โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 11 -100%
ก๊อกๆๆ วันนี้แจ้งข่าวก่อนเลยค่ะ เล่มตัวอย่างโอบรักธารรุ้งมาแล้วนะคะ^^ ดูในเพจสนพ.ได้เลยจ้า เพิ่งลงวันนี้เลย ไปดูกันๆ
เร็วสุดน่าจะพร้อมส่งในอีก 1-2 สัปดาห์นี้แล้วค่ะ อย่าลืมไปจองกันน้าาาา
*************
ชดกลับไปนานนับชั่วโมงแล้ว ภาณุรุจก็ยังคงคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ได้ยิน เมื่อคืนนทีไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้เลย ความเอื้ออารีของนทีที่มีต่อพิมริสา ยิ่งนับวันก็ยิ่งมากล้น ตอนนี้หุ้นส่วนของเขาเป็นพระเอกเต็มตัวแล้ว ส่วนเขาคงเป็นได้แค่ไอ้ผู้ร้ายในสายตาเธอ
เขาก็ไม่รู้ว่า นทีคิดแค่จะเดินแผนเอาใจพิมริสา หรือตอนนี้นทีไม่อยากได้ที่ผืนนั้นแล้วจริงๆ แต่จากที่คุยกันล่าสุด เขาก็คิดว่า นทียังอยากทำรีสอร์ตอยู่ หุ้นส่วนคนนี้ แม้จะเป็นคนเริ่มกิจการต่างๆ ได้ช้ากว่าเขา แต่เมื่อตัดสินใจทำแล้วก็ไม่ใช่คนรามือจากอะไรง่ายๆ
แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...นทีที่เขาคิดว่ารู้จักนิสัยใจคอมาหลายปี มาถึงตอนนี้เขากลับดูไม่ออกเอาเสียเลย
ชายหนุ่มยืนมองบรรดาดอกไม้สวยๆ ที่ขึ้นอยู่รายรอบสระ นึกถึงคำพูดใครบางคนในหลายวันที่ผ่านมา เธอบอกว่าไม่เคยชอบดอกไม้ เขายังนึกงงด้วยซ้ำ คนที่จะมาทำไร่ดอกไม้ แต่ไม่ชอบดอกไม้ เป็นไปได้หรือ แต่เมื่อเธอบอกว่า เมื่อเธอยิ่งใกล้ชิดและศึกษามัน มันก็เปลี่ยนใจให้เธอรักได้
คำนั้นชวนให้เขาคิด ‘ของบางอย่าง’ ต่อให้สวยงามแค่ไหนก็เถอะ หากแค่มองผ่านๆ ก็ใช่ว่าจะทำให้รักชื่นชมได้ทันที อย่างดอกไม้ต่อให้สวย งามแค่ไหนก็ไม่อาจชนะใจผู้หญิงคนหนึ่งได้ จนกระทั่งเธอได้เอาตัวไปใกล้ๆ เพื่อเรียนรู้มันนั่นแหละ ความคิดถึงเปลี่ยนแปลง
ผู้หญิงก็คงไม่ต่างจากดอกไม้กระมัง แม้จะสวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้ใกล้ชิดพัวพัน ความสวยนั้นก็ไม่เป็นบ่อเกิดแห่งความรักได้แน่นอน เขาจึงแปลกใจนทีนัก ที่บอกว่า รักพิมริสา เพราะเธอสวย
ภาณุรุจเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับเด็ดดอกไม้ในสวนไปปักแจกันที่ว่างเปล่า นี่เขาเป็นอะไรไป ผู้ชายแมนเต็มร้อยอย่างเขา ริเอาดอกไม้ปักแจกัน!
นึกถึงพิมริสาอีกแล้ว เธอบอกว่าที่บ้านเธอไม่มีดอกไม้สักดอก นี่คือคนที่คิดจะทำไร่ดอกไม้หรือนี่ คิดแต่จะปลูกไว้ขาย ไม่คิดจะปลูกไว้ชม บางทีเขาอาจจะคัดต้นไม้สวยๆ จากที่นี่ไปฝากเธอบ้าง นี่ไม่ใช่การเอาใจเพื่อหวังผลอะไร แต่เขาอยากให้ด้วยใจจริง เพราะเห็นท่าทางที่เธอยืนทำจมูกฟุดฟิดเพื่อสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้นั้นแล้ว มันช่างเป็นภาพน่ารักที่ติดตาเขาเหลือเกิน
เมื่อคืนที่โทร.ไปก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เขาไม่ได้มีแผนมาก่อน แค่นอนไม่หลับ แล้วก็รู้สึกคิดถึงยายนั่น เพราะไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว...มันแค่นั้นจริงๆ
เขาคิดถึงเธอ คิดถึงตลอดเวลากระทั่งตอนนี้ เขาไม่ได้เมาแบบเธอว่า แต่เขาคงเป็นบ้าไปแล้วมากกว่า!
