โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 13 -60%
มีเสียงรถแล่นเข้ามาจอด ชดนั่นเอง ภาณุรุจแอบทำเสียงจึ๊กจั๊กในคอ เขาเคยชอบที่น้าชายพิมริสาเป็นคนตรงต่อเวลา แต่ตอนนี้ เขาเซ็งที่สุด อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็เอ่ยทักไป
“ไง พี่ชด กินข้าวที่อื่นมันอร่อยกว่ากินที่ร้านผมหรือไง”
“ไม่หรอกครับ ร้านคุณไผ่อร่อยที่สุดอยู่แล้วละ แต่บอกตรงๆ ผมไม่ค่อยสนิทกับคุณนที นั่งด้วยกลัวจะวางตัวลำบาก”
“ไม่เห็นมีอะไร เขาก็ดีออก ไม่เชื่อถามหนูพิมดูก็ได้”
พูดแล้วภาณุรุจบุ้ยปากมาที่พิมริสา คำว่า ‘หนูพิม’ ที่เขาเพิ่งใช้เป็นครั้งแรก ทำให้คนถูกเรียกรู้สึกปลื้มจนลืมฉุนกับคำแปร่งๆ ที่ตามมา
“กินเสร็จ เขายังจะไปส่งหลานพี่เลย”
ชดมองอดีตนายจ้าง แล้วก็ยืนนิ่งอยู่ จนคนเป็นหลานสาวสะกิด
“ไปกันเถอะค่ะ”
“เออ น้ากำลังจะบอกหนูพอดีว่าน้าอยากจะไปคุยกับน้าปื๊ดหน่อย มีเรื่องงานจะสอนอีกหลายเรื่อง อันนี้น้าปื๊ดเขาขอมาหลายวันแล้ว น้าก็ไม่มีเวลาสักที” แล้วโดยไม่รอว่าใครจะพูดอะไรต่อ ชดรีบรวบรัดความตามนิสัย
“เอางี้ คุณไผ่ครับ ผมรบกวนไปส่งพิมให้หน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ภาณุรุจรีบตอบจนเกือบเป็นลนลาน “ก็ดีเหมือนกัน พี่ชดไปช่วยสอนพี่ปื๊ดหน่อยนะ จนป่านนี้แล้วยังเงอะงะอยู่หลายเรื่อง แหม...แล้วเห็นพี่คุยว่าเก่งนักเก่งหนา”
“ครับ ผมก็ดูผิดไป นึกว่ามันสุดยอดไร้เทียมทาน ไอ้ปื๊ดมันติดจะขี้โม้น่ะครับ โม้ซะผมเชื่อ ต้องขอโทษคุณไผ่ด้วย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็คล่องเอง พี่ชดช่วยเทรนอีกหน่อยแล้วกัน”
เมื่อชดเดินจากไป ภาณุรุจก็หันมาทางพิมริสา น้ำเสียงและแววตาดูรื่นเริงผิดกับตอนอยู่บนโต๊ะอาหารลิบลับ
“พิมไม่ได้มีธุระไปต่อที่ไหนกับพี่ชดนี่ ที่บอกกับพี่นที ก็ไม่จริงใช่ไหม”
“ก็พี่อยากให้พิมไปกับเขานักนี่คะ”
เธอพูดงอนๆ ใจนะใจ ทำไมเต้นตุบๆ ขึ้นมาอีก
“อ้าว ไม่รู้สิ นึกว่าอยากไป แล้วกับพี่นี่ เต็มใจไปหรือเปล่า ชดเขาก็ติดธุระกับเพื่อนเขาซะแล้ว ยังไงพี่ต้องไปส่งนะ”
“แล้วจำใจหรือเปล่าล่ะ”
ปากถาม แต่ตามองต้นไม้ดอกไม้บริเวณนั้น ทำไมมันช่างเบ่งบานสวยเสียจริง กลิ่นก็หอมอบอวลไปทั่ว
“ก็ดูหน้าพี่สิ จำใจหรือเปล่า”
เธอหันมามองสบตาที่ระยิบระยับคู่นั้นแล้วต้องรีบหลบ มือไม้ก็ไม่รู้จะเอาไว้ไหนดี รู้สึกเกะกะจนอยากตัดทิ้ง
