โอบรักธารรุ้ง: อัยย์ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
หมู่บ้านธารรุ้ง แผ่นดินผืนนี้คือทำเลทองของธุรกิจเขา
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
และคือบ้านเกิดแสนอบอุ่นที่เธอจะมาปักหลักเป็นเกษตรกร
'ภาณุรุจ' มีฝันจะทำรีสอร์ตแห่งใหม่ในพื้นที่ของ 'พิมริสา' โดยที่เธอเองก็มีฝันจะทำไร่ดอกไม้อยู่แล้ว
เขาจะรามือ หรือจะยื้อแย่งดี แต่เห็นความมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้
เพราะเธอก็ไม่ใช่คนไกล เป็นอดีตรุ่นน้องรหัสสมัยเรียนที่เขาเคยว้ากใส่จนไม่มองหน้ากันมาก่อน
ความฝังใจของเธอ เขาคือรุ่นพี่ที่ไร้เมตตา แต่เขาอยากจะบอกเธอว่า...ไม่เสมอไป
เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยถามเขา “โทร.มาทำไมคะ ดึกๆ ป่านนี้ มีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่ใช่โทร.มาขอซื้อที่แล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ตอนนี้นะ คือว่า...พี่นอนไม่หลับ”
“แล้วทำไมถึงโทร.หาพิมล่ะ คนทั้งหมู่บ้านก็มี”
เขาเงียบอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจตอบ “ก็...ไม่ได้คิดถึงคนอื่นนี่”
ใช่ เขาคิดถึงเธอนั่นแหละ ทุกลมหายใจ
แล้วทีนี้จะให้ทำยังไง นอกจากดับฝันอันยิ่งใหญ่ของตัวเองเพื่อเธอ
******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย อัยย์ และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ โรแมนติกน่ารักน่าหยิกตามสไตล์คุณอัยย์เช่นเคย และมีความคู่กัดระหว่างพระเอกนางเอก เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ชังขี้หน้ากันตั้งแต่มหา'ลัย แต่ต้องมาเจอกันอีกในหมู่บ้านธารรุ้ง หวานๆ ฮาๆ ในเรื่องราวค่ะ นอกจากนี้มีเรื่องของการสร้างชุมชน และการมีกิจการของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช, ร้านนิยายรัก, ร้านbooksforfun, ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง), ร้านThebookboxclub และร้าน BestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: โรแมนติก คู่กัด เกษตรกร รีสอร์ต รุ่นพี่ รุ่นน้อง
ตอน: บทที่ 14 -60%
พิมริสาลงจากรถ ก็เจอบิดาเดินออกมาพอดี เธอเดินเข้าไปกอดเอวบิดาชาวสวนอย่างรักใคร่ พร้อมรายงานเสียงใส
“พิมไปแวะน้ำตกกับคุณไผ่มาแป๊บนึง น้ำตกสวยมากเลยจ้ะพ่อ น้ำแรงมาก มันซัดพิมซะตัวเปียก เดี๋ยวขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะจ๊ะ”
ไพโรจน์ลูบศีรษะลูกสาวคนเล็กเบาๆ เมื่อเธอเดินเข้าบ้านไป เขาก็ช่วยชายหนุ่มขนพวกกระถางดอกไม้ไปวางไว้แถวๆ หน้าบ้าน