*******************
ต้นปทุมมาเขียวๆ เต็มพื้นที่หลายไร่อันกว้างขวาง เมื่อดูผ่านๆ ด้วยตา ราวกับว่าแปลงดอกไม้เหล่านี้จะกินพื้นที่ไปจรดภูเขาที่เป็นเทือกยาวด้านหลัง
และในเช้าของเกือบทุกวัน สายหมอกขาวขุ่นก็ลอยตัวลงมาจากภู เขาด้านบน มาลดเลี้ยวอยู่เหนือแปลงปทุมมาที่ใกล้จะออกดอกในอีกไม่นาน บรรยากาศที่แสนงามและสดชื่นนี้ สร้างความสุขใจแก่เจ้าของไร่สาวอย่างล้นเหลือ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปไว้หลายรูป แล้วหันมาพูดกับบิดา
“โชคดีจริงๆ ที่มีหมอกด้วย มันเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องซื้อหาหรือลงทุนอะไรเลยนะจ๊ะพ่อ”
“นั่นสิ ตอนทำสวนผลไม้เราแทบไม่เห็นหมอก ที่จริงมันก็มีของมันอยู่แบบนี้ แต่ต้นไม้ใหญ่ๆ บังหมด พอไถซะโล่งตา หมอกมันมาให้เห็นแบบเต็มๆ เลย”
“นี่ถ้ามันออกดอกสีชมพูทั้งทุ่ง มันจะสวยแค่ไหนน้า เผลอๆ จะสวยกว่าทุ่งดอกกระเจียวที่ชัยภูมิ เพราะของเรามีวิวภูเขาด้วย”
พิมริสาพูดแล้วทำตาฝัน ที่จริงความสวยของทุ่งดอกไม้ เธอไม่เคยนึกถึง เพราะคิดแต่เรื่องผลผลิตเป็นสำคัญ แต่ภาพวันนี้ทำให้เธออดคิดไม่ ได้ว่า ทุ่งดอกปทุมมาของเธอ น่าจะสวยกว่าทุ่งดอกไม้อีกหลายที่ เพราะเธอมีทั้งหมอกมีทั้งภูเขาเป็นผู้ช่วย
“อ้อ พิมต้องขอบคุณพ่อจริงๆ ที่แนะนำให้ปลูกลงดินด้วย ทำให้ได้เห็นไร่สวยๆ ไม่งั้นพิมก็จะปลูกแต่ในถุงอย่างเดียว เพราะรู้สึกว่ามันให้ผล ผลิตได้ดีกว่า”
“เรามีที่เยอะแยะ ก็ปลูกทั้งในดิน ในถุงนั่นแหละ แต่แบบในถุงต้องใช้ทุนสูงหน่อย”
“ใช่ๆ พิมก็ห่วงเรื่องทุนอยู่เหมือนกัน”
แววตาฝันมีรอยกังวลแทรกขึ้นมาเล็กน้อย
“นี่ยืมมาหมดแล้วนะ ทั้งของพี่พร พี่ภพ ต่อไปไม่แคล้วกู้แบงก์”
“ค่อยๆ ทำไป ค่อยๆ ระวังสิลูก”
“จ้ะพ่อ” พิมริสาพูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างพึงพอใจ
“นี่พิมรอให้มันออกดอกแทบไม่ไหวแล้วละ”
“พ่อว่าเดือนหน้ามันน่าจะออกดอกเล็กๆ ให้เราดูแล้วละมั้ง คิดแล้วก็ตื่นเต้นอยู่ ทำไมพ่อถึงไม่คิดปลูกมาก่อนหน้านี้หว่า นี่แหละ เขาถึงว่าการงานทุกอย่างต้องอาศัยคนรุ่นใหม่มาช่วยคิด เกษตรกรรุ่นเก่าอย่างพ่อ บางทีก็ตามโลกไม่ทัน พอลงมือ ก็คิดแต่จะปลูกกล้วย อ้อยเท่านั้น”
“แต่กล้วยอ้อย ก็เลี้ยงให้พวกเราโตขึ้นมาได้อย่างมีคุณภาพทุกคนนะจ๊ะ”
แล้วพิมริสาก็กอดเอวบิดาอย่างประจบประแจง ซึ่งกิริยานี้มีแต่ลูกคนเล็กของบ้านเท่านั้นที่ทำ ลูกคนอื่นๆ แม้ให้ความรักนับถือต่อบิดามารดาแต่ก็ไม่ได้แสดงออกแบบเด็กๆ เช่นเธอ
ไพโรจน์เอามือลูบศีรษะลูกสาวอย่างรักใคร่ นึกขอบคุณที่สวรรค์ส่งเธอกลับมาบ้าน มาเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นให้ทุกคนได้ปลื้ม
ชดเดินตรงมาที่สองพ่อลูกที่กำลังยืนคุยกันอยู่ที่แปลงพลางร้องบอก
“หนูพิม ไปกันเถอะ ได้เวลาแล้ว”
นั่นแหละ พิมริสาถึงค่อยเดินมาขึ้นรถกับผู้เป็นน้า วันนี้คณะกรรมการของหมู่บ้านเรียกประชุมตัวแทนชาวบ้านหลายครอบครัวเพื่อปรึกษาหารือและทำความเข้าใจเรื่องงานปลูกป่าที่ทางอิงไพรรีสอร์ตกับปางช้างนทีทองกำลังจะจัดขึ้น พิมริสาในฐานะเจ้าของไร่ ‘พิมปทุมมา’ ก็ได้รับเชิญด้วย
“ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่หนูอยู่ที่นี่แบบไม่มีใครให้ความสำคัญหรอก”
ชดพูดกับหลานสาวขณะนั่งรถมาด้วยกัน
“อาจเพราะบ้านอยู่ไกลด้วย แล้วพี่สองคนก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่พอหนูมาปลูกดอกไม้ คนทั้งหมู่บ้านเขาตื่นเต้นกันใหญ่ น้าว่าหนูเป็นคนนำสิ่งที่ดีมาให้ธารรุ้งนะ นี่รู้ตัวไหมว่า หนูน่ะเริ่มเป็นคนดังแล้ว”
“อุ๊ย เหรอ” เธอทำท่าแปลกใจก่อนหัวเราะเบาๆ “พิมไม่ยักรู้ พักนี้น้าชดก็เห็นว่าพิมหมกตัวอยู่แต่ในไร่ ขนาดมันยังไม่ออกดอก พิมเห็นแล้วยังชื่นใจแทบแย่ พิมอยู่ในนั้นได้ทั้งวัน”
“สังคมบ้านเรามันแคบ ใครทำอะไรก็รู้กันหมด อย่างตอนที่เพื่อนหนูเขาเปิดร้าน...ไม่สิ ต้องเรียกว่าปรับปรุง เพราะนั่นเป็นร้านส้มตำเก่าของแม่เขา นั่นละ ตอนเกดแก้วเขาปรับเป็นร้านอาหารและขายของที่ระลึก ช่วงนั้นฮือฮากันทั้งหมู่บ้าน ร้านใหญ่ แม่ค้าสาวสวยคุยเก่ง เปิดใหม่ๆ คนเข้าร้านแน่นทั้งวัน เกดเขาเป็นดาวของที่นี่เลย หนุ่มๆ นี่รุมตอมกันเป็นฝูง”
เธอหัวเราะคำเปรียบเปรยนั้น “แหม เป็นฝูงเลยหรือคะ น้าพูดซะ พิมนึกถึงฝูงวัวฝูงควายเลย แล้วน้าล่ะ พาแขกไปลงแพที่นั่นอยู่บ่อยๆ ไม่สนใจเกดเขาบ้างเหรอคะ”
เหมือนคำถามนั้นไปโดนอะไรเข้าอย่างจัง หนุ่มใหญ่สะดุ้งเฮือกให้เห็น ก่อนตอบ
“โอ๊ย ต่อให้น้าสน แต่คนอย่างน้านะเหรอใครเขาจะสนตอบ น้าเป็นไกด์ต๊อกต๋อย เป็นแค่คนขับรถรีสอร์ต เกดแก้วเขาไม่มองหรอก รายนั้นเขามองระดับเจ้าของกิจการอย่าง...”
ชดรีบหุบปากอย่างนึกอะไรบางอย่างออก คำบางคำถ้าพูดไป ใครจะไปรู้ว่าจะไม่ทิ่มแทงใจใคร ก็ดูอย่างหลานสาวถามมาเมื่อครู่ คนถามก็คงไม่รู้หรอกว่ามันแทงใจเขาแค่ไหน
“อย่างใครคะ อย่างพี่ไผ่สิท่า”
พิมริสาพูดแล้วก็หันไปเบะปากกับใบไม้ข้างทาง เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเพื่อนเก่าหรอก เป็นใครก็ต้องสนใจคนมีสตางค์ทั้งนั้น น้าชดของเธอ ไม่มีสิ่งเหล่านั้นให้สาวๆ หากจะมีก็คือความจริงใจ ซึ่งมันมองยากและกินไม่ได้ แต่ที่เธอขัดเคืองอยู่ก็คือภาณุรุจ
นายรุ่นพี่ของเธอ เขาคงโปรยเสน่ห์ไปทั่วหมู่บ้านสินะ คงไปแสดงความห่วงใยอาทรให้สาวๆ หลง และคงเที่ยวโทรศัพท์ไปหาใครต่อใครดึกๆ ดื่นๆ เพียงเพื่อบอกว่า ‘นอนไม่หลับ...คิดถึง’ กระมัง
แล้วนี่...หลังจากคืนนั้น มันกี่วันเข้าไปแล้วที่เธอยังไม่เคยเห็นเขาโผล่มา หรือกระทั่งจะติดต่ออะไร ไม่มีแม้เสียงโทรศัพท์ คิดแล้วก็นึกโกรธตัวเองที่ไปเชื่อคำพูดคนเมา
คืนนั้นเขาเมาชัดๆ เธอก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่นั่นแหละว่า ‘พี่ไผ่คิดถึง’ ‘พี่ไผ่คิดถึง’ เธอไม่น่าจะไปเชื่อคนเมา ผู้ชายเวลาเมาต่อให้กับต้นไม้เขาก็คงกอดได้เพราะนึกว่าเป็นผู้หญิง
ว่าแต่...ทำไมต้องอยากให้เขาคิดถึง ในเมื่อปฏิเสธสิ่งที่เขาต้องการไปแล้ว เธอยังหวังว่าเขาจะมาติดต่อกับเธอด้วยเรื่องอันใดอีก จะให้มาพาไปเที่ยวในเมือง ดูหนัง ฟังเพลง งั้นหรือ หรือจะให้โทร.มาบอกคิดถึงวันละสามเวลาหลังอาหาร แถมก่อนนอนอีกรอบ ใช่...เธอไม่ได้หวังเรื่องพวกนั้นเลย
พิมริสาต้องเตือนตัวเองให้เลิกมโนเพ้อพกได้แล้ว ทำยังกับว่าเขาเป็นแฟนเธออย่างนั้นแหละ!
