กระซิบรักฝากหัวใจที่ปลายฟ้า: พิมมาศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เพราะเสียงกระซิบจากชายในฝัน
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
ทำให้ 'เอริน' จดจำฝังใจและรอวันที่จะได้พบเจอ
จนเวลาผันผ่านนานนับยี่สิบปี...
เสียงนั้นกลับเข้ามาย้ำเตือนความทรงจำของเธออีกครั้ง
ซีอีโอหนุ่มใหญ่ที่แก่กว่าเธอร่วมสิบกว่าปีได้ ทั้งแววตาและน้ำเสียงอบอุ่นของเขา
ยิ่งใกล้ชิดยิ่งติดพัน ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว เธอจะทำอย่างไรกับใจของตัวเอง
Love go on, until the end of the world…
เพราะความน่ารัก สดใส เยาว์วัยของเธอ
ทำให้ 'ชานนท์' กลับมายิ้มได้อีกครั้งพร้อมความรู้สึกดีๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งปี...
เขากลับมาหาเธอพร้อมคำสัญญาที่เคยให้ไว้
รอยยิ้มของยายกุหลาบชมพูแก้มกลมผู้สดใส อ่อนโยน
กำลังหลอมละลายความแค้นในใจของเขาให้กลายกลับมาเป็นความรักอีกครั้ง
***************************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "พิมมาศ" และตีพิมพ์โดย "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" เปิดจองเร็วๆ นี้ค่ะ ทีมงานปลายปากกาสำนักพิมพ์จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เรื่องนี้โรแมนติก น่ารักน่าหยิกมากๆ ใครชอบพระเอกหนุ่มใหญ่สายเปย์ รุกจีบเด็ก ส่วนเด็กมีความใสซื่อแต่แก่นแก้วนิดๆ และแอบตามตื๊อ มิควรพลาดจ้าาาาา นอกจากนี้ยังได้ไปเที่ยวยุโรปกันด้วย มีความดราม่าของเรื่องราวในวัยเด็กระหว่างกันแฝงอยู่ด้วยค่ะ #รับประกันความสนุก!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก.com ร้านbooksforfun ร้านbanniyayindy ร้านภาวิกา ร้านbestbooksmile เป็นต้น
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 624 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 385฿ จากราคาปก 445฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 430฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 455฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: สายเปย์ รุกจีบ น่ารัก ดราม่า แก้แค้น ลอนดอน ฟลอเรนซ์
ตอน: บทที่ 26 -40%
แล้วเขาก็ทำตัวห่างเหินสนองให้สมใจเอริน...
ด้วยความที่เดิมทีชานนท์ตั้งใจไว้ว่าเมื่อกลับขึ้นฝั่งแล้วจะให้รถของรีสอร์ตมาส่งเขากับเอรินที่บาร์ในตัวเมืองแถวหาดทรายรีตอนค่ำ แต่จู่ๆ เขาก็อ้างว่าถนนกลางคืนแถวนั้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติขาแดนซ์ ไม่น่าไว้ใจ และเลี่ยงพาเอรินไปที่อื่นแทน เป็นร้านอาหารกึ่งผับบนอ่าวจันทร์
ร้านนี้มีความพิเศษตรงที่มีพื้นที่สำหรับขาแดนซ์ และมีมุมนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดินยื่นไปในทะเล มองไกลๆ ลักษณะเหมือนเรือ ที่นั่งเป็นตั่งและมีเบาะนั่งกับพื้นไม้อย่างดี ไฟทางสีส้มรายล้อมให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติก
แต่ทว่า สองหนุ่มสาวต่างละเลียดอาหารในจานตัวเอง เลือกที่จะดื่มด่ำบรรยากาศรอบกายอยู่เงียบๆ สักพักก็เจอเข้ากับชาลีสาวสวยลูกครึ่งคนเดิมโดยบังเอิญ
ชานนท์พูดคุยทักทายกับแม่สาวชาลีอยู่ครู่ สุดท้ายจึงพากันออกไปเต้นสโลว์ซบกันกลางวงคนนั่งล้อม ปล่อยให้เอรินนั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว...