ภาณุรุจรู้สึกดีที่พิมริสาพูดความจริงกับบิดาจนดูเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรที่ชวนให้คิดว่าการไปน้ำตกสองต่อสองกับเขาเป็นเรื่องลึกลับหรือหมกเม็ดประการใด ส่วนไอ้เรื่องที่เขากอดเธอนั้น แน่นอน ไม่มีผู้หญิงคนไหนทะ เล่อทะล่าไปบอกคนเป็นพ่อแน่ เรื่องนี้เขาก็ไม่ห่วง
ขนต้นไม้เสร็จ ไพโรจน์ก็ยืนคุยกับภาณุรุจ ชายชาวสวนนึกไม่ถึงว่าหนุ่มนักธุรกิจชาวกรุงจะมีความรู้เรื่องต้นไม้ดอกไม้เยอะขนาดนี้
“บ้านผมที่กรุงเทพฯ มีต้นไม้เยอะครับ คุณพ่อผมเขารักต้นไม้มากปลูกซะหาตัวบ้านแทบไม่เจอ เดินเข้าไปนี่ยังกับเดินเข้าสวนสาธารณะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ “คุณพ่อทำบ้านต้นไม้ส่วนตัวให้ผมอยู่เป็นทาร์ซานตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้มันก็ยังอยู่เลยครับ”
“ผมละไฝ่ฝันเลยบ้านแบบนั้น แต่สมัยผม ไม่มีปัญญาทำหรอก เราทำได้แค่พวกห้างร้านในป่า เมื่อก่อนผมเคยเที่ยวป่าบ่อย แต่ไม่ได้ล่าสัตว์นะครับ อย่างเก่งก็ยิงไก่”
จากนั้นชาวไร่ผู้สูงวัยก็เล่าเรื่องการเข้าป่าสมัยก่อนให้หนุ่มรุ่นลูกฟัง ซึ่งคนฟังก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี โดยเขาซักถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ตลอด จบเรื่องนั่งห้างในป่า ภาณุรุจก็บอกว่า
“ถ้าคุณลุงอยากได้ต้นไม้เพิ่ม ก็ไปเอาที่รีสอร์ตผมได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ที่นั่นมีพวกดอกไม้สวยๆ เยอะมาก เยอะจนวันนี้ผมต้องแบ่งมาให้พิมบ้างอย่างที่เห็นนี่แหละ”
“ขอบคุณมากครับคุณไผ่ คุณดีกับพวกเราจริงๆ คุณนทีก็เหมือนกัน แม้ว่าผมจะไม่ขายที่ให้คุณสองคนแล้ว แต่พวกคุณก็ยังเป็นมิตรกับเราถ้าเป็นคนอื่น เขาคงโกรธผมแย่ที่รับปากแล้วไม่ทำตามนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อนาคตไม่มีใครเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณลุงก็ยังไม่ได้ทำสัญญากับเรา อีกอย่าง พิมเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ยังไงก็เป็นน้องร่วมสถาบันกับผม”
“อ๋อ เรื่องนี้พิมก็เคยบอก ช่างบังเอิญจริงๆ ที่พี่น้องมาเจอกัน ผมก็อยากให้คุณไผ่เอ็นดูน้องเยอะๆ นะครับ มีอะไรก็อย่าไปถือสาหาความ หนูพิมแกเป็นคนปากไว โผงผาง ไม่ค่อยเก็บอารมณ์ คงเพราะเป็นน้องเล็กที่ทุกคนตามใจนั่นละ แกก็เลยกลายเป็นคนนิสัยแบบนั้น”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรู้นิสัยเขาดี น้องก็น่ารักดี เป็นคนตรงๆ คบง่ายออกครับ ส่วนเรื่องไร่ ถ้าติดขัดอะไรคุณลุงก็บอกผมได้เสมอ ผมยินดีช่วยถ้าช่วยได้ อืม...ไม่รู้สิครับ ผมเห็นคุณลุงแล้วก็ชักคิดถึงพ่อ พ่อผมก็รุ่นเดียวกันนี่ละ สงสัยผมคงต้องกลับบ้านไปเยี่ยมท่านบ้างแล้ว”
“ก็ไปสิครับคุณไผ่ ลูกไปหา พ่อแม่จะได้ชื่นใจ ดูท่าทางคุณจะสนิทกับคุณพ่อมากสิท่า”
