา

บางครั้งหญิงสาวก็นึกสงสัย ทำไมเขาถึงเฉยเมยกับเธอนัก จะต้องให้เธอเป็นฝ่ายรุกหรืออย่างไร เธอไม่ใช่ผู้หญิงพรรค์นั้น แต่...ก็ไม่แน่หรอก หากเขาเป็นผู้ชายที่ชอบให้ผู้หญิงเข้าถึงเนื้อถึงตัวก่อน เธอก็อาจต้องลองดู

แล้วเกดแก้วก็พยายามปัดความคิดเรื่องภาณุรุจให้ตกไป เมื่อเห็นว่าชดมองอยู่นานแล้ว หนุ่มใหญ่ทึนทึกผู้นี้ก็ช่างกระไร ไม่เจียมเนื้อเจียมตัวเอาเสียเลย เธอรู้สึกว่าเขาสนใจเธอเป็นพิเศษมานานแล้ว เธอคงไม่คิดไปเองหรอกกระมัง แต่คนแก่รุ่นนี้ก็น่าจะไปมองคนรุ่นเดียวกัน ไม่ใช่คนรุ่นหลานอย่างเธอ

“อะ น้าจะกินอะไรล่ะ ท่าทางหิวซ่กเชียว”

“ขอเหมือนเดิมนะ ข้าวไข่เจียวหมูสับสองฟอง เอากรอบๆ แตงกวาหั่นมาด้วย”

“กินเป็นอยู่แค่นี้เหรอ ร้านเกดขายอาหารฝรั่ง น้าก็ชอบสั่งแต่ข้าวไข่เจียว” เธอบ่น

“เออน่า จัดมาเถอะ น้ากินพวกสเต็กไม่เป็น ที่จริงน้าว่าให้แม่หนูกลับมาทำส้มตำเหมือนเดิมดีกว่า รับรองคนเต็มร้าน...เดี๋ยวนี้ฝรั่งก็กินเป็นแล้วนา”

“ก็คิดอยู่เหมือนกัน พักนี้ลูกค้าฝรั่งที่ลงแพไม่ค่อยเข้ามากิน มาถึงปั๊บก็ลงเลย ไกด์คนใหม่เขาไม่ค่อยปล่อยมาเข้าร้านไง ไม่เหมือนตอนน้าทำ น้าช่วยเกดไว้เยอะ งั้น เอางี้นะ มื้อนี้เกดเลี้ยงตอบแทนน้ามื้อนึงแล้วกัน”

“ขอบใจนะจ๊ะหนูเกด เลี้ยงใหญ่มาก ข้าวไข่เจียว”

“อ้าว ก็น้าไม่สั่งอะไรที่หรูๆ นี่ กินเป็นอยู่แค่นี้ ใครได้น้าเป็นแฟน โคตรสบาย ไม่ต้องทำอะไร วันๆ เจียวแต่ไข่ก็พอ”

“ใช่ น้าเลี้ยงง่ายออก แต่ไม่ยักจะมีใครอยากเก็บไปเลี้ยง อย่างว่าเรามันจน” 

ประโยคหลังเหมือนจะพูดไม่จริงจัง หากแต่ออกจากใจจริง

“คนที่จนกว่าน้า เขาก็ยังมีเมียกันถมไป น้าไม่หาใครเองนี่ ผู้หญิงรุ่นเดียวกับน้าที่เขายังโสดก็มีเยอะ หรือแม่ม่ายสวยๆ ที่หมู่บ้านเราก็มีเพียบ ถ้าน้าไปจีบเขา รับรองติด”

ฟังคำของเกดแก้วแล้วชดยิ่งห่อเหี่ยว สาวคราวหลานเหมือนจะบอกด้วยความหวังดี แต่เนื้อแท้ของถ้อยคำทั้งหมดก็คือกันตัวเองออกห่าง ถึงเขาจะจน เขาจะแก่ แต่เขาก็ไม่ได้โง่ ที่พูดมายาวๆ นั่นเกดแก้วพยายามบอกเขาว่า ‘อย่าเผยอ’ ก็แค่นั้นเอง

ที่จริงเขาก็เจียมตัวอยู่เสมอ รู้ว่าเกดแก้วฝันสูงที่จะเป็นคุณนายรีสอร์ตอิงไพร เขาเองก็รักภาณุรุจเกินกว่าจะทำอะไรที่หักหาญน้ำใจกัน แต่ช่วงหลังดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นทุกทีว่า อดีตเจ้านายเขาไม่ได้คิดอะไรกับเกดแก้วเกินเพื่อน ก็เพราะเหตุนี้ เขาจึงขอแยกตัวมานั่งกินข้าวที่นี่   

เขายังมีหวัง แม้มันจะริบหรี่ก็เถอะ!

******************

วันนี้มาลงรวดเดียวจบตอนเลยค่ะ eBook โหลดได้ที่เว็บ mebmarket ส่วนแบบเล่มหนังสือเปิดให้สั่งซื้อในราคาสั่งจองถึง 31 มกราคมนะคะ

หนังสือมาพรุ่งนี้แล้วค่ะ^_^

พร้อมส่งน่าจะราวๆ บ่ายวันพุธ ใครสั่งจองไว้รอรับโลดดดดด


หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2563, 23:30:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2563, 23:30:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 527





<< บทที่ 11 -100%   บทที่ 13 -30% + วางขายศูนย์หนังสือจุฬาฯ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account