“มันยิ่งกว่าเต็มใจอีกนะ” เขาพูดต่อ “ตอนนี้ต่อให้พี่นทีกลับมาฆ่าพี่ พี่ก็สู้ตายเพื่อไปส่งพิม”
จบประโยคที่ทำให้คนฟังใจละลายประโยคนั้น ภาณุรุจก็สั่งให้คนสวนขนไม้ดอกขึ้นที่กระบะหลังรถหลายกระถาง แล้วหันมาบอกเธอว่าเป็นพวกดอกจำปูน สร้อยฟ้า การเวก และอื่นๆ เมื่อเห็นพิมริสายังขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าจะขนไปไหน เขาจึงเฉลยว่า ขนไปให้เธอปลูกที่บ้าน ซึ่งก็ยิ่งทำให้คนฟังงงหนักขึ้นไปอีก
“ก็วันก่อนพิมบอกพี่ว่า ที่บ้านไม่มีดอกไม้สักดอก พี่ก็เลยจัดให้ไงหนุ่มอื่นเขาให้ดอกไม้ผู้หญิงเป็นช่อ แต่พี่ให้ไปหลายกระถางเลย หวังว่าพิมคงไม่เอาดอกไม้ของพี่ไปทิ้งถังขยะแบบของคนอื่นนะจ๊ะ พี่จำได้แม่นว่าพิมเคยเล่าแบบนั้น นี่ก็เลยนึกเสียวๆ อยู่”
พิมริสาหน้าระเรื่อ รู้สึกซาบซึ้งในความเป็นคนมีน้ำใจและความช่างจดช่างจำของเขา นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอเคยเล่าเขายังจำได้ ตอนนั้นเธอคิดว่าเขาไม่ได้ฟังเธอพูดด้วยซ้ำ หลังจากขอบคุณเขาอย่างอ่อนหวาน ทั้งคู่ก็ขึ้นมาบนรถ เธอหันไปพูดยิ้มๆ ว่า
“มันไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอคะพี่ไผ่ เอาดอกไม้ไปฝากเจ้าของไร่ดอกไม้เนี่ย”
“มันก็แปลกอยู่บ้าง แต่ใจคอพิมจะปลูกแต่ดอกไม้ที่เป็นสินค้าทำมาหากินหรือ แบบว่า ปลูกๆ แล้วก็ตัดขาย ทิ้งบ้าง อะไรบ้าง พี่ว่าความรู้สึกไม่เหมือนกับดอกไม้ที่เราปลูกแล้วไม่ขายนะ”
ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดสีฟ้าคู่ใจ พารถเคลื่อนไปช้าๆ แบบถนอมล้อสุดชีวิต ก่อนจะพูดต่อ
“ดอกไม้พวกนี้ พี่ให้พิมเอาไว้ชื่นชม เอาไว้ดูแลเป็นสมบัติส่วนตัว ไม่ใช่ว่าเราปลูกดอกไม้มากมาย แต่เราไม่มีดอกไม้ที่เรารักอย่างแท้จริงเลย ทุกดอกมันกลายเป็นสินค้าไปหมด ไม่รู้สิ พี่คิดแบบนี้นะ เป็นความคิดที่ผิดมนุษย์มนาเขาไหม”
“โอ๊ะ ไม่หรอกค่ะ” คนฟังรีบปฏิเสธ “พิมไม่เคยได้ยินใครมีมุมมองในเรื่องนี้แบบพี่เลย พี่ไผ่ทำให้พิมทึ่งมาก”
“หือ ทึ่งเหรอ” เขาหันขวับ “นี่กำลังจะชมพี่ใช่ไหม จะได้ดีใจรอ”
“ดีใจได้เลยพิมชมจริงๆ คาดไม่ถึงว่าพี่จะเป็นคนละเอียดอ่อนขนาดนี้ พี่เป็นนักธุรกิจที่รักต้นไม้มากกว่าพิมซึ่งเป็นชาวสวนที่ปลูกต้นไม้ซะอีก”
“ชื่น...ใจจัง”
เขาว่าพลางทำท่าเหมือนสูดดมอะไรเข้าไปลึกๆ ใบหน้าคมสันผุดรอยยิ้มที่พิมริสาต้องลอบมองแล้วอีก เสียดายที่เขาใส่แว่นกันแดด ทำให้อดมองเห็นแววตาว่าเป็นอย่างไร