“ก็ไม่รู้สิ”
เสียงชดตอบเบาๆ ทำให้พิมริสาหลุดจากภวังค์และเลิกคิดเรื่องตัว เอง
“น้าชอบเกดเหรอคะ”
คราวนี้หญิงสาวถามตรงๆ รู้สึกสงสารชดจับใจ น้าของเธอเป็นหนุ่มใหญ่ อายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีเมียเสียที...หรือน้าจะเคยผิดหวังในรัก
“บอกแล้วไง ใครๆ ก็ชอบเกดแก้ว” ชดตอบเลี่ยงๆ
“หา! จริงเหรอ ยายเกดเพื่อนหนูคงมีเสน่ห์ยาหม้อดีๆ มั้งเนี่ยผู้ชายถึงหลงรักกันทั้งหมู่บ้าน”
“คนสวยๆ ที่ขยัน ใครๆ ก็รัก หนูก็เถอะ น้าก็เห็นมีทั้งคุณนทีมีทั้งคุณไผ่เวียนไปเวียนมา”
“นั่นเพราะเขาจะซื้อที่เราหรอก” เธอแย้ง “ตอนนี้เขาเลิกเซ้าซี้แล้ว น้าไม่เห็นหรือว่าไม่มีใครมาเลย อ้อ มีคุณนทีที่มาบ่อยหน่อย มาทีไรก็ขนหนังสือเกี่ยวกับการปลูกปทุมมามาให้พิมเป็นตั้ง น้าจะเอาไปอ่านบ้างไหมหนังสือพวกนั้น”
เธอพูดแล้วก็บ่นขันๆ
“ยุคนี้ใครเขาอ่านหนังสือกันแล้ว อยากรู้ข้อมูลอะไรก็กดกูเกิลเอาสิ อากู๋ของเรารู้ทุกเรื่องบนพื้นพิภพ”
ชดหัวเราะ จริงของพิมริสา เขาคิดว่านทีคงอยากให้หลานสาวเขาประทับใจกระมัง ถึงได้เอาหนังสือคู่มือปลูกปทุมมามาให้ นอกจากวิธีการจะดูโบราณแล้ว นั่นมันเท่ากับเอามะพร้าวมาขายสวนชะมัด เพราะพิมริสานั้นศึกษาเรื่องพวกนี้มาแล้วอย่างทะลุปรุโปร่ง
ภาคทฤษฎีนั้น ชดเชื่อว่าพิมริสาได้คะแนนเต็ม เธอเป็นเด็กหัวดีมาแต่ไหนแต่ไร เรียนก็ได้เกียรตินิยม ช่วงนั้น ถ้าเธอจะต่อปริญญาโทหรือเอกแทนที่จะเลือกเข้าทำงานแบงก์ก็รับรองไปได้ไกล
ส่วนภาคปฏิบัติ นทีจะห่วงอะไร มาห่วงลูกที่มีพ่อแม่เป็นชาวสวนมาตั้งแต่บรรพบุรุษงั้นหรือ ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อนรุ่นพี่ของเจ้านายเก่าเขาคนนี้ก็คงแค่อยากเอาใจสาวนั่นแหละ ซึ่งตรงนี้ชดเองก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง นทีเป็นคนดูยากและวางตัวอีกแบบ นี่ถ้าหลานสาวเขาไม่สวยเป็นนางฟ้าแบบนี้ ชดอดคิดไม่ได้ว่านทีน่าจะดูแคลนครอบครัวบ้านๆ อย่างพวกตนเสียด้วยซ้ำ
“พูดถึงคุณนที พิมก็แปลกใจ ทำไมเกดเขาไม่ชอบคนนี้เหรอคะ เขาทั้งรวย ทั้งหล่อ สุภาพ คุณสมบัติครบทุกอย่าง เป็นคนถิ่นเราด้วย เกดน่าจะสนใจเขามากกว่า เอ่อ พี่ไผ่”
“ความใกล้ชิดด้วยมั้ง คุณนทีน่ะปกติเขาไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ เขามาทำปางช้างก็ให้คนอื่นดูแล นานทีหรอกเขาถึงจะมาอยู่ยาวๆ น้าเพิ่งจะเห็นระยะนี้แหละที่เขาอยู่ธารรุ้งนานเป็นพิเศษ สงสัยสนใจเจ้าของไร่ปทุมมา”
ประโยคหลังชดพูดยิ้มๆ เขากับหลานสาวคนนี้คุยกันได้ทุกเรื่อง ถูกคอกันทุกอย่าง แม้บางครั้งเธอจะวีนเขาบ้าง แต่ก็ได้ไม่นานหรอก สักพักพอหายโกรธ เธอก็เข้ามาขอโทษ แล้วเข้ามาคลอเคลียจ๊ะจ๋าเหมือนแมว นั่นคือความน่ารักมุ้งมิ้งของเธอ
“แหม น้าก็...พูดไปนั่น ไม่รู้เขาสนใจพิมหรือสนใจพี่พรกันแน่นะ ก็เขามาทีไรเจอพิมกับพี่พรสองคนทุกที” เธอพูดพลางหัวเราะเสียงใส “แต่ถึงเขาสนใจพิมจริงๆ พิมก็ยังไม่คิดอะไรกับเขาหรอก พิมไม่ใช่คนที่เห็นเงินตาโตนะคะ ถ้าจะชอบใครก็ชอบเพราะนิสัยของเขา ถ้าพิมเป็นพวกวัตถุนิยม พิมคงไม่กลับมาทำสวนทำไร่ที่บ้านหรอก คงอยู่กรุงเทพฯ หาสามีรวยๆ ไปแล้ว พิมบอกน้าได้แค่นี้”
