กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง

Love go on, until the end of the world…

เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง


***************************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!


***************************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***

Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์

ตอน: บทที่ 26 -100%

ด้วยความที่เส้นทางสายหลักบนเกาะเป็นถนนซีเมนต์สองเลนไม่กว้างนัก ทั้งยังสูงต่ำหรือบางครั้งก็เป็นช่วงโค้งยาวๆ เล่นระดับกับเนินเขา ทำให้รถเอทีวีทั้งสองคันที่ตามกันมาติดๆ แล่นได้ไม่เร็วอย่างใจ

ชีวินพอหันไปเห็นชานนท์เริ่มขับจี้เข้ามาก็ชักหงุดหงิด เพราะต้องคอยกระชับแขนเอรินให้เกาะเอวเขาไว้ แต่หญิงสาวเล่นนั่งสะลึมสะลือคอพับคออ่อนโอนไปก็เอนมาอย่างน่าหวาดเสียว!

“นั่งดีๆ สิ พี่กำลังจะพาน้องไปส่งนะ!” ชีวินตะคอกใส่เอริน

ทันทีที่เห็นรถของชีวินเลี้ยวไปยังทางดินลูกรังทั้งเล็กและแคบกว่าเดิมมากเหมือนไม่ใช่ทางหลักที่ใช้สัญจรไปมา เอรินที่เพิ่งได้สติถึงกับขยี้ตาตัวเองเงยหน้ามองหนทางเบื้องหน้าซ้ำ ก่อนจะทุบหลังไหล่ชีวินอย่างแรงทำให้ชายหนุ่มยิ่งนิ่วหน้า

“พี่วิน...ทำไมมาทางนี้ล่ะ พี่วิน”

“พี่พามาทางลัด”

“ไม่เอา กลับไปทางเดิมเดี๋ยวนี้เลย รีสอร์ตอยู่บนเขาที่ทรายรีไม่ใช่ไปทางนี้ นี่มันทางที่ไปอ่าวเทียนออกนะพี่วิน”

“เถอะน่า พี่ไม่พาน้องไปทำมิดีมิร้ายหรอก” 

เสียงเข้มกลั้วหัวเราะของชายหนุ่มด้านหน้า ทำให้เอรินฟังแล้วเริ่มหวั่นแทบจะหายเมาในบัดดล! มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก

“แถวนี้มีทางลัดที่ไหนกัน ฉันเคยมาบ่อย หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่วิน! ไม่ต้องไปส่งแล้ว”

“ได้ไงกันน้องสาว ป่าทั้งนั้น ลงตรงนี้มีหวังโดนฉุด”

“พาฉันกลับทางเดิม! พี่วิน!”

เอรินตะโกนบอกเสียงดังลั่น แต่ชีวินกลับยิ่งเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นไปอีกประหนึ่งต้องการให้เสียงเครื่องรถดับเสียงดังของหล่อน ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มของรถเอทีวีอีกคันก็ขับใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ชีวินเห็นท่าไม่ดีเร่งเครื่องเร็วขึ้นไปอีกสุดตัว

“เร็วไปแล้วพี่วิน จอดรถเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”

เอรินโวยวายอีก คราวนี้หล่อนไม่แค่ตะโกนบอกแต่กลับทุบถองเขายิ่งกว่าเดิม

“เฮ้ย! บอกแล้วไงว่าให้อยู่นิ่งๆ!”

“ก็บอกให้จอดทำไมไม่จอดล่ะ!”

ชีวินทำเสียงฮึดฮัดขัดใจแทนคำตอบนั้น ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกหักเลี้ยวรถไปอีกเส้นทางกะทันหัน แล่นขึ้นไปตามเนินเขาขรุขระอย่างชำนาญ

เอรินเหลียวกลับไปมองด้านหลังตาโต เพราะทันเห็นร่างกำยำที่บึ่งรถเอทีวีตามมา ถึงกับดีใจร้องเรียก

“คุณชานนท์ ทางนี้! ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยค่ะ”

ชานนท์ที่ตามหลังมาได้ยินเสียงเอรินร้องเรียกถึงกับเบรกตัวโก่งรีบหักเลี้ยวตามไปอย่างฉวัดเฉวียน