“ก็สนิทแบบที่พิมสนิทกับคุณลุงนั่นแหละครับ คุณพ่อเป็นฮีโรของผมมาตั้งแต่เด็กๆ เราไม่เคยมีเรื่องขัดใจกันเลย พ่อส่งเสริมผมทุกเรื่องครับ ขนาดผมมาหมกตัวทำรีสอร์ตอยู่ที่นี่ ไม่ได้ช่วยกิจการที่กรุงเทพฯ ท่านก็ไม่ว่าอะไร”
คุยกันอีกสองสามคำ ภาณุรุจก็ลากลับ ไพโรจน์ส่งเขาขึ้นรถแล้วยืนมองจนรถคันใหญ่ลับหายไปตามความคดโค้งของถนน
เจ้าของพื้นที่อันกว้างขวางแห่งธารรุ้งอดชื่นชมอุปนิสัยใจคอของภา ณุรุจไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดคุยและเห็นตัวตนของผู้ชายที่คิดจะมาซื้อที่ทางของตน ผู้ชายแมนๆ เป็นผู้ใหญ่เต็มที่แล้ว แต่แสดงออกว่ารักพ่อเหมือนเด็กชายตัวเล็กๆ แบบนี้ เขาแทบไม่เคยเจอ อย่างภพพิชัย ลูกชายคนโตของเขาก็ติดจะเฉยเมยเฉยชา ไม่ค่อยแสดงให้เห็นว่ารักพ่อสักเท่าไร ขนาดวันพ่อ หมอนั่นยังไม่เคยพาพ่อไปกินข้าวในเมืองสักปี
น่าภูมิใจแทนบิดาของภาณุรุจจริงๆ ที่เลี้ยงลูกได้ดีแบบนี้ ทั้งขยันขันแข็ง ทั้งเป็นคนติดดิน ไม่มีความเย่อหยิ่ง รูปก็งาม ทุกอย่างดูจะดีพร้อมไปหมด ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ พิมริสาถึงพูดถึงเขาในแง่ร้ายนัก คงเพราะเหตุผลเรื่องรับน้องสมัยเรียนที่ฝังใจกันกระมัง
‘พวกรุ่นพี่บ้าอำนาจ พิมไม่ชอบพวกอำนาจนิยม’
พิมริสาเคยใช้ศัพท์แสงแบบนั้นกับเขาตอนเล่าเรื่องสมัยเรียน แต่ถ้าดูจากที่พูดคุยแล้ว ภาณุรุจไม่มีทีท่าวางอำนาจแม้แต่นิด สมัยนั้นเขาอาจยังเด็ก ต้องทำตัวไปตามระบอบบางอย่างที่เป็นประเพณีสืบต่อกัน ซึ่งเขาก็ได้ยินข่าวมามากว่าไอ้ประเพณีรับน้องตามสถาบันต่างๆ นั้น บางครั้งก็เกินเลยเกินงาม
เขาพอจะจำได้ พิมริสาเคยเล่าว่า เธอวิ่งหนีออกจากวง ขณะที่รุ่นพี่คนหนึ่งกำลังจะทำโทษเธอที่ไม่เต้นตามคำสั่ง และหลังจากนั้นพวกรุ่นพี่ก็ลอยแพเธอ ทุกคนไม่เคยสนใจให้คำปรึกษาใดๆ อีกเลย
ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้วไพโรจน์ก็เดือดปุดๆ รู้สึกว่าลูกสาวสุดที่รักทำถูก ต้องที่สุดแล้วที่วิ่งหนีออกไปตอนนั้น แล้วไงเล่า รุ่นพี่ไม่สนใจ แล้วมันทำให้ชีวิตการเรียนเธอล้มเหลวไหม ลูกสาวเขาคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้อย่างน่าภาคภูมิใจด้วยซ้ำ ครอบครัวเขาเป็นแค่ชาวสวนจนๆ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นศักดิ์ศรีเป็นอันขาด
แต่ไพโรจน์ก็ไม่คิดว่ารุ่นพี่คนนั้นจะเป็นชายหนุ่มคนที่น่ารักเมื่อครู่ ทุกอย่างช่างเป็นเรื่องของโชคชะตา ฟ้าลิขิตจริงๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
“พิมไปแวะน้ำตกกับคุณไผ่มาแป๊บนึง น้ำตกสวยมากเลยจ้ะพ่อ น้ำแรงมาก มันซัดพิมซะตัวเปียก เดี๋ยวขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะจ๊ะ”
ไพโรจน์ลูบศีรษะลูกสาวคนเล็กเบาๆ เมื่อเธอเดินเข้าบ้านไป เขาก็ช่วยชายหนุ่มขนพวกกระถางดอกไม้ไปวางไว้แถวๆ หน้าบ้าน