ชดเหลือบมองหลานสาวอย่างชื่นชม นี่ถ้าเกดแก้วและผู้หญิงอีกหลายคนในหมู่บ้านคิดแบบพิมริสา เขาคงดีใจไม่น้อย แล้วชดก็นึกชมไปถึงพี่สาวที่เลี้ยงลูกสาวได้ดีทั้งสองคน เขาเอง หากวันไหนมีเมียมีลูก ก็เห็นจะต้องปรึกษาวิธีการเลี้ยงลูกจากพี่สาวพี่เขยเสียแล้ว
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
เร็วสุดน่าจะพร้อมส่งในอีก 1-2 สัปดาห์นี้แล้วค่ะ อย่าลืมไปจองกันน้าาาา
*************
ชดกลับไปนานนับชั่วโมงแล้ว ภาณุรุจก็ยังคงคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ได้ยิน เมื่อคืนนทีไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้เลย ความเอื้ออารีของนทีที่มีต่อพิมริสา ยิ่งนับวันก็ยิ่งมากล้น ตอนนี้หุ้นส่วนของเขาเป็นพระเอกเต็มตัวแล้ว ส่วนเขาคงเป็นได้แค่ไอ้ผู้ร้ายในสายตาเธอ
เขาก็ไม่รู้ว่า นทีคิดแค่จะเดินแผนเอาใจพิมริสา หรือตอนนี้นทีไม่อยากได้ที่ผืนนั้นแล้วจริงๆ แต่จากที่คุยกันล่าสุด เขาก็คิดว่า นทียังอยากทำรีสอร์ตอยู่ หุ้นส่วนคนนี้ แม้จะเป็นคนเริ่มกิจการต่างๆ ได้ช้ากว่าเขา แต่เมื่อตัดสินใจทำแล้วก็ไม่ใช่คนรามือจากอะไรง่ายๆ
แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี...นทีที่เขาคิดว่ารู้จักนิสัยใจคอมาหลายปี มาถึงตอนนี้เขากลับดูไม่ออกเอาเสียเลย
ชายหนุ่มยืนมองบรรดาดอกไม้สวยๆ ที่ขึ้นอยู่รายรอบสระ นึกถึงคำพูดใครบางคนในหลายวันที่ผ่านมา เธอบอกว่าไม่เคยชอบดอกไม้ เขายังนึกงงด้วยซ้ำ คนที่จะมาทำไร่ดอกไม้ แต่ไม่ชอบดอกไม้ เป็นไปได้หรือ แต่เมื่อเธอบอกว่า เมื่อเธอยิ่งใกล้ชิดและศึกษามัน มันก็เปลี่ยนใจให้เธอรักได้
คำนั้นชวนให้เขาคิด ‘ของบางอย่าง’ ต่อให้สวยงามแค่ไหนก็เถอะ หากแค่มองผ่านๆ ก็ใช่ว่าจะทำให้รักชื่นชมได้ทันที อย่างดอกไม้ต่อให้สวย งามแค่ไหนก็ไม่อาจชนะใจผู้หญิงคนหนึ่งได้ จนกระทั่งเธอได้เอาตัวไปใกล้ๆ เพื่อเรียนรู้มันนั่นแหละ ความคิดถึงเปลี่ยนแปลง
ผู้หญิงก็คงไม่ต่างจากดอกไม้กระมัง แม้จะสวยแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้ใกล้ชิดพัวพัน ความสวยนั้นก็ไม่เป็นบ่อเกิดแห่งความรักได้แน่นอน เขาจึงแปลกใจนทีนัก ที่บอกว่า รักพิมริสา เพราะเธอสวย
ภาณุรุจเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับเด็ดดอกไม้ในสวนไปปักแจกันที่ว่างเปล่า นี่เขาเป็นอะไรไป ผู้ชายแมนเต็มร้อยอย่างเขา ริเอาดอกไม้ปักแจกัน!
นึกถึงพิมริสาอีกแล้ว เธอบอกว่าที่บ้านเธอไม่มีดอกไม้สักดอก นี่คือคนที่คิดจะทำไร่ดอกไม้หรือนี่ คิดแต่จะปลูกไว้ขาย ไม่คิดจะปลูกไว้ชม บางทีเขาอาจจะคัดต้นไม้สวยๆ จากที่นี่ไปฝากเธอบ้าง นี่ไม่ใช่การเอาใจเพื่อหวังผลอะไร แต่เขาอยากให้ด้วยใจจริง เพราะเห็นท่าทางที่เธอยืนทำจมูกฟุดฟิดเพื่อสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้นั้นแล้ว มันช่างเป็นภาพน่ารักที่ติดตาเขาเหลือเกิน
เมื่อคืนที่โทร.ไปก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เขาไม่ได้มีแผนมาก่อน แค่นอนไม่หลับ แล้วก็รู้สึกคิดถึงยายนั่น เพราะไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว...มันแค่นั้นจริงๆ
เขาคิดถึงเธอ คิดถึงตลอดเวลากระทั่งตอนนี้ เขาไม่ได้เมาแบบเธอว่า แต่เขาคงเป็นบ้าไปแล้วมากกว่า!