“หยุด! หยุดรถเดี๋ยวนี้”

ชีวินไม่ฟังเสียง รีบเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นผ่านทางดินขรุขระเป็นหลุมบ่อลาดชันคดโค้ง ผ่านสวนผลไม้ที่ทางแคบเล็กลงๆ อย่างน่าหวาดเสียวแต่ก็ยังไม่ยอมหยุด เพราะความชำนาญหนทางที่มากกว่าทำให้เขาหลบหลีกไปได้ ชานนท์จากที่ตามใกล้เลยเริ่มห่างออกไปเพราะไม่ชินทางแต่ก็ตามไม่ลดละ

“ไอ้นี่!...ไม่หยุดใช่ไหมวะ”

เมื่อเห็นว่ารถคันข้างหน้าที่เอรินนั่งโอนเอนไปมายังคงไม่ยอมหยุด ชานนท์จึงตัดสินใจเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นจนไล่ตามมาทันกันในที่สุด แต่ถนนแคบเกินไปทำให้ไม่สามารถตีคู่ได้

“เฮ้ย! ตามมาทำไมวะ หมูจะหามเอาคานเข้ามาสอด”

ชีวินสบถเป็นระยะ ขับคู่คี่สูสีกันกับชานนท์อย่างรีบเร่ง เอรินถึงกับสะบัดหน้าอย่างแรงเรียกสติ

“บอกให้จอดไง ไอ้เลว!” ชานนท์ตะโกนไล่หลัง

“ช่วยด้วย!” เอรินตะโกนเรียกชายหนุ่มน้ำตาไหลพรากเหมือนจะร้องไห้ ชานนท์เห็นถึงกับใจแป้วตะโกนเรียกเสียงดังลั่นป่าอีกครั้ง

“หยุดรถนะเว้ย! ฉันบอกให้หยุด เอาเธอคืนมาให้ฉัน” 

เขาตะโกนเรียกไม่พอพยายามเร่งเครื่องตามขึ้นมาอีกแต่เพราะทางแคบมากและขรุขระ จึงได้แต่ไล่ตามหลังติดๆ กว่าจะตีคู่ขึ้นมาได้อีกหนรถก็เอียงแทบเสียการทรงตัว ชีวินได้ทีถีบไปที่รถชานนท์เต็มแรง แรงเหวี่ยงทำให้หัวรถหักลงไปทางแนวลาดป่า

“กรี๊ด!” เอรินหวีดร้องสุดเสียงทั้งทุบทั้งถองชีวินไม่หยุด

“จอดรถเดี๋ยวนี้ไอ้บ้า! นี่มันไม่สนุกแล้วนะฉันจะลง หยุด!”

เสียงสาวน้อยด้านหลังที่เอาแต่ตะโกนแข่งกับเสียงรถ ทำให้ชีวินโมโหจัดหันมาตวาด

“เงียบ! เลิกแหกปากซะที!”

หล่อนฟังแล้วฉุนจัดกัดหมับที่หัวไหล่ชีวินอย่างแรง ชายหนุ่มสบถและเสียหลักการบังคับรถจนเฉไปเสยคันดินข้างทางทำให้รถหยุดอัตโนมัติในสภาพหัวรถปักขึ้นไปบนคันดิน ชีวินโดนแรงกระแทกรุนแรงจนกระเด็นไปคนละทางกับเอรินที่กระโดดลงก่อนจนกลิ้งไปนอนคลุกดิน ไม่ไกลกันมีร่างชานนท์ที่ค่อยๆ คลานออกจากรถเอทีวีด้วยสภาพหมดแรงจนต้องนั่งพิงต้นไม้

“คุณ! เป็นยังไงบ้าง”

เอรินรีบเข้ามาหาชานนท์ จับตามเนื้อตัวเขาทั้งมือสั่นเทา

ชานนท์ยิ้มออกได้แต่ถอนหายใจโล่งอกคว้าร่างบอบบางมากอดไว้แนบอก “ผมไม่เป็นไร คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะเอริน”

“ฉันขอโทษ” 

ชานนท์ลูบผมหล่อนพร้อมกับพยายามชันตัวลุกขึ้น หล่อนจึงช่วยพยุงร่างกำยำให้ค่อยๆ เดินกลับไปที่รถเอทีวีคันของเขา

“คุณยืนรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ ผมต้องเร่งเครื่องให้พ้นเนินถึงจะขึ้นแนวถนนได้”

เอรินพยักหน้า ส่วนชานนท์ที่เริ่มฟื้นตัวบ้างแล้วสตาร์ตรถเร่งเครื่องสุดกำลัง จนสามารถนำรถขึ้นพ้นป่ารกได้และตั้งลำบนถนนดินแดง เอรินไม่รีรอจะตามขึ้นซ้อนท้าย แต่ชานนท์ไวกว่าคว้าหญิงสาวขึ้นนั่งด้านหน้าแทน แถมด้วยวางมือของเขาบนเอวหล่อนไม่ปล่อย

“เอ๊ะคุณ” เอรินตั้งท่าจะโวยวาย แต่แล้วต้องชะงักเมื่อชีวินยืนดักอยู่กลางถนน!

“จะรีบไปไหนล่ะพี่ชาย”

“แกต้องการอะไรอีก รีบไปให้พ้น ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความ”

ชานนท์ขู่และเร่งเครื่องเสียงดัง

“ใจเย็นสิพี่” ชีวินรีบบอก “ผมก็แค่จะบอกว่าวันนี้พวกพี่สองคนทำให้ผมสนุกมาก ไม่ยักรู้ว่าแข่งรถเอทีวีบนเกาะเล่นจะมันขนาดนี้”

“แกบอกว่าเล่นหรือ!”

ร่างกำยำจะลงจากรถไปเอาเรื่องคนทำหน้ายียวน แต่เอรินดึงเสื้อชายหนุ่มไว้แล้วห้ามเสียงสั่น “อย่าค่ะ อย่าไปแลก เรากลับกันเถอะ”

“แต่...”

“นะคะ” หล่อนปรามชายหนุ่มเต็มกำลัง เพราะดูท่าทีชีวินแล้วไม่ได้จะเข้ามาทำร้ายแต่อย่างใด เหมือนแค่ยั่วให้โมโห ซึ่งหล่อนก็ไม่เข้าใจว่าเขาทำไปทำไม!

“ก็ได้ ถอยไป!” ชานนท์รับปากเอรินแล้วหันกลับมาตวาดใส่ชีวิน เร่งเครื่องรถเสียงดังกระหึ่มกว่าเดิม ชีวินเลยยอมถอยออกไปยืนอยู่ริมถนนพร้อมกับผายมือให้ แต่ท่าทางยโสจนชานนท์อยากจะเปลี่ยนใจขับพุ่งชนเสียให้รู้แล้วรู้รอด!

“แกทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร!”

ชีวินยักไหล่ “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...อยากลองใจนิดหน่อย”   

“ไอ้บ้าเอ๊ย” ชานนท์ทุบแฮนด์รถระบายอารมณ์ “โรคจิตรึเปล่าวะ!”

“อ้าว ก็ที่ร้านเห็นคุณไม่สนใจน้องเขา ผมเลยเข้าไปหาเพราะคิดว่าคุณคงไม่ได้จริงจังอะไรกับเธอ”

“นี่แกตามดูฉันกับเอรินอยู่ตลอด!?”

“จุ๊ๆ อย่าเรียกว่าตามเลยพี่ชาย ก็ผมอยากจีบน้องเขาบ้าง คุณเองนะที่ปล่อยให้น้องเขาเดินเมาออกมาจากร้าน ผมอุตส่าห์หวังดี ไม่นึกว่าจะเข้าใจผิดกันขนาดนี้”

“เข้าใจผิดบ้าอะไร ถ้ามาไม่ทันเอรินจะเป็นยังไง”

“คุณก็คิดเอาเองสิ”

“แก! ไอ้!” ชานนท์หมดคำพูดจะด่าเพราะอีกฝ่ายแทนที่จะเกรงกลัวกับคำขู่ของเขากลับหัวเราะออกมาอย่างท้าทาย

“จำเอาไว้ เอรินเป็นของฉัน ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้อง”