“อ้อ วันนี้เรามาทำสัญญากันหน่อยนะ ได้ไหม”
“สัญญาอะไรคะ ขึ้นต้นมาแบบนี้ รู้สึกน่ากลัวไปเลย”
“ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยจ้ะ น่ารักมากกว่า...เรามาสัญญาว่าวันนี้ห้ามทะเลาะกัน ขอให้เริ่มด้วยดี และจบด้วยอะไรสวยๆ โอเคไหม”
“พิมไม่มีปัญหาอยู่แล้วนี่ วันก่อนตอนจะกลับบ้าน อย่าลืมว่าพี่เป็นคนเริ่มก่อนนะคะ เรื่องจะซื้อที่อะไรนั่น”
“โอเคๆ พี่ผิดเอง คราวนี้สัญญาว่าไม่พูดแล้ว ขืนพูดอีกคงหาเวลาปรับความเข้าใจกับพิมยากแน่ๆ พิมเอาแต่ลงไร่ หาตัวยากเป็นบ้า” ประโยคท้ายเขาทำเสียงขึงขัง แต่แววตาขี้เล่น
“พี่ไม่คิดจะหาเองต่างหาก” ขณะพูด พิมริสาได้แต่นั่งมองมือตัว เองที่ประสานกันบนตัก “เอ่อ เบอร์โทรพิมพี่ก็มีนี่นา ถ้าจะคุยอะไรก็...โทร.ได้นี่คะ”
“ก็โทร.แล้วไง...คืนนั้น”
“แค่นั้นเหรอ”
“แล้วจะเอาแค่ไหน แค่คิดถึงไม่พอหรือ”
เธอหน้าแดงไปถึงหู นี่เขาจะมาไม้ไหนกันหนอ พูดไปพูดมา มันมาออกเรื่องที่ทำให้เธอเขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“เมาน่ะไม่ว่า คืนนั้นเสียงอ้อแอ้ยังกับคนเมา”
“ไม่ได้เมา กินเบียร์ไปป๋องเดียวเอง ขืนเมาก็แย่แล้ว พี่ง่วงต่างหาก ง่วงแต่นอนไม่หลับ พิมเคยเป็นบ้างไหม อาการนี้”
เธอไม่ตอบ แต่เสมองไปนอกรถ แล้วร้องเอะอะขึ้น
“พี่ไผ่ นี่มันไม่ใช่ทางไปบ้านพิมนี่ ยังไม่ถึงทางแยกเลยพี่เลี้ยวขวามาทำไมคะ พี่มาผิดทางแล้ว เลี้ยวกลับเลย”
แต่ภาณุรุจกลับบอกว่า “พี่รู้ๆ แต่จะชวนพิมไปเที่ยวน้ำตกหน่อย น้ำตกใกล้บ้านพิมแค่นี้ แต่พี่เดาว่าพิมก็ไม่ค่อยได้มาหรอก จริงไหม”
เธอยังนิ่ง เหลียวซ้ายแลขวา ภาณุรุจปรายตามอง ท่าทางเหมือนเธอกลัวว่าเขาจะพาไปทำมิดีมิร้าย ใครจะกล้าไปทำอย่างนั้น ถึงแม้ว่ามันจะมีแวบๆ เข้ามาบ้างตามประสาผู้ชายที่มักคิดไม่ซื่อต่อสาวสวย แต่ใครจะกล้า
เขาแค่อยากประวิงเวลาอยู่กับเธออีกนานหน่อยเท่านั้นเอง วันนี้ชดเปิดโอกาสทองฝังเพชรระยิบระยับให้แล้ว แล้วทำไมเขาจะต้องรีบพาเธอไปส่งบ้าน อย่างที่นทีว่าก็ถูก งานในไร่ไม่ใช่งานราชการจะเข้าบ่ายโมงไปทำไม
ภาณุรุจมองร่างบอบบางที่หันไปหันมานั้นแล้วก็นึกขำขึ้นมาอีก นี่มันคนเดียวกับยายเฟรชชี่ปากกล้าเมื่อหลายปีก่อนคนนั้นหรือเปล่า ท่าทางเหมือนแม่เสือสิ้นลาย วันนี้ถ้ารุ่นพี่อย่างเขาคิดจะ ‘ซ่อม’ เธอ รับรองซ่อมได้สบายมาก ไม่มีทางให้เธอวิ่งหนีไปได้แบบหลายปีก่อนแน่
((ebook โหลดได้ที่ mebmarket))
