เลื่อมลายพรายจันทร์: ดุจดาริน (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
'ดมิสา' เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่ถูกเรียกว่า พลังจิต
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
ท่ามกลางชีวิตที่ราวกับถูกสาปด้วย พร จาก สวรรค์
เธอได้พบกับชายหนุ่มแสนดีที่พร้อมจะฉุดเธอออกมาจากเรือนเสน่ห์จันทน์
...โดยหารู้ไม่ว่าเขามีแผนการบางอย่างกับเธอ…
'จิณไตย' สูญเสียภรรยาไปถึงสองคนจากการแต่งงานสองครั้ง
และที่สำคัญ ภรรยาทั้งสองของเขากำลังตั้งครรภ์ด้วย
ชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งฝันร้าย และความไม่เข้าใจในสิ่งที่เผชิญ
โดยไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ฆาตกรรมทั้งหมดนั้น มีใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหลัง…
'ใคร' ที่หมายจะสังหารภรรยาทุกคนของเขาให้ตายคามือ!!!
**************
นิยายเรื่องนี้แต่งโดย ดุจดาริน(พิมาลินย์) และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้เป็นนิยายรัก สยองขวัญ นางเอกเป็นหมอเด็กที่มีพลังจิต! และสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้ค่ะ ระวัง อย่าทำให้นางโกรธเชียว…
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
สั่งซื้อเลื่อมลายพรายจันทร์ ราคา 308฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 40฿ (รวมเป็น 348฿)
ค่าจัดส่ง EMS 60฿ (รวมเป็น 368฿)
ราคาสั่งซื้อแพ็ก 4 เล่ม (เลื่อมลายพรายจันทร์ ราคีสีเพลิง มาลีเริงไฟ และม่านมนตกานต์) 1,052฿ (จากราคาเต็ม 1,174฿)
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 65฿ (รวมเป็น 1,117฿)
ค่าจัดส่ง EMS 90฿ (รวมเป็น 1,142฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
**************
หมายเหตุ: นิยายเรื่องนี้เป็นซีรีส์ "ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์" มีทั้งหมด 4 เรื่อง แต่งโดยนักเขียน 3 ท่าน ดังนี้
-ราคีสีเพลิง แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา) ดุจดาริน (พิมาลินย์) รางนาก (สะมะเรีย)
-มาลีเริงไฟ แต่งโดย รังสี (วิรัตต์ยา)
-เลื่อมลายพรายจันทร์ แต่งโดย ดุจดาริน (พิมาลินย์)
-ม่านมนตกานต์ แต่งโดย รางนาก (สะมะเรีย)
*******************
จุดเชื่อมโยงคือ 'ยายเจิมจันทร์ เสน่ห์จันทน์' ยายของหลานๆ ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวเอกของทั้ง 4 เรื่องด้านบนเลยจ้าแต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องราวของหลานๆ แต่ละคนแตกต่างกันไป