“เฮ้อ...ดีแล้วยายเอริน เธอน่ะปลอดภัยแล้ว เขาไม่ได้รักเธอจริงสักหน่อย จะทำอะไรยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเธอ เป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว”
เอรินพร่ำบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเทไวน์ที่เหลืออีกค่อนขวดใส่แก้วจนหมดแล้วยกดื่มในคราวเดียวหมดแก้ว
ใช่ ตอนนี้ไวน์หมดและหล่อนเองก็เริ่มเมา!
ยิ่งเห็นสองคนนั้นเต้นซบกันกลางฟลอร์ เอรินก็ยิ่งหงุดหงิดคว้าแก้วไวน์ของชานนท์ที่เพิ่งพร่องไปนิดมาดื่มต่อรวดเดียวจนหมด หล่อนมึนเมาเล็กน้อย สายตาเชื่อมมองไปยังคู่ชาลีแองเจิลอย่างนึกหมั่นไส้
“เต้นกันไปให้อิ่ม ข้าวปลา ไวน์เวยไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว ฉันกินเองคนเดียวก็ได้...เชอะ”
ขณะที่เอรินกำลังตัดพ้อต่อว่าอยู่ที่โต๊ะ ก็เริ่มนั่งโงนเงนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ กางเกงสีดำขาบานเหนือเข่าที่เจ้าหล่อนสวมใส่ก็ค่อยๆ ถลกสูงขึ้น อยู่ในสายตาของใครบางคนตลอดเวลา ยิ่งร่างบอบบางผิวขาวผ่องอยู่ในชุดสายเดี่ยวสีดำสวมทับด้วยเสื้อคลุมเอวลอยสีขาวแขนสั้น ชวนให้ใครคนนั้นจ้องมองไม่วางตา โดยที่หล่อนไม่รู้ตัว!
“เหอะ เต้นแนบชิดขนาดนี้ ทำไมไม่จูบกันไปเลยล่ะ! เห็นแล้วขัดหูขัดตาชะมัด หึ”
ในที่สุดเอรินก็หมดความอดทนกับภาพบาดตาตรงหน้า ดวงตาของหล่อนเริ่มพร่า รู้สึกอึดอัดท้องไส้ปั่นป่วนตีตื้นขึ้นมาอยากจะอาเจียนจึงลุกออกจากโต๊ะ แต่ด้วยความที่ซัดไวน์เข้าไปหลายแก้ว กว่าจะออกจากร้านไปได้หล่อนเดินสะเปะสะปะไปทั่วแทบถลาไปกองกับพื้นก็ตั้งหลายครั้ง ทรงตัวแทบไม่อยู่จนชนกับใครคนหนึ่งเข้า มือแข็งแกร่งของเขารวบเอวเอรินไว้และโอบกระชับในทันทีที่เกือบจะล้มลงไป
“น้อง...ทำไมเมาขนาดนี้ แล้วแฟนไปไหน”
ถ้อยคำพร้อมน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงเป็นใยนั้น ทำให้เอรินมีสติขึ้นมาหน่อย ปรือตามอง
ชีวินนั่นเอง!
“พี่วิน...มาได้ไง ช่วยไปส่งฉันที่วิลลาหน่อยนะ” เมื่อเห็นว่าเป็นใครเอรินก็ร้องขอความช่วยเหลือทันทีแถมด้วยเสียงโงนเงนไม่ต่างจากท่าทาง
“แล้วแฟนน้อง...”
“โอย แฟนเฟินที่ไหน ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีๆ นะ...พี่วิน ไปส่งฉันที่วิลลาหน่อยน่า...”
“ก็ได้ๆ ผู้หญิงน่ารักอย่างน้องเอรินพี่พร้อมบริการอยู่แล้ว”
ชีวินยิ้มเจ้าเล่ห์ เหลียวซ้ายแลขวาอยู่ครู่ เมื่อเห็นว่าทางสะดวกจึงค่อยๆ ประคองพาเอรินไปยังรถเอทีวีคู่ใจที่จอดอยู่มุมหนึ่งไม่ไกลจากร้านนัก เอรินผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ยิ้มหวานตาเชื่อมให้เขาแล้วตบบ่าเอ่ยขอบคุณ ซ้ำไปมา ยิ่งเปิดช่องให้อีกฝ่ายกระชับรอบเอวกิ่วแน่นขึ้น ขณะเดียวกันก็ก้มมองร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดด้วยแววตาปรารถนา
เจ้าหล่อนทั้งผิวขาวนวลเนียน และนุ่มมือเสียจริง...