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“ไง พี่ชด กินข้าวที่อื่นมันอร่อยกว่ากินที่ร้านผมหรือไง”
“ไม่หรอกครับ ร้านคุณไผ่อร่อยที่สุดอยู่แล้วละ แต่บอกตรงๆ ผมไม่ค่อยสนิทกับคุณนที นั่งด้วยกลัวจะวางตัวลำบาก”
“ไม่เห็นมีอะไร เขาก็ดีออก ไม่เชื่อถามหนูพิมดูก็ได้”
พูดแล้วภาณุรุจบุ้ยปากมาที่พิมริสา คำว่า ‘หนูพิม’ ที่เขาเพิ่งใช้เป็นครั้งแรก ทำให้คนถูกเรียกรู้สึกปลื้มจนลืมฉุนกับคำแปร่งๆ ที่ตามมา
“กินเสร็จ เขายังจะไปส่งหลานพี่เลย”
ชดมองอดีตนายจ้าง แล้วก็ยืนนิ่งอยู่ จนคนเป็นหลานสาวสะกิด
“ไปกันเถอะค่ะ”
“เออ น้ากำลังจะบอกหนูพอดีว่าน้าอยากจะไปคุยกับน้าปื๊ดหน่อย มีเรื่องงานจะสอนอีกหลายเรื่อง อันนี้น้าปื๊ดเขาขอมาหลายวันแล้ว น้าก็ไม่มีเวลาสักที” แล้วโดยไม่รอว่าใครจะพูดอะไรต่อ ชดรีบรวบรัดความตามนิสัย
“เอางี้ คุณไผ่ครับ ผมรบกวนไปส่งพิมให้หน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ภาณุรุจรีบตอบจนเกือบเป็นลนลาน “ก็ดีเหมือนกัน พี่ชดไปช่วยสอนพี่ปื๊ดหน่อยนะ จนป่านนี้แล้วยังเงอะงะอยู่หลายเรื่อง แหม...แล้วเห็นพี่คุยว่าเก่งนักเก่งหนา”
“ครับ ผมก็ดูผิดไป นึกว่ามันสุดยอดไร้เทียมทาน ไอ้ปื๊ดมันติดจะขี้โม้น่ะครับ โม้ซะผมเชื่อ ต้องขอโทษคุณไผ่ด้วย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็คล่องเอง พี่ชดช่วยเทรนอีกหน่อยแล้วกัน”
เมื่อชดเดินจากไป ภาณุรุจก็หันมาทางพิมริสา น้ำเสียงและแววตาดูรื่นเริงผิดกับตอนอยู่บนโต๊ะอาหารลิบลับ
“พิมไม่ได้มีธุระไปต่อที่ไหนกับพี่ชดนี่ ที่บอกกับพี่นที ก็ไม่จริงใช่ไหม”
“ก็พี่อยากให้พิมไปกับเขานักนี่คะ”
เธอพูดงอนๆ ใจนะใจ ทำไมเต้นตุบๆ ขึ้นมาอีก
“อ้าว ไม่รู้สิ นึกว่าอยากไป แล้วกับพี่นี่ เต็มใจไปหรือเปล่า ชดเขาก็ติดธุระกับเพื่อนเขาซะแล้ว ยังไงพี่ต้องไปส่งนะ”
“แล้วจำใจหรือเปล่าล่ะ”
ปากถาม แต่ตามองต้นไม้ดอกไม้บริเวณนั้น ทำไมมันช่างเบ่งบานสวยเสียจริง กลิ่นก็หอมอบอวลไปทั่ว
“ก็ดูหน้าพี่สิ จำใจหรือเปล่า”
เธอหันมามองสบตาที่ระยิบระยับคู่นั้นแล้วต้องรีบหลบ มือไม้ก็ไม่รู้จะเอาไว้ไหนดี รู้สึกเกะกะจนอยากตัดทิ้ง
“มันยิ่งกว่าเต็มใจอีกนะ” เขาพูดต่อ “ตอนนี้ต่อให้พี่นทีกลับมาฆ่าพี่ พี่ก็สู้ตายเพื่อไปส่งพิม”
จบประโยคที่ทำให้คนฟังใจละลายประโยคนั้น ภาณุรุจก็สั่งให้คนสวนขนไม้ดอกขึ้นที่กระบะหลังรถหลายกระถาง แล้วหันมาบอกเธอว่าเป็นพวกดอกจำปูน สร้อยฟ้า การเวก และอื่นๆ เมื่อเห็นพิมริสายังขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าจะขนไปไหน เขาจึงเฉลยว่า ขนไปให้เธอปลูกที่บ้าน ซึ่งก็ยิ่งทำให้คนฟังงงหนักขึ้นไปอีก