ภาณุรุจรู้สึกดีที่พิมริสาพูดความจริงกับบิดาจนดูเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรที่ชวนให้คิดว่าการไปน้ำตกสองต่อสองกับเขาเป็นเรื่องลึกลับหรือหมกเม็ดประการใด ส่วนไอ้เรื่องที่เขากอดเธอนั้น แน่นอน ไม่มีผู้หญิงคนไหนทะ เล่อทะล่าไปบอกคนเป็นพ่อแน่ เรื่องนี้เขาก็ไม่ห่วง
ขนต้นไม้เสร็จ ไพโรจน์ก็ยืนคุยกับภาณุรุจ ชายชาวสวนนึกไม่ถึงว่าหนุ่มนักธุรกิจชาวกรุงจะมีความรู้เรื่องต้นไม้ดอกไม้เยอะขนาดนี้
“บ้านผมที่กรุงเทพฯ มีต้นไม้เยอะครับ คุณพ่อผมเขารักต้นไม้มากปลูกซะหาตัวบ้านแทบไม่เจอ เดินเข้าไปนี่ยังกับเดินเข้าสวนสาธารณะ” เขาพูดกลั้วหัวเราะ “คุณพ่อทำบ้านต้นไม้ส่วนตัวให้ผมอยู่เป็นทาร์ซานตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้มันก็ยังอยู่เลยครับ”
“ผมละไฝ่ฝันเลยบ้านแบบนั้น แต่สมัยผม ไม่มีปัญญาทำหรอก เราทำได้แค่พวกห้างร้านในป่า เมื่อก่อนผมเคยเที่ยวป่าบ่อย แต่ไม่ได้ล่าสัตว์นะครับ อย่างเก่งก็ยิงไก่”
จากนั้นชาวไร่ผู้สูงวัยก็เล่าเรื่องการเข้าป่าสมัยก่อนให้หนุ่มรุ่นลูกฟัง ซึ่งคนฟังก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี โดยเขาซักถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ตลอด จบเรื่องนั่งห้างในป่า ภาณุรุจก็บอกว่า
“ถ้าคุณลุงอยากได้ต้นไม้เพิ่ม ก็ไปเอาที่รีสอร์ตผมได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ที่นั่นมีพวกดอกไม้สวยๆ เยอะมาก เยอะจนวันนี้ผมต้องแบ่งมาให้พิมบ้างอย่างที่เห็นนี่แหละ”
“ขอบคุณมากครับคุณไผ่ คุณดีกับพวกเราจริงๆ คุณนทีก็เหมือนกัน แม้ว่าผมจะไม่ขายที่ให้คุณสองคนแล้ว แต่พวกคุณก็ยังเป็นมิตรกับเราถ้าเป็นคนอื่น เขาคงโกรธผมแย่ที่รับปากแล้วไม่ทำตามนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อนาคตไม่มีใครเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณลุงก็ยังไม่ได้ทำสัญญากับเรา อีกอย่าง พิมเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ยังไงก็เป็นน้องร่วมสถาบันกับผม”
“อ๋อ เรื่องนี้พิมก็เคยบอก ช่างบังเอิญจริงๆ ที่พี่น้องมาเจอกัน ผมก็อยากให้คุณไผ่เอ็นดูน้องเยอะๆ นะครับ มีอะไรก็อย่าไปถือสาหาความ หนูพิมแกเป็นคนปากไว โผงผาง ไม่ค่อยเก็บอารมณ์ คงเพราะเป็นน้องเล็กที่ทุกคนตามใจนั่นละ แกก็เลยกลายเป็นคนนิสัยแบบนั้น”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรู้นิสัยเขาดี น้องก็น่ารักดี เป็นคนตรงๆ คบง่ายออกครับ ส่วนเรื่องไร่ ถ้าติดขัดอะไรคุณลุงก็บอกผมได้เสมอ ผมยินดีช่วยถ้าช่วยได้ อืม...ไม่รู้สิครับ ผมเห็นคุณลุงแล้วก็ชักคิดถึงพ่อ พ่อผมก็รุ่นเดียวกันนี่ละ สงสัยผมคงต้องกลับบ้านไปเยี่ยมท่านบ้างแล้ว”
“ก็ไปสิครับคุณไผ่ ลูกไปหา พ่อแม่จะได้ชื่นใจ ดูท่าทางคุณจะสนิทกับคุณพ่อมากสิท่า”