***************
ชานนท์กลับมาที่โต๊ะโดยมีสาวสวยชาลีคล้องแขนเขาอย่างสนิทสนม ใจเขาตอนนี้รู้สึกอึดอัดไม่น้อย ที่แผนการปั่นหัวสาวน้อยเริ่มสมจริงมากเกิน ไปแล้ว
แต่ทว่าเมื่อเดินมาถึงโต๊ะชานนท์ต้องชะงัก เอรินไม่ได้นั่งรอเขาอยู่อย่างที่คิด แต่กลับมีแค่โทรศัพท์มือถือของหล่อนวางไว้ เขาหยิบใส่กระเป๋าแล้วเหลียวมองหา
“หายไปไหนของเขานะ”
ชานนท์กระวนกระวาย พอหันมาสบตาสาวลูกครึ่งข้างกายก็แกะมือหล่อนออก “ขอบคุณนะชาลี คุณเต้นเก่งมากและผมสนุกมาก แต่วันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน”
“เหนื่อยแล้วหรือคะ นี่เพิ่งสามทุ่มครึ่งเอง ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ”
“พอแล้วละ ผมทิ้งแฟนไว้นาน ตอนนี้เธอคงงอนหายไปไหนแล้วไม่รู้ ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน”
ชานนท์แกะมือนุ่มนิ่มออกด้วยความเกรงใจ ใช่ เขาจงใจใช้ชาลีเป็นเครื่องมือแกล้งเอรินจนลืมนึกถึงจิตใจของหล่อนไป เขาไม่คิดด้วยว่าจู่ๆ เจ้าหล่อนจะหายตัวไปแบบนี้ ทำเอาคนแกล้งเป็นห่วงเสียเอง พานไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนุกต่อกับใครอีกทั้งนั้น
“ก็ได้ค่ะ ฉันเข้าใจ” ชาลีเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ยอมปล่อยแขนชายหนุ่มโดยดี
“วันนี้ฉันก็สนุกมาก ขอบคุณคุณเหมือนกันนะคะ อันที่จริงฉันแอบรู้สึกผิดนิดหน่อย แฟนคุณดูท่าจะหวงคุณน่าดู ฉันแอบเห็นเธอหึงคุณ ดื่มเอาๆ ป่านนี้คงเมาแย่แล้ว คุณรีบไปตามเธอล่ะ...บายนะคะ”
ชาลีส่งจูบให้อย่างเย้ายวนใจแล้วเดินจากไป
ตอนนั้นเองชานนท์ละสายตาจากสาวสวยชาลีหันมาเรียกพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมาพอดี
“น้องๆ เห็นผู้หญิงที่มากับผมหรือเปล่า เอ่อ ตัวเล็กๆ มีผมหน้าม้าแค่นี้ แก้มกลมๆ ผูกเปียหางเดียวสูงๆ”
“ที่หน้าตาน่ารักๆ ตาโตๆ ใส่เสื้อคลุมสีขาวกางเกงขาสั้น...”