(เลื่อมลายพรายจันทร์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวคนรองในบ้านเสน่ห์จันทน์ค่ะ)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 9 -70% + โปรฯ วาเลนไทน์
กริ๊งๆ
เสียงกริ่งจักรยานดังมาแต่ไกลคลอไปกับเสียงนกร้องยามเช้าตรู่ เมื่อดมิสาหันมองไปจึงเห็นลุงจ่าในชุดตำรวจกำลังปั่นจักรยานตรวจดูความสงบเรียบร้อย ลุงจ่าเป็นตำรวจมานานกว่าอายุของดมิสา เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างเล็ก สูงโปร่ง ใช้จักรยานรุ่นโบราณมาตั้งแต่สมัยเธอยังเด็ก และใช้แบบเดิมๆ มาจนเธอโตเป็นสาว ไม่ว่าจะเปลี่ยนจักรยานไปกี่คันก็ตาม
ลุงจ่าจอดจักรยานตรงหน้าเธอที่ยืนรอจิณไตยอยู่หน้ารั้วบ้านเสน่ห์จันทน์ เขาขยับหนวดที่ไว้ตามนายจันหนวดเขี้ยวแห่งบางระจันอย่างมีมาด ยักคิ้วหลิ่วตาตามสไตล์ ก่อนทัก
“รถเสียเหรอคุณหนูมิ้งค์ มาครับ เดี๋ยวผมพาไปส่งหน้าปากซอย”
“เปล่าค่ะลุงจ่า” ดมิสาตอบอย่างสนิทสนม เธอรู้จักเขามานานเท่าอายุตัวเอง “มิ้งค์รอเพื่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวเพื่อนมารับ นั่นไง มาแล้วค่ะ”
เมื่อจิณไตยแล่นรถมาจอดเทียบรับ ลุงจ่าก็จอดจักรยานกุลีกุจอเปิดประตูให้ดมิสาแล้วตะเบ๊ะให้จิณไตยที่นั่งอยู่ในรถเมื่อหญิงสาวเข้าไปนั่งเรียบ ร้อยแล้ว
“แฟนคนแรกของคุณหนูมิ้งค์ มีอะไรเรียกใช้ผมได้นะครับ ลุงจ่ายินดีรับใช้”
“ลุงจ่าคะ!” ดมิสาเขินก็เขิน ขำก็ขำ แต่ไม่ทันจะพูดอะไรต่อจากนั้น ลุงจ่าก็ปิดประตูรถให้แล้วเดินผิวปากไปขึ้นจักรยาน ปั่นกลับไปทางหน้าปากซอยเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยต่อไป เมื่อไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติจึงกลับสถานีตำรวจ แล้วปั่นจักรยานกลับมาตรวจดูอีกทีตอนเย็น
เมื่อใกล้ถึงเวลาคลินิกเปิด ที่หน้าบ้านเสน่ห์จันทน์ก็เริ่มมีผู้ใหญ่พาคนไข้เด็กๆ ทยอยมารอพบหมอแล้ว ลุงจ่าตะเบ๊ะทักทายสมคิดที่ออกมาเปิดประตูรับคนไข้ ซึ่งสมคิดก็ตะเบ๊ะตอบอย่างร่าเริง ก่อนถูกคนไข้หญิงคนหนึ่งชนเข้า
“เอ๊ะ!”
สุกัญญา เสน่ห์จันทน์ ตวัดสายตาที่กรีดอายไลเนอร์หนาเข้มไปมองอย่างเกรี้ยวกราด แต่แล้วก็ชะงัก สะบัดหน้าไปอีกทางอย่างไว้มาดเมื่อเห็นว่าเป็นหนุ่มคนสวนรูปหล่อจนชวนตะลึง มิหนำซ้ำเสื้อม่อฮ่อมมอซอที่เขาใส่ไม่ได้ติดกระดุมเสื้อสักเม็ด เผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวย ชายหนุ่มผูกผ้าขาวม้าไว้ตรงขอบกางเกงเก่าๆ ราวกับว่าหลุดออกมาจากชนบทไกลโพ้น ไม่ได้อยู่บ้านอดีตขุนนางชานเมือง
แปลก แต่หล่อ เอาเถอะ สุกัญญาให้อภัย
“ครั้งนี้ฉันไม่ถือโทษ แต่คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