*******************
ต้นปทุมมาเขียวๆ เต็มพื้นที่หลายไร่อันกว้างขวาง เมื่อดูผ่านๆ ด้วยตา ราวกับว่าแปลงดอกไม้เหล่านี้จะกินพื้นที่ไปจรดภูเขาที่เป็นเทือกยาวด้านหลัง
และในเช้าของเกือบทุกวัน สายหมอกขาวขุ่นก็ลอยตัวลงมาจากภู เขาด้านบน มาลดเลี้ยวอยู่เหนือแปลงปทุมมาที่ใกล้จะออกดอกในอีกไม่นาน บรรยากาศที่แสนงามและสดชื่นนี้ สร้างความสุขใจแก่เจ้าของไร่สาวอย่างล้นเหลือ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปไว้หลายรูป แล้วหันมาพูดกับบิดา
“โชคดีจริงๆ ที่มีหมอกด้วย มันเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องซื้อหาหรือลงทุนอะไรเลยนะจ๊ะพ่อ”
“นั่นสิ ตอนทำสวนผลไม้เราแทบไม่เห็นหมอก ที่จริงมันก็มีของมันอยู่แบบนี้ แต่ต้นไม้ใหญ่ๆ บังหมด พอไถซะโล่งตา หมอกมันมาให้เห็นแบบเต็มๆ เลย”
“นี่ถ้ามันออกดอกสีชมพูทั้งทุ่ง มันจะสวยแค่ไหนน้า เผลอๆ จะสวยกว่าทุ่งดอกกระเจียวที่ชัยภูมิ เพราะของเรามีวิวภูเขาด้วย”
พิมริสาพูดแล้วทำตาฝัน ที่จริงความสวยของทุ่งดอกไม้ เธอไม่เคยนึกถึง เพราะคิดแต่เรื่องผลผลิตเป็นสำคัญ แต่ภาพวันนี้ทำให้เธออดคิดไม่ ได้ว่า ทุ่งดอกปทุมมาของเธอ น่าจะสวยกว่าทุ่งดอกไม้อีกหลายที่ เพราะเธอมีทั้งหมอกมีทั้งภูเขาเป็นผู้ช่วย
“อ้อ พิมต้องขอบคุณพ่อจริงๆ ที่แนะนำให้ปลูกลงดินด้วย ทำให้ได้เห็นไร่สวยๆ ไม่งั้นพิมก็จะปลูกแต่ในถุงอย่างเดียว เพราะรู้สึกว่ามันให้ผล ผลิตได้ดีกว่า”
“เรามีที่เยอะแยะ ก็ปลูกทั้งในดิน ในถุงนั่นแหละ แต่แบบในถุงต้องใช้ทุนสูงหน่อย”
“ใช่ๆ พิมก็ห่วงเรื่องทุนอยู่เหมือนกัน”
แววตาฝันมีรอยกังวลแทรกขึ้นมาเล็กน้อย
“นี่ยืมมาหมดแล้วนะ ทั้งของพี่พร พี่ภพ ต่อไปไม่แคล้วกู้แบงก์”
“ค่อยๆ ทำไป ค่อยๆ ระวังสิลูก”
“จ้ะพ่อ” พิมริสาพูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างพึงพอใจ
“นี่พิมรอให้มันออกดอกแทบไม่ไหวแล้วละ”
“พ่อว่าเดือนหน้ามันน่าจะออกดอกเล็กๆ ให้เราดูแล้วละมั้ง คิดแล้วก็ตื่นเต้นอยู่ ทำไมพ่อถึงไม่คิดปลูกมาก่อนหน้านี้หว่า นี่แหละ เขาถึงว่าการงานทุกอย่างต้องอาศัยคนรุ่นใหม่มาช่วยคิด เกษตรกรรุ่นเก่าอย่างพ่อ บางทีก็ตามโลกไม่ทัน พอลงมือ ก็คิดแต่จะปลูกกล้วย อ้อยเท่านั้น”
“แต่กล้วยอ้อย ก็เลี้ยงให้พวกเราโตขึ้นมาได้อย่างมีคุณภาพทุกคนนะจ๊ะ”
แล้วพิมริสาก็กอดเอวบิดาอย่างประจบประแจง ซึ่งกิริยานี้มีแต่ลูกคนเล็กของบ้านเท่านั้นที่ทำ ลูกคนอื่นๆ แม้ให้ความรักนับถือต่อบิดามารดาแต่ก็ไม่ได้แสดงออกแบบเด็กๆ เช่นเธอ
ไพโรจน์เอามือลูบศีรษะลูกสาวอย่างรักใคร่ นึกขอบคุณที่สวรรค์ส่งเธอกลับมาบ้าน มาเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นให้ทุกคนได้ปลื้ม
ชดเดินตรงมาที่สองพ่อลูกที่กำลังยืนคุยกันอยู่ที่แปลงพลางร้องบอก
“หนูพิม ไปกันเถอะ ได้เวลาแล้ว”
นั่นแหละ พิมริสาถึงค่อยเดินมาขึ้นรถกับผู้เป็นน้า วันนี้คณะกรรมการของหมู่บ้านเรียกประชุมตัวแทนชาวบ้านหลายครอบครัวเพื่อปรึกษาหารือและทำความเข้าใจเรื่องงานปลูกป่าที่ทางอิงไพรรีสอร์ตกับปางช้างนทีทองกำลังจะจัดขึ้น พิมริสาในฐานะเจ้าของไร่ ‘พิมปทุมมา’ ก็ได้รับเชิญด้วย
“ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่หนูอยู่ที่นี่แบบไม่มีใครให้ความสำคัญหรอก”
ชดพูดกับหลานสาวขณะนั่งรถมาด้วยกัน
“อาจเพราะบ้านอยู่ไกลด้วย แล้วพี่สองคนก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่พอหนูมาปลูกดอกไม้ คนทั้งหมู่บ้านเขาตื่นเต้นกันใหญ่ น้าว่าหนูเป็นคนนำสิ่งที่ดีมาให้ธารรุ้งนะ นี่รู้ตัวไหมว่า หนูน่ะเริ่มเป็นคนดังแล้ว”
“อุ๊ย เหรอ” เธอทำท่าแปลกใจก่อนหัวเราะเบาๆ “พิมไม่ยักรู้ พักนี้น้าชดก็เห็นว่าพิมหมกตัวอยู่แต่ในไร่ ขนาดมันยังไม่ออกดอก พิมเห็นแล้วยังชื่นใจแทบแย่ พิมอยู่ในนั้นได้ทั้งวัน”
“สังคมบ้านเรามันแคบ ใครทำอะไรก็รู้กันหมด อย่างตอนที่เพื่อนหนูเขาเปิดร้าน...ไม่สิ ต้องเรียกว่าปรับปรุง เพราะนั่นเป็นร้านส้มตำเก่าของแม่เขา นั่นละ ตอนเกดแก้วเขาปรับเป็นร้านอาหารและขายของที่ระลึก ช่วงนั้นฮือฮากันทั้งหมู่บ้าน ร้านใหญ่ แม่ค้าสาวสวยคุยเก่ง เปิดใหม่ๆ คนเข้าร้านแน่นทั้งวัน เกดเขาเป็นดาวของที่นี่เลย หนุ่มๆ นี่รุมตอมกันเป็นฝูง”
เธอหัวเราะคำเปรียบเปรยนั้น “แหม เป็นฝูงเลยหรือคะ น้าพูดซะ พิมนึกถึงฝูงวัวฝูงควายเลย แล้วน้าล่ะ พาแขกไปลงแพที่นั่นอยู่บ่อยๆ ไม่สนใจเกดเขาบ้างเหรอคะ”
เหมือนคำถามนั้นไปโดนอะไรเข้าอย่างจัง หนุ่มใหญ่สะดุ้งเฮือกให้เห็น ก่อนตอบ
“โอ๊ย ต่อให้น้าสน แต่คนอย่างน้านะเหรอใครเขาจะสนตอบ น้าเป็นไกด์ต๊อกต๋อย เป็นแค่คนขับรถรีสอร์ต เกดแก้วเขาไม่มองหรอก รายนั้นเขามองระดับเจ้าของกิจการอย่าง...”
ชดรีบหุบปากอย่างนึกอะไรบางอย่างออก คำบางคำถ้าพูดไป ใครจะไปรู้ว่าจะไม่ทิ่มแทงใจใคร ก็ดูอย่างหลานสาวถามมาเมื่อครู่ คนถามก็คงไม่รู้หรอกว่ามันแทงใจเขาแค่ไหน
“อย่างใครคะ อย่างพี่ไผ่สิท่า”
พิมริสาพูดแล้วก็หันไปเบะปากกับใบไม้ข้างทาง เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเพื่อนเก่าหรอก เป็นใครก็ต้องสนใจคนมีสตางค์ทั้งนั้น น้าชดของเธอ ไม่มีสิ่งเหล่านั้นให้สาวๆ หากจะมีก็คือความจริงใจ ซึ่งมันมองยากและกินไม่ได้ แต่ที่เธอขัดเคืองอยู่ก็คือภาณุรุจ
นายรุ่นพี่ของเธอ เขาคงโปรยเสน่ห์ไปทั่วหมู่บ้านสินะ คงไปแสดงความห่วงใยอาทรให้สาวๆ หลง และคงเที่ยวโทรศัพท์ไปหาใครต่อใครดึกๆ ดื่นๆ เพียงเพื่อบอกว่า ‘นอนไม่หลับ...คิดถึง’ กระมัง
แล้วนี่...หลังจากคืนนั้น มันกี่วันเข้าไปแล้วที่เธอยังไม่เคยเห็นเขาโผล่มา หรือกระทั่งจะติดต่ออะไร ไม่มีแม้เสียงโทรศัพท์ คิดแล้วก็นึกโกรธตัวเองที่ไปเชื่อคำพูดคนเมา
คืนนั้นเขาเมาชัดๆ เธอก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่นั่นแหละว่า ‘พี่ไผ่คิดถึง’ ‘พี่ไผ่คิดถึง’ เธอไม่น่าจะไปเชื่อคนเมา ผู้ชายเวลาเมาต่อให้กับต้นไม้เขาก็คงกอดได้เพราะนึกว่าเป็นผู้หญิง
ว่าแต่...ทำไมต้องอยากให้เขาคิดถึง ในเมื่อปฏิเสธสิ่งที่เขาต้องการไปแล้ว เธอยังหวังว่าเขาจะมาติดต่อกับเธอด้วยเรื่องอันใดอีก จะให้มาพาไปเที่ยวในเมือง ดูหนัง ฟังเพลง งั้นหรือ หรือจะให้โทร.มาบอกคิดถึงวันละสามเวลาหลังอาหาร แถมก่อนนอนอีกรอบ ใช่...เธอไม่ได้หวังเรื่องพวกนั้นเลย
พิมริสาต้องเตือนตัวเองให้เลิกมโนเพ้อพกได้แล้ว ทำยังกับว่าเขาเป็นแฟนเธออย่างนั้นแหละ!