“ใช่ๆ แฟนผมเอง เห็นไหม”
ชานนท์ถามรัวเร็ว แต่พนักงานเสิร์ฟกลับอึกอัก ชานนท์เลยถอนหายใจใส่ก่อนจะควักธนบัตรสีแดงสามใบยื่นให้เป็นสินน้ำใจ พนักงานเสิร์ฟรีบยกมือไหว้ขอบคุณ รับมาใส่กระเป๋ากางเกงอย่างไวก่อนตอบว่า
“ผมเห็นเธอคุยกับผู้ชายคนนึงท่าทางสนิทสนม ก็เลยนึกว่ามาด้วยกันกับพวกคุณ”
“ฮะ! ผู้ชายที่ไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปทางไหน”
“ไปทางโน้นได้พักนึงแล้วครับ รู้สึกจะอยู่ร้านดำน้ำแถวท่าเรือนะถ้าจำไม่ผิด” พนักงานเสิร์ฟชี้ไปทางหนึ่งแล้วส่ายหน้าพลางชี้ไปอีกทางท่าทางครุ่นคิด
“ทางไหนแน่!” ชานนท์ตะคอกซ้ำ เริ่มรู้สึกถึงอันตรายที่เด็กสาวจะได้รับ
พนักงานเสิร์ฟตกใจเสียงชานนท์ ชี้บอกได้ทันที ชานนท์จึงไม่รีรอจ่ายค่าอาหารทั้งหมดบนโต๊ะกับพนักงานเสิร์ฟคนนั้นด้วยธนบัตรสีเทา แล้ววิ่งออกจากร้านไปไม่คิดชีวิต
ในเวลาเดียวกันนั้น ชีวินเพิ่งประคองร่างบอบบางของเอรินที่ยังพอมีสติอยู่บ้างมาถึงรถเอทีวีของเขา แต่พอขึ้นนั่งประจำที่คนขับเพื่อสตาร์ตรถ เอรินซึ่งนั่งซ้อนท้ายทำท่าจะไหลตกรถท่าเดียว เดือดร้อนชีวินต้องประคองสาวด้านหลังไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างบึ่งรถออกจากที่จอดไปสภาพทุลักทุเล
“เฮ้! รอเดี๋ยว เอริน! เดี๋ยว”
ชานนท์วิ่งตามออกมาจากร้านทั้งตะโกนเรียก แต่ไม่ทัน ได้แต่เตะลมแล้งระบายอารมณ์
“ทำไงดีวะ” ชายหนุ่มสบถ มองซ้ายมองขวา จนเจอเป้าหมายขับผ่านมาพอดี “คุณ! หยุด หยุดก่อน...ผมอยากจะขอเช่าเอทีวีของคุณ”
“อะไรนะ!” ชายต่างชาติผมทองถามกลับเป็นภาษาอังกฤษ
“เอานี่...เอาเงินไปเลยแล้วเอารถมาเร็วๆ” ชานนท์ผลักอีกฝ่ายลงจากรถคันนั้นแล้วล้วงหยิบธนบัตรสีเทาหลายใบใส่มือ
“เฮ้!! อะไรกันคุณ นี่รถผมเช่ามานะ”
ชานนท์ไม่ฟังความ ขึ้นไปนั่งแทนที่เรียบร้อยก็ก้มศีรษะให้แทนคำขอร้องแกมขอโทษหลายต่อหลายครั้ง “ขอโทษจริงๆ ช่วยผมสักครั้งเถอะนะ นี่นามบัตรผม อ้อ นามบัตรรีสอร์ตด้วย ผมพักอยู่ที่วิลลาบนเนินเขาคุณค่อยไปเอารถคืนพรุ่งนี้แล้วกัน”
ชานนท์กำชับชายเจ้าของรถ ที่ได้แต่ยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกมองธนบัตรไทยในมือหลายใบเป็นค่าที่ถูกฉกรถไปต่อหน้าสลับกับนามบัตรของชานนท์และรีสอร์ตที่พักอย่างงงๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ด้วยความที่เดิมทีชานนท์ตั้งใจไว้ว่าเมื่อกลับขึ้นฝั่งแล้วจะให้รถของรีสอร์ตมาส่งเขากับเอรินที่บาร์ในตัวเมืองแถวหาดทรายรีตอนค่ำ แต่จู่ๆ เขาก็อ้างว่าถนนกลางคืนแถวนั้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติขาแดนซ์ ไม่น่าไว้ใจ และเลี่ยงพาเอรินไปที่อื่นแทน เป็นร้านอาหารกึ่งผับบนอ่าวจันทร์
ร้านนี้มีความพิเศษตรงที่มีพื้นที่สำหรับขาแดนซ์ และมีมุมนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดินยื่นไปในทะเล มองไกลๆ ลักษณะเหมือนเรือ ที่นั่งเป็นตั่งและมีเบาะนั่งกับพื้นไม้อย่างดี ไฟทางสีส้มรายล้อมให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติก
แต่ทว่า สองหนุ่มสาวต่างละเลียดอาหารในจานตัวเอง เลือกที่จะดื่มด่ำบรรยากาศรอบกายอยู่เงียบๆ สักพักก็เจอเข้ากับชาลีสาวสวยลูกครึ่งคนเดิมโดยบังเอิญ
ชานนท์พูดคุยทักทายกับแม่สาวชาลีอยู่ครู่ สุดท้ายจึงพากันออกไปเต้นสโลว์ซบกันกลางวงคนนั่งล้อม ปล่อยให้เอรินนั่งเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว...