ชานนท์ทำได้แค่บอกเสียงเข้มก่อนจะเร่งเครื่องยนต์ออกไป แต่ก่อนไปยังหันมาคาดโทษหนุ่มชาวเลผิวเข้มด้านหลังด้วยสายตา

ชีวินทำท่าหงอ แต่ดวงตาคมกริบจ้องมองสองหนุ่มสาวตรงหน้า

อาการของชานนท์ที่ปกป้องเอรินด้วยท่าทีหึงหวงไม่ปิดบัง สร้างความพึงพอใจแก่ชีวินจนอยากจะกลับไปรายงานให้ใครอีกคนรู้เสียเดี๋ยวนี้ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ จึงรีบขึ้นรถของตัวเองเช่นกันแล้วขับหายไปในความมืดเบื้องหน้า

ชานนท์ซึ่งขับรถเอทีวีพาเอรินกลับมาทางเก่า ยังคงมองตามหนุ่มชาวเลที่กลายเป็นตัวอันตรายไปแล้วอย่างไม่ไว้ใจ พอเห็นว่าลับสายตาไปในที่สุดทั้งเขาและหล่อนจึงหันมาสบตากัน เป็นเอรินที่พูดออกมาด้วยความโล่งอก

“ค่อยยังชั่ว ฉันตกใจแทบตาย”

“ผมสิ ตกใจหนักกว่า กลัวคุณจะเป็นอันตราย เห็นไหมเกือบโดนไอ้บ้านั่นลากไปไหนแล้วก็ไม่รู้” น้ำเสียงชานนท์ฉุนเฉียว เอรินเลยหน้าเสีย

หล่อนรู้ว่าเขาโกรธ แต่หล่อนเองก็ยังไม่หายโกรธเขาเช่นกัน!

“แล้วตามมาทำไมล่ะ เห็นเต้นอ่อยให้แม่ชาลีแองเจิลซบอยู่ได้ สนใจเธอก็กลับไปหาเธอสิ มาด่าฉันฉอดๆ แบบนี้ทำไมในเมื่อคุณก็ไม่ได้สนใจฉันสักหน่อย”

“โธ่ แค่นี้ยังไม่รู้อีก ต้องให้พูดยังไงเนี่ย”

ชานนท์บ่นพลางเหลือบมองสาวน้อย เขาทั้งโมโหทั้งไม่สบายใจ แต่เจ้าหล่อนกลับเชิดหน้ามองเมินไปทางอื่น ชายหนุ่มเลยได้แต่เร่งเครื่องเสียงดังลั่นขณะขับผ่านทางขรุขระอย่างทุลักทุเล

“ฉันหายใจไม่ออกขอนั่งข้างหลังได้ไหม” เอรินโวยวายเมื่อโดนเขารัดเอวแน่น

“ปล่อยนะ! หายใจไม่ออก”

“ถ้ามาไม่ทันจะได้พูดดีอย่างนี้ไหม ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะเอริน”

“ทนไม่ไหวแล้วจะทำไมคะ จะฆ่าฉันหมกป่าหรือไง”

“จะปล้ำสิไม่ว่า”

เอรินเบิกตาค้างใจเต้นโครมคราม แม้ได้ยินไม่ถนัดแต่หล่อนก็รู้สึกร้อนรุ่มเมื่ออีกฝ่ายกระชับวงแขนโอบรอบเอวหล่อนเอาไว้ชนิดดิ้นไม่หลุด

“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็ล้มกันทั้งคนทั้งรถหรอก”

ชานนท์กระซิบที่ข้างหู เล่นเอาสาวน้อยหยุดดิ้น รู้สึกได้ว่าหัวใจเจ้ากรรมกำลังเต้นระรัวยามที่แผ่นหลังแนบชิดกับอกกว้างของเขา

ด้วยความที่ชานนท์บังคับรถด้วยมือข้างเดียวจึงยิ่งกระชับเอวเอรินแน่นขึ้นไปอีกทุกครั้งที่ผ่านหลุมและทางขรุขระ ยังผลให้สาวในอ้อมแขนเอนซบแนบชิดกว่าเดิมจนได้ยินเสียงหัวใจของเขาเช่นกัน

“ได้ยินหรือเปล่า เอริน”

“คะ ดะ...ได้ยินอะไร” 