“ก็สนิทแบบที่พิมสนิทกับคุณลุงนั่นแหละครับ คุณพ่อเป็นฮีโรของผมมาตั้งแต่เด็กๆ เราไม่เคยมีเรื่องขัดใจกันเลย พ่อส่งเสริมผมทุกเรื่องครับ ขนาดผมมาหมกตัวทำรีสอร์ตอยู่ที่นี่ ไม่ได้ช่วยกิจการที่กรุงเทพฯ ท่านก็ไม่ว่าอะไร”
คุยกันอีกสองสามคำ ภาณุรุจก็ลากลับ ไพโรจน์ส่งเขาขึ้นรถแล้วยืนมองจนรถคันใหญ่ลับหายไปตามความคดโค้งของถนน
เจ้าของพื้นที่อันกว้างขวางแห่งธารรุ้งอดชื่นชมอุปนิสัยใจคอของภา ณุรุจไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พูดคุยและเห็นตัวตนของผู้ชายที่คิดจะมาซื้อที่ทางของตน ผู้ชายแมนๆ เป็นผู้ใหญ่เต็มที่แล้ว แต่แสดงออกว่ารักพ่อเหมือนเด็กชายตัวเล็กๆ แบบนี้ เขาแทบไม่เคยเจอ อย่างภพพิชัย ลูกชายคนโตของเขาก็ติดจะเฉยเมยเฉยชา ไม่ค่อยแสดงให้เห็นว่ารักพ่อสักเท่าไร ขนาดวันพ่อ หมอนั่นยังไม่เคยพาพ่อไปกินข้าวในเมืองสักปี
น่าภูมิใจแทนบิดาของภาณุรุจจริงๆ ที่เลี้ยงลูกได้ดีแบบนี้ ทั้งขยันขันแข็ง ทั้งเป็นคนติดดิน ไม่มีความเย่อหยิ่ง รูปก็งาม ทุกอย่างดูจะดีพร้อมไปหมด ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ พิมริสาถึงพูดถึงเขาในแง่ร้ายนัก คงเพราะเหตุผลเรื่องรับน้องสมัยเรียนที่ฝังใจกันกระมัง
‘พวกรุ่นพี่บ้าอำนาจ พิมไม่ชอบพวกอำนาจนิยม’
พิมริสาเคยใช้ศัพท์แสงแบบนั้นกับเขาตอนเล่าเรื่องสมัยเรียน แต่ถ้าดูจากที่พูดคุยแล้ว ภาณุรุจไม่มีทีท่าวางอำนาจแม้แต่นิด สมัยนั้นเขาอาจยังเด็ก ต้องทำตัวไปตามระบอบบางอย่างที่เป็นประเพณีสืบต่อกัน ซึ่งเขาก็ได้ยินข่าวมามากว่าไอ้ประเพณีรับน้องตามสถาบันต่างๆ นั้น บางครั้งก็เกินเลยเกินงาม
เขาพอจะจำได้ พิมริสาเคยเล่าว่า เธอวิ่งหนีออกจากวง ขณะที่รุ่นพี่คนหนึ่งกำลังจะทำโทษเธอที่ไม่เต้นตามคำสั่ง และหลังจากนั้นพวกรุ่นพี่ก็ลอยแพเธอ ทุกคนไม่เคยสนใจให้คำปรึกษาใดๆ อีกเลย
ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้วไพโรจน์ก็เดือดปุดๆ รู้สึกว่าลูกสาวสุดที่รักทำถูก ต้องที่สุดแล้วที่วิ่งหนีออกไปตอนนั้น แล้วไงเล่า รุ่นพี่ไม่สนใจ แล้วมันทำให้ชีวิตการเรียนเธอล้มเหลวไหม ลูกสาวเขาคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้อย่างน่าภาคภูมิใจด้วยซ้ำ ครอบครัวเขาเป็นแค่ชาวสวนจนๆ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นศักดิ์ศรีเป็นอันขาด
แต่ไพโรจน์ก็ไม่คิดว่ารุ่นพี่คนนั้นจะเป็นชายหนุ่มคนที่น่ารักเมื่อครู่ ทุกอย่างช่างเป็นเรื่องของโชคชะตา ฟ้าลิขิตจริงๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มี.ค. 2563, 15:54:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มี.ค. 2563, 15:54:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 440
<< บทที่ 14 -30% | บทที่ 14 -100% >> |