“เฮ้อ...ดีแล้วยายเอริน เธอน่ะปลอดภัยแล้ว เขาไม่ได้รักเธอจริงสักหน่อย จะทำอะไรยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเธอ เป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว”
เอรินพร่ำบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเทไวน์ที่เหลืออีกค่อนขวดใส่แก้วจนหมดแล้วยกดื่มในคราวเดียวหมดแก้ว
ใช่ ตอนนี้ไวน์หมดและหล่อนเองก็เริ่มเมา!
ยิ่งเห็นสองคนนั้นเต้นซบกันกลางฟลอร์ เอรินก็ยิ่งหงุดหงิดคว้าแก้วไวน์ของชานนท์ที่เพิ่งพร่องไปนิดมาดื่มต่อรวดเดียวจนหมด หล่อนมึนเมาเล็กน้อย สายตาเชื่อมมองไปยังคู่ชาลีแองเจิลอย่างนึกหมั่นไส้
“เต้นกันไปให้อิ่ม ข้าวปลา ไวน์เวยไม่ต้องกงต้องกินมันแล้ว ฉันกินเองคนเดียวก็ได้...เชอะ”
ขณะที่เอรินกำลังตัดพ้อต่อว่าอยู่ที่โต๊ะ ก็เริ่มนั่งโงนเงนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ กางเกงสีดำขาบานเหนือเข่าที่เจ้าหล่อนสวมใส่ก็ค่อยๆ ถลกสูงขึ้น อยู่ในสายตาของใครบางคนตลอดเวลา ยิ่งร่างบอบบางผิวขาวผ่องอยู่ในชุดสายเดี่ยวสีดำสวมทับด้วยเสื้อคลุมเอวลอยสีขาวแขนสั้น ชวนให้ใครคนนั้นจ้องมองไม่วางตา โดยที่หล่อนไม่รู้ตัว!
“เหอะ เต้นแนบชิดขนาดนี้ ทำไมไม่จูบกันไปเลยล่ะ! เห็นแล้วขัดหูขัดตาชะมัด หึ”
ในที่สุดเอรินก็หมดความอดทนกับภาพบาดตาตรงหน้า ดวงตาของหล่อนเริ่มพร่า รู้สึกอึดอัดท้องไส้ปั่นป่วนตีตื้นขึ้นมาอยากจะอาเจียนจึงลุกออกจากโต๊ะ แต่ด้วยความที่ซัดไวน์เข้าไปหลายแก้ว กว่าจะออกจากร้านไปได้หล่อนเดินสะเปะสะปะไปทั่วแทบถลาไปกองกับพื้นก็ตั้งหลายครั้ง ทรงตัวแทบไม่อยู่จนชนกับใครคนหนึ่งเข้า มือแข็งแกร่งของเขารวบเอวเอรินไว้และโอบกระชับในทันทีที่เกือบจะล้มลงไป
“น้อง...ทำไมเมาขนาดนี้ แล้วแฟนไปไหน”
ถ้อยคำพร้อมน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงเป็นใยนั้น ทำให้เอรินมีสติขึ้นมาหน่อย ปรือตามอง
ชีวินนั่นเอง!
“พี่วิน...มาได้ไง ช่วยไปส่งฉันที่วิลลาหน่อยนะ” เมื่อเห็นว่าเป็นใครเอรินก็ร้องขอความช่วยเหลือทันทีแถมด้วยเสียงโงนเงนไม่ต่างจากท่าทาง
“แล้วแฟนน้อง...”