“ก็ไม่รู้สิ”
เสียงชดตอบเบาๆ ทำให้พิมริสาหลุดจากภวังค์และเลิกคิดเรื่องตัว เอง
“น้าชอบเกดเหรอคะ”
คราวนี้หญิงสาวถามตรงๆ รู้สึกสงสารชดจับใจ น้าของเธอเป็นหนุ่มใหญ่ อายุขนาดนี้แล้วยังไม่มีเมียเสียที...หรือน้าจะเคยผิดหวังในรัก
“บอกแล้วไง ใครๆ ก็ชอบเกดแก้ว” ชดตอบเลี่ยงๆ
“หา! จริงเหรอ ยายเกดเพื่อนหนูคงมีเสน่ห์ยาหม้อดีๆ มั้งเนี่ยผู้ชายถึงหลงรักกันทั้งหมู่บ้าน”
“คนสวยๆ ที่ขยัน ใครๆ ก็รัก หนูก็เถอะ น้าก็เห็นมีทั้งคุณนทีมีทั้งคุณไผ่เวียนไปเวียนมา”
“นั่นเพราะเขาจะซื้อที่เราหรอก” เธอแย้ง “ตอนนี้เขาเลิกเซ้าซี้แล้ว น้าไม่เห็นหรือว่าไม่มีใครมาเลย อ้อ มีคุณนทีที่มาบ่อยหน่อย มาทีไรก็ขนหนังสือเกี่ยวกับการปลูกปทุมมามาให้พิมเป็นตั้ง น้าจะเอาไปอ่านบ้างไหมหนังสือพวกนั้น”
เธอพูดแล้วก็บ่นขันๆ
“ยุคนี้ใครเขาอ่านหนังสือกันแล้ว อยากรู้ข้อมูลอะไรก็กดกูเกิลเอาสิ อากู๋ของเรารู้ทุกเรื่องบนพื้นพิภพ”
ชดหัวเราะ จริงของพิมริสา เขาคิดว่านทีคงอยากให้หลานสาวเขาประทับใจกระมัง ถึงได้เอาหนังสือคู่มือปลูกปทุมมามาให้ นอกจากวิธีการจะดูโบราณแล้ว นั่นมันเท่ากับเอามะพร้าวมาขายสวนชะมัด เพราะพิมริสานั้นศึกษาเรื่องพวกนี้มาแล้วอย่างทะลุปรุโปร่ง
ภาคทฤษฎีนั้น ชดเชื่อว่าพิมริสาได้คะแนนเต็ม เธอเป็นเด็กหัวดีมาแต่ไหนแต่ไร เรียนก็ได้เกียรตินิยม ช่วงนั้น ถ้าเธอจะต่อปริญญาโทหรือเอกแทนที่จะเลือกเข้าทำงานแบงก์ก็รับรองไปได้ไกล
ส่วนภาคปฏิบัติ นทีจะห่วงอะไร มาห่วงลูกที่มีพ่อแม่เป็นชาวสวนมาตั้งแต่บรรพบุรุษงั้นหรือ ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อนรุ่นพี่ของเจ้านายเก่าเขาคนนี้ก็คงแค่อยากเอาใจสาวนั่นแหละ ซึ่งตรงนี้ชดเองก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง นทีเป็นคนดูยากและวางตัวอีกแบบ นี่ถ้าหลานสาวเขาไม่สวยเป็นนางฟ้าแบบนี้ ชดอดคิดไม่ได้ว่านทีน่าจะดูแคลนครอบครัวบ้านๆ อย่างพวกตนเสียด้วยซ้ำ
“พูดถึงคุณนที พิมก็แปลกใจ ทำไมเกดเขาไม่ชอบคนนี้เหรอคะ เขาทั้งรวย ทั้งหล่อ สุภาพ คุณสมบัติครบทุกอย่าง เป็นคนถิ่นเราด้วย เกดน่าจะสนใจเขามากกว่า เอ่อ พี่ไผ่”
“ความใกล้ชิดด้วยมั้ง คุณนทีน่ะปกติเขาไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ เขามาทำปางช้างก็ให้คนอื่นดูแล นานทีหรอกเขาถึงจะมาอยู่ยาวๆ น้าเพิ่งจะเห็นระยะนี้แหละที่เขาอยู่ธารรุ้งนานเป็นพิเศษ สงสัยสนใจเจ้าของไร่ปทุมมา”
ประโยคหลังชดพูดยิ้มๆ เขากับหลานสาวคนนี้คุยกันได้ทุกเรื่อง ถูกคอกันทุกอย่าง แม้บางครั้งเธอจะวีนเขาบ้าง แต่ก็ได้ไม่นานหรอก สักพักพอหายโกรธ เธอก็เข้ามาขอโทษ แล้วเข้ามาคลอเคลียจ๊ะจ๋าเหมือนแมว นั่นคือความน่ารักมุ้งมิ้งของเธอ
“แหม น้าก็...พูดไปนั่น ไม่รู้เขาสนใจพิมหรือสนใจพี่พรกันแน่นะ ก็เขามาทีไรเจอพิมกับพี่พรสองคนทุกที” เธอพูดพลางหัวเราะเสียงใส “แต่ถึงเขาสนใจพิมจริงๆ พิมก็ยังไม่คิดอะไรกับเขาหรอก พิมไม่ใช่คนที่เห็นเงินตาโตนะคะ ถ้าจะชอบใครก็ชอบเพราะนิสัยของเขา ถ้าพิมเป็นพวกวัตถุนิยม พิมคงไม่กลับมาทำสวนทำไร่ที่บ้านหรอก คงอยู่กรุงเทพฯ หาสามีรวยๆ ไปแล้ว พิมบอกน้าได้แค่นี้”
ชดเหลือบมองหลานสาวอย่างชื่นชม นี่ถ้าเกดแก้วและผู้หญิงอีกหลายคนในหมู่บ้านคิดแบบพิมริสา เขาคงดีใจไม่น้อย แล้วชดก็นึกชมไปถึงพี่สาวที่เลี้ยงลูกสาวได้ดีทั้งสองคน เขาเอง หากวันไหนมีเมียมีลูก ก็เห็นจะต้องปรึกษาวิธีการเลี้ยงลูกจากพี่สาวพี่เขยเสียแล้ว
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ม.ค. 2563, 22:41:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ม.ค. 2563, 22:41:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 752
<< บทที่ 11 -50% | บทที่ 12 -100% >> |