“ก็วันก่อนพิมบอกพี่ว่า ที่บ้านไม่มีดอกไม้สักดอก พี่ก็เลยจัดให้ไงหนุ่มอื่นเขาให้ดอกไม้ผู้หญิงเป็นช่อ แต่พี่ให้ไปหลายกระถางเลย หวังว่าพิมคงไม่เอาดอกไม้ของพี่ไปทิ้งถังขยะแบบของคนอื่นนะจ๊ะ พี่จำได้แม่นว่าพิมเคยเล่าแบบนั้น นี่ก็เลยนึกเสียวๆ อยู่”
พิมริสาหน้าระเรื่อ รู้สึกซาบซึ้งในความเป็นคนมีน้ำใจและความช่างจดช่างจำของเขา นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอเคยเล่าเขายังจำได้ ตอนนั้นเธอคิดว่าเขาไม่ได้ฟังเธอพูดด้วยซ้ำ หลังจากขอบคุณเขาอย่างอ่อนหวาน ทั้งคู่ก็ขึ้นมาบนรถ เธอหันไปพูดยิ้มๆ ว่า
“มันไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอคะพี่ไผ่ เอาดอกไม้ไปฝากเจ้าของไร่ดอกไม้เนี่ย”
“มันก็แปลกอยู่บ้าง แต่ใจคอพิมจะปลูกแต่ดอกไม้ที่เป็นสินค้าทำมาหากินหรือ แบบว่า ปลูกๆ แล้วก็ตัดขาย ทิ้งบ้าง อะไรบ้าง พี่ว่าความรู้สึกไม่เหมือนกับดอกไม้ที่เราปลูกแล้วไม่ขายนะ”
ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดสีฟ้าคู่ใจ พารถเคลื่อนไปช้าๆ แบบถนอมล้อสุดชีวิต ก่อนจะพูดต่อ
“ดอกไม้พวกนี้ พี่ให้พิมเอาไว้ชื่นชม เอาไว้ดูแลเป็นสมบัติส่วนตัว ไม่ใช่ว่าเราปลูกดอกไม้มากมาย แต่เราไม่มีดอกไม้ที่เรารักอย่างแท้จริงเลย ทุกดอกมันกลายเป็นสินค้าไปหมด ไม่รู้สิ พี่คิดแบบนี้นะ เป็นความคิดที่ผิดมนุษย์มนาเขาไหม”
“โอ๊ะ ไม่หรอกค่ะ” คนฟังรีบปฏิเสธ “พิมไม่เคยได้ยินใครมีมุมมองในเรื่องนี้แบบพี่เลย พี่ไผ่ทำให้พิมทึ่งมาก”
“หือ ทึ่งเหรอ” เขาหันขวับ “นี่กำลังจะชมพี่ใช่ไหม จะได้ดีใจรอ”
“ดีใจได้เลยพิมชมจริงๆ คาดไม่ถึงว่าพี่จะเป็นคนละเอียดอ่อนขนาดนี้ พี่เป็นนักธุรกิจที่รักต้นไม้มากกว่าพิมซึ่งเป็นชาวสวนที่ปลูกต้นไม้ซะอีก”
“ชื่น...ใจจัง”
เขาว่าพลางทำท่าเหมือนสูดดมอะไรเข้าไปลึกๆ ใบหน้าคมสันผุดรอยยิ้มที่พิมริสาต้องลอบมองแล้วอีก เสียดายที่เขาใส่แว่นกันแดด ทำให้อดมองเห็นแววตาว่าเป็นอย่างไร
“อ้อ วันนี้เรามาทำสัญญากันหน่อยนะ ได้ไหม”
“สัญญาอะไรคะ ขึ้นต้นมาแบบนี้ รู้สึกน่ากลัวไปเลย”
“ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยจ้ะ น่ารักมากกว่า...เรามาสัญญาว่าวันนี้ห้ามทะเลาะกัน ขอให้เริ่มด้วยดี และจบด้วยอะไรสวยๆ โอเคไหม”