“โอย แฟนเฟินที่ไหน ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีๆ นะ...พี่วิน ไปส่งฉันที่วิลลาหน่อยน่า...”
“ก็ได้ๆ ผู้หญิงน่ารักอย่างน้องเอรินพี่พร้อมบริการอยู่แล้ว”
ชีวินยิ้มเจ้าเล่ห์ เหลียวซ้ายแลขวาอยู่ครู่ เมื่อเห็นว่าทางสะดวกจึงค่อยๆ ประคองพาเอรินไปยังรถเอทีวีคู่ใจที่จอดอยู่มุมหนึ่งไม่ไกลจากร้านนัก เอรินผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ยิ้มหวานตาเชื่อมให้เขาแล้วตบบ่าเอ่ยขอบคุณ ซ้ำไปมา ยิ่งเปิดช่องให้อีกฝ่ายกระชับรอบเอวกิ่วแน่นขึ้น ขณะเดียวกันก็ก้มมองร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดด้วยแววตาปรารถนา
เจ้าหล่อนทั้งผิวขาวนวลเนียน และนุ่มมือเสียจริง...
***************
ชานนท์กลับมาที่โต๊ะโดยมีสาวสวยชาลีคล้องแขนเขาอย่างสนิทสนม ใจเขาตอนนี้รู้สึกอึดอัดไม่น้อย ที่แผนการปั่นหัวสาวน้อยเริ่มสมจริงมากเกิน ไปแล้ว
แต่ทว่าเมื่อเดินมาถึงโต๊ะชานนท์ต้องชะงัก เอรินไม่ได้นั่งรอเขาอยู่อย่างที่คิด แต่กลับมีแค่โทรศัพท์มือถือของหล่อนวางไว้ เขาหยิบใส่กระเป๋าแล้วเหลียวมองหา
“หายไปไหนของเขานะ”
ชานนท์กระวนกระวาย พอหันมาสบตาสาวลูกครึ่งข้างกายก็แกะมือหล่อนออก “ขอบคุณนะชาลี คุณเต้นเก่งมากและผมสนุกมาก แต่วันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน”
“เหนื่อยแล้วหรือคะ นี่เพิ่งสามทุ่มครึ่งเอง ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ”
“พอแล้วละ ผมทิ้งแฟนไว้นาน ตอนนี้เธอคงงอนหายไปไหนแล้วไม่รู้ ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน”
ชานนท์แกะมือนุ่มนิ่มออกด้วยความเกรงใจ ใช่ เขาจงใจใช้ชาลีเป็นเครื่องมือแกล้งเอรินจนลืมนึกถึงจิตใจของหล่อนไป เขาไม่คิดด้วยว่าจู่ๆ เจ้าหล่อนจะหายตัวไปแบบนี้ ทำเอาคนแกล้งเป็นห่วงเสียเอง พานไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนุกต่อกับใครอีกทั้งนั้น
“ก็ได้ค่ะ ฉันเข้าใจ” ชาลีเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ยอมปล่อยแขนชายหนุ่มโดยดี
“วันนี้ฉันก็สนุกมาก ขอบคุณคุณเหมือนกันนะคะ อันที่จริงฉันแอบรู้สึกผิดนิดหน่อย แฟนคุณดูท่าจะหวงคุณน่าดู ฉันแอบเห็นเธอหึงคุณ ดื่มเอาๆ ป่านนี้คงเมาแย่แล้ว คุณรีบไปตามเธอล่ะ...บายนะคะ”
ชาลีส่งจูบให้อย่างเย้ายวนใจแล้วเดินจากไป
ตอนนั้นเองชานนท์ละสายตาจากสาวสวยชาลีหันมาเรียกพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมาพอดี
“น้องๆ เห็นผู้หญิงที่มากับผมหรือเปล่า เอ่อ ตัวเล็กๆ มีผมหน้าม้าแค่นี้ แก้มกลมๆ ผูกเปียหางเดียวสูงๆ”
“ที่หน้าตาน่ารักๆ ตาโตๆ ใส่เสื้อคลุมสีขาวกางเกงขาสั้น...”