สุกัญญาสะบัดหน้าเดินไปนั่งหยิบบัตรคิวรอที่เก้าอี้ยาวหน้าคลินิกรวมกับคนไข้คนอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ทำท่ารังเกียจชาวบ้านที่แต่งตัวดูยาก จนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ตัวหล่อนก็ใส่แค่เสื้อยืดสกรีนลายการ์ตูนกับกางเกงยีนขาสั้นธรรมดา ไม่ได้ดูเลิศหรูไฮโซไปกว่าใครตรงนั้นเลย
“ใครวะไอ้หนุ่ม” ลุงจ่าหันไปถาม เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย
สมคิดยกมือเกาหัวแกรกๆ พลางส่ายหน้า
“ไม่รู้ครับ ผมก็เพิ่งเจอวันนี้เหมือนกัน”
สองหนุ่มต่างวัยมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนแยกย้ายไปคนละทาง ลุงจ่าตรวจความเรียบร้อยต่อ ขณะที่สมคิดก็หันไปพรวนดินให้ต้นประดู่ทีละต้น เขาพรวนไปเรื่อยทั้งปีเมื่อว่างจากงานอื่นเพราะต้นประดู่มีเยอะจนเป็นป่า คนอย่างเขาอยู่เฉยไม่ได้ กล้ามเนื้อมันเรียกร้องหาการออกกำลังกาย จึงทำงานหนักจนกล้ามเป็นมัด และเขาก็ภูมิใจกับร่างกายแข็งแรงของตัวเองเหนืออื่นใด
พยาบาลนภาเดินทางมาเปิดคลินิกรอ เรียกคนไข้ซักประวัติได้ไม่นาน ดมิสาและเถลิงเกียรติก็มาถึง กุมารแพทย์ทั้งสองยกมือรับไหว้คนไข้ตามปกติ ก่อนแยกย้ายเข้าห้องตรวจของตนซึ่งมีอยู่เพียงสองห้องในคลินิกแห่งนี้
ลับหลังคุณหมอได้แค่อึดใจ สุกัญญาก็ลุกขึ้นเดินตามไปแตะประตูห้องที่มีป้ายชื่อดมิสาเพื่อจะเลื่อนเปิด แต่ถูกนภาตามมารั้งไว้
“ยังไม่ถึงเวลาตรวจนะคะ กรุณารอคิวค่ะ”
“อะไรกัน!” หญิงสาวตวาดแหวใส่ “เป็นแค่พยาบาลอย่ามาสาระแน ฉันสุกัญญา เสน่ห์จันทน์...นามสกุลเดียวกับเจ้าของบ้าน ทำไมจะตรวจก่อนไม่ได้!!”
ประตูห้องตรวจถูกเลื่อนเปิดทั้งสองห้อง แต่ดมิสาบอกเถลิงเกียรติให้เข้าไปเตรียมตัวก่อน เธอจะจัดการตรงนี้เอง ชายหนุ่มจึงมองจิกคนไข้สาวอย่างไม่พอใจก่อนกลับเข้าห้องไป
“ขอดูบัตรคิวค่ะ”
เธอยื่นมือไปรับบัตรคิวที่ระบุเลขสิบสามเอาไว้ ก่อนยื่นคืนให้และเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง น้ำเสียงเด็ดขาด
“ถ้าจะตรวจก็ไปนั่งรอ หรือถ้ารอไม่ไหวก็กลับไป ที่นี่ไม่ต้อนรับคนไม่มีมารยาท ไม่ว่าจะนามสกุลอะไรก็ตาม”
ชายสูงวัยคนหนึ่งที่พาหลานมารักษาอาการไข้หวัด ลุกขึ้นปรบมืออย่างชื่นชม ทำให้ผู้ปกครองคนไข้คนอื่นกล้าที่จะโห่ร้องปรบมือด้วย ดมิสา กลับเข้าห้องตรวจและปิดประตู ในขณะที่นภาแม้จะสะใจแต่ก็หันไปจุปากให้ทุกคนอยู่ในความสงบ หล่อนกลับไปที่หลังเคาน์เตอร์เพื่อเตรียมเรียกคนไข้รายแรก
ในขณะที่สุกัญญายืนตัวสั่นด้วยความโกรธได้ไม่นาน ก็สะบัดหน้าเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยความเจ็บใจ
นี่หากไม่ใช่ว่าอยากทำแท้งฟรี ให้ตายหล่อนก็ไม่มาที่นี่หรอก!
สุกัญญาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดอินเทอร์เน็ตแช็ตกับเพื่อนฆ่าเวลา เสียงแจ้งเตือนดังติ๊งๆ ตลอดเวลาจนนภาต้องเดินมาเตือนให้ปิดเสียง แม้คนไข้สาวอยากจะลุกขึ้นด่า แต่ก็ต้องพยายามอดกลั้นและปิดเครื่อง โทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างหงุดหงิด แต่ยังไม่วายบ่นงุบงิบ
“เรื่องมากฉิบหาย”
นภาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน หล่อนเดินไปยิ้มแย้มทักเด็กหญิงที่เป็นไข้หวัดและถูกนัดมาติดตามอาการ เมื่อคนไข้คิวที่สิบสองออกมาจากห้องจึงเดินเข้าไปรับแฟ้มเพื่อจ่ายยาและออกมาเรียกหน้าห้องตามหน้าที่
“หมายเลขสิบสาม เชิญค่ะ”
*******************
สุขสันต์วันวาเลนไทน์จ้ารีดเดอร์ ^^ ใครสนใจสั่งซื้อตอนนี้สนพ.ส่งฟรีแบบลงทะเบียนทุกเล่มนะคะ พิเศษให้ในวันวาเลนไทน์จ้า ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้นนะ จุ๊บๆ
**ช่องทางสั่งซื้อ**
- inbox สั่งซื้อที่เพจ ปลายปากกาสำนักพิมพ์
- line: plaipakkabooks (อย่าลืมกดแอดนะจ๊ะ)
- เมล์ plaipakkabooks@gmail.com
******************
วิธีสั่งซื้อ : แจ้งเรื่องที่ต้องการ+จำนวนเล่ม+ชื่อผู้สั่งซื้อ จากนั้นสนพ.จะสรุปราคาและแจ้งเลขบัญชีสำหรับโอนเงินให้ทราบเป็นลำดับถัดไป ก่อนจัดส่งหนังสือ
ราคาเลื่อมลายพรายจันทร์ 308฿
ฟรีส่งลงทะเบียน
(ถ้าจัดส่ง EMS 60฿ รวมเป็น 368฿)
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
เสียงกริ่งจักรยานดังมาแต่ไกลคลอไปกับเสียงนกร้องยามเช้าตรู่ เมื่อดมิสาหันมองไปจึงเห็นลุงจ่าในชุดตำรวจกำลังปั่นจักรยานตรวจดูความสงบเรียบร้อย ลุงจ่าเป็นตำรวจมานานกว่าอายุของดมิสา เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างเล็ก สูงโปร่ง ใช้จักรยานรุ่นโบราณมาตั้งแต่สมัยเธอยังเด็ก และใช้แบบเดิมๆ มาจนเธอโตเป็นสาว ไม่ว่าจะเปลี่ยนจักรยานไปกี่คันก็ตาม
ลุงจ่าจอดจักรยานตรงหน้าเธอที่ยืนรอจิณไตยอยู่หน้ารั้วบ้านเสน่ห์จันทน์ เขาขยับหนวดที่ไว้ตามนายจันหนวดเขี้ยวแห่งบางระจันอย่างมีมาด ยักคิ้วหลิ่วตาตามสไตล์ ก่อนทัก
“รถเสียเหรอคุณหนูมิ้งค์ มาครับ เดี๋ยวผมพาไปส่งหน้าปากซอย”
“เปล่าค่ะลุงจ่า” ดมิสาตอบอย่างสนิทสนม เธอรู้จักเขามานานเท่าอายุตัวเอง “มิ้งค์รอเพื่อนน่ะค่ะ เดี๋ยวเพื่อนมารับ นั่นไง มาแล้วค่ะ”
เมื่อจิณไตยแล่นรถมาจอดเทียบรับ ลุงจ่าก็จอดจักรยานกุลีกุจอเปิดประตูให้ดมิสาแล้วตะเบ๊ะให้จิณไตยที่นั่งอยู่ในรถเมื่อหญิงสาวเข้าไปนั่งเรียบ ร้อยแล้ว
“แฟนคนแรกของคุณหนูมิ้งค์ มีอะไรเรียกใช้ผมได้นะครับ ลุงจ่ายินดีรับใช้”
“ลุงจ่าคะ!” ดมิสาเขินก็เขิน ขำก็ขำ แต่ไม่ทันจะพูดอะไรต่อจากนั้น ลุงจ่าก็ปิดประตูรถให้แล้วเดินผิวปากไปขึ้นจักรยาน ปั่นกลับไปทางหน้าปากซอยเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยต่อไป เมื่อไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติจึงกลับสถานีตำรวจ แล้วปั่นจักรยานกลับมาตรวจดูอีกทีตอนเย็น
เมื่อใกล้ถึงเวลาคลินิกเปิด ที่หน้าบ้านเสน่ห์จันทน์ก็เริ่มมีผู้ใหญ่พาคนไข้เด็กๆ ทยอยมารอพบหมอแล้ว ลุงจ่าตะเบ๊ะทักทายสมคิดที่ออกมาเปิดประตูรับคนไข้ ซึ่งสมคิดก็ตะเบ๊ะตอบอย่างร่าเริง ก่อนถูกคนไข้หญิงคนหนึ่งชนเข้า
“เอ๊ะ!”