“พิมไม่มีปัญหาอยู่แล้วนี่ วันก่อนตอนจะกลับบ้าน อย่าลืมว่าพี่เป็นคนเริ่มก่อนนะคะ เรื่องจะซื้อที่อะไรนั่น”
“โอเคๆ พี่ผิดเอง คราวนี้สัญญาว่าไม่พูดแล้ว ขืนพูดอีกคงหาเวลาปรับความเข้าใจกับพิมยากแน่ๆ พิมเอาแต่ลงไร่ หาตัวยากเป็นบ้า” ประโยคท้ายเขาทำเสียงขึงขัง แต่แววตาขี้เล่น
“พี่ไม่คิดจะหาเองต่างหาก” ขณะพูด พิมริสาได้แต่นั่งมองมือตัว เองที่ประสานกันบนตัก “เอ่อ เบอร์โทรพิมพี่ก็มีนี่นา ถ้าจะคุยอะไรก็...โทร.ได้นี่คะ”
“ก็โทร.แล้วไง...คืนนั้น”
“แค่นั้นเหรอ”
“แล้วจะเอาแค่ไหน แค่คิดถึงไม่พอหรือ”
เธอหน้าแดงไปถึงหู นี่เขาจะมาไม้ไหนกันหนอ พูดไปพูดมา มันมาออกเรื่องที่ทำให้เธอเขินจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
“เมาน่ะไม่ว่า คืนนั้นเสียงอ้อแอ้ยังกับคนเมา”
“ไม่ได้เมา กินเบียร์ไปป๋องเดียวเอง ขืนเมาก็แย่แล้ว พี่ง่วงต่างหาก ง่วงแต่นอนไม่หลับ พิมเคยเป็นบ้างไหม อาการนี้”
เธอไม่ตอบ แต่เสมองไปนอกรถ แล้วร้องเอะอะขึ้น
“พี่ไผ่ นี่มันไม่ใช่ทางไปบ้านพิมนี่ ยังไม่ถึงทางแยกเลยพี่เลี้ยวขวามาทำไมคะ พี่มาผิดทางแล้ว เลี้ยวกลับเลย”
แต่ภาณุรุจกลับบอกว่า “พี่รู้ๆ แต่จะชวนพิมไปเที่ยวน้ำตกหน่อย น้ำตกใกล้บ้านพิมแค่นี้ แต่พี่เดาว่าพิมก็ไม่ค่อยได้มาหรอก จริงไหม”
เธอยังนิ่ง เหลียวซ้ายแลขวา ภาณุรุจปรายตามอง ท่าทางเหมือนเธอกลัวว่าเขาจะพาไปทำมิดีมิร้าย ใครจะกล้าไปทำอย่างนั้น ถึงแม้ว่ามันจะมีแวบๆ เข้ามาบ้างตามประสาผู้ชายที่มักคิดไม่ซื่อต่อสาวสวย แต่ใครจะกล้า
เขาแค่อยากประวิงเวลาอยู่กับเธออีกนานหน่อยเท่านั้นเอง วันนี้ชดเปิดโอกาสทองฝังเพชรระยิบระยับให้แล้ว แล้วทำไมเขาจะต้องรีบพาเธอไปส่งบ้าน อย่างที่นทีว่าก็ถูก งานในไร่ไม่ใช่งานราชการจะเข้าบ่ายโมงไปทำไม
ภาณุรุจมองร่างบอบบางที่หันไปหันมานั้นแล้วก็นึกขำขึ้นมาอีก นี่มันคนเดียวกับยายเฟรชชี่ปากกล้าเมื่อหลายปีก่อนคนนั้นหรือเปล่า ท่าทางเหมือนแม่เสือสิ้นลาย วันนี้ถ้ารุ่นพี่อย่างเขาคิดจะ ‘ซ่อม’ เธอ รับรองซ่อมได้สบายมาก ไม่มีทางให้เธอวิ่งหนีไปได้แบบหลายปีก่อนแน่
((ebook โหลดได้ที่ mebmarket))
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.พ. 2563, 16:15:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.พ. 2563, 16:15:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 465
<< บทที่ 13 -30% + วางขายศูนย์หนังสือจุฬาฯ | บทที่ 13 -100% >> |