“ใช่ๆ แฟนผมเอง เห็นไหม”
ชานนท์ถามรัวเร็ว แต่พนักงานเสิร์ฟกลับอึกอัก ชานนท์เลยถอนหายใจใส่ก่อนจะควักธนบัตรสีแดงสามใบยื่นให้เป็นสินน้ำใจ พนักงานเสิร์ฟรีบยกมือไหว้ขอบคุณ รับมาใส่กระเป๋ากางเกงอย่างไวก่อนตอบว่า
“ผมเห็นเธอคุยกับผู้ชายคนนึงท่าทางสนิทสนม ก็เลยนึกว่ามาด้วยกันกับพวกคุณ”
“ฮะ! ผู้ชายที่ไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปทางไหน”
“ไปทางโน้นได้พักนึงแล้วครับ รู้สึกจะอยู่ร้านดำน้ำแถวท่าเรือนะถ้าจำไม่ผิด” พนักงานเสิร์ฟชี้ไปทางหนึ่งแล้วส่ายหน้าพลางชี้ไปอีกทางท่าทางครุ่นคิด
“ทางไหนแน่!” ชานนท์ตะคอกซ้ำ เริ่มรู้สึกถึงอันตรายที่เด็กสาวจะได้รับ
พนักงานเสิร์ฟตกใจเสียงชานนท์ ชี้บอกได้ทันที ชานนท์จึงไม่รีรอจ่ายค่าอาหารทั้งหมดบนโต๊ะกับพนักงานเสิร์ฟคนนั้นด้วยธนบัตรสีเทา แล้ววิ่งออกจากร้านไปไม่คิดชีวิต
ในเวลาเดียวกันนั้น ชีวินเพิ่งประคองร่างบอบบางของเอรินที่ยังพอมีสติอยู่บ้างมาถึงรถเอทีวีของเขา แต่พอขึ้นนั่งประจำที่คนขับเพื่อสตาร์ตรถ เอรินซึ่งนั่งซ้อนท้ายทำท่าจะไหลตกรถท่าเดียว เดือดร้อนชีวินต้องประคองสาวด้านหลังไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างบึ่งรถออกจากที่จอดไปสภาพทุลักทุเล
“เฮ้! รอเดี๋ยว เอริน! เดี๋ยว”
ชานนท์วิ่งตามออกมาจากร้านทั้งตะโกนเรียก แต่ไม่ทัน ได้แต่เตะลมแล้งระบายอารมณ์
“ทำไงดีวะ” ชายหนุ่มสบถ มองซ้ายมองขวา จนเจอเป้าหมายขับผ่านมาพอดี “คุณ! หยุด หยุดก่อน...ผมอยากจะขอเช่าเอทีวีของคุณ”
“อะไรนะ!” ชายต่างชาติผมทองถามกลับเป็นภาษาอังกฤษ
“เอานี่...เอาเงินไปเลยแล้วเอารถมาเร็วๆ” ชานนท์ผลักอีกฝ่ายลงจากรถคันนั้นแล้วล้วงหยิบธนบัตรสีเทาหลายใบใส่มือ
“เฮ้!! อะไรกันคุณ นี่รถผมเช่ามานะ”
ชานนท์ไม่ฟังความ ขึ้นไปนั่งแทนที่เรียบร้อยก็ก้มศีรษะให้แทนคำขอร้องแกมขอโทษหลายต่อหลายครั้ง “ขอโทษจริงๆ ช่วยผมสักครั้งเถอะนะ นี่นามบัตรผม อ้อ นามบัตรรีสอร์ตด้วย ผมพักอยู่ที่วิลลาบนเนินเขาคุณค่อยไปเอารถคืนพรุ่งนี้แล้วกัน”
ชานนท์กำชับชายเจ้าของรถ ที่ได้แต่ยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกมองธนบัตรไทยในมือหลายใบเป็นค่าที่ถูกฉกรถไปต่อหน้าสลับกับนามบัตรของชานนท์และรีสอร์ตที่พักอย่างงงๆ
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ม.ค. 2563, 21:16:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ม.ค. 2563, 21:16:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 504
<< บทที่ 25 -100% | บทที่ 26 -100% >> |