สุกัญญา เสน่ห์จันทน์ ตวัดสายตาที่กรีดอายไลเนอร์หนาเข้มไปมองอย่างเกรี้ยวกราด แต่แล้วก็ชะงัก สะบัดหน้าไปอีกทางอย่างไว้มาดเมื่อเห็นว่าเป็นหนุ่มคนสวนรูปหล่อจนชวนตะลึง มิหนำซ้ำเสื้อม่อฮ่อมมอซอที่เขาใส่ไม่ได้ติดกระดุมเสื้อสักเม็ด เผยให้เห็นมัดกล้ามท้องเป็นลอนสวย ชายหนุ่มผูกผ้าขาวม้าไว้ตรงขอบกางเกงเก่าๆ ราวกับว่าหลุดออกมาจากชนบทไกลโพ้น ไม่ได้อยู่บ้านอดีตขุนนางชานเมือง
แปลก แต่หล่อ เอาเถอะ สุกัญญาให้อภัย
“ครั้งนี้ฉันไม่ถือโทษ แต่คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน”
สุกัญญาสะบัดหน้าเดินไปนั่งหยิบบัตรคิวรอที่เก้าอี้ยาวหน้าคลินิกรวมกับคนไข้คนอื่นๆ ขณะเดียวกันก็ทำท่ารังเกียจชาวบ้านที่แต่งตัวดูยาก จนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ตัวหล่อนก็ใส่แค่เสื้อยืดสกรีนลายการ์ตูนกับกางเกงยีนขาสั้นธรรมดา ไม่ได้ดูเลิศหรูไฮโซไปกว่าใครตรงนั้นเลย
“ใครวะไอ้หนุ่ม” ลุงจ่าหันไปถาม เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย
สมคิดยกมือเกาหัวแกรกๆ พลางส่ายหน้า
“ไม่รู้ครับ ผมก็เพิ่งเจอวันนี้เหมือนกัน”
สองหนุ่มต่างวัยมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนแยกย้ายไปคนละทาง ลุงจ่าตรวจความเรียบร้อยต่อ ขณะที่สมคิดก็หันไปพรวนดินให้ต้นประดู่ทีละต้น เขาพรวนไปเรื่อยทั้งปีเมื่อว่างจากงานอื่นเพราะต้นประดู่มีเยอะจนเป็นป่า คนอย่างเขาอยู่เฉยไม่ได้ กล้ามเนื้อมันเรียกร้องหาการออกกำลังกาย จึงทำงานหนักจนกล้ามเป็นมัด และเขาก็ภูมิใจกับร่างกายแข็งแรงของตัวเองเหนืออื่นใด
พยาบาลนภาเดินทางมาเปิดคลินิกรอ เรียกคนไข้ซักประวัติได้ไม่นาน ดมิสาและเถลิงเกียรติก็มาถึง กุมารแพทย์ทั้งสองยกมือรับไหว้คนไข้ตามปกติ ก่อนแยกย้ายเข้าห้องตรวจของตนซึ่งมีอยู่เพียงสองห้องในคลินิกแห่งนี้
ลับหลังคุณหมอได้แค่อึดใจ สุกัญญาก็ลุกขึ้นเดินตามไปแตะประตูห้องที่มีป้ายชื่อดมิสาเพื่อจะเลื่อนเปิด แต่ถูกนภาตามมารั้งไว้
“ยังไม่ถึงเวลาตรวจนะคะ กรุณารอคิวค่ะ”
“อะไรกัน!” หญิงสาวตวาดแหวใส่ “เป็นแค่พยาบาลอย่ามาสาระแน ฉันสุกัญญา เสน่ห์จันทน์...นามสกุลเดียวกับเจ้าของบ้าน ทำไมจะตรวจก่อนไม่ได้!!”