“เสียงหัวใจผมไง มันกำลังกระซิบบอกว่ารักคุณอยู่นะ และจะไม่ยอมปล่อยคุณไปอีกเด็ดขาด” ชานนท์กระซิบแผ่วเบา แต่เอรินได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ ถึงกับนิ่งไปไม่ต่อปากต่อคำด้วยเหมือนเคยจนชายหนุ่มต้องเอ่ยถามซ้ำ

“ได้ยินไหม เอริน ที่ผมพูดเมื่อกี้”

ไม่ถามเปล่า ชานนท์กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นจนไม่เหลือพื้นที่ตรงกลางระหว่างหล่อนกับเขาอีก พร้อมกับหัวใจสองดวงที่กำลังเต้นระรัว เอรินต้องพยายามข่มจิตข่มใจไม่ให้คล้อยตามไปกับคำพูดหวานหูของชายหนุ่ม

เขารู้ใช่ไหมว่าความแนบชิดมีผลกับหัวใจดวงน้อยของหล่อนมากเพียงใด ถึงได้แกล้งกันอย่างนี้!



*****************



กรณ์สะดุ้งตื่นกลางดึก สภาพเหงื่อโซมกายทั้งที่ภายในห้องพยาบาลแอร์เย็นฉ่ำ ดวงตาดำขลับเพ่งมองไปยังสาวสวยที่นอนหลับคุดคู้อยู่บนเตียงคนไข้แล้วส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย

“เวลานอนค่อยยังชั่วหน่อยนะ...แม่เสือสาว”

ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงผ้าขายาวตัวหลวมเอื้อมหยิบผ้าห่มที่กองอยู่ที่ปลายเท้าของสาวขี้ร้อนขึ้นมาห่มคลุมให้อย่างเบามือ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกไปยังระเบียงห้อง เกือบสิบห้านาทีกว่าจะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ปากก็ยังคงขมุบขมิบพึมพำไม่หยุด

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ ยายดื้อเอ๊ย ไม่รู้หรือไงว่าคนเขาเป็นห่วง”

เสียงบ่นพึมพำของคนเฝ้าไข้ที่เดินกลับมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างแรง ทำให้คนป่วยลืมตาตื่น

“คนจะนอน หยุดพล่ามได้ไหม มาเฝ้าก็ให้มันดีๆ หน่อย น่ารำคาญจริง”

“รู้แล้ว...จะนอนเดี๋ยวนี้แหละ คุณก็อย่านอนให้มันดิ้นมากนัก”

“นอนดิ้นไม่ดิ้นมันก็เรื่องของฉัน”

ราเชลโวยทันที ขณะที่กรณ์กลอกตามองบนอย่างเอือมระอา

“ก็มันรำคาญลูกตา ท่านอนประเจิดประเจ้อมาก”

“เอ๊ะ! คุณ”

ร่างเพรียวบางสมส่วนลุกพรวดขึ้นนั่ง ถ้าก้าวขาถนัดหล่อนคงไม่มาทนฟังคนแปลกหน้าพูดแบบนี้แน่! ยิ่งคิดยิ่งโมโห แต่คนเฝ้าทำหน้าเฉยราวกับไร้ความรู้สึก ทั้งยังหาวหวอดก่อนทิ้งตัวลงนอนต่อ

“หลับต่อเถอะคุณ พูดมาก”

“ไอ้...คนบ้านี่ เชอะ”

ราเชลล้มตัวลงนอนคลุมโปงตัดความรำคาญ แถมด้วยตะแคงหันหลังให้กรณ์ที่ลอบมองอย่างนึกขำคนเอาแต่ใจ

คล้อยหลังคนป่วยเงียบไปแล้ว กรณ์ยังคงนอนพลิกกายไปมาอยู่บนโซฟา เขายังหงุดหงิดไม่หายที่ไม่สามารถติดต่อเอรินได้ จิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวายราวกับมีไฟกองใหญ่สุมอยู่ในอก ทำให้ชายหนุ่มผุดลุกผุดนั่งแทบจะตลอดทั้งคืน ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เลย...



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ม.ค. 2563, 14:11:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ม.ค. 2563, 14:11:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 450





<< บทที่ 26 -40%   บทที่ 27 -50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account