ประตูห้องตรวจถูกเลื่อนเปิดทั้งสองห้อง แต่ดมิสาบอกเถลิงเกียรติให้เข้าไปเตรียมตัวก่อน เธอจะจัดการตรงนี้เอง ชายหนุ่มจึงมองจิกคนไข้สาวอย่างไม่พอใจก่อนกลับเข้าห้องไป
“ขอดูบัตรคิวค่ะ”
เธอยื่นมือไปรับบัตรคิวที่ระบุเลขสิบสามเอาไว้ ก่อนยื่นคืนให้และเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง น้ำเสียงเด็ดขาด
“ถ้าจะตรวจก็ไปนั่งรอ หรือถ้ารอไม่ไหวก็กลับไป ที่นี่ไม่ต้อนรับคนไม่มีมารยาท ไม่ว่าจะนามสกุลอะไรก็ตาม”
ชายสูงวัยคนหนึ่งที่พาหลานมารักษาอาการไข้หวัด ลุกขึ้นปรบมืออย่างชื่นชม ทำให้ผู้ปกครองคนไข้คนอื่นกล้าที่จะโห่ร้องปรบมือด้วย ดมิสา กลับเข้าห้องตรวจและปิดประตู ในขณะที่นภาแม้จะสะใจแต่ก็หันไปจุปากให้ทุกคนอยู่ในความสงบ หล่อนกลับไปที่หลังเคาน์เตอร์เพื่อเตรียมเรียกคนไข้รายแรก
ในขณะที่สุกัญญายืนตัวสั่นด้วยความโกรธได้ไม่นาน ก็สะบัดหน้าเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยความเจ็บใจ
นี่หากไม่ใช่ว่าอยากทำแท้งฟรี ให้ตายหล่อนก็ไม่มาที่นี่หรอก!
สุกัญญาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดอินเทอร์เน็ตแช็ตกับเพื่อนฆ่าเวลา เสียงแจ้งเตือนดังติ๊งๆ ตลอดเวลาจนนภาต้องเดินมาเตือนให้ปิดเสียง แม้คนไข้สาวอยากจะลุกขึ้นด่า แต่ก็ต้องพยายามอดกลั้นและปิดเครื่อง โทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกงอย่างหงุดหงิด แต่ยังไม่วายบ่นงุบงิบ
“เรื่องมากฉิบหาย”
นภาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน หล่อนเดินไปยิ้มแย้มทักเด็กหญิงที่เป็นไข้หวัดและถูกนัดมาติดตามอาการ เมื่อคนไข้คิวที่สิบสองออกมาจากห้องจึงเดินเข้าไปรับแฟ้มเพื่อจ่ายยาและออกมาเรียกหน้าห้องตามหน้าที่
“หมายเลขสิบสาม เชิญค่ะ”
*******************
สุขสันต์วันวาเลนไทน์จ้ารีดเดอร์ ^^ ใครสนใจสั่งซื้อตอนนี้สนพ.ส่งฟรีแบบลงทะเบียนทุกเล่มนะคะ พิเศษให้ในวันวาเลนไทน์จ้า ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้นนะ จุ๊บๆ
**ช่องทางสั่งซื้อ**
- inbox สั่งซื้อที่เพจ ปลายปากกาสำนักพิมพ์
- line: plaipakkabooks (อย่าลืมกดแอดนะจ๊ะ)
- เมล์ plaipakkabooks@gmail.com
******************
วิธีสั่งซื้อ : แจ้งเรื่องที่ต้องการ+จำนวนเล่ม+ชื่อผู้สั่งซื้อ จากนั้นสนพ.จะสรุปราคาและแจ้งเลขบัญชีสำหรับโอนเงินให้ทราบเป็นลำดับถัดไป ก่อนจัดส่งหนังสือ
ราคาเลื่อมลายพรายจันทร์ 308฿
ฟรีส่งลงทะเบียน
(ถ้าจัดส่ง EMS 60฿ รวมเป็น 368฿)
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2563, 11:06:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2563, 11:06:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 456
<< บทที่ 9 -40% + วางขายศูนย์หนังสือจุฬาฯ | บทที่ 9 -100% >> |